คู่หมั้นคืนเหงาใจ
ตำนานหนุ่มหล่อเลิศล้ำแห่งค่ำคืนเหงาใจ

ความรักเหงา ๆ รานร้าวและเร้าใจ ต่างคนต่างมีกิเลสตัณหา ต้องชดใช้บุญกรรมแห่งความรัก ติดตามข้ามภพชาติศาสนา หนึ่งหญิงสองชายผูกพัน
อ่านเรื่องนี้จบ แล้วคุณจะสงสารใคร? ระหว่าง...

นักดนตรีหนุ่มรูปหล่อ พ่อรวย ราวกับในตำนาน เทพบุตรจุติลงมาเกิดอย่าง ยุติ ผู้ตกอยู่ในวังวนแห่งความเปลี่ยวเหงา ทุกค่ำคืนผ่านไปจิตใจโหยหา แค่เพียงเป็นคนที่เขาเผลอใจรัก แต่เขาไม่ได้เลือก กลายเป็นเหมือนส่วนเกิน มิใช่ส่วนสำคัญ

หรือ... อภิมหาเศรษฐีหนุ่ม ใบหน้าสวยงามเลิศล้ำอย่าง ไทธรรพ์ ผู้เป็นที่รักยิ่งดั่งชีวิตจิตใจของสาวสวย ถึงแม้เขาจะเจ้าชู้ไปบ้าง แต่ทั้งชีวิตจิตใจทุ่มเทในรักจริงจัง แต่ความหวังกลับหักพังสลาย สุดท้ายต้องอยู่เดียวดายข้างกายไร้คู่ครอง

หรือ... สาวสวยแชมป์มวยไทยหญิง เพชรน้ำหนึ่ง ถึงจะมีเพียบพร้อมทุกสิ่ง แต่ต้องเกิดมาใช้เวรใช้กรรม ที่เคยกระทำไว้ในชาติก่อน แม้จะสามารถยืนหยัดขึ้นมายิ่งใหญ่ และจิตใจเข้มแข็ง ทนทานต่อความทุกข์กายทุกข์ใจได้ แต่ลึกลงไปข้างในนั้น ไร้ซึ่งความสุขแท้จริง
Tags: ไตรติมา, คู่หมั้นคืนเหงาใจ, ดราม่า, ซึ้ง, โรแมนติก,

ตอน: ตอน 10 [2]


“ขอบคุณที่พามาเลี้ยงข้าวมื้อนี้ค่ะ” เธอบอก แล้วเข้าไปนั่งในรถ แต่แล้วรถกลับยังไม่เคลื่อนตัวออก

“ดื่มน้ำก่อนสิ แล้วกินยาหลังอาหารซะ” เขาส่งขวดน้ำดื่มให้ แล้วหันไปดูถุงใส่ยาที่ได้รับมาจากโรงพยาบาล หยิบยาเม็ดออกมาให้เธอกินตามที่ระบุหน้าซองยา

เธอยกมือขึ้นรับยาเม็ดจากมือเขา อีกมือหนึ่งของเขาช่วยประคองมือของเธอ สัมผัสไออุ่นจากฝ่ามือที่ใหญ่กว่าของเขาให้ทั้งความอบอุ่น และทำให้ใจสาวสวยเต้นแรงขึ้นมาอีก รู้สึกตัวแล้วว่าเริ่มมีใจชอบเขาเพิ่มขึ้นทุกนาที แค่นึกเท่านั้นใจยิ่งสั่นราวกลองรัว มือไม้ดูจะอ่อนเปลี้ยเพลียแรงไปหมด นี่กระมังที่เรียกว่าความอ่อนระทวยเป็นเช่นนี้เอง เธอเงยหน้ามองสบตาเขาอีกครั้งทั้งที่เขินจนไม่กล้าจะมอง

สายตาของผู้ชายอย่างเขาที่มองมา บ่งบอกว่าเขานั้นรู้เท่าทันความในใจ... เธอรู้สึกอ่อนไหวไปกับเขาเท่าไร

“กินยาแล้วนั่งหลับตาให้สบายนะ หนึ่งไม่ต้องกังวลอะไร” เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

เธอจึงปิดเปลือกตาตนเอง เพราะไม่อยากมองตาเขาให้ใจไหวหวามอีก

เขาเอื้อมมือมารัดเข็มขัดรถให้ในขณะที่ใบหน้าของเขาเข้ามาอยู่ชิดใบหน้าของเธอมาก ใกล้มากจนถึงขนาด... ได้รับสัมผัสแห่งลมหายใจอุ่นเป่ารดลงข้างแก้มเธอ

ทำให้เธอลืมตา... ดวงตาเบิกโต! มองเขาแวบหนึ่ง พยายามสะกดความรู้สึกหวั่นไหวที่ทำให้หัวใจเต้นโครมคราม ...ค่อยสงบใจพร้อมหลับตาลงอีกครั้ง ได้แต่เตือนตัวเอง...

‘อย่าหวั่นไหวเช่นนี้ อย่าปล่อยให้เขาจับได้ไล่ทัน เพราะเขานั้นอาจเป็นอันตรายต่อเรา’



..........ยุติยังคงไม่พาเพชรน้ำหนึ่งส่งบ้าน ...หากแต่พามา ณ ผับที่เขาเล่นดนตรี

“ถึงแล้วหนึ่งที่นี่เป็นผับที่พี่เล่นดนตรี ลงมานั่งเล่นเดี๋ยวเดียว ดูพี่เล่นดนตรีเถอะ พี่อยากให้หนึ่งได้มาเปิดหูเปิดตานอกบ้านบ้าง” เขาบอก ให้เธอลืมตาขึ้นมาดู

“ตามมาสิ เดี๋ยวพี่พาไปแนะนำให้รู้จักเพื่อนใหม่”

“ใครบอกพี่ยุติว่าหนึ่งอยากรู้จักเพื่อนใหม่” เธอย้อนถามเขา

“น่า... มาเถอะนะ” ยุติขอร้องกึ่งบังคับ แล้วเขาได้เดินอ้อมรถมาเปิดประตูรถให้ พร้อมกับดึงมือของเธอ ให้ออกมาจากรถ เธอจึงจำต้องตามเขา

“ว้ายกรี๊ด... รถบีเอ็มคันใหม่ป้ายแดง เพิ่งซื้อใหม่เหรอคะ พี่ยุตินี่ทั้งหล่อแถมยังรวยอีกแบบนี้สเปคของหนิงเลยค่ะ ขอสมัครเป็นแฟนพี่ยุติด้วยคน เอ้อ! แล้วพาใครมาด้วยคะ” สาวรีเซฟชั่นประจำผับเอ่ยทักทาย ขณะบังเอิญเดินมาพบที่ลานจอดรถ

เพชรน้ำหนึ่งชักสีหน้ายุ่ง อยากบอกว่า

‘รถนี่ของฉันย่ะ ไม่ใช่ของพี่ยุติ’

แต่เธอเอ่ยปากไม่ทัน เมื่อยุติชิงพูดขึ้นก่อน

“อ๋อ... เพื่อนพี่เองครับ”

“ไม่ใช่แฟนเหรอคะ” สาวรีเซฟชั่นยังคงถามย้ำอีก ขณะที่ยุติยิ้มหว่านเสน่ห์ให้

“พี่ยังไม่มีแฟนหรอกครับ เป็นโสดมีแต่เพื่อน นี่ชื่อหนึ่ง รู้จักกันไว้สิเผื่อวันหน้าได้เจอกันอีกจะได้ทักทายกัน”

“สวัสดีหนึ่ง... ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ฉันชื่อหนิง เป็นรีเซฟชั่นของผับนี้” สาวรีเซฟชั่นกล่าวกับเพชรน้ำหนึ่งตามมารยาท “นั่งรถมากับพี่ยุติเป็นตุ๊กตาหน้ารถให้พี่ยุติเหรอคะ” กล่าวถามอย่างหยอกเย้า ไม่ได้มีเจตนาว่าร้าย

แต่เพชรน้ำหนึ่งทำหน้าไม่พอใจ หงิกและงอ...

อีกฝ่ายที่เพิ่งพูดเลยหน้าเจื่อน หันไปพูดกับยุติแทน

“พี่ยุติเข้าไปในผับพร้อมกันเถอะค่ะ”

แล้วหญิงสาวคนนั้นได้เกาะแขนของยุติ เดินเคียงข้างพากันตรงเข้าไปในผับ โดยมีเพชรน้ำหนึ่งเดินตามในระยะห่างอย่างหงุดหงิดอารมณ์ค้าง ในใจมีแต่คำถาม...

‘ฉันคนนี้นี่ล่ะนะถูกมองเป็นแค่ตุ๊กตาหน้ารถ’

“นั่นพี่ยุติมาแล้ว มียายประชาสัมพันธ์เดินเกาะแขนมาด้วย น่าหมั่นไส้ชะมัด” เสียงแฟนเพลงในกลุ่มเอ่ยขึ้น

“พี่ยุติทางนี้ ...ทางนี้” อีกสาวหนึ่งตะโกนเรียก

เพชรน้ำหนึ่งมองตามเสียงไป แม้เห็นหน้าไม่ชัดในความสลัวของแสงไฟ แต่พอจะรู้ว่าผู้หญิงกลุ่มนั้นคงเป็นแฟนเพลงของยุตินั่นเอง

“ฉันขอตัวก่อนนะพี่ยุติ” ประชาสัมพันธ์สาวขอปลีกตัวไปก่อนที่ยุติจะเดินไปที่กลุ่มแฟนเพลงของเขา

“สวัสดีครับสาวสวยทุกคน มากันนานหรือยัง” ยุติเอ่ยทักทายยิ้มแย้ม

“พวกเราเพิ่งมากันเมื่อกี้เองค่ะพี่ยุติ”

“พี่พาเพื่อนใหม่มาให้รู้จัก เป็นคนข้างบ้านพี่ชื่อเพชรน้ำหนึ่ง ชื่อเล่นว่าหนึ่ง รู้จักกันไว้ซะสิ พี่ฝากให้นั่งโต๊ะนี้ด้วยคนนะครับ”

“ได้ค่ะ เชิญเลยนั่งด้านในนี้ได้ค่ะ”

เมื่อได้รับการเชื้อเชิญ เพชรน้ำหนึ่งจำต้องเดินเข้าไปนั่งด้านในสุด

“น้อง... ช่วยเอานมเปรี้ยวมาให้คนที่นั่งด้านในสุดด้วย แล้วบิลค่าดริ๊งค์ของโต๊ะนี้มาเก็บที่พี่ยุติ” ยุติสั่งกับพนักงานเสิร์ฟชายที่คุ้นเคยกันดี

“พี่ยุติใจดีจังเลี้ยงพวกเราด้วย ขอบคุณค่ะ”

“เดี๋ยวพี่ต้องไปเตรียมตัวแล้ว ขอตัวก่อนนะครับ” ยุติไปทำหน้าที่นักดนตรีประจำตำแหน่งมือกลอง จากนั้นพวกสาวแฟนเพลงของยุติจึงหันมาสนใจเพื่อนใหม่

“ฉันชื่อมะปรางค์ คนนี้ชื่อแป้ง นี่ชื่ออร นั่นชื่อกิ๊ฟ แล้วก็มิ้นท์กับน้องเล็ก” คนหนึ่งเอ่ยแนะนำตัว เพื่อนใหม่มีกันหลายคนจนเพชรน้ำหนึ่งจำไม่ได้ใครเป็นใคร

“เธอเป็นแฟนของพี่ยุติเหรอ” แฟนเพลงของยุติเอ่ยถามเธอ

“ไม่ใช่เด็ดขาด”

“อ้าวเหรอแล้วมากับพี่ยุติได้ยังไง”

“พี่ยุติพาฉันไปส่งโรงพยาบาล ฉันแค่ไม่สบายนิดหน่อย พี่ยุติเลยพาฉันมาเที่ยว เดี๋ยวฉันจะกลับบ้านแล้ว”

“แต่น่าอิจฉาจังเลยนะได้อยู่ข้างบ้านพี่ยุติ คงจะสนิทกันมาก พี่ยุติถึงได้เป็นห่วงเป็นใยคอยดูแล”

“ฉันไม่ได้จ้างให้เขามาห่วงใย และฉันไม่ได้สนิทอะไรกับพี่ยุติ อ้อ... ฉันมีผัวแล้ว ฉันไม่มีวันนอกใจไปชอบชายอื่นที่ไม่ใช่ผัว เลิกถามซอกแซกกับฉันซะที” เธอพูดและชักสีหน้าหงุดหงิด

เล่นเอาคนถามที่อยากรู้อยากเห็นอึ้งไปตามกัน ต่างคาดไม่ถึงว่าเธอจะพาลหงุดหงิด และแสดงคำพูดไม่สุภาพอย่างนั้นออกมา

“ต่อไปฟังเพลงจังหวะเร็วกันนะครับ เอ้า! สนุกกันให้เต็มที่” นักร้องนำเกริ่นเสียงดังขึ้น ปลุกใจให้แฟนเพลงเริ่มคึกคักสนุกสนาน

ทุกคนที่เป็นแฟนเพลงจึงหันไปสนใจฟังเพลงกัน ไม่มีใครสนใจจะพูดกับเพชรน้ำหนึ่งอีก เริ่มความสนุกกับเสียงเพลงด้วยจังหวะเร็ว นักดนตรีและแฟนเพลงต่างสนุกสนานกันประมาณว่าลืมทุกข์โศกโรคภัยกันไปเลย

“กรี๊ด... แพ้ความหล่อของหัวหน้าวง ...พี่ยุติ” เสียงแฟนเพลงสาวที่อยู่ในกลุ่มตะโกนขึ้น ...ชื่นชมเขา

“ใช่เลยพี่ยุติเท่ห์มาก ดูสิ... ตอนรัวกลองสะบัดผมกระจายเลย อ๊าย... ชอบผมพี่ยุติสลวยเนอะ” คำกล่าวขวัญนั้นทำให้เพชรน้ำหนึ่งละสายตาไปไหนไม่ได้ นอกจากต้องมองดูทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจ

“ต่อไปเปลี่ยนอารมณ์เพลงมาฟังเพลงช้ากันบ้างนะครับ เพลงต่อไปนี้ผมขอยกให้เป็นหน้าที่ของหัวหน้าวงผม มีสาวหลายคนแอบกรี๊ดในความหล่อไม่แพ้ใครเลยนะครับ พี่ยุติของเรานั่นเอง จะเปลี่ยนมาเล่นกีตาร์และร้องเพลงหวานซึ้งให้เราได้ฟังกัน ...เชิญพี่ยุติครับ” นักร้องนำส่งต่อ พร้อมนำกีตาร์มาส่งให้ด้วย

ยุติเดินออกมานั่งข้างหน้าเวทีและเล่นกีตาร์...

“บทเพลงนี้ผมเพิ่งแต่งด้วยตัวเอง ได้พบเห็นผู้หญิงแสนเหงาคนหนึ่งแล้วจึงเกิดแรงบันดาลใจ ...อยากปลอบใจเธอ ...สื่อความในใจไปในบทเพลง”

ชื่อเพลง ความหวังใหม่ในคืนเหงา

บทเพลงจาก... ยุติ

ค่ำคืนเหงาใจฟ้าไร้ดาวดวงเด่น

คุณมองเห็นอะไรในคืนว่างเปล่า

อยากคุ้มครองหัวใจให้คลายความเหงา

อยากอยู่เหมือนเงาเคียงข้างไม่ห่างกัน

หัวใจเต้นถี่ทุกทีที่ใกล้คุณ

อยากให้ความอบอุ่นอย่างใจใฝ่ฝัน

ทุกทุกเช้าตื่นมองเห็นแสงตะวัน

ออกจากความมืดนั้นมาเจอผม

เป็นความหวังสักครั้งหนึ่งให้ซึ้งใจ

บอกความนัยไปตามกระแสลม

ล้างร้าวรานหงอยเหงาเศร้าขื่นขม

ด้วยรักจากใจผมมอบไว้ให้คุณ

เปิดใจรับรักใหม่ให้ใจสดใส

สุขสมไร้ทุกข์ตรมลืมเรื่องวุ่นวุ่น

ปล่อยผ่านไปเลยความหลังเคยเคืองขุ่น

โปรดเถิดคุณเปิดใจแล้วมองมา

ไม่ว่าสิ่งใดที่นี่มีทุกสิ่ง

ทั้งใจจริงให้หายเหงาเศร้าโหยหา

เป็นกำลังใจให้ความหวังใหม่พา

วันเวลาคืนเหงาเลิกร้าวรานใจ

ยุติร้องเพลงนี้ในขณะที่เพชรน้ำหนึ่งนั่งอยู่โต๊ะใกล้หน้าเวที

แม้เธอจะนั่งข้างในสุดยังเห็นได้ชัดเจนว่า... เขามองตรงมายังเธอ ในความสลัวลางของแสงไฟนั้นมิอาจบดบังแววตาของทั้งสองคน ซึ่งประสานสายตากันอย่างมิอาจละสายตาไปจากกันได้ ท่ามกลางผู้คนมากมายแต่ไม่มีใครล่วงรู้...

“ต๊าย! พี่ยุติมองฉันด้วย”

“ไม่ใช่ย่ะ เขามองมาทางฉันต่างหาก”

“ฉันว่าพี่ยุติมองมาที่โต๊ะเรานั่นแหละจะเถียงกันทำไม”

“เงียบกันหน่อยสิจะใช้สมาธิเพ่ง”

“เพ่งอะไรยะหล่อน”

“เพ่งดูความหล่อและฟังเสียงร้องของพี่ยุติไง”

“เอ่อ... ดูอย่างนี้แล้วพี่ยุติของเราหล่อล่ะ แบบโค–ตะ–ระ โคตรหล่อ อ๊าย! จะทำให้หลงไปถึงไหน”

“เอ... ไม่รู้พี่ยุติแต่งเพลงนี้ให้ผู้หญิงคนไหนหนอ”

“อ๋อ... ฉันรู้แล้วพี่ยุติแต่งเพลงให้ผู้หญิงขี้เหงาคนนั้นแหละ เพราะพี่ยุติเป็นคนอ่อนไหวมีอารมณ์ศิลปินสูง พบเห็นสิ่งไหนก็สามารถนำมาจินตนาการให้มันเข้ากับบทเพลงได้ พี่ยุติมีเพื่อนผู้หญิงเยอะจะตาย คงเคยพบเห็นผู้หญิงแบบนั้นล่ะมั้ง”



..........หลังดนตรีจบลง นักดนตรีจึงได้พักเหนื่อย

“พี่ยุติ... เพื่อนพี่ยุตินี่ดุชะมัด พูดจาไม่ดีเลย”

“ใช่พี่ยุติ พวกเราไม่กล้าคุยด้วย ชอบทำหน้าบึ้ง น่ากลัวยังไงไม่รู้”

“นี่แถมยังบอกว่า...” อีกคนเอามือป้องปาก กระซิบบอกข้างหูของยุติ เมื่อได้ฟังแล้วเขาถึงกับมองจ้องหน้าเพชรน้ำหนึ่ง

“พี่ต้องขอโทษแทนเพื่อนพี่ด้วย เขาเป็นคนแบบนี้เอง ไม่ค่อยมีมนุษย์สัมพันธ์ อย่าถือสาเลยนะ” เขาบอกกับสาวแฟนเพลงพร้อมกับเปลี่ยนเรื่องคุย “แล้วเป็นไงบ้าง ฟังเพลงวันนี้สนุกกันไหม”

“สนุกดีค่ะ คืนนี้พี่ยุติเท่ห์มาก ไม่นึกเลยนะว่าพี่ยุติจะร้องเพลงหวานได้เพราะขนาดนี้ ทำเอาซึ้งเลย...”

“ใช่... ฟังแล้วเคลิ้ม... ว่าแต่ใครคือผู้หญิงขี้เหงาคนนั้นที่ทำให้พี่ยุติเกิดแรงบันดาลใจจนแต่งเพลงนี้ขึ้นมา”

“สงสัยพี่ยุติคงจะแอบชอบเขาถึงแต่งเพลงนี้ แหม.. อยากเป็นผู้หญิงคนนั้นจัง”

“บางเวลาคนเราอาจเหงากันได้ พี่แต่งเพลงนี้ให้ผู้หญิงทุกคน รวมทั้งสาวสวยที่นั่งอยู่ในที่นี้ด้วย” เขาบอกพลางโปรยยิ้มเปิดเผยเขี้ยวเสน่ห์ชวนมอง ต้องตาต้องใจสาวทั้งหลาย...

“แค่ก แค่ก...” เสียงไอจากเพชรน้ำหนึ่งซึ่งแกล้งกระแอมไอ “เมื่อไรจะได้กลับบ้าน” เธอถามเขาอย่างห้วนมากและทำน้ำเสียงเข้ม

“โธ่จะรีบกลับไปทำไม ยังหัวค่ำอยู่แล้ว” เขาคัดค้าน

“เที่ยงคืนนี่นะหัวค่ำ? หนึ่งไม่สบายอยู่ อยากรีบกลับ”

“ได้... เดี๋ยวพี่ไปตามอีกคนก่อน ...รอเดี๋ยว” ว่าแล้วยุติจึงเดินหายเข้าไปในความมืดของผับ สักพักหนึ่ง...

“หนึ่งรออีกสักสองชั่วโมงเถอะนะ เขาต้องทำบัญชีกว่าจะเสร็จคงเกือบตีสอง สงสารเขากลับบ้านคนเดียว ตอนดึกมันเปลี่ยวอันตราย” เขาพูดเหมือนขอร้อง เธอจึงได้แต่เงียบยอมรับในเหตุผล จากนั้นเขาพาเธอไปพักผ่อนในห้องพยาบาลของผับ




ไตรติมา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ธ.ค. 2559, 13:44:02 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ธ.ค. 2559, 13:44:02 น.

จำนวนการเข้าชม : 899





<< ตอน 10 [1]   ตอน 11 [1] >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account