แรงรักบุษบา (รอก่อนนะคะ)
การพบกันอย่างมีปริศนา
แต่ได้นำพา ความรัก มาสู่หัวใจทั้งสอง
"ธรรศ" นายแบบ-นักแสดงสุดหล่อ
เกิดความสนใจ "รวินท์รดา" สาวครีเอทีฟมาดห้าว
แต่เรื่องนี้ไม่ง่าย รวินท์รดา พยายามหนีให้ห่างจาก ธรรศ
ยิ่งเขาตามติด เธอก็ยิ่งวิ่งหนี
ถ้าหนีไปนอกโลกได้แล้วเขาไม่ตามเธอก็จะทำ!
แต่มันก็ไม่ง่ายสำหรับ รวินท์รดา เช่นกัน
เมื่อเธอยิ่งหนี กลับพบว่ายิ่งกลายเป็นวิ่งสามขา
ถ้าคนใดคนหนึ่งล้ม อีกคนก็เจ็บเหมือนกัน
นอกจากจะไขปริศนา "ลึกลับ"
ก็ไม่มีทางอื่น
และหัวใจก็ไม่อาจปฏิเสธ "ความรัก"
ที่เกิดขึ้นได้เช่นกัน
แต่ได้นำพา ความรัก มาสู่หัวใจทั้งสอง
"ธรรศ" นายแบบ-นักแสดงสุดหล่อ
เกิดความสนใจ "รวินท์รดา" สาวครีเอทีฟมาดห้าว
แต่เรื่องนี้ไม่ง่าย รวินท์รดา พยายามหนีให้ห่างจาก ธรรศ
ยิ่งเขาตามติด เธอก็ยิ่งวิ่งหนี
ถ้าหนีไปนอกโลกได้แล้วเขาไม่ตามเธอก็จะทำ!
แต่มันก็ไม่ง่ายสำหรับ รวินท์รดา เช่นกัน
เมื่อเธอยิ่งหนี กลับพบว่ายิ่งกลายเป็นวิ่งสามขา
ถ้าคนใดคนหนึ่งล้ม อีกคนก็เจ็บเหมือนกัน
นอกจากจะไขปริศนา "ลึกลับ"
ก็ไม่มีทางอื่น
และหัวใจก็ไม่อาจปฏิเสธ "ความรัก"
ที่เกิดขึ้นได้เช่นกัน
Tags: ปิ่นนลิน ลึกลับ ปริศนา
ตอน: ตอน 13 - 50%
ตอน 13 - 50%
“ซวยแล้วไงล่ะ” ห้องศิลป์ยกฝ่ามือแปะหน้าผากตัวเองอย่างเครียด ๆ โอกาสจะได้มาถ่ายรถแข่งแพง ๆ แบบนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นบ่อย ๆ แน่ ๆ ปกติห้องศิลป์ได้แต่ตามถ่ายภาพข่าวนักการเมืองของหนังสือพิมพ์ในเครือน่าเบื่อจะตาย เขาสู้ขอหัวหน้าจนหัวหน้าอนุญาตให้รับภารกิจถ่ายภาพรถแข่งที่ชื่นชอบได้นี่ เขาจะปล่อยโอกาสแบบนี้หลุดมือไปได้อย่างไรกัน
สีหน้าเครียดจัดของเพื่อนซี้ช่างภาพทำเอาครีเอทีฟสาวเห็นใจ เธอไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังว่าทำไมปราชญ์ดาถึงประกาศออกมาเช่นนั้น แต่รวินท์รดาก็อยู่ดูแลจิตใจเพื่อนซี้หนุ่มมากไม่ได้ เธอมีงานต้องทำเต็มมือ
ขณะกำลังดูภาพถ่ายแบบจากตากล้องผ่านมอนิเตอร์หลังจากถ่ายจบเซ็ตแรกในช่วงบ่าย ตอนนี้ธรรศกับเดหลีนั่งพักอยู่ใต้เงาร่มสนามคันใหญ่ รวินท์รดาละสายตาจากจอมอนิเตอร์มองไปทางเขาเหล่านั้น แม้คนอื่น ๆ จะมีรอยยิ้มและท่าทางสบาย ๆ แต่ปราชญ์ดาก็ยังทำหน้าเหมือนไม่พอใจอะไรอยู่ตลอดเวลา
“หรือเพราะคุณปราชญ์ดายังโกรธที่อาร์ตี้แอบเข้าบ้านของเขาอยู่นะ” รวินท์รดาคาดเดา เมื่อครู่นี้ที่พยายามช่วยห้องศิลป์คิดหาทางออก ทางแก้ปัญหา รวินท์รดาลองไปถามปราชญ์ดาดู แต่รองผู้บริหารหนุ่มก็ยังไม่ยอมให้นิตยสารเข้าสัมภาษณ์อยู่ดี
“อย่าบังคับผมเลยคุณบัว ผมไม่ยอมรับคนไร้มารยาทแบบช่างภาพคนนั้น” ปราชญ์ดาปฏิเสธด้วยหน้าตาที่ดูเหมือนจะโกรธห้องศิลป์มากเลย
“ขอผมดูรูปได้ไหม” เสียงทุ้มของธรรศปลุกคนใจลอยที่แม้จะมองภาพในจอคอมพิวเตอร์ หากสมองก็เอาแต่คิดหาวิธีช่วยห้องศิลป์อยู่ รวินท์รดาหันมองเจ้าของเสียงทุ้มทรงเสน่ห์ ธรรศเปลี่ยนจากชุดนักแข่งรถเป็นสูทสีดำสุดเท่ ภาพเซ็ตสุดท้ายจะเน้นแนวเท่แบบหรูหรา เดหลีหายไปในรถบ้านที่เช่าเฉพาะกิจสำหรับเปลี่ยนชุด
รวินท์รดาเปลี่ยนจากใจลอยปัญหาของเพื่อนมาเป็นมองนายแบบหนุ่มหล่อตรงหน้า ธรรศกับเสื้อเชิ้ตสีขาว คาดเนคไทด์สีดำ สวมสูทสีดำเนื้อดี ผมสั้นของธรรศถูกเซ็ตอย่างดี ปกติก็ว่าดูดีอยู่แล้ว แต่พอแต่งเต็มยศแบบนี้ หัวใจเธอเต้นแรงกว่าเดิมหลายเท่า แถมความหล่อเหลายิ่งเปล่งประกายแข่งกับแสงแดดยามบ่าย เล่นเอาคนใจเต้นแรงตาพร่าไปหมด
“ได้ไหม” เขาถามซ้ำพร้อมรอยยิ้มเพราะจับได้ว่าถูกมองอย่างเคลิบเคลิ้ม
“ค่ะ … ค่ะ” รวินท์รดาทั้งตกใจและอายกับรอยยิ้มของธรรศ
“ผมเห็นบัวหายไปคุยกับผู้ชายคนนั้น เขาเป็นอะไรกับบัวหรือ” ธรรศหาโอกาสถามหญิงสาว แต่ก็ไม่มีจังหวะสักที เล่นเอาเขาไม่มีสมาธิทำงานเลย
“ผู้ชายคนนั้น คุณธรรศหมายถึงอาร์ตี้หรือคะ” ครีเอทีฟสาวถามกลับ
“อย่าว่างั้นงี้เลย ผมถามเพื่อความสบายใจ ไม่ใช่ไม่เชื่อใจบัวหรอกนะ” ธรรศนิ่วหน้าระหว่างอธิบายให้หญิงสาวเข้าใจ
“คุณธรรศ” รวินท์รดามองชายหนุ่มที่อยู่ ๆ ก็หน้าแดงขึ้นดื้อ ๆ ทั้งที่อากาศก็ไม่ร้อนมาก ก่อนจะหัวเราะเพราะขำและเอ็นดูคนตัวโต ธรรศคงพยายามวางตัวเป็นผู้ใหญ่ ทั้ง ๆ ที่หึงหวงเธอแน่เลย
“อาร์ตี้เป็นเพื่อนสนิทบัวค่ะ เรียนมาด้วยกัน” รวินท์รดาตอบพร้อมเสียงหัวเราะ
ห้องศิลป์แอบมองทั้งเพื่อนสาวสุดซี้และคนหน้ายักษ์ไกล ๆ อย่างสิ้นหวัง
“ทำไงดี ยังไม่มีช่างภาพว่างสักคน หรือจะสัมภาษณ์ไปก่อนดีนะ” มิว หรือ มณิสรา คอลัมนิสต์สาวที่อายุน้อยกว่า เธอเพิ่งทำงานลุยเดี่ยวเป็นครั้งแรกด้วย
ทั้งสองพยายามหาทางออก แม้จะพยายามหาช่างภาพอื่นก็ติดปัญหา แถมยังโดนหัวหน้าตำหนิมาอีก บอกให้แก้ปัญหาให้ได้!
“โดนหัวหน้าด่าหูชาเลย บอกว่าจะหาช่างภาพคนอื่นมาจากไหน รถนั่นก็อยู่แค่จบถ่ายแบบก็ต้องส่งกลับวันมะรืนนี้แล้วด้วย” ห้องศิลป์คอตก เขาจำได้ว่าวันนี้มีแถลงข่าวสำคัญ และมีการติดตามข่าวคนดังทำให้ช่างภาพต้องออกนอกสถานที่กันหมด
“ทำยังไงดีล่ะ พี่อาร์ตี้”
“เดี๋ยวฉันจะเข้าไปคุยกับเขาเองล่ะกัน” ห้องศิลป์ถอนหายใจ นึกไม่ออกเลยว่ารองผู้บริหารหนุ่มสยาม อาร์ทีที โกรธเขาเรื่องไหน แอบเข้าบ้าน ไปเรียกเขาว่าหน้ายักษ์ หรือที่ไปว่าเขาเมื่อครู่กัน อย่างไรก็ขอโทษให้จบ ๆ ไปละกัน
“ผมจะเข้าไปคุยกับเขาตรง ๆ ไปเลย รออยู่ตรงนี้นะน้องมิว”
หน้าของรวินท์รดาเหมือนบุษบาไม่มีผิด … จะเกี่ยวข้องกับผู้หญิงที่ชื่อบุษบาไหมนะ
ปราชญ์ดาก้มหน้ามองรูปภาพบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ภาพถ่ายของรูปหญิงสาวขาวดำลักษณะเก่าจนเหลือง ปราชญ์ดาเก็บรูปได้จากบ้านโบราณที่เขาบังเอิญผ่านไปเจอแล้วถูกชะตาแปลก ๆ จนต้องซื้อเก็บไว้ แถมยังโชคดีที่เจ้าของบ้านปล่อยขายในราคาถูกเหลือเชื่ออีก ได้ข่าวว่าต้องรีบใช้เงินด่วนจนต้องรีบปล่อยบ้านหลังนั้น
เขาเดาว่าเธอในรูปอาจจะเคยอาศัยบ้านหลังนั้น
“บุษบา” ปราชญ์ดามองชื่อที่เขียนด้วยลายมือตรงมุมขวาล่างของรูป ก่อนวกกลับมามองใบหน้าหวานของสาวในยุคอดีต แววตาของบุษบาในรูปยังสดใส ไม่เศร้าชวนปวดใจอย่างที่เห็น
ชายหนุ่มกลอกดวงตาขึ้นมองรวินท์รดาอีกครั้ง อะไรบางอย่างบอกเขาว่า ถึงจะหน้าเหมือนกันแต่ครีเอทีฟสาวต้องเป็นคนละคนกับวิญญาณสาวดวงนั้นแน่นอน รวมถึงความเชื่อใจที่เขามีต่อรวินท์รดาก็ไร้ที่มาอีก เพราะถ้าไม่ใช่รวินท์รดา ปราชญ์ดาก็ไม่คิดจะยอมรับให้คบหาน้องชายเขาง่าย ๆ หรอก
เวลานี้ปราชญ์ดานั่งกอดอกพิงเก้าอี้เพียงลำพังเพราะปราณนท์ไปเฝ้าเดหลีเปลี่ยนชุด ดวงตาคมปลาบเอาแต่มองโทรศัพท์มือถือกับรวินท์รดาสลับกัน เขาไม่ทันรู้สึกตัวว่ามีคนมายืนอยู่ด้านหลัง กระทั่งคนคนนั้นพูดขึ้นมา
“นี่อย่าบอกนะว่าคุณชอบบัว”
“อะไรนะ!” ปราชญ์ดาโพล่งขึ้นอย่างตกใจ ก่อนจะหันไปเห็นห้องศิลป์ยืนกอดมองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ
“ชอบบัวหรือครับ” ห้องศิลป์ถาม เพราะเห็นอีกฝ่ายเอาแต่มองรูปถ่ายในโทรศัพท์มือถือ ช่างภาพหนุ่มคิดว่าคือรวินท์รดาเพื่อนซี้แน่นอน
“คุณเข้าใจผิด แล้วใครปล่อยให้คุณเข้ามา” ปราชญ์ดาเก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋ากางเกง เปลี่ยนเสียงตกใจเป็นตำหนิช่างภาพไร้มารยาท แต่ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์ ช่างภาพจอมยุ่งเดินมานั่งบนเก้าอี้ตัวข้าง ๆ เขาเฉยเลย แถมยังยิ้มใส่อีก
“ผมช่วยคุณได้นะ ผมน่ะสนิทกับบัวมาก ผมรู้หมดว่าบัวชอบอะไร ไม่ชอบอะไร รำคาญคนแบบไหน ถึงคุณจะไม่ใช่สเปคบัวเพราะหล่อเกินไป ผมก็รับปากจะเป็นกองหนุนให้คุณ แค่คุณช่วยให้สัมภาษณ์นิตยสารของผมเหมือนเดิม”
“ไร้สาระ” ปราชญ์ดาปฏิเสธอย่างไม่ไยดี นั่งกอดอกวางท่าไม่สนใจข้อเสนอของช่างภาพ “ผมไม่คิดจะแย่งแฟนน้องตัวเองหรอกนะ คุณเป็นเพื่อนซี้คุณบัวจริงหรือถึงได้ไม่รู้ว่าคุณบัวกับนายธรรศ น้องชายผมเป็นแฟนกันน่ะ” ปราชญ์ดาขมวดคิ้วกับสีหน้าตกใจของห้องศิลป์
“ผมเพิ่งรู้นี่ล่ะ” ห้องศิลป์มองเพื่อนซี้สาวอย่างงุนงง นี่บัวมีแฟนแล้วหรือ ทำไมเขาตกข่าวได้นะ!
“เพราะงั้นข้อเสนอของคุณก็ตกไปนะ ไปไป๊ ผมไม่มีธุระจะคุยอะไรด้วยแล้ว คนอะไรขายเพื่อนก็ได้ด้วย” ปราชญ์ดายิ้มสะใจที่ต้อนช่างภาพหนุ่มจนมุมได้
แต่มีหรือที่ห้องศิลป์จะยอมแพ้ง่าย ๆ ต่อให้ไม่โดนคนหน้ายักษ์ด่า เขาก็กลับไปโดนหัวหน้าด่าอยู่ดี แถมเรื่องงานก็พลาดไม่ได้ด้วย
“ผมไม่ได้ขายเพื่อน แต่ผมมีทางเลือกที่ไหนล่ะ ขอร้องล่ะคุณ ผมขอโทษก็ได้เอ้า ผมจะไม่ไปเหยียบบ้านของคุณอีก จะไม่เรียกคุณว่าหน้ายักษ์ จะไม่เสียมารยาทอีกก็ได้ นี่เป็นคำขอโทษด้วยเกียรติและศักดิ์ศรีของผมเลยนะ ให้สัมภาษณ์ผมเถอะ!”
“ไม่” ปราชญ์ดายังตอบแบบเดิม คนฟังชักจะโกรธบ้างแล้ว ความคิดชั่วร้ายผุดขึ้นในหัว เมื่อขอร้องก็ไม่ได้ ใช้ไม้อ่อนก็ไม่ยอม ขอโทษแล้วก็ยังปฏิเสธ ห้องศิลป์คงต้องหาทางบีบบังคับอีกฝ่ายแทน
“แต่ผมรู้! คุณก็ชอบบัวแน่นอน ไม่อย่างนั้นคุณจะแอบถ่ายรูปบัวไว้ทำไม คุณชอบผู้หญิงคนเดียวกับน้องชายสินะ” ห้องศิลป์คาดเดา
“นี่ไม่ใช่รูปคุณบัวนะ” ปราชญ์ดาโต้แย้ง
“ไม่ใช่ได้ยังไง” ห้องศิลป์ยิ้มราวกับถือไพ่เหนืออีกฝ่ายบ้างแล้ว “คิดจะแย่งแฟนน้องชายด้วยสินะ”
“พูดอะไรบ้า ๆ !!“ ปราชญ์ดาตะโกนออกมาอย่างลืมตัว คล้ายคำพูดของช่างภาพหนุ่มเป็นมีดแหลม ๆ ปักเข้ากลางใจดำ ก่อนจะรู้สึกตัวว่ากลายเป็นจุดสนใจของคนรอบ ๆ ไปแล้ว
ห้องศิลป์หรี่เสียงต่ำลง เหลือบมองไปด้านหลังปราชญ์ดา ธรรศกับรวินท์รดากำลังมองพวกเขาอย่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
“ผมว่าคุณยอมให้สัมภาษณ์ผมดี ๆ เถอะน่า อย่าให้ผมเอาความลับคุณไปพูดต่อเลย”
“มีอะไรหรือเปล่าครับพี่ปั้น ทะเลาะกันหรือครับ” ธรรศเดินเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง
น่าแปลกที่ปราชญ์ดากังวลทั้งที่เขาพร้อมอธิบายเรื่องทุกอย่าง รูปถ่ายบุษบาก็มีที่มา เขายังเก็บรูปเก่าใบนั้นไว้อย่างดี ธรรศจะต้องฟังความจริง ไม่หลงเชื่อคำยุยงปลุกปั่นของช่างภาพไร้มารยาทแน่ ๆ
แต่ปราชญ์ดากลับไม่กล้าเสี่ยง สำหรับเรื่องเดหลีนั้น ธรรศอาจจะพูดว่าไม่โกรธอะไรเขา แต่ความจริงในใจธรรศจะคิดยังไง ปราชญ์ดาก็เดาไม่ถูก อีกอย่างถ้าอธิบายเรื่องบุษบา ความลับของเขาอาจจะหลุดไปด้วยก็ได้
“บัววว อาร์ตมีเรื่องจะบอก ฟังนะ” ห้องศิลป์พูดกับรวินท์รดา กลับกดดันรองผู้บริหารหนุ่มไปด้วย
“อะไรหรือ” รวินท์รดาถามอย่างอยากรู้ แต่ไม่ทันจะได้คำตอบ ปราชญ์ดาก็แทรกขึ้นเสียก่อน
“ไหนล่ะว่าจะสัมภาษณ์อะไรผม รีบ ๆ เลยนะ ผมมีเวลาไม่มากนัก”
“ขอบคุณครับ! น้องมิว!! พี่ทำสำเร็จแล้ว!!” ห้องศิลป์ตาวาว เสียงดังอย่างกับถูกรางวัลที่หนึ่ง รีบกึ่งวิ่งกึ่งกระโดดไกลไปเรียกคอลัมนิสต์สาวรุ่นน้องทันที ขณะที่ปราชญ์ดาได้แต่เจ็บใจที่แพ้อีกฝ่าย แล้วดูเหมือนว่าจะถูกเจอจุดตายเสียด้วยสิ!
“ขออีกโพสต์นะครับ คุณธรรศจับมือคุณเดหลีแบบนั้นล่ะครับ” ผู้กำกับการถ่ายแบบสั่งนายแบบนางแบบที่ยืนแนบชิดกันข้างรถแข่งคันหรู ธรรศยืนพิงตัวรถจับมือเดหลีในชุดราตรีสีแดงเพลิงซึ่งนั่งอยู่ในรถที่เปิดประตูค้างไว้ ดูแล้วช่างเป็นคู่รักที่เหมาะสมกันดีจริง ๆ
ธรรศกับเดหลีเหมาะสมกันมาก … มากจนดวงตาของรวินท์รดาร้อนวูบวาบ ต้องบอกตัวเองว่านี่คืองาน เป็นเรื่องงาน อย่าใจเสียไปสิ!
“หึงหน่อยดีไหมน้า กอดกันแน่นแบบนั้นยังไงก็น่าหึงนะเนี่ย” ปราณนท์มองแล้วบ่นออกมาเบา ๆ ก่อนจะหันไปถามหญิงสาวข้าง ๆ “คุณบัวก็หึงใช่ไหมครับ”
“เขาทำงานกัน ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” ครีเอทีฟสาวพยายามแสดงออกว่าเธอเป็นมืออาชีพพอ
“ใช่ครับ ธรรศทำงานแบบนี้แหละ เดี๋ยวก็กอดนางแบบคนนู้น จูบนางเอกคนนั้น แต่ละคนสวยอย่างกับนางฟ้า” ปราณนท์อยากแกล้งคนใจแข็ง ก็หลุดยิ้มขำเพราะคนที่บอกว่าไม่มีอะไร กำลังหน้านิ่วคิ้วขมวดขึ้นเรื่อย ๆ ปราณนท์ลืมไปเลยว่าไม่ควรเล่นสนุกกับอารมณ์รักผู้หญิง เลยรีบบอกให้อีกฝ่ายสบายใจ
“คุณบัว ผมล้อเล่นน่ะ พี่ธรรศเขาทำงานก็ทำงานน่ะครับ”
“ไม่ใช่ค่ะ บัวหายใจไม่ออกมากกว่า” รวินท์รดาขยุ้มเสื้อตรงหน้าอกแน่น
“กรี๊ดดดด” อยู่ดี ๆ เดหลีก็ร้องออกมาเสียงดัง ทำให้ทุกคนตกใจไปด้วย ปราณนท์ละสายตาจากครีเอทีฟสาวไปมองคู่หมั้นหมายตัวเองแทน เดหลีล้มลงนั่งกองกับพื้นพร้อมเลือดแดงฉานไหลรินจากต้นแขนเหมือนโดนอะไรบาดทั้งที่รอบ ๆ นั้นไม่มีของแหลมคมอะไรเลย ธรรศอยู่ใกล้ที่สุดรีบย่อตัวลงดูเดหลีใกล้ ๆ ปราณนท์เองก็แทบจะพุ่งไปในทันที
“เดหลี!”
“ปิง เดหลีเจ็บ อะไรไม่รู้บาดแขนเดหลีค่ะ”
อีกด้านหนึ่งปราชญ์ดาที่กำลังนั่งให้สัมภาษณ์อยู่ก็ตกใจเสียงของเดหลีด้วยเช่นกัน
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ” ปราชญ์ดาสงสัย … แต่ว่าปราชญ์ดาก็รู้สึกถึงสายตาใครบางคน เขาหันขวับไปทางที่มาของสายตาปริศนานั่น ก่อนจะเบิกตากว้างเพราะเจ้าของสายตาวาววับที่ยืนหลบอยู่ตรงมุมทางออกไปนอกสนามคือ
“ช่อแก้ว?”
จบตอน 13 - 50%
นำนิยายมาส่งค่า
ช่อแก้วทำอะไรอีกล่ะเนี่ย ><
คุณแว่นใส - พี่ปั้นโดนอาร์ตี้เอาคืนแล้วค่ะ ฮ่าๆๆ
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านค่ะ พบกันใหม่ตอนหน้านะคะ
“ซวยแล้วไงล่ะ” ห้องศิลป์ยกฝ่ามือแปะหน้าผากตัวเองอย่างเครียด ๆ โอกาสจะได้มาถ่ายรถแข่งแพง ๆ แบบนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นบ่อย ๆ แน่ ๆ ปกติห้องศิลป์ได้แต่ตามถ่ายภาพข่าวนักการเมืองของหนังสือพิมพ์ในเครือน่าเบื่อจะตาย เขาสู้ขอหัวหน้าจนหัวหน้าอนุญาตให้รับภารกิจถ่ายภาพรถแข่งที่ชื่นชอบได้นี่ เขาจะปล่อยโอกาสแบบนี้หลุดมือไปได้อย่างไรกัน
สีหน้าเครียดจัดของเพื่อนซี้ช่างภาพทำเอาครีเอทีฟสาวเห็นใจ เธอไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังว่าทำไมปราชญ์ดาถึงประกาศออกมาเช่นนั้น แต่รวินท์รดาก็อยู่ดูแลจิตใจเพื่อนซี้หนุ่มมากไม่ได้ เธอมีงานต้องทำเต็มมือ
ขณะกำลังดูภาพถ่ายแบบจากตากล้องผ่านมอนิเตอร์หลังจากถ่ายจบเซ็ตแรกในช่วงบ่าย ตอนนี้ธรรศกับเดหลีนั่งพักอยู่ใต้เงาร่มสนามคันใหญ่ รวินท์รดาละสายตาจากจอมอนิเตอร์มองไปทางเขาเหล่านั้น แม้คนอื่น ๆ จะมีรอยยิ้มและท่าทางสบาย ๆ แต่ปราชญ์ดาก็ยังทำหน้าเหมือนไม่พอใจอะไรอยู่ตลอดเวลา
“หรือเพราะคุณปราชญ์ดายังโกรธที่อาร์ตี้แอบเข้าบ้านของเขาอยู่นะ” รวินท์รดาคาดเดา เมื่อครู่นี้ที่พยายามช่วยห้องศิลป์คิดหาทางออก ทางแก้ปัญหา รวินท์รดาลองไปถามปราชญ์ดาดู แต่รองผู้บริหารหนุ่มก็ยังไม่ยอมให้นิตยสารเข้าสัมภาษณ์อยู่ดี
“อย่าบังคับผมเลยคุณบัว ผมไม่ยอมรับคนไร้มารยาทแบบช่างภาพคนนั้น” ปราชญ์ดาปฏิเสธด้วยหน้าตาที่ดูเหมือนจะโกรธห้องศิลป์มากเลย
“ขอผมดูรูปได้ไหม” เสียงทุ้มของธรรศปลุกคนใจลอยที่แม้จะมองภาพในจอคอมพิวเตอร์ หากสมองก็เอาแต่คิดหาวิธีช่วยห้องศิลป์อยู่ รวินท์รดาหันมองเจ้าของเสียงทุ้มทรงเสน่ห์ ธรรศเปลี่ยนจากชุดนักแข่งรถเป็นสูทสีดำสุดเท่ ภาพเซ็ตสุดท้ายจะเน้นแนวเท่แบบหรูหรา เดหลีหายไปในรถบ้านที่เช่าเฉพาะกิจสำหรับเปลี่ยนชุด
รวินท์รดาเปลี่ยนจากใจลอยปัญหาของเพื่อนมาเป็นมองนายแบบหนุ่มหล่อตรงหน้า ธรรศกับเสื้อเชิ้ตสีขาว คาดเนคไทด์สีดำ สวมสูทสีดำเนื้อดี ผมสั้นของธรรศถูกเซ็ตอย่างดี ปกติก็ว่าดูดีอยู่แล้ว แต่พอแต่งเต็มยศแบบนี้ หัวใจเธอเต้นแรงกว่าเดิมหลายเท่า แถมความหล่อเหลายิ่งเปล่งประกายแข่งกับแสงแดดยามบ่าย เล่นเอาคนใจเต้นแรงตาพร่าไปหมด
“ได้ไหม” เขาถามซ้ำพร้อมรอยยิ้มเพราะจับได้ว่าถูกมองอย่างเคลิบเคลิ้ม
“ค่ะ … ค่ะ” รวินท์รดาทั้งตกใจและอายกับรอยยิ้มของธรรศ
“ผมเห็นบัวหายไปคุยกับผู้ชายคนนั้น เขาเป็นอะไรกับบัวหรือ” ธรรศหาโอกาสถามหญิงสาว แต่ก็ไม่มีจังหวะสักที เล่นเอาเขาไม่มีสมาธิทำงานเลย
“ผู้ชายคนนั้น คุณธรรศหมายถึงอาร์ตี้หรือคะ” ครีเอทีฟสาวถามกลับ
“อย่าว่างั้นงี้เลย ผมถามเพื่อความสบายใจ ไม่ใช่ไม่เชื่อใจบัวหรอกนะ” ธรรศนิ่วหน้าระหว่างอธิบายให้หญิงสาวเข้าใจ
“คุณธรรศ” รวินท์รดามองชายหนุ่มที่อยู่ ๆ ก็หน้าแดงขึ้นดื้อ ๆ ทั้งที่อากาศก็ไม่ร้อนมาก ก่อนจะหัวเราะเพราะขำและเอ็นดูคนตัวโต ธรรศคงพยายามวางตัวเป็นผู้ใหญ่ ทั้ง ๆ ที่หึงหวงเธอแน่เลย
“อาร์ตี้เป็นเพื่อนสนิทบัวค่ะ เรียนมาด้วยกัน” รวินท์รดาตอบพร้อมเสียงหัวเราะ
ห้องศิลป์แอบมองทั้งเพื่อนสาวสุดซี้และคนหน้ายักษ์ไกล ๆ อย่างสิ้นหวัง
“ทำไงดี ยังไม่มีช่างภาพว่างสักคน หรือจะสัมภาษณ์ไปก่อนดีนะ” มิว หรือ มณิสรา คอลัมนิสต์สาวที่อายุน้อยกว่า เธอเพิ่งทำงานลุยเดี่ยวเป็นครั้งแรกด้วย
ทั้งสองพยายามหาทางออก แม้จะพยายามหาช่างภาพอื่นก็ติดปัญหา แถมยังโดนหัวหน้าตำหนิมาอีก บอกให้แก้ปัญหาให้ได้!
“โดนหัวหน้าด่าหูชาเลย บอกว่าจะหาช่างภาพคนอื่นมาจากไหน รถนั่นก็อยู่แค่จบถ่ายแบบก็ต้องส่งกลับวันมะรืนนี้แล้วด้วย” ห้องศิลป์คอตก เขาจำได้ว่าวันนี้มีแถลงข่าวสำคัญ และมีการติดตามข่าวคนดังทำให้ช่างภาพต้องออกนอกสถานที่กันหมด
“ทำยังไงดีล่ะ พี่อาร์ตี้”
“เดี๋ยวฉันจะเข้าไปคุยกับเขาเองล่ะกัน” ห้องศิลป์ถอนหายใจ นึกไม่ออกเลยว่ารองผู้บริหารหนุ่มสยาม อาร์ทีที โกรธเขาเรื่องไหน แอบเข้าบ้าน ไปเรียกเขาว่าหน้ายักษ์ หรือที่ไปว่าเขาเมื่อครู่กัน อย่างไรก็ขอโทษให้จบ ๆ ไปละกัน
“ผมจะเข้าไปคุยกับเขาตรง ๆ ไปเลย รออยู่ตรงนี้นะน้องมิว”
หน้าของรวินท์รดาเหมือนบุษบาไม่มีผิด … จะเกี่ยวข้องกับผู้หญิงที่ชื่อบุษบาไหมนะ
ปราชญ์ดาก้มหน้ามองรูปภาพบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ภาพถ่ายของรูปหญิงสาวขาวดำลักษณะเก่าจนเหลือง ปราชญ์ดาเก็บรูปได้จากบ้านโบราณที่เขาบังเอิญผ่านไปเจอแล้วถูกชะตาแปลก ๆ จนต้องซื้อเก็บไว้ แถมยังโชคดีที่เจ้าของบ้านปล่อยขายในราคาถูกเหลือเชื่ออีก ได้ข่าวว่าต้องรีบใช้เงินด่วนจนต้องรีบปล่อยบ้านหลังนั้น
เขาเดาว่าเธอในรูปอาจจะเคยอาศัยบ้านหลังนั้น
“บุษบา” ปราชญ์ดามองชื่อที่เขียนด้วยลายมือตรงมุมขวาล่างของรูป ก่อนวกกลับมามองใบหน้าหวานของสาวในยุคอดีต แววตาของบุษบาในรูปยังสดใส ไม่เศร้าชวนปวดใจอย่างที่เห็น
ชายหนุ่มกลอกดวงตาขึ้นมองรวินท์รดาอีกครั้ง อะไรบางอย่างบอกเขาว่า ถึงจะหน้าเหมือนกันแต่ครีเอทีฟสาวต้องเป็นคนละคนกับวิญญาณสาวดวงนั้นแน่นอน รวมถึงความเชื่อใจที่เขามีต่อรวินท์รดาก็ไร้ที่มาอีก เพราะถ้าไม่ใช่รวินท์รดา ปราชญ์ดาก็ไม่คิดจะยอมรับให้คบหาน้องชายเขาง่าย ๆ หรอก
เวลานี้ปราชญ์ดานั่งกอดอกพิงเก้าอี้เพียงลำพังเพราะปราณนท์ไปเฝ้าเดหลีเปลี่ยนชุด ดวงตาคมปลาบเอาแต่มองโทรศัพท์มือถือกับรวินท์รดาสลับกัน เขาไม่ทันรู้สึกตัวว่ามีคนมายืนอยู่ด้านหลัง กระทั่งคนคนนั้นพูดขึ้นมา
“นี่อย่าบอกนะว่าคุณชอบบัว”
“อะไรนะ!” ปราชญ์ดาโพล่งขึ้นอย่างตกใจ ก่อนจะหันไปเห็นห้องศิลป์ยืนกอดมองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ
“ชอบบัวหรือครับ” ห้องศิลป์ถาม เพราะเห็นอีกฝ่ายเอาแต่มองรูปถ่ายในโทรศัพท์มือถือ ช่างภาพหนุ่มคิดว่าคือรวินท์รดาเพื่อนซี้แน่นอน
“คุณเข้าใจผิด แล้วใครปล่อยให้คุณเข้ามา” ปราชญ์ดาเก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋ากางเกง เปลี่ยนเสียงตกใจเป็นตำหนิช่างภาพไร้มารยาท แต่ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์ ช่างภาพจอมยุ่งเดินมานั่งบนเก้าอี้ตัวข้าง ๆ เขาเฉยเลย แถมยังยิ้มใส่อีก
“ผมช่วยคุณได้นะ ผมน่ะสนิทกับบัวมาก ผมรู้หมดว่าบัวชอบอะไร ไม่ชอบอะไร รำคาญคนแบบไหน ถึงคุณจะไม่ใช่สเปคบัวเพราะหล่อเกินไป ผมก็รับปากจะเป็นกองหนุนให้คุณ แค่คุณช่วยให้สัมภาษณ์นิตยสารของผมเหมือนเดิม”
“ไร้สาระ” ปราชญ์ดาปฏิเสธอย่างไม่ไยดี นั่งกอดอกวางท่าไม่สนใจข้อเสนอของช่างภาพ “ผมไม่คิดจะแย่งแฟนน้องตัวเองหรอกนะ คุณเป็นเพื่อนซี้คุณบัวจริงหรือถึงได้ไม่รู้ว่าคุณบัวกับนายธรรศ น้องชายผมเป็นแฟนกันน่ะ” ปราชญ์ดาขมวดคิ้วกับสีหน้าตกใจของห้องศิลป์
“ผมเพิ่งรู้นี่ล่ะ” ห้องศิลป์มองเพื่อนซี้สาวอย่างงุนงง นี่บัวมีแฟนแล้วหรือ ทำไมเขาตกข่าวได้นะ!
“เพราะงั้นข้อเสนอของคุณก็ตกไปนะ ไปไป๊ ผมไม่มีธุระจะคุยอะไรด้วยแล้ว คนอะไรขายเพื่อนก็ได้ด้วย” ปราชญ์ดายิ้มสะใจที่ต้อนช่างภาพหนุ่มจนมุมได้
แต่มีหรือที่ห้องศิลป์จะยอมแพ้ง่าย ๆ ต่อให้ไม่โดนคนหน้ายักษ์ด่า เขาก็กลับไปโดนหัวหน้าด่าอยู่ดี แถมเรื่องงานก็พลาดไม่ได้ด้วย
“ผมไม่ได้ขายเพื่อน แต่ผมมีทางเลือกที่ไหนล่ะ ขอร้องล่ะคุณ ผมขอโทษก็ได้เอ้า ผมจะไม่ไปเหยียบบ้านของคุณอีก จะไม่เรียกคุณว่าหน้ายักษ์ จะไม่เสียมารยาทอีกก็ได้ นี่เป็นคำขอโทษด้วยเกียรติและศักดิ์ศรีของผมเลยนะ ให้สัมภาษณ์ผมเถอะ!”
“ไม่” ปราชญ์ดายังตอบแบบเดิม คนฟังชักจะโกรธบ้างแล้ว ความคิดชั่วร้ายผุดขึ้นในหัว เมื่อขอร้องก็ไม่ได้ ใช้ไม้อ่อนก็ไม่ยอม ขอโทษแล้วก็ยังปฏิเสธ ห้องศิลป์คงต้องหาทางบีบบังคับอีกฝ่ายแทน
“แต่ผมรู้! คุณก็ชอบบัวแน่นอน ไม่อย่างนั้นคุณจะแอบถ่ายรูปบัวไว้ทำไม คุณชอบผู้หญิงคนเดียวกับน้องชายสินะ” ห้องศิลป์คาดเดา
“นี่ไม่ใช่รูปคุณบัวนะ” ปราชญ์ดาโต้แย้ง
“ไม่ใช่ได้ยังไง” ห้องศิลป์ยิ้มราวกับถือไพ่เหนืออีกฝ่ายบ้างแล้ว “คิดจะแย่งแฟนน้องชายด้วยสินะ”
“พูดอะไรบ้า ๆ !!“ ปราชญ์ดาตะโกนออกมาอย่างลืมตัว คล้ายคำพูดของช่างภาพหนุ่มเป็นมีดแหลม ๆ ปักเข้ากลางใจดำ ก่อนจะรู้สึกตัวว่ากลายเป็นจุดสนใจของคนรอบ ๆ ไปแล้ว
ห้องศิลป์หรี่เสียงต่ำลง เหลือบมองไปด้านหลังปราชญ์ดา ธรรศกับรวินท์รดากำลังมองพวกเขาอย่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
“ผมว่าคุณยอมให้สัมภาษณ์ผมดี ๆ เถอะน่า อย่าให้ผมเอาความลับคุณไปพูดต่อเลย”
“มีอะไรหรือเปล่าครับพี่ปั้น ทะเลาะกันหรือครับ” ธรรศเดินเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง
น่าแปลกที่ปราชญ์ดากังวลทั้งที่เขาพร้อมอธิบายเรื่องทุกอย่าง รูปถ่ายบุษบาก็มีที่มา เขายังเก็บรูปเก่าใบนั้นไว้อย่างดี ธรรศจะต้องฟังความจริง ไม่หลงเชื่อคำยุยงปลุกปั่นของช่างภาพไร้มารยาทแน่ ๆ
แต่ปราชญ์ดากลับไม่กล้าเสี่ยง สำหรับเรื่องเดหลีนั้น ธรรศอาจจะพูดว่าไม่โกรธอะไรเขา แต่ความจริงในใจธรรศจะคิดยังไง ปราชญ์ดาก็เดาไม่ถูก อีกอย่างถ้าอธิบายเรื่องบุษบา ความลับของเขาอาจจะหลุดไปด้วยก็ได้
“บัววว อาร์ตมีเรื่องจะบอก ฟังนะ” ห้องศิลป์พูดกับรวินท์รดา กลับกดดันรองผู้บริหารหนุ่มไปด้วย
“อะไรหรือ” รวินท์รดาถามอย่างอยากรู้ แต่ไม่ทันจะได้คำตอบ ปราชญ์ดาก็แทรกขึ้นเสียก่อน
“ไหนล่ะว่าจะสัมภาษณ์อะไรผม รีบ ๆ เลยนะ ผมมีเวลาไม่มากนัก”
“ขอบคุณครับ! น้องมิว!! พี่ทำสำเร็จแล้ว!!” ห้องศิลป์ตาวาว เสียงดังอย่างกับถูกรางวัลที่หนึ่ง รีบกึ่งวิ่งกึ่งกระโดดไกลไปเรียกคอลัมนิสต์สาวรุ่นน้องทันที ขณะที่ปราชญ์ดาได้แต่เจ็บใจที่แพ้อีกฝ่าย แล้วดูเหมือนว่าจะถูกเจอจุดตายเสียด้วยสิ!
“ขออีกโพสต์นะครับ คุณธรรศจับมือคุณเดหลีแบบนั้นล่ะครับ” ผู้กำกับการถ่ายแบบสั่งนายแบบนางแบบที่ยืนแนบชิดกันข้างรถแข่งคันหรู ธรรศยืนพิงตัวรถจับมือเดหลีในชุดราตรีสีแดงเพลิงซึ่งนั่งอยู่ในรถที่เปิดประตูค้างไว้ ดูแล้วช่างเป็นคู่รักที่เหมาะสมกันดีจริง ๆ
ธรรศกับเดหลีเหมาะสมกันมาก … มากจนดวงตาของรวินท์รดาร้อนวูบวาบ ต้องบอกตัวเองว่านี่คืองาน เป็นเรื่องงาน อย่าใจเสียไปสิ!
“หึงหน่อยดีไหมน้า กอดกันแน่นแบบนั้นยังไงก็น่าหึงนะเนี่ย” ปราณนท์มองแล้วบ่นออกมาเบา ๆ ก่อนจะหันไปถามหญิงสาวข้าง ๆ “คุณบัวก็หึงใช่ไหมครับ”
“เขาทำงานกัน ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” ครีเอทีฟสาวพยายามแสดงออกว่าเธอเป็นมืออาชีพพอ
“ใช่ครับ ธรรศทำงานแบบนี้แหละ เดี๋ยวก็กอดนางแบบคนนู้น จูบนางเอกคนนั้น แต่ละคนสวยอย่างกับนางฟ้า” ปราณนท์อยากแกล้งคนใจแข็ง ก็หลุดยิ้มขำเพราะคนที่บอกว่าไม่มีอะไร กำลังหน้านิ่วคิ้วขมวดขึ้นเรื่อย ๆ ปราณนท์ลืมไปเลยว่าไม่ควรเล่นสนุกกับอารมณ์รักผู้หญิง เลยรีบบอกให้อีกฝ่ายสบายใจ
“คุณบัว ผมล้อเล่นน่ะ พี่ธรรศเขาทำงานก็ทำงานน่ะครับ”
“ไม่ใช่ค่ะ บัวหายใจไม่ออกมากกว่า” รวินท์รดาขยุ้มเสื้อตรงหน้าอกแน่น
“กรี๊ดดดด” อยู่ดี ๆ เดหลีก็ร้องออกมาเสียงดัง ทำให้ทุกคนตกใจไปด้วย ปราณนท์ละสายตาจากครีเอทีฟสาวไปมองคู่หมั้นหมายตัวเองแทน เดหลีล้มลงนั่งกองกับพื้นพร้อมเลือดแดงฉานไหลรินจากต้นแขนเหมือนโดนอะไรบาดทั้งที่รอบ ๆ นั้นไม่มีของแหลมคมอะไรเลย ธรรศอยู่ใกล้ที่สุดรีบย่อตัวลงดูเดหลีใกล้ ๆ ปราณนท์เองก็แทบจะพุ่งไปในทันที
“เดหลี!”
“ปิง เดหลีเจ็บ อะไรไม่รู้บาดแขนเดหลีค่ะ”
อีกด้านหนึ่งปราชญ์ดาที่กำลังนั่งให้สัมภาษณ์อยู่ก็ตกใจเสียงของเดหลีด้วยเช่นกัน
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ” ปราชญ์ดาสงสัย … แต่ว่าปราชญ์ดาก็รู้สึกถึงสายตาใครบางคน เขาหันขวับไปทางที่มาของสายตาปริศนานั่น ก่อนจะเบิกตากว้างเพราะเจ้าของสายตาวาววับที่ยืนหลบอยู่ตรงมุมทางออกไปนอกสนามคือ
“ช่อแก้ว?”
จบตอน 13 - 50%
นำนิยายมาส่งค่า
ช่อแก้วทำอะไรอีกล่ะเนี่ย ><
คุณแว่นใส - พี่ปั้นโดนอาร์ตี้เอาคืนแล้วค่ะ ฮ่าๆๆ
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านค่ะ พบกันใหม่ตอนหน้านะคะ
ปิ่นนลิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 ธ.ค. 2559, 23:42:44 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 ธ.ค. 2559, 23:49:30 น.
จำนวนการเข้าชม : 982
<< ตอนที่ 12 - 100% | ตอนที่ 13 - 100% >> |
kaelek 15 ธ.ค. 2559, 07:16:31 น.
นี่ช่อแก้วจะกันท่าทุกคนที่อยู่ใกล้เลยรึ
นี่ช่อแก้วจะกันท่าทุกคนที่อยู่ใกล้เลยรึ
แว่นใส 15 ธ.ค. 2559, 07:45:58 น.
ผีสั่งให้ทำไหม
ผีสั่งให้ทำไหม
พอใจ 17 ธ.ค. 2559, 11:21:28 น.
เอ้ยยย!! ใครทำเดหลี ทำทำไมล่าาา อาร์ตี้ร้ายกาจนะเนี่ย เล่นซะคุณปั้นไปไม่เป็นเลย เป็นคู่กัด แบบผู้ชายกับผู้ชายก็น่ารักดีนะคะ แต่ขอเป็นแค่คู่กัดอย่างเดียวน๊าาา อยากให้พี่ปั้นมีคู่กับเค้าเหมือนกัน
เอ้ยยย!! ใครทำเดหลี ทำทำไมล่าาา อาร์ตี้ร้ายกาจนะเนี่ย เล่นซะคุณปั้นไปไม่เป็นเลย เป็นคู่กัด แบบผู้ชายกับผู้ชายก็น่ารักดีนะคะ แต่ขอเป็นแค่คู่กัดอย่างเดียวน๊าาา อยากให้พี่ปั้นมีคู่กับเค้าเหมือนกัน
Zephyr 18 ธ.ค. 2559, 16:17:32 น.
ฃ่อแก้ว เธอมีพลังขนาดนั้นเลยรึ
ฃ่อแก้ว เธอมีพลังขนาดนั้นเลยรึ