อธิษฐานสลับรัก
ณิชารีย์ สาวอวบเกินพิกัด เธอทำงานอยู่ในบริษัทกาแฟลดน้ำหนักที่มีแต่สาวๆ หุ่นดี ผอมเพรียวด้วยกันทั้งนั้น
ขณะที่เธอกับเพื่อนซี้ เป็นจุดด้อยของบริษัท
วันหนึ่งเมื่อเพื่อนรัก ชวนกันไปที่ศาลเจ้าแม่มุ่ยเฮียง
คำอธิษฐานแบบส่งๆ ทำให้เกิดเรื่องวุ่นๆ ขึ้น เธอกลายเป็นสาวสวยหุ่นดี
พรแบบพิลึกๆ จะช่วยทำให้เธอได้พบกับเนื้อคู่ตัวจริงได้หรือไม่ มาลองลุ้นกัน
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ ๙ บทพิสูจน์

บทที่ ๙ บทพิสูจน์

มาต่อแล้วนะคะ พอดีช่วงเดือนนี้งานยุ่งค่ะ ประกอบกับเร่งปั่นเขียนให้จบและรีไรท์ เพื่อส่งสนพ ตอนนี้ส่งไปให้ทางสนพ พิจารณาแล้วคะ่แต่ยังไม่ทราบผล ผ่านไม่ผ่าน รอลุ้นกันนะคะ หวังว่า จะได้ออกเป็นเล่มเดือน มีนาคม มาช่วยลุ้นหนูนิดกันนะคะ

ณิชารีย์นอนไม่หลับ ซึ่งเป็นเรื่องแปลกมากสำหรับหญิงสาวเพราะปกติแล้วหล่อนมักจะผล็อยหลับไปทันทีที่หนังท้องตึง แต่วันนี้ไม่ว่า จะลำเลียงอาหารลงกระเพราะสักกี่ชนิด หรือใช้สารพัดวิธีทำให้ง่วงนอน แต่ตาสองข้างกลับไม่ยอมปิด เสียงกรนจากเพื่อนสาวที่นอนดูทีวีอยู่ข้างๆ ทำให้หล่อนอดโมโหไม่ได้

“ลอร่า”


หญิงสาวเขย่าแขนเพื่อนแต่ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ ลำดวนหลับไปแล้วแถมยังหลับลึกเสียด้วย ทั้งที่เตี้ยมกันเอาไว้แล้วว่า จะพิสูจน์ความจริง แต่ตอนนี้คงไม่มีประโยชน์แล้ว หล่อนลอบมองใบหน้าเพื่อนรัก แม้ยามหลับลำดวนก็ยังฝันดี

ร่างอวบพลิกตัวบนโซฟาอยู่ครู่ใหญ่เมื่อรู้ว่า ไม่มีทางหลับแน่แล้วจึงตัดสินใจออกไปนั่งดูโทรทัศน์แทน รายการทีวียังคงเหมือนเดิมเช่นเดียวกับทุกวัน หล่อนจึงเลือกดูโทรทัศน์ต่างประเทศ รายการที่หญิงสาวโปรดปรานมักเกี่ยวกับการทำอาหาร ผู้ดำเนินรายการจะไปเสาะหาอาหารจากร้านดังและเก่าแก่ที่เปิดมามากกว่ายี่สิบปี


ณิชารีย์นั่งอยู่หน้าจอมอง อาหารมากมายสารพัดล้วนแล้วแต่น่ารับประทานด้วยกันทั้งนั้น จู่ๆ ท้องก็ร้องโครกครากขึ้นมา หล่อนก็เป็นเสียแบบนี้ ชอบทรมานตัวเองด้วยการดู แต่สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้กับพยาธิในท้องอยู่ร่ำไป เหมือนอย่างเช่นวันนี้ที่การดูโทรทัศน์ทำให้หล่อนหิว

หญิงสาวลองเขย่าเพื่อปลุกเพื่อนรักอีกครั้งแต่ผลก็คือ ลำดวนยังคงหลับลึกและไม่มีทีท่าว่า จะตื่นขึ้นมาง่าย

“ลำดวนนะลำดวน ไหนว่า จะมีพิสูจน์ความจริง มานอนอุตุอย่างนี้ได้ยังไงกัน”

ณิชารีย์ไม่อยากปล่อยตัวเองให้หิว เพราะยามหิวหล่อนมักจะฟุ้งซ่านจึงตัดสินใจลงไปซื้ออาหารรอบดึก เนื่องจากคอนโดแห่งนี้มีผู้พักอาศัยเป็นจำนวนมากจึงมีบรรดาพ่อค้าแม่ค้านำอาหารมาขายทั้งเช้าและเย็น รถเข็นขายบะหมี่เกี๊ยวดูจะขายดีกว่าเพื่อนเพราะราคาย่อมเยาและอร่อย ข้างๆ กันยังมีข้าวหมูแดง ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา รวมถึงขนมหวานพวกลอดช่องน้ำกะทิ และน้ำแข็งใสสารพัดชนิด ณิชารีย์กดลิฟต์ลงไปชั้นล่าง แต่พอประตูเปิดออกก็ได้พบกับใครคนหนึ่ง ความทรงจำเมื่อคืนทำให้เผลอตัวทักออกไป

“คุณโดมเพิ่งกลับหรือคะ”

ผลก็คือ ชายหนุ่มหน้าตึง เขาแทบไม่มองหล่อนด้วยซ้ำแต่กลับเดินชนไหล่เข้าไปในลิฟต์ ณิชารีย์มองปกรณ์ที่รัวนิ้วไปยังปุ่มปิดประตูด้วยหัวใจรวดร้าว เมื่อมองเงาสะท้อนจากกระจกหน้าลิฟต์ก็ได้พบกับความจริงอันแสนเจ็บปวด
ผู้หญิงคนที่ปกรณ์ชอบนั่นคือ นีน่าต่างหาก แต่หากเป็นณิชารีย์แม้แต่หางตายังไม่แลด้วยซ้ำ สองขาพาร่างเดินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไปถึงร้านบะหมี่

“ลุงคะ ขอบะหมี่แห้งห่อ น้ำห่อ แบบพิเศษด้วยนะ”

ทุกครั้งที่ณิชารีย์เครียดหล่อนจะกินๆ ๆ ทั้งของคาวของหวาน หล่อนเคยอ่านเจอในหนังสือว่า หากระดับน้ำตาลในเลือดสูงจะทำให้คนหายเครียด ดังนั้นที่ผ่านมาทุกครั้งที่หล่อนทำงานหนัก หรือคิดงานไม่ออกหญิงสาวจะแก้ปัญหาด้วยการกิน
นับประสาอะไรกับวันนี้ที่ความเครียดนั้นทวีคูณ นอกจากยังไม่ได้คำตอบว่า เกิดอะไรขึ้นกับตนแถมเพื่อนสาวที่มาช่วยพิสูจน์ยังหลับไปอย่างสบายใจเฉิบอีกด้วย เนื่องจากคิวลูกค้าวันนี้ค่อนข้างยาวณิชารีย์จึงข้ามไปร้านสะดวกซื้อฝั่งตรงข้ามแทน ร้านนี้เปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงแถมยังมีสาขาอยู่ทั่วประเทศแต่ที่สำคัญคือ มีของโปรดของหญิงสาวด้วย
สายตากวาดมองเร็วๆ ที่ชั้น ของโปรดหล่อนบัดนี้เหลือเพียงห่อเดียว แต่เมื่อเอื้อมไปหยิบ มือของใครอีกคนก็ตัดหน้าไปก่อน
ณิชารีย์ตวัดหางตาขึ้นหมายจะผรุสวาทแต่พอเห็นว่า เป็นใครก็รีบหดมือหนีที่แย่ก็คือ เขาดันจำหล่อนได้เสียอีก

“คุณชอบช็อกโกแลตยี่ห้อนี้หรือ”

อติกันต์นั่นเองที่ส่งยิ้มหวานมาให้ รอยยิ้มของเขาทำให้กำแพงในใจพังทลายไปมากกว่าครึ่ง แต่แล้วความทรงจำที่ถูกชายหนุ่มดุเมื่อคืนทำให้หล่อนเผลอหน้าบึ้ง

“ผมทำให้คุณโกรธหรือ ผมขอโทษ”

ท่าทางอันแสนสุภาพทำให้ณิชารีย์รู้สึกผิดขึ้นมาทันที หล่อนไม่ควรโกรธเพราะคนที่อติกันต์มีปฏิกิริยาด้วยไม่ใช่ผู้หญิงคนนี้ เขาโกรธนีน่าต่างหาก
ความจริงอันน่าขันก็คือ มีผู้ชายในโลกที่ชอบผู้หญิงอ้วนมากกว่าผู้หญิงหุ่นดีอย่างนลินา ความจริงกระแทกใจอย่างจังแต่หญิงสาวก็เลือกที่จะปัดมันทิ้งไป

“ไม่ใช่ค่ะ พอดีกำลังคิดอะไรเพลินๆ ค่ะ คุณเอาไปเถอะ ฉันไม่ได้อยากกินแค่จะซื้อเก็บไว้เฉยๆ”
“ได้ยังไง คุณเห็นก่อน ผมต้องเสียสละให้สุภาพสตรีต่างหาก”

“ไม่ได้ค่ะ ฉันจะแย่งขนมคุณได้ยังไง”

“คุณไม่ได้แย่ง แต่ผมเต็มใจให้”

ชายหนุ่มไม่พูดเปล่าแต่รีบนำช็อกโกแลตไปจ่ายเงินกับแคชเชียร์ หลังจากพนักงานคิดเงินเรียบร้อย เขาก็ส่งถุงให้กับณิชารีย์ หล่อนมองช็อกโกแลตลูกกลมๆ สีทองกับมันเป็นของประหลาดทั้งที่หล่อนกินมันเป็นของว่างวันละหลายๆ ครั้ง อติกันต์เป็นผู้ชายคนแรกที่ซื้อช็อกโกแลตให้หล่อน ณิชารีย์เคยฝันถึงโมเม้นท์นี้มานับครั้งไม่ถ้วน

“จะดีหรือคะ”

“ดีสิครับ ถือเสียว่า เป็นของขวัญจากเพื่อนก็แล้วกัน ว่าแต่คุณลงมาทำอะไรดึกๆ หรือครับ”
ตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว ณิชารีย์มองไปยังร้านบะหมี่ฝั่งตรงข้าม อาหารที่หล่อนสั่งคงเตรียมเรียบร้อยแล้ว แต่ส่วนลึกยังเขินชายหนุ่ม คงไม่ใช่เรื่องดีแน่หากเขารู้ว่า คนอ้วนอย่างหล่อนริอ่านจะกินมือดึก

“เออฉัน ลงมาซื้อของใช้นิดหน่อยค่ะ กำลังจะกลับแล้ว”

“อ้าวหรือครับ ผมคิดว่า คุณลงมาซื้อบะหมี่เสียอีก เมื่อครู่นี้ผมเห็นคุณยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม”
หญิงสาวได้ยินเสียงตัวเองหน้าแตกดังเพล้ง ยายนิดเอ๊ยจะโกหกทั้งทีให้มันเนียนกว่านี้หน่อย หล่อนลูบท้ายทอยอย่างเขินๆ มองอติกันต์แล้วหัวเราะ
“งั้นฉันไม่โกหกแล้วกันนะคะ ฉันหิวค่ะ ก็เลยลงมาซื้อบะหมี่ ขึ้นไปกินที่ห้องค่ะ”

“เหมือนผมเลยครับ ผมก็มีเหมือนกัน” เขาชูห่อบะหมี่ที่ถืออยู่ในมือ” แสดงว่า เราสองคนใจตรงกัน เอาไว้โอกาสหน้าผมไปเคาะเรียกที่ห้อง จะได้ลงมากินด้วยกัน ผมไม่ค่อยมีเพื่อนกินมื้อดึกทุกๆ คนกลัวอ้วนกันหมด”

“ใครจะเหมือนนิดละคะที่อ้วนแล้ว...เลยไม่กลัว”

“คุณไม่อ้วน ออกจะน่ารัก เราข้ามถนนไปฝั่งนู้นกันเถอะครับ ป่านนี้บะหมี่ที่สั่งไว้คงได้แล้ว”
ณิชารีย์มองตามชายหนุ่ม น่าแปลกที่รู้สึกสดชื่นกว่าทุกวัน ไม่รู้เป็นเพราะได้ช็อกโกแลตห่อสุดท้ายจากร้านสะดวกซื้อ หรือเป็นเพราะว่า มีผู้ชายคนหนึ่งพูดว่า เราใจตรงกัน...


“สรุปว่าเธอทิ้งฉันไปนั่งกินบะหมี่กับผู้ชายข้างห้องงั้นหรือ”
พอตื่นขึ้นมาตอนเช้าลำดวนก็โวยวายในทันที สองสาวหลับสนิทรวดยาวจนถึงเช้ารวมถึงณิชารีย์ที่หลับอย่างมีความสุขเมื่อจัดการบะหมี่เสร็จ

“น้อยๆ หน่อย ฉันไม่ได้กินบะหมี่กับเขาเสียหน่อย แค่ลงไปซื้อแล้วเจอกันข้างล่างเฉยๆ “
“ก็นั่นละ ซื้อของกินแต่ไม่ซื้อเผื่อ ขอแช่งให้จู๊ดๆ” ได้ทีเพื่อนสาวก็โวยวาย หญิงสาวเลยส่งค้อนให้วงใหญ่

“ไม่เผื่อที่ไหน บะหมี่ของเธออยู่ในตู้เย็น เดี๋ยวช่วยรับผิดชอบเอาไปกินที่บริษัทด้วยนะ อย่าให้เสียของ”

ณิชารีย์เปิดตู้เย็นให้เห็นถุงบะหมี่ที่ซื้อมาแล้วตั้งแต่เมื่อคืน แต่สายตาเพื่อนกลับไปสะดุดกับช็อกโกแลตสีทองที่ถูกเก็บไว้ข้างตู้
“แล้วช็อกโกแลตนี่ของใครหรือ ขอกินด้วยคนได้ไหม”
เพื่อนสาวเอื้อมมือไปหยิบเตรียมจะแกะห่อแต่ณิชารีย์รีบแย่งกลับมา
“อันนี้ไม่ได้”

“อ้าวทำไมล่ะ ปกติเธอกับฉันแบ่งกันอยู่แล้วนี่ เธอสองอัน ฉันอันหนึ่งยุติธรรมดีออก” สองสาวมีอะไรก็มักจะแบ่งกันกินอยู่เป็นประจำ แต่คงเพราะว่า ช็อกโกแลตนี้มีความหมายมากกว่านั้น

“อันนี้ไม่ได้จริงๆ เธอกินอย่างอื่นเถอะนะ หรือจะกินไอศกรีมในช่องฟรีสก็ได้”

“นี่อย่าบอกนะว่า ผู้ชายคนนั้นให้มา ฉันว่า มันมีอะไรพิลึกๆ อยู่นะ”

ณิชารีย์เม้มปากแน่น เสมองไปทางอื่นไม่กล้าสบตาเพราะกลัวถูกเพื่อนจับผิด หล่อนรีบเปลี่ยนเรื่องคุย
“นี่ก็สายมากแล้วเรารีบไปทำงานกันดีกว่า”

ลำดวนมองนาฬิกาแล้วก็สะดุ้ง รีบกระเด้งลงจากเตียง โชคดีหน่อยที่อาบน้ำเสร็จแล้ว จึงตรงไปคว้ากระเป๋าสะพาย
“ฉันขอโทษนะ ทั้งที่จะมาพิสูจน์ความจริง แต่ดันทำเสียเรื่องได้”

“ไม่เป็นไรหรอก โอกาสหน้ายังมี วันนี้เราไปกันก่อนเถอะ”

สองสาวต่างถือกระเป๋าสะพายของตัวเอง ส่วนลำดวนถือถุงบะหมี่ติดตัวมาด้วย ทั้งสองเปิดประตูออกไป ขณะที่ณิชารีย์กำลังล็อกห้อง เพื่อนสาวก็ถามขึ้น

“ถามจริงๆ เถอะ ผู้ชายที่เธอไปซื้อบะหมี่ด้วยหน้าตาเป็นยังไงหรือ หล่อไหม”
ณิชารีย์อึ้ง ขืนบอกลำดวนว่า ชายหนุ่มหน้าตาดีมีหวังคงต้องโดนล้ออีกแน่

“ก็งั้นๆ”
“แสดงว่า ไม่หล่อ แล้วฐานะดีไหม นิสัยดูเป็นยังไงบ้าง” ลำดวนซักต่อ


“เอ๊ะ จะซักทำไมนะลอร่า ก็บอกแล้วว่า ไม่มีอะไรจริงๆ”
“เธอไม่คิด แต่เขาอาจจะคิดก็ได้ ไม่อย่างนั้นคงไม่ซื้อช็อกโกแลตให้หรอก ตามทฤษฎีของฉัน ผู้ชายที่ซื้อของหวานให้ผู้หญิงร้อยทั้งร้อยต้องหวังอะไรสักอย่าง”

ณิชารีย์เอื้อมมือไปปิดปากเพื่อน เอียงหน้าไปกระซิบแบบกลัวคนอื่นรู้

“เบาๆ หน่อย เดี๋ยวคนอื่นได้ยินจะเข้าใจผิดกันพอดี”

“ก็มันน่าสงสัยจริง ๆ นี่นา แถมท่าทางเธอยังดูมีพิรุธ”

“ฉันบอกแล้วไงว่า ไม่มีอะไรทำไม่ไม่เชื่อกันบ้าง อีกอย่างเขาเอ่อ...คงไม่ชอบผู้หญิง”

“อะไรนะ นี่หนุ่มข้างห้องเธอเป็นเกย์งั้นหรือ อะไรกันวะอย่างนี้แล้วชะนีอย่างเราๆ จะมีที่ยืนไหมเนี่ย ไอ้พวกที่โสดก็หัวงู ส่วนไอ้ที่หล่อๆ ก็กลายเป็นเก้งกว้างไปเสียนี่”

“บอกให้เบาๆ ยังไงล่ะลำดวน “

“อย่าอารมณ์เสียหน่อยเลยน่า เอาเป็นว่า ฉันไม่ถามแล้ว ว่าแต่คืนนี้จะให้ฉันมาค้างด้วยอีกหรือเปล่า”
“อย่าเลย เอาไว้ถ้านลินามาเมื่อไหร่ฉันจะไปหาแกที่คอนโดเอง เตรียมเปิดมือถือไว้ก็แล้วกัน”

“เอางั้นก็ได้”

สองสาวเดินไปรอลิฟต์ที่ด้านหน้า ระหว่างนั้นลำดวนก็ชวนคุย
“เห็นในไลน์บริษัทบอกว่า พี่พริ้มถูกคุณแพมเรียกไปเฉ่งยกใหญ่เลยเมื่อวานนี้”
ณิชารีย์เลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ
“อ้าวทำไมล่ะ”

“ก็เรื่องเดิมคือ ทำอะไรไม่เป็น เมื่อก่อนเคยมีเธอคอยเตรียมทุกอย่างให้ แต่พอตอนนี้ทำอะไรเองหมดก็เลยเหลวเป๋ว”
หลังจากพริ้มเพราขึ้นรับตำแหน่ง ณิชารีย์ก็ตัดสินใจว่า จะไม่ช่วยอะไรอีกฝ่าย หล่อนเลือกทำเฉพาะงานที่ตนรับผิดชอบเท่านั้น
“ก็ดีแล้ว จะได้บทเรียนเสียบ้าง ดีแต่ให้คนอื่นทำแล้วเอาไปเสนอ น่าเกลียดจะตายชัก”
“เธอคิดจะทำยังไงต่อไปหรือ”


ลำดวนหมายถึงเรื่องที่แอบได้ยินจากสองประชาสัมพันธ์สาวเกี่ยวกับความเข้าใจผิด การที่ณิชารย์เอาเรื่องไปปรึกษาแผนอาร์ดีก็เพราะต้องการนำงานไปเสนอเท่านั้น

“ฉันว่า จะหาโอกาสคุยกับคุณแพมว่า ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหักหน้าทั้งหมดเป็นความเข้าใจผิด”
“ดี ฉันเห็นด้วย ทำถูกแล้ว ขอให้นับจากนี้เราสองคนมีแต่สิ่งดีๆ ผ่านเข้ามานะ”
ประตูลิฟต์เปิดออกพอดี สองสาวก้าวเข้าไปในลิฟต์และกดตัวเลขชั้นล่าง เมื่อประตูปิดลง บานประตูข้างห้องณิชารีย์เปิดออก ชายหนุ่มมีสีหน้าเคร่งเครียดมองตัวเลขลิฟต์ที่ค่อยๆ เลื่อนลงไปสู่ชั้นล่าง สองสาวคงไม่รู้หรอกว่า อติกันต์ได้ยินบทสนทนาทั้งหมด เขาไม่แน่ใจว่า น้อยใจอะไรมากกว่ากัน ระหว่างคำปรามาสว่า ตนหน้าตางั้นๆ หรือ ประโยคท้ายที่หญิงสาวพูดกับเพื่อนว่า เขาเป็นชายรักชาย....

อติกันต์เริ่มต้นงานด้วยความรู้สึกห่อเหี่ยว หนุ่มหล่อคุณสมบัติเพียบพร้อมอย่างเขาไม่เคยถูกผู้หญิงปฏิเสธมาก่อน ณิชารีย์เป็นคนแรกที่ทำให้เสียความมั่นใจ ใบหน้าที่เคยแต้มยิ้มอยู่เป็นนิจกลับเคร่งขรึมทำให้ผู้ช่วยสาวใหญ่ถึงกับเอ่ยปาก
“คุณหมอเป็นอะไรหรือเปล่าคะวันนี้ ดูเงียบๆ”

ไม่ใช่เรื่องปกตินักที่ทันตแพทย์หนุ่มจะทำหน้าเหมือนแบกโลกเอาไว้ ตามประสาคนที่คุ้นเคยกันมานาน เสาวรสเป็นผู้ช่วยของเขามาหลายปีแล้ว หล่อนเคยทำงานอยู่กับอาจารย์ของเขาซึ่งต่อมาเกษียณจึงพักงานไปช่วงหนึ่ง แต่พออติกันต์ลงประกาศหาผู้ช่วยในเฟซบุ๊ก อาจารย์ก็เลยแนะนำให้เสาวรสมาสมัครงาน

ถ้าเทียบกับผู้ช่วยคนก่อนๆ เสาวรสทำงานดีกว่ามาก ประสบการณ์ทำงานที่มากกว่า ที่สำคัญคือ ขยัน ทุกวันเสาวรสจะมาเปิดคลินิกเตรียมฆ่าเชื้ออุปกรณ์ทั้งหมดแถมตอนปิดคลินิกก็ช่วยเก็บล้างและห่อเครื่องมืออีด้วย
“เปล่าครับ”

“อย่ามาโกหกพี่รสเลยค่ะ พี่รู้ ว่า คุณชายมีเรื่องกลุ้มใจ มีอะไรเล่ามาให้ฟังได้นะคะ รับรองว่า พี่ไม่ปากโป้ง”
ข้อดีของเสาวรสคือ ไม่พูดมาก ไม่ช่างนินทา ไม่ว่า อติกันต์จะเล่าอะไรให้ฟังก็วางใจได้ ผิดกับผู้ช่วยสาวคนก่อนที่ปากเปราะ คอยนินทาคนอื่นไปทั่ว แถมยังชอบเจาะแจะชายหนุ่มจนรำคาญ

“พี่ว่า ผมหล่อไหมครับ”
เสารสแถบจะสำลักเมื่อถูกถาม หล่อนยิ้ม
“หล่อสิคะ อย่างคุณชายไม่เรียกว่า หล่อแล้วจะเรียกอะไร...อ้อ ศัพท์สมัยนี้ที่เขาชอบพูดกันว่า หล่อวัวตายความล้ม คงจะเหมาะกว่า”
“แล้วพี่ว่า ผมเหมือนเกย์ไหม”

“โอ๊ยไม่เหมือนเลยค่ะ ไม่สักนิด คุณชายน่ะแมนทั้งแท่ง ทั้งเป็นสุภาพบุรุษ น่ารัก นิสัยดี สุดยอดเพอร์เฟกต์ ทำไมหรือคะ หรือว่า มีคนอื่นสงสัยว่า คุณชายเป็นเกย์อีก”

ต้นเดือนก่อนคุณพัชริดาแวะมาเยี่ยมอติกันต์ที่คลินิกแทบทุกวัน ต้นเหตุก็เพราะต้องการจับผิดลูกชายว่า แอบซุกหนุ่มๆ เอาไว้หรือไม่ แต่พอชายหนุ่มเปิดอกเคลียร์เรื่องทุกอย่างมารดาถึงได้วางใจ
“ใช่ครับ ผมก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง เพราะเราสองคนยังไม่สนิทกันเสียด้วย”
เขาไม่เข้าใจว่า เพราะอะไรณิชารีย์ถึงได้คิดว่า เขาเป็นเกย์ ทั้งที่เมื่อคืนนี้เขาจงใจซื้อช็อกโกแลตให้เป็นการบอกใบ้ด้วยซ้ำ
เสาวรสทวนคำ ยักคิ้วอย่างล้อเลียน

“สาวคนไหนนะที่โชคดี พี่ชักอยากรู้จักเสียแล้ว”

“ผมยังบอกไม่ได้”

ชายหนุ่มอึกอัก ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับณิชารีย์ยังไปไม่ถึงไหน เป็นเพราะช่วงแรกเขาเอาแต่เฝ้าดูแต่ไม่กล้าจีบ
“ถ้างั้นคุณชายก็ต้องหาทางพูดกับเธอสิคะ บอกเธอว่า คุณชายชอบ”

อติกันต์ตาโต มองเสาวรสอย่างตกใจ
“ให้ผมเข้าไปบอกชอบเธอเนี่ยนะหรือครับ”
“ก็ใช่สิคะ ถ้าไม่ทำอย่างนี้แล้วเธอจะรู้ได้ยังไงว่า คุณชายคิดอะไรอยู่ ผู้หญิงเราร้อยทั้งร้อยชอบให้คนบอกรักนะคะ ไม่แน่เธออาจจะรอคำๆ นี้อยู่ก็ได้”
“แต่ผมไม่กล้า”

“อะไรกันคะ คุณชายออกจะหล่อขนาดนี้ จะไปกลัวอะไร”

“แต่เราเพิ่งรู้จักกันเองนะครับ แม้ว่า ผมจะเคยเห็นเธอมานานแล้ว แต่เธอไม่ได้สังเกตผมด้วยซ้ำ” อติกันต์พ้อ เขาแอบมองณิชารีย์มาพักใหญ่แล้ว แต่หล่อนกลับไม่เคยเห็นเขาอยู่ในสายตาสักนิด

“พี่ชักอยากรู้จักผู้หญิงคนนี้เสียแล้ว มีคนสติดีที่ไหนบ้างคะที่มองไม่เห็นความหล่อทะลุตาของคุณชายโปรด”
“ก็มีแต่เธอนี่ละครับ ผมชักเสียเซลฟ์ซะแล้ว”

“ใจเย็นๆ ค่ะ ความรักก็แบบนี้ ถ้าได้มาง่ายก็เบื่อเร็ว แต่ถ้าเราทุ่มเทเพื่อความรักแล้วก็ยิ่งมีค่า”
“พี่เสาวรสคิดแบบนั้นหรือครับ”
“ค่ะ เหมือนพี่กับแฟน กว่าเราสองคนกว่าจะพบรักกันได้ก็ยากเหลือเกิน แต่สุดท้ายเราก็แต่งงานกันด้วยความสุข นี่ก็สามสิบปีแล้วนะคะที่แต่งงานกันมา”
เสาวรสกำลังจะจัดงานฉลองครอบรอบแต่งงานปีที่สามสิบในเดือนหน้า สามีของหล่อนเป็นชาวสวิสเซอร์แลนด์ เคยแต่งงานแล้วมีลูกติดเป็นผู้ชาย ขณะที่เสาวรสเองก็แต่งงานแล้ว สามีเสียชีวิต ทั้งสองพบกันด้วยโชคชะตา แต่เดิมสามีของหล่อนเป็นนักธุรกิจต้องเดินทางไปมาหลายประเทศอยู่เป็นประจำ แต่พอเกษียณเขาก็ซื้อบ้านในเมืองไทยและจะย้ายมาปักหลักถาวร
“ผมอิจฉาพี่รสจริงๆ”

“ไม่ต้องอิจฉาพี่หรอกค่ะ เพราะอีกหน่อยคุณชายก็จะมีคนรักเป็นตัวเป็นตน พี่เอาใจช่วยนะคะ”
“ขอบคุณครับ”

อติกันต์กำลังจะพูดต่อ แต่แล้วมือถือกลับดังขึ้น ปกติเขาไมได้รับโทรศัพท์เอง แต่ให้ผู้ช่วยรับแทนเวลาตรวจคนไข้ เบอร์หน้าจอทำให้หมอกับผู้ช่วยต่างขมวดคิ้ว

“คุณชายคะ คุณแม่โทรมา”

“ผมรับเองก็ได้ครับ ตอนนี้ไม่มีคนไข้”
ชายหนุ่มกดรับหน้าจอ เสียงที่ดังลอดมาจากปลายสายดูร้อนรน อติกันต์ฟังแล้วพยักหน้า สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นเรื่อยๆ ก่อนตอบไปว่า
“ครับแม่...ผมจะรีบไปที่นั่นเดี๋ยวนี้ แม่รอผมหน่อยนะครับ”




tangtangmeow
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 ม.ค. 2560, 21:28:15 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 ม.ค. 2560, 21:28:15 น.

จำนวนการเข้าชม : 1348





<< บทที่ ๘   บทที ๑๐ แผนจับคู่ >>
แว่นใส 22 ม.ค. 2560, 21:39:20 น.
เกิดไรขึ้นนะ


Zephyr 26 มี.ค. 2560, 14:26:22 น.
แม่จะทำอะไรน้อ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account