The D.O.L.L.S โศกนาฏกรรมปีศาจตุ๊กตามหาเวท
"นักขายความฝันผู้เลือดร้อน & นักโทษประหารผู้เริงร่า & หัวขโมยผู้เย็นชา"
ต่างถิ่น ต่างความคิด ต่างอาชีพ ต่างนิสัย ต่างจุดมุ่งหมาย ต่างเผ่าพันธุ์
กลับต้องมาอยู่ด้วยกันเพราะเหตุบางอย่าง... The D.O.L.L.S
ตุ๊กตาปีศาจมีลักษณะรูปร่างเหมือนมนุษย์ทุกประการ
ถ้าอย่างนั้น...จะรู้ได้อย่างไร?
...เป็นปีศาจ...หาใช่มนุษย์ไม่...
ระวังไว้ให้ดี...ทุกอย่างอาจเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา...
...ที่ใครบางคนสร้างขึ้นเท่านั้น...
สงครามระหว่างผู้มีพลังเวทกับมนุษย์ธรรมดา
ใครจะอยู่รอดเป็นผู้กำชัยชนะ!?
- ขอขอบคุณนักอ่านทุกท่านจากใจจริง -
แผนที่นครเซ็นทรัม http://i49.photobucket.com/albums/f290/thunchanoks/map122e1.jpg
ต่างถิ่น ต่างความคิด ต่างอาชีพ ต่างนิสัย ต่างจุดมุ่งหมาย ต่างเผ่าพันธุ์
กลับต้องมาอยู่ด้วยกันเพราะเหตุบางอย่าง... The D.O.L.L.S
ตุ๊กตาปีศาจมีลักษณะรูปร่างเหมือนมนุษย์ทุกประการ
ถ้าอย่างนั้น...จะรู้ได้อย่างไร?
...เป็นปีศาจ...หาใช่มนุษย์ไม่...
ระวังไว้ให้ดี...ทุกอย่างอาจเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา...
...ที่ใครบางคนสร้างขึ้นเท่านั้น...
สงครามระหว่างผู้มีพลังเวทกับมนุษย์ธรรมดา
ใครจะอยู่รอดเป็นผู้กำชัยชนะ!?
- ขอขอบคุณนักอ่านทุกท่านจากใจจริง -
แผนที่นครเซ็นทรัม http://i49.photobucket.com/albums/f290/thunchanoks/map122e1.jpg
Tags: ตุ๊กตา,ปีศาจ,คำสาป,เวทมนตร์,สงคราม,แฟนตาซี,ผู้ใช้เวท,มนุษย์,โศกนาฏกรรม,mystery
ตอน: Episode 12 : || รอยยิ้มชั่วร้ายกลางสายฝน ||
EPISODE 12
รอยยิ้มชั่วร้ายกลางสายฝน
“พะ...พิเศษ!?” เสียงงุนงงถามซ้ำ ใบหน้าซีดเผือดมองรอยยิ้มเยาะสะใจของคนตรงหน้า
“ใช่แล้ว” ชายหนุ่มตอบเสียงสูง “แกไปรับศพเจ้านั่นที่ยูราได้ แต่เดี๋ยวก่อน...ข้าไม่แน่ใจว่าจะทิ้งศพของมันไว้ให้แกรึเปล่านะ ฮะๆๆๆๆ!!”
แล้วร่างสูงก็หายตัวไป เซนเธยืนตกใจกลัวอยู่ริมระเบียง แขนข้างหนึ่งต้องเกาะระเบียงเอาไว้เพราะเขารู้สึกเวียนหัวจนแทบยืนไม่ไหว ไม่คิดเลยว่าทุกอย่างจะกลายเป็นแบบนี้
มันกำลังไปที่ยูรา...
...เพื่อฆ่าริชาร์ด
ไม่!
กษัตริย์แห่งเบอริลไม่คิดอะไรต่ออีก รีบร่ายเวทหายตัวเคลื่อนย้ายตัวเองไปยังแคว้นยูราในทันที แต่เพราะยูรามีเครื่องต้านพลังเวทจึงทำให้เขาปรากฏตัวขึ้นนอกกำแพงเมืองแทน
หลังจากมองสำรวจว่าตัวเองอยู่ที่ไหนและเห็นด่านตรวจอยู่ในสายตา เซนเธจึงรู้ว่าตัวเองอยู่นอกกำแพงเมือง ห่างจากประตูใหญ่ซึ่งมีด่านตรวจเข้าเมืองมาไม่ไกลนัก แต่เขาจะเข้าไปในยูราได้อย่างไรในเมื่อตัวเขามีพลังเวท และในเมืองก็คงมีเครื่องตรวจสอบพลังเวทอยู่เต็มไปหมดแน่ๆ
ทันใดนั้นเองเขาก็เห็นร่างหนึ่งเดินออกมาพร้อมใครอีกคนและรถเคอาร์ที่บริเวณหน้าด่านเข้าเมือง เขาจำร่างคุ้นเคยนั่นได้ดี เจ้าเด็กคนนั้นก็คือหัวขโมยที่ขโมยแผนที่ต้องคำสาปของริชาร์ดไป แต่ทำไมมันถึงไม่เป็นอะไรเลย เดินออกจากยูราได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งที่มีพลังเวทไหลเวียนอยู่ในร่าง
เซนเธยืนแอบอยู่หลังต้นไม้ เพ่งสายตามองสองคนเดินเข้ามาใกล้ อีกคนกระโดดหายขึ้นไปในรถเมอาร์เหลือแต่ร่างเล็กเดินนำอยู่ด้านหน้า ในหัวคิดอย่างมึนงงว่าทำไมเด็กสาวคนนั้นถึงรอดพ้นจากยูรามาได้ แล้วเขาก็ตัดสินใจออกไปยืนขวางหน้าทั้งสองคนเอาไว้ นัยน์ตาสีแดงเพลิงมองเขาด้วยสายตาหงุดหงิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเบิกกว้างด้วยความตกใจ
“กะ...กษัตริย์เซนเธ!!”
เซนเธแห่งเบอริลมาทำอะไรที่นี่เนี่ย!?
“เจ้า...ทำไมเจ้าถึงเข้าไปในยูราได้...ทำไม” เสียงสั่นถาม ท่าทางเหมือนคนตื่นตะหนกหวาดกลัวอะไรบางอย่างของกษัตริย์เซนเธทำให้มิเวลสงสัย
“...เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ” ใจจริงเธอไม่อยากเสียเวลา แต่ภาพชายผู้น่าเกรงขามสมกับตำแหน่งผู้ครองเมืองของเซนเธคนก่อนยังคงปรากฏค้างอยู่ในหัว แต่ในเวลาแค่ไม่กี่วันต่อมาทำไมถึงมีสภาพเหมือนคนใกล้บ้าไปได้
“มิเวล” เสียงเรียกจากเอเวนดึงความสนใจของเธอไป เขากระโดดลงมาจากเคอาร์แล้วเดินมายืนข้างๆ “ทำอะไรน่ะ”
“เจ้า...พวกเจ้าเข้าไปในยูราได้สินะ...แผนที่นั่น...เจ้ายังมีแผนที่นั่นด้วยสินะ”
มิเวลหันกลับไปมองเซนเธซึ่งกำลังมีสีหน้าซีดเผือด ส่วนเอเวนขมวดคิ้วเข้าหากันมองคนตรงหน้าด้วยสายตาไม่ไว้ใจ
“ถ้าท่านจะมาขอแผนที่ ต้องขออภัยด้วยเพราะข้าคืนให้ท่านไม่ได้” เด็กสาวกล่าว แต่ก็ต้องรู้สึกแปลกใจเมื่อเห็นผู้สูงวัยกว่าส่ายหน้าน้อยๆ
“ไม่ใช่...ข้าต้องการความช่วยเหลือ ข้าเข้าไปในยูราไม่ได้เพราะอะไรเจ้าก็รู้อยู่ แต่...แต่ลูกชายข้าอยู่ในนั้น มีผู้ใช้เวทคนหนึ่งกำลังตามล่าลูกของข้า แล้วมันก็สามารถเข้าไปในยูราได้”
มิเวลเหลือบไปมองเอเวน เห็นเขาเหลือบสายตามามองเธอเช่นกัน เอเวนคงคิดเหมือนเธอว่าผู้ใช้เวทคนนั้นอาจจะมีอุปกรณ์อะไรบางอย่างปกปิดไอเวทอย่างกำไลทองของเขา
แต่เจ้าชายริชาร์ดไม่ใช่ผู้ใช้เวทอย่างงั้นหรอกเหรอ ผิดคาดแฮะ
“ทำไมเจ้าชายถึงโดนผู้ใช้เวทคนนั้นตามล่าตัวล่ะ” มิเวลเอ่ยถาม คิดไปเองว่าบางทีเจ้าชายคงไปพูดอะไรไม่เข้าหูผู้ใช้เวทคนนั้นก็เลยโดนหมายหัว
“มันเป็นข้อตกลง...”
“ข้อตกลง?” เอเวนเอ่ยซ้ำพลางขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
ข้อตกลงประเภทไหนกัน เล่นเอาชีวิตมาเดิมพัน
“เพราะข้า...ข้าต้องการให้เบอริลเข้มแข็งจึงพร่ำบอกริชาร์ดให้เขาแสดงถึงความแข็งแกร่ง เมื่อเวลาที่เขาขึ้นครองราชย์จะได้ไม่มีเมืองอื่นมากล้าหือ แต่ข้าไม่นึกเลย...ไม่คิดเลยว่าเขาจะเอาชีวิตไปเสี่ยงอันตราย วันคืนผ่านไป แล้วคืนหนึ่งก็มีผู้ใช้เวทคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น ประกาศตนว่าชื่อเฟลนเวย์ ยื่นข้อเสนอให้กับริชาร์ดว่าเขาสามารถพิสูจน์ความแข็งแกร่งได้ โดยจะต้องไปยังสถานที่ที่ไม่มีผู้ใดรู้ว่าอยู่ที่ไหน”
ภาพในคืนนั้นเมื่อสองปีก่อนหวนกลับมาหลอกหลอนอีกครั้ง
เขาจำได้มันอย่างแม่นยำ
ในคืนมืดมิดไร้พระจันทร์แห่งการเริ่มต้นความสินสิ้นหวังพร้อมด้วยเสียงฝนสาดกระหน่ำรุนแรง เซนเธและริชาร์ดกำลังนั่งอ่านเอกสารราชการอยู่ในห้องโถงใหญ่ ปรึกษาหาวิธีแก้ปัญหาอุทกภัยซึ่งรุนแรงที่สุดในรอบปี
จู่ๆ ก็มีร่างสูงของใครคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตู ใบหน้าเจ้าเล่ห์จ้องตรงมาพร้อมด้วยรอยยิ้มบางๆ ริชาร์ดรีบลุกจากเก้าอี้ ตะโกนถามเสียงดังพร้อมกับชักดาบออกมาเตรียมพร้อม
“เจ้าเป็นใคร!? มีจุดประสงค์อันใดถึงบุกรุกเข้ามาในวังหลวงยามวิกาลเช่นนี้” เสียงหัวเราะขำขันดังมาจากชายตรงหน้า
“ใจเย็นๆ สิเจ้าชาย ข้าชื่อเฟลนเวย์ มีของมาขายให้ท่าน และของนั่นก็คือสิ่งที่ท่านตามหามานานเสียด้วย” ร่างสูงกล่าวพร้อมกับเดินตรงเข้ามาหยุดยืนใกล้ๆ
“ของอะไร” ริชาร์ดยังไม่ลดดาบในมือ แต่อีกฝ่ายกลับยิ้มเจ้าเล่ห์ประจันหน้ากับปลายดาบโดยไม่มีท่าทีเกรงกลัวอะไรสักนิด
“...อย่างเช่น...ความแข็งแกร่ง...และหนทางที่ท่านจะพิสูจน์มัน” ปฏิกิริยาชะงักเล็กน้อยของเจ้าชายทำให้เฟลนเวย์ยิ้มอย่างพอใจ กษัตริย์เซนเธลุกยืนขึ้น เสียงแข็งเอ่ยห้ามกับผู้เป็นลูก
“พูดเพ้อเจ้ออะไรของเจ้า ริชาร์ด อย่าไปสนใจ...”
เสียงดีดนิ้วเปาะดังขึ้น แล้วร่างของคนสูงวัยก็หยุดยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน แข็งเป็นหิน ขยับตัวไม่ได้โดยสิ้นเชิงแม้กระทั่งการเอ่ยปากพูดก็ยังทำไม่ได้ ริชาร์ดหันไปมองบิดาด้วยความตกใจ
“เจ้าทำอะไรกับพ่อของข้า!?” ดาบในมือจ่อเข้าไปที่คอของคนตรงหน้าพร้อมกับกดน้ำหนักลงเล็กน้อย หมายเค้นเอาคำตอบ แต่เฟลนเวย์ก็ยังคงยืนยิ้มเยาะอย่างสนุก
“ถ้าให้พ่อของท่านอยู่ด้วยเดี๋ยวก็พูดโน่นพูดนี่น่ารำคาญเปล่าๆ” ชายหนุ่มตอบท่าทางสบายๆ ก่อนจะกล่าวต่อ “งั้น...รีบเข้าเรื่องกันดีกว่า”
เฟลนเวย์ใช้นิ้วเคาะบนดาบสองที บอกเป็นนัยๆ ว่าให้อีกฝ่ายเอาดาบออกไปจากคอของเขา ริชาร์ดลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยอมลดดาบลงในที่สุดพร้อมกับเอ่ยถามอย่างไม่ไว้ใจ
“เจ้าต้องการอะไรจากข้า”
“ผิดแล้วเจ้าชาย ข้ามีของมาเสนอให้ท่านต่างหาก” เสียงขำขันแก้
“ของอะไร”
“ข้ารู้ว่าท่านอยากพิสูจน์ความแข็งแกร่ง แต่ท่านรู้มั้ยว่าจะพิสูจน์ได้เช่นไร” เฟลนเวย์ลองถาม แล้วคำตอบก็เป็นดังคาดเมื่อคนถูกถามเงียบไปก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆ
ต้องแบบนี้สิเจ้าชาย...
เฟลนเวย์ยิ้มเจ้าเล่ห์ด้วยความตื่นเต้น เรื่องสนุกกำลังจะเริ่มต่อจากนี้ล่ะ
“ท่านจะต้องไปสถานที่ที่ไม่มีผู้ใดรู้ว่ามันอยู่ที่ไหน ท่านรู้จัก...นครสาบสูญ มั้ยล่ะ” ริชาร์ดขมวดคิ้ว ทำไมเขาจะไม่รู้จักหนึ่งในห้าสถานที่ต้องห้ามในประวัติศาตร์
“ข้ารู้จัก”
“แล้วท่านเคยได้ยินเรื่องแผนที่ต้องคำสาปหรือไม่” คนถูกถามพยักหน้าตอบ
เขารู้จักแผนที่นั่นดีเพราะมันถูกบันทึกลงในประวัติศาสตร์ แผนที่ต้องคำสาปเขียนขึ้นโดยนักบวชคนหนึ่งซึ่งภายหลังถูกกล่าวว่าป็นคนบาป ในประวัติศาสตร์มีบันทึกข้อมูลของแผนที่ต้องคำสาปว่ามีเส้นทางไปยังห้าสถานที่ต้องห้ามเขียนอยู่ แต่ในปัจจุบันไม่มีใครรู้ว่าแผนที่นั่นอยู่ที่ไหน และไม่มีใครรู้เส้นทางไปยังสถานที่ต้องห้ามทั้งห้าด้วยเช่นกัน
ริชาร์ดมองคนตรงหน้าด้วยสายตาไม่เข้าใจว่าเขาจะเรื่องนี้มาพูดทำไม
“ดูให้ดี...” เฟลนเวย์กล่าว ก่อนจะใช้มือหยิบล้วงหยิบของสิ่งหนึ่งในกระเป๋าขึ้นมาแล้วแบมือออก เผยให้เห็นลูกกลมๆ สีขาวขุ่นขนาดพอดีมือ มีหมอกควันสีขาวๆ อยู่โดยรอบ “นี่คือ...แผนที่ต้องคำสาป”
ริชาร์ดเบิกตากว้างมองของในมืออีกฝ่ายอย่างตกตะลึง
เขาจำได้ดีว่าในประวัติศาสตร์ก็มีเขียนบันทึกเกี่ยวกับรูปร่างของแผนที่อยู่ แต่เขารู้แค่ว่ามันมีลักษณะกลม ยังนึกขำในใจว่าแผนที่อะไรจะมีรูปร่างกลมกัน ไม่คิดมาก่อนว่าจะได้มาเห็นของจริง
แค่มองหมอกควันพวกนั้น เขาก็สำผัสได้ถึงไอเวทมหาศาลของมัน
ของจริงแน่นอน!
“ข้าจะให้ท่านเอาแผนที่ไปครอบครองสองปี ท่านจะต้องไปยังหนึ่งในห้าสถานที่ต้องห้ามและกลับมาที่นี่ภายในสองปี”
“ตกลง ข้าตกลง เอามาให้ข้า” ริชาร์ดรีบตอบทันควัน สองมือไขว่คว้าลูกกลมๆ ในมือของอีกฝ่าย แต่มือของเขากลับทะลุผ่านร่างของเฟลนเวย์ไป ร่างสูงจางหายกลายเป็นหมอกควันแล้วปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งข้างหลังเขา
“อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจ เจ้าชาย...ข้ามีข้อแลกเปลี่ยน”
“ข้อแลกเปลี่ยน?” น้ำเสียงสงสัยทวน
“ใช่แล้ว นี่คือข้อตกลงระหว่างท่านกับข้า ท่านจะได้แผนที่ไปครอบครองสองปี และภายในเวลาสองปีท่านจะต้องไปยังหนึ่งในห้าสถานที่ต้องห้ามรวมทั้งกลับมาที่นี่ แลกกับอายุขัยสิบปีของท่าน และพลังเวททั้งหมดให้กับข้า” ริชาร์ดชักสีหน้าทันที เสียงกราดเกรี้ยวตวาดใส่
“พลังเวททั้งหมดเชียวรึ!”
“ก็แค่ช่วงเวลาสองปีที่ท่านครอบครองแผนที่อยู่เท่านั้น เมื่อข้อตกลงเป็นอันสิ้นสุด ข้าจะคืนพลังเวทให้ท่านแน่นอน” เสียงสบายๆ เอ่ยอธิบาย มองอีกฝ่ายทำสีหน้าเครียดอย่างพอใจ ก่อนจะนึกอะไรออกจึงกล่าวเสริม “แล้วถ้าข้อตกลงผิดเพี้ยนไป อย่างเช่น...ท่านไม่สามารถไปหนึ่งในห้าสถานที่ต้องห้ามได้ทันเวลา ข้าจะมาขอรับอายุขัยทั้งหมดของท่าน และแน่นอนว่าข้าคืนพลังเวทให้ท่านไม่ได้ ท่านมีความเห็นว่าอย่างไร จะตกลงหรือไม่ล่ะเจ้าชาย”
ริชาร์ดครุ่นคิดอย่างหนัก เหลือบมองแผนที่ต้องสาปในมือของเฟลนเวย์เป็นพักๆ ถ้าเขามีแผนที่นั่น เขาก็จะสามารถไปหาสมบัติจากสถานที่ทั้งห้าได้ แล้วเขาก็จะกลายเป็นคนแข็งแกร่งและร่ำรวยที่สุด จะไม่มีผู้ใดกล้ามาต่อกรด้วย ชื่อเสียงของเขาจะโด่งดังไปทั่ว
มีเวลาตั้งสองปี ยังไงเรื่องข้อตกลงไปกลับนั่นเขาต้องทำสำเร็จอยู่แล้ว และนี่เป็นโอกาสอันดีที่เขาต้องรีบคว้ามันเอาไว้!
“ข้าตกลง”
ใบหน้าเจ้าเล่ห์แสยะยิ้มชั่วร้ายเมื่อได้รับคำตอบ ก่อนจะยื่นแผนที่ในมือให้เจ้าชายริชาร์ด
“เยี่ยมยอด เอาล่ะเจ้าชาย ข้าขอให้ท่านโชคดี”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“ข้าอยู่ด้วยตลอด แม้จะโดนเวทสาปให้เป็นหิน แต่ข้าเห็นและได้ยินทุกอย่าง ลูกของข้าทำข้อตกลงกับเจ้านั่นจึงได้แผนที่มา ทุกอย่างควรจะดำเนินไปด้วยดีแต่มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น...” เซนเธกล่าว ใบหน้าสูงวัยฉายความเศร้าหมองตั้งแต่เริ่มเล่าเรื่อง “...แผนที่นั่น ทั้งข้าและริชาร์ดไม่มีใครดูมันได้ ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ตาม พอถือมันไว้ในมือ ตั้งใจจะดู ก็จะเหม่อลอยไร้สติไป ข้าทำทุกวิถีทาง ทั้งแช่ในน้ำ เผาก็แล้ว หรือแม้แต่เรียกทหารยามหลายร้อยคนให้มาดูแผนที่พร้อมกันก็ยังดูไม่ได้”
มิเวลกัดปาก ฟังอีกฝ่ายเล่าเรื่องแล้วเธอก็เริ่มรู้สึกกดดัน เธอเองก็ยังไม่รู้วิธีดูแผนที่นั่น หรือว่ามันจะดูไม่ได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วเธอจะทำอย่างไรดี
“แล้วเวลาก็ผ่านไปจนล่วงเลยมาเกือบสองปี เหลืออีกแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้นข้าจึงเริ่มคิดจะพึ่งกำลังจากเมืองใหญ่ต่อสู้กับผู้ใช้เวทนั่น แต่ปัญหาคือ ข้าเองก็เป็นผู้ใช้เวทโดยที่ปกปิดความจริงข้อนี้เอาไว้ แล้วเมืองใหญ่ก็เกลียดผู้ใช้เวทมากเหลือเกิน หากไปขอความช่วยเหลือล่ะก็ คงจะมีการสอบสวนจนสักวันหนึ่งความต้องแตกอย่างแน่นอน ข้าจึงจนปัญญาสิ้นหวังไปวันๆ แล้ววันหนึ่งจดหมายจากยูราก็ทำให้ข้ามีความหวัง เจ้าหญิงเรเน่ชื่นชอบริชาร์ดลูกชายของข้า จึงขอจัดการดูตัวขึ้น ข้าเริ่มวางแผนทุกอย่าง ส่งของกำนัลไปให้ยูราหวังว่าเจ้าหญิงเรเน่จะพอใจและตกลงแต่งงานกับริชาร์ด ถึงตอนนั้นก็จะมีกองกำลังจากแคว้นยูรายื่นมือเข้าช่วยเหลือแน่นอน แล้วทุกอย่างก็กลับตาลปัตรเมื่อยูราส่งจดหมายมาบอกว่าส่งตัวเจ้าหญิงเรเน่มายังเบอริลไม่ได้แล้ว ข้าจึงต้องให้ลูกของข้าไปยูราแทน ซึ่งนับว่าดีเข้าไปใหญ่เพราะลูกชายข้าจะได้ไปอยู่ที่ยูราและได้รับการปกป้องอย่างเต็มที่ แถมริชาร์ดก็ไม่มีพลังเวทอีกแล้ว ทุกอย่างเหมือนจะดำเนินไปได้ด้วยดี แต่...”
มิเวลชักใจไม่ดีเมื่อเห็นกษัตริย์เซนเธมีท่าทางเหมือนคนกำลังจะขาดใจ พอหันไปมองเอเวนต้องการจะขอความเห็นจากเขา เห็นใบหน้านิ่งสนิทมองผู้สูงวัยกว่าด้วยสายตาเย็นชา
สมกับเป็นเจ้าน้ำแข็งจริงๆ!
“แต่เจ้านั่นมันก็มาปรากฏตัว บอกกับข้าว่ามันจะมาทำตามข้อตกลงแล้วก็จะฆ่าลูกชายของข้า ดังนั้นข้าจึงรีบมาที่นี่ แต่ข้าเข้ายูราไม่ได้เพราะมีพลังเวท” แล้วเสียงอ่อนแรงก็เริ่มเล่าต่อ มิเวลจึงหันกลับไปมอง “เพราะฉะนั้น...ถ้าเจ้าเข้าไปได้ ข้าขอร้อง...ได้โปรด ช่วยลูกของข้าด้วย!”
เด็กสาวมีสีหน้าลำบากใจ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรเธอถึงรู้สึกสงสารคนตรงหน้าทั้งที่ตัดสินใจไปแล้วว่าเธอจะไม่รู้สึกเห็นใจหรือสงสารใครเด็ดขาด แต่ในเมื่อความตั้งใจของเธอมันเคยพังทลายลงไปแล้ว จะให้พังทลายอีกรอบก็คงไม่เป็นอะไรล่ะมั้ง เพราะเธอรู้สึกอยากช่วยกษัตริย์เซนเธจริงๆ
“เด็กนั่นล่ะ! เจ้าเด็กนั่นที่เคยอยู่กับเจ้าตอนนั้น เขาใช้พลังประหลาดได้ไม่ใช่หรือ”
“พลังจิตน่ะ” มิเวลแก้ “ตอนนี้เขาไม่อยู่หรอก...แต่ข้าจะลองช่วยดู”
เซนเธเผยรอยยิ้มดีใจพร้อมทั้งกล่าวขอบคุณจากใจจริง เอเวนหันขวับมามองเธอทันที แววตาแข็งกร้าวอย่างขุ่นเคืองจ้องเธอด้วยความไม่พอใจ
“ข้าปฏิเสธ”
“แค่ช่วยให้ผู้ใช้เวทคนนั้นหาไม่เจอก็พอแล้ว” มิเวลพยายามเกลี้ยกล่อม แต่ก็ยังคงได้รับคำตอบเดิมจากเอเวน เขาส่ายหน้าไม่เห็นด้วยพร้อมกับส่งสายตาดุมาให้เธอ
กษัตริย์เซนเธมีสีหน้าเหมือนคนจะร้องไห้ มิเวลมองผู้สูงวัยกว่าด้วยความหนักใจ การต่อสู้กับผู้ใช้เวทนั้นไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เพราะเธอไม่ถนัดใช้เวทสู้เลยสักนิดเดียว ยังไงก็ต้องให้เอเวนช่วยแต่เจ้าบ้าน้ำแข็งก็ดันไร้น้ำใจเอาแต่ปฏิเสธเสียงแข็งเสียนี่
“ถ้าไปให้วอลขอให้ควินัวช่วยจะได้มั้ยนะ” เด็กสาวพึมพำกับตัวเอง แต่ดังพอให้คนข้างกายได้ยิน เอเวนเหลือบมองเธอก่อนน้ำเสียงเย็นชาจะเอ่ยตอบ
“ได้ ถ้าเจ้าอยากฆ่าเจ้าสี่ขานั่น” มิเวลหันขวับไปมองเจ้าของเสียงด้วยความงุนงง
“หมายความว่ายังไง?”
“วันก่อนมันใช้พลังไปตั้งเยอะแต่เจ้าก็ยังพามันไปเดินนู่นนี่ไม่ให้มันได้นอนพัก สัตว์เวทใช้เวลาเป็นอาทิตย์กว่ามันจะฟื้นพลังได้เหมือนเดิม”
มิเวลฟังคำอธิบายแล้วก็ชักจะรู้สึกผิดขึ้นมา นึกถึงควินัวแล้วเธออยากจะขอโทษมันเหลือเกิน ในเมื่อเป็นแบบนี้ เธอก็ไม่เหลือทางอื่นนอกจากจะต้องขอร้องเอเวนน่ะสิ
ไม่! ไม่เด็ดขาด
เธอไม่มีทางยอมขอร้องเจ้าคนใจดำที่เอาแต่ทำหน้าตายฟังเรื่องทุกข์ใจของคนอื่นแน่
เพราะฉะนั้นก็เหลือแค่ทางเดียว
“เจ้าจะไปช่วยเจ้าชายริชาร์ดกับข้าหรือไม่” เสียงเย็นเอ่ยถามจริงจัง เอเวนรู้สึกแปลกใจเมื่อจู่ๆ มิเวลก็เปลี่ยนท่าทีกะทันหัน
“ไม่ แค่ผู้ใช้เวทคนเดียว เดี๋ยวยูราก็จัดการเอง”
มิเวลพยายามคิดตาม
ยูราแข็งแกร่งได้เพราะอาศัยเครื่องต้านพลังเวทอะไรพวกนั้น แต่ถ้าเครื่องจักรกลใช้การไม่ได้ คนธรรมดาหรือจะสู้ผู้ใช้เวทได้ อาจจะเป็นไปได้ถ้าศัตรูไม่ค่อยมีพลังเวทแบบเธอ แต่ถ้ากษัตริย์เซนเธยังหวาดกลัวขนาดนี้ และผู้ใช้เวทคนนั้นมีอุปกรณ์ปกปิดไอเวทอย่างเอเวนด้วยละก็ เธอมั่นใจว่ายูราไม่มีทางชนะแน่
“ถ้างั้นข้าไปคนเดียวก็ได้ เจ้ารอข้าอยู่ตรงนี้แหละ ถ้าข้ากลายเป็นศพ ตอนนั้นเจ้าก็ค่อยไปเก็บแผนที่เอาจากศพของข้าก็แล้วกัน” น้ำเสียงเด็ดขาดบอกอย่างมั่นใจ ก่อนจะหันหลังมุ่งหน้ากลับไปยังแคว้นยูรา
เอเวนมองร่างเล็กเดินห่างออกไปเรื่อยๆ สีหน้ามุ่ยขมวดคิ้วเข้าหากัน ในใจคิดสบถระบายอารมณ์ ก่อนจะถอนหายใจยาวออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“ข้าตกลงก็ได้” เสียงเย็นชาตะโกนบอก
มิเวลยิ้มชั่วร้ายกับตัวเองทันที แล้วรีบปรับสีหน้าให้นิ่งสนิทก่อนหันหลังกลับไป
พอเดินเข้าไปใกล้เอเวน เสียงครืดเหมือนอะไรบางอยากถูกเลื่อนก็ดังมาจากข้างบน เด็กสาวเงยหน้ามองเคอาร์เพราะได้ยินเสียงอยู่เหนือศีรษะตัวเองพอดี เอเวนกับเซนเธเงยหน้ามองตาม เห็นใบหน้าคุ้นเคยยื่นออกมานอกหน้าต่างพร้อมด้วยรอยยิ้มกว้าง
“ครั้งนี้ข้าขอร่วมวงสนุกด้วยคนสิ”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
โปรดติดตามตอนต่อไป!
รอยยิ้มชั่วร้ายกลางสายฝน
“พะ...พิเศษ!?” เสียงงุนงงถามซ้ำ ใบหน้าซีดเผือดมองรอยยิ้มเยาะสะใจของคนตรงหน้า
“ใช่แล้ว” ชายหนุ่มตอบเสียงสูง “แกไปรับศพเจ้านั่นที่ยูราได้ แต่เดี๋ยวก่อน...ข้าไม่แน่ใจว่าจะทิ้งศพของมันไว้ให้แกรึเปล่านะ ฮะๆๆๆๆ!!”
แล้วร่างสูงก็หายตัวไป เซนเธยืนตกใจกลัวอยู่ริมระเบียง แขนข้างหนึ่งต้องเกาะระเบียงเอาไว้เพราะเขารู้สึกเวียนหัวจนแทบยืนไม่ไหว ไม่คิดเลยว่าทุกอย่างจะกลายเป็นแบบนี้
มันกำลังไปที่ยูรา...
...เพื่อฆ่าริชาร์ด
ไม่!
กษัตริย์แห่งเบอริลไม่คิดอะไรต่ออีก รีบร่ายเวทหายตัวเคลื่อนย้ายตัวเองไปยังแคว้นยูราในทันที แต่เพราะยูรามีเครื่องต้านพลังเวทจึงทำให้เขาปรากฏตัวขึ้นนอกกำแพงเมืองแทน
หลังจากมองสำรวจว่าตัวเองอยู่ที่ไหนและเห็นด่านตรวจอยู่ในสายตา เซนเธจึงรู้ว่าตัวเองอยู่นอกกำแพงเมือง ห่างจากประตูใหญ่ซึ่งมีด่านตรวจเข้าเมืองมาไม่ไกลนัก แต่เขาจะเข้าไปในยูราได้อย่างไรในเมื่อตัวเขามีพลังเวท และในเมืองก็คงมีเครื่องตรวจสอบพลังเวทอยู่เต็มไปหมดแน่ๆ
ทันใดนั้นเองเขาก็เห็นร่างหนึ่งเดินออกมาพร้อมใครอีกคนและรถเคอาร์ที่บริเวณหน้าด่านเข้าเมือง เขาจำร่างคุ้นเคยนั่นได้ดี เจ้าเด็กคนนั้นก็คือหัวขโมยที่ขโมยแผนที่ต้องคำสาปของริชาร์ดไป แต่ทำไมมันถึงไม่เป็นอะไรเลย เดินออกจากยูราได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งที่มีพลังเวทไหลเวียนอยู่ในร่าง
เซนเธยืนแอบอยู่หลังต้นไม้ เพ่งสายตามองสองคนเดินเข้ามาใกล้ อีกคนกระโดดหายขึ้นไปในรถเมอาร์เหลือแต่ร่างเล็กเดินนำอยู่ด้านหน้า ในหัวคิดอย่างมึนงงว่าทำไมเด็กสาวคนนั้นถึงรอดพ้นจากยูรามาได้ แล้วเขาก็ตัดสินใจออกไปยืนขวางหน้าทั้งสองคนเอาไว้ นัยน์ตาสีแดงเพลิงมองเขาด้วยสายตาหงุดหงิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเบิกกว้างด้วยความตกใจ
“กะ...กษัตริย์เซนเธ!!”
เซนเธแห่งเบอริลมาทำอะไรที่นี่เนี่ย!?
“เจ้า...ทำไมเจ้าถึงเข้าไปในยูราได้...ทำไม” เสียงสั่นถาม ท่าทางเหมือนคนตื่นตะหนกหวาดกลัวอะไรบางอย่างของกษัตริย์เซนเธทำให้มิเวลสงสัย
“...เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ” ใจจริงเธอไม่อยากเสียเวลา แต่ภาพชายผู้น่าเกรงขามสมกับตำแหน่งผู้ครองเมืองของเซนเธคนก่อนยังคงปรากฏค้างอยู่ในหัว แต่ในเวลาแค่ไม่กี่วันต่อมาทำไมถึงมีสภาพเหมือนคนใกล้บ้าไปได้
“มิเวล” เสียงเรียกจากเอเวนดึงความสนใจของเธอไป เขากระโดดลงมาจากเคอาร์แล้วเดินมายืนข้างๆ “ทำอะไรน่ะ”
“เจ้า...พวกเจ้าเข้าไปในยูราได้สินะ...แผนที่นั่น...เจ้ายังมีแผนที่นั่นด้วยสินะ”
มิเวลหันกลับไปมองเซนเธซึ่งกำลังมีสีหน้าซีดเผือด ส่วนเอเวนขมวดคิ้วเข้าหากันมองคนตรงหน้าด้วยสายตาไม่ไว้ใจ
“ถ้าท่านจะมาขอแผนที่ ต้องขออภัยด้วยเพราะข้าคืนให้ท่านไม่ได้” เด็กสาวกล่าว แต่ก็ต้องรู้สึกแปลกใจเมื่อเห็นผู้สูงวัยกว่าส่ายหน้าน้อยๆ
“ไม่ใช่...ข้าต้องการความช่วยเหลือ ข้าเข้าไปในยูราไม่ได้เพราะอะไรเจ้าก็รู้อยู่ แต่...แต่ลูกชายข้าอยู่ในนั้น มีผู้ใช้เวทคนหนึ่งกำลังตามล่าลูกของข้า แล้วมันก็สามารถเข้าไปในยูราได้”
มิเวลเหลือบไปมองเอเวน เห็นเขาเหลือบสายตามามองเธอเช่นกัน เอเวนคงคิดเหมือนเธอว่าผู้ใช้เวทคนนั้นอาจจะมีอุปกรณ์อะไรบางอย่างปกปิดไอเวทอย่างกำไลทองของเขา
แต่เจ้าชายริชาร์ดไม่ใช่ผู้ใช้เวทอย่างงั้นหรอกเหรอ ผิดคาดแฮะ
“ทำไมเจ้าชายถึงโดนผู้ใช้เวทคนนั้นตามล่าตัวล่ะ” มิเวลเอ่ยถาม คิดไปเองว่าบางทีเจ้าชายคงไปพูดอะไรไม่เข้าหูผู้ใช้เวทคนนั้นก็เลยโดนหมายหัว
“มันเป็นข้อตกลง...”
“ข้อตกลง?” เอเวนเอ่ยซ้ำพลางขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
ข้อตกลงประเภทไหนกัน เล่นเอาชีวิตมาเดิมพัน
“เพราะข้า...ข้าต้องการให้เบอริลเข้มแข็งจึงพร่ำบอกริชาร์ดให้เขาแสดงถึงความแข็งแกร่ง เมื่อเวลาที่เขาขึ้นครองราชย์จะได้ไม่มีเมืองอื่นมากล้าหือ แต่ข้าไม่นึกเลย...ไม่คิดเลยว่าเขาจะเอาชีวิตไปเสี่ยงอันตราย วันคืนผ่านไป แล้วคืนหนึ่งก็มีผู้ใช้เวทคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น ประกาศตนว่าชื่อเฟลนเวย์ ยื่นข้อเสนอให้กับริชาร์ดว่าเขาสามารถพิสูจน์ความแข็งแกร่งได้ โดยจะต้องไปยังสถานที่ที่ไม่มีผู้ใดรู้ว่าอยู่ที่ไหน”
ภาพในคืนนั้นเมื่อสองปีก่อนหวนกลับมาหลอกหลอนอีกครั้ง
เขาจำได้มันอย่างแม่นยำ
ในคืนมืดมิดไร้พระจันทร์แห่งการเริ่มต้นความสินสิ้นหวังพร้อมด้วยเสียงฝนสาดกระหน่ำรุนแรง เซนเธและริชาร์ดกำลังนั่งอ่านเอกสารราชการอยู่ในห้องโถงใหญ่ ปรึกษาหาวิธีแก้ปัญหาอุทกภัยซึ่งรุนแรงที่สุดในรอบปี
จู่ๆ ก็มีร่างสูงของใครคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตู ใบหน้าเจ้าเล่ห์จ้องตรงมาพร้อมด้วยรอยยิ้มบางๆ ริชาร์ดรีบลุกจากเก้าอี้ ตะโกนถามเสียงดังพร้อมกับชักดาบออกมาเตรียมพร้อม
“เจ้าเป็นใคร!? มีจุดประสงค์อันใดถึงบุกรุกเข้ามาในวังหลวงยามวิกาลเช่นนี้” เสียงหัวเราะขำขันดังมาจากชายตรงหน้า
“ใจเย็นๆ สิเจ้าชาย ข้าชื่อเฟลนเวย์ มีของมาขายให้ท่าน และของนั่นก็คือสิ่งที่ท่านตามหามานานเสียด้วย” ร่างสูงกล่าวพร้อมกับเดินตรงเข้ามาหยุดยืนใกล้ๆ
“ของอะไร” ริชาร์ดยังไม่ลดดาบในมือ แต่อีกฝ่ายกลับยิ้มเจ้าเล่ห์ประจันหน้ากับปลายดาบโดยไม่มีท่าทีเกรงกลัวอะไรสักนิด
“...อย่างเช่น...ความแข็งแกร่ง...และหนทางที่ท่านจะพิสูจน์มัน” ปฏิกิริยาชะงักเล็กน้อยของเจ้าชายทำให้เฟลนเวย์ยิ้มอย่างพอใจ กษัตริย์เซนเธลุกยืนขึ้น เสียงแข็งเอ่ยห้ามกับผู้เป็นลูก
“พูดเพ้อเจ้ออะไรของเจ้า ริชาร์ด อย่าไปสนใจ...”
เสียงดีดนิ้วเปาะดังขึ้น แล้วร่างของคนสูงวัยก็หยุดยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน แข็งเป็นหิน ขยับตัวไม่ได้โดยสิ้นเชิงแม้กระทั่งการเอ่ยปากพูดก็ยังทำไม่ได้ ริชาร์ดหันไปมองบิดาด้วยความตกใจ
“เจ้าทำอะไรกับพ่อของข้า!?” ดาบในมือจ่อเข้าไปที่คอของคนตรงหน้าพร้อมกับกดน้ำหนักลงเล็กน้อย หมายเค้นเอาคำตอบ แต่เฟลนเวย์ก็ยังคงยืนยิ้มเยาะอย่างสนุก
“ถ้าให้พ่อของท่านอยู่ด้วยเดี๋ยวก็พูดโน่นพูดนี่น่ารำคาญเปล่าๆ” ชายหนุ่มตอบท่าทางสบายๆ ก่อนจะกล่าวต่อ “งั้น...รีบเข้าเรื่องกันดีกว่า”
เฟลนเวย์ใช้นิ้วเคาะบนดาบสองที บอกเป็นนัยๆ ว่าให้อีกฝ่ายเอาดาบออกไปจากคอของเขา ริชาร์ดลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยอมลดดาบลงในที่สุดพร้อมกับเอ่ยถามอย่างไม่ไว้ใจ
“เจ้าต้องการอะไรจากข้า”
“ผิดแล้วเจ้าชาย ข้ามีของมาเสนอให้ท่านต่างหาก” เสียงขำขันแก้
“ของอะไร”
“ข้ารู้ว่าท่านอยากพิสูจน์ความแข็งแกร่ง แต่ท่านรู้มั้ยว่าจะพิสูจน์ได้เช่นไร” เฟลนเวย์ลองถาม แล้วคำตอบก็เป็นดังคาดเมื่อคนถูกถามเงียบไปก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆ
ต้องแบบนี้สิเจ้าชาย...
เฟลนเวย์ยิ้มเจ้าเล่ห์ด้วยความตื่นเต้น เรื่องสนุกกำลังจะเริ่มต่อจากนี้ล่ะ
“ท่านจะต้องไปสถานที่ที่ไม่มีผู้ใดรู้ว่ามันอยู่ที่ไหน ท่านรู้จัก...นครสาบสูญ มั้ยล่ะ” ริชาร์ดขมวดคิ้ว ทำไมเขาจะไม่รู้จักหนึ่งในห้าสถานที่ต้องห้ามในประวัติศาตร์
“ข้ารู้จัก”
“แล้วท่านเคยได้ยินเรื่องแผนที่ต้องคำสาปหรือไม่” คนถูกถามพยักหน้าตอบ
เขารู้จักแผนที่นั่นดีเพราะมันถูกบันทึกลงในประวัติศาสตร์ แผนที่ต้องคำสาปเขียนขึ้นโดยนักบวชคนหนึ่งซึ่งภายหลังถูกกล่าวว่าป็นคนบาป ในประวัติศาสตร์มีบันทึกข้อมูลของแผนที่ต้องคำสาปว่ามีเส้นทางไปยังห้าสถานที่ต้องห้ามเขียนอยู่ แต่ในปัจจุบันไม่มีใครรู้ว่าแผนที่นั่นอยู่ที่ไหน และไม่มีใครรู้เส้นทางไปยังสถานที่ต้องห้ามทั้งห้าด้วยเช่นกัน
ริชาร์ดมองคนตรงหน้าด้วยสายตาไม่เข้าใจว่าเขาจะเรื่องนี้มาพูดทำไม
“ดูให้ดี...” เฟลนเวย์กล่าว ก่อนจะใช้มือหยิบล้วงหยิบของสิ่งหนึ่งในกระเป๋าขึ้นมาแล้วแบมือออก เผยให้เห็นลูกกลมๆ สีขาวขุ่นขนาดพอดีมือ มีหมอกควันสีขาวๆ อยู่โดยรอบ “นี่คือ...แผนที่ต้องคำสาป”
ริชาร์ดเบิกตากว้างมองของในมืออีกฝ่ายอย่างตกตะลึง
เขาจำได้ดีว่าในประวัติศาสตร์ก็มีเขียนบันทึกเกี่ยวกับรูปร่างของแผนที่อยู่ แต่เขารู้แค่ว่ามันมีลักษณะกลม ยังนึกขำในใจว่าแผนที่อะไรจะมีรูปร่างกลมกัน ไม่คิดมาก่อนว่าจะได้มาเห็นของจริง
แค่มองหมอกควันพวกนั้น เขาก็สำผัสได้ถึงไอเวทมหาศาลของมัน
ของจริงแน่นอน!
“ข้าจะให้ท่านเอาแผนที่ไปครอบครองสองปี ท่านจะต้องไปยังหนึ่งในห้าสถานที่ต้องห้ามและกลับมาที่นี่ภายในสองปี”
“ตกลง ข้าตกลง เอามาให้ข้า” ริชาร์ดรีบตอบทันควัน สองมือไขว่คว้าลูกกลมๆ ในมือของอีกฝ่าย แต่มือของเขากลับทะลุผ่านร่างของเฟลนเวย์ไป ร่างสูงจางหายกลายเป็นหมอกควันแล้วปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งข้างหลังเขา
“อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจ เจ้าชาย...ข้ามีข้อแลกเปลี่ยน”
“ข้อแลกเปลี่ยน?” น้ำเสียงสงสัยทวน
“ใช่แล้ว นี่คือข้อตกลงระหว่างท่านกับข้า ท่านจะได้แผนที่ไปครอบครองสองปี และภายในเวลาสองปีท่านจะต้องไปยังหนึ่งในห้าสถานที่ต้องห้ามรวมทั้งกลับมาที่นี่ แลกกับอายุขัยสิบปีของท่าน และพลังเวททั้งหมดให้กับข้า” ริชาร์ดชักสีหน้าทันที เสียงกราดเกรี้ยวตวาดใส่
“พลังเวททั้งหมดเชียวรึ!”
“ก็แค่ช่วงเวลาสองปีที่ท่านครอบครองแผนที่อยู่เท่านั้น เมื่อข้อตกลงเป็นอันสิ้นสุด ข้าจะคืนพลังเวทให้ท่านแน่นอน” เสียงสบายๆ เอ่ยอธิบาย มองอีกฝ่ายทำสีหน้าเครียดอย่างพอใจ ก่อนจะนึกอะไรออกจึงกล่าวเสริม “แล้วถ้าข้อตกลงผิดเพี้ยนไป อย่างเช่น...ท่านไม่สามารถไปหนึ่งในห้าสถานที่ต้องห้ามได้ทันเวลา ข้าจะมาขอรับอายุขัยทั้งหมดของท่าน และแน่นอนว่าข้าคืนพลังเวทให้ท่านไม่ได้ ท่านมีความเห็นว่าอย่างไร จะตกลงหรือไม่ล่ะเจ้าชาย”
ริชาร์ดครุ่นคิดอย่างหนัก เหลือบมองแผนที่ต้องสาปในมือของเฟลนเวย์เป็นพักๆ ถ้าเขามีแผนที่นั่น เขาก็จะสามารถไปหาสมบัติจากสถานที่ทั้งห้าได้ แล้วเขาก็จะกลายเป็นคนแข็งแกร่งและร่ำรวยที่สุด จะไม่มีผู้ใดกล้ามาต่อกรด้วย ชื่อเสียงของเขาจะโด่งดังไปทั่ว
มีเวลาตั้งสองปี ยังไงเรื่องข้อตกลงไปกลับนั่นเขาต้องทำสำเร็จอยู่แล้ว และนี่เป็นโอกาสอันดีที่เขาต้องรีบคว้ามันเอาไว้!
“ข้าตกลง”
ใบหน้าเจ้าเล่ห์แสยะยิ้มชั่วร้ายเมื่อได้รับคำตอบ ก่อนจะยื่นแผนที่ในมือให้เจ้าชายริชาร์ด
“เยี่ยมยอด เอาล่ะเจ้าชาย ข้าขอให้ท่านโชคดี”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“ข้าอยู่ด้วยตลอด แม้จะโดนเวทสาปให้เป็นหิน แต่ข้าเห็นและได้ยินทุกอย่าง ลูกของข้าทำข้อตกลงกับเจ้านั่นจึงได้แผนที่มา ทุกอย่างควรจะดำเนินไปด้วยดีแต่มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น...” เซนเธกล่าว ใบหน้าสูงวัยฉายความเศร้าหมองตั้งแต่เริ่มเล่าเรื่อง “...แผนที่นั่น ทั้งข้าและริชาร์ดไม่มีใครดูมันได้ ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ตาม พอถือมันไว้ในมือ ตั้งใจจะดู ก็จะเหม่อลอยไร้สติไป ข้าทำทุกวิถีทาง ทั้งแช่ในน้ำ เผาก็แล้ว หรือแม้แต่เรียกทหารยามหลายร้อยคนให้มาดูแผนที่พร้อมกันก็ยังดูไม่ได้”
มิเวลกัดปาก ฟังอีกฝ่ายเล่าเรื่องแล้วเธอก็เริ่มรู้สึกกดดัน เธอเองก็ยังไม่รู้วิธีดูแผนที่นั่น หรือว่ามันจะดูไม่ได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วเธอจะทำอย่างไรดี
“แล้วเวลาก็ผ่านไปจนล่วงเลยมาเกือบสองปี เหลืออีกแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้นข้าจึงเริ่มคิดจะพึ่งกำลังจากเมืองใหญ่ต่อสู้กับผู้ใช้เวทนั่น แต่ปัญหาคือ ข้าเองก็เป็นผู้ใช้เวทโดยที่ปกปิดความจริงข้อนี้เอาไว้ แล้วเมืองใหญ่ก็เกลียดผู้ใช้เวทมากเหลือเกิน หากไปขอความช่วยเหลือล่ะก็ คงจะมีการสอบสวนจนสักวันหนึ่งความต้องแตกอย่างแน่นอน ข้าจึงจนปัญญาสิ้นหวังไปวันๆ แล้ววันหนึ่งจดหมายจากยูราก็ทำให้ข้ามีความหวัง เจ้าหญิงเรเน่ชื่นชอบริชาร์ดลูกชายของข้า จึงขอจัดการดูตัวขึ้น ข้าเริ่มวางแผนทุกอย่าง ส่งของกำนัลไปให้ยูราหวังว่าเจ้าหญิงเรเน่จะพอใจและตกลงแต่งงานกับริชาร์ด ถึงตอนนั้นก็จะมีกองกำลังจากแคว้นยูรายื่นมือเข้าช่วยเหลือแน่นอน แล้วทุกอย่างก็กลับตาลปัตรเมื่อยูราส่งจดหมายมาบอกว่าส่งตัวเจ้าหญิงเรเน่มายังเบอริลไม่ได้แล้ว ข้าจึงต้องให้ลูกของข้าไปยูราแทน ซึ่งนับว่าดีเข้าไปใหญ่เพราะลูกชายข้าจะได้ไปอยู่ที่ยูราและได้รับการปกป้องอย่างเต็มที่ แถมริชาร์ดก็ไม่มีพลังเวทอีกแล้ว ทุกอย่างเหมือนจะดำเนินไปได้ด้วยดี แต่...”
มิเวลชักใจไม่ดีเมื่อเห็นกษัตริย์เซนเธมีท่าทางเหมือนคนกำลังจะขาดใจ พอหันไปมองเอเวนต้องการจะขอความเห็นจากเขา เห็นใบหน้านิ่งสนิทมองผู้สูงวัยกว่าด้วยสายตาเย็นชา
สมกับเป็นเจ้าน้ำแข็งจริงๆ!
“แต่เจ้านั่นมันก็มาปรากฏตัว บอกกับข้าว่ามันจะมาทำตามข้อตกลงแล้วก็จะฆ่าลูกชายของข้า ดังนั้นข้าจึงรีบมาที่นี่ แต่ข้าเข้ายูราไม่ได้เพราะมีพลังเวท” แล้วเสียงอ่อนแรงก็เริ่มเล่าต่อ มิเวลจึงหันกลับไปมอง “เพราะฉะนั้น...ถ้าเจ้าเข้าไปได้ ข้าขอร้อง...ได้โปรด ช่วยลูกของข้าด้วย!”
เด็กสาวมีสีหน้าลำบากใจ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรเธอถึงรู้สึกสงสารคนตรงหน้าทั้งที่ตัดสินใจไปแล้วว่าเธอจะไม่รู้สึกเห็นใจหรือสงสารใครเด็ดขาด แต่ในเมื่อความตั้งใจของเธอมันเคยพังทลายลงไปแล้ว จะให้พังทลายอีกรอบก็คงไม่เป็นอะไรล่ะมั้ง เพราะเธอรู้สึกอยากช่วยกษัตริย์เซนเธจริงๆ
“เด็กนั่นล่ะ! เจ้าเด็กนั่นที่เคยอยู่กับเจ้าตอนนั้น เขาใช้พลังประหลาดได้ไม่ใช่หรือ”
“พลังจิตน่ะ” มิเวลแก้ “ตอนนี้เขาไม่อยู่หรอก...แต่ข้าจะลองช่วยดู”
เซนเธเผยรอยยิ้มดีใจพร้อมทั้งกล่าวขอบคุณจากใจจริง เอเวนหันขวับมามองเธอทันที แววตาแข็งกร้าวอย่างขุ่นเคืองจ้องเธอด้วยความไม่พอใจ
“ข้าปฏิเสธ”
“แค่ช่วยให้ผู้ใช้เวทคนนั้นหาไม่เจอก็พอแล้ว” มิเวลพยายามเกลี้ยกล่อม แต่ก็ยังคงได้รับคำตอบเดิมจากเอเวน เขาส่ายหน้าไม่เห็นด้วยพร้อมกับส่งสายตาดุมาให้เธอ
กษัตริย์เซนเธมีสีหน้าเหมือนคนจะร้องไห้ มิเวลมองผู้สูงวัยกว่าด้วยความหนักใจ การต่อสู้กับผู้ใช้เวทนั้นไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เพราะเธอไม่ถนัดใช้เวทสู้เลยสักนิดเดียว ยังไงก็ต้องให้เอเวนช่วยแต่เจ้าบ้าน้ำแข็งก็ดันไร้น้ำใจเอาแต่ปฏิเสธเสียงแข็งเสียนี่
“ถ้าไปให้วอลขอให้ควินัวช่วยจะได้มั้ยนะ” เด็กสาวพึมพำกับตัวเอง แต่ดังพอให้คนข้างกายได้ยิน เอเวนเหลือบมองเธอก่อนน้ำเสียงเย็นชาจะเอ่ยตอบ
“ได้ ถ้าเจ้าอยากฆ่าเจ้าสี่ขานั่น” มิเวลหันขวับไปมองเจ้าของเสียงด้วยความงุนงง
“หมายความว่ายังไง?”
“วันก่อนมันใช้พลังไปตั้งเยอะแต่เจ้าก็ยังพามันไปเดินนู่นนี่ไม่ให้มันได้นอนพัก สัตว์เวทใช้เวลาเป็นอาทิตย์กว่ามันจะฟื้นพลังได้เหมือนเดิม”
มิเวลฟังคำอธิบายแล้วก็ชักจะรู้สึกผิดขึ้นมา นึกถึงควินัวแล้วเธออยากจะขอโทษมันเหลือเกิน ในเมื่อเป็นแบบนี้ เธอก็ไม่เหลือทางอื่นนอกจากจะต้องขอร้องเอเวนน่ะสิ
ไม่! ไม่เด็ดขาด
เธอไม่มีทางยอมขอร้องเจ้าคนใจดำที่เอาแต่ทำหน้าตายฟังเรื่องทุกข์ใจของคนอื่นแน่
เพราะฉะนั้นก็เหลือแค่ทางเดียว
“เจ้าจะไปช่วยเจ้าชายริชาร์ดกับข้าหรือไม่” เสียงเย็นเอ่ยถามจริงจัง เอเวนรู้สึกแปลกใจเมื่อจู่ๆ มิเวลก็เปลี่ยนท่าทีกะทันหัน
“ไม่ แค่ผู้ใช้เวทคนเดียว เดี๋ยวยูราก็จัดการเอง”
มิเวลพยายามคิดตาม
ยูราแข็งแกร่งได้เพราะอาศัยเครื่องต้านพลังเวทอะไรพวกนั้น แต่ถ้าเครื่องจักรกลใช้การไม่ได้ คนธรรมดาหรือจะสู้ผู้ใช้เวทได้ อาจจะเป็นไปได้ถ้าศัตรูไม่ค่อยมีพลังเวทแบบเธอ แต่ถ้ากษัตริย์เซนเธยังหวาดกลัวขนาดนี้ และผู้ใช้เวทคนนั้นมีอุปกรณ์ปกปิดไอเวทอย่างเอเวนด้วยละก็ เธอมั่นใจว่ายูราไม่มีทางชนะแน่
“ถ้างั้นข้าไปคนเดียวก็ได้ เจ้ารอข้าอยู่ตรงนี้แหละ ถ้าข้ากลายเป็นศพ ตอนนั้นเจ้าก็ค่อยไปเก็บแผนที่เอาจากศพของข้าก็แล้วกัน” น้ำเสียงเด็ดขาดบอกอย่างมั่นใจ ก่อนจะหันหลังมุ่งหน้ากลับไปยังแคว้นยูรา
เอเวนมองร่างเล็กเดินห่างออกไปเรื่อยๆ สีหน้ามุ่ยขมวดคิ้วเข้าหากัน ในใจคิดสบถระบายอารมณ์ ก่อนจะถอนหายใจยาวออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“ข้าตกลงก็ได้” เสียงเย็นชาตะโกนบอก
มิเวลยิ้มชั่วร้ายกับตัวเองทันที แล้วรีบปรับสีหน้าให้นิ่งสนิทก่อนหันหลังกลับไป
พอเดินเข้าไปใกล้เอเวน เสียงครืดเหมือนอะไรบางอยากถูกเลื่อนก็ดังมาจากข้างบน เด็กสาวเงยหน้ามองเคอาร์เพราะได้ยินเสียงอยู่เหนือศีรษะตัวเองพอดี เอเวนกับเซนเธเงยหน้ามองตาม เห็นใบหน้าคุ้นเคยยื่นออกมานอกหน้าต่างพร้อมด้วยรอยยิ้มกว้าง
“ครั้งนี้ข้าขอร่วมวงสนุกด้วยคนสิ”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
โปรดติดตามตอนต่อไป!
โฮป
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 มี.ค. 2560, 02:16:06 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 มี.ค. 2560, 02:16:06 น.
จำนวนการเข้าชม : 700
<< Episode 11 : || เจ้าหนี้ และ ลูกหนี้ || | Episode 13 : || ช่วยเจ้าชาย || >> |