หัวใจลายกระต่าย (รอลงต่อนะคะ)
ถ้าหัวใจคือดวงจันทร์ที่ไม่มีแสงสว่างในตัวเอง
ความรักก็คงเหมือนดวงอาทิตย์ที่ทำให้ดวงจันทร์สว่างไสว
หัวใจที่ได้รับความรักจากเธอก็เช่นกัน
เธอเห็นความรักของฉันใช่ไหม?
ความรักก็คงเหมือนดวงอาทิตย์ที่ทำให้ดวงจันทร์สว่างไสว
หัวใจที่ได้รับความรักจากเธอก็เช่นกัน
เธอเห็นความรักของฉันใช่ไหม?
Tags: หัวใจ กระต่าย ปิ่นนลิน รัก คุณหมอ
ตอน: ตอนที่ 7 - 50%
ตอนที่ 7 - 50%
ทินกฤตกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปรอบโรงพยาบาลเวชธีระ สายตาสอดส่ายหาร่างบางเจ้าของรอยยิ้มสดใส และดวงตากลมโตที่เขารู้สึกคุ้นเคยเหมือนเห็นกันมาก่อน ทินกฤตคิดหาคำตอบหลายครั้งว่าทำไมเขาถึงได้รู้สึกดีๆ กับคนึงมาสมาก ทำไมดวงตาของหญิงสาวคล้ายคนรักเก่าเขาเหลือเกิน วันนี้เขาก็ได้คำตอบแล้ว คนึงมาสอาจจะเป็นลูกสาวของเขาก็ได้!
“คุณทินครับ” บวรเดินไวๆ มาจากห้องกล้องวงจรปิด เพียงเจอหน้ากันก็ถูกถามทันที
“เจอกระต่ายไหมครับคุณบวร” ทินกฤตร้อนใจเหลือเกิน ทั้งตื่นเต้น ทั้งหวาดหวั่น และอยากเจอ เพื่อจะถามว่าเธอคือลูกสาวของเขาหรือเปล่า
บวรอยู่ในสภาพหอบเล็กน้อย วิ่งพล่านไปทั่วตึกไม่ต่างจากเจ้านายหรอก
“เธอกลับไปแล้วครับ” บวรตอบหลังจากดูภาพจากกล้องวงจรปิดแล้ว ทินกฤตไหล่ตกอย่างผิดหวัง จะว่าไปนี่ก็เกือบหกโมงเย็น คนึงมาสคงกลับบ้านไปแล้วล่ะ
“เอ่อ เธอออกไปกับคุณหมอศูนย์หัวใจ ชื่อ คุณหมอณฐาครับ” บวรตอบตามสิ่งที่เห็น และรับรู้มา “เหมือนว่าคุณหนูกระต่ายจะคบกับคุณหมอณฐาอยู่นะครับ”
“หา?” ทินกฤตลากเสียงยาว ขมวดคิ้ว อยากรู้ขึ้นมาทันทีว่าหมอณฐาคนนั้นเป็นใคร แม้จะยังไม่ชัดเจนว่าคนึงมาสคือลูกสาวเขาหรือไม่ หากอายุ เวลาเกิด ที่นับจากวันแรกที่ทินกฤตรู้ข่าวจากปากมาสิณีว่าเธอท้อง และถ้าเขาไม่ได้เข้าข้างตัวเอง คนึงมาสมีจมูกและคิ้วคล้ายเขาเหมือนกัน เขาเริ่มหงุดหงิดเมื่อรู้ว่าคนึงมาสมีแฟนแล้ว
“คุณทินครับ คุณทินชอบคุณหนูกระต่ายหรือครับ” บวรทำหน้าเหมือนอมของเปรี้ยว เพราะอายุของเจ้านายและหญิงสาวช่างต่างกันเกินไป ถ้าเกิดคบกันมีหวังทินกฤตคงโดนมองไม่ดีแน่ๆ ยิ่งตอนนี้ แม้ลีลาจะพยายามผลักดันทินกฤต หากบอร์ดบริหารและพนักงานระดับสูงหลายคนก็ไม่เห็นด้วย พวกนั้นสนับสนุนธนาลูกชายของเทพทัตมากกว่า
ทินกฤตไม่คิดว่าจะได้ยินคำถามนี้ หันมองคนถามด้วยสายตาตกใจ แต่พอคิดได้ว่าบวรไม่รู้ประวัติช่วงวัยรุ่นของเขาก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นคิดมากแทน จะตอบอย่างไรให้มีเหตุผลดี หากเหลียวมองหน้าบวรอีกครั้ง หลายเดือนที่ผ่านมา บวรคือเพื่อนสนิทของเขาที่สุดแล้ว ทินกฤตก็ตัดสินใจเล่าความหลังให้ลูกน้องคนสนิทฟัง
“คุณบวรตามผมไปที่ห้องดีกว่า”
พออยู่ในห้องทำงานเป็นส่วนตัว ทินกฤตก็บอกความจริงกับบวร “ผมคิดว่ากระต่ายเป็นลูกสาวของผมครับคุณบวร”
“ว่าไงนะครับ!” บวรตกใจทำตาโต ทินกฤตอายุสามสิบเก้าปี จะมีลูกสาวอายุยี่สิบเอ็ดปีได้ยังไง หรือว่าจะพลาดพลั้ง?
“ครับ ผมพลาดกับแฟนเก่าผม ตอนที่ยังเรียนไม่จบมัธยมปลายด้วยซ้ำ” ทินกฤตอ่านคำถามจากแววตาคนสนิทออก และเริ่มเล่าความหลังครั้งสมัยวัยรุ่น สีหน้า และแววตาคนเล่ามีทั้งความคิดถึง โหยหา และเศร้าโศก
“ตอนผมอยู่มัธยมห้า ผมเคยจีบผู้หญิงคนนั้น คนที่ชื่อมาสิณี ที่ผมให้คุณไปสืบประวัติของเธอ ชื่อเดิมของเธอคือ ศมน ผมมักจะเรียกเธอว่า กระแต ตามชื่อเล่นเธอมากกว่า เธอสวยและน่ารักเป็นคนดังในโรงเรียนไม่น้อยเลย มีเด็กนักเรียนผู้ชายชอบเธอหลายคน ผมเป็นรุ่นพี่กระแตหนึ่งปี ตอนนั้นผมเองก็ชอบเธอเหมือนกัน” ทินกฤตหวนนึกถึงช่วงเวลานั้น เขาก็สุขในหัวใจ รอยยิ้ม เสียงหัวเราะของมาสิณีที่ประทับใจเขาจริงๆ
“ผมโชคดีที่ผมเรียนเก่งมั้ง และกระแตก็เรียนเก่งเหมือนกัน สมัยนั้นยังมีการสอบเทียบวุฒิ เข้ามหาวิทยาลัยได้ตั้งแต่มัธยมห้า และโรงเรียนก็มีเปิดติวเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัย กระแตเขาไปขออาจารย์เรียนด้วย เราก็เลยได้รู้จักกัน พูดคุยกัน ผมเริ่มจีบเธอด้วยวิธีคลาสสิก ให้ดอกกุหลาบ ส่งจดหมาย หรือแลกไดอารี่กันอ่าน พอใกล้จบมัธยมห้า ผมก็ได้รับคำสารภาพรักจากกระแต เราก็คบกันเป็นแฟน”
เล่าถึงตรงนี้ ทินกฤตก็หยุดไปครู่หนึ่ง เหมือนว่าช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่แย่มาก
“เราคบกันด้วยดีมาตลอด จนก่อนผมเรียนจบมัธยมหกสี่เดือน ผมแอบพาเธอไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกัน เรามีความสุขเหมือนคู่รักทั่วไป เราสองคนลืมไปสนิทเลยว่าเรายังเป็นนักเรียน และยังต้องเรียนต่ออีกหลายปี เพราะความประมาท ความไม่ยับยั้งช่างใจของผม ทำให้กระแตท้อง ผมตั้งใจรับผิดชอบทุกอย่าง แม่คือคนแรกที่ผมไปสารภาพด้วย” คนเล่าเงียบไปนานทีเดียว
“คุณลีลาท่านทำอย่างไรหรือครับ” ในสายตาบวร ลีลาคือแม่ที่รักและตามใจลูกชายมาก ยอมจ่ายเงินจ้างบวรราคาแพง บวรสามารถทำงานเอกสารก็ได้ และสามารถปกป้องคุ้มครองทินกฤตได้ด้วย ยิ่งหลังจากพี่ชายทินกฤตตายจากไป ลีลาก็ห่วงทินกฤตมากจริงๆ
ทินกฤตถอนหายใจ ดวงตาสีเข้มยามมองไปนอกหน้าต่าง ถูกแสงสีส้มจากดวงอาทิตย์จะลับขอบฟ้าย้อมจนเห็นเพียงความหม่นเศร้าจากแววตา
“แม่ไม่อยากให้ผมมีลูกในเวลานั้น ผมอ้อนวอนแม่ ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้แม่ยอมให้ผมกับกระแตได้เก็บเด็กคนนั้นไว้ แม่ยื่นเงื่อนไขให้ผมหนึ่งข้อ คือ ผมต้องสอบหมอให้ติด และห้ามติดต่อกับกระแตจนกว่าจะสอบเสร็จ ทุกอย่างกำลังจะดี ผมคิดว่าผมสอบติดหมอแน่นอน แม่เองยังพากระแตมาเยี่ยมมาหาผมบ้างเลย … แต่ว่า พอผมสอบเสร็จ ทุกอย่างก็สายไป กระแตบอกผมว่าเธอทำแท้ง เธอบอกเลิกผม ผมแทบบ้าเลยเวลานั้น”
ทินกฤตใจสลายทุกครั้งที่นึกถึงเวลาช่วงนั้น เขาได้แต่ช็อค โวยวายใส่มาสิณีเหมือนคนบ้า เขาเสียใจและผิดหวังที่คนรักเลือกทำแบบนั้น แม้เธอตัดสินใจจะเอาเด็กออก เพราะอยากเรียนหนังสือ อยากทำงานที่ฝันไว้ และยังไม่อยากมีสามีในเวลานั้นก็เถอะ
“ตามวันเดือนปีเกิดของคุณหนูกระต่ายก็เข้าเค้ามากเลยนะครับคุณทิน” บวรมองเอกสารประวัติคนไข้ของ คนึงมาส เมฆอรกานต์ โชคดีที่ตอนนั้นได้พาเธอไปทำแผล เลยมีเก็บประวัติของเธอเอาไว้ บวรเอะใจกับนามสกุลคุ้นๆ เพราะก่อนหน้านี้บวรสงสัยว่าเจ้านายอาจจะชอบคนึงมาสเลยลองค้นหาข้อมูลไว้ก่อน ว่าคนึงมาสไว้ใจได้ไหม พอลองดูข้อมูลก็เจออย่างที่คิด
ไม่นึกเลยว่าจะเป็นลูกสาว!
“คุณหนูกระต่ายไม่ทราบว่าคุณทินคือพ่อของเธอนะครับ” บวรเอ่ย และคนฟังก็พยักหน้า
“แม่เขาคงไม่เล่าหรอกมั้ง”
“เราก็ไม่รู้ด้วยว่าในสายตาคุณหนูกระต่ายมองพ่อแท้ๆ ของเธอยังไง เพราะส่วนใหญ่เด็กที่อยู่กับแม่ อาจจะไม่ค่อยชอบพ่อก็ได้นะครับ อ๊ะ … ผมขอโทษครับ ผมพูดให้คุณกังวล” บวรรีบปิดปากเพราะหน้าของทินกฤตเครียดขึ้นเรื่อยๆ
“คุณพูดถูก แต่ผมก็อยากเจอเธอ อยากแน่ใจมากกว่านี้ด้วย เราตามไปบ้านเธอดีไหม” ทินกฤตรีบเปิดไฟล์เอกสารเพื่อหาที่อยู่ แต่เขาก็ผิดหวัง
“ที่อยู่ในข้อมูลนักสืบ และใบประวัติคุณหนูกระต่ายคือที่ภูเก็ตครับ ไม่ได้ลงที่กรุงเทพฯ ไว้เลย” บวรตอบเสียงอ่อย แต่บวรก็นึกได้ว่า “แต่ผมเคยได้ยินคุณหนูกระต่ายบอกว่าเธอเรียนภาษาอังกฤษ สถาบันอยู่แถวนี้เองครับ เราอาจจะไปดักรอเจอเธอได้นะครับคุณทิน”
“นั่นสินะ คุณบวรช่วยผมหน่อยนะ ผมอยากเจอลูก” ทินกฤตไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครแล้ว
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมเป็นเด็กกำพร้ามาก่อน อยากเจอพ่อแม่สักครั้ง พอมีเหตุการณ์แบบนี้ผมต้องอยากช่วยแน่ๆ ให้พ่อได้เจอกับลูก ผมเต็มใจช่วยนะครับ” บวรยิ้มตอบอย่างเต็มใจ
ทินกฤตเริ่มมีความหวัง เขาจะได้เจอลูกสาว และความรู้สึกสบายใจเพราะมาสิณีไม่ได้ทำแท้ง ความโกรธเกลียดแค้นในใจหายฟุ้งไปกับความจริง เพราะทินกฤตรู้ตัวมาตลอดว่า เขาไม่เคยเกลียดมาสิณีได้เลย!
ศิลาเดินสะโหลสะเหลเข้าบ้านเกือบสามทุ่ม เห็นเพียงณฐานั่งดูภาพยนตร์ในโทรทัศน์ ก็เอ่ยถามพลางทิ้งตัวนั่งบนโซฟาบ้าง
“กระต่ายล่ะ นอนแล้วหรือ”
“อยู่บนห้องน่ะ ไม่รู้ว่านอนหรือยัง” ณฐาตอบพร้อมถอนหายใจ หันมองหน้าเพื่อนเต็มสองสายตา “หิน กระต่ายเป็นอะไรหรือเปล่า”
“ทำไมหรือ กระต่ายเป็นอะไร” ศิลาถามหน้าตาซีเรียส เขานึกถึงเรื่องพี่สาว หรือคนึงมาสจะยังคิดมากเรื่องพี่สาวอยู่
“กระต่ายดูแปลกๆ ตั้งแต่ตอนเย็น หน้าแดงๆ แล้วไม่ค่อยมีสติ เอาแต่ใจลอย” ณฐาเล่า
“ตอนเย็น แกไม่ได้ไปทำงานหรือณัฐ ทำไมถึงไปเห็นอาการหลานสาวฉันได้ เหมือนอยู่ด้วยกันตลอด” อยู่ๆ ศิลาก็ถามเสียงเข้ม ทำเอาคนมีความในใจไม่ปกติรีบหลบตาเหมือนมีพิรุธ
“ฉันก็แค่ให้กระต่ายกลับบ้านด้วย ยังไงไอ้โรงเรียนสอนภาษาก็อยู่ไม่ไกลโรงพยาบาล จากโรงเรียนไปโรงพยาบาลใกล้กว่ากลับบ้านอีกนะ กระต่ายเองก็จะได้กลับบ้านอย่างปลอดภัยไง” ณฐาหาเหตุผลมาตอบ
“แกใจดีกับหลานฉันจริงๆ ว่ะไอ้ณัฐ ขอบใจนะที่ช่วยดูแลหลานฉันให้” ศิลาไม่ถามอะไรต่อ และไม่ยิ้มตอนขอบคุณณฐาด้วย เสียงเข้มผิดปกติ และแววตาดุๆ จนคนมองกลัวเกรงแปลกๆ ทั้งที่ณฐาไม่เคยกลัวศิลามาก่อนเลย
“จะไปไหนวะ” ณฐารีบถามเมื่อศิลาลุกจากโซฟา
“ไปดูกระต่ายน่ะสิ” ศิลาจ้องตาตอบเพื่อนซี้ร่วมบ้าน
“แกยังไม่ตอบฉันเลยว่ากระต่ายเป็นอะไร เครียดอะไรหรือเปล่า หรือมีโรคประจำตัวอะไรไหม” ณฐากังวลจริงๆ นะ ตอนเย็นที่พาเธอกลับบ้าน ปกติคนึงมาสจะสดใสกว่าวันนี้ เธอนั่งเงียบ หน้าแดงๆ ถามคำก็ตอบคำ แถมหลบตาเขาด้วย ณฐาทำตัวไม่ถูก และร้อนใจ ฟุ้งซ่านมาก! “ข้าวเย็นก็ไม่กิน ฉันชวนไปกินของโปรด ไปกินไอศกรีมก็ยังไม่ไป”
ศิลาเลิกคิ้วสูง เบิกตาโตมองเพื่อนที่มันไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังแสดงออกกับหลานสาวเขามากแค่ไหนแล้วก็ต้องกลั้นหัวเราะแทบแย่ แต่ศิลาห่วงหลานสาวมากกว่าจะยืนแซวหรือแกล้งกดดันเพื่อนต่อ เลยตบไหล่เพื่อนเบาๆ
“กระต่ายไม่มีโรคประจำตัวอะไร เธอแข็งแรงดี สายตาก็ไม่สั้นไม่ยาว ฟันแข็งแรงสะอาดทุกซี่ ส่วนถ้าถามฉันว่ากระต่ายเครียดอะไร ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน เดี๋ยวขึ้นไปถามดูก็น่าจะรู้ ขอบใจแกนะที่ห่วงหลานสาวฉันขนาดนี้”
“ก็หลานสาวแกนี่หว่า ก็ต้องห่วง ธรรมดาๆ” ณฐาอ้อมแอ้มตอบ พลางหลบตาอย่างมีพิรุธ
“ธรรมดาเหรอ ฮึ! .... ถ้าไม่สบายใจไว้จะให้กระต่ายไปตรวจสุขภาพที่เวชธีระ แล้วให้นายตรวจหัวใจหลานสาวฉันด้วยดีไหมล่ะ ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าตอนนี้หัวใจกระต่ายปกติดีหรือเปล่า” ศิลายิ้มล้อเพื่อน ก่อนจะเดินฮัมเพลงขึ้นบันไดไปหาหลานสาว โดยแกล้งมองไม่เห็นว่าแก้มณฐานั้นแดงจนน่าเป็นห่วง!
จบตอน
มีวี่แววจะมีอุปสรรคให้หมอณัฐแล้วค่ะ ขนาดยังไม่แน่ใจว่ากระต่ายเป็นลูกหรือไม่ พ่อก็กางกรงเล็บแล้ว 5555
คุณ แว่นใส - หมอณัฐจีบสาวไม่เป็นค่า ขอเวลาหน่อยน้า ฮ่าๆ
คุณ ตามหาฝัน - ตอนหน้า มาลุ้นต่อน้าาา
คุณ kaelek - อะไรหลายอย่าง พ่อคิดว่าใช่ แต่ขอหาคำตอบชัวร์ๆ สักหน่อยค่า ^^
คุณ พอใจ - คู่พ่อแม่ คุณพ่อต้องพยายามหน่อยล่ะ เพราะคุณแม่เองก็มีเหตุผลที่ไม่ยอมบอกเรื่องลูก >_<
พบกันใหม่ตอนหน้าค่า
สวัสดีค่า
ทินกฤตกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปรอบโรงพยาบาลเวชธีระ สายตาสอดส่ายหาร่างบางเจ้าของรอยยิ้มสดใส และดวงตากลมโตที่เขารู้สึกคุ้นเคยเหมือนเห็นกันมาก่อน ทินกฤตคิดหาคำตอบหลายครั้งว่าทำไมเขาถึงได้รู้สึกดีๆ กับคนึงมาสมาก ทำไมดวงตาของหญิงสาวคล้ายคนรักเก่าเขาเหลือเกิน วันนี้เขาก็ได้คำตอบแล้ว คนึงมาสอาจจะเป็นลูกสาวของเขาก็ได้!
“คุณทินครับ” บวรเดินไวๆ มาจากห้องกล้องวงจรปิด เพียงเจอหน้ากันก็ถูกถามทันที
“เจอกระต่ายไหมครับคุณบวร” ทินกฤตร้อนใจเหลือเกิน ทั้งตื่นเต้น ทั้งหวาดหวั่น และอยากเจอ เพื่อจะถามว่าเธอคือลูกสาวของเขาหรือเปล่า
บวรอยู่ในสภาพหอบเล็กน้อย วิ่งพล่านไปทั่วตึกไม่ต่างจากเจ้านายหรอก
“เธอกลับไปแล้วครับ” บวรตอบหลังจากดูภาพจากกล้องวงจรปิดแล้ว ทินกฤตไหล่ตกอย่างผิดหวัง จะว่าไปนี่ก็เกือบหกโมงเย็น คนึงมาสคงกลับบ้านไปแล้วล่ะ
“เอ่อ เธอออกไปกับคุณหมอศูนย์หัวใจ ชื่อ คุณหมอณฐาครับ” บวรตอบตามสิ่งที่เห็น และรับรู้มา “เหมือนว่าคุณหนูกระต่ายจะคบกับคุณหมอณฐาอยู่นะครับ”
“หา?” ทินกฤตลากเสียงยาว ขมวดคิ้ว อยากรู้ขึ้นมาทันทีว่าหมอณฐาคนนั้นเป็นใคร แม้จะยังไม่ชัดเจนว่าคนึงมาสคือลูกสาวเขาหรือไม่ หากอายุ เวลาเกิด ที่นับจากวันแรกที่ทินกฤตรู้ข่าวจากปากมาสิณีว่าเธอท้อง และถ้าเขาไม่ได้เข้าข้างตัวเอง คนึงมาสมีจมูกและคิ้วคล้ายเขาเหมือนกัน เขาเริ่มหงุดหงิดเมื่อรู้ว่าคนึงมาสมีแฟนแล้ว
“คุณทินครับ คุณทินชอบคุณหนูกระต่ายหรือครับ” บวรทำหน้าเหมือนอมของเปรี้ยว เพราะอายุของเจ้านายและหญิงสาวช่างต่างกันเกินไป ถ้าเกิดคบกันมีหวังทินกฤตคงโดนมองไม่ดีแน่ๆ ยิ่งตอนนี้ แม้ลีลาจะพยายามผลักดันทินกฤต หากบอร์ดบริหารและพนักงานระดับสูงหลายคนก็ไม่เห็นด้วย พวกนั้นสนับสนุนธนาลูกชายของเทพทัตมากกว่า
ทินกฤตไม่คิดว่าจะได้ยินคำถามนี้ หันมองคนถามด้วยสายตาตกใจ แต่พอคิดได้ว่าบวรไม่รู้ประวัติช่วงวัยรุ่นของเขาก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นคิดมากแทน จะตอบอย่างไรให้มีเหตุผลดี หากเหลียวมองหน้าบวรอีกครั้ง หลายเดือนที่ผ่านมา บวรคือเพื่อนสนิทของเขาที่สุดแล้ว ทินกฤตก็ตัดสินใจเล่าความหลังให้ลูกน้องคนสนิทฟัง
“คุณบวรตามผมไปที่ห้องดีกว่า”
พออยู่ในห้องทำงานเป็นส่วนตัว ทินกฤตก็บอกความจริงกับบวร “ผมคิดว่ากระต่ายเป็นลูกสาวของผมครับคุณบวร”
“ว่าไงนะครับ!” บวรตกใจทำตาโต ทินกฤตอายุสามสิบเก้าปี จะมีลูกสาวอายุยี่สิบเอ็ดปีได้ยังไง หรือว่าจะพลาดพลั้ง?
“ครับ ผมพลาดกับแฟนเก่าผม ตอนที่ยังเรียนไม่จบมัธยมปลายด้วยซ้ำ” ทินกฤตอ่านคำถามจากแววตาคนสนิทออก และเริ่มเล่าความหลังครั้งสมัยวัยรุ่น สีหน้า และแววตาคนเล่ามีทั้งความคิดถึง โหยหา และเศร้าโศก
“ตอนผมอยู่มัธยมห้า ผมเคยจีบผู้หญิงคนนั้น คนที่ชื่อมาสิณี ที่ผมให้คุณไปสืบประวัติของเธอ ชื่อเดิมของเธอคือ ศมน ผมมักจะเรียกเธอว่า กระแต ตามชื่อเล่นเธอมากกว่า เธอสวยและน่ารักเป็นคนดังในโรงเรียนไม่น้อยเลย มีเด็กนักเรียนผู้ชายชอบเธอหลายคน ผมเป็นรุ่นพี่กระแตหนึ่งปี ตอนนั้นผมเองก็ชอบเธอเหมือนกัน” ทินกฤตหวนนึกถึงช่วงเวลานั้น เขาก็สุขในหัวใจ รอยยิ้ม เสียงหัวเราะของมาสิณีที่ประทับใจเขาจริงๆ
“ผมโชคดีที่ผมเรียนเก่งมั้ง และกระแตก็เรียนเก่งเหมือนกัน สมัยนั้นยังมีการสอบเทียบวุฒิ เข้ามหาวิทยาลัยได้ตั้งแต่มัธยมห้า และโรงเรียนก็มีเปิดติวเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัย กระแตเขาไปขออาจารย์เรียนด้วย เราก็เลยได้รู้จักกัน พูดคุยกัน ผมเริ่มจีบเธอด้วยวิธีคลาสสิก ให้ดอกกุหลาบ ส่งจดหมาย หรือแลกไดอารี่กันอ่าน พอใกล้จบมัธยมห้า ผมก็ได้รับคำสารภาพรักจากกระแต เราก็คบกันเป็นแฟน”
เล่าถึงตรงนี้ ทินกฤตก็หยุดไปครู่หนึ่ง เหมือนว่าช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่แย่มาก
“เราคบกันด้วยดีมาตลอด จนก่อนผมเรียนจบมัธยมหกสี่เดือน ผมแอบพาเธอไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกัน เรามีความสุขเหมือนคู่รักทั่วไป เราสองคนลืมไปสนิทเลยว่าเรายังเป็นนักเรียน และยังต้องเรียนต่ออีกหลายปี เพราะความประมาท ความไม่ยับยั้งช่างใจของผม ทำให้กระแตท้อง ผมตั้งใจรับผิดชอบทุกอย่าง แม่คือคนแรกที่ผมไปสารภาพด้วย” คนเล่าเงียบไปนานทีเดียว
“คุณลีลาท่านทำอย่างไรหรือครับ” ในสายตาบวร ลีลาคือแม่ที่รักและตามใจลูกชายมาก ยอมจ่ายเงินจ้างบวรราคาแพง บวรสามารถทำงานเอกสารก็ได้ และสามารถปกป้องคุ้มครองทินกฤตได้ด้วย ยิ่งหลังจากพี่ชายทินกฤตตายจากไป ลีลาก็ห่วงทินกฤตมากจริงๆ
ทินกฤตถอนหายใจ ดวงตาสีเข้มยามมองไปนอกหน้าต่าง ถูกแสงสีส้มจากดวงอาทิตย์จะลับขอบฟ้าย้อมจนเห็นเพียงความหม่นเศร้าจากแววตา
“แม่ไม่อยากให้ผมมีลูกในเวลานั้น ผมอ้อนวอนแม่ ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้แม่ยอมให้ผมกับกระแตได้เก็บเด็กคนนั้นไว้ แม่ยื่นเงื่อนไขให้ผมหนึ่งข้อ คือ ผมต้องสอบหมอให้ติด และห้ามติดต่อกับกระแตจนกว่าจะสอบเสร็จ ทุกอย่างกำลังจะดี ผมคิดว่าผมสอบติดหมอแน่นอน แม่เองยังพากระแตมาเยี่ยมมาหาผมบ้างเลย … แต่ว่า พอผมสอบเสร็จ ทุกอย่างก็สายไป กระแตบอกผมว่าเธอทำแท้ง เธอบอกเลิกผม ผมแทบบ้าเลยเวลานั้น”
ทินกฤตใจสลายทุกครั้งที่นึกถึงเวลาช่วงนั้น เขาได้แต่ช็อค โวยวายใส่มาสิณีเหมือนคนบ้า เขาเสียใจและผิดหวังที่คนรักเลือกทำแบบนั้น แม้เธอตัดสินใจจะเอาเด็กออก เพราะอยากเรียนหนังสือ อยากทำงานที่ฝันไว้ และยังไม่อยากมีสามีในเวลานั้นก็เถอะ
“ตามวันเดือนปีเกิดของคุณหนูกระต่ายก็เข้าเค้ามากเลยนะครับคุณทิน” บวรมองเอกสารประวัติคนไข้ของ คนึงมาส เมฆอรกานต์ โชคดีที่ตอนนั้นได้พาเธอไปทำแผล เลยมีเก็บประวัติของเธอเอาไว้ บวรเอะใจกับนามสกุลคุ้นๆ เพราะก่อนหน้านี้บวรสงสัยว่าเจ้านายอาจจะชอบคนึงมาสเลยลองค้นหาข้อมูลไว้ก่อน ว่าคนึงมาสไว้ใจได้ไหม พอลองดูข้อมูลก็เจออย่างที่คิด
ไม่นึกเลยว่าจะเป็นลูกสาว!
“คุณหนูกระต่ายไม่ทราบว่าคุณทินคือพ่อของเธอนะครับ” บวรเอ่ย และคนฟังก็พยักหน้า
“แม่เขาคงไม่เล่าหรอกมั้ง”
“เราก็ไม่รู้ด้วยว่าในสายตาคุณหนูกระต่ายมองพ่อแท้ๆ ของเธอยังไง เพราะส่วนใหญ่เด็กที่อยู่กับแม่ อาจจะไม่ค่อยชอบพ่อก็ได้นะครับ อ๊ะ … ผมขอโทษครับ ผมพูดให้คุณกังวล” บวรรีบปิดปากเพราะหน้าของทินกฤตเครียดขึ้นเรื่อยๆ
“คุณพูดถูก แต่ผมก็อยากเจอเธอ อยากแน่ใจมากกว่านี้ด้วย เราตามไปบ้านเธอดีไหม” ทินกฤตรีบเปิดไฟล์เอกสารเพื่อหาที่อยู่ แต่เขาก็ผิดหวัง
“ที่อยู่ในข้อมูลนักสืบ และใบประวัติคุณหนูกระต่ายคือที่ภูเก็ตครับ ไม่ได้ลงที่กรุงเทพฯ ไว้เลย” บวรตอบเสียงอ่อย แต่บวรก็นึกได้ว่า “แต่ผมเคยได้ยินคุณหนูกระต่ายบอกว่าเธอเรียนภาษาอังกฤษ สถาบันอยู่แถวนี้เองครับ เราอาจจะไปดักรอเจอเธอได้นะครับคุณทิน”
“นั่นสินะ คุณบวรช่วยผมหน่อยนะ ผมอยากเจอลูก” ทินกฤตไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครแล้ว
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมเป็นเด็กกำพร้ามาก่อน อยากเจอพ่อแม่สักครั้ง พอมีเหตุการณ์แบบนี้ผมต้องอยากช่วยแน่ๆ ให้พ่อได้เจอกับลูก ผมเต็มใจช่วยนะครับ” บวรยิ้มตอบอย่างเต็มใจ
ทินกฤตเริ่มมีความหวัง เขาจะได้เจอลูกสาว และความรู้สึกสบายใจเพราะมาสิณีไม่ได้ทำแท้ง ความโกรธเกลียดแค้นในใจหายฟุ้งไปกับความจริง เพราะทินกฤตรู้ตัวมาตลอดว่า เขาไม่เคยเกลียดมาสิณีได้เลย!
ศิลาเดินสะโหลสะเหลเข้าบ้านเกือบสามทุ่ม เห็นเพียงณฐานั่งดูภาพยนตร์ในโทรทัศน์ ก็เอ่ยถามพลางทิ้งตัวนั่งบนโซฟาบ้าง
“กระต่ายล่ะ นอนแล้วหรือ”
“อยู่บนห้องน่ะ ไม่รู้ว่านอนหรือยัง” ณฐาตอบพร้อมถอนหายใจ หันมองหน้าเพื่อนเต็มสองสายตา “หิน กระต่ายเป็นอะไรหรือเปล่า”
“ทำไมหรือ กระต่ายเป็นอะไร” ศิลาถามหน้าตาซีเรียส เขานึกถึงเรื่องพี่สาว หรือคนึงมาสจะยังคิดมากเรื่องพี่สาวอยู่
“กระต่ายดูแปลกๆ ตั้งแต่ตอนเย็น หน้าแดงๆ แล้วไม่ค่อยมีสติ เอาแต่ใจลอย” ณฐาเล่า
“ตอนเย็น แกไม่ได้ไปทำงานหรือณัฐ ทำไมถึงไปเห็นอาการหลานสาวฉันได้ เหมือนอยู่ด้วยกันตลอด” อยู่ๆ ศิลาก็ถามเสียงเข้ม ทำเอาคนมีความในใจไม่ปกติรีบหลบตาเหมือนมีพิรุธ
“ฉันก็แค่ให้กระต่ายกลับบ้านด้วย ยังไงไอ้โรงเรียนสอนภาษาก็อยู่ไม่ไกลโรงพยาบาล จากโรงเรียนไปโรงพยาบาลใกล้กว่ากลับบ้านอีกนะ กระต่ายเองก็จะได้กลับบ้านอย่างปลอดภัยไง” ณฐาหาเหตุผลมาตอบ
“แกใจดีกับหลานฉันจริงๆ ว่ะไอ้ณัฐ ขอบใจนะที่ช่วยดูแลหลานฉันให้” ศิลาไม่ถามอะไรต่อ และไม่ยิ้มตอนขอบคุณณฐาด้วย เสียงเข้มผิดปกติ และแววตาดุๆ จนคนมองกลัวเกรงแปลกๆ ทั้งที่ณฐาไม่เคยกลัวศิลามาก่อนเลย
“จะไปไหนวะ” ณฐารีบถามเมื่อศิลาลุกจากโซฟา
“ไปดูกระต่ายน่ะสิ” ศิลาจ้องตาตอบเพื่อนซี้ร่วมบ้าน
“แกยังไม่ตอบฉันเลยว่ากระต่ายเป็นอะไร เครียดอะไรหรือเปล่า หรือมีโรคประจำตัวอะไรไหม” ณฐากังวลจริงๆ นะ ตอนเย็นที่พาเธอกลับบ้าน ปกติคนึงมาสจะสดใสกว่าวันนี้ เธอนั่งเงียบ หน้าแดงๆ ถามคำก็ตอบคำ แถมหลบตาเขาด้วย ณฐาทำตัวไม่ถูก และร้อนใจ ฟุ้งซ่านมาก! “ข้าวเย็นก็ไม่กิน ฉันชวนไปกินของโปรด ไปกินไอศกรีมก็ยังไม่ไป”
ศิลาเลิกคิ้วสูง เบิกตาโตมองเพื่อนที่มันไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังแสดงออกกับหลานสาวเขามากแค่ไหนแล้วก็ต้องกลั้นหัวเราะแทบแย่ แต่ศิลาห่วงหลานสาวมากกว่าจะยืนแซวหรือแกล้งกดดันเพื่อนต่อ เลยตบไหล่เพื่อนเบาๆ
“กระต่ายไม่มีโรคประจำตัวอะไร เธอแข็งแรงดี สายตาก็ไม่สั้นไม่ยาว ฟันแข็งแรงสะอาดทุกซี่ ส่วนถ้าถามฉันว่ากระต่ายเครียดอะไร ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน เดี๋ยวขึ้นไปถามดูก็น่าจะรู้ ขอบใจแกนะที่ห่วงหลานสาวฉันขนาดนี้”
“ก็หลานสาวแกนี่หว่า ก็ต้องห่วง ธรรมดาๆ” ณฐาอ้อมแอ้มตอบ พลางหลบตาอย่างมีพิรุธ
“ธรรมดาเหรอ ฮึ! .... ถ้าไม่สบายใจไว้จะให้กระต่ายไปตรวจสุขภาพที่เวชธีระ แล้วให้นายตรวจหัวใจหลานสาวฉันด้วยดีไหมล่ะ ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าตอนนี้หัวใจกระต่ายปกติดีหรือเปล่า” ศิลายิ้มล้อเพื่อน ก่อนจะเดินฮัมเพลงขึ้นบันไดไปหาหลานสาว โดยแกล้งมองไม่เห็นว่าแก้มณฐานั้นแดงจนน่าเป็นห่วง!
จบตอน
มีวี่แววจะมีอุปสรรคให้หมอณัฐแล้วค่ะ ขนาดยังไม่แน่ใจว่ากระต่ายเป็นลูกหรือไม่ พ่อก็กางกรงเล็บแล้ว 5555
คุณ แว่นใส - หมอณัฐจีบสาวไม่เป็นค่า ขอเวลาหน่อยน้า ฮ่าๆ
คุณ ตามหาฝัน - ตอนหน้า มาลุ้นต่อน้าาา
คุณ kaelek - อะไรหลายอย่าง พ่อคิดว่าใช่ แต่ขอหาคำตอบชัวร์ๆ สักหน่อยค่า ^^
คุณ พอใจ - คู่พ่อแม่ คุณพ่อต้องพยายามหน่อยล่ะ เพราะคุณแม่เองก็มีเหตุผลที่ไม่ยอมบอกเรื่องลูก >_<
พบกันใหม่ตอนหน้าค่า
สวัสดีค่า
ปิ่นนลิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 มี.ค. 2560, 01:51:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 มี.ค. 2560, 02:01:35 น.
จำนวนการเข้าชม : 1104
<< ตอนที่ 6 -100% | ตอนที่ 7 - 100% >> |
แว่นใส 2 มี.ค. 2560, 06:18:13 น.
จะหวงลูก หรือว่าจะทวงเมียคืนก่อนดีจ๊ะ
จะหวงลูก หรือว่าจะทวงเมียคืนก่อนดีจ๊ะ
ตามหาฝัน 2 มี.ค. 2560, 07:26:48 น.
มีหวงลูกสาวสะแล้ว
มีหวงลูกสาวสะแล้ว
พอใจ 2 มี.ค. 2560, 17:20:04 น.
ลุ้นๆ ต่างคนต่างรู้แล้วว่าเป็นพ่อลูกกัน แต่ต่างคนต่างก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายนึงจะรู้ความลับนี้ พ่อก็กลัวลูกสาวโกรธ ลูกสาวก็กลัวว่าพ่อไม่ยอมรับและกลัวแม่เสียใจ ตอนนี้ขอลุ้นคู่พ่อลูกว่าจะสารภาพเปิดเผยความเป็นพ่อลูกกันยังไง อยากให้พ่อลูกเค้าได้แสดงความรักต่อกัน เพราะลูกก็ไม่ได้เกลียดพ่อ
ลุ้นๆ ต่างคนต่างรู้แล้วว่าเป็นพ่อลูกกัน แต่ต่างคนต่างก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายนึงจะรู้ความลับนี้ พ่อก็กลัวลูกสาวโกรธ ลูกสาวก็กลัวว่าพ่อไม่ยอมรับและกลัวแม่เสียใจ ตอนนี้ขอลุ้นคู่พ่อลูกว่าจะสารภาพเปิดเผยความเป็นพ่อลูกกันยังไง อยากให้พ่อลูกเค้าได้แสดงความรักต่อกัน เพราะลูกก็ไม่ได้เกลียดพ่อ
Zephyr 27 มี.ค. 2560, 01:58:17 น.
พ่อเป็นผู้บริหารเลยนะ พี่ณัฐสู้ๆ
พ่อเป็นผู้บริหารเลยนะ พี่ณัฐสู้ๆ