แรงรักบุษบา (รอก่อนนะคะ)
การพบกันอย่างมีปริศนา
แต่ได้นำพา ความรัก มาสู่หัวใจทั้งสอง
"ธรรศ" นายแบบ-นักแสดงสุดหล่อ
เกิดความสนใจ "รวินท์รดา" สาวครีเอทีฟมาดห้าว
แต่เรื่องนี้ไม่ง่าย รวินท์รดา พยายามหนีให้ห่างจาก ธรรศ
ยิ่งเขาตามติด เธอก็ยิ่งวิ่งหนี
ถ้าหนีไปนอกโลกได้แล้วเขาไม่ตามเธอก็จะทำ!
แต่มันก็ไม่ง่ายสำหรับ รวินท์รดา เช่นกัน
เมื่อเธอยิ่งหนี กลับพบว่ายิ่งกลายเป็นวิ่งสามขา
ถ้าคนใดคนหนึ่งล้ม อีกคนก็เจ็บเหมือนกัน
นอกจากจะไขปริศนา "ลึกลับ"
ก็ไม่มีทางอื่น
และหัวใจก็ไม่อาจปฏิเสธ "ความรัก"
ที่เกิดขึ้นได้เช่นกัน
แต่ได้นำพา ความรัก มาสู่หัวใจทั้งสอง
"ธรรศ" นายแบบ-นักแสดงสุดหล่อ
เกิดความสนใจ "รวินท์รดา" สาวครีเอทีฟมาดห้าว
แต่เรื่องนี้ไม่ง่าย รวินท์รดา พยายามหนีให้ห่างจาก ธรรศ
ยิ่งเขาตามติด เธอก็ยิ่งวิ่งหนี
ถ้าหนีไปนอกโลกได้แล้วเขาไม่ตามเธอก็จะทำ!
แต่มันก็ไม่ง่ายสำหรับ รวินท์รดา เช่นกัน
เมื่อเธอยิ่งหนี กลับพบว่ายิ่งกลายเป็นวิ่งสามขา
ถ้าคนใดคนหนึ่งล้ม อีกคนก็เจ็บเหมือนกัน
นอกจากจะไขปริศนา "ลึกลับ"
ก็ไม่มีทางอื่น
และหัวใจก็ไม่อาจปฏิเสธ "ความรัก"
ที่เกิดขึ้นได้เช่นกัน
Tags: ปิ่นนลิน ลึกลับ ปริศนา
ตอน: ตอนที่ 12 - 100%
ตอนที่ 12 - 100% (ตอนนี่ยาวหน่อยนะคะ ฮ่าๆ)
เสียงโทรศัพท์มือถือดึงความสนใจจากหญิงสาวที่กำลังแปรงขนให้แมวเหมียวอยู่กลางห้องพัก เธออมยิ้มทันทีที่เห็นว่าเป็นวีดีโอคอลล์จากนายแบบหนุ่มสุดหล่อ
“ว่าไงคะคุณธรรศ”
“ทำอะไรอยู่ครับ” ธรรศเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มจาง ๆ รวินท์รดาเห็นภาพชายหนุ่มผ่านกล้องของโทรศัพท์มือถือ ด้านหลังของธรรศคือผนังไม้สีอ่อน ก็รู้ว่าเขาโทรมาจากบ้านของเขา
“แปรงขนให้ดาร์ลิ้งค่ะ นี่ ดาร์ลิ้งดูซิว่าใคร” รวินท์รดาลดโทรศัพท์มือถือลงจนอยู่ในระดับที่เห็นหน้าเจ้าดาร์ลิ้ง แมวเหมียวส่งเสียงร้องราวกับทักทาย ธรรศอมยิ้มให้ความน่ารักของเจ้าแมวขนฟู
“เวลานี้ผมอยากเห็นหน้าคุณมากกว่านะบัว” คนอีกฝั่งบอก รวินท์รดาเพิ่งสังเกตสีหน้าชายหนุ่ม รวมถึงเสียงของธรรศเศร้าแปลก ๆ หญิงสาวขยับโทรศัพท์มือถือขึ้นมาจ้องมองเขาอย่างสงสัย
“มีอะไรหรือเปล่าคะ หรือว่ายังเหนื่อยจากการฟิตติ้งวันนี้คะ”
“นิดหน่อยน่ะ แต่ได้เห็นหน้าบัวก็หายเหนื่อยขึ้นเยอะ” ธรรศยิ้มให้อย่างไม่สดใสนัก รวินท์รดาจึงฉีกยิ้มกว้างให้เขาแทน
“บัวว่าคุณไปนอนพักดีกว่านะ พรุ่งนี้ต้องถ่ายแบบอีกนะคะ”
“ครับ … จริงสิ ผมจะให้คุณดูอะไรนะ” ธรรศพูดจบก็หันโทรศัพท์มือถือไปที่ผนังฝั่งตรงข้าม ภาพบนหน้าจอที่หญิงสาวเห็นจึงเป็นภาพวาดดอกบัวสีเหลืองแขวนอยู่กับผนัง ช่างเหมือนกับรูปที่ห้องศิลป์ถ่ายมาฝากเธอจริง ๆ ด้วย
“เหมือนรูปที่บัวมีจริง ๆ ด้วยนะคะ” เธอบอกอย่างเห็นด้วย
ใบหน้าธรรศปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์อีกครั้ง “ใช่ไหม ผมบอกแล้ว … บัว ผมไปพักผ่อนก่อนละกันนะ ผมรักคุณนะครับ”
คำบอกรักแผ่ว ๆ แต่รู้สึกได้ถึงความละมุนผ่านแววตาคนพูด รวินท์รดาเขินจนแก้มแดง
“ค่ะ พักผ่อนเยอะ ๆ นะคะ”
พอวางสายจากกัน เธอก็ถอนหายใจออกมาเฮือกยาว ก่อนจะสะดุ้งโหยงเพราะหันไปเห็นศตายุนั่งขัดสมาธิมองเธอด้วยรอยยิ้มล้อเลียน
“คุณศตายุ! คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” รวินท์รดาหน้าแดงแป๊ดกว่าเดิม
“มาตั้งแต่ได้ยินคนบอกรักกันล่ะครับ” ศตายุยิ้มกว้าง
“มาแอบฟังคนอื่นคุยโทรศัพท์ได้ยังไงคะ” คนเขินยื่นปาก มองเทวดาหนุ่มอย่างงอน ๆ
“วันก่อนคุณเกือบโดนผีตัวนั้นทำร้าย” ศตายุเปลี่ยนเรื่องเฉย
“หรือว่าเป็นคุณที่ช่วยบัวไว้คะ ขอบคุณนะคะ” หญิงสาวแอบคิดไว้อยู่แล้วเชียวว่ารถที่ล้มก่อนจะชนเธอนั้น อาจจะเพราะเทวดาหนุ่มช่วยเธอไว้ก็ได้
“เรียกว่าช่วยได้ทันจะดีกว่า แต่ถ้า …” ศตายุถอนหายใจแทนการพูดต่อ เขาจะพูดไปได้อย่างไรว่าเขากำลังมีลางสังหรณ์ไม่ดีอยู่ ศตายุหนักใจอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี ทุกอย่างเหมือนถูกกำหนดไว้แล้ว เขาเองก็ปราบผีไม่ได้เสียด้วย
“คะ? แต่ถ้าอะไรหรือคะคุณศตายุ” รวินท์รดาขมวดคิ้ว จากสีหน้าวิตกจริงจังของเทวดาหนุ่ม
หากศตายุก็เลือกที่จะยิ้มให้เธอ แล้วบอกให้เธอสบายใจ
“ผมแค่กังวลอะไรไปเรื่อย แต่ผมเชื่อนะว่ายังไงความรักก็ชนะทุกสิ่ง ผมจะคอยปกป้องหนูบัวเท่าที่ผมทำได้” แม้ศตายุจะรำพึงเบา ๆ กับตัวเองต่อว่า “แม้อาจจะยากสักหน่อย ผมก็จะพยายาม”
แม้ปราณนท์จะกังวลว่าธรรศจะทำงานวันถ่ายแบบไหวหรือเปล่า หลังจากถูกคุณย่าไล่ออกจากบ้าน ธรรศเก็บตัวเงียบจนกระทั่งเช้า
ปราณนท์ถึงกับตื่นแต่เช้า พุ่งตรงไปบ้านหลังน้อยในสวนซึ่งเงียบสงบ พร้อมข้ออ้างในการเจอหน้าว่าจะชวนพี่ชายนั่งรถไปสนามแข่งรถซึ่งเช่าเป็นสถานที่ถ่ายแบบด้วยกัน แต่ที่หน้าบ้านหลังน้อยนั่น ปราณนท์ก็เจอต้าหลิงเอารถมารับพี่ชายก่อนแล้ว จากการสังเกตไว ๆ ช่วงก่อนธรรศขึ้นรถ ปราณนท์ยังไม่พบว่าธรรศดูเศร้ากว่าปกติตรงไหน
ตอนถ่ายแบบกับเดหลีเอง ธรรศก็ยังทำตัวปกติ ปราณนท์เองเสียอีกที่ขมวดคิ้วเครียดอยู่แทบตลอดเวลา กระทั่งถูกเดหลีทักตอนพักเบรก
ปราณนท์นั่งอยู่ใต้ร่มสนามคันใหญ่ริมถนนภายในสนามแข่งรถที่ตอนนี้ปิดไว้ทั้งสนาม
“ปิงเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” หญิงสาวใบหน้าสวยเฉี่ยวในชุดนักแข่งรัดรูปสีดำคาดขาว ซึ่งเน้นอวดทรวดทรงองค์เอวหุ่นแบบนาฬิกาทรายแตะต้นแขนชายหนุ่มเบา ๆ ปราณนท์หันมองคนถามที่เวลานี้เธอยิ่งดูเซ็กซี่กว่าปกติ ทั้งชุดรัดรูป และการปล่อยผมยาวดำประกายแดงตรงสวย
“เมื่อวานมีเรื่องที่บ้านนิดหน่อยน่ะ” ปราณนท์บ่นอย่างเครียด ๆ
“เรื่องเกี่ยวกับคุณธรรศหรือเปล่าคะ” เดหลีเลิกคิ้วถาม
“คุณรู้ได้ยังไงน่ะเดหลี” ร่างสูงทำหน้างุนงงประหลาดใจ ขณะคนเดาถูกหัวเราะคิก
“ปิงเอาแต่มองคุณธรรศตั้งแต่เช้าแล้วนี่คะ พอได้ยินว่าที่บ้านมีปัญหา เดหลีก็เลยเดาว่าอาจจะเกี่ยวกับคุณธรรศก็ได้ แต่เดหลีหวังว่าคงไม่ใช่เพราะเดหลีเป็นต้นเหตุอีกนะคะ” หญิงสาวหน้าหมองลง เพราะเหตุการณ์คราวนั้นยังฝังใจเธออยู่ เดหลีไม่คิดว่าการที่เธอยอมร่วมมือกับปราชญ์ดา เข้าหาธรรศ จะทำให้ธรรศทะเลาะกับคุณย่าอย่างรุนแรงแบบนั้น
เดหลีเองก็ทนอยู่ประเทศไทยไม่ได้เหมือนกัน เธอเลยถือโอกาสไปเรียนต่อพร้อมทำใจไปในตัว
“ไม่ใช่หรอก แต่ปัญหาก็ไม่พ้นเรื่องเดิม ๆ ทำไมพวกผู้ใหญ่ชอบจับคู่ให้นักนะ” ปราณนท์บ่นความคร่ำครึของการคลุมถุงชน จริงอยู่ผู้ใหญ่อาจจะหวังดี แต่เรื่องความรักมันบังคับกันได้ที่ไหน
แต่ปราณนท์ก็หยุดคิดกะทันหันเมื่อถูกคนสวยข้าง ๆ ใช้สองแขนกอดแขนเขาหลวม ๆ ปราณนท์เอียงมองเดหลีอย่างแปลกใจ
“งั้นเราต้องจับคู่กันเองก่อนถูกผู้ใหญ่จับคู่ให้นะคะ”
“ผมอาจจะทำให้คุณเสียใจก็ได้นะ เดหลี ตอนนี้ผมยังไม่ได้ชอบคุณขนาดนั้นเลย” ปราณนท์ใช้มือข้างที่ว่างไล้ผมหญิงสาวเล่นเบา ๆ
“แต่ก็ไมได้เกลียดกันนี่คะ ไม่อย่างนั้นปิงจะยอมไปไหนมาไหนกับเดหลีหรือ อย่างน้อยก็ถ่วงเวลาไปสักพัก ไม่อย่างนั้นทั้งคุณทั้งเดหลีคงถูกปู่ย่าตายายจับคู่แน่เลย” เดหลีอยากถอนหายใจวันละหลายรอบ ก่อนหน้านี้พ่อของเธอก็พยายามแนะนำหนุ่มธุรกิจให้ตั้งหลายคน จนเธอต้องขอให้ปราณนท์ช่วย อย่างไรถ้าคนรักเธอคือปราณนท์แล้ว พ่อของเธอก็ไม่มีทางไม่เห็นด้วย และท่านก็จะเลิกยุ่งเลิกจับคู่ให้เธอเสียที
“ว่าแต่คุณธรรศก็ดูปกติดีนะคะ ถ่ายแบบได้ดูดี เป็นมืออาชีพสุด ๆ นิสัย มารยาทต่อทีมงานก็ดี เดหลีไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงมีงานอยู่ตลอดเวลา” เดหลีบอกอย่างชื่นชม ก่อนจะถูกนิ้วของปราณนท์แตะกับริมฝีปากสีแดงของเธอ อุ่นซ่านแล่นลิ่วจากปลายนิ้วชายหนุ่มลงสู่หัวใจดวงน้อย เธอถึงกับใจเต้นแรงขึ้นมา
“ควงผมอยู่ก็อย่าพูดถึงผู้ชายคนอื่นด้วยสายตาเคลิ้มขนาดนั้นสิ” ปราณนท์เตือนหน้ามุ่ย แต่เธอกลับหัวเราะ และดึงมือใหญ่ออกจากเรียวปากของเธอ
“อย่าล้อเล่นนะคะ นี่หึงหรือไงคะ”
ปราณนท์ไม่ปฏิเสธ เขาอมยิ้มเจ้าเล่ห์พลางทำหน้าครุ่นคิดขณะตอบ “นั่นสินะ สงสัยจะหึงซะแล้วล่ะ” ก่อนจะพากันหัวเราะออกมา ชายหนุ่มคิดว่านี่คงเป็นเหตุผลที่เขายอมให้เดหลีควงเพื่อถ่วงเวลาจับคู่ สามปีก่อนปราณนท์ไม่ได้ใกล้ชิดเดหลีมากนัก ภาพลักษณ์คุณหนูทำให้เขาคิดว่าเธอน่าเบื่อ แต่พอได้คุยกันก็พบว่าเดหลีก็เป็นคนสนุกสนานดี
น้องชายรองผู้บริหารกับนางแบบสาวจำเป็นยืนคุยกันหงุงหงิงดึงสายตาคนรอบ ๆ ได้หลายคู่ ใคร ๆ ก็ต่างมองว่าทั้งคู่เหมาะสมกันดี หนึ่งในนั้นก็คือรวินท์รดา วันนี้เธอมากำกับการถ่ายแบบในส่วนของครีเอทีฟโดยต้องทำงานร่วมกับทางโปรดักชั่น เธอเพิ่งได้ยินจากพี่ ๆ ที่บริษัทเมาท์กันว่าเดหลีคืออดีตคู่หมั้นของปราชญ์ดา ซึ่งตอนนี้กลายเป็นคู่หมั้นของน้องชายไปแทน เธอมองทั้งคู่แล้วก็รู้สึกถึงบรรยากาศความรักหวานแหววจนเธอคิดถึงใครอีกคนขึ้นมา
โดยเธอไม่รู้ตัวเลยว่า ‘ใคร’ คนนั้นมายืนอยู่ด้านหลังเธอแล้ว
“คิดถึงใครอยู่หรือ”
“เฮ้ย!” รวินท์รดาอุทานอย่างตกใจ ก่อนจะถูกมือหนาของธรรศดึงให้เดินตามเขาไปตรงมุมข้างอัฒจันทร์ หลบสายตาคนอื่น ต้าหลิงแยกไปคุยโทรศัพท์กับคนจ้างงาน ส่วนพวกเจ้าหน้าที่คนงานคนอื่นกำลังพักเที่ยงจึงกระจัดกระจายต่างคนต่างไปกันหมด บางส่วนก็เตรียมตัวถ่ายเซ็ตต่อไป
ถึงธรรศจะยอมปล่อยมือของเธอ แต่เขาก็ยังมองเธอไม่วางตา
“คุณธรรศ เอ่อ มีอะไรหรือคะ” เธอมองชายหนุ่มสุดหล่อที่เวลานี้อยู่ในชุดนักแข่งรถแบบเดียวกับที่เดหลีใส่ เขาหล่อประกายจนได้ใจสาว ๆ ไปกันหมด รวมถึงเธอเองด้วย
ใจของเธอเต้นแรงยามสบตาวิ้งของเขา
“แค่อยากอยู่กับบัวเป็นส่วนตัวบ้าง” ธรรศตอบตรง ๆ
“แต่ถ้าเกิดมีคนมาเห็นเข้า” รวินท์รดาเตือนชายหนุ่ม ทว่าเขาก็ไหวไหล่ ไม่ได้หวั่นวิตกเช่นเธอเลย
“ก็บอกเขาไปสิว่าเราคบกันอยู่ จะเป็นไรไป ผมไม่อยากปิดบังหรอกนะ”
“ไม่เอาหรอกค่ะ เดี๋ยวแฟนคลับคุณได้มาดักตีหัวบัวนะคะ”
ธรรศหัวเราะ ก่อนเสีบงหัวเราะจะกลายเป็นเสียงถอนหายใจแทน
“มีอะไรหรือเปล่าคะ ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว”
ดวงตากลม ๆ กระทบแสงวับวาวนั้นสะท้อนภาพคนตัวสูง ธรรศอดกุมมือน้อยไว้อย่างทนุถนอมไม่ได้ เขารับรู้ได้ถึงความห่วงใยจริงใจผ่านดวงตาแสนสวยเบื้องหน้า
ราวกับว่า ครั้งหนึ่งเมื่อนานแสนนานมาแล้วนั้นเขามีช่วงเวลากับใครสักคนแบบนี้มาก่อน
“ขอชาร์จแบตฯ หน่อยได้ไหม” ธรรศเอ่ยถาม รวินท์รดาเบิกตากว้าง เตรียมจะถามกลับไปว่าการชาร์จแบตเตอรี่ที่เขาบอกคืออะไร หากร่างสูงโน้มลำตัวลงมาก่อน ใบหน้าของเขาเลื่อนใกล้เธอมากขึ้น และมากขึ้น รวินท์รดาอ้าปากค้าง ตาโตขึ้นเรื่อย ๆ ทำอะไรไม่ถูกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เขาจะทำอะไร … ก้มลงมาใกล้ขนาดนี้ หรือเขาจะ …
รวินท์รดาร้องลั่นในใจ สมองสั่งว่าเขาจะจูบเธอในสถานที่โล่งแจ้งแบบนี้ไม่ได้!! ไวเท่าความคิด คนตัวเกร็งรีบยกมือปิดปากตัวเอง ทว่าธรรศกลับไม่ได้จู่โจมริมฝีปากอย่างที่เธอกลัวทีแรก เขากลับแนบแก้มของเขากับแก้มของเธอแทน
“คุณธรรศ!” รวินท์รดากลอกตามองชายหนุ่ม แก้มของเธอร้อนจนแทบสุก เขาจะรู้ไหมนะ!!
“ผมมีปัญหานิดหน่อยแต่ผมคิดว่าผมสามารถแก้ไขมันได้ ขอแค่อยากได้รับพลังงานจากที่รักของผมสักหน่อย” คนเหนื่อยผละแก้มออก กลับมายืนเต็มความสูง แล้วมองคนแก้มแดงแป๊ดด้วยรอยยิ้ม
รวินท์รดาพูดอะไรไม่ออก นี่คือครั้งแรก … ตั้งแต่เกิดมาเธอเพิ่งเคยเป็นที่ชาร์จแบตเตอรี่ให้ใครสักคน แถมยังเพิ่งรู้ด้วยว่ามันมีวิธีการชาร์จด้วยการแก้มแนบแก้มแบบนี้
แต่เธอก็รู้สึกว่าวันนี้ธรรศดูเศร้า และเครียดกว่าเมื่อวาน ปัญหาของเขาคงใหญ่มากแน่นอนเลย เธอสงสัยว่าเธอจะช่วยอะไรเขาได้บ้างไหมนะ
“เอาล่ะ ได้เวลากลับไปทำงานแล้ว” ธรรศพูดจบก็จะเดินกลับไปยังจุดถ่ายแบบ แต่มือของเขาถูกรั้งไว้ ธรรศหันกลับไปมองเห็นคนตัวเล็กใช้มือสองข้างจับมือของเขาเอาไว้
“บัวไม่รู้ว่าคุณกำลังเจอปัญหาอะไร แต่มีคนคนหนึ่งบอกบัวว่าความรักย่อมชนะทุกสิ่ง คุณจะต้องผ่านมันไปได้แน่นอนค่ะ”
ธรรศเลิกคิ้วสูง ก่อนจะส่งยิ้มให้คนพูดทั้งดวงตา
“ตราบใดที่มีคุณอยู่ข้าง ๆ ผมก็จะผ่านมันไปให้ได้” เขากระชับมือหญิงสาวแน่นกว่าเดิม รอยยิ้มสดใสของรวินท์รดายิ่งผูกหัวใจธรรศไว้แน่น ธรรศยิ่งมั่นใจว่าเขาชอบรวินท์รดามากจนไม่มีทางยอมแต่งงานกับช่อแก้วตามคำสั่งของคุณย่าอย่างแน่นอน
ที่จอดรถด้านหน้าสนามแข่งรถนั้น ปราชญ์ดาที่เพิ่งประชุมสำคัญเสร็จ เขารีบบึ่งรถมาดูการถ่ายแบบด้วยตัวเอง และยังนัดนิตยสารมาสัมภาษณ์เรื่องยางรถแข่งตัวใหม่ล่าสุดด้วย แต่ก่อนจะลงจากรถ ก็เผลอถอนหายใจกับปัญหาของธรรศอีกครั้งจนได้
… อะไรทำให้คุณย่ายอมยกหลานสาวคนโปรดให้ธรรศนะ
ปราชญ์ดาจ้องมองไปที่หน้ารถขณะครุ่นคิด ทันใดนั้นเองเขาก็เห็นวิญญาณของบุษบาอีกครั้ง ปราชญ์ดายกแผ่นหลังออกจากพนักพิงเบาะรถยนต์จนหน้าอกแทบชิดพวงมาลัย ขยี้ตาก็ยังเห็นวิญญาณของบุษบายืนอยู่ เขาไม่ได้ตาฝาดไปแน่นอน
บุษบา ผู้หญิงที่หน้าตาเหมือนรวินท์รดาราวฝาแฝด ซึ่งกำลังมองเขาอย่างเศร้าปนโกรธ และตัดพ้อใส่เขา
“ทำไม ทำไมมองผมแบบนั้น อย่ามองผมแบบนั้นได้ไหม!”
ปราชญ์ดารีบเปิดประตูรถเพื่อจะออกไปถามให้รู้เรื่องว่าจะมามองหน้าเขาอย่างโกรธเคืองเกลียดชังกันทำไม เพราะเขาปวดใจกับแววตาเธอเหลือเกิน
ทว่าทันทีที่ปราชญ์ดาลงจากรถยนต์แล้ว ยังไม่ทันจะก้าวถึงตัวของบุษบา เสียงใครบางคนก็ทำให้บุษบาหายวับไป
“โอ๊ย!”
เสียงคนร้องดังพร้อมเสียงของใหญ่ ๆ หล่นดังโครม ทำให้ปราชญ์ดาหยุดคิดทุกอย่างในหัว เขาหันมองออกไปนอกรถแถวประตูทางเข้าก็เห็นชายหนุ่มในเสื้อแจ็คเก็ตสีน้ำตาลคนหนึ่งนอนแผ่อยู่กลางถนน ข้าง ๆ หนุ่มคนนั้นมีมอเตอร์ไซค์คันใหญ่สุดเท่นอนล้มเป็นเพื่อนกัน ปราชญ์ดาทันเห็นหลังรถยนต์อีกคันที่วิ่งจากไปอย่างรวดเร็ว เขาคิดว่ารถคันนั้นคงเป็นต้นเหตุทำให้หนุ่มเสื้อน้ำตาลรถล้ม
“เป็นอะไรหรือเปล่า” ปราชญ์ดารีบเข้าไปช่วยหนุ่มโชคร้าย
“ขอบคุณครับ ผมไม่เป็นไร รถคันนั้นอยู่ดี ๆ ก็ปาดมาเฉยเลย แย่ชะมัด” หนุ่มโชคร้ายบ่นพลางกุมต้นแขนข้างหนึ่งขณะลุกขึ้นยืน
“นี่ … คุณคือคนที่แอบเข้าบ้านผมนี่” ปราชญ์ดาทักทันทีเมื่อเห็นหน้าอีกฝ่าย มั่นใจ จำหน้าได้ไม่ผิดตัวแน่นอน
ห้องศิลป์เงยหน้ามองอีกฝ่าย ทันทีที่เห็นเต็มสองตาก็หลุดอุทานออกมาบ้าง
“เฮ้ย คุณหน้ายักษ์ อุ๊บ!” คนหลุดพูดรีบปิดปาก ร้องในใจว่าซวยแล้ว ซวยซ้ำซวยซ้อนจริง!
คิ้วของยักษ์กระตุก ดวงตาคมดุหรี่มองคนปากเสียไร้มารยาทตรงหน้า “อ่อ ผมเพิ่งรู้ว่าผมมีชื่ออีกชื่อ”
“เอ่อ ก็ผมไม่รู้จักชื่อคุณนี่” ห้องศิลป์คิดหาข้ออ้าง ก่อนจะโวยวายออกมา “เฮ้ย ไอ้ทุยลูกพ่อ โอ๊ยตาย ๆ มีรอยหมดเลย” พลางลูบถูไถบิ๊กไบค์รุ่นครุยเซอร์สีแดงดำสุดเท่ไปพลาง โอดครวญไปพลาง
“นี่ไม่เจ็บตัวมากก็ดีมากแล้วนะ ขับบิ๊กไบค์ล้มไม่พิการไม่ตายก็บุญแล้ว” ปราชญ์ดาขมวดคิ้วกับอาการโอเวอร์ของอีกฝ่าย
“แต่คันนี้กว่าผมจะเก็บตังค์ซื้อได้มันนานนะคุณ ยังผ่อนไม่หมดด้วย พวกคนรวยอย่างคุณไม่เข้าใจหรอก คนอะไรไม่มีความอ่อนโยนในชีวิต โสดแน่ ๆ เลยคุณน่ะ” ห้องศิลป์ประคองรถขึ้นมาตั้งไว้ อดเหน็บ อดว่าคุณมหาเศรษฐีไม่ได้
มีหรือปราชญ์ดาจะระคายกับคำพูดของคนเด็กกว่า เขายักไหล่ ยอมรับทุกอย่าง ท่าทางโอหังจนน่าหมั่นไส้
“ใช่ผมรวย ผมไม่เข้าใจหรอกว่าของชิ้นหนึ่งกับชีวิตคุณ ทำไมคุณถึงห่วงของไร้ชีวิตนี่ ราคาแพงแค่ไหนก็เทียบกับชีวิตคุณไม่ได้หรอกนะ แล้วก็จริงที่ว่าผมไม่มีความอ่อนโยนกับใคร มันไม่จำเป็น” ปราชญ์ดายังบ่นอีก ไม่ให้อีกฝ่ายเปิดปากเถียงอะไรกลับ
“สุดท้ายผมยังโสด ... แต่ผมก็ไม่จำเป็นต้องบอกให้คุณรู้สักหน่อย … พูดมากได้ขนาดนี้แปลว่ายังไม่ตาย ผมไปล่ะ เสียเวลา!” ก่อนคนวางท่าใหญ่คับฟ้าจะหันหลังเดินจากไป
คนฟังตะโกนไล่หลังอีกฝ่าย “ใครกันแน่วะที่พูดมาก!” ทั้งกำหมัดขึ้นสูง นึกอยากจะเขวี้ยงอะไรสักอย่างใส่หลังคนน่าหมั่นไส้
“พี่ปั้น มาแล้วหรือครับ” ปราณนท์ทักพี่ชายที่เดินหน้าตูมเข้ามาใต้ร่มสนาม “ลูกค้าไม่โอเคหรือครับ หน้าบูดเชียว”
“เจอเรื่องอารมณ์เสียมามากกว่า แล้วนี่ถ่ายแบบเป็นไงบ้าง” ปราชญ์ดาสอบถามความคืบหน้าของงาน พลางมองธรรศซึ่งยืนพิงรถแข่งนำเข้าสุดเท่ราคาเกือบแปดสิบล้าน โดยโอบเดหลีไว้ข้างตัว โพสต์ท่าถ่ายรูปอย่างมืออาชีพ
“ก็ดีครับ จริงสิคุณคนที่จะสัมภาษณ์พี่มาถึงแล้วนะ” ปราณนท์ตอบคำถามค้างแค่นี้ เพราะเห็นพี่ชายหันไปสนใจเสียงดังของใครบางคนแทนเขา และพบว่าเป็นผู้ชายในเสื้อแจ็คเก๊ตสีน้ำตาลกำลังยืนคุยกับรวินท์รดาและผู้หญิงอีกคนอย่างสนิทสนม
คนตื่นเต้นกับรถแข่งมากที่สุด ตาวาววับเลยทีเดียว
“นี่อะเหรอรถแข่งสุดโหดนั่น สุดยอดเลย โคตรเท่!!”
“อาร์ตี้เบา ๆ สิ” รวินท์รดาเตือนเพื่อนซี้หนุ่มที่คลั่งรถมากไม่ให้ตื่นเต้นมากเกินไป กลัวจะหัวใจวายตายไปก่อน
คิ้วของปราชญ์ดาขมวดกับเจ้าของเสียงดังในเสื้อแจ็คเก็ตสีน้ำตาล ก่อนจะลุกตรงไปหาพร้อมเตือนให้หญิงสาวชายหนุ่มได้รู้
“นี่เวลาทำงานนะครับคุณบัว และผมไม่ต้องการให้คนไม่เกี่ยวข้องเข้ามาวุ่นวายกับการถ่ายแบบ”
“แต่ว่า นี่คือช่างภาพกับคนจากนิตยสารที่จะมาสัมภาษณ์คุณนะคะ คุณปราชญ์ดา” รวินท์รดาแนะนำให้ปราชญ์ดาให้รู้จักกับคนสัมภาษณ์สาว รวมถึงเพื่อนสนิทของเธอ “นี่คือคุณมิว กับอาร์ตี้ อาร์ตี้เป็นช่างภาพ และเป็นเพื่อนบัวเองค่ะ”
ได้เวลาเอาคืน … ปราชญ์ดาขยับมุมปากสูงจนเกิดรอยยิ้มน่ากลัว
“ถ้าเป็นผู้ชายคนนี้ ผมไม่ให้สัมภาษณ์อะไรทั้งนั้น ไปเปลี่ยนช่างภาพมา!” ปราชญ์ดาพูดจบก็เดินกลับไปนั่งข้าง ๆ น้องชายเช่นเดิม ทิ้งไว้แต่คำประกาศที่ไม่ต่างกับมีดจ่อคอหอยห้องศิลป์อยู่
กว่าจะได้โอกาสเข้ามาถ่ายรูป สัมภาษณ์โปรเจ็ครถแข่งราคาแพงระยับเป็นเจ้าแรก ถ้าไม่ได้สัมภาษณ์งานนี้ มีหวังเขาต้องโดนบก. เชือดแน่ ๆ !!
จบตอนที่ 12
เอานิยายมาส่งค่า
ช่วงนี้แอบเหนื่อย
อยากชาร์จแบตฯ บ้างจังงง อิอิ
คุณ Kaelek - ช่อแก้วจะป่วนได้มากกว่านี้อีกค่ะ ปวดหัวกันไป แต่พี่ปั้นกันซีนให้ได้ค่ะ
คุณ พอใจ - ฉุดไปเลยน่าจะดีนะคะ ฮ่า ๆ
คุณ แว่นใส - รอดูนะคะว่าช่อแก้วจะทำยังไงต่อ ><
พบกันใหม่ตอนหน้าค่ะ สวัสดีค่ะ
เสียงโทรศัพท์มือถือดึงความสนใจจากหญิงสาวที่กำลังแปรงขนให้แมวเหมียวอยู่กลางห้องพัก เธออมยิ้มทันทีที่เห็นว่าเป็นวีดีโอคอลล์จากนายแบบหนุ่มสุดหล่อ
“ว่าไงคะคุณธรรศ”
“ทำอะไรอยู่ครับ” ธรรศเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มจาง ๆ รวินท์รดาเห็นภาพชายหนุ่มผ่านกล้องของโทรศัพท์มือถือ ด้านหลังของธรรศคือผนังไม้สีอ่อน ก็รู้ว่าเขาโทรมาจากบ้านของเขา
“แปรงขนให้ดาร์ลิ้งค่ะ นี่ ดาร์ลิ้งดูซิว่าใคร” รวินท์รดาลดโทรศัพท์มือถือลงจนอยู่ในระดับที่เห็นหน้าเจ้าดาร์ลิ้ง แมวเหมียวส่งเสียงร้องราวกับทักทาย ธรรศอมยิ้มให้ความน่ารักของเจ้าแมวขนฟู
“เวลานี้ผมอยากเห็นหน้าคุณมากกว่านะบัว” คนอีกฝั่งบอก รวินท์รดาเพิ่งสังเกตสีหน้าชายหนุ่ม รวมถึงเสียงของธรรศเศร้าแปลก ๆ หญิงสาวขยับโทรศัพท์มือถือขึ้นมาจ้องมองเขาอย่างสงสัย
“มีอะไรหรือเปล่าคะ หรือว่ายังเหนื่อยจากการฟิตติ้งวันนี้คะ”
“นิดหน่อยน่ะ แต่ได้เห็นหน้าบัวก็หายเหนื่อยขึ้นเยอะ” ธรรศยิ้มให้อย่างไม่สดใสนัก รวินท์รดาจึงฉีกยิ้มกว้างให้เขาแทน
“บัวว่าคุณไปนอนพักดีกว่านะ พรุ่งนี้ต้องถ่ายแบบอีกนะคะ”
“ครับ … จริงสิ ผมจะให้คุณดูอะไรนะ” ธรรศพูดจบก็หันโทรศัพท์มือถือไปที่ผนังฝั่งตรงข้าม ภาพบนหน้าจอที่หญิงสาวเห็นจึงเป็นภาพวาดดอกบัวสีเหลืองแขวนอยู่กับผนัง ช่างเหมือนกับรูปที่ห้องศิลป์ถ่ายมาฝากเธอจริง ๆ ด้วย
“เหมือนรูปที่บัวมีจริง ๆ ด้วยนะคะ” เธอบอกอย่างเห็นด้วย
ใบหน้าธรรศปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์อีกครั้ง “ใช่ไหม ผมบอกแล้ว … บัว ผมไปพักผ่อนก่อนละกันนะ ผมรักคุณนะครับ”
คำบอกรักแผ่ว ๆ แต่รู้สึกได้ถึงความละมุนผ่านแววตาคนพูด รวินท์รดาเขินจนแก้มแดง
“ค่ะ พักผ่อนเยอะ ๆ นะคะ”
พอวางสายจากกัน เธอก็ถอนหายใจออกมาเฮือกยาว ก่อนจะสะดุ้งโหยงเพราะหันไปเห็นศตายุนั่งขัดสมาธิมองเธอด้วยรอยยิ้มล้อเลียน
“คุณศตายุ! คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” รวินท์รดาหน้าแดงแป๊ดกว่าเดิม
“มาตั้งแต่ได้ยินคนบอกรักกันล่ะครับ” ศตายุยิ้มกว้าง
“มาแอบฟังคนอื่นคุยโทรศัพท์ได้ยังไงคะ” คนเขินยื่นปาก มองเทวดาหนุ่มอย่างงอน ๆ
“วันก่อนคุณเกือบโดนผีตัวนั้นทำร้าย” ศตายุเปลี่ยนเรื่องเฉย
“หรือว่าเป็นคุณที่ช่วยบัวไว้คะ ขอบคุณนะคะ” หญิงสาวแอบคิดไว้อยู่แล้วเชียวว่ารถที่ล้มก่อนจะชนเธอนั้น อาจจะเพราะเทวดาหนุ่มช่วยเธอไว้ก็ได้
“เรียกว่าช่วยได้ทันจะดีกว่า แต่ถ้า …” ศตายุถอนหายใจแทนการพูดต่อ เขาจะพูดไปได้อย่างไรว่าเขากำลังมีลางสังหรณ์ไม่ดีอยู่ ศตายุหนักใจอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี ทุกอย่างเหมือนถูกกำหนดไว้แล้ว เขาเองก็ปราบผีไม่ได้เสียด้วย
“คะ? แต่ถ้าอะไรหรือคะคุณศตายุ” รวินท์รดาขมวดคิ้ว จากสีหน้าวิตกจริงจังของเทวดาหนุ่ม
หากศตายุก็เลือกที่จะยิ้มให้เธอ แล้วบอกให้เธอสบายใจ
“ผมแค่กังวลอะไรไปเรื่อย แต่ผมเชื่อนะว่ายังไงความรักก็ชนะทุกสิ่ง ผมจะคอยปกป้องหนูบัวเท่าที่ผมทำได้” แม้ศตายุจะรำพึงเบา ๆ กับตัวเองต่อว่า “แม้อาจจะยากสักหน่อย ผมก็จะพยายาม”
แม้ปราณนท์จะกังวลว่าธรรศจะทำงานวันถ่ายแบบไหวหรือเปล่า หลังจากถูกคุณย่าไล่ออกจากบ้าน ธรรศเก็บตัวเงียบจนกระทั่งเช้า
ปราณนท์ถึงกับตื่นแต่เช้า พุ่งตรงไปบ้านหลังน้อยในสวนซึ่งเงียบสงบ พร้อมข้ออ้างในการเจอหน้าว่าจะชวนพี่ชายนั่งรถไปสนามแข่งรถซึ่งเช่าเป็นสถานที่ถ่ายแบบด้วยกัน แต่ที่หน้าบ้านหลังน้อยนั่น ปราณนท์ก็เจอต้าหลิงเอารถมารับพี่ชายก่อนแล้ว จากการสังเกตไว ๆ ช่วงก่อนธรรศขึ้นรถ ปราณนท์ยังไม่พบว่าธรรศดูเศร้ากว่าปกติตรงไหน
ตอนถ่ายแบบกับเดหลีเอง ธรรศก็ยังทำตัวปกติ ปราณนท์เองเสียอีกที่ขมวดคิ้วเครียดอยู่แทบตลอดเวลา กระทั่งถูกเดหลีทักตอนพักเบรก
ปราณนท์นั่งอยู่ใต้ร่มสนามคันใหญ่ริมถนนภายในสนามแข่งรถที่ตอนนี้ปิดไว้ทั้งสนาม
“ปิงเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” หญิงสาวใบหน้าสวยเฉี่ยวในชุดนักแข่งรัดรูปสีดำคาดขาว ซึ่งเน้นอวดทรวดทรงองค์เอวหุ่นแบบนาฬิกาทรายแตะต้นแขนชายหนุ่มเบา ๆ ปราณนท์หันมองคนถามที่เวลานี้เธอยิ่งดูเซ็กซี่กว่าปกติ ทั้งชุดรัดรูป และการปล่อยผมยาวดำประกายแดงตรงสวย
“เมื่อวานมีเรื่องที่บ้านนิดหน่อยน่ะ” ปราณนท์บ่นอย่างเครียด ๆ
“เรื่องเกี่ยวกับคุณธรรศหรือเปล่าคะ” เดหลีเลิกคิ้วถาม
“คุณรู้ได้ยังไงน่ะเดหลี” ร่างสูงทำหน้างุนงงประหลาดใจ ขณะคนเดาถูกหัวเราะคิก
“ปิงเอาแต่มองคุณธรรศตั้งแต่เช้าแล้วนี่คะ พอได้ยินว่าที่บ้านมีปัญหา เดหลีก็เลยเดาว่าอาจจะเกี่ยวกับคุณธรรศก็ได้ แต่เดหลีหวังว่าคงไม่ใช่เพราะเดหลีเป็นต้นเหตุอีกนะคะ” หญิงสาวหน้าหมองลง เพราะเหตุการณ์คราวนั้นยังฝังใจเธออยู่ เดหลีไม่คิดว่าการที่เธอยอมร่วมมือกับปราชญ์ดา เข้าหาธรรศ จะทำให้ธรรศทะเลาะกับคุณย่าอย่างรุนแรงแบบนั้น
เดหลีเองก็ทนอยู่ประเทศไทยไม่ได้เหมือนกัน เธอเลยถือโอกาสไปเรียนต่อพร้อมทำใจไปในตัว
“ไม่ใช่หรอก แต่ปัญหาก็ไม่พ้นเรื่องเดิม ๆ ทำไมพวกผู้ใหญ่ชอบจับคู่ให้นักนะ” ปราณนท์บ่นความคร่ำครึของการคลุมถุงชน จริงอยู่ผู้ใหญ่อาจจะหวังดี แต่เรื่องความรักมันบังคับกันได้ที่ไหน
แต่ปราณนท์ก็หยุดคิดกะทันหันเมื่อถูกคนสวยข้าง ๆ ใช้สองแขนกอดแขนเขาหลวม ๆ ปราณนท์เอียงมองเดหลีอย่างแปลกใจ
“งั้นเราต้องจับคู่กันเองก่อนถูกผู้ใหญ่จับคู่ให้นะคะ”
“ผมอาจจะทำให้คุณเสียใจก็ได้นะ เดหลี ตอนนี้ผมยังไม่ได้ชอบคุณขนาดนั้นเลย” ปราณนท์ใช้มือข้างที่ว่างไล้ผมหญิงสาวเล่นเบา ๆ
“แต่ก็ไมได้เกลียดกันนี่คะ ไม่อย่างนั้นปิงจะยอมไปไหนมาไหนกับเดหลีหรือ อย่างน้อยก็ถ่วงเวลาไปสักพัก ไม่อย่างนั้นทั้งคุณทั้งเดหลีคงถูกปู่ย่าตายายจับคู่แน่เลย” เดหลีอยากถอนหายใจวันละหลายรอบ ก่อนหน้านี้พ่อของเธอก็พยายามแนะนำหนุ่มธุรกิจให้ตั้งหลายคน จนเธอต้องขอให้ปราณนท์ช่วย อย่างไรถ้าคนรักเธอคือปราณนท์แล้ว พ่อของเธอก็ไม่มีทางไม่เห็นด้วย และท่านก็จะเลิกยุ่งเลิกจับคู่ให้เธอเสียที
“ว่าแต่คุณธรรศก็ดูปกติดีนะคะ ถ่ายแบบได้ดูดี เป็นมืออาชีพสุด ๆ นิสัย มารยาทต่อทีมงานก็ดี เดหลีไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงมีงานอยู่ตลอดเวลา” เดหลีบอกอย่างชื่นชม ก่อนจะถูกนิ้วของปราณนท์แตะกับริมฝีปากสีแดงของเธอ อุ่นซ่านแล่นลิ่วจากปลายนิ้วชายหนุ่มลงสู่หัวใจดวงน้อย เธอถึงกับใจเต้นแรงขึ้นมา
“ควงผมอยู่ก็อย่าพูดถึงผู้ชายคนอื่นด้วยสายตาเคลิ้มขนาดนั้นสิ” ปราณนท์เตือนหน้ามุ่ย แต่เธอกลับหัวเราะ และดึงมือใหญ่ออกจากเรียวปากของเธอ
“อย่าล้อเล่นนะคะ นี่หึงหรือไงคะ”
ปราณนท์ไม่ปฏิเสธ เขาอมยิ้มเจ้าเล่ห์พลางทำหน้าครุ่นคิดขณะตอบ “นั่นสินะ สงสัยจะหึงซะแล้วล่ะ” ก่อนจะพากันหัวเราะออกมา ชายหนุ่มคิดว่านี่คงเป็นเหตุผลที่เขายอมให้เดหลีควงเพื่อถ่วงเวลาจับคู่ สามปีก่อนปราณนท์ไม่ได้ใกล้ชิดเดหลีมากนัก ภาพลักษณ์คุณหนูทำให้เขาคิดว่าเธอน่าเบื่อ แต่พอได้คุยกันก็พบว่าเดหลีก็เป็นคนสนุกสนานดี
น้องชายรองผู้บริหารกับนางแบบสาวจำเป็นยืนคุยกันหงุงหงิงดึงสายตาคนรอบ ๆ ได้หลายคู่ ใคร ๆ ก็ต่างมองว่าทั้งคู่เหมาะสมกันดี หนึ่งในนั้นก็คือรวินท์รดา วันนี้เธอมากำกับการถ่ายแบบในส่วนของครีเอทีฟโดยต้องทำงานร่วมกับทางโปรดักชั่น เธอเพิ่งได้ยินจากพี่ ๆ ที่บริษัทเมาท์กันว่าเดหลีคืออดีตคู่หมั้นของปราชญ์ดา ซึ่งตอนนี้กลายเป็นคู่หมั้นของน้องชายไปแทน เธอมองทั้งคู่แล้วก็รู้สึกถึงบรรยากาศความรักหวานแหววจนเธอคิดถึงใครอีกคนขึ้นมา
โดยเธอไม่รู้ตัวเลยว่า ‘ใคร’ คนนั้นมายืนอยู่ด้านหลังเธอแล้ว
“คิดถึงใครอยู่หรือ”
“เฮ้ย!” รวินท์รดาอุทานอย่างตกใจ ก่อนจะถูกมือหนาของธรรศดึงให้เดินตามเขาไปตรงมุมข้างอัฒจันทร์ หลบสายตาคนอื่น ต้าหลิงแยกไปคุยโทรศัพท์กับคนจ้างงาน ส่วนพวกเจ้าหน้าที่คนงานคนอื่นกำลังพักเที่ยงจึงกระจัดกระจายต่างคนต่างไปกันหมด บางส่วนก็เตรียมตัวถ่ายเซ็ตต่อไป
ถึงธรรศจะยอมปล่อยมือของเธอ แต่เขาก็ยังมองเธอไม่วางตา
“คุณธรรศ เอ่อ มีอะไรหรือคะ” เธอมองชายหนุ่มสุดหล่อที่เวลานี้อยู่ในชุดนักแข่งรถแบบเดียวกับที่เดหลีใส่ เขาหล่อประกายจนได้ใจสาว ๆ ไปกันหมด รวมถึงเธอเองด้วย
ใจของเธอเต้นแรงยามสบตาวิ้งของเขา
“แค่อยากอยู่กับบัวเป็นส่วนตัวบ้าง” ธรรศตอบตรง ๆ
“แต่ถ้าเกิดมีคนมาเห็นเข้า” รวินท์รดาเตือนชายหนุ่ม ทว่าเขาก็ไหวไหล่ ไม่ได้หวั่นวิตกเช่นเธอเลย
“ก็บอกเขาไปสิว่าเราคบกันอยู่ จะเป็นไรไป ผมไม่อยากปิดบังหรอกนะ”
“ไม่เอาหรอกค่ะ เดี๋ยวแฟนคลับคุณได้มาดักตีหัวบัวนะคะ”
ธรรศหัวเราะ ก่อนเสีบงหัวเราะจะกลายเป็นเสียงถอนหายใจแทน
“มีอะไรหรือเปล่าคะ ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว”
ดวงตากลม ๆ กระทบแสงวับวาวนั้นสะท้อนภาพคนตัวสูง ธรรศอดกุมมือน้อยไว้อย่างทนุถนอมไม่ได้ เขารับรู้ได้ถึงความห่วงใยจริงใจผ่านดวงตาแสนสวยเบื้องหน้า
ราวกับว่า ครั้งหนึ่งเมื่อนานแสนนานมาแล้วนั้นเขามีช่วงเวลากับใครสักคนแบบนี้มาก่อน
“ขอชาร์จแบตฯ หน่อยได้ไหม” ธรรศเอ่ยถาม รวินท์รดาเบิกตากว้าง เตรียมจะถามกลับไปว่าการชาร์จแบตเตอรี่ที่เขาบอกคืออะไร หากร่างสูงโน้มลำตัวลงมาก่อน ใบหน้าของเขาเลื่อนใกล้เธอมากขึ้น และมากขึ้น รวินท์รดาอ้าปากค้าง ตาโตขึ้นเรื่อย ๆ ทำอะไรไม่ถูกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เขาจะทำอะไร … ก้มลงมาใกล้ขนาดนี้ หรือเขาจะ …
รวินท์รดาร้องลั่นในใจ สมองสั่งว่าเขาจะจูบเธอในสถานที่โล่งแจ้งแบบนี้ไม่ได้!! ไวเท่าความคิด คนตัวเกร็งรีบยกมือปิดปากตัวเอง ทว่าธรรศกลับไม่ได้จู่โจมริมฝีปากอย่างที่เธอกลัวทีแรก เขากลับแนบแก้มของเขากับแก้มของเธอแทน
“คุณธรรศ!” รวินท์รดากลอกตามองชายหนุ่ม แก้มของเธอร้อนจนแทบสุก เขาจะรู้ไหมนะ!!
“ผมมีปัญหานิดหน่อยแต่ผมคิดว่าผมสามารถแก้ไขมันได้ ขอแค่อยากได้รับพลังงานจากที่รักของผมสักหน่อย” คนเหนื่อยผละแก้มออก กลับมายืนเต็มความสูง แล้วมองคนแก้มแดงแป๊ดด้วยรอยยิ้ม
รวินท์รดาพูดอะไรไม่ออก นี่คือครั้งแรก … ตั้งแต่เกิดมาเธอเพิ่งเคยเป็นที่ชาร์จแบตเตอรี่ให้ใครสักคน แถมยังเพิ่งรู้ด้วยว่ามันมีวิธีการชาร์จด้วยการแก้มแนบแก้มแบบนี้
แต่เธอก็รู้สึกว่าวันนี้ธรรศดูเศร้า และเครียดกว่าเมื่อวาน ปัญหาของเขาคงใหญ่มากแน่นอนเลย เธอสงสัยว่าเธอจะช่วยอะไรเขาได้บ้างไหมนะ
“เอาล่ะ ได้เวลากลับไปทำงานแล้ว” ธรรศพูดจบก็จะเดินกลับไปยังจุดถ่ายแบบ แต่มือของเขาถูกรั้งไว้ ธรรศหันกลับไปมองเห็นคนตัวเล็กใช้มือสองข้างจับมือของเขาเอาไว้
“บัวไม่รู้ว่าคุณกำลังเจอปัญหาอะไร แต่มีคนคนหนึ่งบอกบัวว่าความรักย่อมชนะทุกสิ่ง คุณจะต้องผ่านมันไปได้แน่นอนค่ะ”
ธรรศเลิกคิ้วสูง ก่อนจะส่งยิ้มให้คนพูดทั้งดวงตา
“ตราบใดที่มีคุณอยู่ข้าง ๆ ผมก็จะผ่านมันไปให้ได้” เขากระชับมือหญิงสาวแน่นกว่าเดิม รอยยิ้มสดใสของรวินท์รดายิ่งผูกหัวใจธรรศไว้แน่น ธรรศยิ่งมั่นใจว่าเขาชอบรวินท์รดามากจนไม่มีทางยอมแต่งงานกับช่อแก้วตามคำสั่งของคุณย่าอย่างแน่นอน
ที่จอดรถด้านหน้าสนามแข่งรถนั้น ปราชญ์ดาที่เพิ่งประชุมสำคัญเสร็จ เขารีบบึ่งรถมาดูการถ่ายแบบด้วยตัวเอง และยังนัดนิตยสารมาสัมภาษณ์เรื่องยางรถแข่งตัวใหม่ล่าสุดด้วย แต่ก่อนจะลงจากรถ ก็เผลอถอนหายใจกับปัญหาของธรรศอีกครั้งจนได้
… อะไรทำให้คุณย่ายอมยกหลานสาวคนโปรดให้ธรรศนะ
ปราชญ์ดาจ้องมองไปที่หน้ารถขณะครุ่นคิด ทันใดนั้นเองเขาก็เห็นวิญญาณของบุษบาอีกครั้ง ปราชญ์ดายกแผ่นหลังออกจากพนักพิงเบาะรถยนต์จนหน้าอกแทบชิดพวงมาลัย ขยี้ตาก็ยังเห็นวิญญาณของบุษบายืนอยู่ เขาไม่ได้ตาฝาดไปแน่นอน
บุษบา ผู้หญิงที่หน้าตาเหมือนรวินท์รดาราวฝาแฝด ซึ่งกำลังมองเขาอย่างเศร้าปนโกรธ และตัดพ้อใส่เขา
“ทำไม ทำไมมองผมแบบนั้น อย่ามองผมแบบนั้นได้ไหม!”
ปราชญ์ดารีบเปิดประตูรถเพื่อจะออกไปถามให้รู้เรื่องว่าจะมามองหน้าเขาอย่างโกรธเคืองเกลียดชังกันทำไม เพราะเขาปวดใจกับแววตาเธอเหลือเกิน
ทว่าทันทีที่ปราชญ์ดาลงจากรถยนต์แล้ว ยังไม่ทันจะก้าวถึงตัวของบุษบา เสียงใครบางคนก็ทำให้บุษบาหายวับไป
“โอ๊ย!”
เสียงคนร้องดังพร้อมเสียงของใหญ่ ๆ หล่นดังโครม ทำให้ปราชญ์ดาหยุดคิดทุกอย่างในหัว เขาหันมองออกไปนอกรถแถวประตูทางเข้าก็เห็นชายหนุ่มในเสื้อแจ็คเก็ตสีน้ำตาลคนหนึ่งนอนแผ่อยู่กลางถนน ข้าง ๆ หนุ่มคนนั้นมีมอเตอร์ไซค์คันใหญ่สุดเท่นอนล้มเป็นเพื่อนกัน ปราชญ์ดาทันเห็นหลังรถยนต์อีกคันที่วิ่งจากไปอย่างรวดเร็ว เขาคิดว่ารถคันนั้นคงเป็นต้นเหตุทำให้หนุ่มเสื้อน้ำตาลรถล้ม
“เป็นอะไรหรือเปล่า” ปราชญ์ดารีบเข้าไปช่วยหนุ่มโชคร้าย
“ขอบคุณครับ ผมไม่เป็นไร รถคันนั้นอยู่ดี ๆ ก็ปาดมาเฉยเลย แย่ชะมัด” หนุ่มโชคร้ายบ่นพลางกุมต้นแขนข้างหนึ่งขณะลุกขึ้นยืน
“นี่ … คุณคือคนที่แอบเข้าบ้านผมนี่” ปราชญ์ดาทักทันทีเมื่อเห็นหน้าอีกฝ่าย มั่นใจ จำหน้าได้ไม่ผิดตัวแน่นอน
ห้องศิลป์เงยหน้ามองอีกฝ่าย ทันทีที่เห็นเต็มสองตาก็หลุดอุทานออกมาบ้าง
“เฮ้ย คุณหน้ายักษ์ อุ๊บ!” คนหลุดพูดรีบปิดปาก ร้องในใจว่าซวยแล้ว ซวยซ้ำซวยซ้อนจริง!
คิ้วของยักษ์กระตุก ดวงตาคมดุหรี่มองคนปากเสียไร้มารยาทตรงหน้า “อ่อ ผมเพิ่งรู้ว่าผมมีชื่ออีกชื่อ”
“เอ่อ ก็ผมไม่รู้จักชื่อคุณนี่” ห้องศิลป์คิดหาข้ออ้าง ก่อนจะโวยวายออกมา “เฮ้ย ไอ้ทุยลูกพ่อ โอ๊ยตาย ๆ มีรอยหมดเลย” พลางลูบถูไถบิ๊กไบค์รุ่นครุยเซอร์สีแดงดำสุดเท่ไปพลาง โอดครวญไปพลาง
“นี่ไม่เจ็บตัวมากก็ดีมากแล้วนะ ขับบิ๊กไบค์ล้มไม่พิการไม่ตายก็บุญแล้ว” ปราชญ์ดาขมวดคิ้วกับอาการโอเวอร์ของอีกฝ่าย
“แต่คันนี้กว่าผมจะเก็บตังค์ซื้อได้มันนานนะคุณ ยังผ่อนไม่หมดด้วย พวกคนรวยอย่างคุณไม่เข้าใจหรอก คนอะไรไม่มีความอ่อนโยนในชีวิต โสดแน่ ๆ เลยคุณน่ะ” ห้องศิลป์ประคองรถขึ้นมาตั้งไว้ อดเหน็บ อดว่าคุณมหาเศรษฐีไม่ได้
มีหรือปราชญ์ดาจะระคายกับคำพูดของคนเด็กกว่า เขายักไหล่ ยอมรับทุกอย่าง ท่าทางโอหังจนน่าหมั่นไส้
“ใช่ผมรวย ผมไม่เข้าใจหรอกว่าของชิ้นหนึ่งกับชีวิตคุณ ทำไมคุณถึงห่วงของไร้ชีวิตนี่ ราคาแพงแค่ไหนก็เทียบกับชีวิตคุณไม่ได้หรอกนะ แล้วก็จริงที่ว่าผมไม่มีความอ่อนโยนกับใคร มันไม่จำเป็น” ปราชญ์ดายังบ่นอีก ไม่ให้อีกฝ่ายเปิดปากเถียงอะไรกลับ
“สุดท้ายผมยังโสด ... แต่ผมก็ไม่จำเป็นต้องบอกให้คุณรู้สักหน่อย … พูดมากได้ขนาดนี้แปลว่ายังไม่ตาย ผมไปล่ะ เสียเวลา!” ก่อนคนวางท่าใหญ่คับฟ้าจะหันหลังเดินจากไป
คนฟังตะโกนไล่หลังอีกฝ่าย “ใครกันแน่วะที่พูดมาก!” ทั้งกำหมัดขึ้นสูง นึกอยากจะเขวี้ยงอะไรสักอย่างใส่หลังคนน่าหมั่นไส้
“พี่ปั้น มาแล้วหรือครับ” ปราณนท์ทักพี่ชายที่เดินหน้าตูมเข้ามาใต้ร่มสนาม “ลูกค้าไม่โอเคหรือครับ หน้าบูดเชียว”
“เจอเรื่องอารมณ์เสียมามากกว่า แล้วนี่ถ่ายแบบเป็นไงบ้าง” ปราชญ์ดาสอบถามความคืบหน้าของงาน พลางมองธรรศซึ่งยืนพิงรถแข่งนำเข้าสุดเท่ราคาเกือบแปดสิบล้าน โดยโอบเดหลีไว้ข้างตัว โพสต์ท่าถ่ายรูปอย่างมืออาชีพ
“ก็ดีครับ จริงสิคุณคนที่จะสัมภาษณ์พี่มาถึงแล้วนะ” ปราณนท์ตอบคำถามค้างแค่นี้ เพราะเห็นพี่ชายหันไปสนใจเสียงดังของใครบางคนแทนเขา และพบว่าเป็นผู้ชายในเสื้อแจ็คเก๊ตสีน้ำตาลกำลังยืนคุยกับรวินท์รดาและผู้หญิงอีกคนอย่างสนิทสนม
คนตื่นเต้นกับรถแข่งมากที่สุด ตาวาววับเลยทีเดียว
“นี่อะเหรอรถแข่งสุดโหดนั่น สุดยอดเลย โคตรเท่!!”
“อาร์ตี้เบา ๆ สิ” รวินท์รดาเตือนเพื่อนซี้หนุ่มที่คลั่งรถมากไม่ให้ตื่นเต้นมากเกินไป กลัวจะหัวใจวายตายไปก่อน
คิ้วของปราชญ์ดาขมวดกับเจ้าของเสียงดังในเสื้อแจ็คเก็ตสีน้ำตาล ก่อนจะลุกตรงไปหาพร้อมเตือนให้หญิงสาวชายหนุ่มได้รู้
“นี่เวลาทำงานนะครับคุณบัว และผมไม่ต้องการให้คนไม่เกี่ยวข้องเข้ามาวุ่นวายกับการถ่ายแบบ”
“แต่ว่า นี่คือช่างภาพกับคนจากนิตยสารที่จะมาสัมภาษณ์คุณนะคะ คุณปราชญ์ดา” รวินท์รดาแนะนำให้ปราชญ์ดาให้รู้จักกับคนสัมภาษณ์สาว รวมถึงเพื่อนสนิทของเธอ “นี่คือคุณมิว กับอาร์ตี้ อาร์ตี้เป็นช่างภาพ และเป็นเพื่อนบัวเองค่ะ”
ได้เวลาเอาคืน … ปราชญ์ดาขยับมุมปากสูงจนเกิดรอยยิ้มน่ากลัว
“ถ้าเป็นผู้ชายคนนี้ ผมไม่ให้สัมภาษณ์อะไรทั้งนั้น ไปเปลี่ยนช่างภาพมา!” ปราชญ์ดาพูดจบก็เดินกลับไปนั่งข้าง ๆ น้องชายเช่นเดิม ทิ้งไว้แต่คำประกาศที่ไม่ต่างกับมีดจ่อคอหอยห้องศิลป์อยู่
กว่าจะได้โอกาสเข้ามาถ่ายรูป สัมภาษณ์โปรเจ็ครถแข่งราคาแพงระยับเป็นเจ้าแรก ถ้าไม่ได้สัมภาษณ์งานนี้ มีหวังเขาต้องโดนบก. เชือดแน่ ๆ !!
จบตอนที่ 12
เอานิยายมาส่งค่า
ช่วงนี้แอบเหนื่อย
อยากชาร์จแบตฯ บ้างจังงง อิอิ
คุณ Kaelek - ช่อแก้วจะป่วนได้มากกว่านี้อีกค่ะ ปวดหัวกันไป แต่พี่ปั้นกันซีนให้ได้ค่ะ
คุณ พอใจ - ฉุดไปเลยน่าจะดีนะคะ ฮ่า ๆ
คุณ แว่นใส - รอดูนะคะว่าช่อแก้วจะทำยังไงต่อ ><
พบกันใหม่ตอนหน้าค่ะ สวัสดีค่ะ
ปิ่นนลิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ธ.ค. 2559, 22:49:48 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ธ.ค. 2559, 23:02:27 น.
จำนวนการเข้าชม : 1078
<< ตอนที่ 12 - 50% | ตอน 13 - 50% >> |
แว่นใส 14 ธ.ค. 2559, 06:02:25 น.
น่าสงสารอาตี้ โดนแกล้งซะละ
น่าสงสารอาตี้ โดนแกล้งซะละ
พอใจ 17 ธ.ค. 2559, 11:13:04 น.
ขออาร์ตี้ กับพี่ปั้น เป็นคู่กัดกันแบบแมนๆพอนะค๊าาาา รึว่าจะมีY น๊าาาา แต่ความจริงก็อยากให้พี่ปั้นมีครอบครัวนะคะ
ขออาร์ตี้ กับพี่ปั้น เป็นคู่กัดกันแบบแมนๆพอนะค๊าาาา รึว่าจะมีY น๊าาาา แต่ความจริงก็อยากให้พี่ปั้นมีครอบครัวนะคะ
Zephyr 18 ธ.ค. 2559, 16:06:08 น.
เหม่ พี่ปั้น รักน้องรึคะ
แอบอยากให้ โบรมานซ์
แต่ก็อยากให้สองหนุ่มแมนนะ
อย่าได้กันเลยเหอะ
เอาพอกรอบแกรบ พอนะ อย่างจริงเลยนะ เพีี้ยงๆๆๆๆ
เหม่ พี่ปั้น รักน้องรึคะ
แอบอยากให้ โบรมานซ์
แต่ก็อยากให้สองหนุ่มแมนนะ
อย่าได้กันเลยเหอะ
เอาพอกรอบแกรบ พอนะ อย่างจริงเลยนะ เพีี้ยงๆๆๆๆ