The D.O.L.L.S โศกนาฏกรรมปีศาจตุ๊กตามหาเวท
"นักขายความฝันผู้เลือดร้อน & นักโทษประหารผู้เริงร่า & หัวขโมยผู้เย็นชา"
ต่างถิ่น ต่างความคิด ต่างอาชีพ ต่างนิสัย ต่างจุดมุ่งหมาย ต่างเผ่าพันธุ์
กลับต้องมาอยู่ด้วยกันเพราะเหตุบางอย่าง... The D.O.L.L.S
ตุ๊กตาปีศาจมีลักษณะรูปร่างเหมือนมนุษย์ทุกประการ
ถ้าอย่างนั้น...จะรู้ได้อย่างไร?
...เป็นปีศาจ...หาใช่มนุษย์ไม่...
ระวังไว้ให้ดี...ทุกอย่างอาจเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา...
...ที่ใครบางคนสร้างขึ้นเท่านั้น...
สงครามระหว่างผู้มีพลังเวทกับมนุษย์ธรรมดา
ใครจะอยู่รอดเป็นผู้กำชัยชนะ!?
- ขอขอบคุณนักอ่านทุกท่านจากใจจริง -
แผนที่นครเซ็นทรัม http://i49.photobucket.com/albums/f290/thunchanoks/map122e1.jpg
ต่างถิ่น ต่างความคิด ต่างอาชีพ ต่างนิสัย ต่างจุดมุ่งหมาย ต่างเผ่าพันธุ์
กลับต้องมาอยู่ด้วยกันเพราะเหตุบางอย่าง... The D.O.L.L.S
ตุ๊กตาปีศาจมีลักษณะรูปร่างเหมือนมนุษย์ทุกประการ
ถ้าอย่างนั้น...จะรู้ได้อย่างไร?
...เป็นปีศาจ...หาใช่มนุษย์ไม่...
ระวังไว้ให้ดี...ทุกอย่างอาจเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา...
...ที่ใครบางคนสร้างขึ้นเท่านั้น...
สงครามระหว่างผู้มีพลังเวทกับมนุษย์ธรรมดา
ใครจะอยู่รอดเป็นผู้กำชัยชนะ!?
- ขอขอบคุณนักอ่านทุกท่านจากใจจริง -
แผนที่นครเซ็นทรัม http://i49.photobucket.com/albums/f290/thunchanoks/map122e1.jpg
Tags: ตุ๊กตา,ปีศาจ,คำสาป,เวทมนตร์,สงคราม,แฟนตาซี,ผู้ใช้เวท,มนุษย์,โศกนาฏกรรม,mystery
ตอน: Episode 14 : || ผู้ขายวิญญาณ ||
EPISODE 14
ผู้ขายวิญญาณ
ควินัวขยับตัวหลบเลื่อยที่พุ่งเข้าใส่ได้อย่างว่องไว แต่ใบเลื่อยกลับหยุดชะงักแล้ววกเลี้ยวกลับไปยังมิเวลอีกครั้งหนึ่ง เฟรเนร่าเคลื่อนตัวหลบได้ทันท่วงที มิเวลกลัวว่าควินัวจะได้รับอันตรายจึงตัดสินใจกระโดดลงจากหลังของมัน
จนถึงตอนนี้เธอก็ยังหาวอลไม่เจอ ไม่รู้ว่าเขาไปหลบอยู่ตรงไหน แม้จะกังวลเพราะเจ้าบ้านั่นยิ่งอาการไม่ค่อยดีอยู่ แต่ในเมื่อควินัวยังคงสบายดีก็คงไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง
ใบเลื่อยพุ่งกลับหาเจ้าของ เฟลนเวย์คว้าอาวุธของตัวเองเอาไว้ได้อย่างแม่นยำ แล้วปล่อยพลังไฟฟ้าออกจากปลายเลื่อยใส่มิเวลซึ่งยืนห่างออกไปไม่ไกลทันที ร่างเล็กกระโดดหลบก่อนจะร่ายเวทเรียกลาวาออกมาจากดาบพร้อมด้วยลูกไฟนับร้อยกลางอากาศโจมตีใส่ศัตรู
เฟลนเวย์ยิ้มเยาะ ยื่นมือขวาออกไปด้านหน้า ดูดพลังโจมตีจากเด็กสาวหายเข้าไปในฝ่ามือของตน
อะไรกัน!?
มิเวลตะโกนถามในใจด้วยความงุนงง ทำไมเจ้านั่นถึงทำแบบนั้นได้
“พลังเวทของแกจัดการข้าไม่ได้หรอก” น้ำเสียงเย้ยหยันพร้อมด้วยเสียงหัวเราะในลำคออย่างชอบใจ
เด็กสาวกำหมัดแน่น พยายามระงับอารมณ์โกรธเพื่อตั้งสติวิเคราะห์สถานการณ์ เป็นไปได้ว่าพลังเวทของเธอไม่มากพอจึงจัดการมันไม่ได้ เธอไม่ใช่เอเวน ไม่ได้มีพลังมากมายเท่าเขา
ถ้าอย่างนั้นก็ต้องใช้ดาบตัดสินกันล่ะ!
ดาบในมือเริ่มร่ายลวดลายอีกครั้ง มิเวลตวัดดาบผ่าอากาศปรากฏสายลมพุ่งโจมตีเข้าใส่ศัตรู เฟลนเวย์ทำหน้าเหวอเมื่อเห็นพลังดาบตรงหน้า เขาเคลื่อนตัวหลบ แต่จู่ๆ พลังมหาศาลก็ระเบิดตูมกลายเป็นใบมีดสายลมปลิวกระจายว่อนไปทั่วทุกทิศทำให้หลบไม่พ้น ร่างสูงจึงโดนมีดลมเฉือนเนื้อตามแขนขาจนเลือดอาบ
พลังดาบของเจ้าเด็กหัวแดงนี่อันตรายเกินไป!
ชายหนุ่มคิดในใจ แม้มันจะไม่มีพลังเวทอะไรมากมาย แต่พลังดาบกลับน่ากลัวขั้นมหาโหด
มิเวลยืนมองใบหน้าบึ้งตึงของอีกฝ่ายด้วยความสะใจ เจ้านั่นมันอยากมาดูถูกเธอดีนัก เธอฝึกดาบและหลงรักการใช้ดาบมาตั้งแต่อายุห้าขวบ ฝึกฝนและท้าดวลกับคนอื่นอยู่บ่อยครั้ง จนถึงเดี๋ยวนี้เธอยังไม่เคยแพ้ใครแม้แต่คนเดียว
แต่แล้วรอยยิ้มแสยะก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเจ้าเล่ห์อีกครั้งพร้อมด้วยเสียงหัวเราะลั่น รีบใช้พลังหายตัวเข้าไปประชิดตัวเด็กสาวโดยไม่ทันให้ตั้งตัว มิเวลสวนดาบใส่แต่เขาหลบได้ทันพร้อมกับใช้มือแตะดาบของอีกฝ่าย ปล่อยพลังทำให้ดาบยาวหายวับไปในพริบตา ก่อนเสียงเย็นเยียบจะพูดกระซิบข้างหูของคนกำลังตกใจว่า
“ถ้าไม่มีดาบ...จะทำยังไงดีล่ะ” แล้วร่างสูงของเฟลนเวย์ก็หายวับไปอีกครั้ง ทิ้งเสียงหัวเราะเย้ยหยันดังกึกก้องไปทั่ว
มิเวลตะลึงมองสองมือว่างเปล่าของตัวเอง เมื่อกี้นี้เธอมองไม่ทันเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น เธอไม่รู้สึกถึงพลังเวทหรือพลังอะไรสักนิดที่จะทำให้ดาบของเธอหายไปได้ เหมือนกับว่าเฟลนเวย์แค่แตะดาบของเธอแล้วมันก็หายไป
ไม่มีเวลาให้ได้คิดอะไรอีก พลังมหาศาลจากปลายเลื่อยของศัตรูพุ่งตรงเข้ามา เด็กสาวรีบร่ายเวทกำแพงไฟขึ้นป้องกันแม้ในใจจะรู้ดีว่าเวทของเธอไม่มีทางต้านทานพลังขนาดนั้นได้แน่ เมื่อไม่มีดาบ เธอก็ทำอะไรไม่ได้เลย
ไม่ได้แม้แต่จะป้องกันตัวเองด้วยซ้ำ
“ข้าจะทำลายกำแพงไฟฟ้าของแก” เฟลนเวย์บอกพร้อมกับยิ้มเย็นอย่างพอใจ
กำแพงไฟฟ้าโผล่พรวดขึ้นมาจากพื้นรับแรงโจมตีรวมทั้งสลายพลังของเฟลนเวย์ได้ทั้งหมด ชายหนุ่มขมวดคิ้วอย่างขัดใจ ไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะร่ายเวทกำแพงซ้อนกันสองชั้นแถมยังสามารถสลายพลังของเขาได้อีก
“ของข้าต่างหาก” เสียงเย็นชากล่าว ก่อนจะร่ายเวทปรากฏพลังไฟฟ้าหุ้มมือขวาแล้วทะลวงหลังของศัตรูตรงหน้าทันที
เฟลนเวย์ล้มลงกับพื้น ก้มมองบาดแผลเป็นรูกว้างที่หน้าอกซึ่งมีเลือดไหลพลั่กออกมาจำนวนมาก เขาแสยะยิ้มกับตัวเองพลางหัวเราะเบาๆ ในลำคอ เพราะมัวแต่มาเล่นกับเจ้าหนูหัวแดงเลยลืมหนูอีกตัวไปเสียได้
“เจ้ารู้จักคารอฟหรือไม่” เสียงเยือกเย็นถาม พร้อมกับใช้ดาบแตะบนศีรษะของศัตรู
“...ข้าชอบลุยเดี่ยวไม่...รู้จักใครทั้งนั้นแหละ” น้ำเสียงเย้ยหยันตอบก่อนเสียงหัวเราะจะค่อยๆเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ
“ถ้าอย่างนั้น คืนดาบของมิเวลมาซะ” จิตสังหารของเด็กหนุ่มอ่อนลงเมื่อได้รับคำตอบ
“อย่าเพิ่งได้ใจไปไอ้หนู...ยังมีเรื่องน่าสนุกต่อจากนี้อีก!!!” เฟลนเวย์แผดเสียงลั่นก่อนทั้งร่างจะระเบิดออกพร้อมกับมีควันคลุ้งไปทั่วห้อง
มิเวลและเอเวนต้องหลับตาแน่นเพราะควันกับฝุ่นจากแรงระเบิดล่องลอยอยู่ในอากาศเต็มไปหมด พอลืมตาขึ้นอีกทีก็ไม่เห็นร่างของเฟลนเวย์แล้ว
เอเวนสบถอย่างหงุดหงิด มองหาศัตรูภายในกลุ่มควัน แต่ทัศนวิสัยแย่เสียจนเขามองอะไรอย่างอื่นไม่เห็น ตอนนี้มันคงกำลังรักษาตัวอยู่ ต้องรีบหาตัวมันให้เจอ
จะว่าไปเขาไม่เห็นเจ้าตัวแคปซูลตั้งแต่เจอผู้ขายวิญญาณนั่นแล้ว เห็นแต่เจ้าสี่ขาอยู่แวบๆ แล้วมันก็หายไปอีก
ตายไปแล้วมั้ง
เอเวนสรุปกับตัวเองอย่างไร้เยื่อใย
“โดนทะลวงหัวใจขนาดนั้นยังไม่ตายแสดงว่าต้องใช้เลือดฆ่ามันใช่มั้ย” มิเวลเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจ เพราะเธอไม่แน่ใจว่าตุ๊กตาปีศาจที่กลายร่างไม่ได้และกลายร่างได้จะมีวิธีฆ่าแบบเดียวกันหรือเปล่า
แต่เธอก็แปลกใจเมื่อเอเวนไม่ตอบ
“นี่ว่าไงล่ะต้องใช้เลือดฆ่ามันใช่มั้ย” มิเวลถามซ้ำ เห็นสีหน้าคนข้างกายเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ เด็กสาวถามเขาอีกที เอเวนจึงถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย
“นั่นไม่ใช่ตุ๊กตา แต่เป็นผู้ขายวิญญาณ”
“ผู้ขายวิญญาณก็คือตุ๊กตาไม่ใช่เหรอไง” น้ำเสียงงุนงงอย่างไม่เข้าใจ เธอคิดมาตลอดว่าตุ๊กตาปีศาจก็คือมนุษย์ที่ขายวิญญาณจึงถูกเรียกว่าผู้ขายวิญญาณ
“ถูกแค่บางส่วน ผู้ขายวิญญาณคือมนุษย์ธรรมดาที่ยอมขายวิญญาณส่วนหนึ่งของตนเองให้ราชาปีศาจเพื่อแลกกับพลังอำนาจ พลังของเฟลนเวย์และพลังของตุ๊กตาจึงเหมือนกัน คล้ายคลึงกับพลังเวทก็จริง แต่ไม่ใช่พลังเวท เพราะฉะนั้นถึงไม่มีไอเวท พลังของมันมาจากบ่อเกิดพลังที่เรียกว่า ‘หัวใจ’ แล้วที่บอกว่าถูกแค่บางส่วนก็เพราะว่า มีผู้ขายวิญญาณบางคนยอมขายวิญญาณที่เหลือทั้งหมดเพื่อแลกกับพลังมหาศาลสำหรับการแก้แค้น จึงกลายเป็นตุ๊กตาปีศาจในเวลาต่อมา” เอเวนอธิบาย พลางมองหาศัตรูไปด้วยในเวลาเดียวกัน
“หมายความว่าตุ๊กตาปีศาจมีทั้งเกิดจากมนุษย์ธรรมดาผู้ใช้เวท และผู้ขายวิญญาณด้วยงั้นสิ”
“ใช่ ใครก็ได้ที่ต้องการล้างแค้น”
และพลังของตุ๊กตาปีศาจก็มีมากกว่าพลังของผู้ขายวิญญาณสินะ มิเวลสรุปกับตัวเอง
“แล้วจะฆ่าผู้ขายวิญญาณคนนั้นได้ยังไงล่ะ” น้ำเสียงกังวลเอ่ยถาม ในเมื่อเฟลนเวย์ไม่ใช่ตุ๊กตาปีศาจ ก็คงจะกำจัดด้วยเลือดของเธอไม่ได้
“ต้องทำลาย ‘หัวใจ’ ของมัน”
“หัวใจ?” เด็กสาวทวน เธอมั่นใจว่าตัวเองเห็นเอเวนทะลวงหัวใจของศัตรูไปเมื่อกี้ “แต่มันไม่ตายนี่”
“ไม่ใช่หัวใจนั่น ร่างกายของผู้ขายวิญญาณไม่มีหัวใจอีกแล้ว มีแต่ ‘หัวใจ’ ซึ่งเป็นบ่อเกิดของพลัง ต้องอยู่ที่ไหนสักแห่งในร่างของมัน” เอเวนตอบพร้อมกับนึกภาพของเฟลนเวย์ขึ้นในหัว วิเคราะห์การเคลื่อนไหว คิดหาความเป็นไปได้ว่าหัวใจอยู่ตรงไหน “ปกติแล้วบ่อเกิดพลังมักจะอยู่ในตำแหน่งเดิมของหัวใจ แต่ก็มีผู้ขายวิญญาณส่วนหนึ่งเก็บหัวใจเอาไว้ที่อื่นเพื่อป้องกันการถูกทำลาย”
บ่อเกิดพลังจะมีพลังมากกว่าส่วนอื่น เพราะฉะนั้นต้องมีพลังรุนแรงออกมาจากจุดนั้น...
ลองวิเคราะห์การโจมตีของเฟลนเวย์แต่ละครั้งดู...
เลื่อยยักษ์นั่น!
ตูม!
เกิดพลังระเบิดรุนแรงห่างจากมิเวลและเอเวนไปไม่กี่เมตร ทำให้มีควันคลุ้งกระจายไปทั่วห้องมากกว่าเก่า เอเวนขยับตัวเตรียมพร้อมจ้องเขม็งเข้าไปในกลุ่มควัน เป็นไปได้สูงว่าศัตรูตั้งใจจะสร้างฉากกำบังแล้วค่อยโจมตี พอหันไปมองมิเวลซึ่งอยู่อีกด้านก็เห็นว่าร่างเล็กเดินดุ่มๆ ไปเข้าไปในกลุ่มควันแบบไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น
ยัยนั่นเดินลุยมั่วทั้งที่ไม่มีอาวุธเนี่ยนะ!
แต่ยังไม่ทันที่จะเรียกอีกฝ่าย เขาก็รู้สึกว่ามีอะไรเคลื่อนไหวอยู่ด้านหน้า เด็กหนุ่มรีบหันกลับไปมองพร้อมกับยกดาบในมือรับแรงกระแทกจากใบเลื่อยยักษ์ได้ทันเวลา
เฟลนเวย์กดแรงมากขึ้น ก่อนจะสัมผัสความรู้สึกได้ว่าศัตรูกำลังร่ายเวทจึงรีบกระโดดถอยห่างออกมาแล้วสร้างม่านพลังป้องกันอาวุธของตัวเอง พื้นห้องกลายเป็นกระแสไฟฟ้าจำนวนมากในพริบตา พร้อมกับตาข่ายไฟฟ้าปรากฏขึ้นครอบชายหนุ่มเอาไว้ พลังทำลายรุนแรงจนทำให้ร่างเนื้อในตาข่ายเผาไหม้อย่างรวดเร็ว ใบหน้าไหม้เกรียมจนเละแสยะยิ้มน่ากลัวอย่างถูกใจ
มิเวลตกใจเมื่ออยู่ๆ พื้นก็กลายเป็นกระแสไฟฟ้าแต่กลับไม่ทำอะไรเธอ เด็กสาวจึงมั่นใจว่านี่เป็นพลังเวทของเอเวนแล้วรีบวิ่งกลับไปทางเดิมทันที ผู้ขายวิญญาณต้องอยู่กับเอเวนแน่นอน
เอเวนสลายเวทของตัวเอง เขารู้ว่าผู้ขายวิญญาณก็เหมือนกับตุ๊กตาปีศาจ นั่นคือฆ่าเท่าไหร่ก็ไม่ตาย เป็นไปตามคาดเมื่อตาข่ายไฟฟ้าหายวับไป เผยให้เห็นเฟลนเวย์ในสภาพเผาไหม้จนเหลือแต่กระดูกค่อยๆ กลับมามีสภาพเป็นอย่างเดิม ข้างกายมีม่านพลังสีดำป้องกันอะไรบางอย่าง
“พลังเวทของแกเยี่ยมยอดจริงๆ แต่ก็ยังทำอะไรข้าไม่ได้” น้ำเสียงเยาะเย้ยพร้อมด้วยรอยยิ้มขำขัน
“ในม่านพลังนั่นคงจะเป็นหัวใจของแกสินะ” สายตาเย็นชาเหลือบไปมองสิ่งที่พูดถึงก่อนจะเบือนกลับไปยังคนตรงหน้าเช่นเดิม รอยยิ้มขำขันแสยะมากขึ้นกว่าเก่าเมื่อเจอคนถูกใจของจริงเข้า
เจ้าหนูตัวนี้รู้มากจริงเสียด้วย
ร่างเล็กวิ่งผ่านกลุ่มควันไปเรื่อยๆ จนเจอเอเวนและเฟลนเวย์ในที่สุด ทั้งสองกำลังยืนประชันหน้ากันอยู่ เฟลนเวย์สลายม่านพลังป้องกันเลื่อยของเขาออก ส่งรอยยิ้มเยาะไปให้ศัตรูทั้งสองก่อนจะแผดเสียงหัวเราะลั่น
“ฮ่าๆๆถึงเจ้าจะโจมตีใส่ข้ารุนแรงแค่ไหน ตราบใดที่ข้าสร้างม่านพลังป้องกันหัวใจของข้าไว้ได้ ข้าก็จะไม่...”
โครม!
เสาต้นหนึ่งซึ่งรองรับน้ำหนักของชั้นบนล้มโครมลงมาทับร่างบนพื้นพอดิบพอดี เมื่อเสารองรับหายไปหนึ่งต้นเพดานด้านบนจึงพังทลายลงมาส่วนหนึ่ง พร้อมด้วยร่างหนึ่งร่วงหล่นตุ้บลงมานั่งแผละกับพื้น
“อูย...อะ...อ้าวว่าไง แหะๆ” ใบหน้าหวานมีสีหน้าเหยเกก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มแห้งๆ เมื่อเห็นสีหน้าอึ้งตะลึงงันของเพื่อนร่วมทางทั้งสอง
“...เจ้าทำอะไรน่ะ” มิเวลเอ่ยถามพร้อมกับชี้นิ้วขึ้นไปด้านบน คนถูกถามมองตามขึ้นไปอย่างงงๆ ก่อนจะร้องอ๋อออกมา
“เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่สันทัดเรื่องระเบิดตูมหรือเอาดาบมาฟันฉัวะ ข้าก็เลยไปแอบซ่อนตัวอยู่บนเสา” วอลตอบเสียงใส ส่งรอยยิ้มกว้างไปให้เพื่อนทั้งสองโดยไม่สนใจสายตาประหลาดของทั้งคู่ “แต่พวกเจ้าเล่นระเบิดตูมตามกันเยอะเกินไปหน่อย พอข้าเอาดาบไปฟันเสาลับคมแค่ทีเดียว มันก็เลยพังครืนลงมาเนี่ย”
พูดจบก็มองหาดาบตัวการ เห็นปลายดาบยื่นออกมาจากซากเพดานเขาจึงเอื้อมมือไปคว้ามันออกมา แล้วหันไปชูหลักฐานให้กับเพื่อนทั้งสองดู
นั่นมันดาบของเธอนี่!
“เจ้าไปเอาดาบของข้าคืนมาได้ยังไง”
วอลมองดาบในมือสลับกับมิเวล ก่อนเอ่ยตอบด้วยแววตาไร้เดียงสา
“มันปักอยู่บนเพดาน ข้าก็เลยดึงออกมา”
“เพราะตัวเองปลอดภัยดีแล้วถึงได้ส่งเฟรเนร่าออกมาสินะ เจ้าไม่รู้รึไงว่าสัตว์เวทใช้เวลาพักฟื้นพลังเป็นอาทิตย์” เสียงเย็นเฉียบเอ่ยถามอย่างดูแคลนหลังจากยืนเงียบมานาน วอลหันไปมองเอเวนด้วยสีหน้างงๆ อยู่พักหนึ่งที่จู่ๆ อีกฝ่ายก็เปลี่ยนเรื่องแบบสายฟ้าฟาด ก่อนจะร้องอ๋อออกมาพร้อมกับหัวเราะแหะๆ
“ควินัวไม่เป็นอะไรหรอกสบายหายห่วง" เสียงสดใสเอ่ยตอบ แล้วพเยิดหน้าไปยังมุมหนึ่งของห้องซึ่งอยู่ใกล้กับประตูทางออก ควินัวกำลังนอนขดตัวอย่างสบายทั้งที่ในห้องเพิ่งจะเกิดสงครามไปหยกๆ "นอนตัวกลมอยู่นู่นไง"
เสียงอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวดังมาจากใต้เสาต้นใหญ่ มิเวลรีบวิ่งไปคว้าเอาดาบคืนจากคนที่กำลังนั่งแช่อยู่บนพื้น แล้วจับดาบแน่นอยู่ในท่าเตรียมพร้อม เอเวนเหลือบสายตามองเสารับน้ำหนักด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะร่ายเวทสายฟ้ายกเสาต้นใหญ่ขึ้น เผยให้เห็นร่างของผู้ขายวิญญาณซึ่งร้าวไปทั้งตัวและอาวุธเลื่อยในสภาพไม่ต่างกัน
พอเห็นว่ามีคนอยู่ใต้เสาวอลก็ตกใจแล้วรีบลุกขึ้นยืน แต่พอทิ้งน้ำหนักลงบนขาได้สักพัก อาการเวียนหัวก็ทำให้เขาเกือบล้มทั้งยืนแต่ก็ยังคงฝืนเอาไว้ได้ เด็กหนุ่มรีบกลบเกลื่อนหันไปยิ้มสดใสให้กับมิเวลที่หันมามองเขาพอดี
“ยิ้มอะไรอยู่ได้”
“เปล่านี่”
มิเวลขมวดคิ้วอย่างขัดใจ ขนาดบอกว่าเปล่ายังจะยิ้มอยู่อีก ก่อนจะหันกลับไปมองร่างแน่นิ่งของเฟลนเวย์เหมือนเดิม
“ถ้าหัวใจอยู่ในสภาพไหนร่างกายของผู้ขายวิญญาณก็จะเป็นแบบนั้นด้วยงั้นเหรอ” น้ำเสียงสงสัยเอ่ยถามเอเวน คนถูกถามไม่ตอบอะไรเพียงแต่ยืนมองร่างบนพื้นเงียบๆ ก่อนจะนั่งคุกเข่าสำรวจร่างตรงหน้าชัดๆ
“เอาแผนที่ออกมา””เสียงเรียบออกคำสั่งมิเวลชักสีหน้าอย่างหงุดหงิดทันทีเมื่อโดนสั่ง
“ฝันไปเถอะว่าจะสั่งข้าได้”
“เอาออกมา”
“ไม่”
“มันยังไม่ตาย ข้าจะถามวิธีการอ่านแผนที่จากมัน” เด็กสาวกำลังจะอ้าปากย้อนอีกฝ่ายกลับ แต่ก็ต้องหุบปากทันควันพร้อมกับยื่นเสนอหน้าไปก้มมองดูร่างร้าวจวนจะแตกของเฟลนเวย์บนพื้น
“ยังไม่ตายเหรอ”
“ยังเวลาผู้ขายวิญญาณตายร่างของมันจะกลายเป็นผงทรายแล้วระเหิดหายไป” มิเวลพยักหน้าเข้าใจพลางคิดจินตนาการภาพวาระสุดท้ายของผู้ขายวิญญาณ คิดไปคิดมา ข้อสงสัยตั้งแต่ก่อนหน้านี้ก็กลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง
เอเวนรู้ได้อย่างไร? ไม่สิ เขารู้เรื่องพวกนี้แถมยังละเอียดแบบนี้ได้อย่างไรทั้งๆ ที่มันเป็นความลับของทางรัฐบาล
สายตาไม่ไว้ใจเหล่มองคนข้างกาย ก่อนจะรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติอย่างรวดเร็วเมื่อเอเวนหันมามอง นึกขึ้นได้ว่าเขาถามหาแผนที่ต้องคำสาปจึงล้วงหยิบแผนที่ในกระเป๋าคาดเอวออกมา เอเวนยื่นมือจะมาหยิบแผนที่ไปจากเธอ แต่มิเวลยังคงรักษาสติเอาไว้ได้พร้อมกับรีบขยับมือหนี คิ้วของเอเวนกระตุกน้อยๆ จ้องเธอด้วยสายตาคำถาม
“ข้ายังไม่ไว้ใจเจ้า” มิเวลบอกตามตรง
“แล้วข้าไว้ใจเจ้าหรือไง”
“ในเมื่อเจ้าไม่ไว้ใจข้า คืนนั้นเจ้าคืนแผนที่ให้ข้าทำไม”
“ตามข้อตกลง ข้าแค่เดินทางไปด้วยเท่านั้น เพราะฉะนั้นแผนที่ยังคงเป็นของเจ้า” เสียงราบเรียบตอบ มิเวลลังเลเล็กน้อย จ้องใบหน้าไร้อารมณ์ของเอเวนพร้อมกับครุ่นคิดหนักว่าจะเอายังไงดี ก่อนจะตัดสินใจยื่นแผนที่ในมือให้เด็กหนุ่ม
เอเวนยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก รับแผนที่ต้องสาปไปแล้วหันไปร่ายเวทอะไรบางอย่าง รากไม้จำนวนมากโผล่ขึ้นมาจากพื้นตรงเข้ามัดร่างของเฟลนเวย์ไว้อย่างแน่นหนา จากนั้นจึงค่อยยืนขึ้นแล้วใช้เท้าเตะๆ ร่างบนพื้นเพื่อปลุกให้เขาตื่น แต่เฟลนเวย์ก็ยังคงนอนนิ่งไม่มีปฏิกิริยาอะไร
เด็กหนุ่มตัดสินใจใช้ดาบของตัวเองแทงร่างตรงหน้าทะลุไปถึงพื้น เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นพร้อมด้วยอาการดิ้นพล่านของผู้ขายวิญญาณ เอเวนร่ายเวทบังคับรากไม้รัดคนกำลังดิ้นให้แน่นขึ้นอีก เฟลนเวย์ยังคงดิ้นไม่หยุด เด็กหนุ่มจึงหันไปเอาดาบเสียบเข้าไปในใบเลื่อยตรงรอยร้าวจนมีเศษเล็กๆ บางส่วนหลุดออกมา
ได้ผล ร่างของผู้ขายวิญญาณกระตุกรุนแรงแล้วนิ่งไปโดยไม่พยายามดิ้นให้หลุดจากพันธนาการอีก สายตาตื่นตระหนกเหลือบขึ้นมองใบหน้าเย็นชาของเด็กหนุ่มตรงหน้า
“...แก...ต้องการอะไร” เสียงแหบแห้งถามอย่างอ่อนแรง
“ข้าต้องการรู้วิธีใช้แผนที่ต้องคำสาป”” ผู้ถูกถามเบือนสายตาต่ำลง เฟลนเวย์มองลูกกลมๆ ในมือของอีกฝ่ายแล้วหัวเราะในลำคอพร้อมกับแสยะยิ้มเยาะ
“...เสียใจด้วย แกจะไม่มีวันได้รู้”
เอเวนดึงดาบออกแล้วแทงซ้ำเข้าไปอีกรอบ ร่างของเฟลนเวย์กระตุกอีกครั้งพร้อมกับมีเลือดจำนวนมากไหลไหลทะลักออกมาจากปาก มิเวลรีบหันขวับไปมองทางอื่นทันควัน ในใจนึกตำหนิเอเวนว่าเขาทำเกินไปแล้ว
“ตอบผิด” เสียงเย็นชาบอก ก่อนจะดึงดาบออกแล้วแทงซ้ำเป็นรอบที่สาม เฟลนเวย์แผดเสียงร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับมีเลือดทะลักออกมาจากทั้งจมูกและปากเพิ่มมากขึ้นอีก
“พอได้แล้ว” มิเวลร้องห้าม
“แล้วเจ้ามีวิธีอื่นหรือไง” น้ำเสียงหงุดหงิดถามเด็กสาวชะงักไปเพราะเธอไม่รู้คำตอบของคำถามนั้น
แต่เดี๋ยวก่อน...
จริงสิ!
มิเวลรีบหันขวับไปมองคนข้างหลังทันทีที่นึกอะไรบางอย่างออก เห็นวอลจ้องเธอกลับตาแป๋ว “เจ้าเคยบอกว่าเป็นนักหวนคืนอะไรนั่นนี่ ใช้พลังจิตของเจ้าไงล่ะ หาวิธีใช้แผนที่จากความทรงจำ!”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันน้า เป็นกำลังใจให้โฮปด้วยนะฮับ
ผู้ขายวิญญาณ
ควินัวขยับตัวหลบเลื่อยที่พุ่งเข้าใส่ได้อย่างว่องไว แต่ใบเลื่อยกลับหยุดชะงักแล้ววกเลี้ยวกลับไปยังมิเวลอีกครั้งหนึ่ง เฟรเนร่าเคลื่อนตัวหลบได้ทันท่วงที มิเวลกลัวว่าควินัวจะได้รับอันตรายจึงตัดสินใจกระโดดลงจากหลังของมัน
จนถึงตอนนี้เธอก็ยังหาวอลไม่เจอ ไม่รู้ว่าเขาไปหลบอยู่ตรงไหน แม้จะกังวลเพราะเจ้าบ้านั่นยิ่งอาการไม่ค่อยดีอยู่ แต่ในเมื่อควินัวยังคงสบายดีก็คงไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง
ใบเลื่อยพุ่งกลับหาเจ้าของ เฟลนเวย์คว้าอาวุธของตัวเองเอาไว้ได้อย่างแม่นยำ แล้วปล่อยพลังไฟฟ้าออกจากปลายเลื่อยใส่มิเวลซึ่งยืนห่างออกไปไม่ไกลทันที ร่างเล็กกระโดดหลบก่อนจะร่ายเวทเรียกลาวาออกมาจากดาบพร้อมด้วยลูกไฟนับร้อยกลางอากาศโจมตีใส่ศัตรู
เฟลนเวย์ยิ้มเยาะ ยื่นมือขวาออกไปด้านหน้า ดูดพลังโจมตีจากเด็กสาวหายเข้าไปในฝ่ามือของตน
อะไรกัน!?
มิเวลตะโกนถามในใจด้วยความงุนงง ทำไมเจ้านั่นถึงทำแบบนั้นได้
“พลังเวทของแกจัดการข้าไม่ได้หรอก” น้ำเสียงเย้ยหยันพร้อมด้วยเสียงหัวเราะในลำคออย่างชอบใจ
เด็กสาวกำหมัดแน่น พยายามระงับอารมณ์โกรธเพื่อตั้งสติวิเคราะห์สถานการณ์ เป็นไปได้ว่าพลังเวทของเธอไม่มากพอจึงจัดการมันไม่ได้ เธอไม่ใช่เอเวน ไม่ได้มีพลังมากมายเท่าเขา
ถ้าอย่างนั้นก็ต้องใช้ดาบตัดสินกันล่ะ!
ดาบในมือเริ่มร่ายลวดลายอีกครั้ง มิเวลตวัดดาบผ่าอากาศปรากฏสายลมพุ่งโจมตีเข้าใส่ศัตรู เฟลนเวย์ทำหน้าเหวอเมื่อเห็นพลังดาบตรงหน้า เขาเคลื่อนตัวหลบ แต่จู่ๆ พลังมหาศาลก็ระเบิดตูมกลายเป็นใบมีดสายลมปลิวกระจายว่อนไปทั่วทุกทิศทำให้หลบไม่พ้น ร่างสูงจึงโดนมีดลมเฉือนเนื้อตามแขนขาจนเลือดอาบ
พลังดาบของเจ้าเด็กหัวแดงนี่อันตรายเกินไป!
ชายหนุ่มคิดในใจ แม้มันจะไม่มีพลังเวทอะไรมากมาย แต่พลังดาบกลับน่ากลัวขั้นมหาโหด
มิเวลยืนมองใบหน้าบึ้งตึงของอีกฝ่ายด้วยความสะใจ เจ้านั่นมันอยากมาดูถูกเธอดีนัก เธอฝึกดาบและหลงรักการใช้ดาบมาตั้งแต่อายุห้าขวบ ฝึกฝนและท้าดวลกับคนอื่นอยู่บ่อยครั้ง จนถึงเดี๋ยวนี้เธอยังไม่เคยแพ้ใครแม้แต่คนเดียว
แต่แล้วรอยยิ้มแสยะก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเจ้าเล่ห์อีกครั้งพร้อมด้วยเสียงหัวเราะลั่น รีบใช้พลังหายตัวเข้าไปประชิดตัวเด็กสาวโดยไม่ทันให้ตั้งตัว มิเวลสวนดาบใส่แต่เขาหลบได้ทันพร้อมกับใช้มือแตะดาบของอีกฝ่าย ปล่อยพลังทำให้ดาบยาวหายวับไปในพริบตา ก่อนเสียงเย็นเยียบจะพูดกระซิบข้างหูของคนกำลังตกใจว่า
“ถ้าไม่มีดาบ...จะทำยังไงดีล่ะ” แล้วร่างสูงของเฟลนเวย์ก็หายวับไปอีกครั้ง ทิ้งเสียงหัวเราะเย้ยหยันดังกึกก้องไปทั่ว
มิเวลตะลึงมองสองมือว่างเปล่าของตัวเอง เมื่อกี้นี้เธอมองไม่ทันเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น เธอไม่รู้สึกถึงพลังเวทหรือพลังอะไรสักนิดที่จะทำให้ดาบของเธอหายไปได้ เหมือนกับว่าเฟลนเวย์แค่แตะดาบของเธอแล้วมันก็หายไป
ไม่มีเวลาให้ได้คิดอะไรอีก พลังมหาศาลจากปลายเลื่อยของศัตรูพุ่งตรงเข้ามา เด็กสาวรีบร่ายเวทกำแพงไฟขึ้นป้องกันแม้ในใจจะรู้ดีว่าเวทของเธอไม่มีทางต้านทานพลังขนาดนั้นได้แน่ เมื่อไม่มีดาบ เธอก็ทำอะไรไม่ได้เลย
ไม่ได้แม้แต่จะป้องกันตัวเองด้วยซ้ำ
“ข้าจะทำลายกำแพงไฟฟ้าของแก” เฟลนเวย์บอกพร้อมกับยิ้มเย็นอย่างพอใจ
กำแพงไฟฟ้าโผล่พรวดขึ้นมาจากพื้นรับแรงโจมตีรวมทั้งสลายพลังของเฟลนเวย์ได้ทั้งหมด ชายหนุ่มขมวดคิ้วอย่างขัดใจ ไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะร่ายเวทกำแพงซ้อนกันสองชั้นแถมยังสามารถสลายพลังของเขาได้อีก
“ของข้าต่างหาก” เสียงเย็นชากล่าว ก่อนจะร่ายเวทปรากฏพลังไฟฟ้าหุ้มมือขวาแล้วทะลวงหลังของศัตรูตรงหน้าทันที
เฟลนเวย์ล้มลงกับพื้น ก้มมองบาดแผลเป็นรูกว้างที่หน้าอกซึ่งมีเลือดไหลพลั่กออกมาจำนวนมาก เขาแสยะยิ้มกับตัวเองพลางหัวเราะเบาๆ ในลำคอ เพราะมัวแต่มาเล่นกับเจ้าหนูหัวแดงเลยลืมหนูอีกตัวไปเสียได้
“เจ้ารู้จักคารอฟหรือไม่” เสียงเยือกเย็นถาม พร้อมกับใช้ดาบแตะบนศีรษะของศัตรู
“...ข้าชอบลุยเดี่ยวไม่...รู้จักใครทั้งนั้นแหละ” น้ำเสียงเย้ยหยันตอบก่อนเสียงหัวเราะจะค่อยๆเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ
“ถ้าอย่างนั้น คืนดาบของมิเวลมาซะ” จิตสังหารของเด็กหนุ่มอ่อนลงเมื่อได้รับคำตอบ
“อย่าเพิ่งได้ใจไปไอ้หนู...ยังมีเรื่องน่าสนุกต่อจากนี้อีก!!!” เฟลนเวย์แผดเสียงลั่นก่อนทั้งร่างจะระเบิดออกพร้อมกับมีควันคลุ้งไปทั่วห้อง
มิเวลและเอเวนต้องหลับตาแน่นเพราะควันกับฝุ่นจากแรงระเบิดล่องลอยอยู่ในอากาศเต็มไปหมด พอลืมตาขึ้นอีกทีก็ไม่เห็นร่างของเฟลนเวย์แล้ว
เอเวนสบถอย่างหงุดหงิด มองหาศัตรูภายในกลุ่มควัน แต่ทัศนวิสัยแย่เสียจนเขามองอะไรอย่างอื่นไม่เห็น ตอนนี้มันคงกำลังรักษาตัวอยู่ ต้องรีบหาตัวมันให้เจอ
จะว่าไปเขาไม่เห็นเจ้าตัวแคปซูลตั้งแต่เจอผู้ขายวิญญาณนั่นแล้ว เห็นแต่เจ้าสี่ขาอยู่แวบๆ แล้วมันก็หายไปอีก
ตายไปแล้วมั้ง
เอเวนสรุปกับตัวเองอย่างไร้เยื่อใย
“โดนทะลวงหัวใจขนาดนั้นยังไม่ตายแสดงว่าต้องใช้เลือดฆ่ามันใช่มั้ย” มิเวลเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจ เพราะเธอไม่แน่ใจว่าตุ๊กตาปีศาจที่กลายร่างไม่ได้และกลายร่างได้จะมีวิธีฆ่าแบบเดียวกันหรือเปล่า
แต่เธอก็แปลกใจเมื่อเอเวนไม่ตอบ
“นี่ว่าไงล่ะต้องใช้เลือดฆ่ามันใช่มั้ย” มิเวลถามซ้ำ เห็นสีหน้าคนข้างกายเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ เด็กสาวถามเขาอีกที เอเวนจึงถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย
“นั่นไม่ใช่ตุ๊กตา แต่เป็นผู้ขายวิญญาณ”
“ผู้ขายวิญญาณก็คือตุ๊กตาไม่ใช่เหรอไง” น้ำเสียงงุนงงอย่างไม่เข้าใจ เธอคิดมาตลอดว่าตุ๊กตาปีศาจก็คือมนุษย์ที่ขายวิญญาณจึงถูกเรียกว่าผู้ขายวิญญาณ
“ถูกแค่บางส่วน ผู้ขายวิญญาณคือมนุษย์ธรรมดาที่ยอมขายวิญญาณส่วนหนึ่งของตนเองให้ราชาปีศาจเพื่อแลกกับพลังอำนาจ พลังของเฟลนเวย์และพลังของตุ๊กตาจึงเหมือนกัน คล้ายคลึงกับพลังเวทก็จริง แต่ไม่ใช่พลังเวท เพราะฉะนั้นถึงไม่มีไอเวท พลังของมันมาจากบ่อเกิดพลังที่เรียกว่า ‘หัวใจ’ แล้วที่บอกว่าถูกแค่บางส่วนก็เพราะว่า มีผู้ขายวิญญาณบางคนยอมขายวิญญาณที่เหลือทั้งหมดเพื่อแลกกับพลังมหาศาลสำหรับการแก้แค้น จึงกลายเป็นตุ๊กตาปีศาจในเวลาต่อมา” เอเวนอธิบาย พลางมองหาศัตรูไปด้วยในเวลาเดียวกัน
“หมายความว่าตุ๊กตาปีศาจมีทั้งเกิดจากมนุษย์ธรรมดาผู้ใช้เวท และผู้ขายวิญญาณด้วยงั้นสิ”
“ใช่ ใครก็ได้ที่ต้องการล้างแค้น”
และพลังของตุ๊กตาปีศาจก็มีมากกว่าพลังของผู้ขายวิญญาณสินะ มิเวลสรุปกับตัวเอง
“แล้วจะฆ่าผู้ขายวิญญาณคนนั้นได้ยังไงล่ะ” น้ำเสียงกังวลเอ่ยถาม ในเมื่อเฟลนเวย์ไม่ใช่ตุ๊กตาปีศาจ ก็คงจะกำจัดด้วยเลือดของเธอไม่ได้
“ต้องทำลาย ‘หัวใจ’ ของมัน”
“หัวใจ?” เด็กสาวทวน เธอมั่นใจว่าตัวเองเห็นเอเวนทะลวงหัวใจของศัตรูไปเมื่อกี้ “แต่มันไม่ตายนี่”
“ไม่ใช่หัวใจนั่น ร่างกายของผู้ขายวิญญาณไม่มีหัวใจอีกแล้ว มีแต่ ‘หัวใจ’ ซึ่งเป็นบ่อเกิดของพลัง ต้องอยู่ที่ไหนสักแห่งในร่างของมัน” เอเวนตอบพร้อมกับนึกภาพของเฟลนเวย์ขึ้นในหัว วิเคราะห์การเคลื่อนไหว คิดหาความเป็นไปได้ว่าหัวใจอยู่ตรงไหน “ปกติแล้วบ่อเกิดพลังมักจะอยู่ในตำแหน่งเดิมของหัวใจ แต่ก็มีผู้ขายวิญญาณส่วนหนึ่งเก็บหัวใจเอาไว้ที่อื่นเพื่อป้องกันการถูกทำลาย”
บ่อเกิดพลังจะมีพลังมากกว่าส่วนอื่น เพราะฉะนั้นต้องมีพลังรุนแรงออกมาจากจุดนั้น...
ลองวิเคราะห์การโจมตีของเฟลนเวย์แต่ละครั้งดู...
เลื่อยยักษ์นั่น!
ตูม!
เกิดพลังระเบิดรุนแรงห่างจากมิเวลและเอเวนไปไม่กี่เมตร ทำให้มีควันคลุ้งกระจายไปทั่วห้องมากกว่าเก่า เอเวนขยับตัวเตรียมพร้อมจ้องเขม็งเข้าไปในกลุ่มควัน เป็นไปได้สูงว่าศัตรูตั้งใจจะสร้างฉากกำบังแล้วค่อยโจมตี พอหันไปมองมิเวลซึ่งอยู่อีกด้านก็เห็นว่าร่างเล็กเดินดุ่มๆ ไปเข้าไปในกลุ่มควันแบบไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น
ยัยนั่นเดินลุยมั่วทั้งที่ไม่มีอาวุธเนี่ยนะ!
แต่ยังไม่ทันที่จะเรียกอีกฝ่าย เขาก็รู้สึกว่ามีอะไรเคลื่อนไหวอยู่ด้านหน้า เด็กหนุ่มรีบหันกลับไปมองพร้อมกับยกดาบในมือรับแรงกระแทกจากใบเลื่อยยักษ์ได้ทันเวลา
เฟลนเวย์กดแรงมากขึ้น ก่อนจะสัมผัสความรู้สึกได้ว่าศัตรูกำลังร่ายเวทจึงรีบกระโดดถอยห่างออกมาแล้วสร้างม่านพลังป้องกันอาวุธของตัวเอง พื้นห้องกลายเป็นกระแสไฟฟ้าจำนวนมากในพริบตา พร้อมกับตาข่ายไฟฟ้าปรากฏขึ้นครอบชายหนุ่มเอาไว้ พลังทำลายรุนแรงจนทำให้ร่างเนื้อในตาข่ายเผาไหม้อย่างรวดเร็ว ใบหน้าไหม้เกรียมจนเละแสยะยิ้มน่ากลัวอย่างถูกใจ
มิเวลตกใจเมื่ออยู่ๆ พื้นก็กลายเป็นกระแสไฟฟ้าแต่กลับไม่ทำอะไรเธอ เด็กสาวจึงมั่นใจว่านี่เป็นพลังเวทของเอเวนแล้วรีบวิ่งกลับไปทางเดิมทันที ผู้ขายวิญญาณต้องอยู่กับเอเวนแน่นอน
เอเวนสลายเวทของตัวเอง เขารู้ว่าผู้ขายวิญญาณก็เหมือนกับตุ๊กตาปีศาจ นั่นคือฆ่าเท่าไหร่ก็ไม่ตาย เป็นไปตามคาดเมื่อตาข่ายไฟฟ้าหายวับไป เผยให้เห็นเฟลนเวย์ในสภาพเผาไหม้จนเหลือแต่กระดูกค่อยๆ กลับมามีสภาพเป็นอย่างเดิม ข้างกายมีม่านพลังสีดำป้องกันอะไรบางอย่าง
“พลังเวทของแกเยี่ยมยอดจริงๆ แต่ก็ยังทำอะไรข้าไม่ได้” น้ำเสียงเยาะเย้ยพร้อมด้วยรอยยิ้มขำขัน
“ในม่านพลังนั่นคงจะเป็นหัวใจของแกสินะ” สายตาเย็นชาเหลือบไปมองสิ่งที่พูดถึงก่อนจะเบือนกลับไปยังคนตรงหน้าเช่นเดิม รอยยิ้มขำขันแสยะมากขึ้นกว่าเก่าเมื่อเจอคนถูกใจของจริงเข้า
เจ้าหนูตัวนี้รู้มากจริงเสียด้วย
ร่างเล็กวิ่งผ่านกลุ่มควันไปเรื่อยๆ จนเจอเอเวนและเฟลนเวย์ในที่สุด ทั้งสองกำลังยืนประชันหน้ากันอยู่ เฟลนเวย์สลายม่านพลังป้องกันเลื่อยของเขาออก ส่งรอยยิ้มเยาะไปให้ศัตรูทั้งสองก่อนจะแผดเสียงหัวเราะลั่น
“ฮ่าๆๆถึงเจ้าจะโจมตีใส่ข้ารุนแรงแค่ไหน ตราบใดที่ข้าสร้างม่านพลังป้องกันหัวใจของข้าไว้ได้ ข้าก็จะไม่...”
โครม!
เสาต้นหนึ่งซึ่งรองรับน้ำหนักของชั้นบนล้มโครมลงมาทับร่างบนพื้นพอดิบพอดี เมื่อเสารองรับหายไปหนึ่งต้นเพดานด้านบนจึงพังทลายลงมาส่วนหนึ่ง พร้อมด้วยร่างหนึ่งร่วงหล่นตุ้บลงมานั่งแผละกับพื้น
“อูย...อะ...อ้าวว่าไง แหะๆ” ใบหน้าหวานมีสีหน้าเหยเกก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มแห้งๆ เมื่อเห็นสีหน้าอึ้งตะลึงงันของเพื่อนร่วมทางทั้งสอง
“...เจ้าทำอะไรน่ะ” มิเวลเอ่ยถามพร้อมกับชี้นิ้วขึ้นไปด้านบน คนถูกถามมองตามขึ้นไปอย่างงงๆ ก่อนจะร้องอ๋อออกมา
“เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่สันทัดเรื่องระเบิดตูมหรือเอาดาบมาฟันฉัวะ ข้าก็เลยไปแอบซ่อนตัวอยู่บนเสา” วอลตอบเสียงใส ส่งรอยยิ้มกว้างไปให้เพื่อนทั้งสองโดยไม่สนใจสายตาประหลาดของทั้งคู่ “แต่พวกเจ้าเล่นระเบิดตูมตามกันเยอะเกินไปหน่อย พอข้าเอาดาบไปฟันเสาลับคมแค่ทีเดียว มันก็เลยพังครืนลงมาเนี่ย”
พูดจบก็มองหาดาบตัวการ เห็นปลายดาบยื่นออกมาจากซากเพดานเขาจึงเอื้อมมือไปคว้ามันออกมา แล้วหันไปชูหลักฐานให้กับเพื่อนทั้งสองดู
นั่นมันดาบของเธอนี่!
“เจ้าไปเอาดาบของข้าคืนมาได้ยังไง”
วอลมองดาบในมือสลับกับมิเวล ก่อนเอ่ยตอบด้วยแววตาไร้เดียงสา
“มันปักอยู่บนเพดาน ข้าก็เลยดึงออกมา”
“เพราะตัวเองปลอดภัยดีแล้วถึงได้ส่งเฟรเนร่าออกมาสินะ เจ้าไม่รู้รึไงว่าสัตว์เวทใช้เวลาพักฟื้นพลังเป็นอาทิตย์” เสียงเย็นเฉียบเอ่ยถามอย่างดูแคลนหลังจากยืนเงียบมานาน วอลหันไปมองเอเวนด้วยสีหน้างงๆ อยู่พักหนึ่งที่จู่ๆ อีกฝ่ายก็เปลี่ยนเรื่องแบบสายฟ้าฟาด ก่อนจะร้องอ๋อออกมาพร้อมกับหัวเราะแหะๆ
“ควินัวไม่เป็นอะไรหรอกสบายหายห่วง" เสียงสดใสเอ่ยตอบ แล้วพเยิดหน้าไปยังมุมหนึ่งของห้องซึ่งอยู่ใกล้กับประตูทางออก ควินัวกำลังนอนขดตัวอย่างสบายทั้งที่ในห้องเพิ่งจะเกิดสงครามไปหยกๆ "นอนตัวกลมอยู่นู่นไง"
เสียงอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวดังมาจากใต้เสาต้นใหญ่ มิเวลรีบวิ่งไปคว้าเอาดาบคืนจากคนที่กำลังนั่งแช่อยู่บนพื้น แล้วจับดาบแน่นอยู่ในท่าเตรียมพร้อม เอเวนเหลือบสายตามองเสารับน้ำหนักด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะร่ายเวทสายฟ้ายกเสาต้นใหญ่ขึ้น เผยให้เห็นร่างของผู้ขายวิญญาณซึ่งร้าวไปทั้งตัวและอาวุธเลื่อยในสภาพไม่ต่างกัน
พอเห็นว่ามีคนอยู่ใต้เสาวอลก็ตกใจแล้วรีบลุกขึ้นยืน แต่พอทิ้งน้ำหนักลงบนขาได้สักพัก อาการเวียนหัวก็ทำให้เขาเกือบล้มทั้งยืนแต่ก็ยังคงฝืนเอาไว้ได้ เด็กหนุ่มรีบกลบเกลื่อนหันไปยิ้มสดใสให้กับมิเวลที่หันมามองเขาพอดี
“ยิ้มอะไรอยู่ได้”
“เปล่านี่”
มิเวลขมวดคิ้วอย่างขัดใจ ขนาดบอกว่าเปล่ายังจะยิ้มอยู่อีก ก่อนจะหันกลับไปมองร่างแน่นิ่งของเฟลนเวย์เหมือนเดิม
“ถ้าหัวใจอยู่ในสภาพไหนร่างกายของผู้ขายวิญญาณก็จะเป็นแบบนั้นด้วยงั้นเหรอ” น้ำเสียงสงสัยเอ่ยถามเอเวน คนถูกถามไม่ตอบอะไรเพียงแต่ยืนมองร่างบนพื้นเงียบๆ ก่อนจะนั่งคุกเข่าสำรวจร่างตรงหน้าชัดๆ
“เอาแผนที่ออกมา””เสียงเรียบออกคำสั่งมิเวลชักสีหน้าอย่างหงุดหงิดทันทีเมื่อโดนสั่ง
“ฝันไปเถอะว่าจะสั่งข้าได้”
“เอาออกมา”
“ไม่”
“มันยังไม่ตาย ข้าจะถามวิธีการอ่านแผนที่จากมัน” เด็กสาวกำลังจะอ้าปากย้อนอีกฝ่ายกลับ แต่ก็ต้องหุบปากทันควันพร้อมกับยื่นเสนอหน้าไปก้มมองดูร่างร้าวจวนจะแตกของเฟลนเวย์บนพื้น
“ยังไม่ตายเหรอ”
“ยังเวลาผู้ขายวิญญาณตายร่างของมันจะกลายเป็นผงทรายแล้วระเหิดหายไป” มิเวลพยักหน้าเข้าใจพลางคิดจินตนาการภาพวาระสุดท้ายของผู้ขายวิญญาณ คิดไปคิดมา ข้อสงสัยตั้งแต่ก่อนหน้านี้ก็กลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง
เอเวนรู้ได้อย่างไร? ไม่สิ เขารู้เรื่องพวกนี้แถมยังละเอียดแบบนี้ได้อย่างไรทั้งๆ ที่มันเป็นความลับของทางรัฐบาล
สายตาไม่ไว้ใจเหล่มองคนข้างกาย ก่อนจะรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติอย่างรวดเร็วเมื่อเอเวนหันมามอง นึกขึ้นได้ว่าเขาถามหาแผนที่ต้องคำสาปจึงล้วงหยิบแผนที่ในกระเป๋าคาดเอวออกมา เอเวนยื่นมือจะมาหยิบแผนที่ไปจากเธอ แต่มิเวลยังคงรักษาสติเอาไว้ได้พร้อมกับรีบขยับมือหนี คิ้วของเอเวนกระตุกน้อยๆ จ้องเธอด้วยสายตาคำถาม
“ข้ายังไม่ไว้ใจเจ้า” มิเวลบอกตามตรง
“แล้วข้าไว้ใจเจ้าหรือไง”
“ในเมื่อเจ้าไม่ไว้ใจข้า คืนนั้นเจ้าคืนแผนที่ให้ข้าทำไม”
“ตามข้อตกลง ข้าแค่เดินทางไปด้วยเท่านั้น เพราะฉะนั้นแผนที่ยังคงเป็นของเจ้า” เสียงราบเรียบตอบ มิเวลลังเลเล็กน้อย จ้องใบหน้าไร้อารมณ์ของเอเวนพร้อมกับครุ่นคิดหนักว่าจะเอายังไงดี ก่อนจะตัดสินใจยื่นแผนที่ในมือให้เด็กหนุ่ม
เอเวนยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก รับแผนที่ต้องสาปไปแล้วหันไปร่ายเวทอะไรบางอย่าง รากไม้จำนวนมากโผล่ขึ้นมาจากพื้นตรงเข้ามัดร่างของเฟลนเวย์ไว้อย่างแน่นหนา จากนั้นจึงค่อยยืนขึ้นแล้วใช้เท้าเตะๆ ร่างบนพื้นเพื่อปลุกให้เขาตื่น แต่เฟลนเวย์ก็ยังคงนอนนิ่งไม่มีปฏิกิริยาอะไร
เด็กหนุ่มตัดสินใจใช้ดาบของตัวเองแทงร่างตรงหน้าทะลุไปถึงพื้น เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นพร้อมด้วยอาการดิ้นพล่านของผู้ขายวิญญาณ เอเวนร่ายเวทบังคับรากไม้รัดคนกำลังดิ้นให้แน่นขึ้นอีก เฟลนเวย์ยังคงดิ้นไม่หยุด เด็กหนุ่มจึงหันไปเอาดาบเสียบเข้าไปในใบเลื่อยตรงรอยร้าวจนมีเศษเล็กๆ บางส่วนหลุดออกมา
ได้ผล ร่างของผู้ขายวิญญาณกระตุกรุนแรงแล้วนิ่งไปโดยไม่พยายามดิ้นให้หลุดจากพันธนาการอีก สายตาตื่นตระหนกเหลือบขึ้นมองใบหน้าเย็นชาของเด็กหนุ่มตรงหน้า
“...แก...ต้องการอะไร” เสียงแหบแห้งถามอย่างอ่อนแรง
“ข้าต้องการรู้วิธีใช้แผนที่ต้องคำสาป”” ผู้ถูกถามเบือนสายตาต่ำลง เฟลนเวย์มองลูกกลมๆ ในมือของอีกฝ่ายแล้วหัวเราะในลำคอพร้อมกับแสยะยิ้มเยาะ
“...เสียใจด้วย แกจะไม่มีวันได้รู้”
เอเวนดึงดาบออกแล้วแทงซ้ำเข้าไปอีกรอบ ร่างของเฟลนเวย์กระตุกอีกครั้งพร้อมกับมีเลือดจำนวนมากไหลไหลทะลักออกมาจากปาก มิเวลรีบหันขวับไปมองทางอื่นทันควัน ในใจนึกตำหนิเอเวนว่าเขาทำเกินไปแล้ว
“ตอบผิด” เสียงเย็นชาบอก ก่อนจะดึงดาบออกแล้วแทงซ้ำเป็นรอบที่สาม เฟลนเวย์แผดเสียงร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับมีเลือดทะลักออกมาจากทั้งจมูกและปากเพิ่มมากขึ้นอีก
“พอได้แล้ว” มิเวลร้องห้าม
“แล้วเจ้ามีวิธีอื่นหรือไง” น้ำเสียงหงุดหงิดถามเด็กสาวชะงักไปเพราะเธอไม่รู้คำตอบของคำถามนั้น
แต่เดี๋ยวก่อน...
จริงสิ!
มิเวลรีบหันขวับไปมองคนข้างหลังทันทีที่นึกอะไรบางอย่างออก เห็นวอลจ้องเธอกลับตาแป๋ว “เจ้าเคยบอกว่าเป็นนักหวนคืนอะไรนั่นนี่ ใช้พลังจิตของเจ้าไงล่ะ หาวิธีใช้แผนที่จากความทรงจำ!”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันน้า เป็นกำลังใจให้โฮปด้วยนะฮับ
โฮป
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 มี.ค. 2560, 00:19:47 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 มี.ค. 2560, 00:19:47 น.
จำนวนการเข้าชม : 699
<< Episode 13 : || ช่วยเจ้าชาย || | Episode 15 : || แผนที่ต้องคำสาป และ ร่างสังเวย || >> |