เกมรักบรรณาการร้อน ชุดรักเร่าร้อน
Tags: เกมรักบรรณาการร้อน, มายา, รักเร่าร้อน, นิยายรัก, บำเรอ, หลงรัก
ตอน: ตอนที่ 2 สิ่งที่สูญเสียไปกับสิ่งที่ได้มา (ครึ่งหลัง)
“ขอโทษนะคะคุณมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ...ถ้าจะมาพบยายวันนี้ยายไปทัวร์ทำบุญเก้าวัดกับเพื่อนๆ ยังไม่กลับค่ะ”
“ไม่อยู่หรอกเหรอเนี่ย แต่ไม่เป็นไรหรอกเพราะฉันมีธุระกับเธอ”
การแทนตัวว่า ‘ฉัน’ กับ ‘เธอ’ ของคนที่มีความสัมพันธ์แม่ลูก สำหรับคนอื่นอาจจะดูแปลกแต่สำหรับไออุ่นนั้นเธอได้ยินจนชินมาตั้งแต่เด็ก
ทว่าความรู้สึกนั้นไม่เคยจะชินได้ยินครั้งใดมันสะท้อนในอกทุกที ตอนเด็กอาจจะแค่งงและไม่ได้รู้สึกมากมาย แต่ยิ่งโตความรู้สึกนั้นก็ยิ่งเพิ่มทวีคูณ
“กับฉันหรือคะ” ถามพลางเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ
“ใช่”
ไม่พูดเปล่านางมาลัยยังกวาดสายตาพิจารณาลูกสาวของตัวเองแบบจริงๆ จังๆ เป็นครั้งแรก และนั่นทำให้ได้รู้ว่าไออุ่นลูกสาวที่นางจงเกลียดจงชังมาแต่เล็กแต่น้อยโตเป็นสาวและสามารถใช้ประโยชน์ได้จริงๆ
ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างที่บอบบางอ้อนแอนแต่มีส่วนเว้าส่วนโค้งอกเป็นอกเอวเป็นเอว ขณะที่ใบหน้ารูปไข่นั้นประกอบด้วยดวงตากลมโตสุกใส ริมฝีปากแดงอวบอิ่ม จมูกโด้งรั้น ทุกอย่างดูเหมาะเจาะลงตัว จะว่าสวยก็ใช่จะว่าน่ารักก็ใช่อีกนั่นแหละ เป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์ซ่อนเอาไว้อย่างเหลือร้าย ผู้หญิงแบบนี้แหละทำให้ผู้ชายมองไม่รู้จักเบื่อ
“งั้นเชิญข้างในบ้านก่อนไหมคะ”
“ไม่เป็นไร ฉันมาคุยแป๊บเดียวก็จะกลับแล้ว”
“เอาอย่างนั้นก็ได้ค่ะ ว่ามาสิคะ”
“ฉันมีเรื่องอยากให้เธอช่วยหน่อยจะได้ไหม”
ได้ยินอย่างนั้นไออุ่นถึงกับทำสีหน้าประหลาดใจ มองบุพการีผู้ถือตัวอย่างไม่อยากจะเชื่อ “คุณเนี่ยนะมีเรื่องจะให้ฉันช่วย”
“ใช่ ได้ไหมล่ะ”
นางเงียบเว้นช่วงให้คนที่ยืนทำหน้าประหลาดใจตรงหน้าได้แสดงความเห็น แต่สิ่งที่ได้รับมาคือการออกอาการลังเล นางจึงงัดไม้เด็ดขึ้มาใช้ตั้งแต่ต้นเพื่อตัดปัญหาความยืดเยื้อ
“คิดซะว่าตอบแทนบุญคุณที่ฉันอุ้มท้องเธอมาก็แล้วกัน” ไออุ่นทำเสียงฮึขึ้นจมูกแทบจะทันที เมื่อโดยแม่แท้ๆ แต่ไม่เคยดูแลหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นแม่มาทวงบุญคุณ
“ว่าไง”
“ฉันว่าฉันควรรู้ก่อนไหมคะว่าเรื่องที่คุณต้องการความช่วยเหลือมันคืออะไร”
“ฉันอยากให้เธอไปดูแลหุ้นส่วนคนใหม่ของคุณสุชายหน่อย”
ไออุ่นพยักหน้ารับ สุชาย ชื่อนี้เธอได้ยินจากปากของยายไม่อย่างนั้นเธอไม่มีทางรู้เป็นแน่ว่ามีพ่อเลี้ยงเป็นนักธุรกิจชื่อสุชาย
“เอาตรงๆ เลยนะคะคุณมาลัย” หญิงสาวเรียกเน้นชื่ออีกฝ่ายเป็นพิเศษ “จันทร์ถึงเสาร์ฉันต้องทำงานตามปกติ วันอาทิตย์ถึงจะหยุดแต่ฉันก็ไม่ว่างเพราะมีงานพิเศษอีกอย่างที่ต้องทำ”
“ฉันให้เงินเดือนสองเท่าจากที่เดิมและงานพิเศษรวมกัน” เสนออย่างใจป้ำ
“ไม่ดีมั้งคะ ฉันว่าคุณไม่ไปจ้างพวกมืออาชีพดีกว่าไหม”
“ฉันต้องการคนที่ไว้ใจได้”
“ฉันเหรอคะ” ไออุ่นถามเสียงเยาะ ถึงคนตรงหน้าจะได้ชื่อว่าเป็นแม่บังเกิดเกล้าแต่ไม่ได้เลี้ยงดูมาจะรู้ได้ยังไงว่าเธอไว้ใจได้แค่ไหน
“ใช่ อย่างน้อยในตัวเธอก็มีเลือดของฉันอยู่ครึ่งหนึ่ง”
“ขอบคุณค่ะ” ที่ยังจำได้ว่าเธอคือเลือดเนื้อเชื้อไข หญิงสาวต่อประโยคต่อมาในใจ “แต่คุณจะให้ฉันออกจากงานประจำเพื่อไปทำงานชั่วคราว…” ยังไม่ทันที่จะพูดจบ นางมาลัยที่เริ่มจะเบื่อหน่ายกับความเรื่องมากของลูกในไส้จึงเอ่ยแทรกขึ้น
“เรื่องนั้นมันขึ้นอยู่กับความสามารถของเธอว่า ถ้าทำงานดีถูกใจงานก็ถาวร แต่ถ้าไม่โดนใจก็อาจจะชั่วคราว แต่เอาเถอะฉันมีงานที่บริษัทคุณสุชายรองรับเธออยู่แล้ว พอใจไหม”
“ฉันขอเวลาหน่อยแล้วกันนะคะ อยากปรึกษายายด้วย บอกตามตรงฉันไม่ค่อยอยากจะไปสักเท่าไหร่เป็นห่วงยาย” เธอพยายามหาข้ออ้าง
“ฉันจะรับแม่ไปอยู่ด้วย ส่วนเธอก็ทำงานตัวเองให้เต็มที่ ฉันคิดว่าไม่น่าจะไม่มีปัญหา”
“เอาไว้ฉันปรึกษายายก่อนแล้วกันนะคะ ได้เรื่องยังไงฉันจะให้ยายโทร.หาคุณอีกที” ไม่อยากบอกหรอกว่าแม้แต่เบอร์โทรศัพท์ของแม่เธอก็ไม่มี ยายเคยจะเอาให้แต่คิดว่าไม่จำเป็นเลยไม่เอาดีกว่า
“ก็ได้หวังว่าเธอ…คงไม่ทำให้ฉันผิดหวังนะ”
เอ่ยจบนางมาลัยก็หมุนตัวเดินขึ้นรถ ไออุ่นได้แต่ยืนเม้มปากมองตามไปอย่างเคืองใจ และในตอนนั้นเองโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าสะพายใบเก่งก็ดังขึ้น
ไออุ่นจึงเลิกสนใจคนตรงหน้ารีบค้นกระเป๋าหยิบเอาเครื่องมือสื่อสารราคาไม่แพงแต่ทนไม่ทนมือขึ้นมา แล้วเบอร์ที่ไม่ปรากฏชื่อคนโทร.ก็ทำให้คิ้วเรียวขมวดมุ่นก่อนจะกดรับแล้วกรอกเสียงหวานๆ ลงไปตามสาย
“สวัสดีค่ะ…ค่ะ”
เธอตอบรับพลางทำหน้าตาสงสัยเมื่อต้นสายถามถึงชื่อเสียงเรียงนามรวมไปถึงความสัมพันธ์ของเธอกับยาย
และในเวลาต่อมาดวงตากลมโตถึงกับเบิกกว้าง โทรศัพท์ในมือที่สั่นเทาแทบร่วงเมื่อรู้จุดประสงค์ของต้นสาย
“ห๊า! คุณยายอยู่โรงพยาบาล ค่ะๆ”
เธอตอบรับเสียงสั่นเครือก่อนจะวางสาย ยืนช็อกตัวสั่นเทาไร้เรียวแรงหันซ้ายหันขวาด้วยน้ำตาที่นองหน้ามองหาที่พึ่ง และก็เจอ…รถเก๋งสีขาวที่กำลังจะเคลื่อนตัวออกไป
“เดี๋ยวสิคะคุณ! คุณ! รอก่อน” ไม่รอช้าไออุ่นรีบวิ่งกวักมือและร้องเรียกตามหลัง และทันทีที่รถจอดสนิทเธอก็วิ่งเข้าไปเคาะกระจกด้านคนขับรัว
“มีอะไร” คนในรถถามเสียงห้วน แต่เมื่อเห็นดวงหน้าสวยใสนั้นเลอะไปด้วยคราบน้ำตานางมาลัยถึงกับผงะและเผลอถามออกไปอีกครั้งด้วยน้ำเสียงอาทร “เป็นอะไร”
“รถทัวร์เกิดอุบัติเหตุ คุณยายอาการสาหัสตอนนี้อยู่โรงพยาบาล” ตอบเสียงสะอื้นพร้อมกับใช้หลังมือเช็ดน้ำตาป้อยๆ
“ห๊า! โรงพยาบาลไหน ขึ้นรถสิ”
ไม่รอให้อีกฝ่ายย้ำเป็นรอบที่สองไออุ่นรีบวิ่งไปขึ้นนั่งข้างคนขับ และทันทีที่ประตูถูกปิดลง นางมาลัยก็รีบบึ่งรถมุ่งหน้าไปโรงพยาบาลพร้อมกับเฝ้าสวดภาวนาให้ผู้อันเป็นที่รักและเคารพของตนและลูกสาวรอดปลอดภัย
แต่ดูเหมือนฟ้าจะโหดร้ายคำภาวนาอ้อนวอนใดๆ ก็ไม่เป็นผล เมื่อทั้งสองมาถึงโรงพยาบาลก็ได้รับข่าวร้ายสะเทือนใจ ชนิดที่ให้ไออุ่นถึงกับเข่าอ่อนทรุดตัวลงนั่งร้องไห้จนตัวโยนบนพื้นหน้าห้องฉุกเฉินอย่างไม่อายใคร
ยายของเธอเสียชีวิตแล้ว
และคนที่ช่วยเข้าไปพยุงร่างบางให้ลุกขึ้นแล้วประคองกอดให้เดินเข้าไปข้างในฉุกเฉินนั่นก็คือนางมาลัย ที่ยามนี้ไม่มีแล้วความเกลียดชัง มีแต่ความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับการจากไปไม่หวนกลับของบุพการี
“คุณยาย! / คุณแม่!” ต่างคนต่างถลาเข้าไปกอดร่างที่นอนนิ่งไร้ซึ้งลมหายใจอยู่บนเตียงแล้วร่ำไห้สะอึกสะอื้นปานจะขาดใจ
“ยายจ๋า ทำไมยายถึงต้องจากอุ่นไปไวอย่างนี้…จากนี้ไปอุ่นจะอยู่กับใคร ใครจะคอยบ่น…ดุด่าอุ่นล่ะจ๊ะ”
เสียงคร่ำครวญปนสะอื้นของลูกสาวทำให้นางมาลัยเงยหน้าขึ้นมอง และอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปกุมมือบางพลางบีบกระชับอย่างต้องการปลอบใจและเป็นที่พึ่ง แม้ตลอดเวลานางจะไม่ยอมรับหน้าที่แม่ก็ตาม
หลังจากพาประธานบริษัทคนใหม่พร้อมเลขาอย่างคาร์ลอสทัวร์บริษัท นายสุชายก็พาไมก้าห์มารับประทานอาหารไทยที่ร้านอาหารชื่อดัง
นายสุชายรับเมนูจากพนักงานมาดูแล้วสั่งอาหารสำหรับตัวเองไปสองอย่าง โดยหน้าที่สั่งอาหารให้กับไมก้าห์นั้นยกเป็นหน้าที่ของคาร์ลอสที่พูดไทยได้ชัดแจ๋ว และในช่วงระหว่างที่รออาหารนี้เองนายสุชายได้มีโอกาสชวนคุย
“คุณคิดว่าเมืองไทยเป็นอย่างไรบ้างครับคุณไมค์”
“ก็ดี”
ตอบแบบประหยัดคำพูดและสีหน้าคู่สนทนาที่นิ่งเรียบไร้ซึ่งความสนอกสนใจ เล่นเอาคนชวนคุยขยับตัวอย่างอึดอัดเล็กน้อย แต่ก็ยังยิ้มสู้ไม่ยอมถอยง่ายๆ
“ได้ข่าวว่าคุณไมค์มาพักอยู่ที่บ้านของคุณคาร์ลอส ไม่ทราบว่ามีคนคอยดูแลเรื่องความเป็นอยู่หรืออาหารการกินหรือเปล่าครับ”
คำถามนั้นทำให้ไมก้าห์กับคาร์ลอสเหลือบตามองกันแล้วเงียบ นายสุชายที่เหมือนเพิ่งจะรู้ตัวว่าตัวเองก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของอีกฝ่ายเร็วเกินไปจึงรีบพูดแก้ต่างไปว่า “คือผมเห็นว่าพวกคุณอยู่กันแค่ผู้ชายสองคน อาจจะไม่สะดวกสบาย ผมว่าน่าจะมีคอยดูแลบ้านช่องอาหารการกินอะไรประมาณนี้น่ะครับ”
“คุณว่าอย่างนั้นเหรอ”
“ครับๆ”
รีบกระตือรื้อร้นรับคำ ไมก้าห์หันไปมองคาร์ลอสเล็กน้อยเมื่อเห็นอีกฝ่ายเลิกคิ้วยักไหล่อย่างไม่ขอออกความเห็น เขาจึงนิ่งเงียบคล้ายกับใช้ความคิดไปพักหนึ่ง
“คุณจะจัดการให้”
“แน่นอนครับ”
“ไว้ใจได้แค่ไหน”
“ร้อยเปอร์เซ็นครับเพราะเธอคือลูกเลี้ยงของผมเอง” คราวนี้สองหนุ่มถึงกับร้องอ๋อ…เริ่มจะเข้าใจจุดประสงค์ของคนหวังดี ที่อย่างเซ่น ‘ของบรรณาการ’
ไมก้าห์กดยิ้มเยาะมุมปากแอบทำเสียงฮึขึ้นจมูก ที่แท้ก็พวกทำดีหวังผลระยะยาว…แต่อยากจะบอกว่าคนอย่างไมก้าห์ไม่หมูที่จะให้ใครมาเกาะได้ง่ายๆ หรอกนะ ไม่อย่างนั้นป่านนี้เขาคงมีเมียเป็นโขยง เอาล่ะในเมื่ออยากจะยัดเยียดให้ก็รับมาเอ็นดูชั่วคราวสักคน กำลังเซ็งอยู่พอดี
“เริ่มงานได้วันไหน”
“ทันทีเลยครับ” นายสุชายตอบรับด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“’งั้นมะรืนนี้แล้วกัน”
“ได้ครับ”
รับคำเสียงแข็งขันพยามปรับสีหน้าให้นิ่งเรียบไม่แสดงออกถึงความลิงโลดในใจ หากผิดกับแววตาที่เป็นประกายฉายความยินดีออกมาอย่างปิดไม่มิด
“เอ่อ…ผมขอตัวเข้าห้องน้ำแป๊บหนึ่งนะครับ”
ไมก้าห์พยักหน้า เพียงเท่านั้นนายสุชายก็รีบแจ้นไปเข้าห้องน้ำทั้งที่ไม่ได้ปวดหนักปวดเบา แต่แค่ต้องการโทร.ไปเร่งภรรยาให้ไปเกลี้ยกล่อมและนำตัวลูกเลี้ยงมาทำงานนี้ให้ได้ตามกำหนด
“เอาจริงเหรอ” คาร์ลอสที่กอดอกทิ้งตัวพิงพนักเก้าอี้เอ่ยถามขึ้น
“ก็เขาเสนอฉันก็เลยสนอง” ตอบพลางเบ้ปากและยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ
“ของบรรณาการแสนหวาน นายก็น่าจะรู้จุดประสงค์แอบแฝงของมันดีนี่”
“ไม่ใช่รายแรก”
ทั่วทุกมุมโลกที่ไหนๆ ก็มีคนประเภทนี้ ยอมเอาลูกสาวของตัวเองมาบรรณาการเพื่อหวังผลประโยชน์ไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียงหรือว่าเงินทองของตระกูลที่ได้ชื่อว่าร่ำรวยมหาศาลอย่างพาสคาร์รี่
“ก็ขอให้รอดปลอดภัยอย่างทุกรายล่ะกัน”
“คิดว่าฉันเป็นใคร”
“ไมก้าห์จอมโหด”
คาร์ลอสตอบเสียงกลัวหัวเราะ คิดถึงใบหน้าสาวๆ แต่ละคน หลังจากเริงร่าขึ้นสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ในตอนกลางคืน ตอนเช้าก็ต้องตกสวรรค์โดนปลุกตั้งแต่แต่เช้ามืดมาทำบางอย่าง ที่คุณหนูผู้มีอันจะกินไม่เคยตกยากแต่ละนางโดนบังคับทำแล้วถึงกับน้ำตาตกแอบเผ่นหนีทุกราย และแน่นอนพวกเธอเหล่านั้นไม่โผล่หน้ามาให้เห็นอีกเป็นครั้งที่สอง
***********************************************************************************************************************
ดาวโหลด E-book ได้ที่
- เวบ MEB
- เวบ hytexs
- เวบ ebook
“ไม่อยู่หรอกเหรอเนี่ย แต่ไม่เป็นไรหรอกเพราะฉันมีธุระกับเธอ”
การแทนตัวว่า ‘ฉัน’ กับ ‘เธอ’ ของคนที่มีความสัมพันธ์แม่ลูก สำหรับคนอื่นอาจจะดูแปลกแต่สำหรับไออุ่นนั้นเธอได้ยินจนชินมาตั้งแต่เด็ก
ทว่าความรู้สึกนั้นไม่เคยจะชินได้ยินครั้งใดมันสะท้อนในอกทุกที ตอนเด็กอาจจะแค่งงและไม่ได้รู้สึกมากมาย แต่ยิ่งโตความรู้สึกนั้นก็ยิ่งเพิ่มทวีคูณ
“กับฉันหรือคะ” ถามพลางเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ
“ใช่”
ไม่พูดเปล่านางมาลัยยังกวาดสายตาพิจารณาลูกสาวของตัวเองแบบจริงๆ จังๆ เป็นครั้งแรก และนั่นทำให้ได้รู้ว่าไออุ่นลูกสาวที่นางจงเกลียดจงชังมาแต่เล็กแต่น้อยโตเป็นสาวและสามารถใช้ประโยชน์ได้จริงๆ
ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างที่บอบบางอ้อนแอนแต่มีส่วนเว้าส่วนโค้งอกเป็นอกเอวเป็นเอว ขณะที่ใบหน้ารูปไข่นั้นประกอบด้วยดวงตากลมโตสุกใส ริมฝีปากแดงอวบอิ่ม จมูกโด้งรั้น ทุกอย่างดูเหมาะเจาะลงตัว จะว่าสวยก็ใช่จะว่าน่ารักก็ใช่อีกนั่นแหละ เป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์ซ่อนเอาไว้อย่างเหลือร้าย ผู้หญิงแบบนี้แหละทำให้ผู้ชายมองไม่รู้จักเบื่อ
“งั้นเชิญข้างในบ้านก่อนไหมคะ”
“ไม่เป็นไร ฉันมาคุยแป๊บเดียวก็จะกลับแล้ว”
“เอาอย่างนั้นก็ได้ค่ะ ว่ามาสิคะ”
“ฉันมีเรื่องอยากให้เธอช่วยหน่อยจะได้ไหม”
ได้ยินอย่างนั้นไออุ่นถึงกับทำสีหน้าประหลาดใจ มองบุพการีผู้ถือตัวอย่างไม่อยากจะเชื่อ “คุณเนี่ยนะมีเรื่องจะให้ฉันช่วย”
“ใช่ ได้ไหมล่ะ”
นางเงียบเว้นช่วงให้คนที่ยืนทำหน้าประหลาดใจตรงหน้าได้แสดงความเห็น แต่สิ่งที่ได้รับมาคือการออกอาการลังเล นางจึงงัดไม้เด็ดขึ้มาใช้ตั้งแต่ต้นเพื่อตัดปัญหาความยืดเยื้อ
“คิดซะว่าตอบแทนบุญคุณที่ฉันอุ้มท้องเธอมาก็แล้วกัน” ไออุ่นทำเสียงฮึขึ้นจมูกแทบจะทันที เมื่อโดยแม่แท้ๆ แต่ไม่เคยดูแลหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นแม่มาทวงบุญคุณ
“ว่าไง”
“ฉันว่าฉันควรรู้ก่อนไหมคะว่าเรื่องที่คุณต้องการความช่วยเหลือมันคืออะไร”
“ฉันอยากให้เธอไปดูแลหุ้นส่วนคนใหม่ของคุณสุชายหน่อย”
ไออุ่นพยักหน้ารับ สุชาย ชื่อนี้เธอได้ยินจากปากของยายไม่อย่างนั้นเธอไม่มีทางรู้เป็นแน่ว่ามีพ่อเลี้ยงเป็นนักธุรกิจชื่อสุชาย
“เอาตรงๆ เลยนะคะคุณมาลัย” หญิงสาวเรียกเน้นชื่ออีกฝ่ายเป็นพิเศษ “จันทร์ถึงเสาร์ฉันต้องทำงานตามปกติ วันอาทิตย์ถึงจะหยุดแต่ฉันก็ไม่ว่างเพราะมีงานพิเศษอีกอย่างที่ต้องทำ”
“ฉันให้เงินเดือนสองเท่าจากที่เดิมและงานพิเศษรวมกัน” เสนออย่างใจป้ำ
“ไม่ดีมั้งคะ ฉันว่าคุณไม่ไปจ้างพวกมืออาชีพดีกว่าไหม”
“ฉันต้องการคนที่ไว้ใจได้”
“ฉันเหรอคะ” ไออุ่นถามเสียงเยาะ ถึงคนตรงหน้าจะได้ชื่อว่าเป็นแม่บังเกิดเกล้าแต่ไม่ได้เลี้ยงดูมาจะรู้ได้ยังไงว่าเธอไว้ใจได้แค่ไหน
“ใช่ อย่างน้อยในตัวเธอก็มีเลือดของฉันอยู่ครึ่งหนึ่ง”
“ขอบคุณค่ะ” ที่ยังจำได้ว่าเธอคือเลือดเนื้อเชื้อไข หญิงสาวต่อประโยคต่อมาในใจ “แต่คุณจะให้ฉันออกจากงานประจำเพื่อไปทำงานชั่วคราว…” ยังไม่ทันที่จะพูดจบ นางมาลัยที่เริ่มจะเบื่อหน่ายกับความเรื่องมากของลูกในไส้จึงเอ่ยแทรกขึ้น
“เรื่องนั้นมันขึ้นอยู่กับความสามารถของเธอว่า ถ้าทำงานดีถูกใจงานก็ถาวร แต่ถ้าไม่โดนใจก็อาจจะชั่วคราว แต่เอาเถอะฉันมีงานที่บริษัทคุณสุชายรองรับเธออยู่แล้ว พอใจไหม”
“ฉันขอเวลาหน่อยแล้วกันนะคะ อยากปรึกษายายด้วย บอกตามตรงฉันไม่ค่อยอยากจะไปสักเท่าไหร่เป็นห่วงยาย” เธอพยายามหาข้ออ้าง
“ฉันจะรับแม่ไปอยู่ด้วย ส่วนเธอก็ทำงานตัวเองให้เต็มที่ ฉันคิดว่าไม่น่าจะไม่มีปัญหา”
“เอาไว้ฉันปรึกษายายก่อนแล้วกันนะคะ ได้เรื่องยังไงฉันจะให้ยายโทร.หาคุณอีกที” ไม่อยากบอกหรอกว่าแม้แต่เบอร์โทรศัพท์ของแม่เธอก็ไม่มี ยายเคยจะเอาให้แต่คิดว่าไม่จำเป็นเลยไม่เอาดีกว่า
“ก็ได้หวังว่าเธอ…คงไม่ทำให้ฉันผิดหวังนะ”
เอ่ยจบนางมาลัยก็หมุนตัวเดินขึ้นรถ ไออุ่นได้แต่ยืนเม้มปากมองตามไปอย่างเคืองใจ และในตอนนั้นเองโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าสะพายใบเก่งก็ดังขึ้น
ไออุ่นจึงเลิกสนใจคนตรงหน้ารีบค้นกระเป๋าหยิบเอาเครื่องมือสื่อสารราคาไม่แพงแต่ทนไม่ทนมือขึ้นมา แล้วเบอร์ที่ไม่ปรากฏชื่อคนโทร.ก็ทำให้คิ้วเรียวขมวดมุ่นก่อนจะกดรับแล้วกรอกเสียงหวานๆ ลงไปตามสาย
“สวัสดีค่ะ…ค่ะ”
เธอตอบรับพลางทำหน้าตาสงสัยเมื่อต้นสายถามถึงชื่อเสียงเรียงนามรวมไปถึงความสัมพันธ์ของเธอกับยาย
และในเวลาต่อมาดวงตากลมโตถึงกับเบิกกว้าง โทรศัพท์ในมือที่สั่นเทาแทบร่วงเมื่อรู้จุดประสงค์ของต้นสาย
“ห๊า! คุณยายอยู่โรงพยาบาล ค่ะๆ”
เธอตอบรับเสียงสั่นเครือก่อนจะวางสาย ยืนช็อกตัวสั่นเทาไร้เรียวแรงหันซ้ายหันขวาด้วยน้ำตาที่นองหน้ามองหาที่พึ่ง และก็เจอ…รถเก๋งสีขาวที่กำลังจะเคลื่อนตัวออกไป
“เดี๋ยวสิคะคุณ! คุณ! รอก่อน” ไม่รอช้าไออุ่นรีบวิ่งกวักมือและร้องเรียกตามหลัง และทันทีที่รถจอดสนิทเธอก็วิ่งเข้าไปเคาะกระจกด้านคนขับรัว
“มีอะไร” คนในรถถามเสียงห้วน แต่เมื่อเห็นดวงหน้าสวยใสนั้นเลอะไปด้วยคราบน้ำตานางมาลัยถึงกับผงะและเผลอถามออกไปอีกครั้งด้วยน้ำเสียงอาทร “เป็นอะไร”
“รถทัวร์เกิดอุบัติเหตุ คุณยายอาการสาหัสตอนนี้อยู่โรงพยาบาล” ตอบเสียงสะอื้นพร้อมกับใช้หลังมือเช็ดน้ำตาป้อยๆ
“ห๊า! โรงพยาบาลไหน ขึ้นรถสิ”
ไม่รอให้อีกฝ่ายย้ำเป็นรอบที่สองไออุ่นรีบวิ่งไปขึ้นนั่งข้างคนขับ และทันทีที่ประตูถูกปิดลง นางมาลัยก็รีบบึ่งรถมุ่งหน้าไปโรงพยาบาลพร้อมกับเฝ้าสวดภาวนาให้ผู้อันเป็นที่รักและเคารพของตนและลูกสาวรอดปลอดภัย
แต่ดูเหมือนฟ้าจะโหดร้ายคำภาวนาอ้อนวอนใดๆ ก็ไม่เป็นผล เมื่อทั้งสองมาถึงโรงพยาบาลก็ได้รับข่าวร้ายสะเทือนใจ ชนิดที่ให้ไออุ่นถึงกับเข่าอ่อนทรุดตัวลงนั่งร้องไห้จนตัวโยนบนพื้นหน้าห้องฉุกเฉินอย่างไม่อายใคร
ยายของเธอเสียชีวิตแล้ว
และคนที่ช่วยเข้าไปพยุงร่างบางให้ลุกขึ้นแล้วประคองกอดให้เดินเข้าไปข้างในฉุกเฉินนั่นก็คือนางมาลัย ที่ยามนี้ไม่มีแล้วความเกลียดชัง มีแต่ความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับการจากไปไม่หวนกลับของบุพการี
“คุณยาย! / คุณแม่!” ต่างคนต่างถลาเข้าไปกอดร่างที่นอนนิ่งไร้ซึ้งลมหายใจอยู่บนเตียงแล้วร่ำไห้สะอึกสะอื้นปานจะขาดใจ
“ยายจ๋า ทำไมยายถึงต้องจากอุ่นไปไวอย่างนี้…จากนี้ไปอุ่นจะอยู่กับใคร ใครจะคอยบ่น…ดุด่าอุ่นล่ะจ๊ะ”
เสียงคร่ำครวญปนสะอื้นของลูกสาวทำให้นางมาลัยเงยหน้าขึ้นมอง และอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปกุมมือบางพลางบีบกระชับอย่างต้องการปลอบใจและเป็นที่พึ่ง แม้ตลอดเวลานางจะไม่ยอมรับหน้าที่แม่ก็ตาม
หลังจากพาประธานบริษัทคนใหม่พร้อมเลขาอย่างคาร์ลอสทัวร์บริษัท นายสุชายก็พาไมก้าห์มารับประทานอาหารไทยที่ร้านอาหารชื่อดัง
นายสุชายรับเมนูจากพนักงานมาดูแล้วสั่งอาหารสำหรับตัวเองไปสองอย่าง โดยหน้าที่สั่งอาหารให้กับไมก้าห์นั้นยกเป็นหน้าที่ของคาร์ลอสที่พูดไทยได้ชัดแจ๋ว และในช่วงระหว่างที่รออาหารนี้เองนายสุชายได้มีโอกาสชวนคุย
“คุณคิดว่าเมืองไทยเป็นอย่างไรบ้างครับคุณไมค์”
“ก็ดี”
ตอบแบบประหยัดคำพูดและสีหน้าคู่สนทนาที่นิ่งเรียบไร้ซึ่งความสนอกสนใจ เล่นเอาคนชวนคุยขยับตัวอย่างอึดอัดเล็กน้อย แต่ก็ยังยิ้มสู้ไม่ยอมถอยง่ายๆ
“ได้ข่าวว่าคุณไมค์มาพักอยู่ที่บ้านของคุณคาร์ลอส ไม่ทราบว่ามีคนคอยดูแลเรื่องความเป็นอยู่หรืออาหารการกินหรือเปล่าครับ”
คำถามนั้นทำให้ไมก้าห์กับคาร์ลอสเหลือบตามองกันแล้วเงียบ นายสุชายที่เหมือนเพิ่งจะรู้ตัวว่าตัวเองก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของอีกฝ่ายเร็วเกินไปจึงรีบพูดแก้ต่างไปว่า “คือผมเห็นว่าพวกคุณอยู่กันแค่ผู้ชายสองคน อาจจะไม่สะดวกสบาย ผมว่าน่าจะมีคอยดูแลบ้านช่องอาหารการกินอะไรประมาณนี้น่ะครับ”
“คุณว่าอย่างนั้นเหรอ”
“ครับๆ”
รีบกระตือรื้อร้นรับคำ ไมก้าห์หันไปมองคาร์ลอสเล็กน้อยเมื่อเห็นอีกฝ่ายเลิกคิ้วยักไหล่อย่างไม่ขอออกความเห็น เขาจึงนิ่งเงียบคล้ายกับใช้ความคิดไปพักหนึ่ง
“คุณจะจัดการให้”
“แน่นอนครับ”
“ไว้ใจได้แค่ไหน”
“ร้อยเปอร์เซ็นครับเพราะเธอคือลูกเลี้ยงของผมเอง” คราวนี้สองหนุ่มถึงกับร้องอ๋อ…เริ่มจะเข้าใจจุดประสงค์ของคนหวังดี ที่อย่างเซ่น ‘ของบรรณาการ’
ไมก้าห์กดยิ้มเยาะมุมปากแอบทำเสียงฮึขึ้นจมูก ที่แท้ก็พวกทำดีหวังผลระยะยาว…แต่อยากจะบอกว่าคนอย่างไมก้าห์ไม่หมูที่จะให้ใครมาเกาะได้ง่ายๆ หรอกนะ ไม่อย่างนั้นป่านนี้เขาคงมีเมียเป็นโขยง เอาล่ะในเมื่ออยากจะยัดเยียดให้ก็รับมาเอ็นดูชั่วคราวสักคน กำลังเซ็งอยู่พอดี
“เริ่มงานได้วันไหน”
“ทันทีเลยครับ” นายสุชายตอบรับด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“’งั้นมะรืนนี้แล้วกัน”
“ได้ครับ”
รับคำเสียงแข็งขันพยามปรับสีหน้าให้นิ่งเรียบไม่แสดงออกถึงความลิงโลดในใจ หากผิดกับแววตาที่เป็นประกายฉายความยินดีออกมาอย่างปิดไม่มิด
“เอ่อ…ผมขอตัวเข้าห้องน้ำแป๊บหนึ่งนะครับ”
ไมก้าห์พยักหน้า เพียงเท่านั้นนายสุชายก็รีบแจ้นไปเข้าห้องน้ำทั้งที่ไม่ได้ปวดหนักปวดเบา แต่แค่ต้องการโทร.ไปเร่งภรรยาให้ไปเกลี้ยกล่อมและนำตัวลูกเลี้ยงมาทำงานนี้ให้ได้ตามกำหนด
“เอาจริงเหรอ” คาร์ลอสที่กอดอกทิ้งตัวพิงพนักเก้าอี้เอ่ยถามขึ้น
“ก็เขาเสนอฉันก็เลยสนอง” ตอบพลางเบ้ปากและยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ
“ของบรรณาการแสนหวาน นายก็น่าจะรู้จุดประสงค์แอบแฝงของมันดีนี่”
“ไม่ใช่รายแรก”
ทั่วทุกมุมโลกที่ไหนๆ ก็มีคนประเภทนี้ ยอมเอาลูกสาวของตัวเองมาบรรณาการเพื่อหวังผลประโยชน์ไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียงหรือว่าเงินทองของตระกูลที่ได้ชื่อว่าร่ำรวยมหาศาลอย่างพาสคาร์รี่
“ก็ขอให้รอดปลอดภัยอย่างทุกรายล่ะกัน”
“คิดว่าฉันเป็นใคร”
“ไมก้าห์จอมโหด”
คาร์ลอสตอบเสียงกลัวหัวเราะ คิดถึงใบหน้าสาวๆ แต่ละคน หลังจากเริงร่าขึ้นสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ในตอนกลางคืน ตอนเช้าก็ต้องตกสวรรค์โดนปลุกตั้งแต่แต่เช้ามืดมาทำบางอย่าง ที่คุณหนูผู้มีอันจะกินไม่เคยตกยากแต่ละนางโดนบังคับทำแล้วถึงกับน้ำตาตกแอบเผ่นหนีทุกราย และแน่นอนพวกเธอเหล่านั้นไม่โผล่หน้ามาให้เห็นอีกเป็นครั้งที่สอง
***********************************************************************************************************************
ดาวโหลด E-book ได้ที่
- เวบ MEB
- เวบ hytexs
- เวบ ebook
เกศมณี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ธ.ค. 2559, 14:29:13 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ธ.ค. 2559, 14:29:13 น.
จำนวนการเข้าชม : 674
<< ตอนที่ 2 สิ่งที่สูญเสียไปกับสิ่งที่ได้มา (ครึ่งแรก) | ตอนที่ 3 บุญคุณกับความจริงที่ได้รู้ (ครึ่งแรก) >> |