หัวใจลายกระต่าย (รอลงต่อนะคะ)
ถ้าหัวใจคือดวงจันทร์ที่ไม่มีแสงสว่างในตัวเอง
ความรักก็คงเหมือนดวงอาทิตย์ที่ทำให้ดวงจันทร์สว่างไสว
หัวใจที่ได้รับความรักจากเธอก็เช่นกัน

เธอเห็นความรักของฉันใช่ไหม?
Tags: หัวใจ กระต่าย ปิ่นนลิน รัก คุณหมอ

ตอน: ตอนที่ 4 - 100%

ตอนที่ 4 - 100%


ณ สนามบินสุวรรณภูมิเวลาเกือบสองทุ่ม ทินกฤตเดินตรงไปยังจุดนัดหมาย เพื่อรอรับผู้โดยสารขาเข้าประเทศ ระหว่างทางเขาถูกผู้หญิงที่เดินสวนชนอย่างแรง อีกฝ่ายคงมัวแต่ก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์มือถือเลยไม่ได้มองทาง ท่ามกลางคนมากมาย ถึงไม่ชนเขาก็คงได้ชนคนอื่น ทินกฤตถอนหายใจกับคนไม่รู้จักระมัดระวัง

“ขอโทษค่ะ” เธอบอกอย่างตกใจปนรู้สึกผิดหลังจากได้ยินเสียงถอนหายใจของร่างสูง พาสปอร์ตของหญิงสาวหล่นพื้น เธอกำลังจะก้มลงเก็บถ้าไม่เห็นร่างสูงเงยหน้ามองเธอก่อน

คงเพราะเสียงคุ้นหู ทินกฤตชะงักการก้มตัวเก็บพาสปอร์ตให้ เขาเงยหน้ามองเจ้าของเสียงคุ้นหู พอได้สบตากลมของผู้หญิงใบหน้าขาวก็ตกใจ เลือดในตัวของเขาแทบจะกลายเป็นน้ำแข็ง หัวใจก็เกือบหยุดเต้น ทินกฤตขยับปาก เกือบหลุดเรียกชื่ออีกฝ่าย หากเขากลับปิดริมฝีปากแน่น กลืนความขื่นขมลงคอแทน ดวงตาคมกร้าวและเฉยชาใส่ ชีวิตของเขาต้องพังจนถึงทุกวันนี้ก็เพราะคนตรงหน้า!

ดูเหมือน ‘เธอ’ เองก็ตกใจไม่แพ้เขา วงหน้าขาวที่ราวกับหยุดเวลาไม่ให้ล่วงเลยตามอายุนั้นถอดสี ดวงตากลมที่ทินกฤตชอบมองเป็นที่สุดเบิกกว้าง ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูก

หลังจากสบตากันอยู่นาน ทินกฤตก็เป็นฝ่ายขยับตัวก่อน เขาก้มลงหยิบพาสปอร์ตส่งคืนเจ้าของ โดยอดไม่ได้ที่จะมองหน้าเธออีกครั้ง หากก็แค่มองแล้วหมุนกายเดินจากไปเฉยๆ ทินกฤตไม่คิดจะทักทาย มันไม่มีประโยชน์อะไรกับการถามไถ่เหตุหลคนใจคออำมหิตตรงหน้าเขาอีก

ทิ้งให้คนที่ยืนตัวแข็งไม่ต่างจากการถูกสาปนั้นถือพาสปอร์ตด้วยใจชาๆ เธอคงล้มทั้งยืนถ้าไม่ถูกปลุกด้วยเสียงใสๆ จากแก้วตาดวงใจของเธอ

“แม่ขา แม่!”

แต่เสียงเรียกชื่อตนจากด้านหลังก็ปลุกเธอตื่นจากภวังค์ความเจ็บปวดคล้ายถูกกรีดหัวใจ หันไปทางต้นเสียง เห็นลูกสาวกับน้องชายกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาหาก็รีบยิ้มพร้อมอ้าแขนออกรับอ้อมกอดจากลูกสาว

“กระต่ายคิดถึงแม่จังเลยค่า”

มาสิณีอมยิ้ม ทั้งลูบทั้งหอมศีรษะลูกสาว เธอเองก็ไม่ต่างจากคนในอ้อมแขนนักหรอก

“แม่ก็คิดถึงหนูนะ กระต่าย” ยิ่งเจอทินกฤตอย่างไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีก ท่าทางเย็นชาราวกับคนแปลกหน้า มาสิณียิ่งกอดลูกสาวแน่นกว่าเดิมเพื่อซ่อนน้ำตาที่ค่อยๆ รื้นขึ้นมา เช่นเดียวกับอดีตที่ไม่เคยจางไปกับเวลาเลย แม้เธอพยายามฝังไว้ในใจมานานถึงยี่สิบเอ็ดปี เธอเข้าใจทินกฤตดี ไม่แปลกหรอกถ้าทินกฤตจะเกลียดเธอ



“คุณทินครับ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” บวรถามเจ้านายเบาะหลัง ที่นั่งเงียบมาตลอดทางจากร้านอาหารจนเกือบถึงบ้านพักแล้ว เขากับเจ้านายเพิ่งกลับจากเลี้ยงอาหารเย็นคู่ค้าทางธุรกิจ

“เปล่าครับ … คุณบวร ช่วยสืบอะไรให้ผมหน่อยสิ” ทินกฤตสั่งงานลูกน้องคนสนิท ทั้งที่ยังมองออกไปนอกกระจกรถ

“อะไรหรือครับ” บวรแปลกใจ ปกติทินกฤตไม่ใช่คนอยากรู้หรือจะสั่งให้เขาสืบ คุ้ย แคะ เรื่องคนอื่นมาก่อน

“คุณช่วยสืบให้ทีว่าตอนนี้ ผู้หญิงชื่อ มาสิณี เมฆอรกานต์ ทำอะไรอยู่”
ทินกฤตอยากโมโหที่ตัวเองตาไว เห็นชื่อจากป้ายห้อยกระเป๋าเดินทาง เขาไม่ได้ตั้งใจจะจำชื่อใหม่ของศมน แต่ดันเห็นแล้วติดตาติดใจสงสัย แม้จะพยายามไม่ใส่ใจทว่าก็อยากรู้จนอยู่เฉยไม่ไหว

“ครับคุณทิน” บวรสบตาผู้เป็นนายผ่านกระจกมองหลัง ทินกฤตยังให้ข้อมูลเพิ่มอีกว่า

“ชื่อนามสกุลเดิมคือ ศมน จิระสุภารัตน์ นะครับ”

จาก ศมน เป็น มาสิณี งั้นหรือ หึ! มิน่าแม้ทินกฤตจะพยายามตามหาอดีตคนรักวัยหวานเท่าไหร่ ก็หาไม่เจอ ที่แท้ศมนก็เปลี่ยนชื่อและนามสกุลใหม่เป็น มาสิณี เมฆอรกานต์ นี่เอง!

ทินกฤตสงสัยถึงขั้นว่าสาเหตุการเปลี่ยนนามสกุล อาจจะเพราะแต่งงานแล้วก็ได้ พอคาดเดาเหตุผลนี้ ทินกฤตก็ยิ่งโมโหที่ตัวเองยังฝังใจ ไม่สามารถรักใครคนใหม่ได้เลย

ผิดกับอดีตคนรักที่ทิ้งอดีตจนเริ่มต้นใหม่กับคนอื่น เธอคงลืมเขาไปหมดแล้ว ลืมความรัก และลืมลูกที่เธอฆ่าด้วย!

คนคิดหลับตาลงอย่างเจ็บปวด เขาก็อยากเริ่มต้นใหม่กับใครสักคนเช่นกัน อยากจะมีความสุขเหมือนคนอื่นเสียที



เกือบเที่ยงคืนคนึงมาสผงกหัวขึ้นจากหมอน เห็นมารดาหลับสนิทเพราะเหนื่อยจากการเดินทาง และกินยาแก้แพ้อากาศด้วย เธอค่อยๆ ย่องลงจากเตียง

มาสิณีตัดสินใจค้างสองคืน ก่อนจะกลับบ้านตอนเย็นวันอาทิตย์เพื่อจะได้อยู่กับลูกสาวให้เต็มที่ก่อนกลับไปทำงาน

คนึงมาสเปิดปิดประตูห้องนอนเสียงเบากริบ เดินผ่านห้องน้าชายได้ยินเสียงเพลงดัง คาดเดาว่าศิลาคงยังไม่หลับ ส่วนณฐาเธอไม่รู้ว่าเขาหลับไปหรือยัง เพราห้องของณฐาเงียบสนิทเลย

ชั้นล่างซึ่งปิดไฟมืดทั้งบ้าน หญิงสาวในเสื้อนอนแบบติดกระดุมหน้า กางเกงขายาวเปิดไฟห้องครัว เดินไปหยุดหน้าตู้เย็น โชคดีที่เธอซื้อผักซื้อไข่ติดบ้านไว้บ้างเลยช่วยชีวิตให้ผ่านคืนหิวโซคืนนี้ไปได้

จุดต่อไปคือตู้กับข้าว เธอเปิดประตูตู้ เห็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยังอยู่ดีก็ดีใจยิ้มกว้าง คนึงมาสต้องซ่อนบะหมี่พวกนี้ไม่ให้น้าชายเห็น ตอนอยู่บ้านเวลาต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกินทีไรโดนทั้งลุงและน้าชายดุทุกครั้งว่ากินอะไรไม่มีประโยชน์ เวลาจะกินเลยต้องแอบๆ แบบนี้ เธอจัดการเตรียมน้ำใส่หม้อ ตอนจะยกไปยังเตาแก๊สนั่นเอง อยู่ดีๆ เสียงณฐาก็ดังจากด้านหลัง

“กระต่ายทำอะไรน่ะ”

“ว้าย! ตกใจหมดเลย!” คนึงมาสร้อง เธอเกือบทำหม้อต้มหลุดมือ โชคดีเธอวางบนเตาได้ทัน ก่อนจะค่อยๆ หันไปมองเจ้าของเสียงด้านหลัง

“คือ ต้มบะหมี่ค่ะ กระต่ายหิวค่ะ” เธอตอบเสียงอ่อย กลัวว่าณฐาจะดุเธออีกคน “น้าณัฐลงมาเอาอะไรหรือคะ”

“บะหมี่นั่นมีอีกไหม” ณฐาเดินเข้ามาใกล้ ตามองซองบะหมี่รสต้มยำบนเคาน์เตอร์แล้วปรายตามองคนตัวเล็กต่อ

“มีอีกในตู้ค่ะ น้าณัฐจะกินด้วยหรือคะ หรือว่าน้าณัฐยังไม่ได้กินข้าวเย็น” คนึงมาสตกใจเมื่อเขาพยักหน้า

“ยังไม่ได้กินอะไร ผ่าตัดเสร็จทีไรผมกินข้าวไม่ลงทุกที” ณฐาตอบ ตอนแรกก็ว่าจะลงมาดื่มนมแล้วข่มตาหลับ แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจละ “กระต่ายต้มเผื่อผมด้วยได้ไหม”

“ได้สิคะ น้าณัฐไปนั่งรอไหมคะ” คนึงมาสเดินไปหยิบบะหมี่อีกซอง

“ไม่เอาอะ ผมอยู่ตรงนี้แหละ” ณฐายืนกอดอกพิงเคาน์เตอร์ครัวมองหญิงสาวต้มบะหมี่ ยามมีคนึงมาสอยู่สายตา แววตาเขาอ่อนโยนอย่างไม่รู้สึกตัวเลย ณฐาเห็นเธอต้มบะหมี่พร้อมกับสองซอง และกำลังจะเทเครื่องปรุงสองชุดเช่นกัน ณฐาก้าวเท้าไปยืนซ้อนด้านหลังหญิงสาว จับมือเล็กไว้ เพื่อไม่ให้เธอเทเครื่องปรุงลงไปอีกชุด

“ใส่เครื่องปรุงชุดเดียวก็พอ ผมว่าถ้าใส่หมดมันจะเค็มไปนะ”

คนึงมาสตาโตตกใจ ไม่คิดว่าเขาจะมายืนด้านหลังเธอชิดขนาดนี้ มือเธอสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ และหัวใจก็เต้นโครมครมแทบไม่มีแรงยืน เสียงของณฐาดังใกล้เธอมาก กลิ่นหอมสบู่จากร่างสูงสั่นคลอนความรู้สึกเธอจนทำอะไรไม่ถูก

“แต่มันจะจืดไปนะคะ” คนึงมาสออกความเห็น เธอไม่กล้าเหลียวสบตาคนด้านหลังหรอก

“กินจืดหน่อยปลอดภัยกว่านะ ผงชูรสทั้งนั้น” ณฐาดึงซองเครื่องปรุงออกจากมือเล็ก แล้วจับหญิงสาวไปยืนข้างๆ เขาเป็นคนจัดการใส่ผักบุ้ง ตอกไข่ใส่หม้อสองใบ

“ใส่น้ำตาลได้ไหมคะ” คนึงมาสหยิบกระปุกน้ำตาลขึ้นมา ณฐาส่ายหน้า

“ต้มบะหมี่แบบนี้เขาใส่น้ำตาลกันด้วยหรือ” ณฐาขมวดคิ้วถามกลับ

“กระต่ายใส่ค่ะ ใส่พริกป่นเพิ่มด้วย แล้วก็น้ำปลา มะนาวก็ใส่ค่ะ” เธอเล่าไปเรื่อย คนึงมาสติดอาหารรสจัด กินเผ็ดค่อนข้างเก่ง

“ลองชิมดูก่อนค่อยปรุงดีไหม” ณฐาจัดการปิดเตาแก๊ส แบ่งบะหมี่จากหม้อเป็นสองชาม คนึงมาสได้แต่เดินถือกระปุกน้ำตาลและไม่ยืมหยิบเครื่องปรุงบะหมี่ตามร่างสูงที่ยกชามบะหมี่ไปวางให้ที่โต๊ะกินข้าว

แต่การส่ายหน้าไปมาไม่อนุญาตให้ปรุงเพิ่มของณฐา ก็ทำให้คนึงมาสต้องวางเครื่องปรุงลงอย่างจ๋อยๆ เธอสูดเส้นบะหมี่ใส่ปากเคี้ยวหยับๆ บ่นว่าจืด

ณฐาหลุดยิ้มเอ็นดูคนหน้าบึ้ง ทำให้เธองอนเขาอีกแล้ว หากณฐาก็หยุดยิ้มไม่ได้

“กระต่าย” ณฐาเรียกชื่อ คนหน้าบึ้งเงยหน้าจากชามบะหมี่ ก็ได้ยินคำพูดต่อมา “กระต่ายน่ารักดีนะ”

“คะ!?” คนึงมาสถึงกับบะหมี่ติดคอ เธอรีบวิ่งไปดื่มน้ำในครัว และเมื่อกลับมานั่งโต๊ะฝั่งตรงข้ามชายหนุ่มที่เกือบฆ่าเธอด้วยคำชม ณฐาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาบอกให้เธอจัดการบะหมี่ในชามให้หมดจะได้ขึ้นนอน แล้วก้มหน้าก้มตาคีบเส้นบะหมี่ใสปากรัวเร็วกว่าเดิม เหมือนหิวโซมานาน

คนึงมาสได้แต่แปลกใจ ก่อนจะกินบะหมี่ต่อ เธอรู้สึกว่าบะหมี่ที่เคยจืดนั้นหวานโดยไม่ต้องปรุงเพิ่มเลย


จบตอน



นิยายมาแล้วค่า
อยู่ๆ น่าณัฐก็ชมกระต่ายเฉย ยังไงกันน้า ฮ่าๆ
ขอบอกว่าเดี๋ยวมีอาการหลงเด็กเกิดขึ้นแน่นนอนนนน

คุณแว่นใส - น้าหินกับคุณแพรยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันอยู่ค่า รอสปาร์คกันก่อนน้า

พบกันใหม่ตอนหน้าค่า
พูดคุย ทักทายกันได้น้า
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านมากๆ ค่ะ ^_^



ปิ่นนลิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ก.พ. 2560, 01:04:18 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ก.พ. 2560, 01:04:18 น.

จำนวนการเข้าชม : 1029





<< ตอนที่ 4 - 70%   ตอนที่ 5 - 35% >>
แว่นใส 13 ก.พ. 2560, 09:19:34 น.
คุณพ่อจะสืบรู้ความจริงไหมนะ


kaelek 13 ก.พ. 2560, 12:59:32 น.
ง่ะ!!! แอบมาดินเนอร์มาม่ากันสองคน เดี๋ยวจะฟ้องน้าหิน อิอิ


Zephyr 27 มี.ค. 2560, 01:21:53 น.
มีหยอดๆๆๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account