คู่หมั้นคืนเหงาใจ
ตำนานหนุ่มหล่อเลิศล้ำแห่งค่ำคืนเหงาใจ

ความรักเหงา ๆ รานร้าวและเร้าใจ ต่างคนต่างมีกิเลสตัณหา ต้องชดใช้บุญกรรมแห่งความรัก ติดตามข้ามภพชาติศาสนา หนึ่งหญิงสองชายผูกพัน
อ่านเรื่องนี้จบ แล้วคุณจะสงสารใคร? ระหว่าง...

นักดนตรีหนุ่มรูปหล่อ พ่อรวย ราวกับในตำนาน เทพบุตรจุติลงมาเกิดอย่าง ยุติ ผู้ตกอยู่ในวังวนแห่งความเปลี่ยวเหงา ทุกค่ำคืนผ่านไปจิตใจโหยหา แค่เพียงเป็นคนที่เขาเผลอใจรัก แต่เขาไม่ได้เลือก กลายเป็นเหมือนส่วนเกิน มิใช่ส่วนสำคัญ

หรือ... อภิมหาเศรษฐีหนุ่ม ใบหน้าสวยงามเลิศล้ำอย่าง ไทธรรพ์ ผู้เป็นที่รักยิ่งดั่งชีวิตจิตใจของสาวสวย ถึงแม้เขาจะเจ้าชู้ไปบ้าง แต่ทั้งชีวิตจิตใจทุ่มเทในรักจริงจัง แต่ความหวังกลับหักพังสลาย สุดท้ายต้องอยู่เดียวดายข้างกายไร้คู่ครอง

หรือ... สาวสวยแชมป์มวยไทยหญิง เพชรน้ำหนึ่ง ถึงจะมีเพียบพร้อมทุกสิ่ง แต่ต้องเกิดมาใช้เวรใช้กรรม ที่เคยกระทำไว้ในชาติก่อน แม้จะสามารถยืนหยัดขึ้นมายิ่งใหญ่ และจิตใจเข้มแข็ง ทนทานต่อความทุกข์กายทุกข์ใจได้ แต่ลึกลงไปข้างในนั้น ไร้ซึ่งความสุขแท้จริง
Tags: ไตรติมา, คู่หมั้นคืนเหงาใจ, ดราม่า, ซึ้ง, โรแมนติก,

ตอน: ตอน 9 [1]


..........พวกผู้ใหญ่พากันกลับบ้านก่อน เหลือไว้แต่ยุติและเพชรน้ำหนึ่งยังพักอยู่ที่สำนักแม่ชี เพื่อรักษาศีลปฏิบัติธรรม ระหว่างนั้นไม่ค่อยได้พูดคุยกันนัก เพราะปฏิบัติกิจวัตรกันไปอย่างสงบสำรวม

ตกดึกเพชรน้ำหนึ่งฝันอีก ในฝันเห็นผู้ชายฝรั่งคนหนึ่งอยู่ในชุดทหารมีเลือดเต็มตัว มือนั้นเปื้อนเลือด แต่ที่นิ้วนางข้างซ้ายมีแหวนทองคำขาวสวมอยู่ เขาจูบที่แหวนแล้วหลับตา ในความฝันเธอรับรู้ถึงความรู้สึกของเขาได้ เขาเจ็บปวดทรมานไปทั่วทั้งร่างกาย และกำลังคิดถึงหญิงอันเป็นที่รักโดยไม่มีโอกาสได้สั่งเสียล่ำลากัน น้ำตาเขาไหลพรากอาบแก้ม... กำลังเศร้าโศกที่จะต้องสิ้นใจตายอยู่เพียงลำพัง ความรู้สึกของเขานั้นเธอสามารถรับรู้ได้ว่า... มันเศร้ามาก

“ที่รักคุณคงจะร้องไห้คร่ำครวญคิดถึงผม เมื่อผมไม่ได้กลับไปแต่งงานกับคุณ ไม่ได้เห็นหน้ากันอีกแล้วในชาตินี้ ผมขอโทษที่รักษาสัญญาไม่ได้ ผมกลับไปแต่งงานกับคุณไม่ได้ เอาไว้ชาติหน้าเถิดนะผมจะกลับมาหาคุณ มาแต่งงานกับคุณ ขอให้เราได้พบกันชาติหน้า ผมอยากใช้ชีวิตอยู่กับคุณ มีลูกมีหลานด้วยกันช่วยกันเลี้ยงลูกหลาน อยากอยู่กับคุณไปตลอดชีวิต แต่ชาตินี้ผมหมดโอกาสแล้วที่รักของผม ผมเหงาเหลือเกินที่ต้องตายโดดเดี่ยวลำพังโดยไม่ได้เห็นหน้าคุณ ที่รัก...” เขารำพึงรำพัน ก่อนจะหมดลมหายใจได้ชูเหรียญเงินซึ่งเป็นจี้จากสร้อยคอขึ้นมาดูด้วยมีความผูกพันกับสิ่งนั้นมาก ลมหายใจค่อยแผ่วลง ...แผ่วลง ...จนกระทั่งลมหายใจเฮือกสุดท้าย แม้พยายามไขว่าคว้าลมหายใจ แต่แล้วกลับสงบแน่นิ่งสิ้นลมหายใจ

“ไม่... อย่าตาย ...อย่าตายนะ” เพชรน้ำหนึ่งตกใจตื่น น้ำตาของเธอไหลอาบแก้ม ถึงได้รู้สึกตัวว่านั่นเป็นเพียงความฝัน แต่เป็นฝันที่ช่างแสนเศร้าสลด และเธอไม่เคยเห็นหน้าผู้ชายคนนั้นมาก่อน เพราะเขาเป็นผู้ชายฝรั่ง เมื่อเธอตื่นแล้วจึงไปล้างหน้าอาบน้ำ และแต่งตัวนุ่งขาวห่มขาว เพื่อไปสวดมนต์ธรรมวัตรเช้า ปฏิบัติกิจของผู้รักษาศีล



..........เมื่อถึงเวลารับประทานอาหารเช้า หลังอาหารจึงเป็นเวลาที่สามารถซักถามเรื่องราวมากมายกับแม่ชีจันทร์ได้ มีผู้ร่วมปฏิบัติธรรมอยู่ด้วยกันสี่คนรวมทั้งยุติซึ่งนั่งอยู่ในที่นี้ด้วย

“เมื่อเช้ามืดหนึ่งฝันค่ะแม่ชี เป็นความฝันที่เศร้ามาก หนึ่งไม่เคยเห็นผู้ชายคนนั้นมาก่อน แต่หนึ่งฝันเห็นเขากำลังจะตายน่าสงสารมากค่ะ อยู่ในชุดทหารมีเลือดเต็มตัว เขาคิดถึงคนรักและเสียใจมากที่ไม่ได้กลับไปแต่งงานกับคนรักของเขา รู้สึกว่าเขาหมั้นกันแล้ว หนึ่งเห็นเขาจูบแหวนหมั้นนั่นด้วย มันคงเหงามากนะคะต้องตายอยู่โดดเดี่ยวลำพัง และมันคงทรมานมากเมื่อเลือดของเขาค่อยรินไหลออกไปจนหมดตัว” เพชรน้ำหนึ่งเล่าด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย “ทำไมหนึ่งถึงฝันเห็นผู้ชายคนนี้ไม่รู้ เขาเป็นฝรั่งไม่ใช่คนไทย เขาเกี่ยวข้องอะไรกับหนึ่ง แม่ชีพอจะบอกได้ไหมคะ” เธอถาม

แล้วสักครู่แม่ชีจึงหลับตานิ่งอยู่ชั่วครู่...

“ผู้ชายที่หนูฝันเห็นเกี่ยวข้องกับหนูเป็นคู่หมั้นกำลังจะแต่งงานกัน แต่เขาเป็นทหารต้องไปรบและพลาดถูกยิง เขาเป็นคนรักเก่าเมื่อชาติก่อนของหนูเอง”

เพชรน้ำหนึ่งในใจเต้นแรงขึ้นมา เหมือนถูกจุดประกายความหวังขึ้นใหม่ท่ามกลางใจที่เจ็บปวดเศร้าเหงาหงอยที่เคยผิดหวังจากคนที่เธอรักสุดชีวิต ถ้ายังมีอีกคนเป็นรักแท้จริงเป็นเนื้อคู่ไม่ว่าเขาอยู่แห่งหนไหนไม่ว่าเขาจะเป็นใคร ใจเธอย่อมอยากเจอเหลือเกิน

“หนึ่งอยากเจอเขาค่ะ ทำอย่างไรถึงจะได้เจอกัน แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาคือคนรักเก่าเมื่อชาติก่อน”

“ต้องระลึกชาติได้จึงสามารถล่วงรู้ได้ด้วยตัวเอง แต่หนูยังฝึกสมาธิไม่ถึงขั้นได้ฌานที่ทำให้ระลึกชาติ”

“แล้วอย่างหนึ่งจะสามารถฝึกสมาธิให้ถึงขั้นได้ฌานได้ไหมคะ”

“หนูทำจิตใจให้สงบนิ่งได้ไหมล่ะ ในขณะนั่งสมาธิจิตไม่วอกแวกไม่เผลอสติไปไหนเลย ทำได้ไหม”

“ทำไม่ค่อยได้ค่ะ เอ... แต่แม่ชีนั่งทางในได้อย่างนั้นนั่งดูให้หนึ่งได้ไหม หนึ่งอยากเจอคนรักเก่าเมื่อชาติก่อนคนที่เป็นเนื้อคู่กันแท้จริง”

“เรื่องของกรรมลิขิต แม่ชีสามารถช่วยแนะนำตักเตือนและดูให้ได้เฉพาะบางส่วนเท่านั้น บางส่วนต้องปล่อยวางให้เป็นไปตามกรรมของบุคคลนั้น”

“แล้วเมื่อไหร่จะเจอเนื้อคู่ และเมื่อไหร่จะถึงเวลาต้องชดใช้เวรกรรม อย่างนั้นหนึ่งคงไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้”

“เมื่อเวลานั้นมาถึง จะรู้ได้เอง” แม่ชีจันทร์บอก ไม่มีใครรู้ถึงความลำบากใจของท่านที่มองเห็นเหตุการณ์ในอนาคตว่าจะต้องเกิดเคราะห์กรรมขึ้นกับชะตาชีวิตของเพชรน้ำหนึ่งกับยุติและอีกคนหนึ่ง ซึ่งทั้งสามชีวิตมีเวรกรรมเรื่องความรักผูกพันข้ามพบชาติไม่อาจตัดขาดจากกัน สักวันเมื่อถึงเวลาใช้กรรมจนเหนื่อยล้าจึงจะสามารถปล่อยวางลงได้ เมื่อนั้นถึงจะยอมเปิดตาเปิดใจรู้สึกได้ถึงความจริงของชีวิตโดยไม่ต้องระลึกชาติ

คล้ายแม่ชีจันทร์ใจดำที่ไม่ยอมบอกเล่า แท้จริงแล้วแม่ชีอยากเล่าบอกที่สุด แต่รู้วาระจิตของเพชรน้ำหนึ่งว่าจะไม่เชื่อแน่นอน เหตุเพราะเคราะห์กรรมบังตาให้เข้าใจว่ากงจักรคือดอกบัวและเห็นดอกบัวเป็นกงจักร จึงจนใจไม่อาจเอ่ยปากบอกไป จำใจต้องปล่อยวาง... ปล่อยให้ทุกอย่างหมุนไปตามกงล้อแห่งโชคชะตาชีวิตชดใช้เวรกรรมกันไปเสียก่อน

“ส่วนผมรู้สึกสงบสุขลึกซึ้งอย่างบอกไม่ถูกครับ ไม่ฝันร้ายเลย” ยุติกล่าวด้วยสีหน้าสดใสอย่างคำที่บอก

แม่ชีจันทร์มีแต่ความเมตตาให้ศีลให้พร ซึ่งแน่นอนว่าผู้รับศีลรับพรหากปฏิบัติตามย่อมส่งผลดีต่อตัวผู้ปฏิบัติโดยตรง

“ดีแล้วล่ะจ้า แสดงว่ามีบุญเก่ามาเกื้อหนุน หมั่นปฏิบัติธรรมไป ถึงแม้จะลาศีลออกไปใช้ชีวิตธรรมดา แต่ถ้าพยายามรักษาศีลห้าไว้ และไม่ละทิ้งการปฏิบัติธรรมจะช่วยให้ชะตาชีวิตมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง”



..........มีเวลาว่างในตอนกลางวัน เพชรน้ำหนึ่งนั่งพักผ่อนอยู่ ยุติได้มานั่งคุยด้วย

“กำลังคิดอะไรอยู่หรือหนึ่ง” ยุติถามไม่กี่คำ แต่เพชรน้ำหนึ่งหันมาจ้องมองเขม็ง คิ้วขมวดครุ่นคิด... “สงสัยอารมณ์ไม่ดีเพราะฝันร้ายอีกแล้วล่ะสิ”

“พี่ยุตินี่เป็นใครเมื่อชาติก่อน”

“โธ่เอ๋ย... แล้วใครจะตอบได้ ไม่มีใครรู้” เขาตอบยิ้มเยือกเย็น ไม่ตึงเครียดเหมือนอย่างเธอ

“พี่ยุติเป็นผู้ชายเจ้าชู้ ถ้าไม่เจ้าชู้จะมีแฟนเยอะแยะได้ยังไง พี่ยุติอาจจะเป็นพี่ชายของหนึ่งเมื่อชาติก่อน” ในชั่วครู่เธอกลับหงุดหงิดขึ้นมา พูดว่าเขาอย่างไม่สมเหตุสมผล เหมือนจะหาเรื่องอย่างไรไม่ทราบได้

“ไม่เอาน่ายังระลึกชาติไม่ได้เลย ไม่มีเหตุผล คิดถึงแต่ชาตินี้ดีกว่า”

“ถ้าพี่ยุติเป็นพี่ชายหนึ่งเมื่อชาติก่อน ชาตินี้หนึ่งกับพี่ยุติคงต้องมาชดใช้เวรกรรมร่วมกัน เฮ้อ...” เธอถอนหายใจและทำคอตก “คิดถึงคนที่เป็นเนื้อคู่ของหนึ่ง พอแม่ชีบอก... หนึ่งยิ่งเชื่อว่าหนึ่งมีเนื้อคู่และคงจะได้พบในอนาคต แต่อยากรู้จังเมื่อไหร่จะเจอกัน แล้วเขาเป็นใครตอนนี้อยู่ที่ไหน”

“นี่ไง... นั่งอยู่ข้างหนึ่งนี่... พี่เอง” ยุติยิ้มละมัยให้เธอ เขาเข้าข้างตัวเองและชี้นิ้วที่ตัวเอง “ทำไมไม่คิดว่าเนื้อคู่หนึ่งเป็นพี่บ้างล่ะ”

“เรากำลังรักษาศีลแปดกันอยู่นะพี่ยุติ ห้ามพูดเล่น ห้ามจีบหนึ่ง มันไม่สำรวมทางวาจา แค่คิดอกุศลยังพลอยทำให้ศีลมัวหมองถึงจะไม่ผิดศีลก็เถอะ หยุดพูดเลยพี่ยุติ” เธอไม่สนใจคำพูดเขา แถมออกจะขวาง... พาลไม่พอใจคล้ายรำคาญอย่างไรชอบกล

“อ้าว... หาว่าพี่พูดเล่น แต่พี่สงสัยจริงนะทำไมหนึ่งไม่คิดว่าพี่เป็นเนื้อคู่หนึ่ง แต่กลับคิดว่าพี่เป็นพี่ชายเมื่อชาติก่อน”

“ไม่รู้... ไม่มีเหตุผล แต่ใจมันรู้สึกอย่างนั้นหนึ่งพูดไปตามความรู้สึก มีอย่างหนึ่งที่พี่ยุติเหมือนพี่ชายหนึ่งเมื่อชาติก่อนตรงที่พี่ยุติมีแฟนเยอะ”

“โธ่เอ๊ยนั่นแฟนเพลง พี่ไม่ใช่คนเจ้าชู้ ไม่เหมือนพี่ชายของหนึ่งเมื่อชาติก่อนหรอก ในชีวิตพี่ยังไม่เคยมีเมียหลายคนมาก่อนเลย”

“แน่ล่ะพี่ยุติยังอายุไม่เต็มยี่สิบห้าถ้าเคยมีเมียหลายคนมาแล้วล่ะก็... ขุนแผนคงต้องมาก้มหัวคารวะเรียก ‘ท่านพี่’ กันเลยเชียวล่ะ”

“ฮะ ฮะ ฮะ... ไม่อยากจะหัวเราะ” ยุติอดจะขำไม่ได้ “ทำไมเปรียบเทียบเสียโบร่ำโบราณสมัยอโยธยาอย่างนั้นเล่า ทำไมไม่เปรียบเทียบกับคาสโนว่า มันจะได้ดูร่วมสมัยเป็นอินเตอร์หน่อย”

“เพราะคาสโนว่าเป็นชายหนุ่มเจ้าเสน่ห์ ไม่มีวิชาไสยศาสตร์คาถาอาคม ไม่ได้เจ้าเล่ห์เจ้ากลอย่างขุนแผน แค่มองตาพี่ยุติยังรู้สึกได้ถึงความเจ้าเล่ห์”

“อ๋อ... มิน่าเล่าหนึ่งถึงไม่กล้ามองตาพี่ เห็นหลบตากันทุกทีที่พี่จ้องมอง” เขาเหล่ตามองยิ้มหวาดหยาดเยิ้ม แบบว่าส่งสายตาเจ้าชู้เข้าให้อย่างจัง

ซึ่งนั่นทำให้เธอเผลออมยิ้มเก้อเขิน ต้องรีบหลบสายตาเขาอีกคราว

“ไม่ต้องพูดมากเลยพี่ยุติไม่สำรวมทางวาจา ห้ามพูดคุยไปในทางชู้สาวเดี๋ยวศีลด่างพร้อย”

“แล้วทีหนึ่งล่ะมานั่งคิดถึงเนื้อคู่ มันไม่สำรวมทางใจนะ ทำให้ศีลมัวหมองเหมือนกันรู้ตัวหรือเปล่า”

“อืม...จริงแฮะ หนึ่งต้องพยายามสำรวมให้ได้ทั้งกายวาจาใจ ถ้ารักษาศีลให้บริสุทธิ์จะได้รับอานิสงส์มาก”



..........เมื่อครบกำหนดรักษาศีลสามวันสามคืนจึงถึงเวลากลับบ้าน ทั้งยุติและเพชรน้ำหนึ่งมากราบลาแม่ชีจันทร์

“ก่อนจะกลับไปใช้ชีวิตธรรมดาแม่ชีมีคำเตือน หากปฏิบัติตามได้จะส่งผลให้ชีวิตดำเนินไปด้วยดีไม่ต้องมีเรื่องผิดพลาดมากมายนะ” แม่ชีว่าอย่างนั้น

ยุติกับเพชรน้ำหนึ่งต่างมองหน้ากันและยอมรับฟัง

“ครับ” “ค่ะ” ทั้งคู่ประสานเสียงพร้อมกัน

“เพชรน้ำหนึ่ง หนูต้องใจเย็นอย่าเอาแต่ใจไม่ประมาท ขอให้รักษาศีลห้าให้ครบเท่านั้นเป็นพอ และอย่าทำบาปกรรมเหมือนชาติที่แล้ว ห้ามทำคุณไสย ห้ามวางยาผู้หญิงทำให้เขาต้องเสียเนื้อเสียตัวอีก เพราะมันจะไปเพิ่มบาปกรรมให้ต้องชดใช้กันยาวนานไม่รู้จักจบสิ้น เคราะห์กรรมจะย้อนมาเข้าตัวเร็วขึ้น”

“ค่ะ หนึ่งจะรักษาศีลห้าให้ครบอยู่เสมอ และทำตามคำที่แม่ชีบอกไม่ลืมค่ะ”

“ยุติเป็นคนมีสติปัญญาดี ขอให้ใช้สติปัญญาในการแก้ปัญหานะ เรื่องกิเลสรักโลภโกรธหลงมีกันทุกคน แต่ที่สำคัญต้องรู้จักระวังจิตใจระงับยับยั้งจิตใจให้ได้ อย่าทำอะไรด้วยอารมณ์ชั่ววูบมันจะเป็นบาปเป็นกรรมและทำให้ชีวิตยุ่งยากมีปัญหามาก ต่อไปถ้ายุติต้องเป็นพ่อคนต้องรักลูกให้มากคิดถึงลูกให้มาก พยายามทำในสิ่งที่ดีที่สุดถูกต้องที่สุดเพื่อลูก ๆ เพราะต่อไปในอนาคตยุติจะต้องพึ่งลูก ๆ จำคำแม่ชีไว้”

“ครับอย่างนั้นผมขอกราบลาแม่ชีครับ” ยุติก้มลงกราบ เช่นเดียวกับเพชรน้ำหนึ่งที่ทำตามเช่นกัน หลังจากนั้นจึงเดินตามกันมาที่รถยนต์ของเพชรน้ำหนึ่ง

“แปลกนะพี่ยุติที่แม่ชีห้ามหนึ่งมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ หนึ่งไม่มีวันทำเรื่องอย่างนั้น เช่น ห้ามวางยาผู้หญิงทำให้เขาต้องเสียเนื้อเสียตัว หนึ่งไม่ได้คบเพื่อนผู้หญิงและไม่เห็นจำเป็นต้องทำให้ผู้หญิงเสียเนื้อเสียตัว หนึ่งไม่ได้เป็นพวกแม่เล้าหาผู้หญิงส่งไปขายตัวสักหน่อย เรื่องคุณไสยหนึ่งไม่เคยคิดจะทำเลยสักนิด กลัวว่าคนที่โดนของจะกลายเป็นคนเสียสติ”

“พี่ว่าแม่ชีจันทร์ท่านอาจรู้เห็นอะไรที่เราไม่รู้แล้วบอกไม่ได้ ถึงได้เตือนหนึ่งอย่างนั้น”




ไตรติมา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ธ.ค. 2559, 23:09:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ธ.ค. 2559, 23:09:27 น.

จำนวนการเข้าชม : 967





<< ตอน 8 [2]   ตอน 9 [2] >>
ไตรติมา 14 ธ.ค. 2559, 20:16:25 น.
รวมเล่มเดียวจบเรื่องยาว ช่วยอุดหนุนดาวน์โหลดกันค่ะ
https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=50709
ติดตามอัพเดท-กดไลค์เพจ >> https://www.facebook.com/oranamarinlove


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account