โคโยตี้สาวร้อนรัก
เมื่อความต้องตาต้องใจในแรกพบเกิดขึ้น ‘อติภพ’ เจ้าพ่อหนุ่มรูปหล่อแห่งสถานบังเทิงหรูจึงไม่รอช้า งัดหากระบวนท่าเพื่อหวังพิชิตและครอบครองสาวน้อยหน้าใสหัวใจโคโยตี้ที่มีนามว่า 'เภตรา' แต่จากที่คิดว่า 'ง่าย' กลับมีสารพัดเรื่องราวของความรัก พ่อแง่แม่งอน รวมถึงความเข้าใจผิดที่ชวนให้เจ้าพ่อหนุ่มต้องปวดหัว
.
ติดตามกันดูนะคะ
.
ลียาอัพทั้งหมด 50% ของเรื่องค่ะ ^_^
.
ติดตามกันดูนะคะ
.
ลียาอัพทั้งหมด 50% ของเรื่องค่ะ ^_^
Tags: อติภพเภตรา โคโยตี้ โคโยตี้สาวร้อนรัก
ตอน: บทที่ 5 แกล้ง (สนพ. Siriaksorn book ตีพิมพ์)
“อย่ามาว่าฉันนะ!”
“อย่าเถียง” เสียงห้าวข่มกลับ
“ก็คุณ!”
“หุบปากแล้วกลับเข้าไปในห้องพัก ตัวเธอยังสั่นอย่างกับลูกหมาตกน้ำ อยากเป็นเป้าสายตาให้ทุกคนนินทาสนุกปากทั้งคืนหรือยังไง” อติภพทำเสียงขัดใจแล้วถืออำนาจรวบกำข้อมือข้างหนึ่งของเด็กสาวไว้มั่น ก่อนลากมันเซหลุนๆ ตามเขาเข้าไป เภตราตัวสั่น มันสั่นไปหมดเพราะความตกใจในเหตุการณ์ก่อนหน้า และต่อมาก็สั่นเพราะรู้ว่าชายหนุ่มที่ก่อเรื่องนั้นเป็นถึงลูกนักการเมืองใหญ่ และที่ร้ายกว่า เธอสั่น เพราะมั่นใจแล้วว่าตัวเองจะต้องตกงานเป็นแน่แท้ โธ่เอ๋ย เภตรา คราวนี้จะเอาเงินจากไหนมาใช้จ่ายดูแลแม่กันล่ะ สาวน้อยคิดพลางขืนตัว
“มากับฉัน”
“ไม่! ปล่อยนะคุณอติภพ”
“ทำไมล่ะ ไหนเธอประกาศปาวๆ ว่าอยากเจอฉันไง หรืออยากจะให้ฉันแบกเธอขึ้นบ่าแล้วหายเข้าไปด้วยกันในห้องพักอย่างวันก่อนก็เอานะเภตรา ดื้อเข้าไป ไม่มากเท่าที่เธอคิดหรอกนะ ไอ้ความอดทนของคนอย่างฉันน่ะ” คราวนี้คนลากหันขวับลงมาจ้องตาเป๋ง ท่าทางเขาเอาจริงจนสาวน้อยนึกขยาด
“คุณมันจอมขู่ คนอะไรเอาแต่ใจตัวเอง นี่คงคิดสินะว่าฉันจะต้องกลัว...”
“หุบปาก!”
“ก็ปล่อยฉันก่อนสิ”
“ถ้ายังไม่ ฉันนี่แหละจะเป็นคนหุบให้เธอเอง แถมจะเอาให้สนิทแนบแน่นทีเดียวเลยด้วย” คำขู่นี้ได้ผล สาวน้อยหุบปากฉับทันทีที่ได้ยิน ช่วงขาเรียวหากสั้นกว่าขายาวๆ ของอติภพมากเร่งซอยยิกตามเขาเข้าไปยังทางของห้องพักพนักงานอย่างแทบจะไม่มีปากไม่มีเสียงอีก สถานการณ์เบื้องหลังคลี่คลาย ศรุดาทำหน้าที่เคลียร์ทุกอย่างต่อจากนั้น ความสุขสนุกสนานในไนต์คลับคงเริ่มต้นและดำเนินต่อไปจนกว่าจะสิ้นสุดช่วงเวลา พายัพยังยืนนิ่งไม่ไหวกาย ประกายตาขุ่นจัดจับ ‘พิรุธ’ ของอดีตเพื่อนรักอย่างอติภพได้ฉับพลัน มันน้อยครั้งนักที่เจ้าพ่อเลิฟเว่อร์คลับจะหลุดท่าทีห่วงหวงผู้หญิงคนไหนมากจนออกนอกหน้าแบบเมื่อครู่นี้ นี่อย่าบอก...ว่าสมภารกำลังจ้องจะกินไก่วัดเข้าแล้ว เจ้าของความคิดกระตุกยิ้มมุมปาก จุดอ่อนของผู้ชายจะมีอะไร ถ้าไม่ใช่ผู้หญิงที่ตัวมีใจและหวงแหน เขาจะใช้เวลาจับตารอดูต่อไปจนกว่าจะแน่ใจ ไม่แน่...อิสรภาพและความปลอดภัยของแม่สาวโคโยตี้คนเมื่อกี้ อาจจะเป็นประโยชน์ต่อเขาและนิสา ว่าที่เจ้าสาวที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยก่อนคืนวันแต่งงานเพียงคืนเดียวของเขาก็เป็นได้ พายัพค่อยถอยห่างออกไปจากจุดนั้น เขาล้วงเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ศาสตราคือพันธมิตรที่เขาเห็นควรจะผูกไมตรี เพราะวันดีคืนดี ไอ้หมอนี่อาจจะเป็นหอกแหลมที่ร่วมเข้าทิ่มแทงเพื่อนทรยศอย่างอติภพให้เจ็บสาหัสที่สุดก็เป็นได้ ใครจะรู้
/////////////////////////
เมื่อรุนหลังเภตราให้เข้าไปในห้องได้สำเร็จ เจ้าของร่างสูงสง่าก็หันมา ‘เล่นงาน’ สาวน้อยแบบเต็มที่ เสียงห้าวๆ ลอดออกมาข่ม
“แล้วทีหน้าทีหลังก็จำไว้” เขาชี้หน้าเลยล่ะ เภตราเองก็ไม่รู้ว่าเขาจะขุ่นเคืองอะไรนักหนา ในเมื่อสถานการณ์ทุกอย่างก็คลี่คลายไปด้วยดีแล้ว แถมยังไม่มีใครได้รับอันตรายเลยแม้แต่สักคน และที่สำคัญคือเขายังได้ฉีกหน้าเธอต่อหน้าทุกคนในร้านได้แบบยับเยินเสียอีกด้วย อย่างหลังนี่น่าเจ็บใจ เธอเองทั้งอายทั้งโกรธ ทุกคนรู้แต่แรกว่าเขาคืออติภพ มีก็แต่เธอเท่านั้นที่โง่งมไม่รู้อะไรให้เขาหลอกเล่น เด็กสาวข่มใจ บอกตัวเองตลอดเวลาว่าใจเย็นๆ เพราะไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องเก็บทุกความรู้สึกพร้อมกับเชิดหน้าว่าไม่ยี่หระอะไรต่อไปเพื่อรักษา ‘ฟอร์ม’ ที่มีอยู่แค่น้อยนิดนี่เอาไว้
“ทำงานในที่แบบนี้เธอต้องรู้จักระวังตัวให้มาก พยายามสังเกตแล้วก็อยู่ให้ห่างจากลูกค้าที่ดูท่าไม่น่าไว้วางใจอย่างไอ้ลูกนักการเมืองที่ขาดการอบรมคนนั้นด้วย”
“ก็ถ้า...แขกคนนั้นมีอิทธิพลขนาดนั้น แล้วทำไมคุณถึง...กล้าทำแบบนั้นล่ะคะ...”
“คนอย่างฉันไม่จำเป็นต้องกลัวอิทธิพลของใครหน้าไหน โดยเฉพาะที่นี่คืออาณาจักรของฉัน ใครก็อย่าหวังจะเข้ามาก่อเรื่องวุ่นวาย”
“อ๋อ ค่ะ ดิฉันลืมไปว่าคุณน่ะใหญ่โต” สาวน้อยปากไวประชด แต่ก็ต้องสะดุ้งถอยหนีร่างสูงๆ เข้าอีกหน
“จะทำอะไร อย่าเข้ามานะ!”
“ฉันบอกฉันสอน จำได้หรือเปล่า”
“แต่ในนี้มีการ์ดตั้งหลายคน ถึงไม่มีคุณ พวกเขาก็คง...จัดการอะไรๆ ได้อยู่หรอกค่ะ” เถียงเสียงอ้อมแอ้ม เจ้าพ่อผู้ยิ่งใหญ่ส่ายหน้า
“เธอนี่หัวรั้นกว่าที่ฉันคิดเอาไว้มากนะเภตรา”
“ก็เฉพาะกับคนที่ชอบข่มขู่ แล้วก็วางอำนาจกับฉันเท่านั้นล่ะ ถึงฉันจะเป็นแค่ลูกจ้างรับเงินค่าแรงจากคุณ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะมาบงการความรู้สึกนึกคิดของฉันได้นะคะ อีกอย่าง...”
“อะไร?”
“ตอนนี้ฉันก็ไม่ใช่ลูกจ้างของคุณอีกต่อไปแล้ว เพราะฉะนั้นคุณก็ยิ่งไม่มีสิทธิ์...”
“ใครบอกว่าเธอไม่ใช่ลูกจ้างฉัน” อติภพสวนขึ้น
“กะ...ก็...” เภตราอึกอัก นั่นสิ ใครบอกเธอกันล่ะ
“ว่าไง ใครบอกเธอ”
“ก็...ไม่เห็นจะต้องมีใครบอกเลยนี่คะ เป็นใครก็ต้องรู้ตัวเองทั้งนั้นน่ะแหละ ฉัน...เสียมารยาท แล้วก็ทำไม่ดีกับคุณตั้งหลายอย่าง คุณคงไม่เก็บฉันไว้ให้ขวางหูขวางตาต่อไปแน่”
“เปลี่ยนเสื้อผ้าซะ จะพาไปส่งบ้าน” เขาเปลี่ยนเรื่อง และคราวนี้เภตรายอมทำตามที่สั่งแต่โดยดี สาวน้อยรู้ตัว ว่าจะดื้ออยู่ทำงานต่ออย่างตอนแรกก็ไม่ได้เสียแล้ว เธอพ้นจากสภาพความเป็นพนักงานของเลิฟเว่อร์คลับเพราะความไม่รู้ หรือพูดอีกที ที่เธอตกงานก็เพราะความโง่ ความมีตาแต่ไร้แววของตัวเองนี่ล่ะ จะโทษใคร
“ถ้าออกจากงานนี้ คิดไว้หรือยังว่าจะไปทำอะไรต่อ” เขาถามขึ้น ซึ่งก็จี้ใจคนฟังเข้าอย่างจัง เภตราสูดหายใจลึก
“ไม่ทราบสิคะ...แต่ฉันถือคติว่าไม่เลือกงานก็ไม่อดตาย”
“ไม่เลือกงั้นหรือ?” สำเนียงแปลกๆ นั่นทำให้สาวน้อยต้องหันไปมองสบตาคนพูดอย่างไม่ไว้ใจ
“ค่ะ ถ้าเป็นงานสุจริต”
“งั้นฉันมีข้อเสนอ”
“ข้อเสนอ ข้อเสนออะไรคะ” คิ้วเรียวสวยย่นเข้าหากันอย่างสงสัย
“มาเป็นผู้หญิงของฉัน” เสียงห้าวทุ้มนั่นฟังออกชัด แน่ล่ะ เภตราปฏิเสธเสียงแข็ง
“บ้า! ไม่มีทาง!”
“ทำไม?” ตาคู่สวยฉายประกายไฟพรึ่บพรั่บขณะตวัดมองคนถามอย่างโมโหขึ้นมาบ้าง นี่อติภพคิดจะซื้อเธอไปเป็น...เป็นนางบำเรอของเขาอย่างนั้นหรือ คนทุเรศ คิดอะไรแต่ละอย่างได้ทุเรศที่สุด ในชีวิตเขาเคยให้เกียรติใครบ้างไหมเภตราอยากจะรู้
“จะบอกให้นะคะคุณอติภพ ถึงฉันจะจน หรือต่อให้ต้องอดตาย ฉันก็จะไม่ยอมขายศักดิ์ศรีความเป็นคนของตัวเองแน่”
“เธออาจจะทนอดได้ แล้วแม่ที่กำลังป่วยใกล้จะแย่ เธอจะหาทางแก้ยังไงถ้าไม่มีเงิน” คิ้วเข้มข้างหนึ่งเลิกสูง
“คุณรู้” อติภพไหวไหล่ รอยยิ้มจางตรงมุมปากที่บอกถึงความเหนือกว่าในทุกทางของเขาทำเอาเธอยิ่งหน้างอชนิดน้องๆ ม้าหมากรุก
“ฉันก็จะหางานอื่นทำน่ะสิ ไนต์คลับไม่ได้มีที่นี่ทีเดียวเสียเมื่อไร”
“อืม...งั้นถ้าฉันอนุญาตให้เธอทำงานต่อได้ล่ะ”
“คุณน่ะเหรอคะ จะให้ฉันทำงานที่นี่ต่อ” ถามอย่างระแวงระวัง ความรู้สึกคือเธอแทบไม่มีหวังจะเชื่อใจผู้ชายคนนี้ได้อีกแล้ว ทว่าอติภพพยักหน้าแล้วว่า
“แต่เธอต้องเปลี่ยนหน้าที่”
“หึ เปลี่ยนหน้าที่ คุณก็รู้นี่นาว่าฉันไม่นั่งดริ๊งค์ ถ้าไม่ให้ฉันเต้นโชว์ แล้วจะมีอะไรให้ฉันทำอีกล่ะ” เสิร์ฟหรือ มันก็ติดปัญหาทั้งในเรื่องของเวลาเริ่มและเลิกงาน อีกอย่างคือค่าตอบแทนก็จะลดน้อยถอยลงไปเยอะด้วย เท่าที่มีตอนนี้ เธอก็ต้องจัดสรรปันส่วนรายได้ทั้งหมดอย่างอดออมเต็มที่อยู่แล้ว
“เธอไม่ดื่มก็ไม่เป็นไรนี่ เพราะฉันบอกแล้วว่ายังมีข้อเสนอ...”
“ถ้าเป็นข้อเสนอบ้าบอที่คุณว่า ฉันยอมนั่งดื่มกับลูกค้าเสียยังดีกว่า!” เธอโพล่งออกไป หนึ่งก็เพื่อเอาชนะคะคานและรักษาหน้าตาที่เพิ่งแตกยับไปเมื่อตอนที่เพิ่งได้รู้ว่าเขาเป็นใคร และสองสำคัญมากก็คือแม่ พักนี้อาการของแม่ไม่สู้ดี เภตราตั้งใจว่าจะพาท่านไปโรงพยาบาลเพื่อให้หมอตรวจดูอย่างละเอียดอีกครั้ง ซึ่งจะมากหรือน้อยก็ล้วนแล้วแต่จะต้องใช้เงินทั้งนั้น เวลานี้ในหัวของเธอมีแต่เรื่องราวของผู้เป็นแม่ที่ต้องมาอันดับหนึ่ง
“เธอว่ายังไงนะ จะนั่งดื่มกับลูกค้างั้นหรือ”
“ฉันพูดจริงค่ะ” น้ำเสียงนั้นจริงจัง แต่อีกฝ่ายหัวเราะเบา
“ร้อนเงินหรือไง”
“เรื่องส่วนตัวนะคะ คุณต้องถามพนักงานหรือลูกจ้างทุกคนเลยหรือเปล่าว่าร้อนเงินไหม”
“ให้ตอบอีกที ตกลงคือเธอจะกลับออกไปนั่งดื่มกับแขก” เขาถามย้ำอย่างจะให้แน่ใจ
“แน่นอนค่ะ” คำยืนยันหนักแน่นนัก
“ดี ถ้างั้นก็มา...”
“ว้าย!” เภตราร้องเสียงหลง พยายามดิ้นรนเพื่อจะพาตัวเองออกจากพันธนาการแข็งๆ ที่ฉกเข้ารวบตัวเธอแล้วพลิกกดไว้กับผนังแข็งๆ ของห้องนั้นอย่างตกใจ
“นี่คุณจะทำอะไรน่ะคุณอติภพ ปล่อยฉันนะ!”
“ไม่ปล่อย” เขาลอยหน้าได้กวนอารมณ์
“คุณนี่มันบ้าจริงๆ มาทำกับฉันแบบนี้ทำไม!”
“ผ่านบททดสอบจากฉันไปให้ได้ก่อน แล้วถึงจะอนุญาตให้เธอกลับออกไปทำอะไรอย่างที่พูดไว้ได้”
“บททดสอบอะไรของคุณ”
“ก็...แบบนี้ไงสาวน้อย” เจ้าของเสียงทุ้มลึกที่กระซิบแทบชิดติดเรียวปากของเธอสอดมือเข้าใต้แผ่นหลังอุ่นเนียนของเด็กสาวอย่างจงใจสัมผัส และด้วยความจำเป็นของงานที่จะต้อง ‘โชว์’ ทั้งท่วงท่าลีลาและเนื้อหนังมังสาให้ดูเซ็กซี่เย้ายวนตา ชุดเสื้อผ้าน้อยชิ้นนั่นก็ยิ่งช่วยให้ฝ่ามือกระด้างของอติภพได้เข้าลูบไล้นวลเนื้อของเภตราได้แบบแนบชิดสนิทเนื้อกันมากพอควรเลยทีเดียว เนื้ออ่อนแทบมอดไหม้เพราะความรุมร้อนดุจไฟลามจากฝ่ามือใหญ่
“คุณ!” เภตราตกใจเข้าไปใหญ่ ใช่ว่าเธอจะไม่เคยพบพานกับสัมผัสรุกเร้า แต่ทั้งหมดก็เพราะจากเขานั่นล่ะที่ยัดเยียดมาให้ นี่มันอะไร อติภพมาวุ่นวายกับคนที่เพิ่งเจอหน้ากันอย่างเธอถึงเธอขนาดนี้ทำไม
“คุณมันบ้าคุณอติภพ คุณมันคนทุเรศ น่าเกลียดที่สุด คุณมัน...อื้อ”
เสียงเล็กและเรียวปากอิ่มแดงถูกเขาประกบปิดลงอีกครั้ง ก็อย่างที่เพิ่งขู่ ถ้าเธอไม่ยอมหุบปาก เขานี่ล่ะจะเป็นคนปิดให้เอง รสจูบร้อนแรงแฝงไปด้วยความเรียกร้องต้องการและจงใจจะกำราบนั่นปราบพยศเภตราลงได้ในไม่กี่วินาที สาวน้อยส่ายหน้า พยายามหอบหายใจเอาอากาศเข้าปอดวุ่นวายอาการนั้นคล้ายคนกำลังจะจมดิ่งลึกลงใต้น้ำ ลำพังตัวเองคงไม่สามารถเอาชีวิตรอด ถ้าผู้คุมเกมอย่างอติภพจะไม่ยอมรามือ
“ทำกับฉันแบบนี้ทำไม” ทันทีที่เขาถอนริมฝีปาก คนถูกจูบไปยกใหญ่ก็เค้นเสียงถามอย่างแค้นใจ
“การนั่งกับแขก ดื่มกับแขก บริการแขก เธออาจต้องเจออย่างที่กำลังเจออยู่ในตอนนี้ ถ้าแค่นี้รับมือไม่ไหว ก็อย่าหมายว่าจะทำงานได้อย่างที่ปากว่า เมื่อครู่นี้ก็ด้วย เรื่องเกิดก็เพราะเธอ ลืมหรือไง”
“ไม่ใช่สักหน่อย ก็...ฉันบอกว่าจะนั่งดื่ม ก็แค่นั่งดื่มอย่างเดียวเท่านั้นสิ แล้วเมื่อกี้ นายลูกนักการเมืองนั่นก็...ก็ลวนลามฉันก่อน ทั้งๆ ที่ฉันไม่ได้มีหน้าที่นั่งกับแขก และฉันก็แค่ปฏิเสธเท่านั้น ฉันไม่ได้เป็นคนก่อเรื่องวุ่นวายพวกนั้นเสียหน่อย” อติภพฟังแล้วเงยหน้าหัวเราะดัง
“ก็แค่นั้นเธอยังรับไม่ได้”
สาวน้อยผู้ไร้เดียงสา อติภพสรุปเอาจากที่ ‘เจอ’ กันมาได้พักใหญ่ ถ้าไม่ประสีประสาเรื่องระหว่างชายหญิงเลย ก็นับว่าเธอใจกล้ามากที่อาจหาญเดินเดี่ยวเข้ามาในเลิฟเว่อร์คลับ
“เธอรู้อะไรเกี่ยวกับเลิฟเว่อร์คลับบ้างเภตรา”
“จำเป็นที่ฉันจะต้องรู้อะไรอย่างที่คุณถามด้วยหรือคะ ไนต์คลับจ้างฉันให้เต้นฉันก็เต้น และเมื่อไม่ให้ฉันเต้น จะให้นั่งกับแขก ฉันก็ยอมนั่ง ฉันยอมทุกอย่างแล้ว แล้วทำไมคุณถึงยังไม่ยอมเลิกแล้วกับฉันสักที ทำไมต้องแกล้งกันแบบนี้ด้วยคุณอติภพ”
“แกล้งงั้นหรือ” เภตราได้แต่กัดริมฝีปาก น้ำตาเริ่มซึมอย่างควบคุมความอึดอัดกดดันในใจไม่ไหว
“คุณมีเงิน มีอำนาจล้นเหลือ แต่มารังแกเด็กไม่มีทางสู้อย่างฉัน มันสนุกนักหรือคะ”
“เธอน่ะหรือไม่มีทางสู้สาวน้อย” อติภพถอนใจ ถ้าแม่สาวในอ้อมกอดนี่ไม่มีทางสู้จริงๆ ป่านนี้เขาคงพาเธอไปลงเอยบนเตียงนุ่มๆ ในห้องพักส่วนตัวชั้นบนสุดแล้วละมัง แต่นี่เธอสู้ สู้ด้วยวาจาและท่าทีต่อต้านทั้งหมดที่มีต่อเขา เจ้าพ่อเลิฟเว่อร์คลับนึกประหลาดใจ ไม่เคยเจอผู้หญิงปฏิเสธมานานแค่ไหนก็ไม่รู้ ร่างสูงหนาขยับห่างออกมาจากกายเล็กละมุนนิดหนึ่ง จังหวะนั้นน้ำตาเม็ดโตของเภตราร่วงพรูอย่างสุดกลั้น
“อยากร้องก็ร้องให้พอ” เภตรากลั้นเสียงสะอื้น ช้อนตาขึ้นมองเขาอย่างโกรธแค้น ถ้าเขาปล่อยให้เธอได้ทำงานตามปกติเหมือนคนอื่นๆ ป่านนี้เภตราก็ไม่ต้องมาตกอยู่ในสภาพลำบากทั้งใจทั้งกายอย่างในตอนนี้ ประกายตาคมกล้าของอติภพทอดลงสบประสานกับหน่วยตาที่ชื้นฉ่ำของเธอ เด็กสาวอ่านความหมายในนั้นไม่ออก แต่ความใกล้ชิดที่แสนน่ากลัวกำลังจะเริ่มขึ้นอีกแล้วใช่ไหม ร่างเล็กเกร็งตัวอย่างหวาดหวั่น สติและสัญชาติญาณในการสู้เท่านั้นจะพาตัวเองให้รอดพ้นจากผู้ชายคนนี้
“ถ้าร้องพอแล้วก็วางกรรไกรในมือลงด้วย”
อติภพสั่งพร้อมกำรวบข้อมือสองข้างของเธอกดไว้ข้างตัว มันแรงและแน่นพอที่กรรไกรอันเล็กในมือจะร่วงหลุดลงกับพื้นด้วยความเจ็บ
“โอ๊ย!” สียงเล็กร้อง เภตรามองอาวุธชิ้นเดียวที่แอบฉวยจากโต๊ะใกล้ๆ มาได้นั่นอย่างแสนเสียดาย แล้วทีนี้จะเหลืออะไรไว้ป้องกันตัวเล่า
“เมื่อหัวค่ำตีหัว ตอนนี้จะแทงให้เลือดตกยางออก เธอนี่...เด็กซาดิสม์ จำเอาไว้ ทีหน้าทีหลังถ้าไม่อยากเจ็บตัว ก็อย่าพยายามหาอะไรมาทำร้ายฉันอีก”
“แต่คุณทำร้ายฉันได้งั้นสิ!”
“ตอนไหน” ตาคมๆ นั่นหรี่ลงนิด
“ก็เมื่อหัวค่ำ แล้วก็ตอนนี้อีก ที่บ้านก็ด้วย คุณให้คนตามไปคุกคามฉัน”
“คุกคาม ไม่ละมั้ง ฉันให้ศันต์ไปดูแลเธอต่างหาก” อติภพเฉไฉไปนั่น
“หรือคะ แต่ฉันดูแลตัวเองได้ค่ะ และที่สำคัญคือเราไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกันสักนิด ได้โปรดเถอะค่ะ กรุณาให้ฉันได้ใช้ชีวิตตามปกติ ได้ทำงานไปตามประสาเหมือนที่คนอื่นเขาทำกัน อย่าทำให้ฉันต้องพบเจออะไรอย่างเมื่อ...เมื่อหัวค่ำอีก ขอย้ำว่าฉันไม่รับข้อเสนอและไม่ยินดีจะขายศักดิ์ศรีของตัวเองให้คุณหรือใครทั้งนั้น หวังว่าคุณจะพอเข้าใจฉันบ้างนะคะคุณอติภพ”
“งั้นก็เชิญทำตัวให้พร้อมสำหรับงานนั่งดริ๊งค์ครั้งแรกของเธอได้เลยเภตรา” อาการผายมือนั้นท้าทาย
“ค่ะ คุณก็กรุณาถอยไป” ร่างสูงผละห่างไปก้าว และแม้ใจจะสั่นหวั่นหวาดมากแค่ไหน สาวน้อยก็จะให้ผู้ชายคนนี้รู้ไม่ได้ เธอต้องทำได้สิเภตรา ไม่ว่าจะงานอะไรในนี้ก็ตาม คนอื่นทำได้ เธอก็ต้องทำได้ มันคงไม่น่ากลัวเหมือนอย่างที่อติภพออกปากขู่ไว้แบบเมื่อครู่หรอก
“อ้อ ลืมบอกไป คืนนี้ถือเป็นการทดลองงานนะ ไม่มีค่าแรงสำหรับเธอ”
“คุณ!” ร่างเล็กชะงัก แต่แล้ว
“ก็ได้ค่ะ ฉันเป็นลูกจ้างนี่คะ นายจ้างบอกอะไรมันก็ต้องเป็นไปอย่างนั้น”
“ดี เข้าใจง่ายดี” หน้าสวยเปื้อนร่องรอยของน้ำตาสะบัดพรืด พร้อมกับที่เรียวขาเล็กในรองเท้าบู๊ตส้นสูงปรี๊ดเร่งก้าวฉับๆ ห่างออกไป ไม่นาน...เภตราก็พร้อมในชุดเสื้อผ้าหน้าผมที่แลดูเป็นสาวพราวเสน่ห์น่ามองไปทั้งตัว สาวน้อยมองตัวเองในกระจกเงาแล้วเอาความสุขของแม่เป็นที่ตั้ง ทำเพื่อเงิน ถ้าเธอมีเงิน แม่ก็จะมีความสุข ทุกอย่างในชีวิตต้องอาศัยน้ำเงิน และงานนี้เท่านั้นที่จะสามารถทำรายได้ให้เพียงพอกับความต้องการและความจำเป็นของครอบครัวได้ อย่ากลัว ทำใจดีๆ เข้าไว้ สาวน้อยบอกตัวเองแล้วกวาดตาไปรอบห้องพักกว้างขวาง อติภพไม่อยู่แล้ว เขาคงออกไปรับหน้ารัฐมนตรีอะไรนั่น หวังว่ามันจะไม่เกิดปัญหาอะไรขึ้นมาอีกล่ะ
“น้องผึ้ง” เสียงเคาะเรียกจากหน้าประตูทำเอาเภตราต้องรีบเดินไปเปิด พนักงานสาวคนนึงที่เดิมทำหน้าที่ ‘นั่งดริ๊งค์’ ตามภาษาที่พูดกันคือคนที่รออยู่
“ผู้จัดการให้พี่มาตามเราน่ะ”
“ผู้จัดการ...ทราบเรื่องแล้วหรือคะ”
“ก็ใช่น่ะสิ เสร็จแล้วใช่ไหม งั้นก็รีบตามมา” และเมื่อเภตรายังยืนงง
“เอ้า มาสิ ชักช้ารีรออะไรอยู่นั่น แขกรอที่ห้องวีไอพีแล้ว”
“เอ้อ...อะไรนะคะ ห้องวีไอพี...” เภตรายิ่งหน้าตาตื่น คิดว่าจะได้นั่งคุยกับลูกค้าด้านนอก แต่นี่ต้องบริการถึงในห้องหับมิดชิด แล้ววีไอพีของเลิฟเว่อร์คลับนี่ เท่าที่รู้ก็ดูจะเป็นพวก ‘ผู้ใหญ่’ ไม่ก็นักธุรกิจมีอายุแถมกระเป๋าหนักทั้งนั้น แล้วถ้าเธอเกิดทำอะไรผิดพลาดไป...
“ผู้จัดการยังบอกด้วยนะว่าถ้าไม่ผ่านงาน จะพิจารณาสถานะพนักงานของผึ้งใหม่อีกครั้งด้วย”
“หมายความว่าทางไนต์คลับจะไล่ผึ้งออกหรือคะ!”
“ไม่รู้ แต่ที่รู้คือถ้ายังมัวโอ้เอ้เป็นได้โดนดุกันทั้งหมดนี่แน่ๆ” เท่านั้นเภตราก็ต้องตัดความกลัวและกังวลใจทั้งหมดออกไป เธอก้าวตามผู้นำทางไปจนกระทั่งใกล้ถึงบริเวณห้องวีไอพี ศรุดารอเธออยู่ตรงนี้ สีหน้าผู้จัดการสาวใหญ่ดูออกจะเป็นห่วงเป็นใย ซึ่งแปลกไปจากเมื่อตอนเกิดเรื่องแบบสิ้นเชิง เท่านั้นเภตราก็ดีใจ เพราะเธอสามารถจะแน่ใจได้ว่าศรุดาน่าจะหายโกรธเธอในเรื่องที่เกิดก่อนหน้าแล้ว
“เวลาเรามีไม่มาก พี่จะบอกรายละเอียดของงานแล้วก็หน้าที่โดยตรงของผึ้งให้ฟังก่อนนะ”
“เอ้อ...ค่ะ” แม้ในใจจะขัดแย้ง แต่คนฟังก็พยายามจะรับเอาสิ่งที่ผู้จัดการสอนไว้ให้ได้มากที่สุด สักพัก เธอก็ได้ถูกส่งตัวตามเข้าไปดูแลลูกค้าในห้องที่อยู่ใกล้ๆ
“อย่าเถียง” เสียงห้าวข่มกลับ
“ก็คุณ!”
“หุบปากแล้วกลับเข้าไปในห้องพัก ตัวเธอยังสั่นอย่างกับลูกหมาตกน้ำ อยากเป็นเป้าสายตาให้ทุกคนนินทาสนุกปากทั้งคืนหรือยังไง” อติภพทำเสียงขัดใจแล้วถืออำนาจรวบกำข้อมือข้างหนึ่งของเด็กสาวไว้มั่น ก่อนลากมันเซหลุนๆ ตามเขาเข้าไป เภตราตัวสั่น มันสั่นไปหมดเพราะความตกใจในเหตุการณ์ก่อนหน้า และต่อมาก็สั่นเพราะรู้ว่าชายหนุ่มที่ก่อเรื่องนั้นเป็นถึงลูกนักการเมืองใหญ่ และที่ร้ายกว่า เธอสั่น เพราะมั่นใจแล้วว่าตัวเองจะต้องตกงานเป็นแน่แท้ โธ่เอ๋ย เภตรา คราวนี้จะเอาเงินจากไหนมาใช้จ่ายดูแลแม่กันล่ะ สาวน้อยคิดพลางขืนตัว
“มากับฉัน”
“ไม่! ปล่อยนะคุณอติภพ”
“ทำไมล่ะ ไหนเธอประกาศปาวๆ ว่าอยากเจอฉันไง หรืออยากจะให้ฉันแบกเธอขึ้นบ่าแล้วหายเข้าไปด้วยกันในห้องพักอย่างวันก่อนก็เอานะเภตรา ดื้อเข้าไป ไม่มากเท่าที่เธอคิดหรอกนะ ไอ้ความอดทนของคนอย่างฉันน่ะ” คราวนี้คนลากหันขวับลงมาจ้องตาเป๋ง ท่าทางเขาเอาจริงจนสาวน้อยนึกขยาด
“คุณมันจอมขู่ คนอะไรเอาแต่ใจตัวเอง นี่คงคิดสินะว่าฉันจะต้องกลัว...”
“หุบปาก!”
“ก็ปล่อยฉันก่อนสิ”
“ถ้ายังไม่ ฉันนี่แหละจะเป็นคนหุบให้เธอเอง แถมจะเอาให้สนิทแนบแน่นทีเดียวเลยด้วย” คำขู่นี้ได้ผล สาวน้อยหุบปากฉับทันทีที่ได้ยิน ช่วงขาเรียวหากสั้นกว่าขายาวๆ ของอติภพมากเร่งซอยยิกตามเขาเข้าไปยังทางของห้องพักพนักงานอย่างแทบจะไม่มีปากไม่มีเสียงอีก สถานการณ์เบื้องหลังคลี่คลาย ศรุดาทำหน้าที่เคลียร์ทุกอย่างต่อจากนั้น ความสุขสนุกสนานในไนต์คลับคงเริ่มต้นและดำเนินต่อไปจนกว่าจะสิ้นสุดช่วงเวลา พายัพยังยืนนิ่งไม่ไหวกาย ประกายตาขุ่นจัดจับ ‘พิรุธ’ ของอดีตเพื่อนรักอย่างอติภพได้ฉับพลัน มันน้อยครั้งนักที่เจ้าพ่อเลิฟเว่อร์คลับจะหลุดท่าทีห่วงหวงผู้หญิงคนไหนมากจนออกนอกหน้าแบบเมื่อครู่นี้ นี่อย่าบอก...ว่าสมภารกำลังจ้องจะกินไก่วัดเข้าแล้ว เจ้าของความคิดกระตุกยิ้มมุมปาก จุดอ่อนของผู้ชายจะมีอะไร ถ้าไม่ใช่ผู้หญิงที่ตัวมีใจและหวงแหน เขาจะใช้เวลาจับตารอดูต่อไปจนกว่าจะแน่ใจ ไม่แน่...อิสรภาพและความปลอดภัยของแม่สาวโคโยตี้คนเมื่อกี้ อาจจะเป็นประโยชน์ต่อเขาและนิสา ว่าที่เจ้าสาวที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยก่อนคืนวันแต่งงานเพียงคืนเดียวของเขาก็เป็นได้ พายัพค่อยถอยห่างออกไปจากจุดนั้น เขาล้วงเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ศาสตราคือพันธมิตรที่เขาเห็นควรจะผูกไมตรี เพราะวันดีคืนดี ไอ้หมอนี่อาจจะเป็นหอกแหลมที่ร่วมเข้าทิ่มแทงเพื่อนทรยศอย่างอติภพให้เจ็บสาหัสที่สุดก็เป็นได้ ใครจะรู้
/////////////////////////
เมื่อรุนหลังเภตราให้เข้าไปในห้องได้สำเร็จ เจ้าของร่างสูงสง่าก็หันมา ‘เล่นงาน’ สาวน้อยแบบเต็มที่ เสียงห้าวๆ ลอดออกมาข่ม
“แล้วทีหน้าทีหลังก็จำไว้” เขาชี้หน้าเลยล่ะ เภตราเองก็ไม่รู้ว่าเขาจะขุ่นเคืองอะไรนักหนา ในเมื่อสถานการณ์ทุกอย่างก็คลี่คลายไปด้วยดีแล้ว แถมยังไม่มีใครได้รับอันตรายเลยแม้แต่สักคน และที่สำคัญคือเขายังได้ฉีกหน้าเธอต่อหน้าทุกคนในร้านได้แบบยับเยินเสียอีกด้วย อย่างหลังนี่น่าเจ็บใจ เธอเองทั้งอายทั้งโกรธ ทุกคนรู้แต่แรกว่าเขาคืออติภพ มีก็แต่เธอเท่านั้นที่โง่งมไม่รู้อะไรให้เขาหลอกเล่น เด็กสาวข่มใจ บอกตัวเองตลอดเวลาว่าใจเย็นๆ เพราะไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องเก็บทุกความรู้สึกพร้อมกับเชิดหน้าว่าไม่ยี่หระอะไรต่อไปเพื่อรักษา ‘ฟอร์ม’ ที่มีอยู่แค่น้อยนิดนี่เอาไว้
“ทำงานในที่แบบนี้เธอต้องรู้จักระวังตัวให้มาก พยายามสังเกตแล้วก็อยู่ให้ห่างจากลูกค้าที่ดูท่าไม่น่าไว้วางใจอย่างไอ้ลูกนักการเมืองที่ขาดการอบรมคนนั้นด้วย”
“ก็ถ้า...แขกคนนั้นมีอิทธิพลขนาดนั้น แล้วทำไมคุณถึง...กล้าทำแบบนั้นล่ะคะ...”
“คนอย่างฉันไม่จำเป็นต้องกลัวอิทธิพลของใครหน้าไหน โดยเฉพาะที่นี่คืออาณาจักรของฉัน ใครก็อย่าหวังจะเข้ามาก่อเรื่องวุ่นวาย”
“อ๋อ ค่ะ ดิฉันลืมไปว่าคุณน่ะใหญ่โต” สาวน้อยปากไวประชด แต่ก็ต้องสะดุ้งถอยหนีร่างสูงๆ เข้าอีกหน
“จะทำอะไร อย่าเข้ามานะ!”
“ฉันบอกฉันสอน จำได้หรือเปล่า”
“แต่ในนี้มีการ์ดตั้งหลายคน ถึงไม่มีคุณ พวกเขาก็คง...จัดการอะไรๆ ได้อยู่หรอกค่ะ” เถียงเสียงอ้อมแอ้ม เจ้าพ่อผู้ยิ่งใหญ่ส่ายหน้า
“เธอนี่หัวรั้นกว่าที่ฉันคิดเอาไว้มากนะเภตรา”
“ก็เฉพาะกับคนที่ชอบข่มขู่ แล้วก็วางอำนาจกับฉันเท่านั้นล่ะ ถึงฉันจะเป็นแค่ลูกจ้างรับเงินค่าแรงจากคุณ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะมาบงการความรู้สึกนึกคิดของฉันได้นะคะ อีกอย่าง...”
“อะไร?”
“ตอนนี้ฉันก็ไม่ใช่ลูกจ้างของคุณอีกต่อไปแล้ว เพราะฉะนั้นคุณก็ยิ่งไม่มีสิทธิ์...”
“ใครบอกว่าเธอไม่ใช่ลูกจ้างฉัน” อติภพสวนขึ้น
“กะ...ก็...” เภตราอึกอัก นั่นสิ ใครบอกเธอกันล่ะ
“ว่าไง ใครบอกเธอ”
“ก็...ไม่เห็นจะต้องมีใครบอกเลยนี่คะ เป็นใครก็ต้องรู้ตัวเองทั้งนั้นน่ะแหละ ฉัน...เสียมารยาท แล้วก็ทำไม่ดีกับคุณตั้งหลายอย่าง คุณคงไม่เก็บฉันไว้ให้ขวางหูขวางตาต่อไปแน่”
“เปลี่ยนเสื้อผ้าซะ จะพาไปส่งบ้าน” เขาเปลี่ยนเรื่อง และคราวนี้เภตรายอมทำตามที่สั่งแต่โดยดี สาวน้อยรู้ตัว ว่าจะดื้ออยู่ทำงานต่ออย่างตอนแรกก็ไม่ได้เสียแล้ว เธอพ้นจากสภาพความเป็นพนักงานของเลิฟเว่อร์คลับเพราะความไม่รู้ หรือพูดอีกที ที่เธอตกงานก็เพราะความโง่ ความมีตาแต่ไร้แววของตัวเองนี่ล่ะ จะโทษใคร
“ถ้าออกจากงานนี้ คิดไว้หรือยังว่าจะไปทำอะไรต่อ” เขาถามขึ้น ซึ่งก็จี้ใจคนฟังเข้าอย่างจัง เภตราสูดหายใจลึก
“ไม่ทราบสิคะ...แต่ฉันถือคติว่าไม่เลือกงานก็ไม่อดตาย”
“ไม่เลือกงั้นหรือ?” สำเนียงแปลกๆ นั่นทำให้สาวน้อยต้องหันไปมองสบตาคนพูดอย่างไม่ไว้ใจ
“ค่ะ ถ้าเป็นงานสุจริต”
“งั้นฉันมีข้อเสนอ”
“ข้อเสนอ ข้อเสนออะไรคะ” คิ้วเรียวสวยย่นเข้าหากันอย่างสงสัย
“มาเป็นผู้หญิงของฉัน” เสียงห้าวทุ้มนั่นฟังออกชัด แน่ล่ะ เภตราปฏิเสธเสียงแข็ง
“บ้า! ไม่มีทาง!”
“ทำไม?” ตาคู่สวยฉายประกายไฟพรึ่บพรั่บขณะตวัดมองคนถามอย่างโมโหขึ้นมาบ้าง นี่อติภพคิดจะซื้อเธอไปเป็น...เป็นนางบำเรอของเขาอย่างนั้นหรือ คนทุเรศ คิดอะไรแต่ละอย่างได้ทุเรศที่สุด ในชีวิตเขาเคยให้เกียรติใครบ้างไหมเภตราอยากจะรู้
“จะบอกให้นะคะคุณอติภพ ถึงฉันจะจน หรือต่อให้ต้องอดตาย ฉันก็จะไม่ยอมขายศักดิ์ศรีความเป็นคนของตัวเองแน่”
“เธออาจจะทนอดได้ แล้วแม่ที่กำลังป่วยใกล้จะแย่ เธอจะหาทางแก้ยังไงถ้าไม่มีเงิน” คิ้วเข้มข้างหนึ่งเลิกสูง
“คุณรู้” อติภพไหวไหล่ รอยยิ้มจางตรงมุมปากที่บอกถึงความเหนือกว่าในทุกทางของเขาทำเอาเธอยิ่งหน้างอชนิดน้องๆ ม้าหมากรุก
“ฉันก็จะหางานอื่นทำน่ะสิ ไนต์คลับไม่ได้มีที่นี่ทีเดียวเสียเมื่อไร”
“อืม...งั้นถ้าฉันอนุญาตให้เธอทำงานต่อได้ล่ะ”
“คุณน่ะเหรอคะ จะให้ฉันทำงานที่นี่ต่อ” ถามอย่างระแวงระวัง ความรู้สึกคือเธอแทบไม่มีหวังจะเชื่อใจผู้ชายคนนี้ได้อีกแล้ว ทว่าอติภพพยักหน้าแล้วว่า
“แต่เธอต้องเปลี่ยนหน้าที่”
“หึ เปลี่ยนหน้าที่ คุณก็รู้นี่นาว่าฉันไม่นั่งดริ๊งค์ ถ้าไม่ให้ฉันเต้นโชว์ แล้วจะมีอะไรให้ฉันทำอีกล่ะ” เสิร์ฟหรือ มันก็ติดปัญหาทั้งในเรื่องของเวลาเริ่มและเลิกงาน อีกอย่างคือค่าตอบแทนก็จะลดน้อยถอยลงไปเยอะด้วย เท่าที่มีตอนนี้ เธอก็ต้องจัดสรรปันส่วนรายได้ทั้งหมดอย่างอดออมเต็มที่อยู่แล้ว
“เธอไม่ดื่มก็ไม่เป็นไรนี่ เพราะฉันบอกแล้วว่ายังมีข้อเสนอ...”
“ถ้าเป็นข้อเสนอบ้าบอที่คุณว่า ฉันยอมนั่งดื่มกับลูกค้าเสียยังดีกว่า!” เธอโพล่งออกไป หนึ่งก็เพื่อเอาชนะคะคานและรักษาหน้าตาที่เพิ่งแตกยับไปเมื่อตอนที่เพิ่งได้รู้ว่าเขาเป็นใคร และสองสำคัญมากก็คือแม่ พักนี้อาการของแม่ไม่สู้ดี เภตราตั้งใจว่าจะพาท่านไปโรงพยาบาลเพื่อให้หมอตรวจดูอย่างละเอียดอีกครั้ง ซึ่งจะมากหรือน้อยก็ล้วนแล้วแต่จะต้องใช้เงินทั้งนั้น เวลานี้ในหัวของเธอมีแต่เรื่องราวของผู้เป็นแม่ที่ต้องมาอันดับหนึ่ง
“เธอว่ายังไงนะ จะนั่งดื่มกับลูกค้างั้นหรือ”
“ฉันพูดจริงค่ะ” น้ำเสียงนั้นจริงจัง แต่อีกฝ่ายหัวเราะเบา
“ร้อนเงินหรือไง”
“เรื่องส่วนตัวนะคะ คุณต้องถามพนักงานหรือลูกจ้างทุกคนเลยหรือเปล่าว่าร้อนเงินไหม”
“ให้ตอบอีกที ตกลงคือเธอจะกลับออกไปนั่งดื่มกับแขก” เขาถามย้ำอย่างจะให้แน่ใจ
“แน่นอนค่ะ” คำยืนยันหนักแน่นนัก
“ดี ถ้างั้นก็มา...”
“ว้าย!” เภตราร้องเสียงหลง พยายามดิ้นรนเพื่อจะพาตัวเองออกจากพันธนาการแข็งๆ ที่ฉกเข้ารวบตัวเธอแล้วพลิกกดไว้กับผนังแข็งๆ ของห้องนั้นอย่างตกใจ
“นี่คุณจะทำอะไรน่ะคุณอติภพ ปล่อยฉันนะ!”
“ไม่ปล่อย” เขาลอยหน้าได้กวนอารมณ์
“คุณนี่มันบ้าจริงๆ มาทำกับฉันแบบนี้ทำไม!”
“ผ่านบททดสอบจากฉันไปให้ได้ก่อน แล้วถึงจะอนุญาตให้เธอกลับออกไปทำอะไรอย่างที่พูดไว้ได้”
“บททดสอบอะไรของคุณ”
“ก็...แบบนี้ไงสาวน้อย” เจ้าของเสียงทุ้มลึกที่กระซิบแทบชิดติดเรียวปากของเธอสอดมือเข้าใต้แผ่นหลังอุ่นเนียนของเด็กสาวอย่างจงใจสัมผัส และด้วยความจำเป็นของงานที่จะต้อง ‘โชว์’ ทั้งท่วงท่าลีลาและเนื้อหนังมังสาให้ดูเซ็กซี่เย้ายวนตา ชุดเสื้อผ้าน้อยชิ้นนั่นก็ยิ่งช่วยให้ฝ่ามือกระด้างของอติภพได้เข้าลูบไล้นวลเนื้อของเภตราได้แบบแนบชิดสนิทเนื้อกันมากพอควรเลยทีเดียว เนื้ออ่อนแทบมอดไหม้เพราะความรุมร้อนดุจไฟลามจากฝ่ามือใหญ่
“คุณ!” เภตราตกใจเข้าไปใหญ่ ใช่ว่าเธอจะไม่เคยพบพานกับสัมผัสรุกเร้า แต่ทั้งหมดก็เพราะจากเขานั่นล่ะที่ยัดเยียดมาให้ นี่มันอะไร อติภพมาวุ่นวายกับคนที่เพิ่งเจอหน้ากันอย่างเธอถึงเธอขนาดนี้ทำไม
“คุณมันบ้าคุณอติภพ คุณมันคนทุเรศ น่าเกลียดที่สุด คุณมัน...อื้อ”
เสียงเล็กและเรียวปากอิ่มแดงถูกเขาประกบปิดลงอีกครั้ง ก็อย่างที่เพิ่งขู่ ถ้าเธอไม่ยอมหุบปาก เขานี่ล่ะจะเป็นคนปิดให้เอง รสจูบร้อนแรงแฝงไปด้วยความเรียกร้องต้องการและจงใจจะกำราบนั่นปราบพยศเภตราลงได้ในไม่กี่วินาที สาวน้อยส่ายหน้า พยายามหอบหายใจเอาอากาศเข้าปอดวุ่นวายอาการนั้นคล้ายคนกำลังจะจมดิ่งลึกลงใต้น้ำ ลำพังตัวเองคงไม่สามารถเอาชีวิตรอด ถ้าผู้คุมเกมอย่างอติภพจะไม่ยอมรามือ
“ทำกับฉันแบบนี้ทำไม” ทันทีที่เขาถอนริมฝีปาก คนถูกจูบไปยกใหญ่ก็เค้นเสียงถามอย่างแค้นใจ
“การนั่งกับแขก ดื่มกับแขก บริการแขก เธออาจต้องเจออย่างที่กำลังเจออยู่ในตอนนี้ ถ้าแค่นี้รับมือไม่ไหว ก็อย่าหมายว่าจะทำงานได้อย่างที่ปากว่า เมื่อครู่นี้ก็ด้วย เรื่องเกิดก็เพราะเธอ ลืมหรือไง”
“ไม่ใช่สักหน่อย ก็...ฉันบอกว่าจะนั่งดื่ม ก็แค่นั่งดื่มอย่างเดียวเท่านั้นสิ แล้วเมื่อกี้ นายลูกนักการเมืองนั่นก็...ก็ลวนลามฉันก่อน ทั้งๆ ที่ฉันไม่ได้มีหน้าที่นั่งกับแขก และฉันก็แค่ปฏิเสธเท่านั้น ฉันไม่ได้เป็นคนก่อเรื่องวุ่นวายพวกนั้นเสียหน่อย” อติภพฟังแล้วเงยหน้าหัวเราะดัง
“ก็แค่นั้นเธอยังรับไม่ได้”
สาวน้อยผู้ไร้เดียงสา อติภพสรุปเอาจากที่ ‘เจอ’ กันมาได้พักใหญ่ ถ้าไม่ประสีประสาเรื่องระหว่างชายหญิงเลย ก็นับว่าเธอใจกล้ามากที่อาจหาญเดินเดี่ยวเข้ามาในเลิฟเว่อร์คลับ
“เธอรู้อะไรเกี่ยวกับเลิฟเว่อร์คลับบ้างเภตรา”
“จำเป็นที่ฉันจะต้องรู้อะไรอย่างที่คุณถามด้วยหรือคะ ไนต์คลับจ้างฉันให้เต้นฉันก็เต้น และเมื่อไม่ให้ฉันเต้น จะให้นั่งกับแขก ฉันก็ยอมนั่ง ฉันยอมทุกอย่างแล้ว แล้วทำไมคุณถึงยังไม่ยอมเลิกแล้วกับฉันสักที ทำไมต้องแกล้งกันแบบนี้ด้วยคุณอติภพ”
“แกล้งงั้นหรือ” เภตราได้แต่กัดริมฝีปาก น้ำตาเริ่มซึมอย่างควบคุมความอึดอัดกดดันในใจไม่ไหว
“คุณมีเงิน มีอำนาจล้นเหลือ แต่มารังแกเด็กไม่มีทางสู้อย่างฉัน มันสนุกนักหรือคะ”
“เธอน่ะหรือไม่มีทางสู้สาวน้อย” อติภพถอนใจ ถ้าแม่สาวในอ้อมกอดนี่ไม่มีทางสู้จริงๆ ป่านนี้เขาคงพาเธอไปลงเอยบนเตียงนุ่มๆ ในห้องพักส่วนตัวชั้นบนสุดแล้วละมัง แต่นี่เธอสู้ สู้ด้วยวาจาและท่าทีต่อต้านทั้งหมดที่มีต่อเขา เจ้าพ่อเลิฟเว่อร์คลับนึกประหลาดใจ ไม่เคยเจอผู้หญิงปฏิเสธมานานแค่ไหนก็ไม่รู้ ร่างสูงหนาขยับห่างออกมาจากกายเล็กละมุนนิดหนึ่ง จังหวะนั้นน้ำตาเม็ดโตของเภตราร่วงพรูอย่างสุดกลั้น
“อยากร้องก็ร้องให้พอ” เภตรากลั้นเสียงสะอื้น ช้อนตาขึ้นมองเขาอย่างโกรธแค้น ถ้าเขาปล่อยให้เธอได้ทำงานตามปกติเหมือนคนอื่นๆ ป่านนี้เภตราก็ไม่ต้องมาตกอยู่ในสภาพลำบากทั้งใจทั้งกายอย่างในตอนนี้ ประกายตาคมกล้าของอติภพทอดลงสบประสานกับหน่วยตาที่ชื้นฉ่ำของเธอ เด็กสาวอ่านความหมายในนั้นไม่ออก แต่ความใกล้ชิดที่แสนน่ากลัวกำลังจะเริ่มขึ้นอีกแล้วใช่ไหม ร่างเล็กเกร็งตัวอย่างหวาดหวั่น สติและสัญชาติญาณในการสู้เท่านั้นจะพาตัวเองให้รอดพ้นจากผู้ชายคนนี้
“ถ้าร้องพอแล้วก็วางกรรไกรในมือลงด้วย”
อติภพสั่งพร้อมกำรวบข้อมือสองข้างของเธอกดไว้ข้างตัว มันแรงและแน่นพอที่กรรไกรอันเล็กในมือจะร่วงหลุดลงกับพื้นด้วยความเจ็บ
“โอ๊ย!” สียงเล็กร้อง เภตรามองอาวุธชิ้นเดียวที่แอบฉวยจากโต๊ะใกล้ๆ มาได้นั่นอย่างแสนเสียดาย แล้วทีนี้จะเหลืออะไรไว้ป้องกันตัวเล่า
“เมื่อหัวค่ำตีหัว ตอนนี้จะแทงให้เลือดตกยางออก เธอนี่...เด็กซาดิสม์ จำเอาไว้ ทีหน้าทีหลังถ้าไม่อยากเจ็บตัว ก็อย่าพยายามหาอะไรมาทำร้ายฉันอีก”
“แต่คุณทำร้ายฉันได้งั้นสิ!”
“ตอนไหน” ตาคมๆ นั่นหรี่ลงนิด
“ก็เมื่อหัวค่ำ แล้วก็ตอนนี้อีก ที่บ้านก็ด้วย คุณให้คนตามไปคุกคามฉัน”
“คุกคาม ไม่ละมั้ง ฉันให้ศันต์ไปดูแลเธอต่างหาก” อติภพเฉไฉไปนั่น
“หรือคะ แต่ฉันดูแลตัวเองได้ค่ะ และที่สำคัญคือเราไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกันสักนิด ได้โปรดเถอะค่ะ กรุณาให้ฉันได้ใช้ชีวิตตามปกติ ได้ทำงานไปตามประสาเหมือนที่คนอื่นเขาทำกัน อย่าทำให้ฉันต้องพบเจออะไรอย่างเมื่อ...เมื่อหัวค่ำอีก ขอย้ำว่าฉันไม่รับข้อเสนอและไม่ยินดีจะขายศักดิ์ศรีของตัวเองให้คุณหรือใครทั้งนั้น หวังว่าคุณจะพอเข้าใจฉันบ้างนะคะคุณอติภพ”
“งั้นก็เชิญทำตัวให้พร้อมสำหรับงานนั่งดริ๊งค์ครั้งแรกของเธอได้เลยเภตรา” อาการผายมือนั้นท้าทาย
“ค่ะ คุณก็กรุณาถอยไป” ร่างสูงผละห่างไปก้าว และแม้ใจจะสั่นหวั่นหวาดมากแค่ไหน สาวน้อยก็จะให้ผู้ชายคนนี้รู้ไม่ได้ เธอต้องทำได้สิเภตรา ไม่ว่าจะงานอะไรในนี้ก็ตาม คนอื่นทำได้ เธอก็ต้องทำได้ มันคงไม่น่ากลัวเหมือนอย่างที่อติภพออกปากขู่ไว้แบบเมื่อครู่หรอก
“อ้อ ลืมบอกไป คืนนี้ถือเป็นการทดลองงานนะ ไม่มีค่าแรงสำหรับเธอ”
“คุณ!” ร่างเล็กชะงัก แต่แล้ว
“ก็ได้ค่ะ ฉันเป็นลูกจ้างนี่คะ นายจ้างบอกอะไรมันก็ต้องเป็นไปอย่างนั้น”
“ดี เข้าใจง่ายดี” หน้าสวยเปื้อนร่องรอยของน้ำตาสะบัดพรืด พร้อมกับที่เรียวขาเล็กในรองเท้าบู๊ตส้นสูงปรี๊ดเร่งก้าวฉับๆ ห่างออกไป ไม่นาน...เภตราก็พร้อมในชุดเสื้อผ้าหน้าผมที่แลดูเป็นสาวพราวเสน่ห์น่ามองไปทั้งตัว สาวน้อยมองตัวเองในกระจกเงาแล้วเอาความสุขของแม่เป็นที่ตั้ง ทำเพื่อเงิน ถ้าเธอมีเงิน แม่ก็จะมีความสุข ทุกอย่างในชีวิตต้องอาศัยน้ำเงิน และงานนี้เท่านั้นที่จะสามารถทำรายได้ให้เพียงพอกับความต้องการและความจำเป็นของครอบครัวได้ อย่ากลัว ทำใจดีๆ เข้าไว้ สาวน้อยบอกตัวเองแล้วกวาดตาไปรอบห้องพักกว้างขวาง อติภพไม่อยู่แล้ว เขาคงออกไปรับหน้ารัฐมนตรีอะไรนั่น หวังว่ามันจะไม่เกิดปัญหาอะไรขึ้นมาอีกล่ะ
“น้องผึ้ง” เสียงเคาะเรียกจากหน้าประตูทำเอาเภตราต้องรีบเดินไปเปิด พนักงานสาวคนนึงที่เดิมทำหน้าที่ ‘นั่งดริ๊งค์’ ตามภาษาที่พูดกันคือคนที่รออยู่
“ผู้จัดการให้พี่มาตามเราน่ะ”
“ผู้จัดการ...ทราบเรื่องแล้วหรือคะ”
“ก็ใช่น่ะสิ เสร็จแล้วใช่ไหม งั้นก็รีบตามมา” และเมื่อเภตรายังยืนงง
“เอ้า มาสิ ชักช้ารีรออะไรอยู่นั่น แขกรอที่ห้องวีไอพีแล้ว”
“เอ้อ...อะไรนะคะ ห้องวีไอพี...” เภตรายิ่งหน้าตาตื่น คิดว่าจะได้นั่งคุยกับลูกค้าด้านนอก แต่นี่ต้องบริการถึงในห้องหับมิดชิด แล้ววีไอพีของเลิฟเว่อร์คลับนี่ เท่าที่รู้ก็ดูจะเป็นพวก ‘ผู้ใหญ่’ ไม่ก็นักธุรกิจมีอายุแถมกระเป๋าหนักทั้งนั้น แล้วถ้าเธอเกิดทำอะไรผิดพลาดไป...
“ผู้จัดการยังบอกด้วยนะว่าถ้าไม่ผ่านงาน จะพิจารณาสถานะพนักงานของผึ้งใหม่อีกครั้งด้วย”
“หมายความว่าทางไนต์คลับจะไล่ผึ้งออกหรือคะ!”
“ไม่รู้ แต่ที่รู้คือถ้ายังมัวโอ้เอ้เป็นได้โดนดุกันทั้งหมดนี่แน่ๆ” เท่านั้นเภตราก็ต้องตัดความกลัวและกังวลใจทั้งหมดออกไป เธอก้าวตามผู้นำทางไปจนกระทั่งใกล้ถึงบริเวณห้องวีไอพี ศรุดารอเธออยู่ตรงนี้ สีหน้าผู้จัดการสาวใหญ่ดูออกจะเป็นห่วงเป็นใย ซึ่งแปลกไปจากเมื่อตอนเกิดเรื่องแบบสิ้นเชิง เท่านั้นเภตราก็ดีใจ เพราะเธอสามารถจะแน่ใจได้ว่าศรุดาน่าจะหายโกรธเธอในเรื่องที่เกิดก่อนหน้าแล้ว
“เวลาเรามีไม่มาก พี่จะบอกรายละเอียดของงานแล้วก็หน้าที่โดยตรงของผึ้งให้ฟังก่อนนะ”
“เอ้อ...ค่ะ” แม้ในใจจะขัดแย้ง แต่คนฟังก็พยายามจะรับเอาสิ่งที่ผู้จัดการสอนไว้ให้ได้มากที่สุด สักพัก เธอก็ได้ถูกส่งตัวตามเข้าไปดูแลลูกค้าในห้องที่อยู่ใกล้ๆ
ลียา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ก.พ. 2560, 09:54:34 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 มี.ค. 2560, 14:36:44 น.
จำนวนการเข้าชม : 1044
<< บทที่ 4 จุดอ่อน? (100%) | บทที่ 6 ความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก (สนพ. Siriaksorn book ตีพิพม์) >> |