โคโยตี้สาวร้อนรัก
เมื่อความต้องตาต้องใจในแรกพบเกิดขึ้น ‘อติภพ’ เจ้าพ่อหนุ่มรูปหล่อแห่งสถานบังเทิงหรูจึงไม่รอช้า งัดหากระบวนท่าเพื่อหวังพิชิตและครอบครองสาวน้อยหน้าใสหัวใจโคโยตี้ที่มีนามว่า 'เภตรา' แต่จากที่คิดว่า 'ง่าย' กลับมีสารพัดเรื่องราวของความรัก พ่อแง่แม่งอน รวมถึงความเข้าใจผิดที่ชวนให้เจ้าพ่อหนุ่มต้องปวดหัว
.
ติดตามกันดูนะคะ
.
ลียาอัพทั้งหมด 50% ของเรื่องค่ะ ^_^
Tags: อติภพเภตรา โคโยตี้ โคโยตี้สาวร้อนรัก

ตอน: บทที่ 3 ไม่อยากพบเจออีกต่อไป (100%)

“ไม่มีประตูรั้วงั้นหรือ”
“มีที่ให้ซุกหัวนอนก็บุญแล้ว” แม้จะประชด แต่สำเนียงนั้นก็ขื่นจนคนฟังรู้สึกได้
“ใครสอนให้พูดจาแบบนี้”
“ฉันมีแม่ และได้รับการอบรมสั่งสอนมารยาทมาอย่างดี ในการที่จะแบ่งแยกว่าคำพูดแบบไหนควรใช้กับคนประเภทใด”
“ที่นี่ไม่ปลอดภัยเลยสักนิด” ลิ่วล้อของนายที่ทั้งบ้ากามและบ้าอำนาจพูดไปเสียอีกเรื่อง คล้ายกับคร้านที่จะต่อปากต่อคำกับ ‘เด็ก’ อย่างเธอ
“ฉันอยู่มาตั้งแต่สมัยยังเด็ก นานเป็นสิบปี ก็ยังอยู่ดีมาจนถึงเดี๋ยวนี้”
“ในบ้านอยู่ด้วยกันกี่คน”
“ไม่จำเป็นที่ฉันจะต้องตอบนาย” เสียงนั้นสะบัดห้วน
“จำเป็น มากด้วย ฉันต้องเอากลับไปรายงานนาย”
“เพราะอะไร ทำไมจะต้อง...กลับไปรายงานอีตาเจ้านายบ้าๆ คนนั้นด้วย”
“ฉันเตือนเธอแล้วนะ ว่าอย่าพูดถึงนายแบบนี้” หลังจากทั้งห้ามและปรามเธอมาหลายครั้งหลายครา คราวนี้มนุษย์ขรึมก็ดูจะเกิดเริ่มมีอารมณ์ฉุนขึ้นมาบ้าง
“ก็ได้ เหตุผลล่ะ นายยังไม่บอกฉัน”
“เป็นคำสั่ง”
“บ้าอำนาจ!” เภตราสรุป
“บอกมาเสียที ที่นี่อยู่กันกี่คน”
“หลายคน” คำตอบกวน ไม่ให้ความกระจ่าง หากลึกไปกว่านั้น เพราะสภาพสังคมและผู้คนที่แวดล้อมนั่นล่ะ หล่อหลอมให้เภตราไม่อาจไว้ใจคนแปลกหน้าที่ไหนได้ทั้งนั้น
“มีใครบ้าง?”
“จะรู้ไปทำไม?”
“เภตรา” เรียกชื่อเธอเสียงหนักขึ้น แต่เภตราจะต้องกลัวด้วยหรือ ที่นี่บ้านของเธอนะ
“นี่เสียเวลาพักผ่อนของฉันมามากแล้วนะ มาส่งฉันตามคำสั่งงี่เง่าเรียบร้อยแล้วก็เชิญกลับไปซะที”
“ในบ้านมีใครอยู่บ้าง?” คนถามยังตื๊อจะเอาคำตอบ ที่สุดเสียงหวานเล็กแต่แข็งกระด้างในทีก็บอกสะบัด
“ฉันกับแม่”
“สองคน?”
“ใช่” จะได้รู้แล้วรู้รอดไป สาวน้อยคิดในใจ
“เมื่อกี้เธอบอกว่าหลายคน” อีกฝ่ายท้วง
“มีแม่คนเดียวฉันก็เหมือนมีคนทั้งโลกอยู่ด้วย ถ้าเข้าใจแล้วก็เชิญเถอะนะ ผิดเวลามาขนาดนี้แม่คงตื่น เป็นห่วง แล้วก็คงกำลังรอฉันอยู่” หางเสียงนั้นกลับแฝงไปด้วยความอ่อนโยนยิ่งนัก ในยามที่เจ้าตัวเอ่ยถึงผู้เป็นมารดา
“เข้าบ้านสิ” แค่ได้ยินคำนั้น เภตราก็ไม่เสียเวลากับอะไรอีก ใครอยากจะทำอะไรก็เชิญ เธอล้าเกินกว่าที่สองขาจะทรงตัวให้ตรงต่อไปได้แม้แต่วินาทีแล้ว เด็กสาวรีบไขกุญแจดอกเล็กเข้าบ้าน ไม่นาน...ประตูซึ่งเป็นปราการด่านเดียวที่มีก็ถูกแง้มเปิดและปิดสนิทลงเช่นเดิมอย่างว่องไง แล้วก็ใช่อย่างที่เธอคิด ตรงกลางพื้นที่เล็กๆ เท่าแมวดิ้นตายของบ้าน แม่ที่เธอรักและบูชากำลังตั้งตารอการกลับมาของเธออยู่ในความสลัวราง
“ผึ้ง”
“แม่ ตื่นมาทำไมกันจ๊ะ ดึกดื่นขนาดนี้” สาวน้อยวางกระเป๋าสะพายใบเก่าแล้วยอบตัวลงกอดซบกับร่างผอมของท่าน คุณดวงเดือนกอดตอบลูกสาวอย่างแสนรัก
“นั่นน่ะสิ ดึกดื่นขนาดนี้ ผึ้งไม่เคยกลับบ้านผิดเวลาอย่างนี้เลยนะลูก แม่หิวน้ำ ตื่นขึ้นมาถึงรู้ว่าหนูยังไม่ถึงบ้าน แล้วนี่...” คนถามนิ่วหน้า ขณะแตะสองข้างแก้มของลูกสาวแผ่วเบา
“มีอะไรหรือเปล่าลูก ทำไมหน้าตาถึงได้ดูมอมแมมแบบนี้”
“เอ่อ...เปล่าจ้ะแม่ ก็แค่วันนี้...ลูกค้าที่ร้านเยอะไปหน่อย มันก็เลยวุ่นวาย ผึ้ง...แทบไม่มีเวลาได้พักเลย มันก็เลยรู้สึก...เหนื่อย แล้วก็...ไม่ได้ล้างหน้าล้างตา ไม่มีเวลาจะสำรวจดูหน้าตาตัวเองเลย”
“โธ่เอ๋ย...ผึ้งของแม่”
“ตอนทำงานก็ไม่รู้สึกอะไร มันลืมเหนื่อย แต่ตอนนี้หมดแรงข้าวต้มจ้ะ อยากอาบน้ำนอนเป็นที่สุด แม่กลับเข้าไปนอนต่อเถอะนะจ๊ะ เดี๋ยวผึ้งขออาบน้ำล้างหน้าล้างตา แล้วก็จะเข้านอนเหมือนกันจ้ะ”
“เอางั้นหรือลูก” เสียงทอดถอนใจยังเป็นกังวล
“แล้วหนูหิวไหม เดี๋ยวแม่จะไปหากับข้าวให้ เมื่อเย็นมีผัดผัก แม่แบ่งเอาไว้ เดี๋ยวแม่จะอุ่นให้”
ผู้เป็นมารดาทำท่ากุลีกุจอจะลุกจากเก้าอี้ เภตรารีบห้ามไว้ เธอเป็นห่วงสุขภาพ อยากให้แม่พักผ่อนมากๆ ถึงต่อให้หิว เด็กสาวก็ยินดีจะหาทานเองมากกว่า
“แม่กลับเข้าไปนอนต่อเถอะนะจ๊ะ ผึ้ง...กินมาจากที่ร้านเรียบร้อยแล้วล่ะจ้ะ” เธอปดเพื่อความสบายใจของอีกฝ่าย ได้ผล เมื่อแม่เลิกคะยั้นคะยอ
“ถ้าอย่างนั้น แม่ก็จะเข้าไปนอนก่อนล่ะนะ”
“จ้ะ แล้วพรุ่งนี้เช้าก่อนไป...ไปเรียน ผึ้งจะทำกับข้าวเอาไว้ให้นะจ๊ะ”
หากเมื่อลับร่างผู้เป็นมารดา เภตราก็ทรุดตัวลงกับพื้น น้ำตาใสๆ ไหลเอ่อขึ้นมาอีกครั้ง เธออาจฝืนทำเป็นเข้มแข็งต่อหน้าแม่ได้ทุกเมื่อ แต่ในยามที่ต้องอยู่ลำพัง ทั้งภาระหน้าที่ที่ต้องแบกรับ บวกกับแรงกดดันที่เพิ่งได้รับมาจากไอ้ลูกค้าบ้ากามนั่นก็ทำให้สาวน้อยถึงกับทำนบน้ำตาทลายขึ้นอีกหน นาทีนี้เภตรายอมรับว่ายังมืดแปดด้าน จะแจ้งตำรวจอย่างที่ประกาศเอาไว้ก็ยอมรับว่าไม่กล้า เธอเหมือนคนมีชนักปักหลัง มีความจริงเรื่องอายุที่ต้องปิดบัง ถ้าเกิดบังเอิญ...มีตำรวจรู้ว่าเธอยังอายุไม่เต็มยี่สิบดี มีหวังเภตราคงได้กระเด็นออกจากงานนี้อย่างไม่ต้องสงสัย แล้วทีนี้จะทำยังไง...เธอจะกลับไปทำงานที่ไนต์คลับนั่นได้อีกหรือเปล่า ถามใจเธอเองยังสู้ ทุกอย่างล้วนเพื่อแม่และอนาคตที่หวังว่าจะดีขึ้นในอีกไม่ช้า เด็กสาวไม่ปฏิเสธว่า ‘งานกลางคืน’ ที่ทำอยู่นั้นมันสร้างรายได้ให้กับเธอได้มากมายกว่างานไหนๆ ถ้าต้องทิ้งไปเสียกลางคันมันก็น่าเสียดายไม่น้อยเลยทีเดียว และอีกเหตุผลที่ดึงรั้งเธอเอาไว้ คือทำงานสุจริตอะไรยังไงก็ได้ ที่จะสามารถหาเงินมาดูแลและรักษาอาการป่วยเรื้อรังของผู้เป็นมารดาให้ได้ดีอย่างที่สุด ปัญหาที่ยังคิดไม่ตก หาทางออกไม่ได้ ทำให้สาวน้อยคงข่มตาแทบไม่หลับตลอดทั้งคืน พรุ่งนี้สำหรับเธอมันจะเป็นยังไงใครจะตอบได้
/////////////////////////
เวลาใกล้รุ่ง...หลังกลับจากส่งเภตราตามคำสั่งแล้ว สันต์...คนสนิทของอติภพก็กลับเข้าไปรายงานผู้เป็นเจ้านายยังบ้าน ‘ภูชิตบดินทร์’ และถึงแม้ว่าจะพอมีข้อมูลบางส่วนจากศรุดามาบ้างแล้ว แต่สภาพความเป็นจริงในชีวิตของสาวน้อยคนสวยที่กำลังถูกถ่ายทอดจากปากของลูกน้อง ก็ทำให้เจ้าพ่อเลิฟเว่อร์คลับถึงกับนิ่วหน้าออกอาการคล้ายถูกขัดใจขึ้นมาอีกครั้ง
“อยู่กันเข้าไปได้ยังไง”
“ดูเธอคุ้นเคยกับที่นั่นมากนะครับ เห็นว่า...อยู่อาศัยกันมาเป็นสิบปีแล้ว”
“ที่แบบนั้นมันอันตรายรอบด้าน”
ถึงไม่เห็นกับตา เขาก็รู้ละ สลัม...แหล่งซ่องสุมของทั้งยาเสพติดแล้วก็มิจฉาชีพอีกสารพัด ถึงแม้บางส่วนอาจจะนับได้ว่าเป็นสุจริตชนคนดี แต่มันก็จะดีกว่านี้ไหม ถ้าเภตรากับครอบครัวย้ายออกมาจากที่นั่นเสียได้
“ผมจอดรถไว้ จะเดินเข้าไปส่ง เธอยังทำท่าว่าจะไม่ยอมเลยนะครับ”
“ดื้อเอาการสินะ”
หลังจากพยายามปัดความรู้สึกหงุดหงิดเล็กๆ ให้พ้นไป อติภพก็รับข้อมูลซึ่งเกี่ยวกับสาวน้อยที่เขาถูกตาต้องใจอย่างละเอียดอีกครั้ง
“เภตราอยู่กับแม่แค่สองคนงั้นหรือ”
“ใช่ครับ”
“ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนหรือยังไง”
“ข้อนี้ผมขอเวลาสักพักนะครับนาย แล้วจะเอาประวัติและเรื่องราวที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียดของผู้หญิงคนนี้มาให้นายทั้งหมดครับ” สันต์พูดพลางค้อมศีรษะเล็กน้อย
“อย่าให้เกินพรุ่งนี้”
“ได้ครับนาย”
“แล้วพรุ่งนี้ ก่อนเวลาเริ่มงาน ให้คนไปรับเภตราจากบ้านมาหาฉันที่นี่ด้วย”
“ครับนาย เอ่อ...แล้วถ้าเธอเกิด...ไม่ยอม...” คนเป็นลูกน้องนั้นลังเล
“ถ้าเกิดดื้อหรือพยศมากๆ ก็คงต้องใช้กำลังกัน แต่ก็อย่าให้ถึงกับต้องเกิดเป็นเรื่องเป็นราวเจ็บเนื้อเจ็บตัวขึ้นมาล่ะ” อติภพว่า พร้อมกับใจที่กระหวัดไปถึงเจ้าของร่างอรชร...ก็ตัวเล็กๆ บอบบางเท่านั้น ถ้าเผลอแตะแรงไปนิดหรือกระแทกกระทั้นหนักมือไปหน่อย ดอกไม้งามที่เขาหมายใจจะเชยชมอาจบอบช้ำหรือบุบสลาย...มันน่าเสียดาย
“เข้าใจที่สั่งใช่ไหม”
“ครับนาย แล้วพรุ่งนี้ผมจะพาเธอมาที่ภูชิตบดินทร์ตามคำสั่งครับ เอ่อ...แล้วเรื่องที่เธอบอกว่าจะแจ้งความกับตำรวจล่ะครับ” คำถามนั้นไม่ได้หมายถึงความหวั่นเกรงในเรื่องคดีความ หากแต่เป็นชื่อเสียงและเรื่องจุกจิกกวนใจที่จะส่งผลต่อผู้เป็นเจ้านายโดยตรงต่างหากที่ทำให้สันต์ต้องเอ่ยถาม แต่อีกฝ่ายกลับยิ้มบางอย่างอารมณ์ดี
“ฉันว่าเธอคงจะเปลี่ยนใจ ไม่อยากแจ้งความแล้วล่ะ”
“ทำไมล่ะครับ” สันต์สงสัย หรือเป็นเพราะเภตราพอใจในข้อเสนอและตกลงรับในค่าตอบแทนจากเจ้านายของเขาแล้ว เอ...แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง เด็กสาวจะร้องไห้ตลอดทางที่เขาขับรถไปส่งทำไม
“ก็แม่สาวน้อยคงอยากจะแล่นไปฟ้องบอสผู้ร่ำรวยแถมมากด้วยอิทธิพลอย่างอติภพ ภูชิตบดินทร์มากกว่าจะพุ่งไปแจ้งความกับตำรวจน่ะสิ” ได้ยินอย่างนั้นคนสนิทของเขาก็ยิ้มอย่างเห็นขันบ้าง
“จุดไต้ตำตอเข้าแท้ๆ นะครับ”
“นี่ถ้าเธอรู้ว่าจริงๆ แล้วนายก็คือคุณอติภพเจ้าของเลิฟเว่อร์คลับ ไม่รู้เหมือนกันนะครับว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก”
“ก็...คงร้องไห้ขี้มูกโป่งเหมือนวันนี้ละมัง จะทำอะไรได้ เด็กตัวแค่นั้น”
“ครับ” สันต์เองก็เหมือนจะเห็นด้วยตามนั้น
“ถ้าอย่างนั้น ผมขอตัวไปตามสืบประวัติของโคโยตี้เภตราก่อนนะครับ จะได้รีบเอาข้อมูลมารายงานนาย”
“เอาสิ” ร่างหนาบึกบึนในชุดซาฟารีสีทึมของลูกน้องคนสนิทหมุนตัวกลับออกไปแล้ว แต่คนออกปากอนุญาตก็ยังจมอยู่กับความคิดของตนเองและใบหน้าสวยหวานราวตาลเฉาะของสาวน้อยเภตราอย่างยากจะสลัดให้หลุดได้
“เป็นเอามากแฮะ” อติภพบ่นเบากับตัวเอง นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่เคยคิดถึงผู้หญิงที่ไหนได้นานเกินนาที แต่นี่ข้ามคืนแล้ว แม่สาวดาวเต้นโคโยตี้ที่ไนต์คลับก็ยังคงตามมามีตัวตนในห้วงความคิดคำนึงอยู่ไม่หาย เจ้าเสน่ห์...เขาสรุป หน้าคมพยักช้าๆ อย่างสิ้นความสงสัย เขายอมยกตำแหน่งนี้ให้กับเภตราไปแบบไม่มีข้อกังขาใดๆ เลยแม้แต่น้อย โคโยตี้สาวเจ้าเสน่ห์ ดูซิ...เธอจะใช้วิธีไหนให้ตัวเองรอดพ้นไปจากกรงเล็บของเจ้าพ่อราตรีที่ทุกคนขนานนามให้อย่างเขา อติภพลองประเมินดูแล้ว เกมนี้มันน่าสนุกตรงที่สาวน้อยดูจะไม่ยอมศิโรราบให้เขาอย่างเต็มใจโดยง่าย ช่างผิดกับรายอื่นๆ ที่เคยผ่านมา เพราะเหตุผลนี้ด้วยที่ทำให้ชายหนุ่มยิ่งรู้สึกได้ถึงความท้าทายเล็กๆ ขึ้นมา ความจริงแล้วเขามั่นใจว่าจะสยบพยศของเจ้าหล่อนได้แบบไม่ยากเย็นอะไร แต่จะทำยังไงให้เธอยอมเขาอย่างเต็มใจ ไม่ลุกมาวี้ดว้ายว่าเขาใจร้ายใช้กำลังเข้าหักหาญให้เสียเหลี่ยมนั่นต่างหากถือเป็นเรื่องที่ต้องวางแผนให้แยบยล มุมหนึ่งอติภพออกใจร้อนไม่ชอบการรอคอย อะไรก็ตามที่เขาต้องการมักจะต้องได้ดังใจด้วยความรวดเร็วอยู่เสมอ เภตราเองก็เหมือนกัน ถ้าขืนยังพยศหรือพูดจาไม่รู้เรื่องเข้าอีก เขาก็อาจจำเป็นจะต้องเลือกใช้วิธี ‘ต้อน’ เธอให้จนมุมแล้วรวบรับหัวหางวางไว้เป็นของหวานก่อนนอนบนเตียงใหญ่ในบ้านนี่ให้รู้แล้วรู้รอดไป เจ้าพ่อเลิฟเว่อร์คลับอดหัวเราะเบากับความคิดและแผนการคร่าวๆ ของตนเองไม่ได้ นี่ถ้าเภตราไม่ใช่ ‘เด็กในสังกัด’ ของไนต์คลับเขา เรื่องทุกอย่างมันคงไม่ดูยากขึ้นอย่างนี้ สมภารกินไก่วัด...สาวน้อยทำให้เขาเลี่ยงภาษิตนี้ได้ยากเย็นจริง




ลียา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 ก.พ. 2560, 15:25:41 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 ก.พ. 2560, 15:25:45 น.

จำนวนการเข้าชม : 790





<< บทที่ 3 ไม่อยากพบเจออีกต่อไป (50%)   บทที่ 4 จุดอ่อน? (100%) >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account