สูตรลับจับรัก
เรื่องรักของคุณพ่อลูกติดมาดเซอรกับครูสาวสุดเปิ่น ผู้ถูกความรักผลักไสให้หลงทางมาเจอกันในวันบอบช้ำ สองหนุ่มสาวต่างวัยกับกาวใจลูกสาวตัวเล็กและชีวิตที่พลิกผัน
Tags: สูตรลับจับรัก ทักษ์ปิ่น คุณพ่อนักเล่านิทาน รักดราม่า
ตอน: บทที่ 3 : 100%
ทักษ์ชี้ให้หล่อนมองป้ายทางแยก
“ตกลงจะให้ผมไปส่งคุณที่ไหน”
“บ้านฉันอยู่บางปูค่ะ ใกล้ๆ แถวเมืองโบราณ” หล่อนตอบ แล้วดูเวลาที่แผงคอนโซลหน้ารถ “ถ้ายังไงจอดแถวไหนก็ได้ทางผ่านแล้วฉันหาแท็กซี่กลับบ้านเองก็ได้ ไม่รบกวนคุณ”
ทักษ์หันมามองหล่อนเต็มตา
“ทุ่มกว่าแล้ว ผมอยู่แถวปากน้ำ ก็ไม่ใกล้ไม่ไกล เอาเป็นว่าผมไปส่งคุณที่บ้านดีกว่า ว่าแต่คุณหิวรึยัง กินขนมรองท้องก่อนไหม อยู่ในคอนโซลหน้ารถ”
ทักษ์บุ้ยใบ้ให้เปิด ปิ่นมณีทำตามแล้วก็ต้องตกใจเพราะในลิ้นชักคอนโซลหน้ารถมีแต่ขนมและของเล่นของเด็กหญิงล้วนๆ
“โอ้โห! ฉันเจอขุมทรัพย์” หล่อนหัวเราะหยิบนั่นนี่ขึ้นมาดูแล้วปิดลงตามเดิม
ทักษ์เลิกคิ้วแล้วถาม
“ไม่หิวหรือครับ ผมไม่เห็นคุณกินอะไรเท่าไหร่ หรือว่าจะหาอะไรกินก่อนกลับ”
หญิงสาวเหลียวมองเด็กหญิง ชั่งใจครู่ใหญ่ก่อนส่ายหน้า
“อย่าเลยค่ะ น้ำหอมหลับอยู่ แล้วฉันก็เหนื่อยอยากพักผ่อนเต็มทนแล้วค่ะ”
“ก็ตามใจคุณ”
ทักษ์ตอบสั้นแล้วหันไปให้ความสนใจถนนตรงหน้าตามเดิม
กว่าจะถึงบ้านปิ่นมณีก็ปาเข้าไปเกือบสามทุ่ม ฝนตกปรอยๆ ต่อเนื่องทำให้ถนนทางเข้าซอยเล็กมีน้ำนองเป็นระยะ ทักษ์ค่อยๆ ขับอย่างระมัดระวังในขณะเดียวกับปิ่นมณีมือเย็นเฉียบเมื่อเห็นแสงไฟจากตัวบ้านเปิดสว่างเต็มที่
“ถึงแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” หล่อนเอ่ยแผ่วเบา
ทักษ์มองสีหน้านวลซีดเผือดของหญิงสาวก็เหลียวมองตาม เห็นชายชราร่างสูงบึกบึนในชุดกางเกงขาสั้นและเสื้อยืดตัวโคร่'งกางร่มยืนรีรออยู่หน้าประตูรั้วที่เปิดแง้ม ท่าทางหงุดหงิดน่าดู
“นั่นคงเป็นพ่อคุณ”
“ใช่ค่ะ ไม่รู้รู้ได้ยังไงว่าฉันจะถึงแล้ว” หล่อนตอบเสียงแผ่ว มือคาอยู่ตรงที่จับเปิดประตูรถ “ไปก่อนนะคะ”
“ครับ”
ทักษ์ตอบรับ เหลิอบมองหญิงสาวผ่านกระจกมองข้าง หล่อนเดินฝ่าฝนข้ามไปฝั่งตรงข้าม ทันทีที่หักหัวกลับรถในซอยเล็กไม่ไกลจากบ้านปิ่นมณีมากนัก เขาเห็นชายชราร่างสูงใหญ่ฟาดฝ่ามือเข้าใส่ใบหน้าหญิงสาวเต็มแรง
ทักษ์หยุดรถกะทันหันเมื่อขับเลยหน้าบ้านหล่อนไปได้ไม่กี่เมตร แล้วเปิดประตูลงมายืนหลบดูอยู่หลังต้นไม้
“ลูกไม่รักดี! ไปค้างอ้างแรมที่ไหนมา” พ่อส่งเสียงกร้าว
หญิงสาวเอามือกุมแก้ม น้ำตาเอ่อ
“หนูก็ไปหาภพที่เกาะตามที่บอกพ่อไงคะ”
“แต่นายภพเอากระเป๋าเดินทางแกมาคืนเมื่อกี้ บอกว่าแกเข้าใจผิดก็เลยหนีหายไป เขาก็เลยมาตามหาแกที่บ้าน”
“ยังจะมีหน้ามาอีก ทำอะไรไว้ก็รู้อยู่แก่ใจ”
ปิ่นมณีนึกโมโห ตั้งท่าจะเดินหนีเข้าบ้านแต่มือแข็งแรงกระชากไว้
“มาพูดกันให้รู้เรื่อง!”
พ่อกระชากแขนหล่อนจนเซถลาชนกรอบประตูเหล็ก ปิ่นมณีนิ่วหน้าด้วยความเจ็บมองพ่อตัดพ้อ
“หนูไม่มีอะไรจะคุย” หล่อนตอบเสียงเบาหลบตา
“แกมีอะไรจะสารภาพก็ว่ามา ไม่งั้นไม่ต้องเข้าบ้าน”
ปิ่นมณีหันขวับเมื่อได้ยินเสียงดังตวาดข่ม หล่อนถึงกับชะงักรู้ทันทีว่าสิรภพคงพูดอะไรกับพ่ออีกแล้ว
คนโกหก... ปั้นน้ำเป็นตัวคงใส่ไฟจนพ่อโกรธไม่ลืมหูลืมตา
“ไม่มีค่ะ หนูเหนื่อยอยากพัก แล้วแม่กลับมารึยังพ่อ”
“ยังไม่กลับ แม่แกโทรมาบอกจะบวชชีพราหมอยู่วัดอีกสองเดือน บ้านช่องลูกเต้าไม่กลับมาดูแลเลย” พ่อกระชากเสียงห้วน พูดเค้นเสียงรอดไรฟัน ”แต่ถึงอยู่ก็ช่วยอะไรแกไม่ได้หรอก สารภาพมาเดี๋ยวนี้ว่าไปไหนกับใครถึงกลับมาเอาป่านนี้”
“หนูไม่มีอะไรจะสารภาพ” หล่อนบอกเสียงสั่นฝ่าสายฝนที่เริ่มลงเม็ดหนัก “ภพคงฟ้องหมดแล้ว และพ่อก็ไม่คิดจะฟังหนู พ่อไม่เคยสนใจความรู้สึกของหนูเท่ากับที่แคร์ภพด้วยซ้ำ”
“ฉันนี่นะไม่เคยสนใจ! เพราะเป็นห่วงแกไง ถึงอยากให้แกเป็นฝั่งเป็นฝากับลูกเจ้าสัวใหญ่อย่างนายภพ” พ่อตะคอกใส่อีก “นายภพบอกว่าแกไปค้างกับไอ้กุ๊ยที่ไหนไม่รู้ เขาเห็นแกออกมาจากห้องกับมันสองต่อสองเมื่อเช้า จริงรึเปล่า”
ปิ่นมณึถึงกับอึ้ง สิรภพตามหล่อนไปถึงที่พักแต่ไม่คิดจะโผล่หน้ามาให้เห็น มีแต่คาบข่าวมาฟ้องพ่อ ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะปัดความรับผิดชอบกลายเป็นหล่อนฝ่ายเดียวที่ผิดทั้งที่สิรภพเองก็ไม่ต่างกัน
“ภพก็เป็นแบบนี้มานาน แต่หนูไม่เคยเชื่อคำใครพูดจนได้มาเห็นกับตาตัวเอง” หล่อนยิ้มเยาะ แล้วถามพ่อเสียงสั่น “แล้วพ่อคิดว่าหนูควรจะแต่งงานกับภพอีกหรือคะ”
“แสดงว่าจริง” พ่อเสียงขุ่นจ้องหล่อนตาวาว “งั้นแกยิ่งต้องรีบแต่ง นายภพมันบอกว่าจะแต่งล้างอายให้แกก่อนจะมีใครรู้เรื่องนี้ เกิดท้องไส้ขึ้นมาจะทำยังไง”
“อะไรนะคะ!” ปิ่นมณีเสียงหลง สะอื้นอีกรอบ “หนูจะไม่แต่งงานกับผู้ชายหลายใจ อย่าบังคับหนูเลย”
“งั้นแกก็ตอบมาว่ามันเป็นใคร ไอ้กุ๊ยที่แกไปค้างด้วย มันเป็นลูกเต้าเหล่าใคร ประวัติเป็นมายังไง ฐานะล่ะ สู้นายภพได้รึเปล่า” ชายชราเสียงกราดเกรี้ยว ยังยืนกันไม่ให้หล่อนเข้าบ้าน ถ้าไม่ได้คำตอบที่พอใจ
“มันสำคัญมากหรือคะพ่อ!” หล่อนถามเสียงสั่น “สำคัญกว่าความสุขของหนูอีกหรือคะ”
“สำคัญสิวะ! ไม่มีกินใครมันจะช่วยได้ แกลืมแล้วรึไงว่าพี่แกเป็นยังไง!”
ปิ่นมณีฟังแล้วนิ่งงัน น้ำตาไหลพรากปนเปกับสายฝน หล่อนเป็นคนไม่รักดีเพียงเพราะเหตุการณ์ในอดีตที่ไม่ได้เกิดจากน้ำมือหล่อน และเพียงคำพูดของสิรภพ คนที่พ่อถูกใจ หล่อนน่าจะรู้อยู่แล้วว่าพ่อจะเห็นแก่ใครมากกว่ากัน
สิรภพมาไม้นี้ เอาคืนได้เจ็บแสบยิ่งกว่าเพราะรู้ว่าหล่อนจะไม่มีวันชนะพ่อ ไม่งั้นงานหมั้นคงไม่มีวันเกิดขึ้นตั้งแต่แรก แต่หล่อนจะไม่ให้พ่อหรือสิรภพมาสนตะพาย ปิ่นมณีคิดแล้วยิ่งเจ็บใจจนตะโกนออกไป
“หนูไม่แต่งกับภพ พ่อได้ยินไหมคะ”
“อย่าบอกว่าแกจะแต่งกับไอ้กุ๊ยนั่น!” พ่อสบถกระแทกกำปั้นใส่ประตูรั้วเสียงดัง
ปิ่นมณีมองการกระทำของพ่อแล้วยิ่งน้ำตาไหลพราก
“เขาไม่ใช่กุ๊ย แต่เป็นผู้ชายธรรมดา เป็นพ่อม่ายลูกติด ไม่ได้สำรวยสวยกรากใช้เงินหว่านไปทั่วแบบลูกชายเจ้าสัวของพ่อหรอกน่า”
“ใฝ่ต่ำเหมือนพี่แก นายภพมันรักแกมานานแค่ไหนก็น่าจะรู้”
“แต่ความรักของภพไม่ได้มีไว้ให้หนูคนเดียว!” ปิ่นมณีกัดฟันตอบเสียงสั่น น้ำตาไหลพราก “แล้วเราจะมาเถียงกันหน้าบ้านอย่างนี้อีกนานไหมคะ พ่อจะให้หนูเข้าบ้านได้รึยัง”
“คุยกันไม่รู้เรื่องก็ไม่ต้องเข้า นังลูกบ้า!” พ่อหล่อนชี้หน้า เอาตัวบังประตูไว้
ปิ่นมณีนิ่งขึงมือยังกำประตูค้าง น้ำตาคลอ น้อยใจพ่อจนอดใจไม่ไหวโต้ตอบถ้อยคำรุนแรง
“พ่อว่าหนูบ้าหรือคะ! งั้นหนูก็คงบ้าเหมือนเจ้าของดีเอ็นเอในตัวหนูนี่แหละ”
“แกกล้าว่าฉัน! งั้นก็ไปเลย” พ่อเสียงกร้าว “จะไปไหนก็ไปเหมือนพี่แก ไม่ต้องมาให้เห็นหน้า นังลูกไม่รักดี”
“อะไรนะพ่อ!” ปิ่นมณีน้ำตาไหลพรากยืนนิ่งอึ้งไปเมื่อได้ฟัง “ถ้าไล่หนูอีกคนพ่อก็ไม่เหลือใครแล้วนะ”
“ช่างหัวมัน! ให้รู้กันไปว่าลูกเลี้ยงได้แต่ตัว”
“ก็เพราะพ่อเป็นแบบนี้ไง ทั้งพี่ ทั้งแม่ถึงได้ทิ้งหมด”
ปิ่นมณีเสียงสั่น มือกำแน่นเหนือหน้าอก น้ำตาคลอปะปนสายฝน แต่พ่อก็ยังไม่ใจอ่อนหนำซ้ำยังก้าวเข้าหา เงื้อมือสูง ถลาเข้าหาหมายจะฟาดฝ่ามือใส่
หล่อนยืนนิ่งไม่หลบแต่หลับตารอคำพิพากษา คิดอยู่แล้วว่าคงหนีแรงอารมณ์ของพ่อไม่ได้ จะยอมให้ตีจนหนำใจแล้วจะได้จบเรื่องสิรภพไปเสียที
แต่เสียงฝ่ามือกระทบเนื้ออ่อนดังลั่นกลับไม่ทำให้หล่อนรู้สึกเจ็บสักนิด
หญิงสาวลืมตาขึ้นมอง กลับกลายเป็นทักษ์ที่พุ่งตัวเข้ามาแทนที่และโดนตบจนหน้าหันเซถลามาปะทะจนหล่อนตั้งตัวไม่ติดเซถอยหลังไปด้วยกัน หล่อนรับร่างชายหนุ่มไว้เต็มสองแขน
“คุณ!”
ปิ่นมณีอุทานเสียงดัง สองมือพยุงชายหนุ่มตัวเปียกปอนจากด้านหลัง ทักษ์เหลือบตามองชั่วครู่ก่อนจะหยัดตัวยืนเต็มเท้าตั้งหลัก ผลักร่างบอบบางไปด้านหลัง เอาตัวเองกันไว้แล้วหันไปเผชิญหน้ากับพ่อของปิ่นมณี
“คุณไม่ควรทำแบบนี้กับลูกสาวของตัวเอง” ทักษ์พูดเสียงนิ่ง แต่สบตาชายชราไม่ลดละ
“แกเป็นใคร” พ่อปิ่นมณีถามเสียงเกรี้ยว “อย่าบอกนะ...ว่า”
ทักษ์ไม่ตอบแต่กางแขนสองข้างกันร่างปิ่นมณีไว้ไม่ให้โดนพ่อที่ก้าวเข้าหาหมายตีอีกรอบ
“เป็นแกสินะ! กล้าดียังไงเสนอหน้ามาถึงนี่”
“ผมแค่มาส่ง” ทักษ์ยืนยัน แต่ปิ่นมณีทะลุกกลางปล้องขึ้นมาก่อน
“ตั้งแต่วันนี้ ผู้ชายคนนี้เป็นแฟนใหม่ของหนู พ่อบอกภพด้วยนะคะว่าหนูขอถอนหมั้น”
“อะไรนะยายลูกบ้า!” ชายชราเสียงกร้าว “แกจะบอกว่า...”
ปิ่นมณีก้าวออกมายืนต่อหน้าพ่อ ตอบชัดถ้อยชัดคำแข่งกับเสียงฝนที่เริ่มซา “ภพก็มีผู้หญิงคนใหม่เหมือนกัน ไม่เชื่อพ่อไปถามดูสิคะ ว่าหนูไปเจออะไรที่เกาะ ทำไมต้องหนีเขา”
พูดจบหล่อนก็ถอดแหวนสองกะรัตใส่มือพ่อที่ยังยืนงงไม่ทันตั้งตัว คงไม่คิดว่าหล่อนจะกล้าหือ
“ฝากบอกเขาด้วยว่าหนูคืนให้”
“แกจะบ้าหรือยายปิ่น!” พ่อโวย “แกจะทิ้งโอกาสงามๆ ไปหรือไง”
ปิ่นมณีเข้ามาเกาะแขนทักษ์ทำทีสนิทสนม มือหล่อนสั่นเทาจนต้องใช้วงแขนแข็งแรงเป็นที่พึงพิง รวบรวมกำลังใจและตอบพ่อไปแบบไม่หวั่นเกรง
“ค่ะ”
“แกมันบ้า!” พ่อสบถเสียงดังลั่น “เจ้าภพมันลูกเจ้าสัวร่ำรวยล้นฟ้าเชียวนะเว้ย”
“จะรวยล้นฟ้าอะไรก็ช่างเขาเถอะหนูไม่สน” หล่อนหันมาพยักเพยิดชายหนุ่ม “ไปกันเถอะ”
ทักษ์เบิกตากว้างเมื่อฟังจบ
“ไปไหน”
“ไหนก็ได้ ช่วยพาฉันไปให้พ้นจากที่นี่ที”
ทักษ์ลังเลแต่เมื่อเห็นปิ่นมณีแล้วอดสงสารไม่ได้ ไม่รู้จะทำอย่างไรกับสถานการณ์เฉพาะหน้า ไหนจะยังห่วงลูกสาวตัวน้อยที่หลับรอในรถ
ปิ่นมณีเหลียวหลังมองพ่อด้วยสายตาตัดพ้อ หวังว่าพ่อจะเรียกไว้ แต่ชายชราหมุนตัวกลับเข้าบ้านไปแล้วปิดประตูใส่หน้าหล่อนแทนที่จะปรับความเข้าใจ ร่างบอบบางทรุดนั่งคุกเข่าลงหน้าบ้าน หมดแรงจะเก่งกาจจนทักษ์ต้องหิ้วปีกสองข้างจากด้านหลังพยุงให้หล่อนลุกยืน
“เข้มแข็งไว้สิคุณ!” เขาเตือนสติ “ไปขอโทษท่านที่ทำให้เป็นห่วง”
“ฉันเข้มไม่ไหวแล้ว ไม่อยากเจอหน้าพ่อ” ปิ่นมณีค้อมตัวลงต่ำก้มหน้า “แม่ก็ไม่อยู่ ฉันรู้สึกเหมือนขาดอากาศหายใจ”
หล่อนพูดจบก็หันกลับมาซบหน้ากับอกชายหนุ่มร้องไห้ ทักษ์ทำอะไรไม่ถูก สองมือยกขึ้นห่างจากร่างบอบบางพยายามไม่ให้โดนตัวหล่อน
กว่าจะพากันมาขึ้นรถก็ต้องรอให้ปิ่นมณีสงบจิตใจพักใหญ่ท่ามกลางสายฝน หล่อนร้องไห้ลืมอายจนตาบวม น้ำตาไหลปนเปกับสายฝนจนไม่รู้ว่ามากมายขนาดไหน
“คุณจะเอาไงต่อ” ทักษ์ถามทันทีที่ขึ้นนั่งประจำที่คนขับ
ร่างบอบบางได้แต่ส่ายหน้า นั่งคอตก ผมเปียกลู่ยุ่งเหยิงไม่ต่างกัน ทักษ์เอื้อมมือมาลูบผมหล่อนอย่างลืมตัวแล้วก็ต้องชะงักเมื่อปิ่นมณีผงะถอยห่างชิดประตูรถอีกฝั่ง
“ผม... ขอโทษ”
ชายหนุ่มหน้าเสียหดมือกลับ ท่าทีอึดอัดจนได้ยินหล่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ฉันสิคะที่ต้องขอโทษ ทำให้คุณต้องมาโดนพ่อตีไปด้วย” ปิ่นมณีตอบด้วยรอยยิ้มฝืดเฝือ
เขาเหลือบมองหล่อนแล้วหันหน้ามาคุยจริงจัง “แล้วคุณจะไปที่ไหนต่อ หรือว่าจะไปหาแม่คุณ ผมได้ยินว่าอยู่ที่วัด”
“ไม่หรอกค่ะ” ปิ่นมณีส่ายหน้า “ฉันไม่มีหน้าหาเรื่องไปให้แม่หรอก แค่เรื่องพี่ก็ทำให้แม่แย่พอแล้ว”
“แต่แม่คุณจะเป็นห่วงเอาได้นะ” ทักษ์ท้วงไว้ มองหล่อนด้วยความงุนงง
“เอาไว้พรุ่งนี้ฉันค่อยติดต่อแม่ค่ะ คุณส่งฉันลงที่ไหนก็ได้ ฉันคงพักโรงแรมสักคืน”
ปิ่นมณีตอบเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา ทักษ์มองด้วยความเคลือบแคลงแต่ไม่อยากถามเซ้าซี้ แล้วเร่งเครื่องยนต์ให้รถแล่นออกไป
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“ตกลงจะให้ผมไปส่งคุณที่ไหน”
“บ้านฉันอยู่บางปูค่ะ ใกล้ๆ แถวเมืองโบราณ” หล่อนตอบ แล้วดูเวลาที่แผงคอนโซลหน้ารถ “ถ้ายังไงจอดแถวไหนก็ได้ทางผ่านแล้วฉันหาแท็กซี่กลับบ้านเองก็ได้ ไม่รบกวนคุณ”
ทักษ์หันมามองหล่อนเต็มตา
“ทุ่มกว่าแล้ว ผมอยู่แถวปากน้ำ ก็ไม่ใกล้ไม่ไกล เอาเป็นว่าผมไปส่งคุณที่บ้านดีกว่า ว่าแต่คุณหิวรึยัง กินขนมรองท้องก่อนไหม อยู่ในคอนโซลหน้ารถ”
ทักษ์บุ้ยใบ้ให้เปิด ปิ่นมณีทำตามแล้วก็ต้องตกใจเพราะในลิ้นชักคอนโซลหน้ารถมีแต่ขนมและของเล่นของเด็กหญิงล้วนๆ
“โอ้โห! ฉันเจอขุมทรัพย์” หล่อนหัวเราะหยิบนั่นนี่ขึ้นมาดูแล้วปิดลงตามเดิม
ทักษ์เลิกคิ้วแล้วถาม
“ไม่หิวหรือครับ ผมไม่เห็นคุณกินอะไรเท่าไหร่ หรือว่าจะหาอะไรกินก่อนกลับ”
หญิงสาวเหลียวมองเด็กหญิง ชั่งใจครู่ใหญ่ก่อนส่ายหน้า
“อย่าเลยค่ะ น้ำหอมหลับอยู่ แล้วฉันก็เหนื่อยอยากพักผ่อนเต็มทนแล้วค่ะ”
“ก็ตามใจคุณ”
ทักษ์ตอบสั้นแล้วหันไปให้ความสนใจถนนตรงหน้าตามเดิม
กว่าจะถึงบ้านปิ่นมณีก็ปาเข้าไปเกือบสามทุ่ม ฝนตกปรอยๆ ต่อเนื่องทำให้ถนนทางเข้าซอยเล็กมีน้ำนองเป็นระยะ ทักษ์ค่อยๆ ขับอย่างระมัดระวังในขณะเดียวกับปิ่นมณีมือเย็นเฉียบเมื่อเห็นแสงไฟจากตัวบ้านเปิดสว่างเต็มที่
“ถึงแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” หล่อนเอ่ยแผ่วเบา
ทักษ์มองสีหน้านวลซีดเผือดของหญิงสาวก็เหลียวมองตาม เห็นชายชราร่างสูงบึกบึนในชุดกางเกงขาสั้นและเสื้อยืดตัวโคร่'งกางร่มยืนรีรออยู่หน้าประตูรั้วที่เปิดแง้ม ท่าทางหงุดหงิดน่าดู
“นั่นคงเป็นพ่อคุณ”
“ใช่ค่ะ ไม่รู้รู้ได้ยังไงว่าฉันจะถึงแล้ว” หล่อนตอบเสียงแผ่ว มือคาอยู่ตรงที่จับเปิดประตูรถ “ไปก่อนนะคะ”
“ครับ”
ทักษ์ตอบรับ เหลิอบมองหญิงสาวผ่านกระจกมองข้าง หล่อนเดินฝ่าฝนข้ามไปฝั่งตรงข้าม ทันทีที่หักหัวกลับรถในซอยเล็กไม่ไกลจากบ้านปิ่นมณีมากนัก เขาเห็นชายชราร่างสูงใหญ่ฟาดฝ่ามือเข้าใส่ใบหน้าหญิงสาวเต็มแรง
ทักษ์หยุดรถกะทันหันเมื่อขับเลยหน้าบ้านหล่อนไปได้ไม่กี่เมตร แล้วเปิดประตูลงมายืนหลบดูอยู่หลังต้นไม้
“ลูกไม่รักดี! ไปค้างอ้างแรมที่ไหนมา” พ่อส่งเสียงกร้าว
หญิงสาวเอามือกุมแก้ม น้ำตาเอ่อ
“หนูก็ไปหาภพที่เกาะตามที่บอกพ่อไงคะ”
“แต่นายภพเอากระเป๋าเดินทางแกมาคืนเมื่อกี้ บอกว่าแกเข้าใจผิดก็เลยหนีหายไป เขาก็เลยมาตามหาแกที่บ้าน”
“ยังจะมีหน้ามาอีก ทำอะไรไว้ก็รู้อยู่แก่ใจ”
ปิ่นมณีนึกโมโห ตั้งท่าจะเดินหนีเข้าบ้านแต่มือแข็งแรงกระชากไว้
“มาพูดกันให้รู้เรื่อง!”
พ่อกระชากแขนหล่อนจนเซถลาชนกรอบประตูเหล็ก ปิ่นมณีนิ่วหน้าด้วยความเจ็บมองพ่อตัดพ้อ
“หนูไม่มีอะไรจะคุย” หล่อนตอบเสียงเบาหลบตา
“แกมีอะไรจะสารภาพก็ว่ามา ไม่งั้นไม่ต้องเข้าบ้าน”
ปิ่นมณีหันขวับเมื่อได้ยินเสียงดังตวาดข่ม หล่อนถึงกับชะงักรู้ทันทีว่าสิรภพคงพูดอะไรกับพ่ออีกแล้ว
คนโกหก... ปั้นน้ำเป็นตัวคงใส่ไฟจนพ่อโกรธไม่ลืมหูลืมตา
“ไม่มีค่ะ หนูเหนื่อยอยากพัก แล้วแม่กลับมารึยังพ่อ”
“ยังไม่กลับ แม่แกโทรมาบอกจะบวชชีพราหมอยู่วัดอีกสองเดือน บ้านช่องลูกเต้าไม่กลับมาดูแลเลย” พ่อกระชากเสียงห้วน พูดเค้นเสียงรอดไรฟัน ”แต่ถึงอยู่ก็ช่วยอะไรแกไม่ได้หรอก สารภาพมาเดี๋ยวนี้ว่าไปไหนกับใครถึงกลับมาเอาป่านนี้”
“หนูไม่มีอะไรจะสารภาพ” หล่อนบอกเสียงสั่นฝ่าสายฝนที่เริ่มลงเม็ดหนัก “ภพคงฟ้องหมดแล้ว และพ่อก็ไม่คิดจะฟังหนู พ่อไม่เคยสนใจความรู้สึกของหนูเท่ากับที่แคร์ภพด้วยซ้ำ”
“ฉันนี่นะไม่เคยสนใจ! เพราะเป็นห่วงแกไง ถึงอยากให้แกเป็นฝั่งเป็นฝากับลูกเจ้าสัวใหญ่อย่างนายภพ” พ่อตะคอกใส่อีก “นายภพบอกว่าแกไปค้างกับไอ้กุ๊ยที่ไหนไม่รู้ เขาเห็นแกออกมาจากห้องกับมันสองต่อสองเมื่อเช้า จริงรึเปล่า”
ปิ่นมณึถึงกับอึ้ง สิรภพตามหล่อนไปถึงที่พักแต่ไม่คิดจะโผล่หน้ามาให้เห็น มีแต่คาบข่าวมาฟ้องพ่อ ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะปัดความรับผิดชอบกลายเป็นหล่อนฝ่ายเดียวที่ผิดทั้งที่สิรภพเองก็ไม่ต่างกัน
“ภพก็เป็นแบบนี้มานาน แต่หนูไม่เคยเชื่อคำใครพูดจนได้มาเห็นกับตาตัวเอง” หล่อนยิ้มเยาะ แล้วถามพ่อเสียงสั่น “แล้วพ่อคิดว่าหนูควรจะแต่งงานกับภพอีกหรือคะ”
“แสดงว่าจริง” พ่อเสียงขุ่นจ้องหล่อนตาวาว “งั้นแกยิ่งต้องรีบแต่ง นายภพมันบอกว่าจะแต่งล้างอายให้แกก่อนจะมีใครรู้เรื่องนี้ เกิดท้องไส้ขึ้นมาจะทำยังไง”
“อะไรนะคะ!” ปิ่นมณีเสียงหลง สะอื้นอีกรอบ “หนูจะไม่แต่งงานกับผู้ชายหลายใจ อย่าบังคับหนูเลย”
“งั้นแกก็ตอบมาว่ามันเป็นใคร ไอ้กุ๊ยที่แกไปค้างด้วย มันเป็นลูกเต้าเหล่าใคร ประวัติเป็นมายังไง ฐานะล่ะ สู้นายภพได้รึเปล่า” ชายชราเสียงกราดเกรี้ยว ยังยืนกันไม่ให้หล่อนเข้าบ้าน ถ้าไม่ได้คำตอบที่พอใจ
“มันสำคัญมากหรือคะพ่อ!” หล่อนถามเสียงสั่น “สำคัญกว่าความสุขของหนูอีกหรือคะ”
“สำคัญสิวะ! ไม่มีกินใครมันจะช่วยได้ แกลืมแล้วรึไงว่าพี่แกเป็นยังไง!”
ปิ่นมณีฟังแล้วนิ่งงัน น้ำตาไหลพรากปนเปกับสายฝน หล่อนเป็นคนไม่รักดีเพียงเพราะเหตุการณ์ในอดีตที่ไม่ได้เกิดจากน้ำมือหล่อน และเพียงคำพูดของสิรภพ คนที่พ่อถูกใจ หล่อนน่าจะรู้อยู่แล้วว่าพ่อจะเห็นแก่ใครมากกว่ากัน
สิรภพมาไม้นี้ เอาคืนได้เจ็บแสบยิ่งกว่าเพราะรู้ว่าหล่อนจะไม่มีวันชนะพ่อ ไม่งั้นงานหมั้นคงไม่มีวันเกิดขึ้นตั้งแต่แรก แต่หล่อนจะไม่ให้พ่อหรือสิรภพมาสนตะพาย ปิ่นมณีคิดแล้วยิ่งเจ็บใจจนตะโกนออกไป
“หนูไม่แต่งกับภพ พ่อได้ยินไหมคะ”
“อย่าบอกว่าแกจะแต่งกับไอ้กุ๊ยนั่น!” พ่อสบถกระแทกกำปั้นใส่ประตูรั้วเสียงดัง
ปิ่นมณีมองการกระทำของพ่อแล้วยิ่งน้ำตาไหลพราก
“เขาไม่ใช่กุ๊ย แต่เป็นผู้ชายธรรมดา เป็นพ่อม่ายลูกติด ไม่ได้สำรวยสวยกรากใช้เงินหว่านไปทั่วแบบลูกชายเจ้าสัวของพ่อหรอกน่า”
“ใฝ่ต่ำเหมือนพี่แก นายภพมันรักแกมานานแค่ไหนก็น่าจะรู้”
“แต่ความรักของภพไม่ได้มีไว้ให้หนูคนเดียว!” ปิ่นมณีกัดฟันตอบเสียงสั่น น้ำตาไหลพราก “แล้วเราจะมาเถียงกันหน้าบ้านอย่างนี้อีกนานไหมคะ พ่อจะให้หนูเข้าบ้านได้รึยัง”
“คุยกันไม่รู้เรื่องก็ไม่ต้องเข้า นังลูกบ้า!” พ่อหล่อนชี้หน้า เอาตัวบังประตูไว้
ปิ่นมณีนิ่งขึงมือยังกำประตูค้าง น้ำตาคลอ น้อยใจพ่อจนอดใจไม่ไหวโต้ตอบถ้อยคำรุนแรง
“พ่อว่าหนูบ้าหรือคะ! งั้นหนูก็คงบ้าเหมือนเจ้าของดีเอ็นเอในตัวหนูนี่แหละ”
“แกกล้าว่าฉัน! งั้นก็ไปเลย” พ่อเสียงกร้าว “จะไปไหนก็ไปเหมือนพี่แก ไม่ต้องมาให้เห็นหน้า นังลูกไม่รักดี”
“อะไรนะพ่อ!” ปิ่นมณีน้ำตาไหลพรากยืนนิ่งอึ้งไปเมื่อได้ฟัง “ถ้าไล่หนูอีกคนพ่อก็ไม่เหลือใครแล้วนะ”
“ช่างหัวมัน! ให้รู้กันไปว่าลูกเลี้ยงได้แต่ตัว”
“ก็เพราะพ่อเป็นแบบนี้ไง ทั้งพี่ ทั้งแม่ถึงได้ทิ้งหมด”
ปิ่นมณีเสียงสั่น มือกำแน่นเหนือหน้าอก น้ำตาคลอปะปนสายฝน แต่พ่อก็ยังไม่ใจอ่อนหนำซ้ำยังก้าวเข้าหา เงื้อมือสูง ถลาเข้าหาหมายจะฟาดฝ่ามือใส่
หล่อนยืนนิ่งไม่หลบแต่หลับตารอคำพิพากษา คิดอยู่แล้วว่าคงหนีแรงอารมณ์ของพ่อไม่ได้ จะยอมให้ตีจนหนำใจแล้วจะได้จบเรื่องสิรภพไปเสียที
แต่เสียงฝ่ามือกระทบเนื้ออ่อนดังลั่นกลับไม่ทำให้หล่อนรู้สึกเจ็บสักนิด
หญิงสาวลืมตาขึ้นมอง กลับกลายเป็นทักษ์ที่พุ่งตัวเข้ามาแทนที่และโดนตบจนหน้าหันเซถลามาปะทะจนหล่อนตั้งตัวไม่ติดเซถอยหลังไปด้วยกัน หล่อนรับร่างชายหนุ่มไว้เต็มสองแขน
“คุณ!”
ปิ่นมณีอุทานเสียงดัง สองมือพยุงชายหนุ่มตัวเปียกปอนจากด้านหลัง ทักษ์เหลือบตามองชั่วครู่ก่อนจะหยัดตัวยืนเต็มเท้าตั้งหลัก ผลักร่างบอบบางไปด้านหลัง เอาตัวเองกันไว้แล้วหันไปเผชิญหน้ากับพ่อของปิ่นมณี
“คุณไม่ควรทำแบบนี้กับลูกสาวของตัวเอง” ทักษ์พูดเสียงนิ่ง แต่สบตาชายชราไม่ลดละ
“แกเป็นใคร” พ่อปิ่นมณีถามเสียงเกรี้ยว “อย่าบอกนะ...ว่า”
ทักษ์ไม่ตอบแต่กางแขนสองข้างกันร่างปิ่นมณีไว้ไม่ให้โดนพ่อที่ก้าวเข้าหาหมายตีอีกรอบ
“เป็นแกสินะ! กล้าดียังไงเสนอหน้ามาถึงนี่”
“ผมแค่มาส่ง” ทักษ์ยืนยัน แต่ปิ่นมณีทะลุกกลางปล้องขึ้นมาก่อน
“ตั้งแต่วันนี้ ผู้ชายคนนี้เป็นแฟนใหม่ของหนู พ่อบอกภพด้วยนะคะว่าหนูขอถอนหมั้น”
“อะไรนะยายลูกบ้า!” ชายชราเสียงกร้าว “แกจะบอกว่า...”
ปิ่นมณีก้าวออกมายืนต่อหน้าพ่อ ตอบชัดถ้อยชัดคำแข่งกับเสียงฝนที่เริ่มซา “ภพก็มีผู้หญิงคนใหม่เหมือนกัน ไม่เชื่อพ่อไปถามดูสิคะ ว่าหนูไปเจออะไรที่เกาะ ทำไมต้องหนีเขา”
พูดจบหล่อนก็ถอดแหวนสองกะรัตใส่มือพ่อที่ยังยืนงงไม่ทันตั้งตัว คงไม่คิดว่าหล่อนจะกล้าหือ
“ฝากบอกเขาด้วยว่าหนูคืนให้”
“แกจะบ้าหรือยายปิ่น!” พ่อโวย “แกจะทิ้งโอกาสงามๆ ไปหรือไง”
ปิ่นมณีเข้ามาเกาะแขนทักษ์ทำทีสนิทสนม มือหล่อนสั่นเทาจนต้องใช้วงแขนแข็งแรงเป็นที่พึงพิง รวบรวมกำลังใจและตอบพ่อไปแบบไม่หวั่นเกรง
“ค่ะ”
“แกมันบ้า!” พ่อสบถเสียงดังลั่น “เจ้าภพมันลูกเจ้าสัวร่ำรวยล้นฟ้าเชียวนะเว้ย”
“จะรวยล้นฟ้าอะไรก็ช่างเขาเถอะหนูไม่สน” หล่อนหันมาพยักเพยิดชายหนุ่ม “ไปกันเถอะ”
ทักษ์เบิกตากว้างเมื่อฟังจบ
“ไปไหน”
“ไหนก็ได้ ช่วยพาฉันไปให้พ้นจากที่นี่ที”
ทักษ์ลังเลแต่เมื่อเห็นปิ่นมณีแล้วอดสงสารไม่ได้ ไม่รู้จะทำอย่างไรกับสถานการณ์เฉพาะหน้า ไหนจะยังห่วงลูกสาวตัวน้อยที่หลับรอในรถ
ปิ่นมณีเหลียวหลังมองพ่อด้วยสายตาตัดพ้อ หวังว่าพ่อจะเรียกไว้ แต่ชายชราหมุนตัวกลับเข้าบ้านไปแล้วปิดประตูใส่หน้าหล่อนแทนที่จะปรับความเข้าใจ ร่างบอบบางทรุดนั่งคุกเข่าลงหน้าบ้าน หมดแรงจะเก่งกาจจนทักษ์ต้องหิ้วปีกสองข้างจากด้านหลังพยุงให้หล่อนลุกยืน
“เข้มแข็งไว้สิคุณ!” เขาเตือนสติ “ไปขอโทษท่านที่ทำให้เป็นห่วง”
“ฉันเข้มไม่ไหวแล้ว ไม่อยากเจอหน้าพ่อ” ปิ่นมณีค้อมตัวลงต่ำก้มหน้า “แม่ก็ไม่อยู่ ฉันรู้สึกเหมือนขาดอากาศหายใจ”
หล่อนพูดจบก็หันกลับมาซบหน้ากับอกชายหนุ่มร้องไห้ ทักษ์ทำอะไรไม่ถูก สองมือยกขึ้นห่างจากร่างบอบบางพยายามไม่ให้โดนตัวหล่อน
กว่าจะพากันมาขึ้นรถก็ต้องรอให้ปิ่นมณีสงบจิตใจพักใหญ่ท่ามกลางสายฝน หล่อนร้องไห้ลืมอายจนตาบวม น้ำตาไหลปนเปกับสายฝนจนไม่รู้ว่ามากมายขนาดไหน
“คุณจะเอาไงต่อ” ทักษ์ถามทันทีที่ขึ้นนั่งประจำที่คนขับ
ร่างบอบบางได้แต่ส่ายหน้า นั่งคอตก ผมเปียกลู่ยุ่งเหยิงไม่ต่างกัน ทักษ์เอื้อมมือมาลูบผมหล่อนอย่างลืมตัวแล้วก็ต้องชะงักเมื่อปิ่นมณีผงะถอยห่างชิดประตูรถอีกฝั่ง
“ผม... ขอโทษ”
ชายหนุ่มหน้าเสียหดมือกลับ ท่าทีอึดอัดจนได้ยินหล่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ฉันสิคะที่ต้องขอโทษ ทำให้คุณต้องมาโดนพ่อตีไปด้วย” ปิ่นมณีตอบด้วยรอยยิ้มฝืดเฝือ
เขาเหลือบมองหล่อนแล้วหันหน้ามาคุยจริงจัง “แล้วคุณจะไปที่ไหนต่อ หรือว่าจะไปหาแม่คุณ ผมได้ยินว่าอยู่ที่วัด”
“ไม่หรอกค่ะ” ปิ่นมณีส่ายหน้า “ฉันไม่มีหน้าหาเรื่องไปให้แม่หรอก แค่เรื่องพี่ก็ทำให้แม่แย่พอแล้ว”
“แต่แม่คุณจะเป็นห่วงเอาได้นะ” ทักษ์ท้วงไว้ มองหล่อนด้วยความงุนงง
“เอาไว้พรุ่งนี้ฉันค่อยติดต่อแม่ค่ะ คุณส่งฉันลงที่ไหนก็ได้ ฉันคงพักโรงแรมสักคืน”
ปิ่นมณีตอบเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา ทักษ์มองด้วยความเคลือบแคลงแต่ไม่อยากถามเซ้าซี้ แล้วเร่งเครื่องยนต์ให้รถแล่นออกไป
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
lovereason2
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 มี.ค. 2560, 00:57:49 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 มิ.ย. 2560, 16:22:42 น.
จำนวนการเข้าชม : 1091
<< บทที่ 3 : 50% | บทที่ 4 : 50% >> |