คิวปิด...ตัวกวนป่วนรัก
เมื่อเทพคิวปิดถูกลดหน้าที่ให้เป็นแค่ ‘เทพเบ๊’ คิวปิดสาวจึงเร่งปฎิบัติกอบกู้ศักดิ์ศรี แต่ดันแผลงศรพลาด ทำให้ว่าที่เจ้าบ่าวตกหลุมรัก ‘พี่ชาย’ ของสาวคนรัก เรื่องป่วนๆ จึงเริ่มขึ้น !
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ตอน 17
‘อ้า...สมกับการรอคอยเหลือเกิน ชาตินี้ตายก็ไม่เสียดายแล้ว’ ลักกี้หลับตาพริ้ม ขณะแทะกระดูกไก่ย่างที่รักษิตซื้อมาเอาให้กินเล่นก่อนจะออกไปกับคุณคิวปิด น่องไก่ในชามมีอยู่เพียงห้าน่อง แต่มันค่อยๆ ละเลียดลิ้มรสเนื้อไก่ให้หมดเกลี้ยงก่อนจะบรรจงแทะแท่งกระดูกอย่างเพลิดเพลินอยู่นานหลายชั่วโมงราวกับไม่อยากให้ของอร่อยหมดไป
ขณะที่ลักกี้เคี้ยวกระดูกแท่งสุดท้ายเต็มปากอยู่นั่น ดาลัดก็ขับรถมินิคูเปอร์สีดำคันใหม่มาจอดหน้าบ้าน ก้มมองที่อยู่ในกระดาษเทียบกับบ้านเลขที่-ที่ติดอยู่บนกำแพงจึงแน่ใจว่ามาถูกหลังแล้ว
ดาลัดตัดสินใจว่าจะมาคุยกับรักษิตเรื่องขอให้เขาช่วยวาดการ์ตูนประกอบลงในนิตยสารของหล่อนให้ได้ และในเมื่อภูมิไม่ยอมติดต่อรักษิตให้สักที หล่อนรู้มาจากรักษิยาว่าปกติรักษิตจะทำงานที่บ้าน แทบไม่ได้ออกไปไหน แล้วไหนๆ วันนี้หล่อนผ่านมาแถวนี้ จึงตัดสินใจจะลุยมาถามด้วยตัวเองให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
ดาลัดเปิดประตูก้าวลงจากรถ พร้อมๆ กับที่ลักกี้กำลังชะเง้อมองไปหน้าประตูรั้ว แล้วท่อนขาขาวจั๊วะไม่ต่างจากน้องสายไหมซึ่งอยู่บนรองเท้าส้นสูงสีดำที่เดินมาหยุดยืนหน้ารั้วบ้านก็ปรากฎแก่สายตา ยังผลให้ผู้แพ้ความขาวเกิดอาการตกตะลึงพรึงเพริด กล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกายเกิดอาการเกร็ง กระดูกไก่ชิ้นเล็กชิ้นน้อยในปากที่กำลังกลืนลงท้องจึงติดค้างอยู่ที่คอ !
“แค่กๆๆ แค่กๆๆ” ลักกี้ไอ หากเศษกระดูกไก่ก็ยังไม่ออกมา และเจ้ากระดูกไก่จะขวางทางเดินหายใจด้วย เพราะมันเริ่มหายใจไม่ออก “ตายแน่ๆๆ คะ...ใครก็...ได้...ชะ...ช่วย...กระผมด้วย”
ดาลัดมองผ่านรั้วบ้านเห็นอาการประหลาดของสุนัขลายจุดที่นอนชักดิ้นชักงออยู่ในสวนก็ตกใจ “เป็นอะไรน่ะ”
“ตัวช่วยสุดท้าย” ลักกี้รวบรวมแรงลุกขึ้นวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากสาวผิวขาว
“ชะ...ช่วยผมด้วยขอรับ กระ...ดูก...ติดคอ”
หญิงสาวฟังมันพูดไม่เข้าใจเหมือนอย่างเซเลน่า ได้ยินเพียงเสียงครางหงิง “เจ้าเป็นอะไร”
ว่าถ้าปล่อยไว้นานกว่านี้ มันต้องลาโลกนี้ทั้งที่ยังไม่ได้เผยความในใจกับน้องสายไหมแน่ ซึ่งลักกี้ยอมไม่ได้ !
มันนอนลงกับพื้นชักดิ้นชักงอ ทำตาเหลือกให้ดูน่าสะพรึงกลัว
ได้ผล ดาลัดตกใจมากกับอาการของเจ้าสุนัข “เจ้าหมา ! เจ้าจะตายเหรอ ทำใจดีๆ เอาไว้ก่อนนะ”
ดาลัดละล้าละลังคิดหาหนทาง กลอนประตูก็ใส่ลูกกุญแจแน่น จึงโทรไปหารักษิยา แต่อีกฝ่ายไม่รับสาย หล่อนไม่มีเบอร์โทรของรักษิตด้วย แล้วอย่างนี้จะบอกเจ้าของบ้านได้ยังไง
พลันก็นึกถึงเจ้าของบ้านอีกคนที่เพียรหาข้ออ้างเรื่องงานแต่งงานของภูมิกับรักษิยาโทรศัพท์มาหาหล่อนแทบทุกวัน หลังสุดก็เพิ่งโทรมาถามว่าวันงานหล่อนจะใส่ชุดสีอะไร เขาจะได้ใส่ให้เหมือนกัน จึงถูกดาลัดด่ากลับไป หากเขายังมีหน้าบอกก่อนจะวางสายอีกว่า
‘ผู้หญิงด่าแปลว่าผู้หญิงรัก’
ถ้าเป็นเวลาปกติ อย่าหวังเลยว่าหล่อนจะโทรหาเขา หากตอนนี้ความหมั่นไส้ เกลียดขี้หน้าทุกอย่างที่รู้สึกต่อชายหนุ่มหล่อนลืมไปเสียสนิท ยกโทรศัพท์ขึ้นกดเบอร์ล่าสุดที่โทรเข้ามา
ไม่ต้องรอสายนาน ปลายสายก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกวนยียวนทันทีที่รับสาย “นั่นไงผมบอกแล้วว่าผู้หญิงด่าแปลว่าผู้หญิงรัก”
“หยุดหลงตัวเองสักสองนาทีเถอะ ตอนนี้ฉันอยู่หน้าบ้านนาย หมาลายจุดของนายมันเป็นอะไรไม่รู้ มันชักใหญ่เลย ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน รีบมาช่วยมันหน่อยสิ”
แวบแรกสมองของรักพงษ์สงสัยว่าหญิงสาวไปทำอะไรที่บ้านเขา แต่ความห่วงใยที่มีต่อเจ้าลักกี้มีมากกว่าจึงถามเสียงเครียด “พี่รักละ พี่รักไม่อยู่บ้านเหรอ”
“ไม่มีใครอยู่ บ้านล็อคหมดเลย”
“ตอนนี้ผมอยู่แถวมหา’ลัย ถ้ารอผมไปถึงคงไม่ทันเวลา เอาอย่างงี้นะ คุณขอความช่วยเหลือจากใครก็ได้ แล้วเดี๋ยวผมจะโทรตามพี่รักให้”
“โอเค” ดาลัดวางสายแล้วตะโกน “ช่วยด้วยค่ะ ! ช่วยด้วย ! หมาจะตายค่ะ”
“เกิดอะไรขึ้น !” เสียงตะโกนถามดังมาจากทุกสารทิศ ดาลัดโล่งไปเปลาะ มีคนมาร่วมช่วยชีวิตสุนัขของพี่รักแล้ว หากเป็นความโล่งใจเพียงแค่ ‘เปลาะ’ เดียวจริงๆ เพราะพอหันไปเห็นว่าเหล่าเพื่อนบ้านที่วิ่งสั่นหงึกหงักสีหน้าตื่นตระหนกออกมาจากบ้านของตัวเองนั้นอายุรวมกันน่าจะเกินพันปี บางคนยังมีไม้เท้าติดมือมาด้วยซ้ำ บางคนจูงลูกเล็กเด็กแดงมาด้วย ส่วนพวกหนุ่มสาวคงจะออกไปทำงานกันหมด
เห็นท่าว่าพวกเขาคงจะช่วยได้อย่างมากก็แค่โทรศัพท์ไปขอความช่วยเหลือจากหน่วยกู้ภัยให้มาช่วย แต่จากอาการของเจ้าหมาที่ยังชักดิ้นชักงอและมีน้ำลายเหนียวๆ ออกจากปากแล้ว จะรอช้าไม่ได้ !
“ใครก็ได้ช่วยโทรเรียกหน่วยกู้ภัยหน่อยค่ะ”
สั่งแล้ววิ่งไปหน้ารั้ว แหงนหน้ามองรั้วปูนที่สูงกว่าหล่อนนิดหน่อยด้วยแววตามุ่งมั่น ก่อนถลกแขนเสื้อซีทรูสีขาว กระโดดบนรองเท้าส้นสูงพร้อมยืดแขนสองข้างให้สุด มือตะบปขอบปูนแล้วพยายามปีนขึ้นไป กางเกงขาสั้นสีดำครูดกับกำแพงสีขาวทำให้สีของกางเกงเปลี่ยน แต่หญิงสาวไม่ยี่หระ มุ่งมั่นปีนจนสามารถขึ้นไปนั่งอยู่บนขอบกำแพง แล้วยกขายาวข้ามเหล็กแหลมที่ตั้งเรียงราย กำลังจะกระโดดลงไปยังสวนดอกไม้เบื้องล่าง พลันเสื้อซีทรูยี่ห้อหรูเกี่ยวเหล็กแหลม ร่างเล็กเลยหล่นลงไปทับกอดอกมะลิ
“กรี๊ด !”
“หนูเป็นอะไรหรือเปล่า” เสียงแหบพร่าถาม
วงหน้าหมวยบูดเบี้ยวอย่างเจ็บปวดขณะยันกายลุกขึ้นจากกอดอกไม้ที่ตอนนี้ล้มระเนระนาด ตะโกนตอบกลับไปให้เสียงข้ามกำแพงไปยังผู้ถาม “ดาไม่เป็นอะไรค่ะ” แต่สภาพหญิงสาวยับเยิน ชายเสื้อเกี่ยวกับกิ่งไม้จนขาดวิ่น เศษใบไม้ติดเต็มผมไปหมด
แต่พอหันไปถึงเห็นว่าผู้ถามและเหล่าสมาคมผู้สูงวัยกลับยืนอยู่ในเขตบ้านห่างจากหล่อนไม่กี่ก้าว
“เข้ามาได้ยังไงคะ” ดาลัดแปลกใจ
“รักเขาฝากกุญแจสำรองไว้กับป้าแหวว” หนึ่งในผู้สูงพูดถึงป้าข้างบ้านที่รักษิตให้ความไว้วางใจ
หญิงสาวอ้าปากเหวอ ‘คุณป้าขา น่าจะบอกให้เร็วกว่านี้อีกนิด จะได้ไม่ต้องเสียเสื้อตัวโปรดไป !’
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“ลักกี้เป็นยังไงบ้างครับ” รักษิตถามหญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มที่ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ทันทีที่เปิดประตูเข้ามาในร้าน ‘สไมล์ เพ็ท แอนด์ สปา’ คลินิกรักษาสัตว์และมีบริการให้สัตว์เลี้ยงมากมาย ซึ่งตั้งอยู่หน้าปากทางเข้าหมู่บ้าน ลักกี้เป็นลูกค้าประจำของที่นี่ ดังนั้นจึงคุ้นเคยกับพนักงานในร้านเป็นอย่างดี ส่วนเซเลน่าก้าวตามหลังชายหนุ่มมาติดๆ
“เดี๋ยวมายด์ถามหมอเมษให้นะคะ” มายด์หรือมายาคนรักของหมอเมษบอกก่อนจะหมุนตัวไปด้านหลังร้านซึ่งเป็นส่วนของห้องรักษา ไม่นานหญิงสาวก็กลับมาพร้อมกับชายหนุ่มร่างสูง หน้าตาดีไม่ด้อยไปกว่ารักษิตเลย
“หมอเมษครับ ลักกี้เป็นอะไรครับ”
“กระดูกไก่ติดคอครับ ผมล้วงเอาออกได้แล้ว ตอนนี้ปลอดภัยแล้วครับ คุณรักไม่ต้องเป็นห่วง” หมอเมษหรือรเมศสัตวแพทย์หนุ่มเจ้าของร้านบอก
ทั้งรักษิตและเซเลน่าโล่งอก ตั้งแต่รักพงษ์โทรศัพท์มาบอกเรื่องอาการประหลาดของลักกี้ตอนที่เขากินข้าวกับเซเลน่าเสร็จและกำลังจะขับรถกลับบ้าน รักษิตเป็นห่วงลักกี้มากจึงขับรถด้วยความเร็วสูงซึ่งเป็นสิ่งที่เขาทำไม่บ่อยนัก และคอยโทรศัพท์ติดต่อกับรักพงษ์ที่โทรมาแจ้งว่าตอนนี้ดาลัดพาลักกี้ไปหาหมอได้แล้ว รักษิตถึงตามมาที่นี่
“เอ...ปกติคุณรักให้ลักกี้กินแต่อาหารเม็ดไม่ใช่เหรอครับ แล้วทำไมอยู่ๆ ถึงเปลี่ยนให้มันกินไก่”
“ลักกี้มันอยากกินไก่ย่างน่ะครับ” รักษิตภาวนาขอให้หมอเมษหรือมายาไม่ถามต่อว่าทำไมเขาถึงรู้ว่าลักกี้มันอยากกินไก่ย่าง เพราะถ้าบอกไปว่าหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างเขาสื่อสารกับลักกี้ได้ก็คงจะไม่มีใครเชื่อ
ทว่าหมอเมษกลับยิ้มเฉย เขาเข้าใจดีว่าเป็นธรรมดาที่เจ้าของจะเข้าใจความคิดหรือความรู้สึกของสัตว์เลี้ยงจากพฤติกรรมของมัน
“แต่ยังไงคราวหลังต้องคอยระวังหน่อยนะครับ เพราะกระดูกอาจจะแทงเหงือก ครูดบาดช่องทางเดินอาหาร กระเพาะหรือลำไส้ ทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้” หมอเมษเตือน
คิวปิดสาวนิ่วหน้า นึกถึงวัตถุดิบที่รักษิยาชอบใช้ทำอาหาร “กระเพาะเหมือนกระเพราหรือเปล่าคะ”
คราวนี้เป็นหมอเมษและมายาที่เป็นฝ่ายนิ่วหน้าแปลกใจกับคำถามของหญิงสาว และหล่อนก็ขยับปากทำท่าคล้ายจะถามอะไรอีก รักษิตจึงโอบไหล่ของเซเลน่าเขย่าพร้อมแสร้งยิ้มขำ “เล่นมุขอีกแล้วนะเอแคร์”
มายาอมยิ้มขณะมองหญิงสาวชื่อเอแคร์...ผู้หญิงคนนี้เองที่สาวน้อยสาวใหญ่ทั้งหมู่บ้านอิจฉา ข่าวบ้านครอบครัว “รัก” มีผู้หญิงหน้าตาสะสวยอาศัยอยู่ในบ้านกับรักษิตถูกพูดปากต่อปาก...ว่าสาวนิรนามผู้นั้นเป็นคนรักของรักษิต แม้พลอยชมพูจะพยายามแก้ข่าวว่าไม่เป็นความจริง ผู้หญิงคนนั้นเป็นเพียงผู้ที่รักษิยาขับรถชนจนเป็นโรคเอ๋อ รักษิยาจึงพามาดูแลที่บ้านระหว่างตามหาครอบครัวของหล่อน แต่จากท่าทางและดวงตาของเพื่อนบ้านหนุ่มยามมองหญิงสาวแล้ว มายามั่นใจว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนพิเศษสำหรับเขาอย่างแน่นอน
ความคิดของมายาถูกขัดด้วยเสียงหวานติดแหบนิดๆ ของดาลัด ก่อนร่างเพรียวในสภาพมอมแมม เศษกิ่งไม้ใบหญ้ายังติดผม จะจูงลักกี้ออกมาจากห้องตรวจ
“สวัสดีค่ะคุณดาลัด” เซเลน่าทักทาย จำได้ว่าผู้หญิงที่หน้าตาละม้ายคล้ายภูมิที่กำลังเดินมากับเจ้าลักกี้คืออดีตเป้าหมายฝ่ายหญิง
ทว่าอีกฝ่ายกลับมองมาด้วยแววตาสงสัย รักษิตจึงแนะนำ
“น้องดา นี่เอแคร์เพื่อนของยา”
ดาลัดพยักหน้า ผู้หญิงคนนี้คงเป็นคนที่ถูกรักษิยาขับรถชนจนความจำเสื่อม เพราะเคยได้ยินรักษิยาพูดถึง “สวัสดีค่ะคุณเอแคร์ ชื่อน่ารักดีจังเลยนะคะ”
“คุณน้องยาตั้งให้ค่ะ”
ดาลัดยิ้ม ก่อนหันไปหาพี่ชายของรักษิยา “ดาก็ว่าเจ้าลักกี้กระสับกระส่ายจะออกมาข้างนอกทำไม ที่แท้มันก็รู้ว่าพี่รักมาแล้วนี่เอง”
“ใครว่าล่ะขอรับ กระผมจะมาหาคุณคิวปิดต่างหาก” หลังจากหมอเมษเอากระดูกออกจากคอให้แล้ว ลักกี้ก็กลับไปซ่าเหมือนเดิม มันวิ่งกระดิกหางตรงไปหาเซเลน่า
“คุณคิวปิดๆๆ มานี่หน่อยเร็ว” เสียงของมันแหบนิดหน่อยเพราะบาดแผลจากคมกระดูก
“มีอะไรลักกี้”
“เหอะน่า มานี่เร็วๆ มีอะไรจะให้ดู” ลักกี้งับชายกระโปรงของคิวปิดสาวดึงลากไปด้านหนึ่ง
“จะไปไหนลักกี้” รักษิตถาม และขยับเท้าจะก้าวตาม
“ไม่ต้องให้นายรักตามไปขอรับ กระผมไม่อยากให้ดูเอิกเกริก” ลักกี้บอก
“คุณไม่ต้องตามไปหรอกค่ะ เดี๋ยวฉันกับลักกี้มาค่ะ” ทำตามคำสั่งของผู้ช่วยสี่ขาแล้วเดินตามมันออกไปทางประตูข้างที่ออกสู่สระว่ายน้ำสำหรับสัตว์เลี้ยง พอดีกับที่มีลูกค้าคนใหม่พาแมวเปอร์เซียเข้ามาในร้าน มายาจึงเลี่ยงไปต้อนรับ ส่วนหมอเมษก็ไปจ่ายยาให้ลักกี้ จึงเหลือแค่รักษิตและดาลัด
“พี่รักรู้ได้ยังไงคะว่าเราอยู่ที่นี่” ดาลัดเป็นฝ่ายเอ่ยถาม
“พงษ์โทรไปบอกพี่” ชายหนุ่มตอบ มองสภาพหญิงสาวตรงหน้าอย่างแปลกใจ “น้องดาทำอะไรมาครับถึงได้เป็นอย่างนี้”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขณะที่รักษิตพาดาลัดไปนั่งพักในส่วนรับรองของร้าน เพื่อฟังดาลัดเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่นั้น ลักกี้ก็เดินนำคิวปิดสาวมาหยุดยืนหน้ากระจกใส ภายนอกเป็นสระว่ายน้ำสำหรับสัตว์เลี้ยงที่สามารถมองเห็นได้จากห้องตรวจ
“นั่นไงคุณคิวปิด น้องสายไหม” ลักกี้ยกขาหน้าชี้ไปยังสุนัขพันธ์ปอมปอมเปอเรเนียนสีขาวตัวเล็กน่ารักกำลังแหวกว่ายน้ำอยู่ในสระน้ำสีฟ้า โดยมีผู้ชายใส่เสื้อฮาวายมีลายฝ่าเท้าสุนัขเช่นเดียวกับมายาคอยโยนลูกบอลลงไปในน้ำเพื่อให้เจ้าปอมปอมว่ายตามไปเก็บ
“น่ารักดี” คำชมของเซเลน่าทำเอาเจ้าลักกี้หัวเราะคิกคักและยิ้มกว้างจนเห็นฟันครบทุกซี่
“บ้าๆๆ คุณคิวปิดอะ พูดไรไม่รู้ กระผมเขินนะ”
“เขินทำไม ฉันชมน้องสายไหมไม่ได้ชมนาย”
“แหมๆๆ คุณคิวปิดชมน้องสายไหมว่าน่ารักก็เท่ากับชมว่ากระผมตาถึงนั่นแหละขอรับ ดูสิ...หมาอะไรก็ไม่รู้ ขนาดอยู่ในน้ำยังน่ารักเลยอะ”
ลักกี้มองน้องสายไหมด้วยดวงตาเป็นประกายวาววับ ถึงมันจะเคยพบน้องสายไหมแค่ไม่กี่ครั้ง ยังไม่เคยได้พูดคุยด้วยสักคำ แต่สุนัขตัวเล็กขนสีขาวฟูฟ่องก็เข้าไปอยู่ในหัวใจของลักกี้เรียบร้อยแล้ว...ลักกี้ค่อยๆ ยกขาหน้าขึ้นแตะกระจกซ้ำอีกครั้ง ดวงตาของมันจับจ้องอยู่ที่ร่างเล็กในน้ำอย่างไม่วางตาราวกับปรารถนาจะได้เข้าใกล้หล่อนสักครั้ง
“ฉันไปบอกให้นะว่านายแอบชอบอยู่” คิวปิดสาวเสนอแล้วมองหาประตูทางออกสู่สระว่ายน้ำ แต่ลักกี้กัดชายกระโปรงห้าม
“ไม่เอาขอรับ”
“ทำไมละ”
“ถ้าน้องสายไหมจะรู้ความในใจของกระผม กระผมอยากพูดด้วยตัวเอง ไม่ใช่รู้จากปากของคนอื่นและอยากให้มันอยู่ในบรรยากาศที่วิเศษที่สุด” มันเอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่ง สุขุม ปั้นหน้าหล่อสุดชีวิตประหนึ่งพระเอกในละคร พร้อมหันไปมอง “นางเอก” ด้วยประกายตาวับวาว
พลันดวงตาก็เบิกโพลง เมื่อเห็นสุนัขพันธุ์ชเนาเซอร์สีดำแสมขาว หนวดเหนือริมฝีปากยาว เด็กชายที่วิ่งมาด้วยจึงเรียก “อยากเล่นน้ำก็ลงไปเลยฮะลุงหนวด”
แล้ว ‘ลุงหนวด’ ก็กระโจนลงไปเล่นน้ำในสระกับน้องสายไหม !
ลักกี้อึ้ง อยากจะกระโจนทะลุกระจกเข้าไปกัดหูเจ้าหนวดยาวที่บังอาจมายุ่งกับน้องสายไหม แต่แล้วลักกี้ก็รู้สึกเหมือนหัวใจพังทลายเป็นผุยผง เมื่อเห็นน้องสายไหมเป็นฝ่ายว่ายน้ำเข้าไปคลอเคลียเจ้าหนวดยาว...ที่แท้มันต่างหากที่เป็นฝ่ายไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งกับน้องสายไหม
“เป็นอะไรไปล่ะลักกี้” เซเลน่าถามเมื่อเห็นลักกี้เงียบไป
“กระผมจะเป็นอะไรได้ นอกจากเป็นหมาที่ไม่มีใครรัก” มันประชดด้วยเสียงเศร้า “ไปกันเถอะครับคุณคิวปิด เดี๋ยวนายรักจะเป็นห่วง”
ว่าแล้วก็เป็นฝ่ายเดินนำคิวปิดสาวกลับออกไป โดยไม่หันกลับไปมองภาพบาดตาให้บาดใจอีกเลย
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวใจของลักกี้ถูกทำลายพร้อมๆ กับที่ดาลัดเล่าสาเหตุสภาพมอมแมมให้รักษิตฟังจบ
“ฮึ่ย...ดาเลยไม่รู้จะโกรธใครดีกว่ากันระหว่างป้าแหววกับนายพงษ์ที่ไม่บอกสักคำว่าฝากกุญแจบ้านไว้ที่ป้าแหวว” ดาลัดกอดอก ทำกระฟัดกระเฟียดอย่างไม่จริงจังนัก
“พงษ์เขาไม่ค่อยกลับบ้านก็เลยไม่รู้ว่าพี่ฝากกุญแจสำรองไว้ที่ป้าแหววเผื่อมีอะไรฉุกเฉิน”
“พี่รักไม่กลัวป้าแกจะงัดบ้านพี่รักเหรอคะ” ดาลัดถามตรงไปตรงมา “ตอนอยู่อังกฤษ เพื่อนสนิทของดาที่เคยพักอยู่ห้องเดียวกันยังแอบเข้ามางัดห้อง ขโมยของไปเลยค่ะ” ประสบการณ์เลวร้ายของชีวิตทำให้หญิงสาวกลายเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย ไม่ค่อยไว้ใจใคร
“ไม่หรอกครับ ป้าแหววแกไว้ใจได้ แล้วอีกอย่าง บ้านพี่ก็ไม่มีอะไรให้ขโมยด้วย” ชายหนุ่มบอกติดตลก “ยังไงพี่ก็ต้องขอบคุณน้องดาเรื่องลักกี้มากนะ ดูสิน้องดาเลยต้องเจ็บตัวเลย แน่ใจนะว่าไม่เป็นอะไร ให้พี่พาไปหาหมอดีกว่าไหม โรงพยาบาลอยู่แค่นี้เอง”
“ดาไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะ” หญิงสาวปฏิเสธ ก่อนนึกได้ “แต่ถ้าพี่รักอยากตอบแทนดาเรื่องลักกี้ล่ะก็ ดามีเรื่องอยากจะให้พี่รักช่วยค่ะ”
“เอาสิ ว่ามาเลย”
“คือดากับเพื่อนกำลังจะหุ้นกันทำนิตยสารวัยรุ่นน่ะค่ะ ดาก็เลยอยากขอให้พี่รักไปช่วยวาดการ์ตูนประกอบให้ ส่วนเรื่องค่าจ้าง พี่รักเรียกมาได้เลยนะคะ ดากับเพื่อนยินดีจ่าย”
“ดาจะทำนิตยสารแนวไหน” รักษิตถาม
“แนววัยรุ่นค่ะ แต่ดาจะแหวกแนว เป็นเนื้อหาที่เน้นเรื่องไทยๆ แทนเรื่องเกาหลีอย่างที่เล่มอื่นทำ เผื่อว่าจะช่วยทำให้วัยรุ่นหันมาสนใจอะไรไทยๆ บ้างค่ะ”
“ก็ดีนะ พี่เห็นด้วย แล้วนี่คุณลุงกับคุณป้ารู้เรื่องหรือยัง” รักษิตถามถึงพ่อแม่ของภูมิที่เป็นผู้อุปการะดาลัดตั้งแต่เด็ก
“ทราบแล้วค่ะ”
“แล้วท่านเห็นด้วยหรือเปล่า เพราะพี่เคยได้ยินภูมิพูดว่าถ้าดาเรียนจบจะให้ไปช่วยงานที่บริษัทไม่ใช่เหรอ”
“คุณลุงคุณป้าท่านก็ไม่ได้ห้ามหรอกค่ะ ท่านเห็นว่าดาอยากหาประสบการณ์ก็เลยตามใจดา ตอนแรกคุณลุงคุณป้าก็จะให้เงินมาทำทุน แต่ดาไม่เอา ดาเกรงใจและอีกอย่างดาก็อยากทำอะไรด้วยตัวเองจริงๆ สักครั้ง ดาก็เลยเอาเงินเก็บที่มีอยู่มาทำกันเองเล็กๆ ไปก่อน แล้วถ้าเกิดว่าไปได้ด้วยดีใครขยับขยายกัน”
รักษิตชื่นชมในความคิดดีๆ ของหญิงสาว ถึงจะเกิดมาในครอบครัวเศรษฐีที่มีทรัพย์สมบัติมากมายชนิดที่เรียกว่ากินใช้ไปทั้งชาติก็ไม่หมด แต่ก็ไม่ได้ทำให้ดาลัดนั่งงอมืองอเท้า หยุดใช้ความคิดความสามารถที่มีอยู่อย่างล้นเหลือสร้างสิ่งดีๆ ให้ตัวเอง และเขาก็น่าจะพอแบ่งเวลาจากงานที่เพิ่งได้รับอนุมัติมาสดๆ ร้อนๆ มาช่วยสนับสนุนความคิดดีๆ ของหญิงสาว จึงตัดสินใจบอกไปว่า
“งั้นเอาอย่างนี้ ห้าเดือนแรกพี่จะวาดให้ดาฟรีๆ เลย และถ้าเกิดว่านิตยสารไปได้ดี ดาค่อยจ้างพี่”
“ไม่เอาหรอกค่ะ ดาเกรงใจพี่รัก พี่รักคิดค่าจ้างดาเถอะนะคะ”
“ถ้าเกรงใจพี่ก็ตั้งใจทำงานแล้วกัน จะได้ขายดีๆ พอถึงเดือนที่หกเมื่อไหร่ รับรองว่าพี่ไม่ลดให้สักบาทแน่”
คราวนี้เป็นฝ่ายหญิงสาวที่มองชายหนุ่มด้วยแววตาชื่นชม ก่อนจะตอบตกลงอย่างเสียไม่ได้ แล้วทั้งสองก็สนทนากันต่อเรื่องรายละเอียดคร่าวๆ ของนิตยสารระหว่างรอเซเลน่าและลักกี้กลับมา ทว่าไอเดียสร้างสรรค์ของดาลัดทำให้รักษิตฟังเพลินเลยไม่ทันเห็นเซเลน่าและลักกี้เดินกลับมาตรงหน้าเคาน์เตอร์แล้ว
“คุณรักอยู่ด้านโน้นค่ะ” มายาบอกเมื่อเห็น ‘หญิงสาวที่ตกเป็นข่าว’ จูงลักกี้เข้ามาแล้วยืนกวาดไปทั่วร้าน พร้อมกับชี้ไปทางม้านั่งด้านนอก
ภาพรักษิตและดาลัดนั่งคุยกันด้วยท่าทางสนิทสนม ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลากับหญิงสาวที่แม้จะไม่ได้สวยจัดแต่ดูเก๋ไก๋ มีเสน่ห์น่ามอง อีกไม่นานทั้งสองก็จะเป็นคู่รักที่เหมาะสมกับเหลือเกิน...เซเลน่าบอกตัวเองเช่นนั้น แต่ทว่าทำไมใจกลับรู้สึกหวิวๆ อย่างประหลาด
“คุณคิวปิดรอกระผมตรงนี้นะขอรับ ประเดี๋ยวกระผมเข้าไปหาน้องเปียกปูนในห้องตัดขนแปบ” น้ำเสียงของลักกี้ขัดความคิดของหญิงสาว
“น้องเปียกปูน ?” หล่อนสงสัย
“สุดที่รักตัวใหม่ของกระผม” ลักกี้พูดถึงสุนัขพันธ์พุดเดิ้ลสีดำสนิทซึ่งรู้จักกันมานานด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ไม่ได้มีท่าทางเขินอายอย่างเวลาพูดถึงน้องสายไหมเลย
“อ้าว...ไม่รักน้องสายไหมแล้วเหรอ” คิดว่าแค่มนุษย์เท่านั้นที่เปลี่ยนใจเร็ว ที่แท้โรคนี้ติดต่อถึงสิ่งมีชีวิตทุกอย่างบนโลกเลยหรือนี่
ดวงตาเล็กดำมีน้ำตาเอ่อคลอ ขณะเอ่ย “รักสิขอรับ แต่ทำยังไงได้ในเมื่อน้องสายไหมมีเจ้าของแล้ว กระผมไม่อยากเป็นมือที่สามไปแย่งความรักของตัวอื่น แต่กระผมก็ไม่อยากให้ความเจ็บปวดกร่อนกัดหัวใจจนพังยับเยิน กระผมถึงต้องรีบหาใครสักตัวมาช่วยรักษาแผลใจ เผื่อจะลืมน้องสายไหมได้ง่ายขึ้น”
ไม่ยักรู้ว่าพวกสิ่งมีชีวิตบนโลกมีวิธีลืมความรักด้วยการพยายามรักคนใหม่...คิวปิดสาวนึกในใจ ก่อนดวงตากลมจะเบิกโพลง ความคิดบางอย่างได้จุดประกายขึ้น !
***********************************************
ขณะที่ลักกี้เคี้ยวกระดูกแท่งสุดท้ายเต็มปากอยู่นั่น ดาลัดก็ขับรถมินิคูเปอร์สีดำคันใหม่มาจอดหน้าบ้าน ก้มมองที่อยู่ในกระดาษเทียบกับบ้านเลขที่-ที่ติดอยู่บนกำแพงจึงแน่ใจว่ามาถูกหลังแล้ว
ดาลัดตัดสินใจว่าจะมาคุยกับรักษิตเรื่องขอให้เขาช่วยวาดการ์ตูนประกอบลงในนิตยสารของหล่อนให้ได้ และในเมื่อภูมิไม่ยอมติดต่อรักษิตให้สักที หล่อนรู้มาจากรักษิยาว่าปกติรักษิตจะทำงานที่บ้าน แทบไม่ได้ออกไปไหน แล้วไหนๆ วันนี้หล่อนผ่านมาแถวนี้ จึงตัดสินใจจะลุยมาถามด้วยตัวเองให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
ดาลัดเปิดประตูก้าวลงจากรถ พร้อมๆ กับที่ลักกี้กำลังชะเง้อมองไปหน้าประตูรั้ว แล้วท่อนขาขาวจั๊วะไม่ต่างจากน้องสายไหมซึ่งอยู่บนรองเท้าส้นสูงสีดำที่เดินมาหยุดยืนหน้ารั้วบ้านก็ปรากฎแก่สายตา ยังผลให้ผู้แพ้ความขาวเกิดอาการตกตะลึงพรึงเพริด กล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกายเกิดอาการเกร็ง กระดูกไก่ชิ้นเล็กชิ้นน้อยในปากที่กำลังกลืนลงท้องจึงติดค้างอยู่ที่คอ !
“แค่กๆๆ แค่กๆๆ” ลักกี้ไอ หากเศษกระดูกไก่ก็ยังไม่ออกมา และเจ้ากระดูกไก่จะขวางทางเดินหายใจด้วย เพราะมันเริ่มหายใจไม่ออก “ตายแน่ๆๆ คะ...ใครก็...ได้...ชะ...ช่วย...กระผมด้วย”
ดาลัดมองผ่านรั้วบ้านเห็นอาการประหลาดของสุนัขลายจุดที่นอนชักดิ้นชักงออยู่ในสวนก็ตกใจ “เป็นอะไรน่ะ”
“ตัวช่วยสุดท้าย” ลักกี้รวบรวมแรงลุกขึ้นวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากสาวผิวขาว
“ชะ...ช่วยผมด้วยขอรับ กระ...ดูก...ติดคอ”
หญิงสาวฟังมันพูดไม่เข้าใจเหมือนอย่างเซเลน่า ได้ยินเพียงเสียงครางหงิง “เจ้าเป็นอะไร”
ว่าถ้าปล่อยไว้นานกว่านี้ มันต้องลาโลกนี้ทั้งที่ยังไม่ได้เผยความในใจกับน้องสายไหมแน่ ซึ่งลักกี้ยอมไม่ได้ !
มันนอนลงกับพื้นชักดิ้นชักงอ ทำตาเหลือกให้ดูน่าสะพรึงกลัว
ได้ผล ดาลัดตกใจมากกับอาการของเจ้าสุนัข “เจ้าหมา ! เจ้าจะตายเหรอ ทำใจดีๆ เอาไว้ก่อนนะ”
ดาลัดละล้าละลังคิดหาหนทาง กลอนประตูก็ใส่ลูกกุญแจแน่น จึงโทรไปหารักษิยา แต่อีกฝ่ายไม่รับสาย หล่อนไม่มีเบอร์โทรของรักษิตด้วย แล้วอย่างนี้จะบอกเจ้าของบ้านได้ยังไง
พลันก็นึกถึงเจ้าของบ้านอีกคนที่เพียรหาข้ออ้างเรื่องงานแต่งงานของภูมิกับรักษิยาโทรศัพท์มาหาหล่อนแทบทุกวัน หลังสุดก็เพิ่งโทรมาถามว่าวันงานหล่อนจะใส่ชุดสีอะไร เขาจะได้ใส่ให้เหมือนกัน จึงถูกดาลัดด่ากลับไป หากเขายังมีหน้าบอกก่อนจะวางสายอีกว่า
‘ผู้หญิงด่าแปลว่าผู้หญิงรัก’
ถ้าเป็นเวลาปกติ อย่าหวังเลยว่าหล่อนจะโทรหาเขา หากตอนนี้ความหมั่นไส้ เกลียดขี้หน้าทุกอย่างที่รู้สึกต่อชายหนุ่มหล่อนลืมไปเสียสนิท ยกโทรศัพท์ขึ้นกดเบอร์ล่าสุดที่โทรเข้ามา
ไม่ต้องรอสายนาน ปลายสายก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกวนยียวนทันทีที่รับสาย “นั่นไงผมบอกแล้วว่าผู้หญิงด่าแปลว่าผู้หญิงรัก”
“หยุดหลงตัวเองสักสองนาทีเถอะ ตอนนี้ฉันอยู่หน้าบ้านนาย หมาลายจุดของนายมันเป็นอะไรไม่รู้ มันชักใหญ่เลย ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน รีบมาช่วยมันหน่อยสิ”
แวบแรกสมองของรักพงษ์สงสัยว่าหญิงสาวไปทำอะไรที่บ้านเขา แต่ความห่วงใยที่มีต่อเจ้าลักกี้มีมากกว่าจึงถามเสียงเครียด “พี่รักละ พี่รักไม่อยู่บ้านเหรอ”
“ไม่มีใครอยู่ บ้านล็อคหมดเลย”
“ตอนนี้ผมอยู่แถวมหา’ลัย ถ้ารอผมไปถึงคงไม่ทันเวลา เอาอย่างงี้นะ คุณขอความช่วยเหลือจากใครก็ได้ แล้วเดี๋ยวผมจะโทรตามพี่รักให้”
“โอเค” ดาลัดวางสายแล้วตะโกน “ช่วยด้วยค่ะ ! ช่วยด้วย ! หมาจะตายค่ะ”
“เกิดอะไรขึ้น !” เสียงตะโกนถามดังมาจากทุกสารทิศ ดาลัดโล่งไปเปลาะ มีคนมาร่วมช่วยชีวิตสุนัขของพี่รักแล้ว หากเป็นความโล่งใจเพียงแค่ ‘เปลาะ’ เดียวจริงๆ เพราะพอหันไปเห็นว่าเหล่าเพื่อนบ้านที่วิ่งสั่นหงึกหงักสีหน้าตื่นตระหนกออกมาจากบ้านของตัวเองนั้นอายุรวมกันน่าจะเกินพันปี บางคนยังมีไม้เท้าติดมือมาด้วยซ้ำ บางคนจูงลูกเล็กเด็กแดงมาด้วย ส่วนพวกหนุ่มสาวคงจะออกไปทำงานกันหมด
เห็นท่าว่าพวกเขาคงจะช่วยได้อย่างมากก็แค่โทรศัพท์ไปขอความช่วยเหลือจากหน่วยกู้ภัยให้มาช่วย แต่จากอาการของเจ้าหมาที่ยังชักดิ้นชักงอและมีน้ำลายเหนียวๆ ออกจากปากแล้ว จะรอช้าไม่ได้ !
“ใครก็ได้ช่วยโทรเรียกหน่วยกู้ภัยหน่อยค่ะ”
สั่งแล้ววิ่งไปหน้ารั้ว แหงนหน้ามองรั้วปูนที่สูงกว่าหล่อนนิดหน่อยด้วยแววตามุ่งมั่น ก่อนถลกแขนเสื้อซีทรูสีขาว กระโดดบนรองเท้าส้นสูงพร้อมยืดแขนสองข้างให้สุด มือตะบปขอบปูนแล้วพยายามปีนขึ้นไป กางเกงขาสั้นสีดำครูดกับกำแพงสีขาวทำให้สีของกางเกงเปลี่ยน แต่หญิงสาวไม่ยี่หระ มุ่งมั่นปีนจนสามารถขึ้นไปนั่งอยู่บนขอบกำแพง แล้วยกขายาวข้ามเหล็กแหลมที่ตั้งเรียงราย กำลังจะกระโดดลงไปยังสวนดอกไม้เบื้องล่าง พลันเสื้อซีทรูยี่ห้อหรูเกี่ยวเหล็กแหลม ร่างเล็กเลยหล่นลงไปทับกอดอกมะลิ
“กรี๊ด !”
“หนูเป็นอะไรหรือเปล่า” เสียงแหบพร่าถาม
วงหน้าหมวยบูดเบี้ยวอย่างเจ็บปวดขณะยันกายลุกขึ้นจากกอดอกไม้ที่ตอนนี้ล้มระเนระนาด ตะโกนตอบกลับไปให้เสียงข้ามกำแพงไปยังผู้ถาม “ดาไม่เป็นอะไรค่ะ” แต่สภาพหญิงสาวยับเยิน ชายเสื้อเกี่ยวกับกิ่งไม้จนขาดวิ่น เศษใบไม้ติดเต็มผมไปหมด
แต่พอหันไปถึงเห็นว่าผู้ถามและเหล่าสมาคมผู้สูงวัยกลับยืนอยู่ในเขตบ้านห่างจากหล่อนไม่กี่ก้าว
“เข้ามาได้ยังไงคะ” ดาลัดแปลกใจ
“รักเขาฝากกุญแจสำรองไว้กับป้าแหวว” หนึ่งในผู้สูงพูดถึงป้าข้างบ้านที่รักษิตให้ความไว้วางใจ
หญิงสาวอ้าปากเหวอ ‘คุณป้าขา น่าจะบอกให้เร็วกว่านี้อีกนิด จะได้ไม่ต้องเสียเสื้อตัวโปรดไป !’
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“ลักกี้เป็นยังไงบ้างครับ” รักษิตถามหญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มที่ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ทันทีที่เปิดประตูเข้ามาในร้าน ‘สไมล์ เพ็ท แอนด์ สปา’ คลินิกรักษาสัตว์และมีบริการให้สัตว์เลี้ยงมากมาย ซึ่งตั้งอยู่หน้าปากทางเข้าหมู่บ้าน ลักกี้เป็นลูกค้าประจำของที่นี่ ดังนั้นจึงคุ้นเคยกับพนักงานในร้านเป็นอย่างดี ส่วนเซเลน่าก้าวตามหลังชายหนุ่มมาติดๆ
“เดี๋ยวมายด์ถามหมอเมษให้นะคะ” มายด์หรือมายาคนรักของหมอเมษบอกก่อนจะหมุนตัวไปด้านหลังร้านซึ่งเป็นส่วนของห้องรักษา ไม่นานหญิงสาวก็กลับมาพร้อมกับชายหนุ่มร่างสูง หน้าตาดีไม่ด้อยไปกว่ารักษิตเลย
“หมอเมษครับ ลักกี้เป็นอะไรครับ”
“กระดูกไก่ติดคอครับ ผมล้วงเอาออกได้แล้ว ตอนนี้ปลอดภัยแล้วครับ คุณรักไม่ต้องเป็นห่วง” หมอเมษหรือรเมศสัตวแพทย์หนุ่มเจ้าของร้านบอก
ทั้งรักษิตและเซเลน่าโล่งอก ตั้งแต่รักพงษ์โทรศัพท์มาบอกเรื่องอาการประหลาดของลักกี้ตอนที่เขากินข้าวกับเซเลน่าเสร็จและกำลังจะขับรถกลับบ้าน รักษิตเป็นห่วงลักกี้มากจึงขับรถด้วยความเร็วสูงซึ่งเป็นสิ่งที่เขาทำไม่บ่อยนัก และคอยโทรศัพท์ติดต่อกับรักพงษ์ที่โทรมาแจ้งว่าตอนนี้ดาลัดพาลักกี้ไปหาหมอได้แล้ว รักษิตถึงตามมาที่นี่
“เอ...ปกติคุณรักให้ลักกี้กินแต่อาหารเม็ดไม่ใช่เหรอครับ แล้วทำไมอยู่ๆ ถึงเปลี่ยนให้มันกินไก่”
“ลักกี้มันอยากกินไก่ย่างน่ะครับ” รักษิตภาวนาขอให้หมอเมษหรือมายาไม่ถามต่อว่าทำไมเขาถึงรู้ว่าลักกี้มันอยากกินไก่ย่าง เพราะถ้าบอกไปว่าหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างเขาสื่อสารกับลักกี้ได้ก็คงจะไม่มีใครเชื่อ
ทว่าหมอเมษกลับยิ้มเฉย เขาเข้าใจดีว่าเป็นธรรมดาที่เจ้าของจะเข้าใจความคิดหรือความรู้สึกของสัตว์เลี้ยงจากพฤติกรรมของมัน
“แต่ยังไงคราวหลังต้องคอยระวังหน่อยนะครับ เพราะกระดูกอาจจะแทงเหงือก ครูดบาดช่องทางเดินอาหาร กระเพาะหรือลำไส้ ทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้” หมอเมษเตือน
คิวปิดสาวนิ่วหน้า นึกถึงวัตถุดิบที่รักษิยาชอบใช้ทำอาหาร “กระเพาะเหมือนกระเพราหรือเปล่าคะ”
คราวนี้เป็นหมอเมษและมายาที่เป็นฝ่ายนิ่วหน้าแปลกใจกับคำถามของหญิงสาว และหล่อนก็ขยับปากทำท่าคล้ายจะถามอะไรอีก รักษิตจึงโอบไหล่ของเซเลน่าเขย่าพร้อมแสร้งยิ้มขำ “เล่นมุขอีกแล้วนะเอแคร์”
มายาอมยิ้มขณะมองหญิงสาวชื่อเอแคร์...ผู้หญิงคนนี้เองที่สาวน้อยสาวใหญ่ทั้งหมู่บ้านอิจฉา ข่าวบ้านครอบครัว “รัก” มีผู้หญิงหน้าตาสะสวยอาศัยอยู่ในบ้านกับรักษิตถูกพูดปากต่อปาก...ว่าสาวนิรนามผู้นั้นเป็นคนรักของรักษิต แม้พลอยชมพูจะพยายามแก้ข่าวว่าไม่เป็นความจริง ผู้หญิงคนนั้นเป็นเพียงผู้ที่รักษิยาขับรถชนจนเป็นโรคเอ๋อ รักษิยาจึงพามาดูแลที่บ้านระหว่างตามหาครอบครัวของหล่อน แต่จากท่าทางและดวงตาของเพื่อนบ้านหนุ่มยามมองหญิงสาวแล้ว มายามั่นใจว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนพิเศษสำหรับเขาอย่างแน่นอน
ความคิดของมายาถูกขัดด้วยเสียงหวานติดแหบนิดๆ ของดาลัด ก่อนร่างเพรียวในสภาพมอมแมม เศษกิ่งไม้ใบหญ้ายังติดผม จะจูงลักกี้ออกมาจากห้องตรวจ
“สวัสดีค่ะคุณดาลัด” เซเลน่าทักทาย จำได้ว่าผู้หญิงที่หน้าตาละม้ายคล้ายภูมิที่กำลังเดินมากับเจ้าลักกี้คืออดีตเป้าหมายฝ่ายหญิง
ทว่าอีกฝ่ายกลับมองมาด้วยแววตาสงสัย รักษิตจึงแนะนำ
“น้องดา นี่เอแคร์เพื่อนของยา”
ดาลัดพยักหน้า ผู้หญิงคนนี้คงเป็นคนที่ถูกรักษิยาขับรถชนจนความจำเสื่อม เพราะเคยได้ยินรักษิยาพูดถึง “สวัสดีค่ะคุณเอแคร์ ชื่อน่ารักดีจังเลยนะคะ”
“คุณน้องยาตั้งให้ค่ะ”
ดาลัดยิ้ม ก่อนหันไปหาพี่ชายของรักษิยา “ดาก็ว่าเจ้าลักกี้กระสับกระส่ายจะออกมาข้างนอกทำไม ที่แท้มันก็รู้ว่าพี่รักมาแล้วนี่เอง”
“ใครว่าล่ะขอรับ กระผมจะมาหาคุณคิวปิดต่างหาก” หลังจากหมอเมษเอากระดูกออกจากคอให้แล้ว ลักกี้ก็กลับไปซ่าเหมือนเดิม มันวิ่งกระดิกหางตรงไปหาเซเลน่า
“คุณคิวปิดๆๆ มานี่หน่อยเร็ว” เสียงของมันแหบนิดหน่อยเพราะบาดแผลจากคมกระดูก
“มีอะไรลักกี้”
“เหอะน่า มานี่เร็วๆ มีอะไรจะให้ดู” ลักกี้งับชายกระโปรงของคิวปิดสาวดึงลากไปด้านหนึ่ง
“จะไปไหนลักกี้” รักษิตถาม และขยับเท้าจะก้าวตาม
“ไม่ต้องให้นายรักตามไปขอรับ กระผมไม่อยากให้ดูเอิกเกริก” ลักกี้บอก
“คุณไม่ต้องตามไปหรอกค่ะ เดี๋ยวฉันกับลักกี้มาค่ะ” ทำตามคำสั่งของผู้ช่วยสี่ขาแล้วเดินตามมันออกไปทางประตูข้างที่ออกสู่สระว่ายน้ำสำหรับสัตว์เลี้ยง พอดีกับที่มีลูกค้าคนใหม่พาแมวเปอร์เซียเข้ามาในร้าน มายาจึงเลี่ยงไปต้อนรับ ส่วนหมอเมษก็ไปจ่ายยาให้ลักกี้ จึงเหลือแค่รักษิตและดาลัด
“พี่รักรู้ได้ยังไงคะว่าเราอยู่ที่นี่” ดาลัดเป็นฝ่ายเอ่ยถาม
“พงษ์โทรไปบอกพี่” ชายหนุ่มตอบ มองสภาพหญิงสาวตรงหน้าอย่างแปลกใจ “น้องดาทำอะไรมาครับถึงได้เป็นอย่างนี้”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขณะที่รักษิตพาดาลัดไปนั่งพักในส่วนรับรองของร้าน เพื่อฟังดาลัดเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่นั้น ลักกี้ก็เดินนำคิวปิดสาวมาหยุดยืนหน้ากระจกใส ภายนอกเป็นสระว่ายน้ำสำหรับสัตว์เลี้ยงที่สามารถมองเห็นได้จากห้องตรวจ
“นั่นไงคุณคิวปิด น้องสายไหม” ลักกี้ยกขาหน้าชี้ไปยังสุนัขพันธ์ปอมปอมเปอเรเนียนสีขาวตัวเล็กน่ารักกำลังแหวกว่ายน้ำอยู่ในสระน้ำสีฟ้า โดยมีผู้ชายใส่เสื้อฮาวายมีลายฝ่าเท้าสุนัขเช่นเดียวกับมายาคอยโยนลูกบอลลงไปในน้ำเพื่อให้เจ้าปอมปอมว่ายตามไปเก็บ
“น่ารักดี” คำชมของเซเลน่าทำเอาเจ้าลักกี้หัวเราะคิกคักและยิ้มกว้างจนเห็นฟันครบทุกซี่
“บ้าๆๆ คุณคิวปิดอะ พูดไรไม่รู้ กระผมเขินนะ”
“เขินทำไม ฉันชมน้องสายไหมไม่ได้ชมนาย”
“แหมๆๆ คุณคิวปิดชมน้องสายไหมว่าน่ารักก็เท่ากับชมว่ากระผมตาถึงนั่นแหละขอรับ ดูสิ...หมาอะไรก็ไม่รู้ ขนาดอยู่ในน้ำยังน่ารักเลยอะ”
ลักกี้มองน้องสายไหมด้วยดวงตาเป็นประกายวาววับ ถึงมันจะเคยพบน้องสายไหมแค่ไม่กี่ครั้ง ยังไม่เคยได้พูดคุยด้วยสักคำ แต่สุนัขตัวเล็กขนสีขาวฟูฟ่องก็เข้าไปอยู่ในหัวใจของลักกี้เรียบร้อยแล้ว...ลักกี้ค่อยๆ ยกขาหน้าขึ้นแตะกระจกซ้ำอีกครั้ง ดวงตาของมันจับจ้องอยู่ที่ร่างเล็กในน้ำอย่างไม่วางตาราวกับปรารถนาจะได้เข้าใกล้หล่อนสักครั้ง
“ฉันไปบอกให้นะว่านายแอบชอบอยู่” คิวปิดสาวเสนอแล้วมองหาประตูทางออกสู่สระว่ายน้ำ แต่ลักกี้กัดชายกระโปรงห้าม
“ไม่เอาขอรับ”
“ทำไมละ”
“ถ้าน้องสายไหมจะรู้ความในใจของกระผม กระผมอยากพูดด้วยตัวเอง ไม่ใช่รู้จากปากของคนอื่นและอยากให้มันอยู่ในบรรยากาศที่วิเศษที่สุด” มันเอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่ง สุขุม ปั้นหน้าหล่อสุดชีวิตประหนึ่งพระเอกในละคร พร้อมหันไปมอง “นางเอก” ด้วยประกายตาวับวาว
พลันดวงตาก็เบิกโพลง เมื่อเห็นสุนัขพันธุ์ชเนาเซอร์สีดำแสมขาว หนวดเหนือริมฝีปากยาว เด็กชายที่วิ่งมาด้วยจึงเรียก “อยากเล่นน้ำก็ลงไปเลยฮะลุงหนวด”
แล้ว ‘ลุงหนวด’ ก็กระโจนลงไปเล่นน้ำในสระกับน้องสายไหม !
ลักกี้อึ้ง อยากจะกระโจนทะลุกระจกเข้าไปกัดหูเจ้าหนวดยาวที่บังอาจมายุ่งกับน้องสายไหม แต่แล้วลักกี้ก็รู้สึกเหมือนหัวใจพังทลายเป็นผุยผง เมื่อเห็นน้องสายไหมเป็นฝ่ายว่ายน้ำเข้าไปคลอเคลียเจ้าหนวดยาว...ที่แท้มันต่างหากที่เป็นฝ่ายไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งกับน้องสายไหม
“เป็นอะไรไปล่ะลักกี้” เซเลน่าถามเมื่อเห็นลักกี้เงียบไป
“กระผมจะเป็นอะไรได้ นอกจากเป็นหมาที่ไม่มีใครรัก” มันประชดด้วยเสียงเศร้า “ไปกันเถอะครับคุณคิวปิด เดี๋ยวนายรักจะเป็นห่วง”
ว่าแล้วก็เป็นฝ่ายเดินนำคิวปิดสาวกลับออกไป โดยไม่หันกลับไปมองภาพบาดตาให้บาดใจอีกเลย
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวใจของลักกี้ถูกทำลายพร้อมๆ กับที่ดาลัดเล่าสาเหตุสภาพมอมแมมให้รักษิตฟังจบ
“ฮึ่ย...ดาเลยไม่รู้จะโกรธใครดีกว่ากันระหว่างป้าแหววกับนายพงษ์ที่ไม่บอกสักคำว่าฝากกุญแจบ้านไว้ที่ป้าแหวว” ดาลัดกอดอก ทำกระฟัดกระเฟียดอย่างไม่จริงจังนัก
“พงษ์เขาไม่ค่อยกลับบ้านก็เลยไม่รู้ว่าพี่ฝากกุญแจสำรองไว้ที่ป้าแหววเผื่อมีอะไรฉุกเฉิน”
“พี่รักไม่กลัวป้าแกจะงัดบ้านพี่รักเหรอคะ” ดาลัดถามตรงไปตรงมา “ตอนอยู่อังกฤษ เพื่อนสนิทของดาที่เคยพักอยู่ห้องเดียวกันยังแอบเข้ามางัดห้อง ขโมยของไปเลยค่ะ” ประสบการณ์เลวร้ายของชีวิตทำให้หญิงสาวกลายเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย ไม่ค่อยไว้ใจใคร
“ไม่หรอกครับ ป้าแหววแกไว้ใจได้ แล้วอีกอย่าง บ้านพี่ก็ไม่มีอะไรให้ขโมยด้วย” ชายหนุ่มบอกติดตลก “ยังไงพี่ก็ต้องขอบคุณน้องดาเรื่องลักกี้มากนะ ดูสิน้องดาเลยต้องเจ็บตัวเลย แน่ใจนะว่าไม่เป็นอะไร ให้พี่พาไปหาหมอดีกว่าไหม โรงพยาบาลอยู่แค่นี้เอง”
“ดาไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะ” หญิงสาวปฏิเสธ ก่อนนึกได้ “แต่ถ้าพี่รักอยากตอบแทนดาเรื่องลักกี้ล่ะก็ ดามีเรื่องอยากจะให้พี่รักช่วยค่ะ”
“เอาสิ ว่ามาเลย”
“คือดากับเพื่อนกำลังจะหุ้นกันทำนิตยสารวัยรุ่นน่ะค่ะ ดาก็เลยอยากขอให้พี่รักไปช่วยวาดการ์ตูนประกอบให้ ส่วนเรื่องค่าจ้าง พี่รักเรียกมาได้เลยนะคะ ดากับเพื่อนยินดีจ่าย”
“ดาจะทำนิตยสารแนวไหน” รักษิตถาม
“แนววัยรุ่นค่ะ แต่ดาจะแหวกแนว เป็นเนื้อหาที่เน้นเรื่องไทยๆ แทนเรื่องเกาหลีอย่างที่เล่มอื่นทำ เผื่อว่าจะช่วยทำให้วัยรุ่นหันมาสนใจอะไรไทยๆ บ้างค่ะ”
“ก็ดีนะ พี่เห็นด้วย แล้วนี่คุณลุงกับคุณป้ารู้เรื่องหรือยัง” รักษิตถามถึงพ่อแม่ของภูมิที่เป็นผู้อุปการะดาลัดตั้งแต่เด็ก
“ทราบแล้วค่ะ”
“แล้วท่านเห็นด้วยหรือเปล่า เพราะพี่เคยได้ยินภูมิพูดว่าถ้าดาเรียนจบจะให้ไปช่วยงานที่บริษัทไม่ใช่เหรอ”
“คุณลุงคุณป้าท่านก็ไม่ได้ห้ามหรอกค่ะ ท่านเห็นว่าดาอยากหาประสบการณ์ก็เลยตามใจดา ตอนแรกคุณลุงคุณป้าก็จะให้เงินมาทำทุน แต่ดาไม่เอา ดาเกรงใจและอีกอย่างดาก็อยากทำอะไรด้วยตัวเองจริงๆ สักครั้ง ดาก็เลยเอาเงินเก็บที่มีอยู่มาทำกันเองเล็กๆ ไปก่อน แล้วถ้าเกิดว่าไปได้ด้วยดีใครขยับขยายกัน”
รักษิตชื่นชมในความคิดดีๆ ของหญิงสาว ถึงจะเกิดมาในครอบครัวเศรษฐีที่มีทรัพย์สมบัติมากมายชนิดที่เรียกว่ากินใช้ไปทั้งชาติก็ไม่หมด แต่ก็ไม่ได้ทำให้ดาลัดนั่งงอมืองอเท้า หยุดใช้ความคิดความสามารถที่มีอยู่อย่างล้นเหลือสร้างสิ่งดีๆ ให้ตัวเอง และเขาก็น่าจะพอแบ่งเวลาจากงานที่เพิ่งได้รับอนุมัติมาสดๆ ร้อนๆ มาช่วยสนับสนุนความคิดดีๆ ของหญิงสาว จึงตัดสินใจบอกไปว่า
“งั้นเอาอย่างนี้ ห้าเดือนแรกพี่จะวาดให้ดาฟรีๆ เลย และถ้าเกิดว่านิตยสารไปได้ดี ดาค่อยจ้างพี่”
“ไม่เอาหรอกค่ะ ดาเกรงใจพี่รัก พี่รักคิดค่าจ้างดาเถอะนะคะ”
“ถ้าเกรงใจพี่ก็ตั้งใจทำงานแล้วกัน จะได้ขายดีๆ พอถึงเดือนที่หกเมื่อไหร่ รับรองว่าพี่ไม่ลดให้สักบาทแน่”
คราวนี้เป็นฝ่ายหญิงสาวที่มองชายหนุ่มด้วยแววตาชื่นชม ก่อนจะตอบตกลงอย่างเสียไม่ได้ แล้วทั้งสองก็สนทนากันต่อเรื่องรายละเอียดคร่าวๆ ของนิตยสารระหว่างรอเซเลน่าและลักกี้กลับมา ทว่าไอเดียสร้างสรรค์ของดาลัดทำให้รักษิตฟังเพลินเลยไม่ทันเห็นเซเลน่าและลักกี้เดินกลับมาตรงหน้าเคาน์เตอร์แล้ว
“คุณรักอยู่ด้านโน้นค่ะ” มายาบอกเมื่อเห็น ‘หญิงสาวที่ตกเป็นข่าว’ จูงลักกี้เข้ามาแล้วยืนกวาดไปทั่วร้าน พร้อมกับชี้ไปทางม้านั่งด้านนอก
ภาพรักษิตและดาลัดนั่งคุยกันด้วยท่าทางสนิทสนม ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลากับหญิงสาวที่แม้จะไม่ได้สวยจัดแต่ดูเก๋ไก๋ มีเสน่ห์น่ามอง อีกไม่นานทั้งสองก็จะเป็นคู่รักที่เหมาะสมกับเหลือเกิน...เซเลน่าบอกตัวเองเช่นนั้น แต่ทว่าทำไมใจกลับรู้สึกหวิวๆ อย่างประหลาด
“คุณคิวปิดรอกระผมตรงนี้นะขอรับ ประเดี๋ยวกระผมเข้าไปหาน้องเปียกปูนในห้องตัดขนแปบ” น้ำเสียงของลักกี้ขัดความคิดของหญิงสาว
“น้องเปียกปูน ?” หล่อนสงสัย
“สุดที่รักตัวใหม่ของกระผม” ลักกี้พูดถึงสุนัขพันธ์พุดเดิ้ลสีดำสนิทซึ่งรู้จักกันมานานด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ไม่ได้มีท่าทางเขินอายอย่างเวลาพูดถึงน้องสายไหมเลย
“อ้าว...ไม่รักน้องสายไหมแล้วเหรอ” คิดว่าแค่มนุษย์เท่านั้นที่เปลี่ยนใจเร็ว ที่แท้โรคนี้ติดต่อถึงสิ่งมีชีวิตทุกอย่างบนโลกเลยหรือนี่
ดวงตาเล็กดำมีน้ำตาเอ่อคลอ ขณะเอ่ย “รักสิขอรับ แต่ทำยังไงได้ในเมื่อน้องสายไหมมีเจ้าของแล้ว กระผมไม่อยากเป็นมือที่สามไปแย่งความรักของตัวอื่น แต่กระผมก็ไม่อยากให้ความเจ็บปวดกร่อนกัดหัวใจจนพังยับเยิน กระผมถึงต้องรีบหาใครสักตัวมาช่วยรักษาแผลใจ เผื่อจะลืมน้องสายไหมได้ง่ายขึ้น”
ไม่ยักรู้ว่าพวกสิ่งมีชีวิตบนโลกมีวิธีลืมความรักด้วยการพยายามรักคนใหม่...คิวปิดสาวนึกในใจ ก่อนดวงตากลมจะเบิกโพลง ความคิดบางอย่างได้จุดประกายขึ้น !
***********************************************

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ส.ค. 2554, 01:18:54 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ส.ค. 2554, 01:18:54 น.
จำนวนการเข้าชม : 1410
<< ตอน 16 | ตอน 18 >> |