ใต้รอยสวาท
เมื่อเรื่องราวในอดีต..ยังโลดแล่นลงทัณฑ์หัวใจทุกดวง
ความผิดพลาดใต้รอยสวาทนี้ จะมีบทลงเอยอย่างไร
..........................................................................
คนในอดีตย้อนกลับเข้ามาในชีวิต และหวังช่วงชิงแก้วตาดวงใจ เพื่อแก้แค้นเอาคืน
ลลนาจะทำเช่นไร เมื่อหล่อนไม่เคยรักพ่อของลูก แต่ก็ไม่อาจหนีพ้นความรักปนแค้นที่เขาหยิบยื่นให้ หล่อนต้องสู้เพื่อลูก และผู้ชายอีกคนที่เข้ามาสอนให้หล่อนรู้จักความหมายของคำว่า 'รัก'
ความผิดพลาดใต้รอยสวาทนี้ จะมีบทลงเอยอย่างไร
..........................................................................
คนในอดีตย้อนกลับเข้ามาในชีวิต และหวังช่วงชิงแก้วตาดวงใจ เพื่อแก้แค้นเอาคืน
ลลนาจะทำเช่นไร เมื่อหล่อนไม่เคยรักพ่อของลูก แต่ก็ไม่อาจหนีพ้นความรักปนแค้นที่เขาหยิบยื่นให้ หล่อนต้องสู้เพื่อลูก และผู้ชายอีกคนที่เข้ามาสอนให้หล่อนรู้จักความหมายของคำว่า 'รัก'
Tags: สวาท,รักร้าย,ซิงเกิ้ลมัม,ริษยา,นิยายรัก,ดราม่า
ตอน: บทที่ 5 พี่เลี้ยงลูกเป็ด
บทที่ 5 พี่เลี้ยงลูกเป็ด
บ่อยครั้งที่บดินทร์ฉัตรชะเง้อมองหน้าบ้าน ความกระวนกระวายนี้เกิดขึ้นตั้งแต่รู้ว่าลลนาออกไปซื้อของกับคัมภัน หลายชั่วโมงแล้วยังไม่มีวี่แววจะกลับเข้ามา หมาหวงกางเป็นเช่นไร พัทนีเข้าใจว่าบดินทร์ฉัตรคงเป็นเช่นนั้น เขาดูแลลูกสาวได้แต่ไม่ดีนัก เพราะใจยังกังวลเรื่องลลนากับผู้ชายคนอื่น คำถามแต่ละคำถามของเขาหนีไม่พ้นเรื่องของคัมภัน รวมถึงหนุ่มๆ ต่างแดนที่เขาเชื่อว่าลลนาต้องเปลี่ยนหน้าควงไม่เคยซ้ำตามนิสัย
“คุณไม่เชื่อจริงๆ เหรอว่าหลานฉันเปลี่ยนไปแล้ว”
“เชื่อยากครับ”
พัทนีหมดคำอธิบาย บดินทร์ฉัตรก่อกำแพงทิฐิสูงลิบ ตั้งธงในใจแล้วว่าลลนายังเป็นผู้หญิงเหลวแหลกคนเดิม เมื่อเขาเป็นเช่นนี้ เหตุผลดีๆ คงยากจะฟังกันได้
“แล้วคุณจะอยู่ทานมื้อเย็นกับเราด้วยไหม”
“คงไม่ละครับ อีกเดี๋ยวผมก็จะกลับแล้ว”
พัทนีไม่ได้ซักอะไรต่อ โทรศัพท์ไปหารัชชานนท์ที่ออฟฟิศ ไหว้วานให้ช่วยบอกคัมภันว่าเมื่อกลับมาแล้ว ให้มาพบที่บ้านเพราะมีงานซ่อมเล็กๆ ให้ช่วยสะสาง
“เมื่อไหร่แม่รันจะกลับมาคะ”
เลศยาผละจากกองของเล่นมานั่งข้างๆ พ่ออยู่ด้วยทั้งคน แต่เขาไม่อาจมัดใจลูกสาวเอาไว้ได้ หนูน้อยยังงอแงถามหาแม่ บ้างก็เล่าเรื่องของลุงภันอย่างชื่นชมให้บดินทร์ฉัตรยิ่งหงุดหงิดใจ
“เดี๋ยวก็มาแล้วละลูก เข้าครัวช่วยยายเด็ดผักดีไหม”
เลศยายิ้มถูกใจ รีบเดินตามพัทนีเข้าครัว หนูน้อยปีนขึ้นนั่งบนเก้าอี้ประจำ รอให้พัทนีวางโหระพาสองกำตรงหน้า ยายพัดสอนเด็ดใบโหระพาใส่กะมะลังใบเล็ก เลศยาหัวไวทำได้ถูกใจพัทนีนัก แม้บางใบจะช้ำจะขาดไปบ้าง แต่มั่นใจว่าหลานตัวน้อยจะค่อยๆ เรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง
ข้าวของเครื่องใช้จัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบในห้องเก็บของที่แม่บ้านประจำรีสอร์ทดูแล คัมภันช่วยสาวๆ ยกของมากมายลงจากรถ เขาแข็งแรง คล่องแคล่ว กล้ามเนื้อแน่นเห็นชัดเจนเมื่อออกแรงยกของหนักให้สาวๆ ได้เอ่ยแซวกันอย่างสนุกปาก ลลนาอมยิ้มเมื่อผู้ชายตัวใหญ่อายม้วนจนหน้าแดง แล้วรีบเดินหนีมือไม้ของสาวใหญ่ที่ซุกซนจับกล้ามท้องแข็งแรง
“พอได้แล้วพวกหล่อน อย่ามายุ่งกับผู้ชายของเจ๊”
รัชชานนท์แสร้งสวมบทบาทสาวประเภทสอง เรียกเสียงหัวเราะได้ครื้นเครง เป็นภาพที่ชวนขนลุกเมื่อหนุ่มหน้าหวานเกาะแขนคัมภันแล้วเอียงหน้าลงซบ ลลนาคุ้นเคยกับความขี้เล่นของรัชชานนท์ดี แต่คัมภันคงไม่ชิน เขาทำตาโตแล้วมองรัชชานนท์หน้าตื่นทีเดียว
“ช่วยด้วยครับคุณรัน”
คัมภันสลัดมือรัชชานนท์ออกแล้ววิ่งมาหลบข้างหลังเมื่อลลนาก้าวเข้าไปใกล้ หญิงสาวใช้สายตาปรามหนุ่มหน้าหวาน ส่วนสาวๆ ก็พากันแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตน สี่โมงครึ่งแล้วใกล้เวลาเลิกงาน แต่คัมภันยังต้องแวะไปที่บ้านลลนาตามคำสั่งของพัทนี
“เห็นหน้าภันไหมรัน ซีดเป็นไก่ต้มเลย สงสัยจะกลัวนนท์จริงๆ”
คัมภันไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว รัชชานนท์จึงหันมาชวนคุย
“ถ้าเขาลาออก รันจะบอกป้าว่านนท์ทำให้เขากลัว”
“ก็แค่ขำๆ จริงจังไปได้น่า”
“เขากลับไปแล้วใช่ไหม”
รัชชานนท์พยักหน้า รู้ว่าลลนาหมายถึงใคร บดินทร์ฉัตรเพิ่งกลับไป คลาดกับลลนาเพียงไม่กี่นาที
“ถ้าเขามาทุกวัน รันจะรับมือไหวเหรอ”
สองเพื่อนซี้กลับเข้ามานั่งสนนทนากันในออฟฟิศ ประเด็นที่เปิดเอาไว้เคร่งเครียด รอยยิ้มบนใบหน้าของทั้งสองเลือนไปจนสิ้น
“ไม่ไหวก็ต้องไหวละนนท์ รันทำกับเขาเอาไว้มาก ก็คงต้องทนๆ ไป”
“แล้วถ้าเขาจะพาน้องไลท์ไป”
“เขาจะร้ายกับรันยังไงก็ได้ รันทนได้ แต่ถ้าเขาคิดจะพรากลูกไปจากรัน รันก็จะไม่ไว้หน้าเขา นนท์ก็รู้ ลูกคือชีวิตของรันนะ”
รัชชานนท์ตบหลังมือที่กำแน่นเบาๆ ตาสวยของลลนาแข็งกร้าวขึ้นทันที ยอมรับว่าเขาเองไม่สบายใจเลยเมื่อบดินทร์ฉัตรกลับเข้ามาในชีวิตของลลนาอีกครั้ง และดูเหมือนปัญหาใหญ่หลวงนี้จะไม่สามารถคลี่คลายได้ในเร็ววัน เขาเองเปรียบเสมือนคนนอก ทำได้แค่เป็นหูเป็นตา ช่วยดูแลเลศยาให้ปลอดภัยจากความคิดร้ายของบดินทร์ฉัตร จุดอ่อนของลลนาคือลูกสาว และเขาเชื่อว่าบดินทร์ฉัตรจะเห็นประโยชน์จากการใช้เลศยาเป็นเครื่องมือ
“นนท์กับป้าจะช่วยดูแลน้องไลท์เอง รันไม่ต้องห่วงนะ”
รัชชานนท์เชื่อว่านอกจากเขาและพัทนี ยังมีคัมภันอีกคนที่เต็มใจช่วยเหลือ เขากับพัทนีเห็นพ้องกันว่าคัมภันดูแลความปลอดภัยให้ลลนาและลูกได้ เท่าที่รู้จัก หนุ่มชาวเรือคนนี้ นิสัยดี อัธยาศัยดี ไว้ใจได้ และฝีไม้ลายมือไม่เบา ถ้าบดินทร์ฉัตรคิดการไม่ดีกับลลนาและลูก รัชชานนท์มั่นใจว่าคัมภันจัดการได้อย่างแน่นอน
“วันนี้อยู่กินข้าวเย็นด้วยกันก่อนนะพ่อภัน ยายไลท์เขาแสดงฝีมือเด็ดใบโหระพาด้วยตัวเองเลยนะ”
พัทนีหยิบยื่นน้ำใจให้ นางไหว้วานให้คัมภันช่วยเปลี่ยนก็อกน้ำที่อ่างล้างหน้าในห้องน้ำสองห้องแทนตัวเก่าที่ปิดได้ไม่สนิท รวมถึงแก้ไขปัญหาอ่างล้างจานอุดตันเพราะมีเศษอาหารลงไปติดค้าง
“น้องไลท์ช่วยยายพัดทำกับข้าวด้วยค่ะ”
เลศยาอยู่ไม่ห่างเลยตั้งแต่คัมภันมาถึง หนูน้อยดูตื่นเต้นดีใจเมื่อเห็นชายหนุ่มมากกว่าเห็นพ่อของตัวเอง ถึงวัยจะต่างกันมาก แต่คัมภันสามารถทำเสียงเล็กเสียงน้อยคุยภาษาเดียวกันกับเลศยาได้ พัทนีแปลกใจในความสนิทสนมของคนทั้งคู่ นับเป็นเรื่องดีที่ลลนาต้องรู้ ว่าเลศยาไม่ได้โหยหาพ่ออย่างที่ลลนานึกกังวลสักนิด มองดูแล้ว หนูน้อยดูมีความสุขเมื่ออยู่กับคัมภันมากกว่าอยู่กับพ่อของตัวเองเสียอีก
“วันนี้ไปดูปูเสฉวนไหมคะ”
“วันนี้ค่ำแล้วค่ะ เอาไว้เราไปพรุ่งนี้ดีกว่านะ”
พัทนีอมยิ้มเมื่อได้ยินคัมภันพูดจาคะขา นางปล่อยให้ทั้งสองนั่งเล่นกันตามลำพังที่ห้องรับแขก เพื่อปลีกตัวไปจัดเตรียมโต๊ะอาหาร
มื้อเย็นของบ้านคึกคักมากกว่าทุกวันเพราะมีคัมภันและรัชชานนท์เข้าร่วม เลศยาไม่ยอมนั่งเก้าอี้ติดกับแม่รัน แต่ขออนุญาตนั่งคั่นกลางคัมภันและรัชชานนท์ ให้สองหนุ่มได้ผลัดกันบริการเอาใจ แม่หนูน้อยดูมีความสุขมากกว่าใครเพื่อน อีกทั้งยังเจริญอาหารมากขึ้นอีกด้วย
“วันนี้น้องไลท์กินเก่งจริงๆ” รัชชานนท์ป้อนหมูทอดชิ้นเล็กให้เลศยา แม่หนูยิ้มแป้นแล้วหันมามองพัทนี
“ยายพัดทำอร่อยค่ะ ลุงภันก็อร่อยด้วย”
เลศยาพูดจบก็ตักข้าวคำโตในจานตัวเองแล้วป้อนคัมภัน ภาพน่าเอ็นดูนั้นเรียกรอยยิ้มให้ลลนาและพัทนีไม่น้อย ป้าหลานมองหน้ากันแล้วอมยิ้ม รัชชานนท์เองก็คงแปลกใจอยู่บ้าง เลศยาสนิทกับคัมภันได้ไวเหลือเกิน คงเพราะคัมภันมีเปลือยหอยสวยมาซื้อใจเลศยาบ่อยครั้ง และเวลานี้ ดูเหมือนคัมภันจะทำคะแนนแซงหน้ารัชชานนท์ไปได้มากแล้ว
บดินทร์ฉัตรไม่ได้ตื่นเช้า แต่เขานอนไม่หลับกระทั่งรุ่งสาง ในหัวมีแต่ภาพของลลนากับผู้ชายคนอื่น เขายังหึงหวง และคิดเสมอว่าสิทธิ์ในตัวหล่อนต้องเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว
โทรศัพท์บนเตียงส่งเสียงให้บดินทร์ฉัตรควานหามากดรับสาย ลองว่าแม่ยายขึ้นต้นประโยคด้วยเสียงตื่นตระหนกเช่นนี้คงเป็นเรื่องที่ไม่ดีนัก
“ปันเข้าโรงพยาบาลเหรอครับ เป็นอะไรมากรึเปล่า”
บดินทร์ฉัตรตาสว่างขึ้นในทันที เขานิ่งฟังแม่ยายอธิบายเรื่องทั้งหมดแล้วสรุปความยาวยืดด้วยประโยคสั้นๆ ที่เข้าใจได้ง่ายว่าปาลิดามีไข้สูงร่วมกับปวดเมื่อยตามร่างกาย แพทย์ให้รอดูอาการที่โรงพยาบาลเพราะเกรงว่าจะเป็นอาการของไข้หวัดใหญ่
“ได้ครับ ผมจะรีบกลับไป”
บดินทร์ฉัตรต้องรับคำขอของแม่ยายเพื่อมิให้มีพิรุธ แม้ใจอยากปฏิเสธการเดินทางกลับเกาะพงัน เพราะยังพะวงห่วงเรื่องของลลนา แต่ถ้าเขาไม่ยอมกลับ เรื่องคงลุกลามไปถึงหูพ่อแม่เพราะปากไม่มีหูรูดของแม่ยาย ว่าเขาไม่สนใจดูแลภรรยาอย่างที่ควรกระทำ บดินทร์ฉัตรต้องการตัดปัญหาเพราะพ่อแม่เขาไม่ควรต้องทุกข์ใจกับเรื่องไม่เป็นเรื่องนี้ด้วยเลย
“ลุงภันไปไหนคะแม่รัน น้องไลท์คิดถึง”
ลูกสาวนั่งลงช่วยลลนาเก็บของเล่นที่กระจายเกลื่อนห้องรับแขก สองวันแล้วที่คัมภันไม่ได้มาทำงาน เขาบอกหล่อนเอาไว้ว่าอาทิตย์นี้คลื่นลมดี น้ำนิ่งเหมาะแก่การออกเรือตกหมึกตกปลา ต้องยอมรับว่ารายได้จากการจับสัตว์น้ำในแต่ละวันของคัมภันมากกว่าค่าจ้างรายวันเป็นเท่าตัว
“ลุงภันมีงานต้องทำเยอะค่ะ เดี๋ยวอีกวันสองวันก็มาแล้ว น้องไลท์หิวรึยังคะ กินขนมไหม เดี๋ยวแม่รันไปหยิบมาให้”
“ไม่ค่ะ น้องไลท์ไม่หิว”
เลศยากอดตุ๊กตากระต่ายสีฟ้าอ่อนตัวนุ่มนิ่มไว้แนบอกแล้วเดินไปล้มตัวนอนบนโซฟายาว ลลนามองสีหน้าไร้รอยยิ้มของลูกสาวแล้วรู้สึกแปลกใจ เพราะสองวันนี้ไม่ใช่แค่คัมภันที่หายไป บดินทร์ฉัตรเองก็เช่นกัน แต่เลศยาถามถึงพ่อแค่ครั้งเดียวเท่านั้น นับเป็นเรื่องที่ลลนายินดียิ่ง เพราะอย่างน้อย บดินทร์ฉัตรก็ไม่ได้มีอิทธิพลต่อความรู้สึกของลูกสาวหล่อนเท่ากับคัมภัน
“พี่เป็ดที่แม่ซื้อมายังไม่มีบ้านอยู่เลย เราไปจัดสวนให้พี่เป็ดกันไหมคะ”
ลลนานึกถึงตุ๊กตาปูนปั้น แม่เป็ด ลูกเป็ด และพี่เลี้ยงลูกเป็ด ที่คัมภันช่วยเลือกซื้อเมื่อวันก่อน พวกมันยังนอนนิ่งอยู่ในกล่องเพราะหล่อนยังไม่มีเวลาจัดแต่งสวนข้างบ้าน
“พี่เป็ดของลุงภัน ถ้าลุงภันมาเห็นสวนสวยๆ ของพี่เป็ด ลุงภันคงจะดีใจ”
ลลนาหลอกล่อเพราะลูกสาวยังเอาแต่นอนนิ่ง และทันทีที่มีชื่อของคัมภันเข้ามาในบทสนทนา เลศยา กลับสนใจและลุกขึ้นจากโซฟาทันที
“ไปค่ะ พี่เป็ดอยู่ที่ไหนคะ”
ลลนาพาลูกสาวหาพี่เป็ดที่ห้องเก็บของ สองแม่ลูกช่วยกันขนกระถาง ต้นไม้ อุปกรณ์จัดสวน และกล่องใส่พี่เป็ดที่เลศยาชอบอกชอบใจจนต้องร้องว้าวเมื่อลลนาเปิดกล่องและหยิบเป็ดปูนปั้นน้อยใหญ่ออกมาวางเรียง
“อันนี้น้องไลท์ อันนี้เพื่อนๆ”
เลศยาชี้เป็ดตัวจิ๋ว เลือกเป็ดแทนตัวเอง อีกสามตัวที่เหลือก็เหมารวมว่าเป็นเพื่อนในวัยเดียวกัน
“แล้วไหนแม่รันคะ”
“นี่ค่ะ ฉวย ติดโบว์ด้วยค่ะ” เพราะแม่เป็ดเป็นเพียงตัวเดียวที่ติดโบว์สีชมพูหวาน ซึ่งแตกต่างจากอีกสองตัวโตที่เหลือ
“แล้วที่เหลือล่ะคะ”
“อันนี้ลุงภัน อันนี้ลุงนนท์ค่ะ”
ลลนายิ้มกว้างกับคำตอบนั้น ชัดเจนว่าเลศยาไม่ได้ผูกพันกับบดินทร์ฉัตรเลย หล่อนควรต้องกังวลความผูกพันที่เลศยามีให้คัมภันมากกว่า ถ้าวันหนึ่งเขามีอิทธิพลต่อลูกสาวหล่อนมากเกินไป หล่อนจะตั้งรับเหตุการณ์นั้นอย่างไรดี
“มีลุงภัน ลุงนนท์ แล้วพ่อละคะ น้องไลท์ไม่อยากให้พ่ออยู่ในสวนของเราหรอกเหรอ”
“พ่อไม่ได้อยู่ที่นี่ ไม่ต้องอยู่ในสวนของเราก็ได้”
“ไม่มีพ่อก็ได้ใช่ไหมคะ”
ลูกสาวเอียงหน้ามองแล้วยกมือเปื้อนดินแตะแก้มลลนา สองตากลมโตสดใส ปากและแก้มแดงระเรื่อช่างน่าเอ็นดูเหลือเกิน
“มีแม่รันนี่ไงคะ”
รัชชานนท์ยืนกอดอก มองภาพแม่ลูกกอดกันกลมท่ามกลางต้นไม้ดอกไม้ที่ยังจัดไม่เป็นระเบียบ เขาไม่ได้ยินว่าทั้งสองคุยอะไรกัน แต่ภาพที่เห็นมันอิ่มใจจนอดไม่ได้ที่จะบันทึกภาพเอาไว้ในโทรศัพท์ของตน และแบ่งปันในโปรแกรมแชท Line เพื่อถ่ายทอดความน่ารักของลลนาและลูกสาวให้รสรินได้ร่วมชื่นชมไปพร้อมกับเขา
“ทำอะไรกันอยู่จ๊ะ สองแม่ลูก”
“นนท์มาก็ดีจ้ะ จัดสวนด้วยกันไหม”
ลลนารีบหาแนวร่วม เพราะมองดูแล้ว สวนข้างบ้านใหญ่เกินกว่าหล่อนและลูกจะจัดการได้ไหว และรัชชานนท์ก็แสนมีน้ำใจ เขาไม่ปฏิเสธคำชวน และช่วยหล่อนวางแผนสร้างสวนสวยให้ฝูงเป็ดปูนปั้น เลศยารับหน้าที่เป็นลูกมือ คอยช่วยหยิบนั่นจับนี่ตามคำสั่ง พื้นหญ้าโล่งข้างตัวบ้านกำลังจะงดงามขึ้นเพราะมีมุมไม้ดอกไม้ใบหลากสายพันธุ์ ตกแต่งพื้นสนามด้วยตุ๊กตาปูนปั้นของครอบครัวเป็ด และอ่างน้ำพุที่สายน้ำพวยพุงจากโอ่งสีส้มอ่อนตัดด้วยดอกลีลาวดีเซรามิกสีเหลืองสดแซมใบเขียวแก่ บนขอบโอ่งคือนกแก้วปูนปั้นสองตัวสีเขียวตองและสีแดงสด รัชชานนท์ช่วยจัดการต่อตัวเครื่อง เลศยาช่วยตักน้ำเติมลงในโอ่ง เมื่อสวนสวยเสร็จสมบูรณ์แล้ว รอยยิ้มของทั้งสามก็คลี่กว้าง เลศยาดูมีความสุขเหลือเกินกับสวนสวยของพี่เป็ด ที่หนูน้อยตั้งชื่อให้ว่า
“สวนเป็ดลุงภัน”
......................................
ห่างหายไปนานเพราะช่วงนี้ภารกิจรัดตัว มาแปะให้แล้วจ้า ขอกำลังใจให้ทุกตัวละคร และไรท์บ้างนะคะ
ขอบคุณทุกการติดตาม ทุกคอมเม้นต์ และทุกกำลังใจจ้า
บ่อยครั้งที่บดินทร์ฉัตรชะเง้อมองหน้าบ้าน ความกระวนกระวายนี้เกิดขึ้นตั้งแต่รู้ว่าลลนาออกไปซื้อของกับคัมภัน หลายชั่วโมงแล้วยังไม่มีวี่แววจะกลับเข้ามา หมาหวงกางเป็นเช่นไร พัทนีเข้าใจว่าบดินทร์ฉัตรคงเป็นเช่นนั้น เขาดูแลลูกสาวได้แต่ไม่ดีนัก เพราะใจยังกังวลเรื่องลลนากับผู้ชายคนอื่น คำถามแต่ละคำถามของเขาหนีไม่พ้นเรื่องของคัมภัน รวมถึงหนุ่มๆ ต่างแดนที่เขาเชื่อว่าลลนาต้องเปลี่ยนหน้าควงไม่เคยซ้ำตามนิสัย
“คุณไม่เชื่อจริงๆ เหรอว่าหลานฉันเปลี่ยนไปแล้ว”
“เชื่อยากครับ”
พัทนีหมดคำอธิบาย บดินทร์ฉัตรก่อกำแพงทิฐิสูงลิบ ตั้งธงในใจแล้วว่าลลนายังเป็นผู้หญิงเหลวแหลกคนเดิม เมื่อเขาเป็นเช่นนี้ เหตุผลดีๆ คงยากจะฟังกันได้
“แล้วคุณจะอยู่ทานมื้อเย็นกับเราด้วยไหม”
“คงไม่ละครับ อีกเดี๋ยวผมก็จะกลับแล้ว”
พัทนีไม่ได้ซักอะไรต่อ โทรศัพท์ไปหารัชชานนท์ที่ออฟฟิศ ไหว้วานให้ช่วยบอกคัมภันว่าเมื่อกลับมาแล้ว ให้มาพบที่บ้านเพราะมีงานซ่อมเล็กๆ ให้ช่วยสะสาง
“เมื่อไหร่แม่รันจะกลับมาคะ”
เลศยาผละจากกองของเล่นมานั่งข้างๆ พ่ออยู่ด้วยทั้งคน แต่เขาไม่อาจมัดใจลูกสาวเอาไว้ได้ หนูน้อยยังงอแงถามหาแม่ บ้างก็เล่าเรื่องของลุงภันอย่างชื่นชมให้บดินทร์ฉัตรยิ่งหงุดหงิดใจ
“เดี๋ยวก็มาแล้วละลูก เข้าครัวช่วยยายเด็ดผักดีไหม”
เลศยายิ้มถูกใจ รีบเดินตามพัทนีเข้าครัว หนูน้อยปีนขึ้นนั่งบนเก้าอี้ประจำ รอให้พัทนีวางโหระพาสองกำตรงหน้า ยายพัดสอนเด็ดใบโหระพาใส่กะมะลังใบเล็ก เลศยาหัวไวทำได้ถูกใจพัทนีนัก แม้บางใบจะช้ำจะขาดไปบ้าง แต่มั่นใจว่าหลานตัวน้อยจะค่อยๆ เรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง
ข้าวของเครื่องใช้จัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบในห้องเก็บของที่แม่บ้านประจำรีสอร์ทดูแล คัมภันช่วยสาวๆ ยกของมากมายลงจากรถ เขาแข็งแรง คล่องแคล่ว กล้ามเนื้อแน่นเห็นชัดเจนเมื่อออกแรงยกของหนักให้สาวๆ ได้เอ่ยแซวกันอย่างสนุกปาก ลลนาอมยิ้มเมื่อผู้ชายตัวใหญ่อายม้วนจนหน้าแดง แล้วรีบเดินหนีมือไม้ของสาวใหญ่ที่ซุกซนจับกล้ามท้องแข็งแรง
“พอได้แล้วพวกหล่อน อย่ามายุ่งกับผู้ชายของเจ๊”
รัชชานนท์แสร้งสวมบทบาทสาวประเภทสอง เรียกเสียงหัวเราะได้ครื้นเครง เป็นภาพที่ชวนขนลุกเมื่อหนุ่มหน้าหวานเกาะแขนคัมภันแล้วเอียงหน้าลงซบ ลลนาคุ้นเคยกับความขี้เล่นของรัชชานนท์ดี แต่คัมภันคงไม่ชิน เขาทำตาโตแล้วมองรัชชานนท์หน้าตื่นทีเดียว
“ช่วยด้วยครับคุณรัน”
คัมภันสลัดมือรัชชานนท์ออกแล้ววิ่งมาหลบข้างหลังเมื่อลลนาก้าวเข้าไปใกล้ หญิงสาวใช้สายตาปรามหนุ่มหน้าหวาน ส่วนสาวๆ ก็พากันแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตน สี่โมงครึ่งแล้วใกล้เวลาเลิกงาน แต่คัมภันยังต้องแวะไปที่บ้านลลนาตามคำสั่งของพัทนี
“เห็นหน้าภันไหมรัน ซีดเป็นไก่ต้มเลย สงสัยจะกลัวนนท์จริงๆ”
คัมภันไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว รัชชานนท์จึงหันมาชวนคุย
“ถ้าเขาลาออก รันจะบอกป้าว่านนท์ทำให้เขากลัว”
“ก็แค่ขำๆ จริงจังไปได้น่า”
“เขากลับไปแล้วใช่ไหม”
รัชชานนท์พยักหน้า รู้ว่าลลนาหมายถึงใคร บดินทร์ฉัตรเพิ่งกลับไป คลาดกับลลนาเพียงไม่กี่นาที
“ถ้าเขามาทุกวัน รันจะรับมือไหวเหรอ”
สองเพื่อนซี้กลับเข้ามานั่งสนนทนากันในออฟฟิศ ประเด็นที่เปิดเอาไว้เคร่งเครียด รอยยิ้มบนใบหน้าของทั้งสองเลือนไปจนสิ้น
“ไม่ไหวก็ต้องไหวละนนท์ รันทำกับเขาเอาไว้มาก ก็คงต้องทนๆ ไป”
“แล้วถ้าเขาจะพาน้องไลท์ไป”
“เขาจะร้ายกับรันยังไงก็ได้ รันทนได้ แต่ถ้าเขาคิดจะพรากลูกไปจากรัน รันก็จะไม่ไว้หน้าเขา นนท์ก็รู้ ลูกคือชีวิตของรันนะ”
รัชชานนท์ตบหลังมือที่กำแน่นเบาๆ ตาสวยของลลนาแข็งกร้าวขึ้นทันที ยอมรับว่าเขาเองไม่สบายใจเลยเมื่อบดินทร์ฉัตรกลับเข้ามาในชีวิตของลลนาอีกครั้ง และดูเหมือนปัญหาใหญ่หลวงนี้จะไม่สามารถคลี่คลายได้ในเร็ววัน เขาเองเปรียบเสมือนคนนอก ทำได้แค่เป็นหูเป็นตา ช่วยดูแลเลศยาให้ปลอดภัยจากความคิดร้ายของบดินทร์ฉัตร จุดอ่อนของลลนาคือลูกสาว และเขาเชื่อว่าบดินทร์ฉัตรจะเห็นประโยชน์จากการใช้เลศยาเป็นเครื่องมือ
“นนท์กับป้าจะช่วยดูแลน้องไลท์เอง รันไม่ต้องห่วงนะ”
รัชชานนท์เชื่อว่านอกจากเขาและพัทนี ยังมีคัมภันอีกคนที่เต็มใจช่วยเหลือ เขากับพัทนีเห็นพ้องกันว่าคัมภันดูแลความปลอดภัยให้ลลนาและลูกได้ เท่าที่รู้จัก หนุ่มชาวเรือคนนี้ นิสัยดี อัธยาศัยดี ไว้ใจได้ และฝีไม้ลายมือไม่เบา ถ้าบดินทร์ฉัตรคิดการไม่ดีกับลลนาและลูก รัชชานนท์มั่นใจว่าคัมภันจัดการได้อย่างแน่นอน
“วันนี้อยู่กินข้าวเย็นด้วยกันก่อนนะพ่อภัน ยายไลท์เขาแสดงฝีมือเด็ดใบโหระพาด้วยตัวเองเลยนะ”
พัทนีหยิบยื่นน้ำใจให้ นางไหว้วานให้คัมภันช่วยเปลี่ยนก็อกน้ำที่อ่างล้างหน้าในห้องน้ำสองห้องแทนตัวเก่าที่ปิดได้ไม่สนิท รวมถึงแก้ไขปัญหาอ่างล้างจานอุดตันเพราะมีเศษอาหารลงไปติดค้าง
“น้องไลท์ช่วยยายพัดทำกับข้าวด้วยค่ะ”
เลศยาอยู่ไม่ห่างเลยตั้งแต่คัมภันมาถึง หนูน้อยดูตื่นเต้นดีใจเมื่อเห็นชายหนุ่มมากกว่าเห็นพ่อของตัวเอง ถึงวัยจะต่างกันมาก แต่คัมภันสามารถทำเสียงเล็กเสียงน้อยคุยภาษาเดียวกันกับเลศยาได้ พัทนีแปลกใจในความสนิทสนมของคนทั้งคู่ นับเป็นเรื่องดีที่ลลนาต้องรู้ ว่าเลศยาไม่ได้โหยหาพ่ออย่างที่ลลนานึกกังวลสักนิด มองดูแล้ว หนูน้อยดูมีความสุขเมื่ออยู่กับคัมภันมากกว่าอยู่กับพ่อของตัวเองเสียอีก
“วันนี้ไปดูปูเสฉวนไหมคะ”
“วันนี้ค่ำแล้วค่ะ เอาไว้เราไปพรุ่งนี้ดีกว่านะ”
พัทนีอมยิ้มเมื่อได้ยินคัมภันพูดจาคะขา นางปล่อยให้ทั้งสองนั่งเล่นกันตามลำพังที่ห้องรับแขก เพื่อปลีกตัวไปจัดเตรียมโต๊ะอาหาร
มื้อเย็นของบ้านคึกคักมากกว่าทุกวันเพราะมีคัมภันและรัชชานนท์เข้าร่วม เลศยาไม่ยอมนั่งเก้าอี้ติดกับแม่รัน แต่ขออนุญาตนั่งคั่นกลางคัมภันและรัชชานนท์ ให้สองหนุ่มได้ผลัดกันบริการเอาใจ แม่หนูน้อยดูมีความสุขมากกว่าใครเพื่อน อีกทั้งยังเจริญอาหารมากขึ้นอีกด้วย
“วันนี้น้องไลท์กินเก่งจริงๆ” รัชชานนท์ป้อนหมูทอดชิ้นเล็กให้เลศยา แม่หนูยิ้มแป้นแล้วหันมามองพัทนี
“ยายพัดทำอร่อยค่ะ ลุงภันก็อร่อยด้วย”
เลศยาพูดจบก็ตักข้าวคำโตในจานตัวเองแล้วป้อนคัมภัน ภาพน่าเอ็นดูนั้นเรียกรอยยิ้มให้ลลนาและพัทนีไม่น้อย ป้าหลานมองหน้ากันแล้วอมยิ้ม รัชชานนท์เองก็คงแปลกใจอยู่บ้าง เลศยาสนิทกับคัมภันได้ไวเหลือเกิน คงเพราะคัมภันมีเปลือยหอยสวยมาซื้อใจเลศยาบ่อยครั้ง และเวลานี้ ดูเหมือนคัมภันจะทำคะแนนแซงหน้ารัชชานนท์ไปได้มากแล้ว
บดินทร์ฉัตรไม่ได้ตื่นเช้า แต่เขานอนไม่หลับกระทั่งรุ่งสาง ในหัวมีแต่ภาพของลลนากับผู้ชายคนอื่น เขายังหึงหวง และคิดเสมอว่าสิทธิ์ในตัวหล่อนต้องเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว
โทรศัพท์บนเตียงส่งเสียงให้บดินทร์ฉัตรควานหามากดรับสาย ลองว่าแม่ยายขึ้นต้นประโยคด้วยเสียงตื่นตระหนกเช่นนี้คงเป็นเรื่องที่ไม่ดีนัก
“ปันเข้าโรงพยาบาลเหรอครับ เป็นอะไรมากรึเปล่า”
บดินทร์ฉัตรตาสว่างขึ้นในทันที เขานิ่งฟังแม่ยายอธิบายเรื่องทั้งหมดแล้วสรุปความยาวยืดด้วยประโยคสั้นๆ ที่เข้าใจได้ง่ายว่าปาลิดามีไข้สูงร่วมกับปวดเมื่อยตามร่างกาย แพทย์ให้รอดูอาการที่โรงพยาบาลเพราะเกรงว่าจะเป็นอาการของไข้หวัดใหญ่
“ได้ครับ ผมจะรีบกลับไป”
บดินทร์ฉัตรต้องรับคำขอของแม่ยายเพื่อมิให้มีพิรุธ แม้ใจอยากปฏิเสธการเดินทางกลับเกาะพงัน เพราะยังพะวงห่วงเรื่องของลลนา แต่ถ้าเขาไม่ยอมกลับ เรื่องคงลุกลามไปถึงหูพ่อแม่เพราะปากไม่มีหูรูดของแม่ยาย ว่าเขาไม่สนใจดูแลภรรยาอย่างที่ควรกระทำ บดินทร์ฉัตรต้องการตัดปัญหาเพราะพ่อแม่เขาไม่ควรต้องทุกข์ใจกับเรื่องไม่เป็นเรื่องนี้ด้วยเลย
“ลุงภันไปไหนคะแม่รัน น้องไลท์คิดถึง”
ลูกสาวนั่งลงช่วยลลนาเก็บของเล่นที่กระจายเกลื่อนห้องรับแขก สองวันแล้วที่คัมภันไม่ได้มาทำงาน เขาบอกหล่อนเอาไว้ว่าอาทิตย์นี้คลื่นลมดี น้ำนิ่งเหมาะแก่การออกเรือตกหมึกตกปลา ต้องยอมรับว่ารายได้จากการจับสัตว์น้ำในแต่ละวันของคัมภันมากกว่าค่าจ้างรายวันเป็นเท่าตัว
“ลุงภันมีงานต้องทำเยอะค่ะ เดี๋ยวอีกวันสองวันก็มาแล้ว น้องไลท์หิวรึยังคะ กินขนมไหม เดี๋ยวแม่รันไปหยิบมาให้”
“ไม่ค่ะ น้องไลท์ไม่หิว”
เลศยากอดตุ๊กตากระต่ายสีฟ้าอ่อนตัวนุ่มนิ่มไว้แนบอกแล้วเดินไปล้มตัวนอนบนโซฟายาว ลลนามองสีหน้าไร้รอยยิ้มของลูกสาวแล้วรู้สึกแปลกใจ เพราะสองวันนี้ไม่ใช่แค่คัมภันที่หายไป บดินทร์ฉัตรเองก็เช่นกัน แต่เลศยาถามถึงพ่อแค่ครั้งเดียวเท่านั้น นับเป็นเรื่องที่ลลนายินดียิ่ง เพราะอย่างน้อย บดินทร์ฉัตรก็ไม่ได้มีอิทธิพลต่อความรู้สึกของลูกสาวหล่อนเท่ากับคัมภัน
“พี่เป็ดที่แม่ซื้อมายังไม่มีบ้านอยู่เลย เราไปจัดสวนให้พี่เป็ดกันไหมคะ”
ลลนานึกถึงตุ๊กตาปูนปั้น แม่เป็ด ลูกเป็ด และพี่เลี้ยงลูกเป็ด ที่คัมภันช่วยเลือกซื้อเมื่อวันก่อน พวกมันยังนอนนิ่งอยู่ในกล่องเพราะหล่อนยังไม่มีเวลาจัดแต่งสวนข้างบ้าน
“พี่เป็ดของลุงภัน ถ้าลุงภันมาเห็นสวนสวยๆ ของพี่เป็ด ลุงภันคงจะดีใจ”
ลลนาหลอกล่อเพราะลูกสาวยังเอาแต่นอนนิ่ง และทันทีที่มีชื่อของคัมภันเข้ามาในบทสนทนา เลศยา กลับสนใจและลุกขึ้นจากโซฟาทันที
“ไปค่ะ พี่เป็ดอยู่ที่ไหนคะ”
ลลนาพาลูกสาวหาพี่เป็ดที่ห้องเก็บของ สองแม่ลูกช่วยกันขนกระถาง ต้นไม้ อุปกรณ์จัดสวน และกล่องใส่พี่เป็ดที่เลศยาชอบอกชอบใจจนต้องร้องว้าวเมื่อลลนาเปิดกล่องและหยิบเป็ดปูนปั้นน้อยใหญ่ออกมาวางเรียง
“อันนี้น้องไลท์ อันนี้เพื่อนๆ”
เลศยาชี้เป็ดตัวจิ๋ว เลือกเป็ดแทนตัวเอง อีกสามตัวที่เหลือก็เหมารวมว่าเป็นเพื่อนในวัยเดียวกัน
“แล้วไหนแม่รันคะ”
“นี่ค่ะ ฉวย ติดโบว์ด้วยค่ะ” เพราะแม่เป็ดเป็นเพียงตัวเดียวที่ติดโบว์สีชมพูหวาน ซึ่งแตกต่างจากอีกสองตัวโตที่เหลือ
“แล้วที่เหลือล่ะคะ”
“อันนี้ลุงภัน อันนี้ลุงนนท์ค่ะ”
ลลนายิ้มกว้างกับคำตอบนั้น ชัดเจนว่าเลศยาไม่ได้ผูกพันกับบดินทร์ฉัตรเลย หล่อนควรต้องกังวลความผูกพันที่เลศยามีให้คัมภันมากกว่า ถ้าวันหนึ่งเขามีอิทธิพลต่อลูกสาวหล่อนมากเกินไป หล่อนจะตั้งรับเหตุการณ์นั้นอย่างไรดี
“มีลุงภัน ลุงนนท์ แล้วพ่อละคะ น้องไลท์ไม่อยากให้พ่ออยู่ในสวนของเราหรอกเหรอ”
“พ่อไม่ได้อยู่ที่นี่ ไม่ต้องอยู่ในสวนของเราก็ได้”
“ไม่มีพ่อก็ได้ใช่ไหมคะ”
ลูกสาวเอียงหน้ามองแล้วยกมือเปื้อนดินแตะแก้มลลนา สองตากลมโตสดใส ปากและแก้มแดงระเรื่อช่างน่าเอ็นดูเหลือเกิน
“มีแม่รันนี่ไงคะ”
รัชชานนท์ยืนกอดอก มองภาพแม่ลูกกอดกันกลมท่ามกลางต้นไม้ดอกไม้ที่ยังจัดไม่เป็นระเบียบ เขาไม่ได้ยินว่าทั้งสองคุยอะไรกัน แต่ภาพที่เห็นมันอิ่มใจจนอดไม่ได้ที่จะบันทึกภาพเอาไว้ในโทรศัพท์ของตน และแบ่งปันในโปรแกรมแชท Line เพื่อถ่ายทอดความน่ารักของลลนาและลูกสาวให้รสรินได้ร่วมชื่นชมไปพร้อมกับเขา
“ทำอะไรกันอยู่จ๊ะ สองแม่ลูก”
“นนท์มาก็ดีจ้ะ จัดสวนด้วยกันไหม”
ลลนารีบหาแนวร่วม เพราะมองดูแล้ว สวนข้างบ้านใหญ่เกินกว่าหล่อนและลูกจะจัดการได้ไหว และรัชชานนท์ก็แสนมีน้ำใจ เขาไม่ปฏิเสธคำชวน และช่วยหล่อนวางแผนสร้างสวนสวยให้ฝูงเป็ดปูนปั้น เลศยารับหน้าที่เป็นลูกมือ คอยช่วยหยิบนั่นจับนี่ตามคำสั่ง พื้นหญ้าโล่งข้างตัวบ้านกำลังจะงดงามขึ้นเพราะมีมุมไม้ดอกไม้ใบหลากสายพันธุ์ ตกแต่งพื้นสนามด้วยตุ๊กตาปูนปั้นของครอบครัวเป็ด และอ่างน้ำพุที่สายน้ำพวยพุงจากโอ่งสีส้มอ่อนตัดด้วยดอกลีลาวดีเซรามิกสีเหลืองสดแซมใบเขียวแก่ บนขอบโอ่งคือนกแก้วปูนปั้นสองตัวสีเขียวตองและสีแดงสด รัชชานนท์ช่วยจัดการต่อตัวเครื่อง เลศยาช่วยตักน้ำเติมลงในโอ่ง เมื่อสวนสวยเสร็จสมบูรณ์แล้ว รอยยิ้มของทั้งสามก็คลี่กว้าง เลศยาดูมีความสุขเหลือเกินกับสวนสวยของพี่เป็ด ที่หนูน้อยตั้งชื่อให้ว่า
“สวนเป็ดลุงภัน”
......................................
ห่างหายไปนานเพราะช่วงนี้ภารกิจรัดตัว มาแปะให้แล้วจ้า ขอกำลังใจให้ทุกตัวละคร และไรท์บ้างนะคะ
ขอบคุณทุกการติดตาม ทุกคอมเม้นต์ และทุกกำลังใจจ้า
เนตรนที
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 มี.ค. 2560, 11:03:46 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 มี.ค. 2560, 10:13:47 น.
จำนวนการเข้าชม : 951
<< บทที่ 4 ภรรยาอีกคน | บทที่ 6 ความคิดถึง >> |