อธิษฐานสลับรัก
ณิชารีย์ สาวอวบเกินพิกัด เธอทำงานอยู่ในบริษัทกาแฟลดน้ำหนักที่มีแต่สาวๆ หุ่นดี ผอมเพรียวด้วยกันทั้งนั้น
ขณะที่เธอกับเพื่อนซี้ เป็นจุดด้อยของบริษัท
วันหนึ่งเมื่อเพื่อนรัก ชวนกันไปที่ศาลเจ้าแม่มุ่ยเฮียง
คำอธิษฐานแบบส่งๆ ทำให้เกิดเรื่องวุ่นๆ ขึ้น เธอกลายเป็นสาวสวยหุ่นดี
พรแบบพิลึกๆ จะช่วยทำให้เธอได้พบกับเนื้อคู่ตัวจริงได้หรือไม่ มาลองลุ้นกัน
ขณะที่เธอกับเพื่อนซี้ เป็นจุดด้อยของบริษัท
วันหนึ่งเมื่อเพื่อนรัก ชวนกันไปที่ศาลเจ้าแม่มุ่ยเฮียง
คำอธิษฐานแบบส่งๆ ทำให้เกิดเรื่องวุ่นๆ ขึ้น เธอกลายเป็นสาวสวยหุ่นดี
พรแบบพิลึกๆ จะช่วยทำให้เธอได้พบกับเนื้อคู่ตัวจริงได้หรือไม่ มาลองลุ้นกัน
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่ ๖ ผู้หญิงชุดแดง
บทที่ ๖ ผู้หญิงชุดแดง
มาลงต่อแล้วนะคะ ช่วงที่แล้ว เกิดวุ่นวายนิดหน่อยค่ะ กำลังจัดระเบียบชีวิตอยู่ แหะๆ นิยายก็อยากเขียน ออกกำลังกาย ก็อยากทำ แต่เดือนธันวาคม ช่างเหมาะกับการนอนตีพุงมั่กๆ
ณิชารีย์กะพริบตาและมองไปรอบห้องที่บัดนี้ปิดไฟมืด นาฬิกาที่มีพรายน้ำตรงข้อมือบอกว่า ตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มแล้ว และนั่นทำให้สาวแอคทีฟอย่างหล่อนตกใจเป็นอันมาก หล่อนไม่เคยนอนหลับนานอย่างนี้มาก่อนยิ่งนอนจนพระอาทิตย์ตกดินยิ่งไม่เคย
หญิงสาวจำได้ว่า ตอนที่นอนดูทีวีเพิ่งจะสิบโมงเท่านั้น แสดงว่า หล่อนหลับข้ามมื้อกลางวันและมื้อเย็น ท้องไส้เริ่มประท้วงเมื่อไม่มีอาหารตกถึงท้องเป็นเวลาหลายชั่วโมง ป่านนี้พยาธิในท้องคงกำลังเดินขบวนเนื่องจากไม่ได้รับความยุติธรรมแน่ๆ
สิ่งแรกที่หญิงสาวทำคือ ลุกขึ้นไปเปิดตู้เย็น ความมืดทำให้หล่อนต้องปรับสายตาอยู่ครู่หนึ่งกว่าจะคลำไปถึง อาการคอแห้งเหมือนเดินอยู่กลางทะเลทรายทำให้กระหายน้ำเป็นพิเศษ จึงหยิบขวดขึ้นมาดื่ม แต่พอมองมือตนเอง หล่อนก็ต้องอ้าปากค้าง
เกิดอะไรขึ้นกับมืออวบอิ่มของหล่อน เนื้อป้อมๆ ตรงข้อนิ้วและรอบข้อมือหายไปไหนหมด หญิงสาวขยี้ตาซ้ำ ชูมืออีกข้างขึ้นมาดูแต่แล้วก็ต้องตกใจสุดขีด หล่อนพลิกดูมือทั้งคู่ราวกับเป็นของประหลาด
ณิชารีย์คิดว่า ตนเองต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ หรือไม่สมองก็อาจจะสั่งการไม่เป็นปกติ จึงเห็นมืออวบอิ่มกลายเป็นมือเรียว นิ้วบอบบางเหมือนกับที่เคยเห็นในโฆษณาโลชั่นทามือตามห้างสรรพสินค้า เล็บตัดเจียนอย่างสะอาดสะอ้าน แถมยังทาสีเคลือบไว้อย่างงดงามอีกด้วย
หล่อนพาตัวเองไปที่กระจกเป็นอันดับแรก พอเห็นเงาสะท้อนก็ร้องกรี๊ดออกมา ด้วยความตกใจกลัวเพื่อนข้างห้องจะออกมาดูจึงรีบเอามือตะครุบปากเอาไว้
ผู้หญิงคนนี้อีกแล้ว....หรือว่า หล่อนจะเป็นวิญญาณที่มาสิงร่างเหมือนกับที่หญิงสาวเคยอ่านจากในนิยายที่ตีพิมพ์ในนิตยสารฉบับหนึ่ง
มือลูบไปที่คอและพบว่า สร้อยพระที่มารดาให้มาปกป้องคุ้มครองยังคงอยู่ ถ้าผีสิงหล่อนจริง แล้วจะใส่สร้อยพระอยู่ได้ยังไง...
ณิชารีย์ลองลูบไปที่เอวแล้วก็ต้องตกใจ หน้าท้องแบนราบ ไม่มีไขมันสักนิด สะโพกเพรียวกำลังดี ขาสองข้างกระชับไม่มีเซลลูไลท์ให้รำคาญตา ผู้หญิงที่ยืนอยู่หน้ากระจกตอนนี้ดูงดงามราวกับนางฟ้า หล่อนลูบเส้นผมที่นุ่มเนียนดุจแพรไหม แล้วก็สะดุ้ง
เส้นผมนี้ไม่เหมือนของหล่อน ที่สากและแตกปลาย แต่กลายเป็นผมสุขภาพดี สีผมดกดำราวกับขนนกกาน้ำบ่งถึงว่า เจ้าตัวคงดูแลรักษาร่างกายอย่างดีเยี่ยม คิ้วโก่งสวยกันแต่งได้รูป จมูกโด่ง มีเพียงส่วนเดียวที่ยังคงคล้ายณิชารีย์คนเดิมนั่นก็คือ ดวงตา หล่อนอ้าปากค้างมองเงาสะท้อนในกระจก ลองอุดจมูกดูและพบว่า ตัวเองยังอึดอัด...
หล่อนลองตบหน้าตัวเองอย่างแรง ผลก็คือ เจ็บ แถมยังเกิดรอยแดงปื้นใหญ่ตรงข้างแก้ม
นี่ไม่ใช่ฝันแน่ แต่คือ เรื่องจริง ใครจะฝันเหมือนเดิมสองครั้งแถมยังเหมือนกันเปี๊ยบ เกิดอะไรขึ้นกับณิชารีย์คนเดิมและผู้หญิงที่ยืนอยู่หน้ากระจกนี้เป็นใคร ส่วนลึกก็ดีใจเพราะว่า หล่อนกลายเป็นคนสวย ที่สำคัญคือ หุ่นดี แล้วสาวอ้วนล่ะจะหายไปจากโลกนี้ตลอดกาลเลยหรือเปล่า วูบหนึ่งที่หญิงสาวคิดถึงอาแป๊ะคนเดิม
“หนูอยากผอม”
หญิงสาวเบิกตากว้าง กระโดดตัวลอย นี่หมายความว่า พรที่หล่อนขอเป็นจริงแล้วใช่ไหม ณิชารีย์วิ่งไปหยิบโทรศัพท์เป็นอย่างแรก หล่อนกดเบอร์ลำดวนมือไม้สั่น ปลายสายเรียกซ้ำๆ แต่สุดท้ายก็ถูกกดตัดสาย หล่อนนึกถึงคำที่เพื่อนพูด
“ไม่ต้องโทรหาฉันนะ เพราะฉันกำลังยุ่ง คงไม่มีเวลารับโทรศัพท์”
ลำดวนอาจจะออกไปเหล่หนุ่มฝรั่งที่ผับประจำหรือไม่ก็ออกไปที่ถนนข้าวสาร ก็เป็นได้ หญิงสาวรีบกดโปรแกรมในโทรศัพท์เพื่อหาตำแหน่งของเพื่อนสาว ทั้งคู่ได้ลงทะเบียนไว้เผื่ออีกฝ่ายมีเรื่องด่วนและต้องตามหาตัว
ทำยังไงดี ณิชารีย์เก็บความดีใจนี้ไว้ไม่ไหว หล่อนต้องการพบลำดวนโดยเร็วที่สุด หล่อนไม่รู้ว่า พรนี้จะอยู่อีกนานแค่ไหน และจะส่งผลอะไรต่อชีวิตประจำวันของหล่อนหรือเปล่าแต่เมื่อได้มาแล้ว หญิงสาวต้องใช้ให้คุ้ม เสียงกริ่งหน้าห้องทำเอาเจ้าตัวสะดุ้งจึงรีบวิ่งไปดู ป้าพวงนั่นเองที่นำชุดที่แก้เสร็จเรียบร้อยแล้วมาส่ง
หญิงสาวยืนลังเลที่ประตูจนกระทั่งได้ยินเสียงเรียก
“หนูนิดจ้ะ ป้าเอาชุดที่แก้เสร็จแล้วมาให้จ้ะ”
ป้าพวงพูดย้ำ ในที่สุดณิชารีย์จึงตัดสินใจเปิดประตูออกไป พอเห็นหล่อนป้าช่างซ่อมเสื้อก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง
“ป้ามาหาหนูนิด อยู่ไหม”
“เอ่อ...” ณิชารีย์อึกอัก ยังไม่เคยรับมือสถานการณ์แบบนี้จึงไม่รู้จะโกหกยังไง แต่หลักฐานตำตาก็คือ ชุดอยู่กับบ้านลายหมีพูห์ตัวโคร่งที่กำลังสวมอยู่ตอนนี้ต่างหาก หล่อนต้องเอามือจับเอวกางเกงไว้ไม่ให้หลุดเวลาเดิน
“นิดเอ่อ...ไม่อยู่”
“ไม่อยู่ได้ยังไง ก็วันนี้คุณนิดบอกว่า อยู่ห้องทั้งวัน แล้วนี่คุณเป็นใคร”
“หนูเอ่อ...เป็นเพื่อนหนูนิด เพิ่งมาจากต่างจังหวัด”
คำโกหกสดๆ ร้อนๆ ที่หญิงสาวเพิ่งคิดขึ้นได้แต่พอเห็นสายตาที่มองมาอย่างจับผิดของป้าพวงก็อดขาสั่นไม่ได้ ส่วนลึกบอกตัวเองว่า หล่อนไมได้ทำอะไรผิด ป้าพวงคงกลัวว่า หล่อนจะเข้ามาขโมยของถึงได้ทำตาขวางๆ แบบนี้
“อ๋อแล้วไป ถ้างั้นป้าฝากชุดไว้ให้หนูนิดด้วยนะ”
“ได้ค่ะ ไว้จะบอกให้”
ป้ายังคงยืนอยู่หน้าห้องไม่ยอมไปไหน พร้อมกับแบมือออกมา ณิชารีย์เพิ่งนึกขึ้นได้ หล่อนรีบกลับเข้ามาในห้องและหยิบเงินออกมา
“นี่ค่ะค่าซ่อมชุด ป้าไม่ต้องทอนนะคะที่เหลือเป็นทิป”
หญิงสูงวัยตาโตเมื่อเห็นจำนวนเงินและรีบตะครุบ ก่อนจะเอ่ยเสียงหวาน
“หนูนี่นอกจากสวยแล้วยังใจดีอีกนะ ไม่เห็นเหมือนหนูนิด รายนั้นนะเค็มอย่างกับอะไรดี”
ณิชารีย์อ้าปากค้าง ลมออกหู มองป้าพวงด้วยสายตาดุดัน
“นิดนะหรือคะเค็ม ป้าพูดผิดพูดใหม่ได้นะคะ อย่างครั้งที่แล้วที่นิดเอาชุดไปแก้ ก็ยังให้ทิปป้าไปตั้งสองร้อยเลย”
ป้าพวงเบิกตากว้างมองสาวสวยตรงหน้า เอ่ยเสียงอ่อย
“อ้าว หนูทำไมถึงรู้”
“ก็นิดเล่าให้หนูฟังสิคะ เราสองคนไม่เคยมีความลับต่อกัน” ณิชารีย์ในร่างคนสวยส่งสายตาคาดโทษไปให้ ป้าพวงจึงยิ้มแหย๋ๆ
“แหม ป้าก็แค่พูดเล่นน่ะ หนูนิดก็น่ารักดี แต่เสียดายอวบไปหน่อย ไม่เหมือนหนูที่ทั้งสวย ทั้งหุ่นดี นี่ถ้าแมวมองมาเห็นรับรองว่า ไปเป็นนางเอกได้สบายๆ นี่ก็ค่ำแล้วป้าขอตัวกลับห้องก่อนนะ อย่าลืมบอกหนูนิดด้วยนะว่า ป้าเอาชุดมาส่งแล้ว อ้อ...ชุดของหนูถ้าหลวมเกินไปจะฝากป้าแก้ก็ได้นะ ป้าทำได้ทุกอย่างล่ะจ้ะ ทั้งตัดชุด ซ่อม แก้เข้าแก้ออก ราคากันเองนะจ้ะ ห้องป้าอยู่ชั้นสิบสี่นะถามหนูนิด เขารู้ดี”
ร่างอวบเดินผิวปากจากไปพร้อมเงินในมือ ปล่อยให้ณิชารีย์ในคราบคนสวยยืนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน
หล่อนแค่นเสียงผ่านริมฝีปาก
“ป้าพวงนะ พอลับหลังเราก็นินทาเชียวนะ รู้งี้ไม่ให้ทิปดีกว่า มาว่า เราอ้วนเค็มเจอหน้าเมื่อไหร่จะเล่นงานให้หนักเลยคอยดู”
หลังจากบ่นเสร็จหญิงสาวก็ก้มมองชุดเดรสสีแดงเพลิงในมือ และตอนนั้นเองความคิดดีๆ ก็ผุดขึ้น...
“ไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยเถอะวะไอ้คุณโปรด”
เป็นเรื่องปกติที่อีกฝ่ายมักจะเรียกเขาด้วยสรรพนามที่มีทั้งคำว่า ‘ไอ้’ ซึ่งแสดงความสนิทชิดเชื้อ ขณะเดียวกันก็ควบคำว่า ‘คุณ’ ควบคู่ไปด้วย ทั้งสองสนิทกันเพราะสมัยเรียนเคยเตะบอลด้วยกันทุกวัน เมื่อเพื่อนซี้ที่ลงทุนมาอ้อนวอนหม่อมราชงศ์อติกันต์ถึงที่ห้องยกมือขึ้นมาโอบบ่าพร้อมชักแม่น้ำทั้งห้ากับเหตุผลสารพัด เรื่องมีอยู่ว่า วันนี้เป็นคืนวันเสาร์ เขาบังเอิญมีนัดกับสาวสวยคนหนึ่ง แต่ติดที่ว่า เจ้าหล่อนมักจะชวนเพื่อนในกลุ่มมาด้วย สาวๆ ทั้งหมดทำงานกับเป็นทีมคอยกันทำให้พีรดนต์ทำอะไรไม่ค่อยถนัด จึงอยากได้ใครสักคนที่จะมาดึงดูดความสนใจ และตัวเลือกที่ลงตัวที่สุดก็คงไม่แคล้วทันตแพทย์หนุ่ม
“พอเลยไอ้พี นายก็รู้ว่า ฉันไม่ชอบเที่ยวกลางคืน”
สิ่งที่อติกันต์เกลียดที่สุดคือ สถานที่ซึ่งมีอบายมุข คุณชายหนุ่มเติบโตมาในครอบครัวที่เคร่งครัด มารดาเคยสอนเสมอว่า เกิดเป็นคุณชาย และมีศักดิ์เป็นถึงหม่อมราชวงศ์ต้องรู้จักให้เกียรติผู้หญิง และสถานที่อโคจรไม่ควรเข้าไป แต่เพราะพีรดนย์คือ เพื่อนซี้สมัยเรียนก็ได้เพื่อนคนนี้คอยช่วยกันสาวๆ ไม่ให้มาวอแว
“ฉันรู้ แต่ที่นี่ไม่เหมือนที่อื่นนะโว้ย ถึงจะเป็นผับ แต่ก็เป็นผับผู้ดีดื่มกินกันอย่างสงบ ไม่มีหรอกไอ้พวกขี้เมาลุกขึ้นมาเต้นโวยวาย ฉันก็แค่อยากเจอน้องฝน แต่ติดที่เธอชอบพาเพื่อนมาด้วย ทั้งคุณนุ้ยเอย คุณจ๋าเอย สองคนนั้นคอยกันท่าแค่ไหนแกก็รู้”
“ถ้าไม่ดื่มงั้นทำไมไม่นัดที่ร้านอาหารละวะ จะไปผับให้เสียสตางค์ทำไม”
“ก็น้องฝนเธออยากผ่อนคลาย ไอ้ฉันก็อยากเจอเธอใจจะขาด ถือเสียว่า ช่วยเพื่อน นะไอ้คุณชายโปรด”
“ฉันไม่ชอบ นายไปชวนติณเถอะ” ติณภพคือ เพื่อนซี้อีกคน สามหนุ่มเรียนจบมหาวิทยาลัยเดียวกัน ขณะที่อติกันต์เป็นทันตแพทย์ ส่วนพีรดนย์นั้นจบวิศวะ เพื่อนรักคนสุดท้ายเรียนด้านนิติศาสตร์ ตอนนี้รับราชการ
“มันไปราชการต่างจังหวัด กว่าจะกลับก็อาทิตย์หน้า แต่น้องฝนอยากเจอฉันวันนี้”
“สรุปว่า นายอยากเจอ หรือน้องฝนอยากเจอกันแน่วะเนี่ย ถึงได้ลากฉันไปเป็นไม้กันหมาแบบนี้”
เป็นไม้อย่างเดียวอติกันต์ไม่เดือดร้อน แต่เพราะสองสาวที่มีชื่อเล่นว่า นุ้ยกับจ๋า ต่างมือไม้เป็นปลาหมึก ถึงหม่อมราชวงศ์อติกันต์จะเป็นผู้ชาย แต่เขาก็ชอบเป็นผู้รุกมากกว่ารับ ยิ่งถูกสองสาวแทะโลมด้วยสายตาก็ยิ่งรู้สึกอึดอัด
“หรือว่า นายไม่เห็นแก่มิตรภาพของเราเลย ถ้างั้นฉันไปคนเดียวก็ได้”
เพื่อนรักคงรู้จุดอ่อนของหม่อมราชวงศ์หนุ่มที่ค่อนข้างขี้เกรงใจ จึงยกไม้นี้ขึ้นมาขู่ เขาไม่มีทางเลือกนอกจาก
“อะไรวะ แค่นี้ต้องน้อยใจด้วย หัวก็ไม่ล้านสักหน่อย”
“นายไม่อยากไปก็แล้วแต่เถอะ ปล่อยให้ฉันอกหัก รักคุดไปแบบนี้ล่ะ ถือเสียว่า เราสองคนไม่ได้สนิทกัน”
อติกันต์ใจฝ่อ แม้รู้ว่า เพื่อนรักแกล้งตีหน้าเศร้า แต่ก็อดสงสารไม่ได้ สาวชื่อ น้ำฝนนั้นเป็นคนสุภาพเรียบร้อย นิสัยต่างกับเพื่อนในกลุ่ม พีรดนย์ตามจีบหล่อนมาหลายเดือนแล้ว ทั้งคู่เหมาะสมกัน
“เอ้า ฉันไปก็ได้ แต่นายต้องรับปากมาก่อนว่า ต้องกลับเที่ยงคืน พรุ่งนี้ฉันต้องเปิดคลินิกแต่เช้า ขืนเที่ยวดึกมีหวังสัปปะหงกแน่”
“อะไรวะ ไปผับกลับเที่ยงคืน ตีหนึ่งก็แล้วกัน”
“เที่ยงคืนขาดตัว ไม่อย่างนั้นนายไปหาคนอื่นเถอะ ฉันง่วงนอน”
ราชนิกุลหนุ่มเปลี่ยนชุดนอนเสร็จเรียบร้อยแล้ว และกำลังจะเข้านอน แต่แล้วเพื่อนสนิทก็มาเคาะกดกริ่งหน้าห้อง
“เที่ยงคืนครึ่ง แล้วกัน พบกันคนละครึ่งทาง”
“งั้นตกลงตามนี้ ฉันไปเปลี่ยนเสื้อก่อน นายรอเดี๋ยวนะ”
“เอารถไปคนละคันนะไอ้คุณชาย เผื่อน้องฝนให้ฉันไปส่งบ้าน จะได้ไม่ลำบาก”
อติกันต์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ มองเพื่อนรักที่ผิวปากอย่างอารมณ์ดี เขาโบกไม้โบกมือเป็นทำนองไล่ เพื่อนซี้จึงเดินออกไปนั่งรอตรงโซฟาแทน เขารีบเปลี่ยนเสื้อเป็นโปโลสีเรียบกับกางเกงยีน และไม่วายนำแว่นตากรอบดำขึ้นมาใส่ด้วย
“เฮ้ย ไอ้คุณชาย นายใส่แว่นอีกทำไมวะ ดูแก่ชะมัด”
“ก็ฉันชอบนี่นา ดูขรึมดี คนจะได้ไม่ต้องมาวุ่นวาย”
“กลัวหล่อเกินไปงั้นสิ น่าอิจฉาจริงๆ เลยวุ้ย ไอ้คนหน้าตาดีเว่อร์ เป็นฉันหน่อยไม่ได้ จะเดินอวดสาวตั้งแต่ต้นซอยยันท้ายซอยเลย” พีรดนย์พูดกลั้วหัวเราะ
“ใครจะเหมือนอย่างนายล่ะ ฉันไม่ชอบเรื่องยุ่งยากโว้ย ผู้หญิงยิ่งมากคนก็ยิ่งวุ่นวาย ปวดหัวตายชัก” อติกันต์พูดติดตลก
“หรือว่า แกจะเป็นอีแอบอย่างที่เพื่อนๆ เขาพูดกันวะไอ้คุณชาย จนป่านนี้ถึงยังไม่มีแฟนสักที”
อติกันต์ชกบ่าเพื่อนอย่างแรงจนเซไป เขาชักสีหน้าบึ้ง
“ไอ้พี ขืนพูดอีกคำ ฉันเปลี่ยนกลับเป็นชุดนอนจริงๆ ด้วย นายว่า ใครเป็นเกย์บอกมา”
พีรดนย์ยื้อบ่าเพื่อนรัก ซบหน้าบนไหล่ทำสีหน้าทะเล้น
“อ่ะล้อเล่น นายไม่ใช่เกย์แน่นอน ดุอย่างกับหมาแบบนี้”
ชายหนุ่มชกเพื่อนรักที่หัวไหล่อย่างแรง ปั้นหน้าเคร่งเครียด
“ลามปามเกินไปแล้ว กล้าว่าเพื่อนเป็นหมาหรือ”
พีรดนย์ประนมมือไหว้ แสร้งคุกเข่า ประนมมือท่วมหัว และลงไปคลานบนพื้น
“อย่าประหารกระหม่อมเลยนะพระเจ้าข้า กระหม่อมโทษหนัก ควรตายสถานเดียว แต่เห็นแก่ที่กระหม่อมเป็นสัตว์หายาก ควรอนุรักษ์เอาไว้ชั่วลูกชั่วหลาน”
“บ้าจริงไอ้พี เล่นไม่เข้าเรื่อง ตกลงจะไปไหม”
“ไปสิครับคุณชายโปรด แค่นี้ต้องทำเสียงเครียดด้วย กระหม่อมกลัวจนหัวหดแล้ว”
อติกันต์เดินไปหยิบกุญแจกับกระเป๋าสตางค์ เขาปล่อยให้เพื่อนรักเดินออกไปก่อนส่วนตัวเองก็ปิดล็อกห้อง ตอนที่เดินไปถึงหน้าลิฟต์ราชนิกุลหนุ่มก็ได้เจอกับผู้หญิงคนนั้น...
ณิชารีย์ไม่เคยรู้สึกประหม่ายามอยู่ต่อหน้าผู้คนมาก่อน แต่วันนี้เป็นครั้งแรก มือสั่นยามยื่นมือไปกดลิฟต์ ระหว่างที่มองตัวอักษรที่เลื่อนขึ้นมาอย่างช้าๆ ช่างทรมาน การรอคอยเพียงเสี้ยววินาทีแต่กลับรู้สึกเหมือนชั่วกัลป์ชั่วกัลป์ ไม่ใช่เพราะผู้ชายหน้าตี๋ที่ยืนส่งยิ้มหวานคนนี้หรอก แต่เป็นเพราะหนุ่มร่างสูงอีกคนที่เดินตามมา นัยน์ตาคมกล้าประดุจเหยี่ยวคู่นั้นทำให้หญิงสาวรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นกระต่ายน้อยที่ตื่นกลัวเพราะถูกนายพรานตามล่า...
อติกันต์ไม่มีทางจำหล่อนได้แน่ ในเมื่อตอนนี้หญิงสาวอยู่ในสภาพใครอีกคนที่แม้แต่ตัวหล่อนเองยังแทบจำไม่ได้ด้วยซ้ำ ใบหน้ารูปไข่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอาง รองพื้นเชดกำลังพอดีกับอายแชโดว์แบบสโมกกี้อายทำให้หล่อนดูสวยเฉี่ยว อายไลน์เนอร์ที่กรีดจนคม ผนวกกับมาสคาร่าที่ปัดบนขนตา ชุดเดรสสีแดงมาทันเวลาพอดี เมื่อรวมกับถุงน่องและรองเท้าส้นสูงทำให้หล่อนดูสวยราวกับนางแบบบนแคทวอล์ค หญิงสาวแอบได้ยินผู้ชายที่เดินนำหน้าซุปซิบกับเพื่อนร่วมชั้นของหล่อน
“นั่นใครวะ โปรด สวยชิบหาย หุ่นดีโคตรๆ”
แก้มสองข้างแดงระเรื่อ นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่มีคนชม นอกจากคำชมจากพริตาที่ว่า นิดเก่งมาก พี่ชอบไอเดียของนิดจริงๆ ถ้าจะบอกให้ถูกก็คือ เป็นคำชมเกี่ยวกับรูปร่างครั้งแรกในชีวิต ถามว่า รู้สึกดีไหม ณิชารีย์ตอบได้ในทันทีว่า ดีมาก
นี่ล่ะคือ สิ่งที่หล่อนโหยหามาชั่วชีวิต แววตาของคนอื่นที่มองอย่างชื่นชม ไม่ใช่คำค่อนแคะว่า หล่อนอ้วนเป็นตุ่มต่อขาบ้าง ชุดปลิ้นไปบ้าง แต่เป็นสายตาที่กวาดมองราวกับจะทะลุทะลวง สิ่งที่ณิชารีย์ทำคือ เชิดหน้าขึ้น แสร้งมองไปที่ตัวเลขบนลิฟต์ทั้งที่หางตาแอบเหล่มองสองหนุ่ม
“ไม่รู้ว่ะ ไม่รู้จัก”
อติกันต์ตอบเสียงเนือย เขาเป็นฝ่ายหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและจ้องหน้าจอราวกับว่า จะมีของมีค่าผุดขึ้น ทำไมเขาถึงทำอย่างนั้นหรือว่า เขาไม่ชอบผู้หญิง
“อะไรวะ ก็อยู่ชั้นเดียวกันไม่รู้จักได้ยังไง”
“ไม่รู้ก็ไม่รู้สิวะ นายอยากรู้จักก็ถามเขาเองสิ ฉันไม่เกี่ยว อย่ามายุ่งคนจะเล่นเกม”
ชายหนุ่มกดปุ่มเกมส์ในโทรศัพท์ขึ้นมา มันคือ เกมยอดฮิตที่เรียกว่า โปเกมอน โก ที่ตอนนี้คนทั่วกรุงเทพฯ ต่างติดกันเป็นบ้าเป็นหลัง ณิชารีย์แอบสังเกตเห็นว่า เขาอยู่เลเวลเดียวกับหล่อน หญิงสาวก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบเล่นเกมค่าเวลา แต่มันแปลกไหม แทนที่ชายหนุ่มจะจ้องมองผู้หญิงสุดเซ็กซี่ กลับหันไปสนใจเจ้าจอสี่เหลี่ยมเสียนี่
“ลงชั้นหนึ่งหรือเปล่าครับ”
ชายหนุ่มที่มีท่าทางเจ้าชู้กว่า ส่งยิ้มหวานเป็นใบเบิกทาง สายตาแบบนี้ รอยยิ้มแบบนี้ล่ะ ที่หล่อนเคยแอบอิจฉาศรัญรัชต์มาตลอด น่าเสียดายที่มันมาจากผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่ปกรณ์ ป่านนี้เขาจะอยู่ที่ไหน วูบหนึ่งที่ณิชารีย์อยากจะตรงไปเคาะประตูห้องชายหนุ่ม หากเขาเห็นหล่อนในสภาพนี้ ศรัญรัชต์ก็เถอะอาจต้องชิดซ้าย
“ใช่ค่ะ” หล่อนตอบอย่างสงวนท่าที มือไม้พลันรู้สึกเกะกะ ตายังไม่วายแอบสำรวจชายหนุ่มข้างห้อง เขายังคงก้มหน้าเล่นเกมเหมือนเคย
“บังเอิญจังนะครับ ผมก็กำลังจะลงชั้นหนึ่งเหมือนกัน”
ลิฟต์เปิดออกพอดี ร่างบางจึงก้าวเข้าไปด้านใน หล่อนเลือกยืนอยู่มุมในสุดปล่อยให้สองหนุ่มคนกดปุ่ม ลิฟต์เคลื่อนลงสู่ชั้นล่าง ขณะที่ภายในเต็มไปด้วยความเงียบ ชายหนุ่มที่ดูขี้เล่นพูดขึ้น
“เดี๋ยวพอไปถึง แกเอารถไปจอดข้างหลังก่อนก็ได้นะ พอดีฉันมีที่จอดพิเศษในฐานะสมาชิก เราสองคนค่อยเจอกันข้างใน”
ณิชารีย์หูผึ่งเมื่อคิดถึงว่า สถานที่พูดออกมา คือ ที่เดียวกับที่หล่อนกำลังจะไป จะแปลกอะไรในเมื่อมันคือ สถานที่เที่ยวติดอับดับของกรุงเทพฯ ในตอนนี้ ร้านอาหารกึ่งผับ มีวงดนตรีเล่น ตกกลางคืนก็เปิดฟลอร์ให้เต้นรำ และมีวงดนตรีผลัดเปลี่ยนกันทุกสองชั่วโมง หล่อนเคยไปกับลำดวนครั้งหนึ่งแต่รู้สึกลำบากกับความอึกทึกของสถานที่ ทุกครั้งที่สาวอวบอย่างหล่อนเยื้องย่างเข้าไปก็ต้องพบเจอกับการดูถูกและสายตาดูแคลน
“เออ รู้แล้ว ยังไม่ทันไรทิ้งเพื่อนเลย”
“แหมไอ้โปรด แค่นี้น้อยใจไปได้ ยังไงฉันก็รักนายที่สุดรู้ไหม สาวๆ คนไหนก็สู้นายไม่ได้”
ท่าทางที่แกล้งจีบไม้จีบมือทำดีดสะดิ้งทำเอาณิชารีย์แอบหรี่ตามองอย่างจับผิด ชายหนุ่มที่แต่งกายด้วยเสื้อสีฟ้าโอบบ่าอติกันต์เอาไว้ เขาเบี่ยงหน้าหลบเมื่ออีกฝ่ายเอียงหน้าเข้ามาหอม
“เฮ้ย ไอ้พี อย่าเล่นบ้าๆ นะโว้ย”
“บ้าอะไร มากกว่านี้ก็เคยมาแล้ว นายยังเคยปล้ำฉันด้วย”
คราวนี้ณิชารีย์อ้าปากค้าง เผลอตะลึงมองชายหนุ่มสองคน อติกันต์หน้าแดงก่ำ เขาเอื้อมมือไปกดปุ่มในลิฟต์
“ขืนพูดบ้าๆ ฉันกลับ”
“ล้อเล่นน่า ไอ้โปรด ไม่พูดแล้วก็ได้ เดี๋ยวคุณผู้หญิงจะตกใจจริงไหมครับ เราสองคนเป็นเพื่อนซี้กันครับ แต่เรื่องลึกซึ้งกันถึงไหนต่อไหน อย่าฟังเลยครับจะพาลเป็นลมเสียเปล่าๆ”
ประตูลิฟต์เปิดพอดี อติกันต์ก้าวนำไปก่อนตามด้วยหนุ่มที่ชื่อเล่นว่า พี เดินตามไป ณิชารีย์มองคนทั้งคู่จากด้านหลัง และเห็นว่า อีกฝ่ายโอบไหล่ ขณะที่อีกคนก็ผลักมือออก หญิงสาวมัวแต่เดินตามแต่แล้วกลับมีเสียงเรียกจากชายคนหนึ่งก่อน
“คุณผู้หญิงครับ ผมขอรบกวนสักครู่”
ณิชารีย์หันหลังกลับมาพอเห็นว่า เป็นใครก็อมยิ้ม บุญมีนั่นเองที่อยู่เวรดึก วันนี้เขาทาแป้งจนหน้าขาววอก แววตาเป็นประกายแวววาว
“มีอะไรหรือคะ”
“ผมชื่อ ไมค์ครับ เป็นยามของที่นี่ ไม่ทราบว่า คุณผู้หญิงอยู่ห้องไหนหรือครับ ทำไมผมไม่เคยเห็นหรือว่า เพิ่งย้ายมา ไม่เห็นลุงพรแกบอกผมเลย”
หญิงสาวอึ้ง เพิ่งนึกได้ว่า หล่อนกลายเป็นคนแปลกหน้าของคอนโดแห่งนี้ไปเสียแล้ว แม้ณิชารีย์จะพักที่นี่มาห้าปีแล้ว แต่คงไม่เคยมีใครเคยเห็นสาวชุดแดงคนนี้แน่ๆ
“ฉันเป็นเพื่อนคุณนิดค่ะ”
“คุณนิด...ที่อ้วนๆ อยู่ห้องชั้นบนน่ะหรือครับ”
ณิชารีย์กัดฟันกรอดๆ บุญมีบังอาจว่า หล่อนต่อหน้าคนอื่นเชียวหรือ เสียแรง หล่อนเคยช่วยพูดกับผู้จัดการไม่ให้ไล่ยามคนนี้ออก พอเห็นนัยน์ตาโลมเลียของอีกฝ่ายก็แสยะยิ้มอย่างสะใจ
“ค่ะ ฉันเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่เมื่อบ่ายนี้เอง เราสองคนเป็นเพื่อนสนิทกัน”
“ผมไม่ยักรู้ว่า คุณนิดมีเพื่อนสวย ๆ อย่างคุณด้วย คิดว่า มีแต่สาวอีสานดังหักคนนั้นเสียอีก”
หญิงสาวกำมือแน่น รู้สึกคับแค้นใจมากกว่าเดิม แต่แล้วความเจ้าเล่ห์ที่มีอยู่ทำให้หล่อนนึกอยากจะแกล้งบุญมี
“ตายจริง ไปว่าคุณลอร่าอย่างนั้นทำไมกันคะ สงสัยฉันคงต้องฟ้องคุณนิดเสียแล้ว”
“โอ๊ยอย่านะครับ มีหวังคุณนิดใช้ขาหน้าตบผมคว่ำแน่”
บุญมียังคงบ่พล่ามโดยไม่รู้ว่า ชะตาตัวเองใกล้ถึงฆาตแล้ว ณิชารีย์มองอีกฝ่ายด้วยสายตาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ
“แรงไปไหมคะคุณบุญมี เป็นแค่ยาม ทำไมถึงมาว่า ผู้พักอาศัยแบบนี้คะ มันไม่สุภาพเลย ฉันจะฟ้องผู้จัดการ”
“โอ๊ยอย่านะครับคุณ ผมขอโทษ ไอ้ผมมันปากไวไปหน่อย นึกว่า สงสารเถอะนะครับ ผมมีแม่แก่ๆ ต้องดูแล”
ได้ทีบุญมีก็ปด แต่ณิชารีย์ไม่เชื่อ เมื่อเดือนที่แล้วบุญมีเพิ่งมาขอเรี่ยไรเงินจากหล่อนไปอ้างว่า จะไปทำศพแม่ ตอนนี้หล่อนชักไม่แน่ใจแล้วว่า ญาติที่ยังมีชีวิตของเขา มีอยู่จริงหรือไม่ อาจเป็นแค่แผนการเพื่อหลอกเอาเงิน
“ถ้างั้นกรุณาให้เกียรตินิดด้วยนะคะ เราสองคนเป็นเพื่อนซี้กัน ถ้ามีใครวาอะไรนิด ฉันคงทนไม่ได้”
“ครับ ผมสัญญา ต่อไปผมจะไม่พูดถึงคุณนิดในทางเสียๆ หายๆ ว่า แต่คุณชื่ออะไรครับ ผมจะได้จดบันทึกเอาไว้”
“ฉันเอ่อ....ชื่อ ลลินาค่ะ”
“ชื่อเพราะ แถมยังสวยเสียด้วย ถ้ายังไงให้เบอร์ติดต่อผมไว้ดีไหมครับ เผื่อมีอะไรผมจะได้ช่วยเหลือคุณพลอยได้”
“อย่าดีกว่าค่ะ ถ้ามีอะไรโทรหานิดได้โดยตรงได้ค่ะ เราสองคนเหมือนคนๆ เดียวกัน”
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์นะคะ เริ่มมีสมาชิกเพิ่มขึ้นแล้ว ค่อยมีกำลังใจโหน่ย อ่านกันยาวๆ เลยนะคะ พรุ่งนี้หยุดอีกวัน ส่งแรงใจให้ทุกคน
มาลงต่อแล้วนะคะ ช่วงที่แล้ว เกิดวุ่นวายนิดหน่อยค่ะ กำลังจัดระเบียบชีวิตอยู่ แหะๆ นิยายก็อยากเขียน ออกกำลังกาย ก็อยากทำ แต่เดือนธันวาคม ช่างเหมาะกับการนอนตีพุงมั่กๆ
ณิชารีย์กะพริบตาและมองไปรอบห้องที่บัดนี้ปิดไฟมืด นาฬิกาที่มีพรายน้ำตรงข้อมือบอกว่า ตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มแล้ว และนั่นทำให้สาวแอคทีฟอย่างหล่อนตกใจเป็นอันมาก หล่อนไม่เคยนอนหลับนานอย่างนี้มาก่อนยิ่งนอนจนพระอาทิตย์ตกดินยิ่งไม่เคย
หญิงสาวจำได้ว่า ตอนที่นอนดูทีวีเพิ่งจะสิบโมงเท่านั้น แสดงว่า หล่อนหลับข้ามมื้อกลางวันและมื้อเย็น ท้องไส้เริ่มประท้วงเมื่อไม่มีอาหารตกถึงท้องเป็นเวลาหลายชั่วโมง ป่านนี้พยาธิในท้องคงกำลังเดินขบวนเนื่องจากไม่ได้รับความยุติธรรมแน่ๆ
สิ่งแรกที่หญิงสาวทำคือ ลุกขึ้นไปเปิดตู้เย็น ความมืดทำให้หล่อนต้องปรับสายตาอยู่ครู่หนึ่งกว่าจะคลำไปถึง อาการคอแห้งเหมือนเดินอยู่กลางทะเลทรายทำให้กระหายน้ำเป็นพิเศษ จึงหยิบขวดขึ้นมาดื่ม แต่พอมองมือตนเอง หล่อนก็ต้องอ้าปากค้าง
เกิดอะไรขึ้นกับมืออวบอิ่มของหล่อน เนื้อป้อมๆ ตรงข้อนิ้วและรอบข้อมือหายไปไหนหมด หญิงสาวขยี้ตาซ้ำ ชูมืออีกข้างขึ้นมาดูแต่แล้วก็ต้องตกใจสุดขีด หล่อนพลิกดูมือทั้งคู่ราวกับเป็นของประหลาด
ณิชารีย์คิดว่า ตนเองต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ หรือไม่สมองก็อาจจะสั่งการไม่เป็นปกติ จึงเห็นมืออวบอิ่มกลายเป็นมือเรียว นิ้วบอบบางเหมือนกับที่เคยเห็นในโฆษณาโลชั่นทามือตามห้างสรรพสินค้า เล็บตัดเจียนอย่างสะอาดสะอ้าน แถมยังทาสีเคลือบไว้อย่างงดงามอีกด้วย
หล่อนพาตัวเองไปที่กระจกเป็นอันดับแรก พอเห็นเงาสะท้อนก็ร้องกรี๊ดออกมา ด้วยความตกใจกลัวเพื่อนข้างห้องจะออกมาดูจึงรีบเอามือตะครุบปากเอาไว้
ผู้หญิงคนนี้อีกแล้ว....หรือว่า หล่อนจะเป็นวิญญาณที่มาสิงร่างเหมือนกับที่หญิงสาวเคยอ่านจากในนิยายที่ตีพิมพ์ในนิตยสารฉบับหนึ่ง
มือลูบไปที่คอและพบว่า สร้อยพระที่มารดาให้มาปกป้องคุ้มครองยังคงอยู่ ถ้าผีสิงหล่อนจริง แล้วจะใส่สร้อยพระอยู่ได้ยังไง...
ณิชารีย์ลองลูบไปที่เอวแล้วก็ต้องตกใจ หน้าท้องแบนราบ ไม่มีไขมันสักนิด สะโพกเพรียวกำลังดี ขาสองข้างกระชับไม่มีเซลลูไลท์ให้รำคาญตา ผู้หญิงที่ยืนอยู่หน้ากระจกตอนนี้ดูงดงามราวกับนางฟ้า หล่อนลูบเส้นผมที่นุ่มเนียนดุจแพรไหม แล้วก็สะดุ้ง
เส้นผมนี้ไม่เหมือนของหล่อน ที่สากและแตกปลาย แต่กลายเป็นผมสุขภาพดี สีผมดกดำราวกับขนนกกาน้ำบ่งถึงว่า เจ้าตัวคงดูแลรักษาร่างกายอย่างดีเยี่ยม คิ้วโก่งสวยกันแต่งได้รูป จมูกโด่ง มีเพียงส่วนเดียวที่ยังคงคล้ายณิชารีย์คนเดิมนั่นก็คือ ดวงตา หล่อนอ้าปากค้างมองเงาสะท้อนในกระจก ลองอุดจมูกดูและพบว่า ตัวเองยังอึดอัด...
หล่อนลองตบหน้าตัวเองอย่างแรง ผลก็คือ เจ็บ แถมยังเกิดรอยแดงปื้นใหญ่ตรงข้างแก้ม
นี่ไม่ใช่ฝันแน่ แต่คือ เรื่องจริง ใครจะฝันเหมือนเดิมสองครั้งแถมยังเหมือนกันเปี๊ยบ เกิดอะไรขึ้นกับณิชารีย์คนเดิมและผู้หญิงที่ยืนอยู่หน้ากระจกนี้เป็นใคร ส่วนลึกก็ดีใจเพราะว่า หล่อนกลายเป็นคนสวย ที่สำคัญคือ หุ่นดี แล้วสาวอ้วนล่ะจะหายไปจากโลกนี้ตลอดกาลเลยหรือเปล่า วูบหนึ่งที่หญิงสาวคิดถึงอาแป๊ะคนเดิม
“หนูอยากผอม”
หญิงสาวเบิกตากว้าง กระโดดตัวลอย นี่หมายความว่า พรที่หล่อนขอเป็นจริงแล้วใช่ไหม ณิชารีย์วิ่งไปหยิบโทรศัพท์เป็นอย่างแรก หล่อนกดเบอร์ลำดวนมือไม้สั่น ปลายสายเรียกซ้ำๆ แต่สุดท้ายก็ถูกกดตัดสาย หล่อนนึกถึงคำที่เพื่อนพูด
“ไม่ต้องโทรหาฉันนะ เพราะฉันกำลังยุ่ง คงไม่มีเวลารับโทรศัพท์”
ลำดวนอาจจะออกไปเหล่หนุ่มฝรั่งที่ผับประจำหรือไม่ก็ออกไปที่ถนนข้าวสาร ก็เป็นได้ หญิงสาวรีบกดโปรแกรมในโทรศัพท์เพื่อหาตำแหน่งของเพื่อนสาว ทั้งคู่ได้ลงทะเบียนไว้เผื่ออีกฝ่ายมีเรื่องด่วนและต้องตามหาตัว
ทำยังไงดี ณิชารีย์เก็บความดีใจนี้ไว้ไม่ไหว หล่อนต้องการพบลำดวนโดยเร็วที่สุด หล่อนไม่รู้ว่า พรนี้จะอยู่อีกนานแค่ไหน และจะส่งผลอะไรต่อชีวิตประจำวันของหล่อนหรือเปล่าแต่เมื่อได้มาแล้ว หญิงสาวต้องใช้ให้คุ้ม เสียงกริ่งหน้าห้องทำเอาเจ้าตัวสะดุ้งจึงรีบวิ่งไปดู ป้าพวงนั่นเองที่นำชุดที่แก้เสร็จเรียบร้อยแล้วมาส่ง
หญิงสาวยืนลังเลที่ประตูจนกระทั่งได้ยินเสียงเรียก
“หนูนิดจ้ะ ป้าเอาชุดที่แก้เสร็จแล้วมาให้จ้ะ”
ป้าพวงพูดย้ำ ในที่สุดณิชารีย์จึงตัดสินใจเปิดประตูออกไป พอเห็นหล่อนป้าช่างซ่อมเสื้อก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง
“ป้ามาหาหนูนิด อยู่ไหม”
“เอ่อ...” ณิชารีย์อึกอัก ยังไม่เคยรับมือสถานการณ์แบบนี้จึงไม่รู้จะโกหกยังไง แต่หลักฐานตำตาก็คือ ชุดอยู่กับบ้านลายหมีพูห์ตัวโคร่งที่กำลังสวมอยู่ตอนนี้ต่างหาก หล่อนต้องเอามือจับเอวกางเกงไว้ไม่ให้หลุดเวลาเดิน
“นิดเอ่อ...ไม่อยู่”
“ไม่อยู่ได้ยังไง ก็วันนี้คุณนิดบอกว่า อยู่ห้องทั้งวัน แล้วนี่คุณเป็นใคร”
“หนูเอ่อ...เป็นเพื่อนหนูนิด เพิ่งมาจากต่างจังหวัด”
คำโกหกสดๆ ร้อนๆ ที่หญิงสาวเพิ่งคิดขึ้นได้แต่พอเห็นสายตาที่มองมาอย่างจับผิดของป้าพวงก็อดขาสั่นไม่ได้ ส่วนลึกบอกตัวเองว่า หล่อนไมได้ทำอะไรผิด ป้าพวงคงกลัวว่า หล่อนจะเข้ามาขโมยของถึงได้ทำตาขวางๆ แบบนี้
“อ๋อแล้วไป ถ้างั้นป้าฝากชุดไว้ให้หนูนิดด้วยนะ”
“ได้ค่ะ ไว้จะบอกให้”
ป้ายังคงยืนอยู่หน้าห้องไม่ยอมไปไหน พร้อมกับแบมือออกมา ณิชารีย์เพิ่งนึกขึ้นได้ หล่อนรีบกลับเข้ามาในห้องและหยิบเงินออกมา
“นี่ค่ะค่าซ่อมชุด ป้าไม่ต้องทอนนะคะที่เหลือเป็นทิป”
หญิงสูงวัยตาโตเมื่อเห็นจำนวนเงินและรีบตะครุบ ก่อนจะเอ่ยเสียงหวาน
“หนูนี่นอกจากสวยแล้วยังใจดีอีกนะ ไม่เห็นเหมือนหนูนิด รายนั้นนะเค็มอย่างกับอะไรดี”
ณิชารีย์อ้าปากค้าง ลมออกหู มองป้าพวงด้วยสายตาดุดัน
“นิดนะหรือคะเค็ม ป้าพูดผิดพูดใหม่ได้นะคะ อย่างครั้งที่แล้วที่นิดเอาชุดไปแก้ ก็ยังให้ทิปป้าไปตั้งสองร้อยเลย”
ป้าพวงเบิกตากว้างมองสาวสวยตรงหน้า เอ่ยเสียงอ่อย
“อ้าว หนูทำไมถึงรู้”
“ก็นิดเล่าให้หนูฟังสิคะ เราสองคนไม่เคยมีความลับต่อกัน” ณิชารีย์ในร่างคนสวยส่งสายตาคาดโทษไปให้ ป้าพวงจึงยิ้มแหย๋ๆ
“แหม ป้าก็แค่พูดเล่นน่ะ หนูนิดก็น่ารักดี แต่เสียดายอวบไปหน่อย ไม่เหมือนหนูที่ทั้งสวย ทั้งหุ่นดี นี่ถ้าแมวมองมาเห็นรับรองว่า ไปเป็นนางเอกได้สบายๆ นี่ก็ค่ำแล้วป้าขอตัวกลับห้องก่อนนะ อย่าลืมบอกหนูนิดด้วยนะว่า ป้าเอาชุดมาส่งแล้ว อ้อ...ชุดของหนูถ้าหลวมเกินไปจะฝากป้าแก้ก็ได้นะ ป้าทำได้ทุกอย่างล่ะจ้ะ ทั้งตัดชุด ซ่อม แก้เข้าแก้ออก ราคากันเองนะจ้ะ ห้องป้าอยู่ชั้นสิบสี่นะถามหนูนิด เขารู้ดี”
ร่างอวบเดินผิวปากจากไปพร้อมเงินในมือ ปล่อยให้ณิชารีย์ในคราบคนสวยยืนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน
หล่อนแค่นเสียงผ่านริมฝีปาก
“ป้าพวงนะ พอลับหลังเราก็นินทาเชียวนะ รู้งี้ไม่ให้ทิปดีกว่า มาว่า เราอ้วนเค็มเจอหน้าเมื่อไหร่จะเล่นงานให้หนักเลยคอยดู”
หลังจากบ่นเสร็จหญิงสาวก็ก้มมองชุดเดรสสีแดงเพลิงในมือ และตอนนั้นเองความคิดดีๆ ก็ผุดขึ้น...
“ไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยเถอะวะไอ้คุณโปรด”
เป็นเรื่องปกติที่อีกฝ่ายมักจะเรียกเขาด้วยสรรพนามที่มีทั้งคำว่า ‘ไอ้’ ซึ่งแสดงความสนิทชิดเชื้อ ขณะเดียวกันก็ควบคำว่า ‘คุณ’ ควบคู่ไปด้วย ทั้งสองสนิทกันเพราะสมัยเรียนเคยเตะบอลด้วยกันทุกวัน เมื่อเพื่อนซี้ที่ลงทุนมาอ้อนวอนหม่อมราชงศ์อติกันต์ถึงที่ห้องยกมือขึ้นมาโอบบ่าพร้อมชักแม่น้ำทั้งห้ากับเหตุผลสารพัด เรื่องมีอยู่ว่า วันนี้เป็นคืนวันเสาร์ เขาบังเอิญมีนัดกับสาวสวยคนหนึ่ง แต่ติดที่ว่า เจ้าหล่อนมักจะชวนเพื่อนในกลุ่มมาด้วย สาวๆ ทั้งหมดทำงานกับเป็นทีมคอยกันทำให้พีรดนต์ทำอะไรไม่ค่อยถนัด จึงอยากได้ใครสักคนที่จะมาดึงดูดความสนใจ และตัวเลือกที่ลงตัวที่สุดก็คงไม่แคล้วทันตแพทย์หนุ่ม
“พอเลยไอ้พี นายก็รู้ว่า ฉันไม่ชอบเที่ยวกลางคืน”
สิ่งที่อติกันต์เกลียดที่สุดคือ สถานที่ซึ่งมีอบายมุข คุณชายหนุ่มเติบโตมาในครอบครัวที่เคร่งครัด มารดาเคยสอนเสมอว่า เกิดเป็นคุณชาย และมีศักดิ์เป็นถึงหม่อมราชวงศ์ต้องรู้จักให้เกียรติผู้หญิง และสถานที่อโคจรไม่ควรเข้าไป แต่เพราะพีรดนย์คือ เพื่อนซี้สมัยเรียนก็ได้เพื่อนคนนี้คอยช่วยกันสาวๆ ไม่ให้มาวอแว
“ฉันรู้ แต่ที่นี่ไม่เหมือนที่อื่นนะโว้ย ถึงจะเป็นผับ แต่ก็เป็นผับผู้ดีดื่มกินกันอย่างสงบ ไม่มีหรอกไอ้พวกขี้เมาลุกขึ้นมาเต้นโวยวาย ฉันก็แค่อยากเจอน้องฝน แต่ติดที่เธอชอบพาเพื่อนมาด้วย ทั้งคุณนุ้ยเอย คุณจ๋าเอย สองคนนั้นคอยกันท่าแค่ไหนแกก็รู้”
“ถ้าไม่ดื่มงั้นทำไมไม่นัดที่ร้านอาหารละวะ จะไปผับให้เสียสตางค์ทำไม”
“ก็น้องฝนเธออยากผ่อนคลาย ไอ้ฉันก็อยากเจอเธอใจจะขาด ถือเสียว่า ช่วยเพื่อน นะไอ้คุณชายโปรด”
“ฉันไม่ชอบ นายไปชวนติณเถอะ” ติณภพคือ เพื่อนซี้อีกคน สามหนุ่มเรียนจบมหาวิทยาลัยเดียวกัน ขณะที่อติกันต์เป็นทันตแพทย์ ส่วนพีรดนย์นั้นจบวิศวะ เพื่อนรักคนสุดท้ายเรียนด้านนิติศาสตร์ ตอนนี้รับราชการ
“มันไปราชการต่างจังหวัด กว่าจะกลับก็อาทิตย์หน้า แต่น้องฝนอยากเจอฉันวันนี้”
“สรุปว่า นายอยากเจอ หรือน้องฝนอยากเจอกันแน่วะเนี่ย ถึงได้ลากฉันไปเป็นไม้กันหมาแบบนี้”
เป็นไม้อย่างเดียวอติกันต์ไม่เดือดร้อน แต่เพราะสองสาวที่มีชื่อเล่นว่า นุ้ยกับจ๋า ต่างมือไม้เป็นปลาหมึก ถึงหม่อมราชวงศ์อติกันต์จะเป็นผู้ชาย แต่เขาก็ชอบเป็นผู้รุกมากกว่ารับ ยิ่งถูกสองสาวแทะโลมด้วยสายตาก็ยิ่งรู้สึกอึดอัด
“หรือว่า นายไม่เห็นแก่มิตรภาพของเราเลย ถ้างั้นฉันไปคนเดียวก็ได้”
เพื่อนรักคงรู้จุดอ่อนของหม่อมราชวงศ์หนุ่มที่ค่อนข้างขี้เกรงใจ จึงยกไม้นี้ขึ้นมาขู่ เขาไม่มีทางเลือกนอกจาก
“อะไรวะ แค่นี้ต้องน้อยใจด้วย หัวก็ไม่ล้านสักหน่อย”
“นายไม่อยากไปก็แล้วแต่เถอะ ปล่อยให้ฉันอกหัก รักคุดไปแบบนี้ล่ะ ถือเสียว่า เราสองคนไม่ได้สนิทกัน”
อติกันต์ใจฝ่อ แม้รู้ว่า เพื่อนรักแกล้งตีหน้าเศร้า แต่ก็อดสงสารไม่ได้ สาวชื่อ น้ำฝนนั้นเป็นคนสุภาพเรียบร้อย นิสัยต่างกับเพื่อนในกลุ่ม พีรดนย์ตามจีบหล่อนมาหลายเดือนแล้ว ทั้งคู่เหมาะสมกัน
“เอ้า ฉันไปก็ได้ แต่นายต้องรับปากมาก่อนว่า ต้องกลับเที่ยงคืน พรุ่งนี้ฉันต้องเปิดคลินิกแต่เช้า ขืนเที่ยวดึกมีหวังสัปปะหงกแน่”
“อะไรวะ ไปผับกลับเที่ยงคืน ตีหนึ่งก็แล้วกัน”
“เที่ยงคืนขาดตัว ไม่อย่างนั้นนายไปหาคนอื่นเถอะ ฉันง่วงนอน”
ราชนิกุลหนุ่มเปลี่ยนชุดนอนเสร็จเรียบร้อยแล้ว และกำลังจะเข้านอน แต่แล้วเพื่อนสนิทก็มาเคาะกดกริ่งหน้าห้อง
“เที่ยงคืนครึ่ง แล้วกัน พบกันคนละครึ่งทาง”
“งั้นตกลงตามนี้ ฉันไปเปลี่ยนเสื้อก่อน นายรอเดี๋ยวนะ”
“เอารถไปคนละคันนะไอ้คุณชาย เผื่อน้องฝนให้ฉันไปส่งบ้าน จะได้ไม่ลำบาก”
อติกันต์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ มองเพื่อนรักที่ผิวปากอย่างอารมณ์ดี เขาโบกไม้โบกมือเป็นทำนองไล่ เพื่อนซี้จึงเดินออกไปนั่งรอตรงโซฟาแทน เขารีบเปลี่ยนเสื้อเป็นโปโลสีเรียบกับกางเกงยีน และไม่วายนำแว่นตากรอบดำขึ้นมาใส่ด้วย
“เฮ้ย ไอ้คุณชาย นายใส่แว่นอีกทำไมวะ ดูแก่ชะมัด”
“ก็ฉันชอบนี่นา ดูขรึมดี คนจะได้ไม่ต้องมาวุ่นวาย”
“กลัวหล่อเกินไปงั้นสิ น่าอิจฉาจริงๆ เลยวุ้ย ไอ้คนหน้าตาดีเว่อร์ เป็นฉันหน่อยไม่ได้ จะเดินอวดสาวตั้งแต่ต้นซอยยันท้ายซอยเลย” พีรดนย์พูดกลั้วหัวเราะ
“ใครจะเหมือนอย่างนายล่ะ ฉันไม่ชอบเรื่องยุ่งยากโว้ย ผู้หญิงยิ่งมากคนก็ยิ่งวุ่นวาย ปวดหัวตายชัก” อติกันต์พูดติดตลก
“หรือว่า แกจะเป็นอีแอบอย่างที่เพื่อนๆ เขาพูดกันวะไอ้คุณชาย จนป่านนี้ถึงยังไม่มีแฟนสักที”
อติกันต์ชกบ่าเพื่อนอย่างแรงจนเซไป เขาชักสีหน้าบึ้ง
“ไอ้พี ขืนพูดอีกคำ ฉันเปลี่ยนกลับเป็นชุดนอนจริงๆ ด้วย นายว่า ใครเป็นเกย์บอกมา”
พีรดนย์ยื้อบ่าเพื่อนรัก ซบหน้าบนไหล่ทำสีหน้าทะเล้น
“อ่ะล้อเล่น นายไม่ใช่เกย์แน่นอน ดุอย่างกับหมาแบบนี้”
ชายหนุ่มชกเพื่อนรักที่หัวไหล่อย่างแรง ปั้นหน้าเคร่งเครียด
“ลามปามเกินไปแล้ว กล้าว่าเพื่อนเป็นหมาหรือ”
พีรดนย์ประนมมือไหว้ แสร้งคุกเข่า ประนมมือท่วมหัว และลงไปคลานบนพื้น
“อย่าประหารกระหม่อมเลยนะพระเจ้าข้า กระหม่อมโทษหนัก ควรตายสถานเดียว แต่เห็นแก่ที่กระหม่อมเป็นสัตว์หายาก ควรอนุรักษ์เอาไว้ชั่วลูกชั่วหลาน”
“บ้าจริงไอ้พี เล่นไม่เข้าเรื่อง ตกลงจะไปไหม”
“ไปสิครับคุณชายโปรด แค่นี้ต้องทำเสียงเครียดด้วย กระหม่อมกลัวจนหัวหดแล้ว”
อติกันต์เดินไปหยิบกุญแจกับกระเป๋าสตางค์ เขาปล่อยให้เพื่อนรักเดินออกไปก่อนส่วนตัวเองก็ปิดล็อกห้อง ตอนที่เดินไปถึงหน้าลิฟต์ราชนิกุลหนุ่มก็ได้เจอกับผู้หญิงคนนั้น...
ณิชารีย์ไม่เคยรู้สึกประหม่ายามอยู่ต่อหน้าผู้คนมาก่อน แต่วันนี้เป็นครั้งแรก มือสั่นยามยื่นมือไปกดลิฟต์ ระหว่างที่มองตัวอักษรที่เลื่อนขึ้นมาอย่างช้าๆ ช่างทรมาน การรอคอยเพียงเสี้ยววินาทีแต่กลับรู้สึกเหมือนชั่วกัลป์ชั่วกัลป์ ไม่ใช่เพราะผู้ชายหน้าตี๋ที่ยืนส่งยิ้มหวานคนนี้หรอก แต่เป็นเพราะหนุ่มร่างสูงอีกคนที่เดินตามมา นัยน์ตาคมกล้าประดุจเหยี่ยวคู่นั้นทำให้หญิงสาวรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นกระต่ายน้อยที่ตื่นกลัวเพราะถูกนายพรานตามล่า...
อติกันต์ไม่มีทางจำหล่อนได้แน่ ในเมื่อตอนนี้หญิงสาวอยู่ในสภาพใครอีกคนที่แม้แต่ตัวหล่อนเองยังแทบจำไม่ได้ด้วยซ้ำ ใบหน้ารูปไข่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอาง รองพื้นเชดกำลังพอดีกับอายแชโดว์แบบสโมกกี้อายทำให้หล่อนดูสวยเฉี่ยว อายไลน์เนอร์ที่กรีดจนคม ผนวกกับมาสคาร่าที่ปัดบนขนตา ชุดเดรสสีแดงมาทันเวลาพอดี เมื่อรวมกับถุงน่องและรองเท้าส้นสูงทำให้หล่อนดูสวยราวกับนางแบบบนแคทวอล์ค หญิงสาวแอบได้ยินผู้ชายที่เดินนำหน้าซุปซิบกับเพื่อนร่วมชั้นของหล่อน
“นั่นใครวะ โปรด สวยชิบหาย หุ่นดีโคตรๆ”
แก้มสองข้างแดงระเรื่อ นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่มีคนชม นอกจากคำชมจากพริตาที่ว่า นิดเก่งมาก พี่ชอบไอเดียของนิดจริงๆ ถ้าจะบอกให้ถูกก็คือ เป็นคำชมเกี่ยวกับรูปร่างครั้งแรกในชีวิต ถามว่า รู้สึกดีไหม ณิชารีย์ตอบได้ในทันทีว่า ดีมาก
นี่ล่ะคือ สิ่งที่หล่อนโหยหามาชั่วชีวิต แววตาของคนอื่นที่มองอย่างชื่นชม ไม่ใช่คำค่อนแคะว่า หล่อนอ้วนเป็นตุ่มต่อขาบ้าง ชุดปลิ้นไปบ้าง แต่เป็นสายตาที่กวาดมองราวกับจะทะลุทะลวง สิ่งที่ณิชารีย์ทำคือ เชิดหน้าขึ้น แสร้งมองไปที่ตัวเลขบนลิฟต์ทั้งที่หางตาแอบเหล่มองสองหนุ่ม
“ไม่รู้ว่ะ ไม่รู้จัก”
อติกันต์ตอบเสียงเนือย เขาเป็นฝ่ายหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและจ้องหน้าจอราวกับว่า จะมีของมีค่าผุดขึ้น ทำไมเขาถึงทำอย่างนั้นหรือว่า เขาไม่ชอบผู้หญิง
“อะไรวะ ก็อยู่ชั้นเดียวกันไม่รู้จักได้ยังไง”
“ไม่รู้ก็ไม่รู้สิวะ นายอยากรู้จักก็ถามเขาเองสิ ฉันไม่เกี่ยว อย่ามายุ่งคนจะเล่นเกม”
ชายหนุ่มกดปุ่มเกมส์ในโทรศัพท์ขึ้นมา มันคือ เกมยอดฮิตที่เรียกว่า โปเกมอน โก ที่ตอนนี้คนทั่วกรุงเทพฯ ต่างติดกันเป็นบ้าเป็นหลัง ณิชารีย์แอบสังเกตเห็นว่า เขาอยู่เลเวลเดียวกับหล่อน หญิงสาวก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบเล่นเกมค่าเวลา แต่มันแปลกไหม แทนที่ชายหนุ่มจะจ้องมองผู้หญิงสุดเซ็กซี่ กลับหันไปสนใจเจ้าจอสี่เหลี่ยมเสียนี่
“ลงชั้นหนึ่งหรือเปล่าครับ”
ชายหนุ่มที่มีท่าทางเจ้าชู้กว่า ส่งยิ้มหวานเป็นใบเบิกทาง สายตาแบบนี้ รอยยิ้มแบบนี้ล่ะ ที่หล่อนเคยแอบอิจฉาศรัญรัชต์มาตลอด น่าเสียดายที่มันมาจากผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่ปกรณ์ ป่านนี้เขาจะอยู่ที่ไหน วูบหนึ่งที่ณิชารีย์อยากจะตรงไปเคาะประตูห้องชายหนุ่ม หากเขาเห็นหล่อนในสภาพนี้ ศรัญรัชต์ก็เถอะอาจต้องชิดซ้าย
“ใช่ค่ะ” หล่อนตอบอย่างสงวนท่าที มือไม้พลันรู้สึกเกะกะ ตายังไม่วายแอบสำรวจชายหนุ่มข้างห้อง เขายังคงก้มหน้าเล่นเกมเหมือนเคย
“บังเอิญจังนะครับ ผมก็กำลังจะลงชั้นหนึ่งเหมือนกัน”
ลิฟต์เปิดออกพอดี ร่างบางจึงก้าวเข้าไปด้านใน หล่อนเลือกยืนอยู่มุมในสุดปล่อยให้สองหนุ่มคนกดปุ่ม ลิฟต์เคลื่อนลงสู่ชั้นล่าง ขณะที่ภายในเต็มไปด้วยความเงียบ ชายหนุ่มที่ดูขี้เล่นพูดขึ้น
“เดี๋ยวพอไปถึง แกเอารถไปจอดข้างหลังก่อนก็ได้นะ พอดีฉันมีที่จอดพิเศษในฐานะสมาชิก เราสองคนค่อยเจอกันข้างใน”
ณิชารีย์หูผึ่งเมื่อคิดถึงว่า สถานที่พูดออกมา คือ ที่เดียวกับที่หล่อนกำลังจะไป จะแปลกอะไรในเมื่อมันคือ สถานที่เที่ยวติดอับดับของกรุงเทพฯ ในตอนนี้ ร้านอาหารกึ่งผับ มีวงดนตรีเล่น ตกกลางคืนก็เปิดฟลอร์ให้เต้นรำ และมีวงดนตรีผลัดเปลี่ยนกันทุกสองชั่วโมง หล่อนเคยไปกับลำดวนครั้งหนึ่งแต่รู้สึกลำบากกับความอึกทึกของสถานที่ ทุกครั้งที่สาวอวบอย่างหล่อนเยื้องย่างเข้าไปก็ต้องพบเจอกับการดูถูกและสายตาดูแคลน
“เออ รู้แล้ว ยังไม่ทันไรทิ้งเพื่อนเลย”
“แหมไอ้โปรด แค่นี้น้อยใจไปได้ ยังไงฉันก็รักนายที่สุดรู้ไหม สาวๆ คนไหนก็สู้นายไม่ได้”
ท่าทางที่แกล้งจีบไม้จีบมือทำดีดสะดิ้งทำเอาณิชารีย์แอบหรี่ตามองอย่างจับผิด ชายหนุ่มที่แต่งกายด้วยเสื้อสีฟ้าโอบบ่าอติกันต์เอาไว้ เขาเบี่ยงหน้าหลบเมื่ออีกฝ่ายเอียงหน้าเข้ามาหอม
“เฮ้ย ไอ้พี อย่าเล่นบ้าๆ นะโว้ย”
“บ้าอะไร มากกว่านี้ก็เคยมาแล้ว นายยังเคยปล้ำฉันด้วย”
คราวนี้ณิชารีย์อ้าปากค้าง เผลอตะลึงมองชายหนุ่มสองคน อติกันต์หน้าแดงก่ำ เขาเอื้อมมือไปกดปุ่มในลิฟต์
“ขืนพูดบ้าๆ ฉันกลับ”
“ล้อเล่นน่า ไอ้โปรด ไม่พูดแล้วก็ได้ เดี๋ยวคุณผู้หญิงจะตกใจจริงไหมครับ เราสองคนเป็นเพื่อนซี้กันครับ แต่เรื่องลึกซึ้งกันถึงไหนต่อไหน อย่าฟังเลยครับจะพาลเป็นลมเสียเปล่าๆ”
ประตูลิฟต์เปิดพอดี อติกันต์ก้าวนำไปก่อนตามด้วยหนุ่มที่ชื่อเล่นว่า พี เดินตามไป ณิชารีย์มองคนทั้งคู่จากด้านหลัง และเห็นว่า อีกฝ่ายโอบไหล่ ขณะที่อีกคนก็ผลักมือออก หญิงสาวมัวแต่เดินตามแต่แล้วกลับมีเสียงเรียกจากชายคนหนึ่งก่อน
“คุณผู้หญิงครับ ผมขอรบกวนสักครู่”
ณิชารีย์หันหลังกลับมาพอเห็นว่า เป็นใครก็อมยิ้ม บุญมีนั่นเองที่อยู่เวรดึก วันนี้เขาทาแป้งจนหน้าขาววอก แววตาเป็นประกายแวววาว
“มีอะไรหรือคะ”
“ผมชื่อ ไมค์ครับ เป็นยามของที่นี่ ไม่ทราบว่า คุณผู้หญิงอยู่ห้องไหนหรือครับ ทำไมผมไม่เคยเห็นหรือว่า เพิ่งย้ายมา ไม่เห็นลุงพรแกบอกผมเลย”
หญิงสาวอึ้ง เพิ่งนึกได้ว่า หล่อนกลายเป็นคนแปลกหน้าของคอนโดแห่งนี้ไปเสียแล้ว แม้ณิชารีย์จะพักที่นี่มาห้าปีแล้ว แต่คงไม่เคยมีใครเคยเห็นสาวชุดแดงคนนี้แน่ๆ
“ฉันเป็นเพื่อนคุณนิดค่ะ”
“คุณนิด...ที่อ้วนๆ อยู่ห้องชั้นบนน่ะหรือครับ”
ณิชารีย์กัดฟันกรอดๆ บุญมีบังอาจว่า หล่อนต่อหน้าคนอื่นเชียวหรือ เสียแรง หล่อนเคยช่วยพูดกับผู้จัดการไม่ให้ไล่ยามคนนี้ออก พอเห็นนัยน์ตาโลมเลียของอีกฝ่ายก็แสยะยิ้มอย่างสะใจ
“ค่ะ ฉันเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่เมื่อบ่ายนี้เอง เราสองคนเป็นเพื่อนสนิทกัน”
“ผมไม่ยักรู้ว่า คุณนิดมีเพื่อนสวย ๆ อย่างคุณด้วย คิดว่า มีแต่สาวอีสานดังหักคนนั้นเสียอีก”
หญิงสาวกำมือแน่น รู้สึกคับแค้นใจมากกว่าเดิม แต่แล้วความเจ้าเล่ห์ที่มีอยู่ทำให้หล่อนนึกอยากจะแกล้งบุญมี
“ตายจริง ไปว่าคุณลอร่าอย่างนั้นทำไมกันคะ สงสัยฉันคงต้องฟ้องคุณนิดเสียแล้ว”
“โอ๊ยอย่านะครับ มีหวังคุณนิดใช้ขาหน้าตบผมคว่ำแน่”
บุญมียังคงบ่พล่ามโดยไม่รู้ว่า ชะตาตัวเองใกล้ถึงฆาตแล้ว ณิชารีย์มองอีกฝ่ายด้วยสายตาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ
“แรงไปไหมคะคุณบุญมี เป็นแค่ยาม ทำไมถึงมาว่า ผู้พักอาศัยแบบนี้คะ มันไม่สุภาพเลย ฉันจะฟ้องผู้จัดการ”
“โอ๊ยอย่านะครับคุณ ผมขอโทษ ไอ้ผมมันปากไวไปหน่อย นึกว่า สงสารเถอะนะครับ ผมมีแม่แก่ๆ ต้องดูแล”
ได้ทีบุญมีก็ปด แต่ณิชารีย์ไม่เชื่อ เมื่อเดือนที่แล้วบุญมีเพิ่งมาขอเรี่ยไรเงินจากหล่อนไปอ้างว่า จะไปทำศพแม่ ตอนนี้หล่อนชักไม่แน่ใจแล้วว่า ญาติที่ยังมีชีวิตของเขา มีอยู่จริงหรือไม่ อาจเป็นแค่แผนการเพื่อหลอกเอาเงิน
“ถ้างั้นกรุณาให้เกียรตินิดด้วยนะคะ เราสองคนเป็นเพื่อนซี้กัน ถ้ามีใครวาอะไรนิด ฉันคงทนไม่ได้”
“ครับ ผมสัญญา ต่อไปผมจะไม่พูดถึงคุณนิดในทางเสียๆ หายๆ ว่า แต่คุณชื่ออะไรครับ ผมจะได้จดบันทึกเอาไว้”
“ฉันเอ่อ....ชื่อ ลลินาค่ะ”
“ชื่อเพราะ แถมยังสวยเสียด้วย ถ้ายังไงให้เบอร์ติดต่อผมไว้ดีไหมครับ เผื่อมีอะไรผมจะได้ช่วยเหลือคุณพลอยได้”
“อย่าดีกว่าค่ะ ถ้ามีอะไรโทรหานิดได้โดยตรงได้ค่ะ เราสองคนเหมือนคนๆ เดียวกัน”
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์นะคะ เริ่มมีสมาชิกเพิ่มขึ้นแล้ว ค่อยมีกำลังใจโหน่ย อ่านกันยาวๆ เลยนะคะ พรุ่งนี้หยุดอีกวัน ส่งแรงใจให้ทุกคน
tangtangmeow
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ธ.ค. 2559, 18:02:51 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ธ.ค. 2559, 18:02:51 น.
จำนวนการเข้าชม : 1181
<< บทที่ ๕ ฝันหรือจริง | บทที่ ๗ ยุบหนอพองหนอ >> |
แว่นใส 12 ธ.ค. 2559, 23:56:45 น.
สวยเฉพาะกลางคืนหรือเปล่า
สวยเฉพาะกลางคืนหรือเปล่า
Zephyr 18 ธ.ค. 2559, 15:15:35 น.
ต้องหลับก่อนรึป่าว ร่างถึงจะเปลี่ยน
ต้องหลับก่อนรึป่าว ร่างถึงจะเปลี่ยน