หัวใจลายกระต่าย (รอลงต่อนะคะ)
ถ้าหัวใจคือดวงจันทร์ที่ไม่มีแสงสว่างในตัวเอง
ความรักก็คงเหมือนดวงอาทิตย์ที่ทำให้ดวงจันทร์สว่างไสว
หัวใจที่ได้รับความรักจากเธอก็เช่นกัน
เธอเห็นความรักของฉันใช่ไหม?
ความรักก็คงเหมือนดวงอาทิตย์ที่ทำให้ดวงจันทร์สว่างไสว
หัวใจที่ได้รับความรักจากเธอก็เช่นกัน
เธอเห็นความรักของฉันใช่ไหม?
Tags: หัวใจ กระต่าย ปิ่นนลิน รัก คุณหมอ
ตอน: ตอนที่ 5 - 70%
ตอนที่ 5 - 70%
สองแม่ลูกมาเลือกซื้อเสื้อผ้าและเครื่องสำอางกันที่ห้างสรรพสินค้าใหญ่ใจกลางเมือง ตอนแรกณฐาก็ว่าจะแค่มาส่ง แต่เขาก็ว่างทั้งวันเลยเดินเล่นเป็นเพื่อนสองแม่ลูกเสียเลย
พอเดินจนเมื่อยขา ก็พากันมานั่งพักภายในร้านกาแฟ มาสิณีเสนอเลี้ยงกาแฟตอบแทนที่ณฐาอำนวยความสะดวกให้เธอกับลูก
“ณัฐเดินตามพี่กับกระต่ายแบบนี้ไม่เบื่อหรือจ๊ะ” มาสิณีถามคนที่เดินหิ้วถุงเสื้อผ้าตามหลังเข้าร้านนู้นออกร้านนี้ ณฐาไม่แสดงท่าทางเบื่อหน่ายออกมาอย่างศิลาเลย ถ้าเป็นรายนั้นนี่บ่นตั้งแต่เข้าร้านแรกแล้วล่ะ
“ไม่ครับ เวลาแม่กับน้องสาวผมเข้ากรุงเทพฯ ก็ชอบมาช้อปปิ้ง ผมเดินตามจนชินแล้ว” ณฐาตอบตามความจริง ถึงณฐาจะเป็นคนดูนิ่งๆ เฉยๆ หากกับคนสำคัญ เขาจะยอมทำให้ทุกอย่างโดยไม่ปริปากบ่นเลยสักคำ ซ้ำยังมีความสุขเวลาได้เอาใจคนสำคัญของเขาด้วย
เช่นเวลานี้ เขารับเอาผู้หญิงแถวนี้เป็นคนสำคัญไปแล้ว ณฐาไม่รู้ว่าเขารู้สึกแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
“ดีจังเลย ถ้าเป็นหินนะ คงบ่นจนพี่ไล่กลับบ้านไปแล้วล่ะ” มาสิณีเล่าพลางหัวเราะ ก่อนจะนึกบางเรื่องได้ “จริงสิ แม่ได้ยินลูกเรียกณัฐว่าน้าหรือ”
“ก็เรียกแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ แล้วนี่คะ เพื่อนน้าหิน กระต่ายก็ต้องเรียกว่าน้าณัฐนี่คะ” คนึงมาสตอบ งุนงงว่าเธอเรียกณฐาผิดงั้นหรือ
ณฐาเองก็สงสัยเช่นกัน
“ดูแก่ไปนะ เรียกพี่ก็พอมั้ง ต่อไปนี้เรียกณัฐว่าพี่ณัฐเถอะนะ”
“แต่ว่า…”
มาสิณีไม่ยอมฟัง หันไปรับโทรศัพท์มือถือพูดคุยกับเพื่อนแทน คนึงมาสเห็นณฐายิ้มๆ ไม่ได้ท้กท้วง เธอเลยก้มหน้าดื่มกาแฟปั่นเงียบๆ ไมได้พูดอะไรออกมาอีก รู้สึกเกร็งๆ เพราะชายหนุ่มคนเดียวก็เอาแต่มองเธอไม่วางตา กระทั่งมาสิณีวางสายโทรศัพท์
“กระต่าย แม่แยกไปเจอเพื่อนหน่อยน่ะลูก ลูกกลับกับพี่ณัฐเขานะ”
“ทำไมปุบปับจังละคะแม่” คนึงมาสทักท้วงเสียงงอแง อยู่ๆ แม่ก็จะทิ้งเธอไปหาเพื่อนเฉยเลย
“แม่อยากเจอเพื่อนนี่นา กระต่าย ให้แม่ไปเจอเพื่อนหน่อยนะ ไม่ได้เจอกันมาตั้งแต่แม่ย้ายไปอยู่ภูเก็ตกับยายหนูแล้ว อย่าโกรธแม่นะคะ”
แม่มาอ้อนแบบนี้ คนึงมาสจะงอแงต่อได้อย่างไร
“ก็ได้ค่ะ แม่รีบกลับบ้านนะคะ”
“จ้า” มาสิณีจับมือลูกสาวหนึ่งทีก่อนจะเดินออกจากร้านกาแฟไป เหลือแค่คนึงมาสกับณฐาสองคน
“อยากเดินเล่นต่อไหม” ณฐาเอ่ยถาม น้ำเสียงทุ้มอาจจะราบเรียบ แต่แววตาที่มองไม่ได้เฉยเมยหรือไม่พอใจอย่างไร คนึงมาสนิ่งคิดครู่หนึ่งก็ถามชายหนุ่มกลับ
“ถ้ากระต่ายจะขอไปร้านหนังสือได้ไหมคะ”
“ได้สิ” ณฐายิ้มนิดๆ “ไปเลยไหม”
“ค่ะ”
เธอลุกจากโต๊ะ เดินเคียงศัลยแพทย์หนุ่มที่หิ้วถุงเสื้อผ้าออกจากร้านกาแฟ ตรงไปยังร้านหนังสือชั้นบน คนึงมาสแย่งถุงเครื่องสำอางมาถือเอง และไม่ยอมให้ณฐาช่วย เธอคงรู้สึกเกรงใจถ้าให้ณฐาถือให้ทุกอย่าง
“น้าณัฐไม่ชอบให้เรียกว่าน้าหรือเปล่าคะ” คนึงมาสเงยหน้าถามคนตัวสูงกว่า
“ผมไม่ได้ไม่ชอบอะไร หรือชอบอะไร จะเรียกอะไรก็ได้ ตามใจกระต่ายเถอะ” ณฐาตอบพลางไหวไหล่เบาๆ
“งั้นกระต่ายเรียกพี่ณัฐดีกว่านะคะ” เธอคิดว่าทำตามที่แม่แนะนำน่าจะดีกว่า แต่ความคิดของเธอก็สะดุด เพราะเงยหน้าไปเจอสายตา รวมถึงรอยยิ้มละมุนของณฐา เธอรีบหันไปดูร้านรวงรอบๆ แทน ด้วยกลัวหัวใจจะวายกับแววตาอ่อนโยนของคนข้างกาย
ณฐากำลังอารมณ์ดี เหมือนระยะทางระหว่างเขากับคนึงมาสค่อยๆ ย่นลงทีละนิด จากน้า มาเป็นพี่ ต่อไปก็เป็น …
“เฮ้ย!” ณฐาอุทานกับตัวเองอารามตกใจ พลันสั่นหัวไปมาเพื่อหยุดความคิดบ้าๆ มันจะเป็นแบบที่เขาคิดได้ยังไงเล่า!!
มาสิณีไม่เจอกับกนกอรเพื่อนร่วมห้องสมัยมัธยมปลายนานเท่าอายุของลูกสาว ช่วงก่อนมาสิณีจะไปเที่ยวยุโรป เธอได้เจอเพื่อนสมัยมัธยมปลายอีกคนไปพักโรงแรมที่เธอทำงานก่อนมาสิณีจะไปเที่ยวยุโรป มาสิณียอมให้เพื่อนเก่าแอดเพื่อนในเฟชบุ๊กกันไว้
กนกอรคงเป็นเพื่อนร่วมกันบนเฟชบุ๊ค และเห็นเธออัพรูปถ่ายคู่กับลูกสาวขึ้นเฟชบุ๊ควันนี้ ทำให้เพื่อนทักมาหาว่าอยากเจอกัน มาสิณีเองก็อยากอัพเดทเรื่องหลังจากเธอย้ายโรงเรียนเช่นกัน
“อร เธออยู่ไหน” มาสิณีในเดรสกระโปรงสั้นสีกรมเดินเข้าร้านกาแฟเอ่ยถามเพื่อนผ่านโทรศัพท์มือถือ กวาดสายตามองหากนกอรทั่วร้าน กนกอรตอบมาว่า
“ด้านในๆ หลังกระถางต้นไม้”
“จ้ะ เห็นละ” มาสิณีรีบเดินไปตามที่ได้ยิน แต่เธอกลับชะงัก เพราะคนที่นั่งโต๊ะด้านหลังกระถางต้นไม้ไม่ได้มีเพียงกนกอร แต่กลับมีผู้ชายอีกคน และทินกฤตนั่งร่วมโต๊ะเพื่อนเธอด้วย!
“พี่ทิน?” มาสิณีเบิกตากว้าง แม้ตัวจะสั่น มือจะเย็นไปหมด แต่สิ่งแรกที่เธอต้องทำก็คือการทำตัวไม่ให้ผิดปกติ เธอเห็นกนกอรลุกจากโต๊ะตรงมาจับมือเย็นเฉียบของเธอ รอยยิ้มของเพื่อนเก่าดูปกติ ไม่มีท่าทางว่าจงใจนัดเธอให้มาเจอกับอดีตคนรักวัยหวานอย่างทินกฤต
“แต ดีใจจังที่แตยอมมา” กนกอรพูดอย่างดีใจ สีหน้าแจ่มใส แล้วหันไปบอกสามีที่นั่งข้างๆ ทินกฤต
“พี่เอคะ เพื่อนอรมาแล้วค่ะ นี่กระแต เพื่อนร่วมรุ่นอรเอง” กนกอรแนะนำให้สามีได้รู้จักเพื่อนเก่า และทำเช่นเดียวกับทางมาสิณีด้วย
“แต พี่เอเป็นรุ่นพี่ตอนมอปลาย เป็นเพื่อนพี่ทิน เรากับพี่เอคบกันตอนมอหกหลังแตย้ายโรงเรียนไปน่ะ”
“อืม สวัสดีค่ะพี่เอ พี่เอจำแตได้ใช่ไหมคะ” มาสิณียิ้มให้อธิปัตย์
แม้อธิปัตย์จะโตเป็นผู้ใหญ่ เปลี่ยนทรงผม และท้วมขึ้นตามอายุที่เกือบสี่สิบปี แต่เค้าหน้าก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมาก เพราะตอนยังเรียนอยู่มัธยมปลายนั้น มาสิณีจำได้ว่าเคยเห็นหน้าอธิปัตย์เดินกับทินกฤตบ่อยๆ
ส่วนกนกอรไม่รู้เรื่องหรอกว่าเธอเคยคบกับทินกฤตหนุ่มป๊อบประจำโรงเรียน มาสิณีเก็บความรักไว้เงียบเพราะพ่อของเธอดุมาก
“สวัสดีครับ ชื่อกระแตเหรอ เอ๊ะ หรือว่า” อธิปัตย์ตาโต หน้าเริ่มซีด และหันมองเพื่อนข้างๆ
“ค่ะ” มาสิณีตอบสั้นๆ คิดว่าอธิปัตย์คงเข้าใจ
“หน้ากระแตนี่ยังเหมือนเดิมเลยนะ” อธิปัตย์ทำหน้าไม่ถูก เลยชมรุ่นน้องที่กาลเวลาทำอะไรเธอไม่ได้เลย หน้ายังหวาน ตัวยังเล็ก สวยสะพรั่งจนนึกเสียดายแทนเพื่อนที่เลิกรากันไป
“ขอบคุณนะคะพี่เอ … นี่อรจ๋า แตแวะมาหาอรได้แป๊บเดียวจริงๆ แตขอตัวก่อนนะ ไว้เราค่อยคุยกันทีหลัง” มาสิณีบอกเพื่อนอย่างรู้สึกผิด เธอยังไม่พร้อมจะนั่งร่วมโต๊ะกับทินกฤต ไม่ว่าจะเวลานี้หรือเวลาไหน
“นึกว่าจะได้นั่งคุยกันซะอีก” กนกอรทำหน้าเสียดาย
“ขอโทษทีนะ เราขอตัวก่อน บายจ้ะ สวัสดีนะคะพี่เอ” มาสิณียิ้มให้เพื่อนและสามีเพื่อน เธอปรายตาผ่านทินกฤตคล้ายเขาเป็นเพียงอากาศหรือสิ่งไม่มีชีวิต
ทินกฤตกำมือแน่นขณะมองจานชามบนโต๊ะแทนใบหน้าขาวของมาสิณี ได้ยินเสียงส้นสูงจากมาสิณีค่อยๆ แผ่วลง เขาคิดว่าจะอดทนได้ เขาจะต้องทำเป็นไม่สนใจผู้หญิงที่ฆ่าลูกได้ลงคอ ผู้หญิงใจร้ายแบบนั้นไม่มีค่าสำหรับเขา
แต่ว่าไม่เลย ทินกฤตเกือบแพ้ใจตัวเอง เกือบจะลุกตามมาสิณีไป เพียงแต่เขาหยุดตัวเองได้ทันเมื่อกนกอรถอนหายใจ และเริ่มเล่าให้สามีและเขาได้ฟังหลังจากมาสิณีออกไปจากร้าน มั่นใจว่าจะไม่ได้ยินที่กนกอรจะพูดต่อจากนี้
“ยัยแตย้ายโรงเรียนกะทันหันค่ะพี่เอ พ่อของกระแตล้มละลายเลยฆ่าตัวตาย ทำให้แม่ของกระแตต้องขายบ้าน หอบยัยแตและพี่น้องไปอยู่บ้านยายที่ภูเก็ต กระแตเองก็ย้ายโรงเรียนกะทันหัน ดูเหมือนจะต้องหยุดเรียนหนึ่งปีเพราะฐานะที่บ้านด้วยค่ะ โชคดีที่บ้านอีกหลังของแม่กระแตขายออกได้เงินดี เลยได้กลับมาเรียนอีกครั้ง ฐานะก็เลยดีขึ้น”
กนกอรเล่าไปก็สงสารเพื่อนไป
“ช่วงนั้นไม่มีใครติดต่อกระแตได้เลย กระแตทำตัวเงียบหาย ล่าสุดเพื่อนอีกคนไปเจอกระแตทำงานที่โรงแรมห้าดาวที่ภูเก็ต อรเลยได้เบอร์ติดต่อยัยแตมา ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้จะหากันเจอหรือเปล่า”
ทินกฤตมองคนเล่านิ่งเพราะเขาเพิ่งรู้เรื่องนี้เป็นครั้งแรก
“ในยุคนี้แค่เสิร์ชชื่อก็หากันเจอแล้วมั้ง” อธิปัตย์ออกความเห็น
“ยัยแตเปลี่ยนชื่อค่ะพี่เอ จาก ศมน เป็น มาสิณี ก็เลยหากันไม่เจอเลย … พี่เออยากสั่งอาหารเพิ่มไหมคะ”
“นายไม่รู้หรือ” อธิปัตย์รอภรรยาหันไปเรียกบริกรมาสั่งอาหารเพิ่ม ค่อยกระซิบถามเมื่อเห็นเพื่อนนิ่งไป
คนตอบส่ายหน้าช้าๆ “ไม่เคยรู้อะไรเลย เขาคงไม่คิดจะจริงจังกับฉันล่ะมั้ง” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความน้อยอกน้อยใจ “ขนาดย้ายโรงเรียน ฉันก็มารู้ทีหลัง” ความอดทนของทินกฤตหมดลงทันที อีกทั้งความคลางแคลงใจอีกเรื่อง เขาลุกพรวด โดยบอกกับเพื่อนและภรรยาเพื่อนอย่างเกรงใจ
“เดี๋ยวขอตัวก่อนนะ”
แล้วรีบออกจากร้าน เดินไปตามทางที่มาสิณีเดินจากไป แต่พอถึงทางแยกเขาก็ไม่รู้ว่ามาสิณีเลี้ยวซ้ายหรือขวา ขึ้นหรือลงบันไดเลื่อน หากทินกฤตก็ไม่ยอมแพ้ ในเมื่อกนกอรสามารถติดต่อมาสิณีได้ เขาก็ต้องหาทางให้มาสิณีออกมาเจอเขาได้เช่นกัน!
โปรดติดตามตอนต่อไปค่า
คุณ แว่นใส - จะผ่านแม่ยากไหมน้า แต่บอกเลยว่าผ่านพ่อยากกว่าค่า ^^
คุณ kaelek - น้าณัฐต้องหาทางเอาใจเด็กละค่า อิอิ (จะว่าไปอายุ 21 นี่ไม่เด็กแล้วน้า จีบได้ไม่ผิดกฏหมาย อิอิ)
พบกันใหม่ตอนหน้านะคะ
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านค่ะ ^^
สองแม่ลูกมาเลือกซื้อเสื้อผ้าและเครื่องสำอางกันที่ห้างสรรพสินค้าใหญ่ใจกลางเมือง ตอนแรกณฐาก็ว่าจะแค่มาส่ง แต่เขาก็ว่างทั้งวันเลยเดินเล่นเป็นเพื่อนสองแม่ลูกเสียเลย
พอเดินจนเมื่อยขา ก็พากันมานั่งพักภายในร้านกาแฟ มาสิณีเสนอเลี้ยงกาแฟตอบแทนที่ณฐาอำนวยความสะดวกให้เธอกับลูก
“ณัฐเดินตามพี่กับกระต่ายแบบนี้ไม่เบื่อหรือจ๊ะ” มาสิณีถามคนที่เดินหิ้วถุงเสื้อผ้าตามหลังเข้าร้านนู้นออกร้านนี้ ณฐาไม่แสดงท่าทางเบื่อหน่ายออกมาอย่างศิลาเลย ถ้าเป็นรายนั้นนี่บ่นตั้งแต่เข้าร้านแรกแล้วล่ะ
“ไม่ครับ เวลาแม่กับน้องสาวผมเข้ากรุงเทพฯ ก็ชอบมาช้อปปิ้ง ผมเดินตามจนชินแล้ว” ณฐาตอบตามความจริง ถึงณฐาจะเป็นคนดูนิ่งๆ เฉยๆ หากกับคนสำคัญ เขาจะยอมทำให้ทุกอย่างโดยไม่ปริปากบ่นเลยสักคำ ซ้ำยังมีความสุขเวลาได้เอาใจคนสำคัญของเขาด้วย
เช่นเวลานี้ เขารับเอาผู้หญิงแถวนี้เป็นคนสำคัญไปแล้ว ณฐาไม่รู้ว่าเขารู้สึกแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
“ดีจังเลย ถ้าเป็นหินนะ คงบ่นจนพี่ไล่กลับบ้านไปแล้วล่ะ” มาสิณีเล่าพลางหัวเราะ ก่อนจะนึกบางเรื่องได้ “จริงสิ แม่ได้ยินลูกเรียกณัฐว่าน้าหรือ”
“ก็เรียกแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ แล้วนี่คะ เพื่อนน้าหิน กระต่ายก็ต้องเรียกว่าน้าณัฐนี่คะ” คนึงมาสตอบ งุนงงว่าเธอเรียกณฐาผิดงั้นหรือ
ณฐาเองก็สงสัยเช่นกัน
“ดูแก่ไปนะ เรียกพี่ก็พอมั้ง ต่อไปนี้เรียกณัฐว่าพี่ณัฐเถอะนะ”
“แต่ว่า…”
มาสิณีไม่ยอมฟัง หันไปรับโทรศัพท์มือถือพูดคุยกับเพื่อนแทน คนึงมาสเห็นณฐายิ้มๆ ไม่ได้ท้กท้วง เธอเลยก้มหน้าดื่มกาแฟปั่นเงียบๆ ไมได้พูดอะไรออกมาอีก รู้สึกเกร็งๆ เพราะชายหนุ่มคนเดียวก็เอาแต่มองเธอไม่วางตา กระทั่งมาสิณีวางสายโทรศัพท์
“กระต่าย แม่แยกไปเจอเพื่อนหน่อยน่ะลูก ลูกกลับกับพี่ณัฐเขานะ”
“ทำไมปุบปับจังละคะแม่” คนึงมาสทักท้วงเสียงงอแง อยู่ๆ แม่ก็จะทิ้งเธอไปหาเพื่อนเฉยเลย
“แม่อยากเจอเพื่อนนี่นา กระต่าย ให้แม่ไปเจอเพื่อนหน่อยนะ ไม่ได้เจอกันมาตั้งแต่แม่ย้ายไปอยู่ภูเก็ตกับยายหนูแล้ว อย่าโกรธแม่นะคะ”
แม่มาอ้อนแบบนี้ คนึงมาสจะงอแงต่อได้อย่างไร
“ก็ได้ค่ะ แม่รีบกลับบ้านนะคะ”
“จ้า” มาสิณีจับมือลูกสาวหนึ่งทีก่อนจะเดินออกจากร้านกาแฟไป เหลือแค่คนึงมาสกับณฐาสองคน
“อยากเดินเล่นต่อไหม” ณฐาเอ่ยถาม น้ำเสียงทุ้มอาจจะราบเรียบ แต่แววตาที่มองไม่ได้เฉยเมยหรือไม่พอใจอย่างไร คนึงมาสนิ่งคิดครู่หนึ่งก็ถามชายหนุ่มกลับ
“ถ้ากระต่ายจะขอไปร้านหนังสือได้ไหมคะ”
“ได้สิ” ณฐายิ้มนิดๆ “ไปเลยไหม”
“ค่ะ”
เธอลุกจากโต๊ะ เดินเคียงศัลยแพทย์หนุ่มที่หิ้วถุงเสื้อผ้าออกจากร้านกาแฟ ตรงไปยังร้านหนังสือชั้นบน คนึงมาสแย่งถุงเครื่องสำอางมาถือเอง และไม่ยอมให้ณฐาช่วย เธอคงรู้สึกเกรงใจถ้าให้ณฐาถือให้ทุกอย่าง
“น้าณัฐไม่ชอบให้เรียกว่าน้าหรือเปล่าคะ” คนึงมาสเงยหน้าถามคนตัวสูงกว่า
“ผมไม่ได้ไม่ชอบอะไร หรือชอบอะไร จะเรียกอะไรก็ได้ ตามใจกระต่ายเถอะ” ณฐาตอบพลางไหวไหล่เบาๆ
“งั้นกระต่ายเรียกพี่ณัฐดีกว่านะคะ” เธอคิดว่าทำตามที่แม่แนะนำน่าจะดีกว่า แต่ความคิดของเธอก็สะดุด เพราะเงยหน้าไปเจอสายตา รวมถึงรอยยิ้มละมุนของณฐา เธอรีบหันไปดูร้านรวงรอบๆ แทน ด้วยกลัวหัวใจจะวายกับแววตาอ่อนโยนของคนข้างกาย
ณฐากำลังอารมณ์ดี เหมือนระยะทางระหว่างเขากับคนึงมาสค่อยๆ ย่นลงทีละนิด จากน้า มาเป็นพี่ ต่อไปก็เป็น …
“เฮ้ย!” ณฐาอุทานกับตัวเองอารามตกใจ พลันสั่นหัวไปมาเพื่อหยุดความคิดบ้าๆ มันจะเป็นแบบที่เขาคิดได้ยังไงเล่า!!
มาสิณีไม่เจอกับกนกอรเพื่อนร่วมห้องสมัยมัธยมปลายนานเท่าอายุของลูกสาว ช่วงก่อนมาสิณีจะไปเที่ยวยุโรป เธอได้เจอเพื่อนสมัยมัธยมปลายอีกคนไปพักโรงแรมที่เธอทำงานก่อนมาสิณีจะไปเที่ยวยุโรป มาสิณียอมให้เพื่อนเก่าแอดเพื่อนในเฟชบุ๊กกันไว้
กนกอรคงเป็นเพื่อนร่วมกันบนเฟชบุ๊ค และเห็นเธออัพรูปถ่ายคู่กับลูกสาวขึ้นเฟชบุ๊ควันนี้ ทำให้เพื่อนทักมาหาว่าอยากเจอกัน มาสิณีเองก็อยากอัพเดทเรื่องหลังจากเธอย้ายโรงเรียนเช่นกัน
“อร เธออยู่ไหน” มาสิณีในเดรสกระโปรงสั้นสีกรมเดินเข้าร้านกาแฟเอ่ยถามเพื่อนผ่านโทรศัพท์มือถือ กวาดสายตามองหากนกอรทั่วร้าน กนกอรตอบมาว่า
“ด้านในๆ หลังกระถางต้นไม้”
“จ้ะ เห็นละ” มาสิณีรีบเดินไปตามที่ได้ยิน แต่เธอกลับชะงัก เพราะคนที่นั่งโต๊ะด้านหลังกระถางต้นไม้ไม่ได้มีเพียงกนกอร แต่กลับมีผู้ชายอีกคน และทินกฤตนั่งร่วมโต๊ะเพื่อนเธอด้วย!
“พี่ทิน?” มาสิณีเบิกตากว้าง แม้ตัวจะสั่น มือจะเย็นไปหมด แต่สิ่งแรกที่เธอต้องทำก็คือการทำตัวไม่ให้ผิดปกติ เธอเห็นกนกอรลุกจากโต๊ะตรงมาจับมือเย็นเฉียบของเธอ รอยยิ้มของเพื่อนเก่าดูปกติ ไม่มีท่าทางว่าจงใจนัดเธอให้มาเจอกับอดีตคนรักวัยหวานอย่างทินกฤต
“แต ดีใจจังที่แตยอมมา” กนกอรพูดอย่างดีใจ สีหน้าแจ่มใส แล้วหันไปบอกสามีที่นั่งข้างๆ ทินกฤต
“พี่เอคะ เพื่อนอรมาแล้วค่ะ นี่กระแต เพื่อนร่วมรุ่นอรเอง” กนกอรแนะนำให้สามีได้รู้จักเพื่อนเก่า และทำเช่นเดียวกับทางมาสิณีด้วย
“แต พี่เอเป็นรุ่นพี่ตอนมอปลาย เป็นเพื่อนพี่ทิน เรากับพี่เอคบกันตอนมอหกหลังแตย้ายโรงเรียนไปน่ะ”
“อืม สวัสดีค่ะพี่เอ พี่เอจำแตได้ใช่ไหมคะ” มาสิณียิ้มให้อธิปัตย์
แม้อธิปัตย์จะโตเป็นผู้ใหญ่ เปลี่ยนทรงผม และท้วมขึ้นตามอายุที่เกือบสี่สิบปี แต่เค้าหน้าก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมาก เพราะตอนยังเรียนอยู่มัธยมปลายนั้น มาสิณีจำได้ว่าเคยเห็นหน้าอธิปัตย์เดินกับทินกฤตบ่อยๆ
ส่วนกนกอรไม่รู้เรื่องหรอกว่าเธอเคยคบกับทินกฤตหนุ่มป๊อบประจำโรงเรียน มาสิณีเก็บความรักไว้เงียบเพราะพ่อของเธอดุมาก
“สวัสดีครับ ชื่อกระแตเหรอ เอ๊ะ หรือว่า” อธิปัตย์ตาโต หน้าเริ่มซีด และหันมองเพื่อนข้างๆ
“ค่ะ” มาสิณีตอบสั้นๆ คิดว่าอธิปัตย์คงเข้าใจ
“หน้ากระแตนี่ยังเหมือนเดิมเลยนะ” อธิปัตย์ทำหน้าไม่ถูก เลยชมรุ่นน้องที่กาลเวลาทำอะไรเธอไม่ได้เลย หน้ายังหวาน ตัวยังเล็ก สวยสะพรั่งจนนึกเสียดายแทนเพื่อนที่เลิกรากันไป
“ขอบคุณนะคะพี่เอ … นี่อรจ๋า แตแวะมาหาอรได้แป๊บเดียวจริงๆ แตขอตัวก่อนนะ ไว้เราค่อยคุยกันทีหลัง” มาสิณีบอกเพื่อนอย่างรู้สึกผิด เธอยังไม่พร้อมจะนั่งร่วมโต๊ะกับทินกฤต ไม่ว่าจะเวลานี้หรือเวลาไหน
“นึกว่าจะได้นั่งคุยกันซะอีก” กนกอรทำหน้าเสียดาย
“ขอโทษทีนะ เราขอตัวก่อน บายจ้ะ สวัสดีนะคะพี่เอ” มาสิณียิ้มให้เพื่อนและสามีเพื่อน เธอปรายตาผ่านทินกฤตคล้ายเขาเป็นเพียงอากาศหรือสิ่งไม่มีชีวิต
ทินกฤตกำมือแน่นขณะมองจานชามบนโต๊ะแทนใบหน้าขาวของมาสิณี ได้ยินเสียงส้นสูงจากมาสิณีค่อยๆ แผ่วลง เขาคิดว่าจะอดทนได้ เขาจะต้องทำเป็นไม่สนใจผู้หญิงที่ฆ่าลูกได้ลงคอ ผู้หญิงใจร้ายแบบนั้นไม่มีค่าสำหรับเขา
แต่ว่าไม่เลย ทินกฤตเกือบแพ้ใจตัวเอง เกือบจะลุกตามมาสิณีไป เพียงแต่เขาหยุดตัวเองได้ทันเมื่อกนกอรถอนหายใจ และเริ่มเล่าให้สามีและเขาได้ฟังหลังจากมาสิณีออกไปจากร้าน มั่นใจว่าจะไม่ได้ยินที่กนกอรจะพูดต่อจากนี้
“ยัยแตย้ายโรงเรียนกะทันหันค่ะพี่เอ พ่อของกระแตล้มละลายเลยฆ่าตัวตาย ทำให้แม่ของกระแตต้องขายบ้าน หอบยัยแตและพี่น้องไปอยู่บ้านยายที่ภูเก็ต กระแตเองก็ย้ายโรงเรียนกะทันหัน ดูเหมือนจะต้องหยุดเรียนหนึ่งปีเพราะฐานะที่บ้านด้วยค่ะ โชคดีที่บ้านอีกหลังของแม่กระแตขายออกได้เงินดี เลยได้กลับมาเรียนอีกครั้ง ฐานะก็เลยดีขึ้น”
กนกอรเล่าไปก็สงสารเพื่อนไป
“ช่วงนั้นไม่มีใครติดต่อกระแตได้เลย กระแตทำตัวเงียบหาย ล่าสุดเพื่อนอีกคนไปเจอกระแตทำงานที่โรงแรมห้าดาวที่ภูเก็ต อรเลยได้เบอร์ติดต่อยัยแตมา ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้จะหากันเจอหรือเปล่า”
ทินกฤตมองคนเล่านิ่งเพราะเขาเพิ่งรู้เรื่องนี้เป็นครั้งแรก
“ในยุคนี้แค่เสิร์ชชื่อก็หากันเจอแล้วมั้ง” อธิปัตย์ออกความเห็น
“ยัยแตเปลี่ยนชื่อค่ะพี่เอ จาก ศมน เป็น มาสิณี ก็เลยหากันไม่เจอเลย … พี่เออยากสั่งอาหารเพิ่มไหมคะ”
“นายไม่รู้หรือ” อธิปัตย์รอภรรยาหันไปเรียกบริกรมาสั่งอาหารเพิ่ม ค่อยกระซิบถามเมื่อเห็นเพื่อนนิ่งไป
คนตอบส่ายหน้าช้าๆ “ไม่เคยรู้อะไรเลย เขาคงไม่คิดจะจริงจังกับฉันล่ะมั้ง” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความน้อยอกน้อยใจ “ขนาดย้ายโรงเรียน ฉันก็มารู้ทีหลัง” ความอดทนของทินกฤตหมดลงทันที อีกทั้งความคลางแคลงใจอีกเรื่อง เขาลุกพรวด โดยบอกกับเพื่อนและภรรยาเพื่อนอย่างเกรงใจ
“เดี๋ยวขอตัวก่อนนะ”
แล้วรีบออกจากร้าน เดินไปตามทางที่มาสิณีเดินจากไป แต่พอถึงทางแยกเขาก็ไม่รู้ว่ามาสิณีเลี้ยวซ้ายหรือขวา ขึ้นหรือลงบันไดเลื่อน หากทินกฤตก็ไม่ยอมแพ้ ในเมื่อกนกอรสามารถติดต่อมาสิณีได้ เขาก็ต้องหาทางให้มาสิณีออกมาเจอเขาได้เช่นกัน!
โปรดติดตามตอนต่อไปค่า
คุณ แว่นใส - จะผ่านแม่ยากไหมน้า แต่บอกเลยว่าผ่านพ่อยากกว่าค่า ^^
คุณ kaelek - น้าณัฐต้องหาทางเอาใจเด็กละค่า อิอิ (จะว่าไปอายุ 21 นี่ไม่เด็กแล้วน้า จีบได้ไม่ผิดกฏหมาย อิอิ)
พบกันใหม่ตอนหน้านะคะ
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านค่ะ ^^
ปิ่นนลิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 ก.พ. 2560, 00:31:22 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 ก.พ. 2560, 00:41:27 น.
จำนวนการเข้าชม : 1078
<< ตอนที่ 5 - 35% | ตอนที่ 5 - 100% >> |
แว่นใส 15 ก.พ. 2560, 07:12:59 น.
พ่อจะสืบรู้ความจริงก่อน หรือว่าได้ทะเลาะกันก่อนนะ
พ่อจะสืบรู้ความจริงก่อน หรือว่าได้ทะเลาะกันก่อนนะ
พอใจ 15 ก.พ. 2560, 17:40:38 น.
คุณแม่แตเหมือนจะเปิดทางให้นะคะ เหมือนรู้ใจชายหนุ่ม อิอิ
คุณแม่แตเหมือนจะเปิดทางให้นะคะ เหมือนรู้ใจชายหนุ่ม อิอิ
Zephyr 27 มี.ค. 2560, 01:33:09 น.
เอาเลยค่ะ พ่อ สู้ๆๆๆ
เอาเลยค่ะ พ่อ สู้ๆๆๆ