โคโยตี้สาวร้อนรัก
เมื่อความต้องตาต้องใจในแรกพบเกิดขึ้น ‘อติภพ’ เจ้าพ่อหนุ่มรูปหล่อแห่งสถานบังเทิงหรูจึงไม่รอช้า งัดหากระบวนท่าเพื่อหวังพิชิตและครอบครองสาวน้อยหน้าใสหัวใจโคโยตี้ที่มีนามว่า 'เภตรา' แต่จากที่คิดว่า 'ง่าย' กลับมีสารพัดเรื่องราวของความรัก พ่อแง่แม่งอน รวมถึงความเข้าใจผิดที่ชวนให้เจ้าพ่อหนุ่มต้องปวดหัว
.
ติดตามกันดูนะคะ
.
ลียาอัพทั้งหมด 50% ของเรื่องค่ะ ^_^
.
ติดตามกันดูนะคะ
.
ลียาอัพทั้งหมด 50% ของเรื่องค่ะ ^_^
Tags: อติภพเภตรา โคโยตี้ โคโยตี้สาวร้อนรัก
ตอน: บทที่ 2 ถูกใจแต่ไม่ยอมเสียฟอร์ม (100%)
คนว่าเคลื่อนลำตัวขึ้นมาจนใบหน้าคมสันแทบจะเสมอกับนวลหน้าของเธอ แต่เพราะปลายนิ้วแกร่งยังผสานเป็นส่วนเดียวกับกายอรชร เภตราจึงไม่มีสติสัมปชัญญะและสมาธิพอจะคิดทำอะไรได้ สาวน้อยถูกเขาปล้นจูบเอาแบบเต็มๆ อีกครั้ง ทั้งริมฝีปากและปลายนิ้วของเขายังปลุกเร้าจนทั้งกายของเธอแทบจะลุกเป็นไฟกองใหญ่ ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับอนาคตข้างหน้า เวลานี้เภตรารู้แต่เพียงว่าเธอต้องการบางอย่างมาเติมเต็มความว่างเปล่าและสนองต่ออารมณ์ส่วนลึกสุดซึ่งกำลังลุกโพลงอย่างควบคุมไม่ได้อยู่ในขณะนี้ ที่สำคัญ...บางอย่างที่ว่าต้องมาจากความแข็งแกร่งของบุรุษเพศเท่านั้น มันน่าอาย...เจ้าของความรู้สึกสะท้านสะเทือนส่ายหน้า ยังมีอะไรที่น่าอับอายขายขี้หน้ามากไปกว่านี้อีกไหม เธอร้องถามตัวเองอยู่ในใจ ห้ามตัวเองไว้เภตรา พยายามหน่อย
“ฉันไม่...เต็มใจ กรุณา...ปล่อยฉันไปเถอะ”
“เธอได้ตามที่ขอแน่ แต่แน่ใจหรือว่าเธอไม่ได้เต็มอกเต็มใจจริงๆ น่ะเภตรา” คนว่ายิ้มมุมปากอย่างรู้เท่าทัน ปฏิกิริยาของผู้หญิงที่ตกอยู่ท่ามกลางกระแสบีบคั้นทางกายอย่างรุนแรงขนาดนี้ มีสักรายไหมที่จะปฏิเสธได้เต็มปากว่า ‘ไม่ต้องการ’
“ร่างกายเธอมันให้คำตอบตรงกันข้ามอยู่นะ”
“ฉะ...ฉัน...ไม่รู้”
“ไม่รู้ก็รู้ไว้ซะ ว่าเธอเป็นของฉันแล้ว...ตั้งแต่นาทีนี้เป็นต้นไป” คนว่าประทับจุมพิตลากเลื้อยนับแต่หน้าผากมน สันจมูกโด่งเล็ก นวลแก้มเนียนละมุนไปจนกระทั่งถึงซอกคอขาวหอมอ่อนๆ อย่างพึงพอใจ เภตราสะบัดหนี
“บ้า! แกมันบ้า โอ๊ะ!!”
ร่างกลมกลึงสะดุ้งอีกครั้งเมื่อปลายนิ้วแกร่งของเขาขยับเข้าออกภายในกายของเธอด้วยระดับความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นจนเธอตกใจ สาวน้อยหน้าแหยเพราะความเจ็บ
“นี่คือการสั่งสอน ขอเตือนว่าอย่าริอ่านมาตะโกนคำว่าบ้าใส่หน้าฉันอีกเป็นอันขาด!”
“จะทำไม แกเป็นใคร ยิ่งใหญ่มาจากไหน ทำไมฉันถึงจะด่าแกไม่ได้ แกกล้ามาทำกับฉันถึงขนาดนี้ คอยดูสิ ถ้าออกไปจากห้องนี้ได้ ฉันจะเรียกตำรวจมาลากคอแกเข้าคุก!” อีกฝ่ายคล้ายจะกลัวจนหน้ามืด เธอกล้าพอที่จะขู่ออกไปอย่างนั้น ทั้งที่สถานการณ์กำลังตกเป็นรองไอ้คนร้ายอยู่ในทุกประตู ก็ในเมื่อร้องขอแล้วมันก็ไม่เห็นใจ ทำไมเภตราต้องหมอบราบคาบแก้วให้ต่อไปด้วย
“งั้นเหรือ? แต่ก่อนจะเข้าคุก ฉันว่า...เราสองคนมาเข้าอย่างอื่นกันก่อนจะเข้าท่ากว่ามั้ย ฆ่าเวลาไปในตัวไง”
“พูดอะไรของแก ฉันไม่รู้เรื่องด้วยหรอก หลีกไปนะ ปล่อยฉันซะที!”
“ฉันปล่อยเธอแน่ บอกแล้วไง คืนนี้บังเอิญมีธุระสำคัญ ไม่งั้นเราได้...เข้ากันทั้งคืนแน่”
คนว่ายักคิ้วให้อย่างยียวน จากนั้นก็กวนเธอต่อด้วยมือและปาก เภตราหนีบเรียวขาเข้าหากันอย่างลำบากเมื่อมีทั้งท่อนขาแกร่งและปลายนิ้วแข็งๆ ยังคอยขวางอยู่อย่างไม่ยอมเผลอเรอ
“หยุดซะที หยุดเดี๋ยวนี้นะไอ้บะ...บ้า!”
“ยังไงก็ต้องหยุดไว้เท่านี้แหละน่า แต่เธอควรจะให้ฉันได้ส่งท้ายสักหน่อยสิสาวน้อย”
การ ‘ส่งท้าย’ ที่ว่าทำเอาเภตราถึงกับต้องบิดตัวครวญครางอย่างสุดจะกลั้นกันอีกคำรบ เดินทีอติภพอาจสงสัย ว่าหน้าตาท่าทางยังแลดูแสนจะไร้เดียงสาขนาดนี้ เด็กสาวที่เขาสะดุดตาและนึก ‘อยากได้’ มาแต่แรกเห็นจะอายุถึงยี่สิบปีกับใครเขาแล้วหรือยัง แต่ครั้นได้ ‘ปอกเปลือก’ และสัมผัสถึงสรีระอันบ่งบอกถึงความเป็นอิสสตรีทั้งเนื้อทั้งตัวแบบเปล่าเปลือยแล้ว เขาก็ออกจะมั่นใจว่ายังไงสาวน้อยเภตราก็ไม่น่าจะทำให้เขาต้องเข้าข่ายกระทำการ ‘พรากผู้เยาว์’ ในภายหลังแล้วล่ะ ก็เด็กอะไรมันจะเต่งตึงอวบอัดพอเหมาะพอเจาะกับมือไม้ได้ขนาดนี้ นี่มันทรวดทรงของนางอัปสรในเทพนิยายแท้ๆ เลยให้ตาย
และก่อนที่เภตราจะขาดใจตายเพราะสำลักความรู้สึกทะลักละลายที่เขายัดเยียดให้ ‘ไอ้เถื่อนปริศนา’ ก็ถอนปลายนิ้วออกจากกายเธอแบบฉับพลัน กายสูงหนาที่แน่นหนั่นไปด้วยมัดกล้ามผละจากเธอพร้อมทรงตัวลุกยืน บทจะเร็วทุกอย่างมันก็ปุบปับเสียจนเภตราปรับตัวตามแทบไม่ทัน ได้ยินเสียงอีกฝ่ายพ่นลมหายใจจากปากพรูดูเหมือนคนกำลังระงับอารมณ์บางอย่างลงอย่างสุดความสามารถ ร่างบางละมุนมือยังนอนนิ่งกระพริบตาปริบอยู่หลายวินาที สมองเธอมึนงงไปชั่วขณะ จนกระทั่ง...
“ลุกขึ้นแล้วก็ใส่เสื้อผ้าซะ คนของฉันจะไปส่งเธอที่บ้าน”
เขาบอกพร้อมกับโยนชุดเดิมของเธอมาให้ หลังจากที่ตัวเองจัดการใส่และติดกระดุมเชิ้ตเม็ดสุดท้ายเข้าที่แล้วเรียบร้อย สาวน้อยเงอะงะ ก่อนรีบคว้าเสื้อกางเกงของตนมาทาบอกปกปิดท่อนบนและล่างที่ล่อแหลมต่อสายตา ขณะเดียวกันก็รีบดันกายเข้าชิดติดมุมระหว่างพนักกับที่ท้าวแขนของโซฟายาวตัวเดิมอย่างหวั่นกลัว แต่ต่อให้เธอยอมรับว่ากลัว เภตราก็ยังไม่วายแสดงอาการโกรธแค้นแสนสาหัส เธอตวัดสายตาวาววาบ
“ทำไมฉันจะต้องทำตามที่แกบอกด้วย!”
“อย่าเถียง!”
“ทำไมจะเถียงไม่ได้ แกเป็นใคร เป็นเจ้านาย เป็นเจ้าชีวิต เป็นคนจ่ายค่าจ้างให้ฉันรึก็เปล่า เพราะฉะนั้นแกก็ไม่มีสิทธิ์อะไรจะมาสั่งฉันทั้งนั้นรู้เอาไว้ด้วย”
“เถียงคำไม่ตกฟากแบบนี้ อยากจะให้มียกสองต่อใช่ไหม” คนว่าย่างเท้าเข้ามาหาด้วยท่าทีเกือบจะเป็นคุกคาม คนปากกล้าแต่ใจสั่นร้องห้ามเสียงหลง
“อย่าเข้ามานะ!”
“’งั้นก็รีบแต่งตัวเข้า”
“กะ...แกก็ออกไปเสียทีสิ” ต่อรองปากคอสั่น ท่าทางที่ดูก็รู้ว่ากลัวจับใจของเธอนั้นทำให้อีกฝ่ายต้องกดยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมหรี่ตาลงมอง อย่างนี้มันต้องแกล้งเสียให้เข็ด คราวหน้าจะได้ไม่กล้าหือกับเขาอีก
“ทำไม ลุกขึ้นมาใส่เสื้อผ้าเดี๋ยวนี้ ต่อหน้าฉันนี่ล่ะ”
“ไม่! ไอ้โรคจิต ไอ้บ้ากาม ไอ้คนเลว ไอ้วิตถาร ไอ้...ว้าย! อย่านะ อื้อ.อออ”
ปล้ำจูบ! ใช่ เภตราบอกตัวเองทันทีที่ริมฝีปากบางนั้นฉกประกบเข้ากับเรียวปากเจ่อๆ แถมร้อนวูบวาบของเธออย่างว่องไว ไอ้คนเลวนี่มันบังคับปล้ำจูบเธออีกแล้ว! นับเป็นนาทีกว่าที่โจรปล้นจูบจะยอมถอนริมฝีปาก เสียงห้าวทุ้มกระซิบทั้งที่มือหนึ่งยังแตะเชยแกมบีบบังคับคางเล็กๆ ของเธอเอาไว้
“หวาน...ดึงดูด เร้าใจไม่มีเบื่อเลยนะแม่โคโยตี้แสนเซ็กซี่”
คราวนี้ไม่มีเสียงตะโกนด่าว่า แต่เภตรามีน้ำตาหยดโตที่ไหลลงมาอาบแก้มแทน เจ้าของร่างสูงจนเธอต้องแหงนเงยแบบคอตั้งบ่าในขณะที่เขาขยับมายืนพูดด้วยเสียงเย็นชาไปถึงขั้วหัวใจอยู่ใกล้ๆ
“จะบอกเอาไว้ ว่าฉันไม่ชอบผู้หญิงเจ้าน้ำตา มันน่ารำคาญแล้วก็พานจะหมดอารมณ์ เอาล่ะ...เดี๋ยวคนของฉันจะไปส่งเธอที่บ้าน บอกทาง แล้วเธอจะกลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ”
“บอกแล้วไงว่าฉันไม่ไปกับพวกแก!”
“พูดจาให้มันหวานหูหน่อยไม่ได้หรือยังไงเภตรา” ทว่าเจ้าของชื่อนิ่วหน้า ทำเป็นมาเรียกชื่อเธอสนิทปาก รู้จักมักคุ้นกันมาตั้งแต่ปางไหนก็ไม่ใช่ เจ้าตัวกัดริมฝีปาก อยากทำอะไรได้มากกว่านั้น แต่มันก็ติดที่จนใจซะเหลือเกิน
“ฉันจะพูดจาดีๆ ก็เฉพาะกับคนที่ให้เกียรติฉันเท่านั้น” สาวน้อยเน้นเสียงหนัก
“เกียรติ?”
”ถึงฉันจะเป็นแค่โคโยตี้ ถึงฉันจะไม่ได้มีนามสกุลใหญ่โตโด่งดัง และถึงฉันจะไม่ใช่ไฮโซร่ำรวยร้อยพันล้านมาจากไหน แต่ฉันก็มีค่าของความเป็นคนเท่าๆ กันกับพวกแก อย่าคิดว่ามีเงินแล้วจะข่มเหงใครยังไงก็ได้นะ ฉันไม่ปล่อยให้แกรังแกฉันได้เป็นหนที่สองแน่ คอยดูก็แล้วกัน!”
“แล้วเธอจะทำอะไรฉัน มีปัญญาหรือสาวน้อย” สำเนียงนั้นล้อเลียนชัดเจน
“พรุ่งนี้ ถ้า...คุณอติภพ บอสของไนต์คลับนี้เข้ามา ฉันจะ...”
“จะอะไร?” เมื่อได้ยินคำว่า ‘บอสของที่นี่’ อีกฝ่ายก็เหมือนจะสะดุดหูดูตั้งใจฟังขึ้นมาทันที เภตราตีความหมายอาการนั้นไปเองว่า...มันคงกำลังกลัว ก็แหงล่ะ ชื่อ ‘อติภพ ภูชิตบดินทร์’ น่ะบอกยี่ห้อว่าทั้งร่ำรวยแล้วก็มีอิทธิพลจะตาย นักเลงที่ไหนได้ยินก็กลัวหัวแทบหดกันทั้งนั้น ไอ้รายนี้ก็คงจะเหมือนๆ กัน
“ฉันก็จะเอาเรื่องนี้ไปฟ้องบอสน่ะสิ”
“งั้นหรือ?” ตาคมหลุบลงซ่อนรอยขัน
“ใช่ คุณอติภพเป็นคนดี เป็นเจ้านายที่มีใจเมตตา แล้วก็แถมยังมีอิทธิพลกว้างขวาง ถ้าเขารู้ว่าลูกน้องของเขาถูกลูกค้าเลวๆ อย่างแกทำร้ายเอาแบบนี้ ฉันรับรองว่าเขาไม่มีทางอยู่เฉยแน่ แกเตรียมตัวรับผลของการกระทำเลวๆ ของตัวเองได้เลย เผลอๆ แกจะไม่มีทางได้กลับเข้ามาเหยียบที่ไนต์คลับนี้อีกหน ไอ้คนชั่ว!”
“งั้นหรือ” แสร้งกอดอกทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนครุ่นคิด แล้วว่า
“ไว้จะรอก็แล้วกันนะ เวลาเจอหน้าก็อย่าลืมรีบวิ่งเข้าไปฟ้องคุณอติภพของเธอล่ะ เตือนให้ กันลืม”
“อย่ามาท้าฉันนะ!” เภตราแหว อีกฝ่ายคงยิ้มเย้ย
“ก็ถ้าฉันท้า เธอจะกล้าอย่างปากว่ามั้ยล่ะ”
“คอยดูก็แล้วกันว่าฉันจะกล้าหรือเปล่า แกเองนั่นล่ะ อย่าใจเสาะชิงหนีเอาตัวรอดไปซะก่อนล่ะ”
“ฉันไม่ใจเสาะ อันนี้รับรองได้ แต่ให้ตายเถอะ ตอนนี้มัน...” ผู้กระทำการป่าเถื่อนกับเธอปรายตา สาวน้อยขยับตัวหนี
“มองอะไร!”
“ก็มองผู้หญิงสาวๆ สวยๆ ที่กำลังนอนเปลือยอ้าปากเถียงอยู่ฉอดๆ แบบนี้น่ะสิ นี่ตกลงเธอจะเอายังไง อยากให้ฉันหยุดจริงๆ หรืออยากจะให้ฉันต่อกันแน่”
“บ้า! แกก็ออกไปเสียทีสิ!”
“จะพูดอีกหนเดียวนะเภตรา ลุกขึ้นมาใส่เสื้อผ้าเดี๋ยวนี้ ฉันให้เวลาเธอสามนาที แล้วออกไปจากห้องนี้พร้อมกัน” ท่าทางนั้นจริงจังเคร่งขรึมขึ้น
“ฉันไม่...” ทีแรกเจ้าของเสียงสั่นว่าจะปฏิเสธ แต่คิดอีกที นั่นอาจเป็นวิธีที่ผิด
“ก็ได้ ตะ...แต่แกต้อง...หันหลังไปก่อนสิ”
“ถ้ายังเรื่องเยอะ เธอจะไม่มีโอกาสได้ใส่มันอีกตลอดทั้งคืนนะ”
หลังคำขู่พร้อมประกายตาจริงจัง ทำให้เภตราต้องรีบตะกายเซซังขึ้นจากโซฟาตัวใหญ่ สาวน้อยคว้าเสื้อผ้าพร้อมข่มความอายหายวูบไปแอบอยู่หลังพนักยาว จากนั้นก็รีบจัดการสวมใส่ทุกชิ้นด้วยมืออันแสนจะสั่นเทาและใจที่เต้นโครมครามประหนึ่งว่ามันจะหลุดออกมานอกอก ร่างเล็กหอบหายใจแรงอย่างแสนจะเจ็บใจ บอกตัวเองว่าเธอจะไม่มีทางลืมความอัปยศอดสูที่ไอ้คนชั่วมันทั้งยัดเยียดและกดขี่ข่มเหงเธอในวันนี้ไปได้แน่ เภตราภาวนา...หวังว่า ‘คุณอติภพ’ เจ้าของไนต์คลับแห่งนี้จะใจดีมีเมตตาอย่างที่เธอเพิ่งจะกล่าวอ้างถึงไปเมื่อครู่นะ ไม่อย่างนั้นล่ะเธอคงจะตกอยู่ในสภาวะหมดที่พึ่ง ไม่รู้จะหันหน้าไปหาความยุติธรรมจากที่ไหนได้เป็นแน่
“ฉันไม่...เต็มใจ กรุณา...ปล่อยฉันไปเถอะ”
“เธอได้ตามที่ขอแน่ แต่แน่ใจหรือว่าเธอไม่ได้เต็มอกเต็มใจจริงๆ น่ะเภตรา” คนว่ายิ้มมุมปากอย่างรู้เท่าทัน ปฏิกิริยาของผู้หญิงที่ตกอยู่ท่ามกลางกระแสบีบคั้นทางกายอย่างรุนแรงขนาดนี้ มีสักรายไหมที่จะปฏิเสธได้เต็มปากว่า ‘ไม่ต้องการ’
“ร่างกายเธอมันให้คำตอบตรงกันข้ามอยู่นะ”
“ฉะ...ฉัน...ไม่รู้”
“ไม่รู้ก็รู้ไว้ซะ ว่าเธอเป็นของฉันแล้ว...ตั้งแต่นาทีนี้เป็นต้นไป” คนว่าประทับจุมพิตลากเลื้อยนับแต่หน้าผากมน สันจมูกโด่งเล็ก นวลแก้มเนียนละมุนไปจนกระทั่งถึงซอกคอขาวหอมอ่อนๆ อย่างพึงพอใจ เภตราสะบัดหนี
“บ้า! แกมันบ้า โอ๊ะ!!”
ร่างกลมกลึงสะดุ้งอีกครั้งเมื่อปลายนิ้วแกร่งของเขาขยับเข้าออกภายในกายของเธอด้วยระดับความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นจนเธอตกใจ สาวน้อยหน้าแหยเพราะความเจ็บ
“นี่คือการสั่งสอน ขอเตือนว่าอย่าริอ่านมาตะโกนคำว่าบ้าใส่หน้าฉันอีกเป็นอันขาด!”
“จะทำไม แกเป็นใคร ยิ่งใหญ่มาจากไหน ทำไมฉันถึงจะด่าแกไม่ได้ แกกล้ามาทำกับฉันถึงขนาดนี้ คอยดูสิ ถ้าออกไปจากห้องนี้ได้ ฉันจะเรียกตำรวจมาลากคอแกเข้าคุก!” อีกฝ่ายคล้ายจะกลัวจนหน้ามืด เธอกล้าพอที่จะขู่ออกไปอย่างนั้น ทั้งที่สถานการณ์กำลังตกเป็นรองไอ้คนร้ายอยู่ในทุกประตู ก็ในเมื่อร้องขอแล้วมันก็ไม่เห็นใจ ทำไมเภตราต้องหมอบราบคาบแก้วให้ต่อไปด้วย
“งั้นเหรือ? แต่ก่อนจะเข้าคุก ฉันว่า...เราสองคนมาเข้าอย่างอื่นกันก่อนจะเข้าท่ากว่ามั้ย ฆ่าเวลาไปในตัวไง”
“พูดอะไรของแก ฉันไม่รู้เรื่องด้วยหรอก หลีกไปนะ ปล่อยฉันซะที!”
“ฉันปล่อยเธอแน่ บอกแล้วไง คืนนี้บังเอิญมีธุระสำคัญ ไม่งั้นเราได้...เข้ากันทั้งคืนแน่”
คนว่ายักคิ้วให้อย่างยียวน จากนั้นก็กวนเธอต่อด้วยมือและปาก เภตราหนีบเรียวขาเข้าหากันอย่างลำบากเมื่อมีทั้งท่อนขาแกร่งและปลายนิ้วแข็งๆ ยังคอยขวางอยู่อย่างไม่ยอมเผลอเรอ
“หยุดซะที หยุดเดี๋ยวนี้นะไอ้บะ...บ้า!”
“ยังไงก็ต้องหยุดไว้เท่านี้แหละน่า แต่เธอควรจะให้ฉันได้ส่งท้ายสักหน่อยสิสาวน้อย”
การ ‘ส่งท้าย’ ที่ว่าทำเอาเภตราถึงกับต้องบิดตัวครวญครางอย่างสุดจะกลั้นกันอีกคำรบ เดินทีอติภพอาจสงสัย ว่าหน้าตาท่าทางยังแลดูแสนจะไร้เดียงสาขนาดนี้ เด็กสาวที่เขาสะดุดตาและนึก ‘อยากได้’ มาแต่แรกเห็นจะอายุถึงยี่สิบปีกับใครเขาแล้วหรือยัง แต่ครั้นได้ ‘ปอกเปลือก’ และสัมผัสถึงสรีระอันบ่งบอกถึงความเป็นอิสสตรีทั้งเนื้อทั้งตัวแบบเปล่าเปลือยแล้ว เขาก็ออกจะมั่นใจว่ายังไงสาวน้อยเภตราก็ไม่น่าจะทำให้เขาต้องเข้าข่ายกระทำการ ‘พรากผู้เยาว์’ ในภายหลังแล้วล่ะ ก็เด็กอะไรมันจะเต่งตึงอวบอัดพอเหมาะพอเจาะกับมือไม้ได้ขนาดนี้ นี่มันทรวดทรงของนางอัปสรในเทพนิยายแท้ๆ เลยให้ตาย
และก่อนที่เภตราจะขาดใจตายเพราะสำลักความรู้สึกทะลักละลายที่เขายัดเยียดให้ ‘ไอ้เถื่อนปริศนา’ ก็ถอนปลายนิ้วออกจากกายเธอแบบฉับพลัน กายสูงหนาที่แน่นหนั่นไปด้วยมัดกล้ามผละจากเธอพร้อมทรงตัวลุกยืน บทจะเร็วทุกอย่างมันก็ปุบปับเสียจนเภตราปรับตัวตามแทบไม่ทัน ได้ยินเสียงอีกฝ่ายพ่นลมหายใจจากปากพรูดูเหมือนคนกำลังระงับอารมณ์บางอย่างลงอย่างสุดความสามารถ ร่างบางละมุนมือยังนอนนิ่งกระพริบตาปริบอยู่หลายวินาที สมองเธอมึนงงไปชั่วขณะ จนกระทั่ง...
“ลุกขึ้นแล้วก็ใส่เสื้อผ้าซะ คนของฉันจะไปส่งเธอที่บ้าน”
เขาบอกพร้อมกับโยนชุดเดิมของเธอมาให้ หลังจากที่ตัวเองจัดการใส่และติดกระดุมเชิ้ตเม็ดสุดท้ายเข้าที่แล้วเรียบร้อย สาวน้อยเงอะงะ ก่อนรีบคว้าเสื้อกางเกงของตนมาทาบอกปกปิดท่อนบนและล่างที่ล่อแหลมต่อสายตา ขณะเดียวกันก็รีบดันกายเข้าชิดติดมุมระหว่างพนักกับที่ท้าวแขนของโซฟายาวตัวเดิมอย่างหวั่นกลัว แต่ต่อให้เธอยอมรับว่ากลัว เภตราก็ยังไม่วายแสดงอาการโกรธแค้นแสนสาหัส เธอตวัดสายตาวาววาบ
“ทำไมฉันจะต้องทำตามที่แกบอกด้วย!”
“อย่าเถียง!”
“ทำไมจะเถียงไม่ได้ แกเป็นใคร เป็นเจ้านาย เป็นเจ้าชีวิต เป็นคนจ่ายค่าจ้างให้ฉันรึก็เปล่า เพราะฉะนั้นแกก็ไม่มีสิทธิ์อะไรจะมาสั่งฉันทั้งนั้นรู้เอาไว้ด้วย”
“เถียงคำไม่ตกฟากแบบนี้ อยากจะให้มียกสองต่อใช่ไหม” คนว่าย่างเท้าเข้ามาหาด้วยท่าทีเกือบจะเป็นคุกคาม คนปากกล้าแต่ใจสั่นร้องห้ามเสียงหลง
“อย่าเข้ามานะ!”
“’งั้นก็รีบแต่งตัวเข้า”
“กะ...แกก็ออกไปเสียทีสิ” ต่อรองปากคอสั่น ท่าทางที่ดูก็รู้ว่ากลัวจับใจของเธอนั้นทำให้อีกฝ่ายต้องกดยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมหรี่ตาลงมอง อย่างนี้มันต้องแกล้งเสียให้เข็ด คราวหน้าจะได้ไม่กล้าหือกับเขาอีก
“ทำไม ลุกขึ้นมาใส่เสื้อผ้าเดี๋ยวนี้ ต่อหน้าฉันนี่ล่ะ”
“ไม่! ไอ้โรคจิต ไอ้บ้ากาม ไอ้คนเลว ไอ้วิตถาร ไอ้...ว้าย! อย่านะ อื้อ.อออ”
ปล้ำจูบ! ใช่ เภตราบอกตัวเองทันทีที่ริมฝีปากบางนั้นฉกประกบเข้ากับเรียวปากเจ่อๆ แถมร้อนวูบวาบของเธออย่างว่องไว ไอ้คนเลวนี่มันบังคับปล้ำจูบเธออีกแล้ว! นับเป็นนาทีกว่าที่โจรปล้นจูบจะยอมถอนริมฝีปาก เสียงห้าวทุ้มกระซิบทั้งที่มือหนึ่งยังแตะเชยแกมบีบบังคับคางเล็กๆ ของเธอเอาไว้
“หวาน...ดึงดูด เร้าใจไม่มีเบื่อเลยนะแม่โคโยตี้แสนเซ็กซี่”
คราวนี้ไม่มีเสียงตะโกนด่าว่า แต่เภตรามีน้ำตาหยดโตที่ไหลลงมาอาบแก้มแทน เจ้าของร่างสูงจนเธอต้องแหงนเงยแบบคอตั้งบ่าในขณะที่เขาขยับมายืนพูดด้วยเสียงเย็นชาไปถึงขั้วหัวใจอยู่ใกล้ๆ
“จะบอกเอาไว้ ว่าฉันไม่ชอบผู้หญิงเจ้าน้ำตา มันน่ารำคาญแล้วก็พานจะหมดอารมณ์ เอาล่ะ...เดี๋ยวคนของฉันจะไปส่งเธอที่บ้าน บอกทาง แล้วเธอจะกลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ”
“บอกแล้วไงว่าฉันไม่ไปกับพวกแก!”
“พูดจาให้มันหวานหูหน่อยไม่ได้หรือยังไงเภตรา” ทว่าเจ้าของชื่อนิ่วหน้า ทำเป็นมาเรียกชื่อเธอสนิทปาก รู้จักมักคุ้นกันมาตั้งแต่ปางไหนก็ไม่ใช่ เจ้าตัวกัดริมฝีปาก อยากทำอะไรได้มากกว่านั้น แต่มันก็ติดที่จนใจซะเหลือเกิน
“ฉันจะพูดจาดีๆ ก็เฉพาะกับคนที่ให้เกียรติฉันเท่านั้น” สาวน้อยเน้นเสียงหนัก
“เกียรติ?”
”ถึงฉันจะเป็นแค่โคโยตี้ ถึงฉันจะไม่ได้มีนามสกุลใหญ่โตโด่งดัง และถึงฉันจะไม่ใช่ไฮโซร่ำรวยร้อยพันล้านมาจากไหน แต่ฉันก็มีค่าของความเป็นคนเท่าๆ กันกับพวกแก อย่าคิดว่ามีเงินแล้วจะข่มเหงใครยังไงก็ได้นะ ฉันไม่ปล่อยให้แกรังแกฉันได้เป็นหนที่สองแน่ คอยดูก็แล้วกัน!”
“แล้วเธอจะทำอะไรฉัน มีปัญญาหรือสาวน้อย” สำเนียงนั้นล้อเลียนชัดเจน
“พรุ่งนี้ ถ้า...คุณอติภพ บอสของไนต์คลับนี้เข้ามา ฉันจะ...”
“จะอะไร?” เมื่อได้ยินคำว่า ‘บอสของที่นี่’ อีกฝ่ายก็เหมือนจะสะดุดหูดูตั้งใจฟังขึ้นมาทันที เภตราตีความหมายอาการนั้นไปเองว่า...มันคงกำลังกลัว ก็แหงล่ะ ชื่อ ‘อติภพ ภูชิตบดินทร์’ น่ะบอกยี่ห้อว่าทั้งร่ำรวยแล้วก็มีอิทธิพลจะตาย นักเลงที่ไหนได้ยินก็กลัวหัวแทบหดกันทั้งนั้น ไอ้รายนี้ก็คงจะเหมือนๆ กัน
“ฉันก็จะเอาเรื่องนี้ไปฟ้องบอสน่ะสิ”
“งั้นหรือ?” ตาคมหลุบลงซ่อนรอยขัน
“ใช่ คุณอติภพเป็นคนดี เป็นเจ้านายที่มีใจเมตตา แล้วก็แถมยังมีอิทธิพลกว้างขวาง ถ้าเขารู้ว่าลูกน้องของเขาถูกลูกค้าเลวๆ อย่างแกทำร้ายเอาแบบนี้ ฉันรับรองว่าเขาไม่มีทางอยู่เฉยแน่ แกเตรียมตัวรับผลของการกระทำเลวๆ ของตัวเองได้เลย เผลอๆ แกจะไม่มีทางได้กลับเข้ามาเหยียบที่ไนต์คลับนี้อีกหน ไอ้คนชั่ว!”
“งั้นหรือ” แสร้งกอดอกทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนครุ่นคิด แล้วว่า
“ไว้จะรอก็แล้วกันนะ เวลาเจอหน้าก็อย่าลืมรีบวิ่งเข้าไปฟ้องคุณอติภพของเธอล่ะ เตือนให้ กันลืม”
“อย่ามาท้าฉันนะ!” เภตราแหว อีกฝ่ายคงยิ้มเย้ย
“ก็ถ้าฉันท้า เธอจะกล้าอย่างปากว่ามั้ยล่ะ”
“คอยดูก็แล้วกันว่าฉันจะกล้าหรือเปล่า แกเองนั่นล่ะ อย่าใจเสาะชิงหนีเอาตัวรอดไปซะก่อนล่ะ”
“ฉันไม่ใจเสาะ อันนี้รับรองได้ แต่ให้ตายเถอะ ตอนนี้มัน...” ผู้กระทำการป่าเถื่อนกับเธอปรายตา สาวน้อยขยับตัวหนี
“มองอะไร!”
“ก็มองผู้หญิงสาวๆ สวยๆ ที่กำลังนอนเปลือยอ้าปากเถียงอยู่ฉอดๆ แบบนี้น่ะสิ นี่ตกลงเธอจะเอายังไง อยากให้ฉันหยุดจริงๆ หรืออยากจะให้ฉันต่อกันแน่”
“บ้า! แกก็ออกไปเสียทีสิ!”
“จะพูดอีกหนเดียวนะเภตรา ลุกขึ้นมาใส่เสื้อผ้าเดี๋ยวนี้ ฉันให้เวลาเธอสามนาที แล้วออกไปจากห้องนี้พร้อมกัน” ท่าทางนั้นจริงจังเคร่งขรึมขึ้น
“ฉันไม่...” ทีแรกเจ้าของเสียงสั่นว่าจะปฏิเสธ แต่คิดอีกที นั่นอาจเป็นวิธีที่ผิด
“ก็ได้ ตะ...แต่แกต้อง...หันหลังไปก่อนสิ”
“ถ้ายังเรื่องเยอะ เธอจะไม่มีโอกาสได้ใส่มันอีกตลอดทั้งคืนนะ”
หลังคำขู่พร้อมประกายตาจริงจัง ทำให้เภตราต้องรีบตะกายเซซังขึ้นจากโซฟาตัวใหญ่ สาวน้อยคว้าเสื้อผ้าพร้อมข่มความอายหายวูบไปแอบอยู่หลังพนักยาว จากนั้นก็รีบจัดการสวมใส่ทุกชิ้นด้วยมืออันแสนจะสั่นเทาและใจที่เต้นโครมครามประหนึ่งว่ามันจะหลุดออกมานอกอก ร่างเล็กหอบหายใจแรงอย่างแสนจะเจ็บใจ บอกตัวเองว่าเธอจะไม่มีทางลืมความอัปยศอดสูที่ไอ้คนชั่วมันทั้งยัดเยียดและกดขี่ข่มเหงเธอในวันนี้ไปได้แน่ เภตราภาวนา...หวังว่า ‘คุณอติภพ’ เจ้าของไนต์คลับแห่งนี้จะใจดีมีเมตตาอย่างที่เธอเพิ่งจะกล่าวอ้างถึงไปเมื่อครู่นะ ไม่อย่างนั้นล่ะเธอคงจะตกอยู่ในสภาวะหมดที่พึ่ง ไม่รู้จะหันหน้าไปหาความยุติธรรมจากที่ไหนได้เป็นแน่
ลียา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 ก.พ. 2560, 16:54:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 ก.พ. 2560, 16:54:00 น.
จำนวนการเข้าชม : 1116
<< บทที่ 2 ถูกใจแต่ไม่ยอมเสียฟอร์ม (50%) | บทที่ 3 ไม่อยากพบเจออีกต่อไป (50%) >> |