สูตรลับจับรัก
เรื่องรักของคุณพ่อลูกติดมาดเซอรกับครูสาวสุดเปิ่น ผู้ถูกความรักผลักไสให้หลงทางมาเจอกันในวันบอบช้ำ สองหนุ่มสาวต่างวัยกับกาวใจลูกสาวตัวเล็กและชีวิตที่พลิกผัน
Tags: สูตรลับจับรัก ทักษ์ปิ่น คุณพ่อนักเล่านิทาน รักดราม่า

ตอน: บทที่ 3 : 50%


ปิ่นมณีลืมตาตื่นผุดลุกนั่งบนเตียงบิดขี้เกียจมองม่านลูกไม้สีขาวหม่นสะบัดไหวตามแรงลมแล้วขยี้ตาเพ่งมองอีกรอบ เมื่อคืนหล่อนหลับลึกชนิดม้วนเดียวจบ มารู้ตัวเพราะรู้สึกถึงลมเย็นตกต้องกระทบผิวจนขนลุกชัน
ขยับตัวเอื้อมดึงม่าน มองออกไปแล้วถึงกับผงะ เพราะหน้าหนวดลอยมาอยู่นอกหน้าต่างห่างเพียงมุ้งลวดกั้น

“คะ... คุณ!”

“ตื่นซะทีนะ” ทักษ์ยิ้มมุมปากยืดตัวขึ้นยืนแล้วถอนหายใจ “อาหารเช้าเย็นชืดหมดแล้ว”

ปิ่นมณีเลิ่กลั่ก หันไปมองเตียงนอนว่างเปล่าแล้วลุกขึ้นจัดเสื้อผ้าหน้าผมยุ่งเหยิงให้เข้าที่เข้าทาง ดูนาฬิกาข้อมือแต่พบว่ามันตายสนิท ถอนหายใจหน่วงก่อนจะหันมาถามคนนอกห้อง

“กี่โมงแล้วคะ”

“เก้าโมงแล้ว” ทักษ์ตอบหน้านิ่ง “ลูกสาวผมรอครูกินข้าวนานแล้วด้วย”

ชายหนุ่มกวักมือเรียกหล่อนให้ออกมาตรงระเบียง น้ำหอมโผล่หน้ามามองอีกคน แล้วหัวเราะคิกคัก

“ครูปิ่นยังไม่แปรงฟันอาบน้ำตั้งแต่เมื่อคืนเลย” เด็กน้อยพองแก้มเอานิ้วชี้จิ้มปาก “คุณพ่อบอกว่าก่อนกินข้าวเช้าต้องอาบน้ำแปรงฟันก่อนนะคะครู”

ปิ่นมณีพูดไม่ออก หันขวับไปทางกระจกโต๊ะเครื่องแป้งโดยอัตโนมัติ แล้วก็ต้องหน้าถอดสี หล่อนหลับไปได้หน้าตาเฉยทีเดียวทั้งที่ยังไม่ได้อาบน้ำเลยด้วยซ้ำ

สองพ่อลูกจะคิดว่าหล่อนเป็นพวกซกมกระดับสิบรึเปล่าก็ไม่รู้ น่าขายหน้าชะมัด!

“เดี๋ยวครูไปอาบน้ำก่อนนะจ๊ะ”

หล่อนบอกหน้าเหยเก อายสายตาสองพ่อลูก แล้ววิ่งหายเข้าห้องน้ำไป เกือบสิบนาทีก็ออกมาพร้อมกับเสื้อยืดสีขาวแขนสั้นพอดีตัวกับกางเกงยีนส์สั้นทรงเดฟเหนือเข่าที่ซื้อมาจากแผงลอยข้างมินิมาร์ท

แอบลอบมองสองพ่อลูกผ่านหน้าต่างระเบียง เมื่อเห็นเด็กหญิงกำลังเป่าข้าวต้มชามโตตรงหน้าก็แอบย่องเข้ามาทางด้านหลัง จับไหล่สองข้างเด็กน้อย

“อร่อยไหมจ๊ะ”

...เคร้ง!...

น้ำหอมสะดุ้งสุดตัว มือที่ถือช้อนร่วงผล็อย ชามข้าวต้มยังตะแคงเลอะจนร่างเล็กสั่นไหวหายใจหอบจนตัวโยน ทักษ์กำลังรินน้ำใส่แก้วรีบวางและกระโจนเข้าหาลูกสาวตัวน้อย

“น้ำหอม!” สองมือทักษ์จับแขนป้อมสั่นเทา แล้วหันมาตวาด “ทำอะไรของคุณ!”

“ฉะ... ฉันเปล่า!”

“จะเล่นอะไรระวังหน่อยสิ เป็นครูได้ยังไง!” ทักษ์ขึ้นเสียงใส่แล้วหยิบผ้าเช็ดโต๊ะมาปัดเศษข้าวบนขาลูกสาว

“มันไม่ได้เกี่ยวกับจรรยาบรรณของฉันนะคะคุณหนวด” ปิ่นมณีตอบกลับแบบเคืองๆ

จะไม่ให้เคืองได้อย่างไร หล่อนไม่ได้ตั้งใจสักนิด

“พ่อผิดเอง ไม่น่าให้น้ำหอมทนหิวรอครูเลย”

ทันทีที่ได้ฟัง รับรู้ความอาทรของชายมาดเซอร์ที่มีต่อลูกสาว ปิ่นมณีถึงกับน้ำตารื้น รู้สึกผิดทรุดนั่งคุกเข่าต่อหน้าเด็กหญิงบนเก้าอี้ มือป้อมค่อยๆ ยกขึ้นแบสองมือสั่นเทามองเศษข้าวที่ยังเหลือตกค้างบนกางเกงยีนส์ขาสั้นจนเห็นรอยแดงเพราะความร้อนบนหน้าขาตัว

“ครูขอโทษนะ น้ำหอม” หล่อนเอื้อมหยิบกระดาษชำระเช็ดให้ลนลาน “ครูไม่รู้”

“ถอยไปเลย!” ทักษ์ดึงปิ่นมณีออกห่าง “ไม่ต้องมายุ่ง!”

หญิงสาวเซหงายหลังก้นจ้ำเบ้า มือทาบกับพื้นโดยอัตโนมัติหมายพยุงตัวลุกแต่กลับโดนเศษช้อนที่แตกกระจายจนได้เลือด โดยไม่รู้ตัวเพราะมัวแต่ห่วงน้ำหอมที่ยังคงหน้าซีดเผือด

“ครูขอโทษ ขอโทษจริงๆ”

“คุณไม่ควรเล่นอะไรแบบนี้!” ทักษ์ตวาดอีกรอบ แล้วเสียงอ่อนลง “เอาเถอะ คุณไม่รู้”

“ฉันไม่รู้จริงๆ ค่ะว่าแกจะตกใจถึงขนาดนี้”

ทักษณ์ตวัดหางตามองแต่ไม่พูดอะไรอีก ปิ่นมณีถึงกับหน้าเหวอมองทักษ์ที่อุ้มลูกน้อยมากอดแนบอกพาหายเข้าไปในห้องน้ำ หล่อนแค่ต้องการจะทักทายตามประสา ไม่ได้จงใจให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้สักนิด

ทักษ์ก้มๆ เงยๆ ล้างคราบสกปรกให้ร่างป้อมที่ยืนตัวสั่นงันงกใต้ฝักบัว มือเรียวแต่แข็งแกร่งฟอกสบู่ด้วยท่าทางชำนาญแต่เปียกปอนไปด้วยกันทั้งพ่อและลูก ปิ่นมณีได้แต่ยืนมองไม่กล้าเข้าไปช่วยเหลือ จนทักษ์ตะโกนเรียกหล่อนถึงกับสะดุ้ง

“ช่วยหยิบผ้าขนหนูในตู้ให้หน่อย ผมลืม”

เสียงสั่นปนเหนื่อยหอบแต่ไม่ได้ลงหางเสียงหนักด้วยความไม่พอใจ ทักษ์ต้องการความช่วยเหลือ น้ำหอมที่มองหล่อนทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ก็ไม่ต่างกัน

“น้ำหอมโป๊” เด็กน้อยเสียงเครือหันหน้าเข้าเกาะขาพ่อทันที “น้ำหอมอายครูปิ่น”

ปิ่นมณีชะงัก หันหลังให้แล้วยื่นผ้าขนหนูผืนโตไปด้านหลัง “นี่ค่ะ ครูไม่มองนะคะ น้ำหอมอย่ากังวลไปเลย”

“ขอบคุณ”

ทักษ์ปรายตามองหล่อนเล็กน้อย แล้วคว้าผ้าไปห่อหุ้มตัวลูกสาวอุ้มออกห้องน้ำไป จัดการแต่งเนื้อแต่งตัวให้ใส่แป้งหอมฟุ้ง แต่รอยแดงยังเห็นชัด ปิ่นมณีมองแล้วแทบเข่าอ่อน ผิวเนื้ออ่อนบางขาวดั่งปุยนุ่นบัดนี้มีรอยแดงอมชมพูดูแล้วน่าแสบร้อนแทน

“ฉันไปซื้อยาให้นะคะ คุณรอที่นี่นะ” หล่อนอาสา “รับรองฉันไปแป๊บเดียว”

“เรือเที่ยวแรกจะออกแล้ว” ทักษ์นั่งหันหลัง พรูลมหายใจเสียงดัง ตอบโดยไม่หันมอง “คุณกลับไปเถอะ”

“แต่ว่า” หล่อนแย้ง

“ผมไม่รบกวน คุณอาจจะตกเรือเที่ยวแรกอีก”

“ฉันต้องรับผิดชอบค่ะ”

“มันเป็นอุบัติเหตุ” ทักษ์ลูบผื่นแดงที่ขาลูกสาวเบามือ “ผมไม่ได้ตั้งใจว่าคุณ”

“แต่ฉันว่าเราน่าจะพาน้ำหอมไปหาหมอกันแผลติดเชื้อ ที่นี่น่าจะมีคลินิกหรือโรงพยาบาลอยู่นะคะ”

ทักษ์เสยผมปรกหน้า ปาดเหงื่อซึมตามไรผมแล้วเงยหน้ามองหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า หล่อนยืนกรานน้ำเสียงหนักแน่น และจ้องมองเขาไม่วางตา ดวงตาเรียวรีสีดำสนิทมุ่งมั่นตามคำพูดจนชายหนุ่มคิดหนัก

น้ำหอมชะโงกหน้ามามอง สีหน้าเหยเกสะกิดบอกพ่อ

“น้ำหอมอยากให้ครูกลับพร้อมเราค่ะ คุณพ่อ”

“แต่พ่อจะพาลูกไปหาหมอก่อนนะ” ทักษ์ตอบเสียงขุ่น “เราไม่ทันกลับเรือเที่ยวแรกหรอกค่ะ”

“น้ำหอมอยากให้ครูไปเป็นเพื่อนที่โรงพยาบาล” เด็กน้อยเสียงเครือ หน้าเหมือนจะร้องไห้อีกรอบ “น้ำหอมไม่ชอบหมอฉีดยาเจ็บ”

“แต่พ่อว่าเราอย่ากวนครูดีกว่าไหม” ทักษ์ฮึดฮัด มองตาแป๋วๆ แล้วอดใจอ่อนทุกที

“ฉันไปได้ค่ะ ไม่มีปัญหาไปเรือเที่ยวไหนก็ได้” ปิ่นมณีบอกน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว “ฉันเป็นห่วงน้ำหอม”

“ใช่ค่ะคุณพ่อ ครูเป็นผู้หญิง จะให้กลับไปคนเดียวได้ยังไงคะ ไหนบอกน้ำหอมว่า เป็นผู้หญิงไปไหนมาไหนคนเดียวอันตรายไงคะ”

“นั่นมันก็จริง” ทักษ์เหลือบมองหญิงสาวแล้วส่ายหน้า “แต่พ่อว่า”

“นะคะ นะคะ” สองสาวต่างวัยพูดพร้อมกัน

ปิ่นมณีพยักหน้า ทำตาปริบๆ “นะคะ รับรองว่าจะไม่กวน ฉันจะได้สบายใจไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำหอมด้วย”

ทักษ์มองมาสีหน้าบ่งบอกว่าจำนนต่อความคิดของลูกสาวตัวน้อย พยักหน้าแทนคำตอบ ปิ่นมณีสีหน้าดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ส่วนน้ำหอมจับมือครูสาวแน่นด้วยความดีใจจนลืมเจ็บ มีแต่ปิ่นมณีที่ซ่อนความเจ็บจากเศษกระเบื้องบาดกลางฝ่ามือเป็นแผลถลอกยาวเอาไว้ไม่แพร่งพรายให้สองพ่อลูกรู้



สิรภพจะก้าวออกไปทันทีที่เห็นคู่หมั้นออกจากห้องพักพร้อมกับผู้ชายผมยาวเคลียบ่าหนวดเคราหรอมแหรมราวกับพวกฮิปปี้ ดูยังไงก็เทียบกับเขาที่เนี๊ยบทุกกระเบียดนิ้วไม่ได้สักนิด

ไม่รู้รสนิยมของหล่อนตกต่ำตั้งแต่เมื่อไหร่! มันทำให้เขาเสียหน้าอย่างที่สุด เมื่อนิยุตาพูดกรอกหูเร่งอารมณ์คุกรุ่นให้เพิ่มมากขึ้น
“ดูสิคะ ดูซะให้เต็มตา” หล่อนกระซิบ “เห็นรึยังคะ ผิดจากที่แนนพูดเมื่อคืนที่ไหน”

“เห็นแล้ว เลิกกระแซะผมซะที”

สิรภพกระเถิบออกห่างจนเกือบจะโผล่พ้นซอกตึกแต่นิยุตารั้งไว้ ดึงกลับเข้ามาแล้วแหวใส่

“จะออกไปหามันรึไงคะ เดี๋ยวก็โดนมันซ้อมอีกหรอก”

“อย่ายุ่งน่า” สิรภพปัดมือหล่อน ตะคอกกลับ “ผมจะไปดูหน้าไอ้หมอนั่นให้ชัดๆ”

“ถ้าเกิดไอ้กุ๊ยนั่นมีพวกมาด้วย เราจะทำยังไงละคะ แนนว่าเราไปตั้งหลักกันก่อนดีกว่า”

“ไม่เอา!” สิรภพสะบัด “ผมจะไปจับมันให้ได้คาหนังคาเขา”

“เหมือนที่มันมาจับเราหรือคะ ผอ.จะไปให้มันตอกหน้ากลับมารึไง”

หล่อนยื้อยุดแต่สิรภพยังคงฮึดฮัด ยิ่งเห็นหนุ่มสาวยืนรีรออยู่หน้าประตูห้องด้วยท่าทางสนิทสนม ไอ้หนุ่มผมยาวหน้าตาออกแนวมหาโจรมันกำลังจับมือคู่หมั้นของเขา

เห็นแล้วใจร้อนรุ่มยิ่งกว่าไฟ ไม่อยากเชื่อเลยว่าปิ่นมณีจะทำกันได้ กล้าสวมเขากันได้ยังไง!

“ต๊าย! นั่นไงว่าแล้ว” นิยุตายกมือทาบอก ตาโตเท่าไข่ห่านมองสิรภพสลับกับสองหนุ่มสาว “ดูมันทำสิคะ ผอ”

“คุณจะโวยวายให้ได้อะไรขึ้นมา!” สิรภพตะคอก เตะถังขยะใกล้ๆ จนล้มระเนระนาด

“ทำคนไม่ได้ก็เลยระบายกับถังขยะ” นิยุตายั่วเย้า “โถ ผอ.ของแนน น่าสงสารจริงๆ”

“กลับ!”

สิรภพโพล่งขึ้น ร่างสูงใหญ่หันหลังเดินกลับไปทางท่าเรือ สาวเจ้าความคิดลงส้นวิ่งตามมาคว้าแขนชายหนุ่มไว้แล้วถามเสียงกราดเกรี้ยว

“จะกลับไปไหน!” หล่อนท้วง ดวงตากร้าว “ไหนว่ามาดูให้เห็นกับตาเฉยๆ แล้วจะกลับไปกับแนนไง”

“ใครอยู่ไหวก็บ้าแล้ว ผมรู้สึกเหมือนตัวเองมีเขางอกโดยไม่รู้ตัวแล้ว” สิรภพตวาดใส่ สะบัดแขนหลุดจากการเกาะกุม “ขึ้นฝั่งผมจะไปจัดการเรื่องปิ่น”

“อ้าว! แล้วฉันละคะ”

“ก็กลับบ้านคุณไปสิ”

“ไหงทิ้งกันแบบนี้ละคะ ผอ.!”

สิรภพยักไหล่เดินนำไปไม่ได้สนใจหญิงสาวเท้าสะเอวหรา หน้าตาเอาเรื่อง ผมยาวเป็นลอนปลิวไสวที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง
ถ้ายามปกติเขาคงเห็นว่าหล่อนเซ็กซี่เป็นบ้า เซ็กซ์แอพเพียลสูงปรึ๊ด แต่ตอนนี้ต่อให้มีสิบนิยุตา ก็ไม่ทำให้คนอย่างเขาสงบใจลงได้ เพราะปิ่นมณีคนเดียว

หล่อนช่างตาต่ำอย่างยากจะหาที่เปรียบ เห็นไอ้กุ๊ยนั่นดีกว่าตรงไหน! เขาอยากกระชากหล่อนมาถามนักว่าทำแบบนี้ได้อย่างไร



เพราะน้ำหอมปวดหนักกระทันหัน ทำให้ปิ่นมณีกับทักษ์ออกมารอด้านนอกพร้อมสัมภาระคือกระเป๋าสองใบของพ่อกับลูก ส่วนปิ่นมณีมีเพียงถุงใบเดียวใช้ใส่สัมภาระกลับ เพราะกระเป๋าเดินทางถูกทิ้งไว้ที่บ้านพักของสิรภพ

พอมีโอกาสอยู่กันสองต่อสอง ทักษ์จึงคว้ามือหล่อนขึ้นมาดูบาดแผล จับฝ่ามือหงายขึ้นเห็นคราบเลือดแห้งเกรอะกรังก็ดุเบาๆ

“มัวแต่ห่วงคนอื่น คุณควรห่วงตัวเองบ้าง”

“คุณรู้ได้ยังไง” หล่อนถามเสียงแผ่ว “แผลนิดหน่อยเองค่ะ”

ตาหลุบต่ำมองมือชายหนุ่มที่คลึงเบาๆ ห่างจากบริเวณแผลอย่างเบามือ ทักษสาละวนกับอุปกรณ์ทำแผลพกพาที่พกติดตัวมาลูบแผ่นแอลกอฮอล์และปิดพลาสเตอร์ให้ ก่อนจะเอ่ยโดยไม่มองหล่อน

“ปิดแผลกันเชื้อโรคไปก่อน ตอนน้ำหอมหาหมอ คุณก็ต้องหาด้วย เกิดเป็นบาดทะยักขึ้นมาจะแย่”

“ฉันไม่เป็นไรค่ะ” ปิ่นมณีตอบแล้วชักมือกลับ “แผลถากๆ ไกลหัวใจเยอะ”

“อย่าประมาทกับชีวิต” เขาเอ่ยเสียงเบา

เด็กหญิงตัวน้อยวิ่งปุเลงออกมาจากห้องแล้วทำหน้าปุเลี่ยน ทักษ์ปล่อยมือจากหญิงสาวแล้วอุ้มเด็กน้อยแนบอก

“ตกลงเรียบร้อยแล้วรึยังคะ” ทักษ์ถามเป็นห่วง

“เรียบร้อย หมดไส้หมดพุงเลยค่ะ” น้ำหอมกระซิบข้างหูพ่อแล้วหันมาถามปิ่นมณี “นั่งตั้งนาน ครูรอนานไหมคะ”

หญิงสาวยิ้มเอ็นดู ส่ายหน้าแทนคำตอบ มองสองพ่อลูกแล้วรู้สึกประหลาด เด็กน้อยร่าเริงแบบน้ำหอม เหมือนคนละคนกับเด็กนิ่งขรึมเมื่อตอนได้รับบาดเจ็บเมื่อครู่ราวกับเป็นคนละคน

ปิ่นมณีลูบแขนป้อมด้วยความเป็นห่วงไม่วายถาม “เรียบร้อยแล้วนะคะน้ำหอม”

“ค่ะ ครู” เด็กน้อยตอบแล้วแนบหน้ากับไหล่พ่อ “น้ำหอมหายปวดท้องแล้ว”

“งั้นเราก็ไปหาหมอกันค่ะ ทั้งครูทั้งนักเรียนเลยนะ”

ทักษ์พูดจบแล้วยื่นมือให้ น้ำหอมคว้ามือพ่อไว้ข้างหนึ่ง อีกข้างฉวยมือครูสาวให้เดินไปด้วยกัน โดยตัวเองเดินตรงกลาง ปิ่นมณีเงยยหน้ามองทักษ์ที่หันมามองหล่อน ต่างคนต่างสบตาด้วยความรู้สึกประหลาด



กว่าจะถึงท่าเรือตะวันก็จวนโพล้เพล้ แสงสีทองใกล้เลือนหายไปตามกลุ่มเมฆทะมึนที่เริ่มก่อตัวเหนือฟ้า ลมแรงพัดทิวสนไหวลู่จนทักษ์แหงนมองด้วยความหวั่นใจ ฝนคงตั้งเค้าในไม่ช้า และการเดินทางเข้ากรุงเทพเย็นนี้คงติดขัดหนักเพิ่มขึ้นกว่าเดิม

ปิ่นมณีคุกเข่าล้วงกระเป๋าสะพาย หยิบหนังยางมาผูกผมเส้นเล็กสยายยุ่งของเด็กน้อยเกล้ารวบตึงปล่อยหางยาว ทักษ์ละสายตาก้มมองดูลูกสาวกับทรงผมแปลกตาแล้วเผลอลูบผมยาวเคลียไหล่ปลิวตามแรงลมของตัวเองอย่างลืมตัว

“คุณพ่อขาอยากผูกผมทรงใหม่ไหม วันนี้น้ำหอมมีทรงผมใหม่แล้ว ครูปิ่นผูกให้”

น้ำหอมยิ้มแป้นแล้น รวบหางม้ามาไพล่ไหล่ด้านหน้าแล้วลูบแผ่วเบาอย่างทนุถนอม

“สบายขึ้นไหมคะ ทำเองก็ได้ด้วย” ปิ่นมณีเอียงหน้าล้อเลียน “ครูว่าทรงนี้ง่ายกว่าถักเปียสองข้างแบบที่คุณพ่อทำให้น้ำหอมอีกนะ หนูสามารถทำเองได้ไม่ต้องให้คุณพ่อทำให้เลย”

“จริงๆ ด้วยค่ะ ครู” น้ำหอมหอมแก้มปิ่นมณีเป็นรางวัล แล้วหันไปหาพ่อ “ต่อไปน้ำหอมจะทำเองนะคะ”

“ดีค่ะ” ทักษ์ตอบได้แค่นั้น ก็ก้มดูนาฬิกาข้อมือแล้วถามหญิงสาว “คุณเอารถมารึเปล่า”

ปิ่นมณีลุกขึ้นยืนแล้วส่ายหน้า

“ฉันนั่งรถตู้มาค่ะ คิดว่าจะกลับพร้อมเขา แต่ว่า”

“งั้นกลับรถผมก็ได้” ทักษ์ตอบไม่ลังเล “แต่อาจจะอึดอัดหน่อย แอร์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่”

ชายหนุ่มตอบแล้วมองไปทางรถตัวเองที่จอดอยู่ไม่ไกล ปิ่นมณีท่าทางลังเลแต่น้ำหอมที่คอยเกาะเกี่ยวแขนไม่ห่างกระตุกมือหล่อนด้วยความดีใจ

“เย้! ครูกลับกับเรานะคะ”

“แต่...” หล่อนอ้ำอึ้ง เหลือบตามองทักษ์ “จะดีหรือคะ”

“ดีสิคะครู จะปล่อยให้ครูกลับคนเดียวได้ยังไง” น้ำหอมหันไปพยักเพยิดกับพ่อ

“ถือว่าตอบแทนที่คุณดูแลน้ำหอมวันนี้ แล้วก็ขอโทษที่ผมแสดงกิริยาไม่ดีกับคุณด้วย” ทักษ์ยิ้มบางดวงตาสีเทาหม่นโชนแสงวูบหนึ่ง

ฟ้ามืดลงทุกขณะตามมาด้วยสายฝนเริ่มลงเม็ด สามชีวิตวิ่งฝ่าฝนไปยังรถญี่ปุ่นรุ่นเก่าที่จอดรออยู่ไมไกล พอขึ้นนั่งรถได้ปิ่นมณีก็ต้องอึ้งกิมกี่เพราะน้ำหอมจัดแจงดันหลังครูคนโปรดให้ขึ้นนั่งประจำที่แทนแล้วขึ้นนั่งยิ้มแต้กลางเบาะหลังเสร็จสรรพ
ทักษ์เหลือบมองลูกสาวผ่านกระจกมองหลังแล้วหรี่ตาคาดโทษ ก่อนจะปรายตามองหญิงสาวที่นั่งแข็งเป็นหินข้างกาย

“ฉันรู้สึกว่าตัวเองนั่งผิดที่นะคะ” หล่อนตอบโดยไม่ต้องให้เขาถาม

ทักษ์หัวเราะในลำคอ “ไม่เป็นไรครับ นั่งไหนก็ไม่ต่างกันหรอก”

“จริงค่ะ ครู” เด็กน้อยเสริมแล้วหัวเราะคิกคัก “เหมือนตอนไปส่งคุณยายที่วัด คุณพ่อก็บอกว่าน้ำหอมเป็นเด็กต้องเสียสละที่นั่งให้คุณยายค่ะ”

“อ๋อ” ปิ่นมณีพยักหน้าหงึกหงัก ไม่รู้จะพูดอะไรก็เลยนิ่งเงียบเสีย

เกือบชั่วโมงที่รถยังคงหนาตาและแล่นตามกันไปอย่างเชื่องช้าเพราะฝนเริ่มลงเม็ดหนาขึ้นเรื่อยๆ ทักษ์ปรายตามองหญิงสาวข้างกายแล้วนึกขบขัน ท่าทางลูกสาวของเขาจะชอบหล่อนจริงจัง ไม่เคยเห็นน้ำหอมมีความสุขขนาดนี้มาก่อน ครูปิ่นแรงเยอะคนนี้มีดีอะไร เห็นทีเขาอาจจะต้องขอคำปรึกษานอกรอบกับหล่อนบ้างแล้ว

นึกมาถึงตอนนี้แล้วทักษ์ก็หัวเราะออกมาเบาๆ จนปิ่นมณีขมวดคิ้วเหลียวมอง จากที่เกร็งๆ อยู่ก็เริ่มผ่อนคลายเมื่อเห็นชายหนุ่มหัวเราะจนลักยิ้มบุ๋มลึก หล่อนก็เผลอยิ้มตาม

“อารมณ์ดีที่รถท่าทางจะติดยาวบนทางด่วนขนาดนี้หรือคะ”

“ผมแค่สงสัยว่าคุณมีดีอะไร” เขาตอบก่อนจะเหลือบมองลูกสาวที่เบาะหลัง “น้ำหอมถึงอนุญาตให้นั่งรถมากับเราได้”

ปิ่นมณีเลิกคิ้ว เหลียวมองเด็กหญิงที่กอดหมอนใบเล็กหลับคอพับคออ่อนอยู่เบาะหลัง แล้วหันกลับมาที่ทักษ์

“ทำไมคะ หรือว่านอกจากคุณยายแล้วไม่เคยมีใครนั่งรถคันนี้เลย”

“ใช่ครับ” ทักษ์ตอบแต่ตาเพ่งมองถนน “ แกหวงพ่อมาก โดยเฉพาะผู้หญิงห้ามนั่งเด็ดขาด”

“แสดงว่า”

จู่ๆ หล่อนก็พูดไม่ออกขึ้นมาเสียอย่างนั้น จะเป็นเพราะเข้าใจความหมายที่ชายหน้าหนวดเล่า หรือเพราะเห็นดวงตาสีเทาหม่นวิบวับที่เหลียวมองหล่อนชั่วครู่นั่นก็เป็นได้

“แกยอมให้นั่งได้คนเดียวคือคุณยายแค่นั้นแหละครับ”

“งั้นฉันก็เป็นคนที่สองสินะคะ” ปิ่นมณียิ้มแหย

“ใช่ครับ” ทักษ์หัวเราะเบาๆ

ปิ่นมณีเผลอมองจมูกโด่งของชายหนุ่มจากด้านข้าง มันช่างดูราวกับภาพวาดชั้นดี ถ้าไม่ติดหนวดเครารกรุงรัง ทักษ์คงเป็นผู้ชายที่ดูดีมากจนบางทีน้ำหอมอาจจะมีแม่คนใหม่ไม่ต้องทนเหงาอยู่กันสองพ่อลูกแบบนี้

แต่... เรื่องของหล่อนหรือก็ไม่ใช่

ปิ่นมณีส่ายหน้าไล่ความคิดวุ่นวายในหัวสมองแล้วเบนหน้าออกนอกหน้าต่างนานจนทักษ์สะกิด

“อะไรคะ” หล่อนหันขวับมาสีหน้าตกใจ


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



lovereason2
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 มี.ค. 2560, 20:59:57 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 มิ.ย. 2560, 15:26:44 น.

จำนวนการเข้าชม : 1008





<< บทที่ 2 : 100%   บทที่ 3 : 100% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account