The D.O.L.L.S โศกนาฏกรรมปีศาจตุ๊กตามหาเวท
"นักขายความฝันผู้เลือดร้อน & นักโทษประหารผู้เริงร่า & หัวขโมยผู้เย็นชา"
ต่างถิ่น ต่างความคิด ต่างอาชีพ ต่างนิสัย ต่างจุดมุ่งหมาย ต่างเผ่าพันธุ์
กลับต้องมาอยู่ด้วยกันเพราะเหตุบางอย่าง... The D.O.L.L.S
ตุ๊กตาปีศาจมีลักษณะรูปร่างเหมือนมนุษย์ทุกประการ
ถ้าอย่างนั้น...จะรู้ได้อย่างไร?
...เป็นปีศาจ...หาใช่มนุษย์ไม่...
ระวังไว้ให้ดี...ทุกอย่างอาจเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา...
...ที่ใครบางคนสร้างขึ้นเท่านั้น...
สงครามระหว่างผู้มีพลังเวทกับมนุษย์ธรรมดา
ใครจะอยู่รอดเป็นผู้กำชัยชนะ!?
- ขอขอบคุณนักอ่านทุกท่านจากใจจริง -
แผนที่นครเซ็นทรัม http://i49.photobucket.com/albums/f290/thunchanoks/map122e1.jpg
ต่างถิ่น ต่างความคิด ต่างอาชีพ ต่างนิสัย ต่างจุดมุ่งหมาย ต่างเผ่าพันธุ์
กลับต้องมาอยู่ด้วยกันเพราะเหตุบางอย่าง... The D.O.L.L.S
ตุ๊กตาปีศาจมีลักษณะรูปร่างเหมือนมนุษย์ทุกประการ
ถ้าอย่างนั้น...จะรู้ได้อย่างไร?
...เป็นปีศาจ...หาใช่มนุษย์ไม่...
ระวังไว้ให้ดี...ทุกอย่างอาจเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา...
...ที่ใครบางคนสร้างขึ้นเท่านั้น...
สงครามระหว่างผู้มีพลังเวทกับมนุษย์ธรรมดา
ใครจะอยู่รอดเป็นผู้กำชัยชนะ!?
- ขอขอบคุณนักอ่านทุกท่านจากใจจริง -
แผนที่นครเซ็นทรัม http://i49.photobucket.com/albums/f290/thunchanoks/map122e1.jpg
Tags: ตุ๊กตา,ปีศาจ,คำสาป,เวทมนตร์,สงคราม,แฟนตาซี,ผู้ใช้เวท,มนุษย์,โศกนาฏกรรม,mystery
ตอน: Episode 13 : || ช่วยเจ้าชาย ||
EPISODE13
ช่วยเจ้าชาย
"“พี่ชายดูเหนื่อยๆ ข้าว่าพักบ้างก็ดีนา”"
"“เจ้านี่รู้ดี ฮ่าๆๆๆ ข้านะต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ ใครว่ามาเป็นทหารแล้วมันจะดีกัน แม้เงินเดือนจะเยอะจริงอยู่ แต่งานโหดสุดๆ ไปเลย”" ชายร่างใหญ่บ่น
“"จริงเหรอ งานเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ พวกพี่ชายนี่แข็งแกร่งจริงๆ ข้าแค่หิ้วถังน้ำก็ยังไม่ไหวเลย ฮะๆๆๆ”" เสียงใสบอกพร้อมกับหัวเราะอย่างร่าเริง
“"แน่นอนอยู่แล้ว เช้าๆ อย่างนี้มานั่งเล่นแถวนี้พ่อแม่ไม่ว่าเอาหรือ ยังเด็กอยู่เลยนี่”" ทหารหนุ่มอีกคนถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง ร่างบอบบางตรงหน้าดูเหมือนจะล้มพับไปเมื่อไหร่ก็ได้
"“โถ่พี่ชาย ข้าเป็นลูกผู้ชาย มันต้องเที่ยวเล่นผจญภัย พิสูจน์ความเข้มแข็ง ข้าเลยจะมาถามเคล็ดลับความแกร่งจากพวกพี่ชายนี่แหละ”" เด็กหนุ่มยังคงแถต่อไปได้เรื่อยๆ เรียกเสียงหัวเราะชอบใจจากทหารทั้งหกคน
“"เจ้านี่พูดถูกใจ ฮ่าๆๆๆ ความแข็งแกร่งของคนเรามันต้องเริ่มที่หัวใจก่อน”"
"“แล้วหัวใจแบบไหนถึงจะเรียกได้ว่าแข็งแกร่งล่ะพี่ชาย”" ใบหน้าใสซื่อบริสุทธิ์เอ่ยถามต่อ เหล่าทหารช่วยกันนึกหาคำตอบ
"“ยามเมื่อต้องการปกป้องใครสักคนไงล่ะ”" ทหารคนหนึ่งเอ่ย เด็กหนุ่มมีสีหน้าทึ่งน้อยๆ พลางพยักหน้าเบาๆ รับฟังด้วยความตั้งใจ
"“แล้วก็ยามที่ต้องแบกรับหน้าที่น่ารำคาญโดยไม่บ่น”" ทหารอีกคนช่วยตอบ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงหัวเราะฮาครืนของทั้งหกคนรวมทั้งเด็กหนุ่มร่างบอบบางด้วย
"“ข้าว่าข้าจะมาเป็นทหารแบบพวกพี่ชายล่ะ ดูเท่ เจ๋งดีด้วย หน้าที่น่ารำคาญพวกนั้นข้าทนได้แน่นอน”" เสียงใสคุยอวดอย่างมั่นใจ ทหารหนุ่มคนหนึ่งทำเสียงจุ๊ๆ พร้อมกับใช้สองมือตบไหล่เล็กของเด็กหนุ่ม
"“อย่าดีกว่าไอ้หนู เจ้าทนงานพวกนี้ไหวเร้อ พวกข้ายังเอือมเลย”"
"“งานอะไรล่ะพี่ชาย ข้าอึดนา”"
“"อย่างงานดูแลเจ้าชาย งานดูแลเมืองต่างๆ งานฝึกลงสนาม งานดูแลเจ้าหญิงนี่หินสุด”"
"“โห พวกพี่ชายต้องดูแลเจ้าหญิงเอาแต่ใจนั่นด้วยเหรอเนี่ย”" เด็กหนุ่มทำสีหน้าตกใจ พอทหารทั้งหกคนเห็นว่าอีกฝ่ายเองก็เห็นด้วยเรื่องเจ้าหญิงเอาแต่ใจ จึงช่วยกันระบายอารมณ์ออกมาไม่ยั้ง
“"ใช่สิ เรียกใช้งานโน่นนี่”"
“"ไม่พอใจก็ตัดเงินเดือน”"
“"บ่นไม่หยุดจนประสาทจะกินหัวพวกข้าอยู่แล้ว”"
"“แล้วตอนนี้มีเจ้าชายมา...”" ทหารคนหนึ่งเริ่มเล่าพร้อมกับทำเสียงกระซิบกระซาบ "“ไม่รู้ทำไมถึงไม่ให้อยู่ในวังหลวงแต่ให้ไปอยู่ที่วังนอกแทน พวกข้าเลยต้องตามไปดูแล เจ้าก็รู้ว่าวังนอกกับวังหลวงอยู่ห่างกันคนละทิศ แล้วยูราก็กว้างใหญ่จะตายไป พวกข้าต้องวิ่งจากนู่นมานี่เหนื่อยแทบแย่ แล้วเมื่อกี้องค์ราชายังเรียกให้ข้าเข้าไปหาในวังหลวงถามโน่นนี่อยู่เลย ตอนเช้าแบบนี้ไม่รู้หางานเยอะแยะมาได้ยังไง”"
"“โห มิน่าพวกพี่ชายถึงดูเพลียๆ กันทุกคนเลย ในขวดน้ำนี่พอมีน้ำเหลืออยู่บ้าง พวกพี่เอาไปดื่มสักหน่อยจะได้รู้สึกดีขึ้น”" น้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยเอ่ยพร้อมกับล้วงหยิบขวดน้ำในย่ามของตัวเอง ยื่นส่งให้ทหารคนหนึ่ง อีกฝ่ายรับน้ำใจของเขาไป ก่อนจะลูบหัวเด็กหนุ่มด้วยความเอ็นดู
"“ขอบใจเจ้ามาก แต่เรื่องนี้เป็นความลับสุดยอดเลยนะไอ้หนู มีแต่พวกข้าพวกนางกำนัลในวังนอกและองค์ราชาเท่านั้นที่รู้ ฟังแล้วเหยียบไว้ให้มิดล่ะ”" หนึ่งในหกคนบอก แล้วอีกห้าคนก็พากันพยักหน้าเสริมว่าให้เขาปฏิบัติตามนั้น เด็กหนุ่มจึงรีบพยักหน้ารับแข็งขัน
"“แน่นอน แล้วพวกพี่ชายมีเคล็ดลับความบึกบึนด้วยรึเปล่า”"
"“ฮ่าๆๆๆ มุ่งมั่นจริงนะไอ้หนู ข้ารู้สึกชอบเจ้าซะแล้วสิ เคล็ดลับน่ะมีอยู่ก็จริง แต่ท่าทางจะยากสำหรับเจ้ามั้ง ทำไมถึงอยากเป็นทหารขนาดนั้นล่ะไอ้หนู”"
“"ลูกผู้ชายมันต้องมีความฝันสิ ต้องทำความฝันอันสูงส่งให้เป็นจริงให้ได้”" น้ำเสียงแน่วแน่ตอบอย่างมั่นใจ เรียกเสียงโห่ร้องสนับสนุนพร้อมกับเสียงปรบมือด้วยความถูกใจจากทหารทั้งหกคน
"“เยี่ยมมาก!”"
“"ฮ่าๆๆๆ ถูกต้องที่สุด”"
“"ข้าล่ะถูกใจเจ้าจริงจริ๊ง”"
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
มิเวลและเอเวนแอบอยู่หลังต้นไม้ยักษ์ต้นหนึ่งซึ่งอยู่หน้าวังหลวงพอดี ทั้งคู่หลบแสงแดดยามสายอยู่ใต้ร่มเงาของต้นไม้ ทีแรกมิเวลตั้งใจจะให้เอเวนใช้เวทบาเรียบุกเข้าไปด้านใน แต่วอลกลับร้องห้ามพร้อมกับบอกว่าเขาจะจัดการเอง แล้วเจ้าบ้าก็เดินดุ่มๆ ออกไปทันที เธอตกใจพร้อมกับรีบเรียกเขา แต่วอลไม่สนใจ เดินลุยเดี่ยวเข้าไปหาทหารยามหน้าประตูวังด้วยใบหน้ายิ้มร่า แถมยังชวนทั้งหกคนคุยด้วยอีกต่างหาก
แต่เจ้าบ้ากลับทำได้ดีเกินคาด
"“เจ้าชายริชาร์ดไม่อยู่ในวังหลวงแต่อยู่ที่วังนอกลึกเข้าไปในเมืองซึ่งอยู่อีกทิศ ในนั้นมีแค่เจ้าชายกับนางกำนัล แล้ววังนอกก็ต้องมีประตูลับและมีเครื่องมือสื่อสารอยู่ด้วย ส่วนองค์ราชาอยู่ในวังหลวง”" ใบหน้ายิ้มระรื่นบอกข้อมูลที่ได้
"“เจ้าไปแค่พักเดียวทำไมถึงรู้เยอะขนาดนี้”" มิเวลเอ่ยถามอย่างมึนงง นึกแปลกใจว่าทำไมพวกทหารถึงยอมบอกข้อมูลพวกนี้ เรื่องที่อยู่ของเจ้าชายกับเครื่องมือสื่อสารยังพอเป็นไปได้ แต่เรื่องประตูลับกับในวังนอกไม่มีใครอยู่นอกจากเจ้าชายและนางกำนัลนี่ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะต้องห่วงความปลอดภัยของเจ้าชายด้วย
"“พวกเขาบอกเองว่าเจ้าชายอยู่ที่วังนอกและองค์ราชาอยู่ที่นี่ แล้วก็พูดว่าเรื่องนี้เป็นความลับมีแค่พวกเขา นางกำนัล และองค์ราชาที่รู้ แสดงว่าในวังนอกก็ต้องมีแต่เจ้าชายและนางกำนัลเพราะทหารหกคนนั่นกับองค์ราชาอยู่ที่นี่ และในเมื่อเรื่องนี้เป็นความลับก็ต้องมีประตูลับเพื่อจะได้เคลื่อนไหวไปไหนได้สะดวก แล้วก็ต้องมีเครื่องมือสื่อสารอยู่ด้วยเอาไว้ใช้แจ้งข่าว และเครื่องนั่นก็คงอยู่กับองค์ราชาและเจ้าชายเพราะไม่มีคนอื่นนอกจากทหารและนางกำนัลรู้เรื่อง”" เสียงใสเอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้มกว้าง
เด็กสาวมองวอลอย่างอึ้งๆ รู้สึกทึ่งกับความสามารถในการหาข่าวของอีกฝ่าย อย่างน้อยนิสัยพูดมากกับยิ้มไปทั่วก็ยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง
"“จะอยากรู้ประตูลับไปทำไมในเมื่อต้องใช้เวทบาเรียแอบเข้าไป”" เสียงนิ่งๆ เอ่ยขึ้น เอเวนยืนมองวอลด้วยสีหน้าเย็นชา แต่เจ้าตัวแคปซูลตรงหน้าก็ยังคงส่งรอยยิ้มร่าเริงมาให้เขาเหมือนเดิม
"“ก็จริงแฮะ”" เสียงสดใสยอมรับอย่างง่ายดายก่อนจะหัวเราะออกมา เอเวนมองรอยยิ้มร่านั่นแล้วกลับรู้สึกหงุดหงิดมากกว่าเก่า เขาไม่ชอบคนแบบนี้ เอาแต่ยิ้มไร้สาระอยู่ตลอดเวลา
มิเวลมองเจ้าคนหน้าตายแล้วก็ชักจะเหนื่อยใจ อย่างน้อยวอลก็หาข่าวมาให้ได้ว่าเจ้าชายริชาร์ดอยู่ในวังนอก เอเวนคงจะเกลียดมนุษย์ธรรมดาเสียจนเข้ากระดูกดำถึงได้แสดงท่าทีต่อต้านเจ้าบ้าขนาดนั้น ส่วนวอลก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ยิ้มระรื่นโดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองโดนเจ้าน้ำแข็งเกลียด นิสัยสองคนนี้ต่างกันสุดขั้วเลยจริงๆ เธอล่ะหวั่นว่าจะต้องปวดหัวกับพวกบ้านี่ไปอีกนานแค่ไหนกัน
แม้ว่าวอลจะกำลังยิ้มอยู่ก็จริง แต่เธอก็สังเกตเห็นว่าแสงแดดทำให้เห็นใบหน้าขาวๆ นั่นซีดเผือดอย่างชัดเจน พร้อมทั้งมีเม็ดเหงื่อผุดพรายขึ้นตามใบหน้าและลำคอ เขาดูอ่อนแรงจนเธอรู้สึกเป็นห่วง แต่เจ้าบ้าก็ยังคงยิ้มกว้างอย่างสบายดี มิเวลจึงไม่พูดอะไร
บางทีเขาอาจจะไม่เป็นอะไรมากก็ได้ ถ้ารู้สึกเจ็บปวดอะไรแล้วทนไม่ไหวเดี๋ยวก็คงบอกเอง
เอเวนร่ายเวทบาเรียเคลื่อนย้ายพวกเขาทั้งสามคนไปยังวังนอก เขาไม่ใช้เวทหายตัวเพราะไม่รู้จุดแน่นอนของตัววังและยังไม่รู้ว่าบริเวณโดยรอบมีอะไรอยู่
เมื่อลอยไปตามทิศตรงข้ามกับวังหลวงไปเรื่อยๆ ได้สักพัก มิเวลก็บอกให้เอเวนเร่งความเร็ว จนในที่สุดพวกเขาก็เห็นสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่เหมือนจะเป็นวังอีกแห่งไม่ผิดเพี้ยนอยู่ในสายตา วังนอกอยู่ห่างจากตัวเมืองค่อนข้างไกลเหมือนจะใช้เป็นสถานที่สำหรับพักผ่อนหย่อนใจ
เอเวนบังคับบาเรียเวทให้เข้าไปในวังผ่านทางหน้าต่างชั้นสาม ผ่านนางกำนัลสองคนไป ก่อนจะเลี้ยวขวาตรงหัวมุม วังใหญ่ถึงขนาดนี้แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเจ้าชายอยู่ที่ไหน
เด็กสาวสะกิดคนข้างกายเรียกให้อีกฝ่ายหันมามองพร้อมกับชี้นิ้วไปทางนางกำนัลคนหนึ่งซึ่งกำลังเดินอยู่ข้างหน้า ส่งสายตาบอกให้เขาตามนางกำนัลคนนี้ไป เอเวนพยักหน้ารับบังคับบาเรียเวทตามเป้าหมายไปเรื่อยๆ จนไปถึงห้องหนึ่งซึ่งมีขนาดใหญ่พอสมควร มองไปรอบๆ มีเตียงขนาดใหญ่อยู่ จึงรู้ว่าน่าจะเป็นห้องนอน
“"มีหนูสามตัวหลงเข้ามาเชียวรึเนี่ย”" เสียงหนึ่งดังขึ้นไม่ไกล พร้อมกับมีใบเลื่อยขนาดยักษ์พุ่งเข้ามาหาพวกเขาทั้งสามคนด้วยความเร็วสูง
เวทบาเรียถูกคลายออกทันควัน ร่างของทั้งสามร่วงหล่นลงกับพื้น ก่อนกำแพงไฟฟ้าจะปรากฏหยุดใบเลื่อยยักษ์เอาไว้ได้ เฟลนเวย์ยิ้มอย่างพอใจแล้วเรียกอาวุธกลับไปถือไว้ในมือ
“"บาเรียของเจ้าน่ะหนีสายตาของข้าไม่พ้นหรอก”" น้ำเสียงเยาะเย้ยกล่าวพลางมองสำรวจหนูทั้งสามตัว
เจ้าเด็กผมสีเข้มนั่นดูอันตรายแฮะ เจ้าหนูผมแดงนั่นก็ดูร้ายพอกัน แต่ทำไมเขาถึงสัมผัสไอเวทจากสองคนนี้ไม่ได้เลยทั้งที่มีกำแพงไฟฟ้าปรากฏอยู่ทนโท่
อ้าว? แต่เมื่อกี้มีอยู่สามตัวนี่หว่า
เฟลนเวย์หันมองไปรอบๆ อย่างฉงน มิเวลเห็นศัตรูกำลังมองหาอะไรอยู่จึงสังเกตได้ว่าตอนนี้เหลือเธอกับเอเวนอยู่แค่สองคนเท่านั้น
เจ้าบ้าวอลหนีหายไปซ่อนตัวอีกแล้ว!
เฟลนเวย์เพ่งความสนใจทั้งหมดไปที่เด็กหนุ่มเจ้าของจิตสังหารอ่อนๆ สายตาเย็นชานั่นช่างทำให้เขารู้สึกสนุกเหลือเกิน ถ้าอย่างนั้นเขาขอเล่นกับหนูน้อยสองตัวนี่ก่อนแล้วค่อยไปทวงข้อตกลงเอาทีหลังก็แล้วกัน
"“ดูเหมือนว่าเจ้าหนูมีอะไรอยากจะพูดกับข้านะ”"
"“เจ้าไม่ใช่ผู้ใช้เวท”" เอเวนมองสำรวจคนตรงหน้า ไม่มีเครื่องประดับอะไรทั้งนั้น
เฟลนเวย์มีสีหน้ายิ้มเยาะ รู้ว่าอีกฝ่ายเองก็สัมผัสไอเวทจากตัวเขาไม่ได้เช่นกัน
"“ใช่แล้ว แต่ข้าก็ไม่ใช่มนุษย์หรอกนะ ข้าพิเศษยิ่งกว่าพวกแก”"
ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา ไม่ใช่ผู้ใช้เวท หรือว่าจะเป็น...
ทันทีที่สรุปความได้ในหัว มิเวลก็ตกตะลึงมองคนตรงหน้าด้วยความตกใจ ร่างสูงของคนข้างกายวิ่งเข้าไปประชิดตัวอีกฝ่ายด้วยความเร็วสูง ดาบยาวสีเงินกับใบเลื่อยปะทะกันอย่างรุนแรงจนเกิดเสียงดังสนั่น
“"ผู้ขายวิญญาณ!”" เอเวนกัดฟันกรอดพร้อมกับระเบิดจิตสังหารรุนแรง เฟลนเวย์มีสีหน้าแปลกใจ ไม่คิดว่าเด็กหนุ่มจะรู้
"“แกรู้ได้อย่างไรกัน...”"
"“ไม่สำคัญ!"” ดาบยาวถูกใบเลื่อยสกัดไว้ได้อีกครั้ง แต่เด็กหนุ่มก็ยังคงบุกต่อเนื่องอย่างไม่ลดละ
เฟลนเวย์กระโดดหลบดาบของคู่ต่อสู้อย่างคล่องแคล่ว แล้วใช้พลังสร้างหุ่นกระบอกขึ้นมาสามตัว พวกมันมีรูปร่างเหมือนตัวเขาไม่ผิดเพี้ยนแต่มีแขนทั้งสองข้างเป็นใบมีด ใบหน้าเจ้าเล่ห์แสยะยิ้มเย็นก่อนจะวิ่งเข้าใส่หนูอีกตัว ปล่อยให้หุ่นกระบอกต่อสู้กับเจ้าหนูอารมณ์ร้ายแทน
“"มิเวล!”" เอเวนตะโกนลั่นด้วยความตกใจ หันไปมองด้านหลัง เห็นว่าเด็กสาวยืนนิ่งเหมือนทำอะไรไม่ถูก แต่เอเวนก็ต้องรีบหันกลับมาเพราะจู่ๆ ก็มีหุ่นกระบอกบ้าๆ สามตัวไล่ฟันเขา
ตุ๊กตาปีศาจ! คนคนนี้คือตุ๊กตาแน่นอน
เป็นอะไรไปล่ะมิเวล เจ้าหวาดกลัวตุ๊กตาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน พวกมันก็แค่ตัวอะไรสักอย่างที่ไล่ฆ่าคนเท่านั้น
ต้องกำจัดมัน!
ดาบคู่ใจยกขึ้นรับการโจมตีของศัตรูได้ทันฉิวเฉียด ก่อนจะออกแรงสะบัดเลื่อยยักษ์ออกไปสุดแรงจนอีกฝ่ายไถลไปไกล เฟลนเวย์ใช้เลื่อยปักลงบนพื้นเพื่อยึดตัวเองเอาไว้ นึกสนุกเมื่อสาวน้อยตรงหน้าแรงเยอะกว่าที่คิด
"“คิดว่าเจ้าหนูผมแดงจะกลัวข้าเสียอีก”" ใบหน้าเจ้าเล่ห์แสยะรอยยิ้มเยาะ
"“ถ้าอย่างนั้นก็เสียใจด้วยนะ”" มิเวลโต้กลับไป แม้ในใจจะรู้สึกหวั่นอยู่ก็ตาม แล้วเธอก็เปลี่ยนเป็นฝ่ายบุกบ้าง
เด็กสาวเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเข้าไปประชิดตัวศัตรู พร้อมกับใช้ดาบโจมตีอีกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง แต่เฟลนเวย์ก็ยกเลื่อยของตัวเองขึ้นมารับดาบของเธอได้ตลอด มิเวลรู้สึกฉุนขาดเมื่อเห็นรอยยิ้มเยาะของศัตรูจึงระเบิดพลังร่ายเวทเปลวเพลิงครอบคลุมดาบเอาไว้ทั้งเล่ม แล้วพุ่งตัวใช้ดาบเพลิงเข้าฟาดฟัน เกิดเสียงดังเป็นระยะตลอดการปะทะกันของทั้งคู่ เด็กสาวร่ายลวดลายฝีดาบอย่างเชี่ยวชาญและเก่งกาจ ทำให้เฟลนเวย์เริ่มตามดาบของเธอไม่ทันจนถูกปลายดาบเฉี่ยวเข้าหลายแผล แต่ก็ยังพอต้านไม่ให้โดนจุดตายเอาไว้ได้
เจ้าเด็กหัวแดงนี่ร้าย!
เฟลนเวย์คิดในใจก่อนจะใช้เลื่อยดันดาบของอีกฝ่ายออกไป แต่เด็กสาวกลับเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วสวนดาบเข้ามาอีกหน ปลายดาบเฉี่ยวโดนแขนขวาของเขาจนได้เลือด
ไอ้เด็กเวรนี่!
ชายหนุ่มสรุปฝีมือของเจ้าหนูสองคนในหัว เจ้าเด็กหนุ่มนั่นคงถนัดใช้เวท ส่วนเจ้าเด็กหัวแดงนี่ต้องถนัดใช้ดาบแน่นอน เลยเข้าทางมันเพราะเขาถนัดใช้พลังพิเศษมากกว่าใช้อาวุธ
มิเวลยิ้มเย็นเมื่อเห็นศัตรูมีสีหน้าบอกบุญไม่รับ ร่างเล็กวิ่งเข้าไปประชิดตัวอีกฝ่าย ตั้งใจจะปลิดชีพไม่ให้ยืดเยื้อไปกว่านี้ แต่อยู่ๆ เฟลนเวย์ก็หายวับไปปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ ก้มมองเธอด้วยรอยยิ้มเยาะ
เสียงระเบิดดังขึ้น มิเวลรีบหันไปมองทันที เสาต้นหนึ่งเกิดรอยร้าวจนมีเศษปูนร่วงกราว ร่างหนึ่งตรงโคนเสาค่อยๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นยืน เอเวนซึ่งมีรอยเปื้อนฝุ่นเต็มตัวใช้มือขวาปาดเลือดตรงมุมปาก สายตาแข็งกร้าวจ้องเขม็งไปยังหุ่นกระบอกตัวหนึ่งบนเพดาน ส่วนอีกสองตัวเกาะอยู่บนเสาอีกด้าน
เขาจัดการหุ่นกระบอกสามตัวนั่นไปแล้วแท้ๆ แต่ทำไมมันกลับมีเพิ่มขึ้นมาอีกแล้วเข้ามาเล่นงานเขาได้อยู่เรื่อยๆ แสดงว่าเจ้าผู้ขายวิญญาณนั่นต้องคอยสร้างหุ่นเพิ่มขึ้นให้มาสู้กับเขาอยู่ตลอดแน่ๆ
“"พอดีข้าถนัดใช้หุ่นนั่นมากกว่าน่ะ แล้วก็...”" เฟลนเวย์บอก ก่อนจะใช้พลังสร้างหุ่นกระบอกขึ้นมาหนึ่งตัว สองตัว สามตัว เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนนับไม่ถ้วน "“ไม่ใช่แค่สามตัวหรอกนะ... ขอให้สนุกล่ะ”"
สิ้นเสียงของเจ้านาย กองทัพหุ่นกระบอกก็พุ่งตรงเข้าหามิเวล เด็กสาวรีบร่ายเวทกำแพงไฟสกัดพวกมันทั้งหมดเอาไว้ แต่ป้องกันได้ไม่นาน พวกหุ่นกระบอกก็ใช้ใบมีดแขนทั้งสองทะลวงเข้ามาได้เพราะเวทพวกบาเรียหรือเขตป้องกันเป็นเวทที่เธออ่อนสุด
เด็กสาวรีบวิ่งหาที่หลบกองทัพหุ่นกระบอก เมื่อวิ่งไปจนสุดทางก็หันไปใช้ดาบต้านเอาไว้ แต่พวกมันมีจำนวนมากเกินไปจนเธอต้านไม่อยู่ มิเวลจึงใช้ดาบไล่ฟันพวกมันทิ้งทีละตัว
ในระหว่างที่มิเวลกำลังรับมืออยู่กับกองทัพหุ่นกระบอก เอเวนก็กำลังสู้อยู่กับหุ่นกระบอกอีกสามตัวซึ่งโผล่มาอยู่เรื่อยๆ ทั้งที่โดนเขาจัดการทิ้งไปหลายรอบแล้วบนอากาศ เพราะศัตรูเอาแต่กระโดดขึ้นข้างบน วิ่งกลับหัวบนเพดาน เขาจึงต้องร่ายเวทบาเรียขึ้นมาสู้กับพวกมันด้านบนด้วย พอก้มมองด้านล่าง เห็นมิเวลใช้ดาบไล่ฟันหุ่นแต่ละตัวอย่างว่องไวแล้ว เขาก็รู้สึกทึ่งในฝีมือการใช้ดาบของเธอ แสดงว่าตอนประดาบกันในคืนนั้น มิเวลใช้ฝีมือที่แท้จริงเพียงน้อยนิดเท่านั้น
ผู้ใช้เวทของเผ่ามายาจะเก่งกาจเรื่องการใช้เวทมายา เวทเขตอาคม แต่จะใช้อาวุธต่อสู้ได้ไม่ดีเพราะเน้นป้องกันมากกว่าต่อสู้ และถึงจะสู้ก็คงใช้พลังเวทมากกว่าอาวุธ
มิน่ามิเวลถึงได้บอกว่าตัวเองเป็นพวกนอกคอกของเผ่ามายา
"“ยังเร็วไปล้านปีที่พวกเจ้าจะมาสู้กับข้า!”" เด็กสาวตะโกนลั่นระเบิดอารมณ์พร้อมกับเหวี่ยงดาบใส่ศัตรูสุดแรง เกิดแรงดันอากาศผ่าร่างของพวกมันสิบกว่าตัวออกเป็นสองท่อน
เฟลนเวย์มองสาวน้อยผมแดงอย่างเหลือเชื่อ เจ้าหนูนี่แรงเยอะเกินไปแล้ว โจมตีแค่ครั้งเดียวเล่นงานหุ่นกระบอกของเขาไปเพียบ ไม่ได้การ เจ้าเด็กผมแดงใช้ดาบเก่งเกินไป หุ่นกระบอกก็ยิ่งเข้าทางมัน เพราะฉะนั้นเขาควรจะเล่นงานมันด้วยพลังพิเศษ
ทันใดนั้นเอง อยู่ๆ พื้นห้องก็เกิดแรงสั่นสะเทือนรุนแรงจนเกิดรอยแยก ผนังห้องและเพดานเกิดรอยร้าวพร้อมกับมีแผ่นปูนร่วงหล่นลงมาจำนวนมาก เลื่อยในมือปรากฏแสงวูบวาบก่อนพลังมหาศาลจะพุ่งออกจากปลายเลื่อยเป็นเส้นตรง พุ่งทะลวงผ่านร่างของหุ่นกระบอกนับพันไปยังเด็กสาวผมแดง
มิเวลเบิกตากว้างอย่างตกตะลึงเมื่อเห็นพลังตรงหน้า กำแพงไฟของเธอไม่มีทางป้องกันได้แน่
แต่จะดูถูกดาบของเธอเกินไปแล้ว!
เด็กสาวกัดฟันกรอด รู้สึกฉุนหนักเพราะโดนดูถูก ในมือจับดาบแน่นประจันหน้าเข้ากับพลังมหาศาลนั่น แต่อยู่ๆ ก็มีบางอย่างวิ่งเข้ามาช้อนร่างของเธอพาขึ้นไปในอากาศ เด็กสาวรู้สึกเหมือนกำลังนั่งอยู่บนอะไรสักอย่างจึงก้มมองดู
“ควินัว!”
เธอกำลังนั่งอยู่บนหลังของควินัวซึ่งอยู่ในร่างจริง และกำลังล่องลอยอยู่กลางอากาศแม้ว่าจะไม่มีปีก มิเวลรีบก้มมองหาผู้เป็นเจ้าของของเจ้าเฟรเนร่าตัวนี้
พอมองด้านล่างก็เห็นว่ามีเวทกำแพงไฟฟ้าต้านพลังเมื่อครู่ของศัตรูเอาไว้ได้ ส่วนเจ้าของเวทกำลังรับมือหุ่นกระบอกตัวหนึ่งอยู่กลางอากาศอีกด้าน เอเวนใช้พลังเวทระเบิดมันทิ้งไม่เหลือซาก แล้วหันไปสู้กับหุ่นอีกสองตัว แต่กลับปรากฏหุ่นเพิ่มขึ้นมาอีกตัวพร้อมกับใช้ใบมีดแขนทั้งสองไล่ฟันเขา พอเอเวนใช้พลังขังพวกมันไว้ แล้วระเบิดพวกมันสามตัวพร้อมกันจนกระเด็นไปกระแทกกับเพดาน หรือแม้แต่ระเบิดพวกมันพร้อมกับเสารับน้ำหนักจนเกิดรอยร้าวไปทั่วเสาทั้งต้น ท้ายที่สุดก็ยังคงมีหุ่นกระบอกอีกสามตัวโผล่ขึ้นมาอยู่อีก
แบบนี้คงต้องกำจัดคนสร้างหุ่นพวกนี้เท่านั้น
มิเวลคิดว่าเอเวนคงรู้ แต่ยังหาทางปลีกตัวจากหุ่นนั่นไปจัดการเฟลนเวย์ไม่ได้เสียที เพราะศัตรูคอยสร้างหุ่นกระบอกเพิ่มขึ้นอยู่ตลอด ถ้าอย่างนั้นเธอก็ต้องเป็นคนทำเอง
เด็กสาวมองหาศัตรูแล้วก็เจอตัวได้ในเวลาไม่นาน เห็นเฟลนเวย์ยืนยิ้มอย่างสนุกตรงมุมหนึ่งของห้อง มือขวาถือเลื่อยวางไว้บนไหล่ ส่งรอยยิ้มเยาะมาให้เมื่อเห็นว่าเธอหันไปมอง ก่อนจะตวัดเลื่อยในมือกระแทกกับพื้นอย่างแรง เกิดเสียงดังลั่นพร้อมพลังมหาศาลจากใบเลื่อยเหมือนเมื่อครู่พุ่งตรงมาทางเธอ
มิเวลยิ้มชั่วร้าย เจ้านั่นดูถูกเธออีกแล้ว แม้เธอจะห่วยเรื่องพลังเวทป้องกันทั้งหลายก็จริง แต่พลังดาบของเธอก็ไม่เคยแพ้ใคร!
ดาบในมือเงื้อขึ้นสูง แล้วเหวี่ยงฟาดลงมาสุดแรง เกิดรอยแยกกลางอากาศพร้อมกับมีลมพายุพุ่งทะลักออกมาจากรอยแยกไปปะทะเข้ากับพลังของศัตรู เกิดแสงสว่างจ้าไปทั่วพร้อมทั้งเสียงดังสนั่น แรงอัดรุนแรงจนดันพลังมหาศาลของเฟลนเวย์ให้ย้อนกลับเข้าหาเจ้าของพลัง ชายหนุ่มเคลื่อนหลบอย่างรวดเร็วไปปรากฏตัวอีกด้านหนึ่ง
"“อาศัยพลังเวทประสานเข้ากับการใช้ดาบงั้นรึ”" เฟลนเวย์สรุปกับตัวเอง รอยยิ้มเยาะบนใบหน้าหายไปเมื่อพบว่าตัวเองประมาทเจ้าเด็กหัวแดงเกินไป
กลายเป็นพลังดาบที่ใช้พลังเวทแค่นิดเดียว ถึงจะมีพลังเวทมากแค่ไหน ถ้าผู้ใช้ดาบไม่มีฝีมือ พลังดาบก็จะอ่อนแอ ในทางกลับกัน ยิ่งผู้ใช้มีทักษะการใช้ดาบมากเท่าใด พลังของดาบก็จะยิ่งน่ากลัวถึงขั้นรุนแรงมหาศาลมากขึ้นเท่านั้น
พลังของดาบขึ้นอยู่กับฝีมือของผู้ใช้ดาบ…
ต้องกำจัดทิ้ง!
"“แกตายแน่ไอ้หนู!”" น้ำเสียงเคียดแค้นพูดลอดไรฟัน แล้วเขวี้ยงเลื่อยในมือไปยังร่างเล็กเพื่อสอยอีกฝ่ายให้ร่วงลงพื้น
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะฮับบบบบ
ช่วยเจ้าชาย
"“พี่ชายดูเหนื่อยๆ ข้าว่าพักบ้างก็ดีนา”"
"“เจ้านี่รู้ดี ฮ่าๆๆๆ ข้านะต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ ใครว่ามาเป็นทหารแล้วมันจะดีกัน แม้เงินเดือนจะเยอะจริงอยู่ แต่งานโหดสุดๆ ไปเลย”" ชายร่างใหญ่บ่น
“"จริงเหรอ งานเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ พวกพี่ชายนี่แข็งแกร่งจริงๆ ข้าแค่หิ้วถังน้ำก็ยังไม่ไหวเลย ฮะๆๆๆ”" เสียงใสบอกพร้อมกับหัวเราะอย่างร่าเริง
“"แน่นอนอยู่แล้ว เช้าๆ อย่างนี้มานั่งเล่นแถวนี้พ่อแม่ไม่ว่าเอาหรือ ยังเด็กอยู่เลยนี่”" ทหารหนุ่มอีกคนถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง ร่างบอบบางตรงหน้าดูเหมือนจะล้มพับไปเมื่อไหร่ก็ได้
"“โถ่พี่ชาย ข้าเป็นลูกผู้ชาย มันต้องเที่ยวเล่นผจญภัย พิสูจน์ความเข้มแข็ง ข้าเลยจะมาถามเคล็ดลับความแกร่งจากพวกพี่ชายนี่แหละ”" เด็กหนุ่มยังคงแถต่อไปได้เรื่อยๆ เรียกเสียงหัวเราะชอบใจจากทหารทั้งหกคน
“"เจ้านี่พูดถูกใจ ฮ่าๆๆๆ ความแข็งแกร่งของคนเรามันต้องเริ่มที่หัวใจก่อน”"
"“แล้วหัวใจแบบไหนถึงจะเรียกได้ว่าแข็งแกร่งล่ะพี่ชาย”" ใบหน้าใสซื่อบริสุทธิ์เอ่ยถามต่อ เหล่าทหารช่วยกันนึกหาคำตอบ
"“ยามเมื่อต้องการปกป้องใครสักคนไงล่ะ”" ทหารคนหนึ่งเอ่ย เด็กหนุ่มมีสีหน้าทึ่งน้อยๆ พลางพยักหน้าเบาๆ รับฟังด้วยความตั้งใจ
"“แล้วก็ยามที่ต้องแบกรับหน้าที่น่ารำคาญโดยไม่บ่น”" ทหารอีกคนช่วยตอบ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงหัวเราะฮาครืนของทั้งหกคนรวมทั้งเด็กหนุ่มร่างบอบบางด้วย
"“ข้าว่าข้าจะมาเป็นทหารแบบพวกพี่ชายล่ะ ดูเท่ เจ๋งดีด้วย หน้าที่น่ารำคาญพวกนั้นข้าทนได้แน่นอน”" เสียงใสคุยอวดอย่างมั่นใจ ทหารหนุ่มคนหนึ่งทำเสียงจุ๊ๆ พร้อมกับใช้สองมือตบไหล่เล็กของเด็กหนุ่ม
"“อย่าดีกว่าไอ้หนู เจ้าทนงานพวกนี้ไหวเร้อ พวกข้ายังเอือมเลย”"
"“งานอะไรล่ะพี่ชาย ข้าอึดนา”"
“"อย่างงานดูแลเจ้าชาย งานดูแลเมืองต่างๆ งานฝึกลงสนาม งานดูแลเจ้าหญิงนี่หินสุด”"
"“โห พวกพี่ชายต้องดูแลเจ้าหญิงเอาแต่ใจนั่นด้วยเหรอเนี่ย”" เด็กหนุ่มทำสีหน้าตกใจ พอทหารทั้งหกคนเห็นว่าอีกฝ่ายเองก็เห็นด้วยเรื่องเจ้าหญิงเอาแต่ใจ จึงช่วยกันระบายอารมณ์ออกมาไม่ยั้ง
“"ใช่สิ เรียกใช้งานโน่นนี่”"
“"ไม่พอใจก็ตัดเงินเดือน”"
“"บ่นไม่หยุดจนประสาทจะกินหัวพวกข้าอยู่แล้ว”"
"“แล้วตอนนี้มีเจ้าชายมา...”" ทหารคนหนึ่งเริ่มเล่าพร้อมกับทำเสียงกระซิบกระซาบ "“ไม่รู้ทำไมถึงไม่ให้อยู่ในวังหลวงแต่ให้ไปอยู่ที่วังนอกแทน พวกข้าเลยต้องตามไปดูแล เจ้าก็รู้ว่าวังนอกกับวังหลวงอยู่ห่างกันคนละทิศ แล้วยูราก็กว้างใหญ่จะตายไป พวกข้าต้องวิ่งจากนู่นมานี่เหนื่อยแทบแย่ แล้วเมื่อกี้องค์ราชายังเรียกให้ข้าเข้าไปหาในวังหลวงถามโน่นนี่อยู่เลย ตอนเช้าแบบนี้ไม่รู้หางานเยอะแยะมาได้ยังไง”"
"“โห มิน่าพวกพี่ชายถึงดูเพลียๆ กันทุกคนเลย ในขวดน้ำนี่พอมีน้ำเหลืออยู่บ้าง พวกพี่เอาไปดื่มสักหน่อยจะได้รู้สึกดีขึ้น”" น้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยเอ่ยพร้อมกับล้วงหยิบขวดน้ำในย่ามของตัวเอง ยื่นส่งให้ทหารคนหนึ่ง อีกฝ่ายรับน้ำใจของเขาไป ก่อนจะลูบหัวเด็กหนุ่มด้วยความเอ็นดู
"“ขอบใจเจ้ามาก แต่เรื่องนี้เป็นความลับสุดยอดเลยนะไอ้หนู มีแต่พวกข้าพวกนางกำนัลในวังนอกและองค์ราชาเท่านั้นที่รู้ ฟังแล้วเหยียบไว้ให้มิดล่ะ”" หนึ่งในหกคนบอก แล้วอีกห้าคนก็พากันพยักหน้าเสริมว่าให้เขาปฏิบัติตามนั้น เด็กหนุ่มจึงรีบพยักหน้ารับแข็งขัน
"“แน่นอน แล้วพวกพี่ชายมีเคล็ดลับความบึกบึนด้วยรึเปล่า”"
"“ฮ่าๆๆๆ มุ่งมั่นจริงนะไอ้หนู ข้ารู้สึกชอบเจ้าซะแล้วสิ เคล็ดลับน่ะมีอยู่ก็จริง แต่ท่าทางจะยากสำหรับเจ้ามั้ง ทำไมถึงอยากเป็นทหารขนาดนั้นล่ะไอ้หนู”"
“"ลูกผู้ชายมันต้องมีความฝันสิ ต้องทำความฝันอันสูงส่งให้เป็นจริงให้ได้”" น้ำเสียงแน่วแน่ตอบอย่างมั่นใจ เรียกเสียงโห่ร้องสนับสนุนพร้อมกับเสียงปรบมือด้วยความถูกใจจากทหารทั้งหกคน
"“เยี่ยมมาก!”"
“"ฮ่าๆๆๆ ถูกต้องที่สุด”"
“"ข้าล่ะถูกใจเจ้าจริงจริ๊ง”"
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
มิเวลและเอเวนแอบอยู่หลังต้นไม้ยักษ์ต้นหนึ่งซึ่งอยู่หน้าวังหลวงพอดี ทั้งคู่หลบแสงแดดยามสายอยู่ใต้ร่มเงาของต้นไม้ ทีแรกมิเวลตั้งใจจะให้เอเวนใช้เวทบาเรียบุกเข้าไปด้านใน แต่วอลกลับร้องห้ามพร้อมกับบอกว่าเขาจะจัดการเอง แล้วเจ้าบ้าก็เดินดุ่มๆ ออกไปทันที เธอตกใจพร้อมกับรีบเรียกเขา แต่วอลไม่สนใจ เดินลุยเดี่ยวเข้าไปหาทหารยามหน้าประตูวังด้วยใบหน้ายิ้มร่า แถมยังชวนทั้งหกคนคุยด้วยอีกต่างหาก
แต่เจ้าบ้ากลับทำได้ดีเกินคาด
"“เจ้าชายริชาร์ดไม่อยู่ในวังหลวงแต่อยู่ที่วังนอกลึกเข้าไปในเมืองซึ่งอยู่อีกทิศ ในนั้นมีแค่เจ้าชายกับนางกำนัล แล้ววังนอกก็ต้องมีประตูลับและมีเครื่องมือสื่อสารอยู่ด้วย ส่วนองค์ราชาอยู่ในวังหลวง”" ใบหน้ายิ้มระรื่นบอกข้อมูลที่ได้
"“เจ้าไปแค่พักเดียวทำไมถึงรู้เยอะขนาดนี้”" มิเวลเอ่ยถามอย่างมึนงง นึกแปลกใจว่าทำไมพวกทหารถึงยอมบอกข้อมูลพวกนี้ เรื่องที่อยู่ของเจ้าชายกับเครื่องมือสื่อสารยังพอเป็นไปได้ แต่เรื่องประตูลับกับในวังนอกไม่มีใครอยู่นอกจากเจ้าชายและนางกำนัลนี่ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะต้องห่วงความปลอดภัยของเจ้าชายด้วย
"“พวกเขาบอกเองว่าเจ้าชายอยู่ที่วังนอกและองค์ราชาอยู่ที่นี่ แล้วก็พูดว่าเรื่องนี้เป็นความลับมีแค่พวกเขา นางกำนัล และองค์ราชาที่รู้ แสดงว่าในวังนอกก็ต้องมีแต่เจ้าชายและนางกำนัลเพราะทหารหกคนนั่นกับองค์ราชาอยู่ที่นี่ และในเมื่อเรื่องนี้เป็นความลับก็ต้องมีประตูลับเพื่อจะได้เคลื่อนไหวไปไหนได้สะดวก แล้วก็ต้องมีเครื่องมือสื่อสารอยู่ด้วยเอาไว้ใช้แจ้งข่าว และเครื่องนั่นก็คงอยู่กับองค์ราชาและเจ้าชายเพราะไม่มีคนอื่นนอกจากทหารและนางกำนัลรู้เรื่อง”" เสียงใสเอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้มกว้าง
เด็กสาวมองวอลอย่างอึ้งๆ รู้สึกทึ่งกับความสามารถในการหาข่าวของอีกฝ่าย อย่างน้อยนิสัยพูดมากกับยิ้มไปทั่วก็ยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง
"“จะอยากรู้ประตูลับไปทำไมในเมื่อต้องใช้เวทบาเรียแอบเข้าไป”" เสียงนิ่งๆ เอ่ยขึ้น เอเวนยืนมองวอลด้วยสีหน้าเย็นชา แต่เจ้าตัวแคปซูลตรงหน้าก็ยังคงส่งรอยยิ้มร่าเริงมาให้เขาเหมือนเดิม
"“ก็จริงแฮะ”" เสียงสดใสยอมรับอย่างง่ายดายก่อนจะหัวเราะออกมา เอเวนมองรอยยิ้มร่านั่นแล้วกลับรู้สึกหงุดหงิดมากกว่าเก่า เขาไม่ชอบคนแบบนี้ เอาแต่ยิ้มไร้สาระอยู่ตลอดเวลา
มิเวลมองเจ้าคนหน้าตายแล้วก็ชักจะเหนื่อยใจ อย่างน้อยวอลก็หาข่าวมาให้ได้ว่าเจ้าชายริชาร์ดอยู่ในวังนอก เอเวนคงจะเกลียดมนุษย์ธรรมดาเสียจนเข้ากระดูกดำถึงได้แสดงท่าทีต่อต้านเจ้าบ้าขนาดนั้น ส่วนวอลก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ยิ้มระรื่นโดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองโดนเจ้าน้ำแข็งเกลียด นิสัยสองคนนี้ต่างกันสุดขั้วเลยจริงๆ เธอล่ะหวั่นว่าจะต้องปวดหัวกับพวกบ้านี่ไปอีกนานแค่ไหนกัน
แม้ว่าวอลจะกำลังยิ้มอยู่ก็จริง แต่เธอก็สังเกตเห็นว่าแสงแดดทำให้เห็นใบหน้าขาวๆ นั่นซีดเผือดอย่างชัดเจน พร้อมทั้งมีเม็ดเหงื่อผุดพรายขึ้นตามใบหน้าและลำคอ เขาดูอ่อนแรงจนเธอรู้สึกเป็นห่วง แต่เจ้าบ้าก็ยังคงยิ้มกว้างอย่างสบายดี มิเวลจึงไม่พูดอะไร
บางทีเขาอาจจะไม่เป็นอะไรมากก็ได้ ถ้ารู้สึกเจ็บปวดอะไรแล้วทนไม่ไหวเดี๋ยวก็คงบอกเอง
เอเวนร่ายเวทบาเรียเคลื่อนย้ายพวกเขาทั้งสามคนไปยังวังนอก เขาไม่ใช้เวทหายตัวเพราะไม่รู้จุดแน่นอนของตัววังและยังไม่รู้ว่าบริเวณโดยรอบมีอะไรอยู่
เมื่อลอยไปตามทิศตรงข้ามกับวังหลวงไปเรื่อยๆ ได้สักพัก มิเวลก็บอกให้เอเวนเร่งความเร็ว จนในที่สุดพวกเขาก็เห็นสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่เหมือนจะเป็นวังอีกแห่งไม่ผิดเพี้ยนอยู่ในสายตา วังนอกอยู่ห่างจากตัวเมืองค่อนข้างไกลเหมือนจะใช้เป็นสถานที่สำหรับพักผ่อนหย่อนใจ
เอเวนบังคับบาเรียเวทให้เข้าไปในวังผ่านทางหน้าต่างชั้นสาม ผ่านนางกำนัลสองคนไป ก่อนจะเลี้ยวขวาตรงหัวมุม วังใหญ่ถึงขนาดนี้แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเจ้าชายอยู่ที่ไหน
เด็กสาวสะกิดคนข้างกายเรียกให้อีกฝ่ายหันมามองพร้อมกับชี้นิ้วไปทางนางกำนัลคนหนึ่งซึ่งกำลังเดินอยู่ข้างหน้า ส่งสายตาบอกให้เขาตามนางกำนัลคนนี้ไป เอเวนพยักหน้ารับบังคับบาเรียเวทตามเป้าหมายไปเรื่อยๆ จนไปถึงห้องหนึ่งซึ่งมีขนาดใหญ่พอสมควร มองไปรอบๆ มีเตียงขนาดใหญ่อยู่ จึงรู้ว่าน่าจะเป็นห้องนอน
“"มีหนูสามตัวหลงเข้ามาเชียวรึเนี่ย”" เสียงหนึ่งดังขึ้นไม่ไกล พร้อมกับมีใบเลื่อยขนาดยักษ์พุ่งเข้ามาหาพวกเขาทั้งสามคนด้วยความเร็วสูง
เวทบาเรียถูกคลายออกทันควัน ร่างของทั้งสามร่วงหล่นลงกับพื้น ก่อนกำแพงไฟฟ้าจะปรากฏหยุดใบเลื่อยยักษ์เอาไว้ได้ เฟลนเวย์ยิ้มอย่างพอใจแล้วเรียกอาวุธกลับไปถือไว้ในมือ
“"บาเรียของเจ้าน่ะหนีสายตาของข้าไม่พ้นหรอก”" น้ำเสียงเยาะเย้ยกล่าวพลางมองสำรวจหนูทั้งสามตัว
เจ้าเด็กผมสีเข้มนั่นดูอันตรายแฮะ เจ้าหนูผมแดงนั่นก็ดูร้ายพอกัน แต่ทำไมเขาถึงสัมผัสไอเวทจากสองคนนี้ไม่ได้เลยทั้งที่มีกำแพงไฟฟ้าปรากฏอยู่ทนโท่
อ้าว? แต่เมื่อกี้มีอยู่สามตัวนี่หว่า
เฟลนเวย์หันมองไปรอบๆ อย่างฉงน มิเวลเห็นศัตรูกำลังมองหาอะไรอยู่จึงสังเกตได้ว่าตอนนี้เหลือเธอกับเอเวนอยู่แค่สองคนเท่านั้น
เจ้าบ้าวอลหนีหายไปซ่อนตัวอีกแล้ว!
เฟลนเวย์เพ่งความสนใจทั้งหมดไปที่เด็กหนุ่มเจ้าของจิตสังหารอ่อนๆ สายตาเย็นชานั่นช่างทำให้เขารู้สึกสนุกเหลือเกิน ถ้าอย่างนั้นเขาขอเล่นกับหนูน้อยสองตัวนี่ก่อนแล้วค่อยไปทวงข้อตกลงเอาทีหลังก็แล้วกัน
"“ดูเหมือนว่าเจ้าหนูมีอะไรอยากจะพูดกับข้านะ”"
"“เจ้าไม่ใช่ผู้ใช้เวท”" เอเวนมองสำรวจคนตรงหน้า ไม่มีเครื่องประดับอะไรทั้งนั้น
เฟลนเวย์มีสีหน้ายิ้มเยาะ รู้ว่าอีกฝ่ายเองก็สัมผัสไอเวทจากตัวเขาไม่ได้เช่นกัน
"“ใช่แล้ว แต่ข้าก็ไม่ใช่มนุษย์หรอกนะ ข้าพิเศษยิ่งกว่าพวกแก”"
ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา ไม่ใช่ผู้ใช้เวท หรือว่าจะเป็น...
ทันทีที่สรุปความได้ในหัว มิเวลก็ตกตะลึงมองคนตรงหน้าด้วยความตกใจ ร่างสูงของคนข้างกายวิ่งเข้าไปประชิดตัวอีกฝ่ายด้วยความเร็วสูง ดาบยาวสีเงินกับใบเลื่อยปะทะกันอย่างรุนแรงจนเกิดเสียงดังสนั่น
“"ผู้ขายวิญญาณ!”" เอเวนกัดฟันกรอดพร้อมกับระเบิดจิตสังหารรุนแรง เฟลนเวย์มีสีหน้าแปลกใจ ไม่คิดว่าเด็กหนุ่มจะรู้
"“แกรู้ได้อย่างไรกัน...”"
"“ไม่สำคัญ!"” ดาบยาวถูกใบเลื่อยสกัดไว้ได้อีกครั้ง แต่เด็กหนุ่มก็ยังคงบุกต่อเนื่องอย่างไม่ลดละ
เฟลนเวย์กระโดดหลบดาบของคู่ต่อสู้อย่างคล่องแคล่ว แล้วใช้พลังสร้างหุ่นกระบอกขึ้นมาสามตัว พวกมันมีรูปร่างเหมือนตัวเขาไม่ผิดเพี้ยนแต่มีแขนทั้งสองข้างเป็นใบมีด ใบหน้าเจ้าเล่ห์แสยะยิ้มเย็นก่อนจะวิ่งเข้าใส่หนูอีกตัว ปล่อยให้หุ่นกระบอกต่อสู้กับเจ้าหนูอารมณ์ร้ายแทน
“"มิเวล!”" เอเวนตะโกนลั่นด้วยความตกใจ หันไปมองด้านหลัง เห็นว่าเด็กสาวยืนนิ่งเหมือนทำอะไรไม่ถูก แต่เอเวนก็ต้องรีบหันกลับมาเพราะจู่ๆ ก็มีหุ่นกระบอกบ้าๆ สามตัวไล่ฟันเขา
ตุ๊กตาปีศาจ! คนคนนี้คือตุ๊กตาแน่นอน
เป็นอะไรไปล่ะมิเวล เจ้าหวาดกลัวตุ๊กตาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน พวกมันก็แค่ตัวอะไรสักอย่างที่ไล่ฆ่าคนเท่านั้น
ต้องกำจัดมัน!
ดาบคู่ใจยกขึ้นรับการโจมตีของศัตรูได้ทันฉิวเฉียด ก่อนจะออกแรงสะบัดเลื่อยยักษ์ออกไปสุดแรงจนอีกฝ่ายไถลไปไกล เฟลนเวย์ใช้เลื่อยปักลงบนพื้นเพื่อยึดตัวเองเอาไว้ นึกสนุกเมื่อสาวน้อยตรงหน้าแรงเยอะกว่าที่คิด
"“คิดว่าเจ้าหนูผมแดงจะกลัวข้าเสียอีก”" ใบหน้าเจ้าเล่ห์แสยะรอยยิ้มเยาะ
"“ถ้าอย่างนั้นก็เสียใจด้วยนะ”" มิเวลโต้กลับไป แม้ในใจจะรู้สึกหวั่นอยู่ก็ตาม แล้วเธอก็เปลี่ยนเป็นฝ่ายบุกบ้าง
เด็กสาวเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเข้าไปประชิดตัวศัตรู พร้อมกับใช้ดาบโจมตีอีกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง แต่เฟลนเวย์ก็ยกเลื่อยของตัวเองขึ้นมารับดาบของเธอได้ตลอด มิเวลรู้สึกฉุนขาดเมื่อเห็นรอยยิ้มเยาะของศัตรูจึงระเบิดพลังร่ายเวทเปลวเพลิงครอบคลุมดาบเอาไว้ทั้งเล่ม แล้วพุ่งตัวใช้ดาบเพลิงเข้าฟาดฟัน เกิดเสียงดังเป็นระยะตลอดการปะทะกันของทั้งคู่ เด็กสาวร่ายลวดลายฝีดาบอย่างเชี่ยวชาญและเก่งกาจ ทำให้เฟลนเวย์เริ่มตามดาบของเธอไม่ทันจนถูกปลายดาบเฉี่ยวเข้าหลายแผล แต่ก็ยังพอต้านไม่ให้โดนจุดตายเอาไว้ได้
เจ้าเด็กหัวแดงนี่ร้าย!
เฟลนเวย์คิดในใจก่อนจะใช้เลื่อยดันดาบของอีกฝ่ายออกไป แต่เด็กสาวกลับเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วสวนดาบเข้ามาอีกหน ปลายดาบเฉี่ยวโดนแขนขวาของเขาจนได้เลือด
ไอ้เด็กเวรนี่!
ชายหนุ่มสรุปฝีมือของเจ้าหนูสองคนในหัว เจ้าเด็กหนุ่มนั่นคงถนัดใช้เวท ส่วนเจ้าเด็กหัวแดงนี่ต้องถนัดใช้ดาบแน่นอน เลยเข้าทางมันเพราะเขาถนัดใช้พลังพิเศษมากกว่าใช้อาวุธ
มิเวลยิ้มเย็นเมื่อเห็นศัตรูมีสีหน้าบอกบุญไม่รับ ร่างเล็กวิ่งเข้าไปประชิดตัวอีกฝ่าย ตั้งใจจะปลิดชีพไม่ให้ยืดเยื้อไปกว่านี้ แต่อยู่ๆ เฟลนเวย์ก็หายวับไปปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ ก้มมองเธอด้วยรอยยิ้มเยาะ
เสียงระเบิดดังขึ้น มิเวลรีบหันไปมองทันที เสาต้นหนึ่งเกิดรอยร้าวจนมีเศษปูนร่วงกราว ร่างหนึ่งตรงโคนเสาค่อยๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นยืน เอเวนซึ่งมีรอยเปื้อนฝุ่นเต็มตัวใช้มือขวาปาดเลือดตรงมุมปาก สายตาแข็งกร้าวจ้องเขม็งไปยังหุ่นกระบอกตัวหนึ่งบนเพดาน ส่วนอีกสองตัวเกาะอยู่บนเสาอีกด้าน
เขาจัดการหุ่นกระบอกสามตัวนั่นไปแล้วแท้ๆ แต่ทำไมมันกลับมีเพิ่มขึ้นมาอีกแล้วเข้ามาเล่นงานเขาได้อยู่เรื่อยๆ แสดงว่าเจ้าผู้ขายวิญญาณนั่นต้องคอยสร้างหุ่นเพิ่มขึ้นให้มาสู้กับเขาอยู่ตลอดแน่ๆ
“"พอดีข้าถนัดใช้หุ่นนั่นมากกว่าน่ะ แล้วก็...”" เฟลนเวย์บอก ก่อนจะใช้พลังสร้างหุ่นกระบอกขึ้นมาหนึ่งตัว สองตัว สามตัว เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนนับไม่ถ้วน "“ไม่ใช่แค่สามตัวหรอกนะ... ขอให้สนุกล่ะ”"
สิ้นเสียงของเจ้านาย กองทัพหุ่นกระบอกก็พุ่งตรงเข้าหามิเวล เด็กสาวรีบร่ายเวทกำแพงไฟสกัดพวกมันทั้งหมดเอาไว้ แต่ป้องกันได้ไม่นาน พวกหุ่นกระบอกก็ใช้ใบมีดแขนทั้งสองทะลวงเข้ามาได้เพราะเวทพวกบาเรียหรือเขตป้องกันเป็นเวทที่เธออ่อนสุด
เด็กสาวรีบวิ่งหาที่หลบกองทัพหุ่นกระบอก เมื่อวิ่งไปจนสุดทางก็หันไปใช้ดาบต้านเอาไว้ แต่พวกมันมีจำนวนมากเกินไปจนเธอต้านไม่อยู่ มิเวลจึงใช้ดาบไล่ฟันพวกมันทิ้งทีละตัว
ในระหว่างที่มิเวลกำลังรับมืออยู่กับกองทัพหุ่นกระบอก เอเวนก็กำลังสู้อยู่กับหุ่นกระบอกอีกสามตัวซึ่งโผล่มาอยู่เรื่อยๆ ทั้งที่โดนเขาจัดการทิ้งไปหลายรอบแล้วบนอากาศ เพราะศัตรูเอาแต่กระโดดขึ้นข้างบน วิ่งกลับหัวบนเพดาน เขาจึงต้องร่ายเวทบาเรียขึ้นมาสู้กับพวกมันด้านบนด้วย พอก้มมองด้านล่าง เห็นมิเวลใช้ดาบไล่ฟันหุ่นแต่ละตัวอย่างว่องไวแล้ว เขาก็รู้สึกทึ่งในฝีมือการใช้ดาบของเธอ แสดงว่าตอนประดาบกันในคืนนั้น มิเวลใช้ฝีมือที่แท้จริงเพียงน้อยนิดเท่านั้น
ผู้ใช้เวทของเผ่ามายาจะเก่งกาจเรื่องการใช้เวทมายา เวทเขตอาคม แต่จะใช้อาวุธต่อสู้ได้ไม่ดีเพราะเน้นป้องกันมากกว่าต่อสู้ และถึงจะสู้ก็คงใช้พลังเวทมากกว่าอาวุธ
มิน่ามิเวลถึงได้บอกว่าตัวเองเป็นพวกนอกคอกของเผ่ามายา
"“ยังเร็วไปล้านปีที่พวกเจ้าจะมาสู้กับข้า!”" เด็กสาวตะโกนลั่นระเบิดอารมณ์พร้อมกับเหวี่ยงดาบใส่ศัตรูสุดแรง เกิดแรงดันอากาศผ่าร่างของพวกมันสิบกว่าตัวออกเป็นสองท่อน
เฟลนเวย์มองสาวน้อยผมแดงอย่างเหลือเชื่อ เจ้าหนูนี่แรงเยอะเกินไปแล้ว โจมตีแค่ครั้งเดียวเล่นงานหุ่นกระบอกของเขาไปเพียบ ไม่ได้การ เจ้าเด็กผมแดงใช้ดาบเก่งเกินไป หุ่นกระบอกก็ยิ่งเข้าทางมัน เพราะฉะนั้นเขาควรจะเล่นงานมันด้วยพลังพิเศษ
ทันใดนั้นเอง อยู่ๆ พื้นห้องก็เกิดแรงสั่นสะเทือนรุนแรงจนเกิดรอยแยก ผนังห้องและเพดานเกิดรอยร้าวพร้อมกับมีแผ่นปูนร่วงหล่นลงมาจำนวนมาก เลื่อยในมือปรากฏแสงวูบวาบก่อนพลังมหาศาลจะพุ่งออกจากปลายเลื่อยเป็นเส้นตรง พุ่งทะลวงผ่านร่างของหุ่นกระบอกนับพันไปยังเด็กสาวผมแดง
มิเวลเบิกตากว้างอย่างตกตะลึงเมื่อเห็นพลังตรงหน้า กำแพงไฟของเธอไม่มีทางป้องกันได้แน่
แต่จะดูถูกดาบของเธอเกินไปแล้ว!
เด็กสาวกัดฟันกรอด รู้สึกฉุนหนักเพราะโดนดูถูก ในมือจับดาบแน่นประจันหน้าเข้ากับพลังมหาศาลนั่น แต่อยู่ๆ ก็มีบางอย่างวิ่งเข้ามาช้อนร่างของเธอพาขึ้นไปในอากาศ เด็กสาวรู้สึกเหมือนกำลังนั่งอยู่บนอะไรสักอย่างจึงก้มมองดู
“ควินัว!”
เธอกำลังนั่งอยู่บนหลังของควินัวซึ่งอยู่ในร่างจริง และกำลังล่องลอยอยู่กลางอากาศแม้ว่าจะไม่มีปีก มิเวลรีบก้มมองหาผู้เป็นเจ้าของของเจ้าเฟรเนร่าตัวนี้
พอมองด้านล่างก็เห็นว่ามีเวทกำแพงไฟฟ้าต้านพลังเมื่อครู่ของศัตรูเอาไว้ได้ ส่วนเจ้าของเวทกำลังรับมือหุ่นกระบอกตัวหนึ่งอยู่กลางอากาศอีกด้าน เอเวนใช้พลังเวทระเบิดมันทิ้งไม่เหลือซาก แล้วหันไปสู้กับหุ่นอีกสองตัว แต่กลับปรากฏหุ่นเพิ่มขึ้นมาอีกตัวพร้อมกับใช้ใบมีดแขนทั้งสองไล่ฟันเขา พอเอเวนใช้พลังขังพวกมันไว้ แล้วระเบิดพวกมันสามตัวพร้อมกันจนกระเด็นไปกระแทกกับเพดาน หรือแม้แต่ระเบิดพวกมันพร้อมกับเสารับน้ำหนักจนเกิดรอยร้าวไปทั่วเสาทั้งต้น ท้ายที่สุดก็ยังคงมีหุ่นกระบอกอีกสามตัวโผล่ขึ้นมาอยู่อีก
แบบนี้คงต้องกำจัดคนสร้างหุ่นพวกนี้เท่านั้น
มิเวลคิดว่าเอเวนคงรู้ แต่ยังหาทางปลีกตัวจากหุ่นนั่นไปจัดการเฟลนเวย์ไม่ได้เสียที เพราะศัตรูคอยสร้างหุ่นกระบอกเพิ่มขึ้นอยู่ตลอด ถ้าอย่างนั้นเธอก็ต้องเป็นคนทำเอง
เด็กสาวมองหาศัตรูแล้วก็เจอตัวได้ในเวลาไม่นาน เห็นเฟลนเวย์ยืนยิ้มอย่างสนุกตรงมุมหนึ่งของห้อง มือขวาถือเลื่อยวางไว้บนไหล่ ส่งรอยยิ้มเยาะมาให้เมื่อเห็นว่าเธอหันไปมอง ก่อนจะตวัดเลื่อยในมือกระแทกกับพื้นอย่างแรง เกิดเสียงดังลั่นพร้อมพลังมหาศาลจากใบเลื่อยเหมือนเมื่อครู่พุ่งตรงมาทางเธอ
มิเวลยิ้มชั่วร้าย เจ้านั่นดูถูกเธออีกแล้ว แม้เธอจะห่วยเรื่องพลังเวทป้องกันทั้งหลายก็จริง แต่พลังดาบของเธอก็ไม่เคยแพ้ใคร!
ดาบในมือเงื้อขึ้นสูง แล้วเหวี่ยงฟาดลงมาสุดแรง เกิดรอยแยกกลางอากาศพร้อมกับมีลมพายุพุ่งทะลักออกมาจากรอยแยกไปปะทะเข้ากับพลังของศัตรู เกิดแสงสว่างจ้าไปทั่วพร้อมทั้งเสียงดังสนั่น แรงอัดรุนแรงจนดันพลังมหาศาลของเฟลนเวย์ให้ย้อนกลับเข้าหาเจ้าของพลัง ชายหนุ่มเคลื่อนหลบอย่างรวดเร็วไปปรากฏตัวอีกด้านหนึ่ง
"“อาศัยพลังเวทประสานเข้ากับการใช้ดาบงั้นรึ”" เฟลนเวย์สรุปกับตัวเอง รอยยิ้มเยาะบนใบหน้าหายไปเมื่อพบว่าตัวเองประมาทเจ้าเด็กหัวแดงเกินไป
กลายเป็นพลังดาบที่ใช้พลังเวทแค่นิดเดียว ถึงจะมีพลังเวทมากแค่ไหน ถ้าผู้ใช้ดาบไม่มีฝีมือ พลังดาบก็จะอ่อนแอ ในทางกลับกัน ยิ่งผู้ใช้มีทักษะการใช้ดาบมากเท่าใด พลังของดาบก็จะยิ่งน่ากลัวถึงขั้นรุนแรงมหาศาลมากขึ้นเท่านั้น
พลังของดาบขึ้นอยู่กับฝีมือของผู้ใช้ดาบ…
ต้องกำจัดทิ้ง!
"“แกตายแน่ไอ้หนู!”" น้ำเสียงเคียดแค้นพูดลอดไรฟัน แล้วเขวี้ยงเลื่อยในมือไปยังร่างเล็กเพื่อสอยอีกฝ่ายให้ร่วงลงพื้น
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะฮับบบบบ
โฮป
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 มี.ค. 2560, 13:50:06 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 มี.ค. 2560, 13:50:06 น.
จำนวนการเข้าชม : 701
<< Episode 12 : || รอยยิ้มชั่วร้ายกลางสายฝน || | Episode 14 : || ผู้ขายวิญญาณ || >> |