กลลวงกับดักร้าย (ตีพิมพ์กับสนพ.กรีนมายด์)
จะเป็นเช่นไรเมื่อคาสโนว่าตัวพ่อกำลังจะถูกจับคลุมถุงชนให้ต้องหมั้นกับสาวที่คุณย่าหามาให้ซึ่งเพียบพร้อมและมีดีกรีเป็นถึงแพทย์หญิง เมื่อไม่ปรารถนากับการคลุมถุงชนครั้งนี้ ปฏิบัติการกลลวงกับดักร้ายจึงเริ่มขึ้น
Tags: คาสโนว่า คลุมถุงชน หมอ

ตอน: ตอนที่ 2.2 นางฟ้าตัวแสบ

ตอนที่ 2 นางฟ้าตัวแสบ

____________________________________________________



จำความได้ก็ถูกเพื่อนๆ ที่โรงเรียนล้อเรื่องที่มีดวงตาสีฟ้าเหมือนฝรั่งทั้งที่พ่อแม่และวงตระกูลไม่ได้มีเชื้อสายเกี่ยวพันกับคนต่างชาติ พอถามความจากคุณย่า บิดามารดา ทุกคนต่างให้คำตอบเพียงว่าเพราะตอนท้องแม่สร่างดูรูปเด็กฝรั่งเยอะ และด้วยความที่เป็นเด็กทำให้เขาไม่เคยเอะใจจนกระทั่ง

วันที่ธนาขับรถชนโดยมีร่างของสร่างที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสและต้องได้รับเลือดอย่างเร่งด่วน ตอนนั้นแดนดนัยอายุได้สิบแปดปีบริบูรณ์ เขาต้องการให้เลือดช่วยชีวิตมารดาไว้แต่กลับถูกปฏิเสธจากหมอเพราะเลือดคนละกรุ๊ปกัน ความขุ่นข้องใจทำให้ต้องเอ่ยปากถามและวันนั้นก็ทำให้เขาได้รู้ความจริงว่าสิ่งที่คิดมาโดยตลอดมันคือเรื่องจริง

“ทำไม ต้องโกหกผมด้วย เพราะผมไม่ใช่สายเลือดของแม่ ผมถึงให้เลือดแม่ไม่ได้”

“แดน ฟังพ่อนะ” ธนาจับต้นแขนลูกชายไว้พยายามพูดเพื่อให้แดนดนัยใจเย็น คุณหญิงรวยมณีกับนภาอยู่ด้วยไม่ไกลนัก แดนดนัยสะบัดตัวออกจากการเกาะกุมของธนา

“ไม่ จนกว่าพ่อจะอธิบายเรื่องทั้งหมดให้ผมฟัง” แดนดนัยว่า สีหน้าเคร่งเครียด นภาตรงเข้ามาจับต้นแขนแดนดนัยเอ่ยพูดเพื่อให้ใจเย็น

“ใจเย็นๆ นะ แดน”

“ให้ผมใจเย็นเพื่ออะไรครับ เพื่อให้เรื่องมันยืดเยื้อไปอีกนะเหรอครับ ถ้าทุกคนไม่อธิบาย ผมจะไปหาคำตอบด้วยตัวของผมเองและทุกคนจะไม่ได้เห็นหน้าผมอีก” แดนดนัยสะบัดมือนภาออก สีหน้าดูเหวี่ยงๆ ฝ่ายคุณหญิงรวยมณีก็มองหน้าลูกชายก่อนจะพยักหน้าหงึกๆ ราวกับเปิดทางให้ธนาพูดทุกอย่าง

“ก็ได้ แดน พ่อยอมแล้ว” ธนาหลับตาพูด แดนดนัยชะงักเท้าแต่ไม่ได้หันกลับมามองหน้าธนา ได้แต่รอฟังธนาพูดอย่างเงียบๆ

“แดนพูดถูก แม่สร่าง...ไม่ใช่แม่แท้ๆ ของแดน ที่จริงแล้วแม่ของแดนก็คือผู้หญิงต่างชาติคนนั้น คนที่...ทิ้งแดนไปตั้งแต่เกิดโดยไม่สนใจว่าชีวิตของแดนหลังจากนี้จะเป็นยังไง...และไม่สนใจว่าแดนจะเติบโตมายังไง แต่พ่อเสียใจจริงๆ นะ ทุกอย่างมันเป็นเพราะความมักมากของตัวพ่อเอง” สุดท้าย ธนาก็ยอมปริปากพูดความจริงออกมา แดนดนัยหน้าถอดสีอย่างเห็นได้ชัด มือไม้สั่นไปหมดก่อนจะเดินโซเซราวกับคนไร้เรี่ยวแรง ไม่สนใจกับเสียงเรียกของทุกคน

“แดน...แดน”



“นาย...น้าย...”

ภัทรพิมลเรียกผู้ชายตรงหน้าเสียงสูงเมื่อเห็นเขาเงียบไป ใบหน้าของเขาดูไม่สู้ดีหลังจากที่ถูกเธอต่อว่า มือเรียวเล็กกำลังจะยื่นมือไปแตะต้นแขนของเขาแต่ก็ต้องชะงักรีบดึงมือกลับเมื่อเขาเอามือลูบหน้าตัวเองก่อนจะสะบัดหัวไปมาราวกับจะไล่สิ่งที่อยู่ในหัวสมอง หันหน้ามาจ้องหน้าเธอ พร้อมถามเสียงขุ่น

“ทำไม สงสาร เห็นใจ หรือว่า เวทนาผมล่ะ” แดนดนัยข่มอารมณ์ความเจ็บปวดไว้ คิดในใจว่าผู้หญิงคนนี้ช่างร้ายกาจสิ้นดี เจอกันครั้งแรกก็พูดจาจี้แทงใจเขาซะแล้ว

ภัทรพิมลเม้มปาก มองจ้องผู้ชายตรงหน้าแล้วพูดเสียงแข็ง

“ไม่ ฉันไม่มีความสงสาร เห็นใจหรือเวทนาอะไรในตัวนายทั้งนั้น ผู้ชายอย่างนาย แค่เกิดมามันก็ผิดแล้ว”

“อะไรนะ เมื่อกี้นี้เธอพูดว่าอะไรนะ” แดนดนัยถามปากสั่นรู้สึกโกรธขึ้นมา เขาไม่เคยถูกใครว่าแรงๆ แบบนี้เลย ทั้งที่ไม่คิดว่ามันจะเจ็บแต่เอาเข้าจริง คำพูดของผู้หญิงคนนี้ก็ทำเขาเจ็บปวดเป็นหนที่สอง ใช่ หลังจากที่รู้ว่าแม่แท้ๆ ไม่ต้องการ เขาก็เก็บซ่อนบาดแผลนั้นเอาไว้แล้วใช้ความเจ้าชู้ เปลี่ยนคู่ควงบ่อยเพื่อกลบปมด้อยที่มี แต่มันไม่ง่ายเลยที่จะทำเหมือนมันไม่รู้สึกอะไร ไม่มีใครกล้าตอกย้ำ แต่ผู้หญิงคนนี้...

“ฉันหวังว่า เราจะไม่เจอกันอีก เพราะถ้าได้พบกันอีกครั้ง ฉันค่อนข้างมั่นใจว่าฉันจะต้องเกลียดนายอย่างแน่นอน ไม่สิ เกลียดเข้าไส้เลยล่ะ เพราะฉะนั้น เรา...อย่าได้เจอกันอีก” ภัทรพิมลว่าแล้วก็เดินจากไป ทิ้งอารมณ์โมโหไว้ให้แดนดนัยเต็มอก

“เกลียดงั้นหรือ” ชายหนุ่มยิ้มไม่ออก เก็บอาการไว้ไม่อยู่ถึงกับเตะดินฝุ่นลอยฟุ้งกระจาย ปากไม่วายบ่นพึมพำ “โธ่โว้ย ยัยผู้หญิงบ้า กล้าดียังไงถึงมาเกลียดคนเสน่ห์แรงอย่างนายแดนดนัย”



พ้นจากมือมารผจญมาได้หญิงสาวถึงกับผ่อนลมหายใจออกมา แต่ภัทรพิมลสีหน้ายังบอกว่าไม่โอเคเดินเข้ามาในร้านก่อนจะได้ยินเสียงเรียกของมารดา

“ลูกมุก ทางนี้จ้ะ”

และเพื่อไม่ให้ถูกซักถามมากมายจำต้องปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ส่งยิ้มให้ผู้เป็นบิดามารดาแล้วเดินเข้าไปหาก่อนจะนั่งลงตรงเก้าอี้ที่ว่าง

“ไหนว่าจะไม่มาไง” เพ็ญศรีถามเสียงขุ่นเพราะไม่คิดว่าลูกสาวจะมา ไม่อย่างนั้นจะให้แดนดนัยอยู่รอพบ

“พอดีประชุมเสร็จเร็วค่ะ มุกก็เลยว่าง” ภัทรพิมลตอบแล้วหันมายกมือสวัสดีพร้อมรอยยิ้มให้คนข้างๆ ซึ่งน่าจะเป็นคุณหญิงรวยมณีที่มารดาเธอชอบพูดถึงบ่อยๆ

“แล้วไม่ทราบว่ามุกนั่งที่ใครหรือเปล่าคะ” ภัทรพิมลถามเมื่อเห็นมีแก้วน้ำที่ดื่มแล้ววางอยู่ตรงหน้าคิดว่าคงมีใครสักคนที่นั่งตรงนี้อยู่ก่อนแล้ว

“อึม... แต่คลาดกันนิดเดียวเอง เพราะพี่เขาก็เพิ่งออกไปเมื่อไม่นานนี้เอง” อรุณเป็นคนตอบ หันมายิ้มให้เพ็ญศรีที่ยิ้มอยู่ก่อนแล้ว

“พี่หรือคะ” ภัทรพิมลทวน

“ก็แดนดนัย หลานชายของฉันไงจ้ะ หนูมุก” คุณหญิงรวยมณีเป็นคนเอ่ย แววตาที่มองมาที่ภัทรพิมลดูพึงพอใจมากและคิดว่าหลานชายของท่านก็ต้องชอบเหมือนกัน

‘ก็ให้มันรู้ไปว่าสวยขนาดนี้แล้ว ตาแดนจะไม่สนใจ’

“คุณหญิงรวยมณี ท่านเป็นคุณย่าของแดนดนัย ว่าที่คู่หมั้นของลูกไง” เพ็ญศรีเอ่ยยิ้มๆ แต่ภัทรพิมลถึงกับสะอึกยกมือไหว้คุณหญิงรวยมณีอีกครั้งพร้อมคำทักทาย

“สวัสดีค่ะ คุณหญิง”

“อุ้ย หนูมุกไม่ต้องเรียกฉันแบบนั้นก็ได้ ฉันอยากให้หนูเรียกฉันว่าคุณย่ามากกว่า บอกตามตรงนะว่าฉันเอ็นดูเหมือนกับว่าหนูเป็นหลานสาวของฉันจริงๆ” คุณหญิงรวยมณีว่า แล้วหันไปยิ้มให้กับทุกคน ไม่ทันสังเกตสีหน้าจืดชืดของคนที่ท่านอยากได้มาเป็นหลานสะใภ้

“แล้วตกลงวันนี้ไม่มีเวรแล้วใช่มั้ย” อรุณถามขึ้น

“ค่ะพ่อ”

“งั้นดีเลย ย่าจะโทรไปบอกให้ตาแดนกลับมา คงยังออกไปไหนได้ไม่ไกลหรอก” คุณหญิงรวยมณีหยิบมือถือขึ้นมาหมายจะกดโทรหาหลานชายแต่ถูกภัทรพิมลห้ามไว้ก่อน

“ไว้เจอกันวันหลังก็ได้ค่ะคุณย่า ยังมีเวลา”

“จริงค่ะคุณหญิง เพราะดูท่าว่าแดนจะติดธุระสำคัญ” เพ็ญศรีเห็นด้วยกับลูกสาว

“อย่างนั้นก็ได้ แหม...คลาดกันนิดเดียวเอง ไม่งั้นคงได้เจอกันแล้ว” คุณหญิงรวยมณีบ่นด้วยความเสียดาย ฝ่ายภัทรพิมลก็ได้แต่ยิ้มแหะๆ คิดไม่ออกว่าจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไงดี

‘คู่หมั้นงั้นหรือ’ ภัทรพิมลคิดหนักสีหน้าหนักใจ

ภัทรพิมลยกมือไหว้เพื่อลาคุณหญิงรวยมณี ท่าทางที่นอบน้อมอ่อนโยนสร้างความพึงพอใจให้คุณหญิงรวยมณีอย่างมาก คุณหญิงรวยมณีเดินมาจับมือภัทรพิมล เอ่ยเสียงอ่อน

“น่าเสียดายนะที่วันนี้หนูมุกไม่ได้เจอตาแดนหลานชายของย่า แต่ว่า ไม่เป็นไรหรอกเพราะวันหลังเราค่อยมานัดเจอกันใหม่ คราวนี้เปลี่ยนมาเจอกันที่บ้านของย่าหรือจะเป็นที่บ้านของหนูดีล่ะ” คุณหญิงรวยมณีสีหน้ายิ้มแย้ม

ฝ่ายภัทรพิมลก็ได้แต่อ้าปากค้างพูดไม่ค่อยออก ในใจคิดอยู่เรื่องเดียวคือ ยังจะต้องเจอกันอีกหรือ คุณหญิงรวยมณีจึงหันมาขอความเห็นจากพ่อแม่ของภัทรพิมลแทน

“คุณอรุณ คุณเพ็ญศรี คิดอย่างไรที่ว่ารอบต่อไปเราจะนัดเจอกันที่บ้านแทน”

“ค่ะ ก็เป็นความคิดที่ดีนะคะ จะได้ไม่ต้องเสียเวลามาเจอข้างนอก อ้อ...ดิฉันเกือบลืมไปเลย วันมะรืนนี้ค่ะ ที่บ้านของเราจะมีงานเลี้ยงวันเกิดให้ลูกมุก ยังไงก็เชิญครอบครัวคุณหญิงมาร่วมงานด้วยเลยนะคะ”

“ยินดีค่ะ” คุณหญิงรวยมณีเอ่ยยิ้มๆ แต่คนที่ทำหน้าบุญไม่รับกลับเป็นภัทรพิมลแต่ก็ไม่สามารถคัดค้านหรือปฏิเสธอะไรได้เพียงเพราะต้องการรักษาหน้าให้บิดามารดา



ผับเดิมแต่คนละเวลา แดนดนัยกำลังนั่งดื่มเหล้าและแก้วนี้ก็เป็นแก้วที่สามแล้ว นริศราเพื่อนสาวคนสนิทที่ถูกแดนดนัยโทรตามนั่งทำหน้าไม่สบอารมณ์กับการไม่พูดไม่จาของอีกฝ่าย ชายหนุ่มรินเหล้าลงในแก้วเป็นรอบที่สี่แต่ไม่ทันได้หยิบแก้วนั้นก็ถูกนริศราแย่งมาดื่มจนหมดแก้ว

“นี่...ริสา แก้วตัวเองก็มี มาแย่งดื่มแก้วเดียวกันทำไม” แดนดนัยถามน้ำเสียงขุ่นมัว มองอีกฝ่ายด้วยความหงุดหงิดใจก่อนจะแย่งแก้วมาจากมือนริศราแล้วรินใส่เหล้าใหม่ แต่พอจะยกขึ้นดื่ม นริศราก็แย่งขึ้นดื่มอีก

“เฮ้ย...เธอเป็นอะไรของเธอ ริสา แย่งดื่มอยู่ได้” น้ำเสียงเริ่มส่อแววว่าหงุดหงิด

“ก่อนที่จะถามฉัน ถามตัวนายก่อนดีมั้ย ว่าเรียกฉันมาเพื่ออะไร เพื่อมานั่งดูนายดื่มเหล้าอย่างนั้นเรอะ ถ้าเป็นแบบนั้น เรียกมาร์กมานั่งดื่มแทนฉันเลยดีกว่ามั้ย รายนั้นดื่มเก่งกว่าฉันตั้งเยอะ” นริศราบอกนึกถึงมาร์ก เพื่อนหนุ่มคนสนิททันที

แดนดนัยกลับไม่ตอบแต่ก้มหน้านิ่งจนนริศราต้องวางแก้วเหล้าลงบนโต๊ะ เผลอผ่อนลมหายใจแล้วถามขึ้นมาอย่างใจเย็น

“ไหนบอกว่ามีเรื่องอยากจะระบายยังไง นี่ฉันรอฟังอยู่นะ”

“วันนี้ไปนัดดูตัวมา” สุดท้ายแดนดนัยก็ยอมเอ่ย ฝ่ายนริศราชะงักเลิกคิ้วสูง สีหน้าดูแปลกใจเล็กน้อยก่อนจะถามออกไป

“นัดดูตัว นี่นายไม่ได้อำฉันเล่นใช่มั้ย”

“เรื่องแบบนี้ ใครเขาอำเล่นกันล่ะ” แดนดนัยเงยหน้าขึ้นมาตอบนริศรา แววตาดูเศร้าแต่อีกฝ่ายยังมีอารมณ์ถามอีก

“แล้ว...เธอสวยไหม”

แดนดนัยมองหน้านริศราอย่างไม่เข้าใจว่าจะถามคำถามนี้ทำไม ก่อนจะส่ายหน้าไปมาหากยังคงรินเหล้าใส่แก้วเดิมแล้วยกขึ้นมาถือ ดวงตาสีฟ้ามองไปยังกลุ่มสาวๆ ที่กำลังเต้นรำด้วยสายตาเลื่อนลอย

“นี่ ตกลงสวยหรือไม่สวย” นริศราทวงคำตอบ

“ไม่รู้” แดนดนัยตอบฉุนๆ

“อ้าว” นริศราทำหน้าเหวอ

“ก็คนมันยังไม่ได้เจอไง เธอไม่ได้มาด้วย พ่อแม่เธอบอกว่าเธอติดประชุมด่วน แดนก็เลยปลีกตัวออกมาก่อน ขี้เกียจนั่งฟังพวกผู้ใหญ่คุยกันแต่ก็รู้อยู่อย่างว่าเธอเป็นหมอ”

“ว้าว หมอซะด้วย แล้วยังไงจะบอกว่า นี่คือเรื่องที่นายอยากจะระบายงั้นหรือ เอาจริงๆ นะ การไม่ได้เจอตัวว่าที่คู่หมั้น มันไม่น่าจะเป็นทุกข์สำหรับนายเลยนะ แดเนียล” นริศราชอบเรียกเขาแบบนั้นเพราะเรียกตั้งแต่สมัยเด็กเพื่อไม่ให้เป็นปมในใจจึงตั้งชื่อสากลกันไม่ว่าจะเป็นเธอหรือมาร์ก ตอนนี้ทั้งเธอและมาร์กติดชื่อนี้มากกว่าแดนดนัย

“ก็...เปล่า เรื่องนี้แค่พูดให้ฟังเฉยๆ ส่วนเรื่องที่อยากจะระบายให้ฟัง มันอีกเรื่องหนึ่ง”

“ก็นั่นซินะ ลำพังแค่เรื่องไม่ได้เจอตัวว่าที่คู่หมั้น คงไม่ทำให้นายหงอยได้ขนาดนี้หรอก”

“หงอย?” แดนดนัยขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจที่นริศราพูดคำนั้น เขานะหรือ หงอย

“ก็นายเอาแต่ดื่มเหล้า ทำเหมือนว่ามีเรื่องไม่สบายใจอย่างหนัก ตกลงจะเล่าให้ฟังได้หรือยัง ฉันนั่งรอจนรากจะงอกจากก้นอยู่แล้วนะ” คำพูดท้ายประโยคทำเอาคนฟังหัวเราะออกมาก่อนจะวางแก้วที่ยังมีเหล้าเหลือครึ่ง รอยยิ้มเมื่อครู่เริ่มเจือจางหลังเอ่ยประโยคหนึ่งออกจากปาก

“ความจริงก็ไม่ได้สำคัญอะไรมากหรอก ก็แค่เรื่องในอดีตที่พยายามลืมเท่าไรก็ลืมไม่ได้”

“เรื่องในอดีต แล้วมันเรื่องอะไรล่ะ ทำไม...เรื่องในอดีตถึงได้มีอิทธิพลกับนายมากนักล่ะ” นริศราถามอย่างสงสัย สมองก็พลันใช้ความคิด ก่อนเรื่องหนึ่งจะผุดขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ

“เอ๊ะ หรือว่าเรื่องในอดีตที่ว่ามันจะเป็นเรื่องนั้น” ดวงตาเบิกกว้างกำลังชี้นิ้วใส่หน้าแดนดนัย “จนป่านนี้นายยังจะคิดมากเรื่องนั้นอีก” เห็นอีกฝ่ายทำหน้าเซ็ง ยกแก้วที่มีเหล้าขึ้นมาดื่มอีก

“เบื่อจริงๆ เลย ไอ้พวกรู้มากเนี่ย” แดนดนัยสวนคำพูดกลับอย่างไม่จริงจังนัก นริศรายักไหล่

“ก็ฉันเป็นเพื่อนนายนี่ เพื่อนกันตั้งแต่มัธยมปลายหรือว่าตอนนี้นาย...เห็นฉันเป็นคนอื่นไปแล้วล่ะ” นริศราถามหน้าตาย เมื่อเห็นชายหนุ่มเงียบจึงลุกขึ้นยืนทำท่าจะเดินจากไป แดนดนัยรีบดึงมือหญิงสาวก่อนจะยอมพูดออกไป

“แดนถูกผู้หญิงคนหนึ่งกล่าวหาว่าไร้มารยาท” อย่างกับหุ่นยนต์บังคับได้เพราะทันทีที่เอ่ยออกมาสาวร่างดีก็กลับมานั่งลงเหมือนเดิม

“แค่นั้นหรือ” นริศราถามต่อด้วยความอยากรู้

“เธอบอกว่าแดนดูถูกเธอที่เป็นเพศเดียวกับแม่และก็ยังบอกอีกว่า ที่แดนเกิดมามันก็ผิดแล้ว”

“เฮ้ย ผู้หญิงคนนั้นพูดจาขนาดนั้นเลยหรือ แหม มันก็...ค่อนข้างแรงสำหรับคนมีปมอย่างนายนะแต่ที่จริงก็ไม่ควรคิดมากใช่ป่ะ” นริศราพูดไม่ค่อยเต็มเสียงนัก สีหน้าบ่งบอกว่าตกใจไม่น้อย ปกติแดเนียลจะเป็นหนุ่มเนื้อหอมในบรรดาสาวๆ นอกเหนือจากนริศราที่มีข้อยกเว้นเพราะเป็นเพื่อนสนิทของเขาแล้ว เพียงแค่เพื่อนของเธอคนนี้เดินเฉียดมาใกล้ พวกผู้หญิงพวกนั้นก็เป็นต้องมนต์เสน่ห์ของเขาแทบจะเป็นอย่างนั้นเกือบทุกคน แต่ทำไม...ผู้หญิงคนนั้นถึงตรงกันข้ามได้

“จะไม่ให้คิดมากได้ยังไงในเมื่อมันจี้แทงใจมาก ให้ตายเถอะ เธอเป็นใครกัน อย่าให้เจออีกเชียว จะเอาคืนให้สาสม” แดนดนัยพูดจบก็รินเหล้าใส่แก้วอีกก่อนจะดื่มพรวดเดียวหมดแก้ว นริศรามองตาขวางถามเสียงเข้ม

“นายจะเอาคืนวิธีไหน”

แดนดนัยแสยะยิ้ม หัวเราะหึๆ ดวงตามุ่งมั่น


“คาสโนว่าตัวพ่ออย่างแดน ริสาคิดว่า...จะเอาคืนยัยผู้หญิงปากร้ายคนนั้นด้วยวิธีไหนล่ะ”

______________________________________________________________





จองได้แล้วตั้งแต่วันนี้นะคะ.....................แล้วคุณจะรู้ว่ามีวิธีแก้เผ็ดผู้ชายเจ้าชู้จริง



กรงแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 มี.ค. 2560, 07:50:21 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 มี.ค. 2560, 07:50:21 น.

จำนวนการเข้าชม : 840





<< ตอนที่ 2.1 นางฟ้าตัวแสบ   ตอนที่ 2.3 นางฟ้าตัวแสบ >>
Zephyr 27 มี.ค. 2560, 00:08:30 น.
เฮ้อออ ถ้าเอาคืนวิธีเราคิด
นายจะเลวมากเลยแดน


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account