ฝากรักไว้ในสายหมอก (เปิดจองรูปแบบเล่มพร้อมE-Book)
มวยเกล้าผมวาง บนกล๋างกระหม่อม

แล้วเหน็บโอบล้อม ด้วยดอกเกี้ยวเกล้า
แดงเฮย...งามแต๊ บ่แลโศกเศร้า

สดใสเริงเลา ใคร่เฝ้าอยู่ใกล้
ผ่อจนเหลียวหลัง เป๋นดีใคร่ได้

โอบล้อมหัวใจ๋ ดวงนี้
แต่เก๊าเจ้าหวง สมแล้วว่าอี้

บ่ดีเด็ดเล่น เนอนายฯ.....



...........................................................................


เพราะความรัก ความผูกพันช่วงหนึ่งในวัยเยาว์

ที่เคยเติมเต็มหัวใจอันอ้างว้างของเขาให้อบอุ่นขึ้นมาได้

ความรู้สึกเหล่านั้นฝังแน่นอยู่ในใจตลอดมา

จนกระทั่งถึงวันนี้ที่เขากลับมาตามหาความรัก

ความผูกพันที่ได้ฝากไว้กับใครบางคน.



ฝากรักไว้ในสายหมอก

เป็นนิยายเรื่องแรกที่ได้รับการตีพิมพ์กับสนพ.กรียมายด์

ตอนนี้หมดสัญญาแล้วจึงเอามาทำเองค่ะ

ติดตามกันได้ในรูปแบบอีบุ๊คนะคะ




Tags: เกี้ยวเกล้า ไตรศูรย์ เชียงใหม่ ล้านนา โรงแรม ความรัก ความผูกพัน วัยเยาว์ สายหมอก

ตอน: ตอนที่ 4

แม่อ่อนแก้วนั่งบนม้านั่งตัวยาวมุมหนึ่งบนเฉลียงหน้าบ้าน กำลังเพ่งมองผ่านแว่นสายตาปักเสื้อทอมือที่พึ่งตัดเย็บมาใหม่ ตรงเฉลียงด้านที่ผูกเปลญวนให้สมาชิกในบ้านไว้นอนเล่นตอนนี้มีร่างบางนอนเอกเขนกอยู่ในเปลพร้อมหนังสือนิยายเล่มโปรด และพ่อวิกรณ์ง่วนอยู่ตรงเรือนกล้วยไม้ขนาดย่อมข้างบ้าน

เกี้ยวเกล้าพักสายตาจากหนังสือที่อยู่ในมือ หลังจากปล่อยตัวเองจั่งจมอยู่กับเรื่องราวในนั้นมาพักใหญ่ ทอดสายตามองไปทางริมรั้วไม้ระแนงสีขาว ที่มีดอกอัญชันสีน้ำเงินเหลื่อมม่วงเข้มขึ้นคลุมอยู่เต็มไปหมด ก่อนมองไปทางพ่อวิกรณ์ที่กำลังปาดเหงื่ออยู่ท่ามกลางกล้วยไม้หลากพันธุ์ สักครู่เธอยิ้มให้กับตัวเองเหมือนฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้

“แม่จ๋า เดี๋ยวเกี้ยวไปทำน้ำดอกอัญชันให้พ่อดีกว่า แม่จะเอาด้วยไหมจ๊ะ” เกี้ยวเกล้าถามแม่อ่อนแก้วที่มองลอดแว่นมา

“เอาสิลูก แม่เก็บน้ำเชื่อมไว้ในตู้เย็นแน่ะ” ว่าแล้วก็ก้มหน้าก้มตากับงานตรงหน้าต่อ หญิงสาวเข้าไปคว้าตะกร้าใบเล็กมาจากในครัว

“พ่อจ๋า เกี้ยวจะทำน้ำดอกอัญชันให้พ่อกินแก้ร้อน พ่อจะใส่มะนาวด้วยไหมจ๊ะ” เธอร้องถาม พลางเดินลงบันไดบ่ายหน้าไปทางริมรั้วเพื่อเก็บดอกอัญชัน

“ลองดูก็ได้ลูก พ่อจะลองชิมดู” รอยยิ้มอ่อนโยนแต้มใบหน้าผู้เป็นพ่อ แม้จะมีเหงื่อผุดพราย

ขณะที่หญิงสาวกำลังตั้งอกตั้งใจเก็บดอกอัญชันอยู่นั้น รถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์สีน้ำเงินเมทัลลิคคันหนึ่งแล่นมาจอดหน้าประตู ทำให้เกี้ยวเกล้าที่จ้องมองอยู่ก่อนแล้วต้องชะงัก เมื่อเห็นร่างสูงนั้นเปิดประตูรถออกมา

“ใครมาน่ะลูก” พ่อวิกรณ์ร้องถาม พลางชะเง้อดู

“อ้าว...พ่อไตร นึกว่าใคร เข้ามาสิ เข้ามาก่อน” พ่อวิกรณ์ทักทายเขาอย่างคุ้นเคย โดยไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้าบอกบุญไม่รับของลูกสาวที่เกาะรั้วมองอยู่เลยสักนิด

“สวัสดีครับคุณลุง” เขายกมือไหว้ตั้งแต่อยู่นอกรั้ว ส่งยิ้มกว้างไปให้ผู้สูงวัยที่รับไหว้อยู่ตรงเรือนกล้วยไม้ ก่อนสายตาคมคู่นั้นจะปรายมาทางคนที่ยืนเกาะรั้วมองอยู่ ริมฝีปากบางของเธอเม้มจนเป็นเส้นตรงทำหน้าเชิดเหมือนเด็กเอาแต่ใจ

“จะเกาะรั้ว เชิดหน้าแข่งกับกิ้งก่าหรือไงคุณ” เขากระซิบให้พอได้ยินสองคน แล้วบุ้ยใบ้ไปทางพุ่มดอกอัญชันที่อยู่ไม่ห่างจากมือเธอนัก

เกี้ยวเกล้าแทบร้องกรี๊ดเมื่อมองเห็นกิ้งก่าคอสีออกเขียวๆ ฟ้าๆ ตัวเป้งเกาะทำหน้าเชิดอยู่ตรงนั้น แต่ก็รีบเอามือปิดปากตัวเองไว้ทัน ทำให้คนแกล้งที่กำลังหันไปยกมือสวัสดีแม่อ่อนแก้วตรงเฉลียงหน้าบ้านกลั้นยิ้มขำไม่ให้ออกนอกหน้า แล้วตรงไปหาพ่อวิกรณ์ที่ส่งเสียงพูดคุยมาจากเรือนกล้วยไม้

“พอดีเลย วันก่อนลุงพึ่งได้กล้วยไม้ใหม่มา ว่าจะให้ดูสักหน่อยว่าเป็นตระกูลไหน”

“ได้สิครับคุณลุง”

เกี้ยวเกล้าเก็บดอกอัญชันได้ปริมาณที่พอใจแล้วจึงเดินกลับ ระหว่างทางที่ผ่านเรือนกล้วยไม้ เสียงสนทนาเรื่องกล้วยไม้ระหว่างพ่อกับคนตัวสูงนั่นดังแว่วเข้าหูมาเป็นระยะ จนกระทั่งเธอก้าวขึ้นบันไดบ้าน แม่อ่อนแก้วจึงเงยหน้าขึ้นมามอง ก่อนเอื้อนเอ่ย

“ทำเผื่อพ่อไตรเค้าบ้างนะลูก” หญิงสาวแอบทำหน้าง้ำกับคำสั่งของแม่

แก้วใสบรรจุน้ำสีม่วงสวยด้วยส่วนผสมจากน้ำมะนาว ผสมน้ำแข็งป่นละเอียด ถูกวางลงบนโต๊ะรับแขกด้านหน้าพ่อวิกรณ์แก้วหนึ่ง และตรงหน้าแขกผู้มาเยือนอีกแก้วหนึ่ง พอดีกับแม่อ่อนแก้วเดินตามเข้ามาในบ้าน

“เดี๋ยวแม่จะดูกับข้าวเสียหน่อย พ่อไตรอย่าพึ่งกลับนะ อยู่ทานข้าวกลางวันด้วยกันก่อน” และไม่วายหันไปชวนคนที่นั่งคุยกับพ่อวิกรณ์อย่างใจดี เกี้ยวเกล้าภาวนาให้เขาปฏิเสธ แต่...

“ขอบคุณครับคุณป้า ต้องรบกวนคุณป้าแล้วล่ะครับ”

“ไม่รบกวนหรอก คนกันเองน่าพ่อไตร” หญิงสาวเดินตามแม่เข้าไปในครัว

“ทำไมต้องชวนอีตานั่นกินข้าวด้วยก็ไม่รู้” แล้วแอบเปรยเบาๆ กับตัวเอง แต่ผู้เป็นแม่ก็ได้ยินจนได้

“อีตานง อีตานั่นที่ไหนกัน ไปเรียกพี่เขาอย่างนั้นเสียมารยาทน่าลูก มาช่วยแม่อุ่นกับข้าวเลย”

“ฮึ...ทำมาตีสนิท หวังเรื่องบ้านน่ะสิ” หวังให้แม่คล้อยตามสิ่งที่คิด แต่...

“พ่อไตรเขาก็ไปมาหาสู่เสมอต้นเสมอปลายมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว อคติอะไรกับเค้านะลูกคนนี้”

“เกี้ยวเปล่าอคตินะแม่ แค่ไม่ชอบขี้หน้า”

“ทำไมล่ะลูก แต่ไหนแต่ไรเกี้ยวไม่เคยเป็นแบบนี้นี่นา”

“ก็เกี้ยวมีเหตุผลของเกี้ยวเองที่...เอ่อ ช่างมันเหอะจ้ะ” แล้วก็ต้องปัดไปเอง เพราะเห็นว่าพูดไปก็ดูจะไร้ประโยชน์ จะให้บอกได้ยังไงล่ะว่าเขาอยากให้เธอขายบ้านยายให้ นั่นไม่เท่ากับที่ดูถูกบ้านยายราวสิ่งของไร้ค่า เธอก็ไม่ได้ต้องการให้ใครต่อใครมารับรู้ว่ามันมีค่ากับเธอมากแค่ไหนหรอกนะ แต่อย่างน้อยที่สุดก็ไม่ควรดูถูกมันโดยเฉพาะคนๆ นี้ เขาไม่มีสิทธิ์พูดจาเช่นนั้น แม้ว่าสิ่งที่เขาพูดไม่ได้เกินจริงเลยก็เหอะ แม่อ่อนแก้วลอบมองลูกสาวแล้วส่ายหน้า ด้วยรู้ดีว่าลูกสาวคนนี้บทจะดื้อขึ้นมาก็น่าดูใช่เล่น

เมื่อมีสมาชิกแปลกหน้าเพิ่มมาอีกหนึ่งคนบนโต๊ะกินข้าว ทำให้ข้าวมื้อนี้ค่อนข้างเยิ่นเย้อในความรู้สึกของเกี้ยวเกล้าเหลือเกิน เพราะดูเหมือนพ่อกับแม่ของเธอมีเรื่องราวพูดคุยกับแขกคนนี้มากมายเป็นพิเศษ มีแต่เธอเท่านั้นที่ตั้งหน้าตั้งตากินข้าวโดยไม่พูดจากับใคร แต่ก็ได้ยินทุกถ้อยคำเจรจา

“เออ...ลุงไตรรัตน์เป็นยังไงบ้างล่ะ” แม่อ่อนแก้วถาม

“สบายดีครับคุณป้า ยังทำงานหนักเหมือนเดิม ไม่ยอมเกษียณตัวเองซักที นี่กะว่าถ้านายตุลกลับมาช่วยคงจะพอวางมือได้บ้างครับ”

“พี่ไตรรัตน์อายุเยอะแล้ว ทำธุรกิจหลายอย่างเกินไปร่างกายจะไม่ไหวเอานะ” พ่อวิกรณ์เปรยอย่างเป็นห่วงคนที่พูดถึง

“ครับ แต่คุณลุงกำลังทยอยขายพวกร้านอาหารไปเกือบหมดแล้วล่ะครับ คงเหลือไว้แต่โรงแรม เพราะลำพังตัวผมเองไม่ค่อยได้ดูเรื่องร้านเท่าไหร่ มีแต่คุณลุงคุณป้าดูแลกันเอง คงอยากพักอยู่เหมือนกันแหล่ะครับ”

“ก็ดีนะ ให้ลูกหลานดูแลไป นี่ถ้าเจ้ารงค์ยังอยู่ พ่อไตรคงไม่ได้มาอยู่กับพี่ไตรรัตน์หรอกนะ ตอนนี้พ่อไตรเองคงช่วยพี่ไตรรัตน์ได้มาก ดีแล้วล่ะ” น้ำเสียงพ่อวิกรณ์ค่อนข้างชื่นชม ทำให้มือเรียวถือช้อนค้างไปนิดหนึ่ง ก่อนจะลอบมองเสี้ยวหน้าคมเข้มอย่างพิจารณา

“คุณลุงไตรรัตน์กับครอบครัวมีพระคุณกับผมมาก พระคุณของครอบครัวนี้ผมไม่รู้จะตอบแทนยังไงได้หมด แต่ผมก็จะพยายามทำให้ดีที่สุดครับคุณลุง”

“ดีแล้วล่ะ เจ้ารงค์กับแม่ศรินทิพย์เขาคงสบายใจที่พ่อไตรเติบโตมาเป็นคนดี รู้จักกตัญญูรู้คุณอย่างนี้ ลุงเองก็ภูมิใจแทนพ่อแม่ของพ่อไตรนะ” พ่อวิกรณ์พูด อดนึกไปถึงเพื่อนรักทั้งสองและลูกสาวคนเล็กที่ล่วงลับไปไม่ได้ แม้เวลาจะผ่านไปนานเหลือเกินแล้ว แต่คนที่ยังอยู่ยังคงระลึกถึงผู้เป็นเพื่อนรักอยู่เสมอ

ชายหนุ่มร่ำลาสองสามี - ภรรยาที่ใจดีเสร็จ จึงเดินออกประตูมา แต่เท้าที่กำลังจะก้าวลงบันไดก็ชะงัก เมื่อเห็นร่างบางสมส่วนที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเปลญวน ก่อนตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้เธออย่างเงียบกริบ พอมองใกล้ๆ เขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเธอถึงไม่รู้สึกตัว ก็ที่หูเธอถูกอุดด้วยหูฟังจากโทรศัพท์มือถือ แถมเสียงเพลงยังดังเล็ดลอดออกมาให้คนข้างนอกได้ยินเสียอีกด้วย

เขามองไปยังมือเรียวที่วางทาบทับหนังสืออยู่บนตัก เป็นนิยายโรมานซ์นั่นเอง ไตรศูรย์ยิ้มขำพลางเพ่งพินิจใบหน้างามหวานนั้น ริมฝีปากหยักบางสีชมพูระเรื่อที่ช่างเจรจา ดวงตาที่ปิดสนิทเห็นเพียงขนตางอนยาว คิ้วโค้งได้รูปสีน้ำตาลเข้ม จมูกเรียวเล็กแต่หากโด่งรั้นรับกับใบหน้ารูปไข่ของเธอดีนัก

และตอนนี้ใบหน้าเนียนใสไร้เครื่องสำอางแต่งแต้ม ถูกปอยผมยาวสีน้ำตาลอ่อนปลายดัดลอนใหญ่นั่นปลิวมาระแก้ม จนเขาอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปเขี่ยปอยผมนุ่มที่ระแก้มเนียนอย่างเบามือ แต่กระนั้นกลับทำให้หญิงสาวสะดุ้งตื่นในทันที ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง ก่อนจะผุดลุกขึ้นนั่ง

“คะ...คุณ” เธอทำท่าจะอ้าปากร้อง

“ชูว์...เบาๆ สิคุณ” แต่เขายกนิ้วชี้แตะปากตัวเองห้าม

“คุณกำลังจะทำอะไรฉัน” พูดพลางดึงหูฟังออกจากหู ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

“ผมไม่ได้ทำอะไรนะ แค่เห็นยุงกัดหน้าคุณตัวเป้งเลย ก็เลยจะตบให้แต่คุณตื่นซะก่อน นี่ยุงคงกินเลือดหวานๆ ซะอิ่มแปล้แล้วมั้ง หน้าขาวๆ ของคุณคงมีตำหนิแล้วล่ะ”

“ว้าย! ตายแล้ว” ร้องพลางยกมือกุมหน้าตัวเองอย่างหวาดๆ ชายหนุ่มหน้าเข้มหลุดหัวเราะออกมากับท่าทางนั้น

“ไม่ต้องมาหัวเราะเลยนะ ถึงยังไงคุณก็ไม่ควรมาทำรุ่มร่ามกับฉัน” ก่อนจะหันมาแหวใส่เขาเสียงขุ่น

“เบาๆ สิคุณ เดี๋ยวคุณลุงคุณป้าก็มาได้ยินหรอก”

“ได้ยินสิดี จะได้รู้ว่าจริงๆ แล้วคุณเป็นคนยังไง”

“แล้ว...ผมเป็นคนยังไง? ” เขาก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าในสายตาของเธอเขาเป็นคนอย่างไร

“ก็...นิสัยไม่ดีสุดๆ อวดรวย แล้วก็ เอ่อ...ชอบดูถูกคนอื่น”

“โอ้โห! ผมเนี่ยนะ พูดซะผมไม่มีดีเลยนะนั่น” ชายหนุ่มแกล้งโอด

“แล้วมันจริงไหมล่ะ ที่คุณถามว่าฉันต้องการค่าบ้านเท่าไหร่นั่น มันใช่อวดรวยไหมล่ะ แล้วที่ว่าบ้านยายฉันโกโรโกโสอีกล่ะ ดูถูกไหมล่ะนั่น” สิ้นคำจาระไน ไตรศูรย์ถึงกับระเบิดหัวเราะอีกรอบ เธอทำตาเขียวปั๊ดใส่

“เรื่องนี้นี่เอง แต่คุณพูดมาก็ดีแล้วล่ะ ผมเองก็อยากคุยเรื่องบ้านกับคุณเหมือนกัน” เขาเอ่ยในที่สุด แต่เธอทำหน้าเมื่อยสุดชีวิต ยกมือขึ้นห้ามราวกับปางห้ามมาร

“ไม่ขาย เข้าใจ๋!? ” เน้นเสียงทุกถ้อยคำ แถมท้ายด้วยการกลอกลูกตาไปมาอย่างแสนเบื่อหน่าย

“ผมก็ไม่ได้ขอซื้อ” เธอชะงักนิดหนึ่งเมื่อได้ยินประโยคนั้น แต่ก็เพียงแว่บเดียว ก่อนยักไหล่

“ก็แหงล่ะ ฉันไม่แปลกใจหรอก อย่างคุณจะไปเห็นคุณค่าของบ้านโกโรโกโสนั่นได้ยังไง” ไม่วายประชดตบท้ายอีกจนได้ เขาถอนหายใจก่อนอธิบาย

“ผมไม่ได้ขอซื้อ แต่อยากขอมีส่วนร่วมในบ้านหลังนั้น”

“หา! นี่ฉันหูฝาดไปหรือเปล่า คุณอวดรวยอยู่แหมบๆ ตอนนี้จะมาขี้ตืดเอาง่ายๆ ไม่กลัวเสียภาพพจน์เอาเหรอ” เธอยังกวนไม่เลิก จนเขาอ่อนใจ

“ฟังผมก่อนได้ไหม ที่ผมไม่ซื้อเพราะรู้ว่ายังไงคุณก็ไม่ขายให้ผม แต่คุณอย่าลืมนะว่ามันตั้งอยู่บนที่ดินของผม”

“แล้วไง คุณจะให้ฉันรื้อออกถ้าไม่ยอมรับข้อเสนอของคุณงั้นสิ? ”

“เปล่า ผมยังไม่ได้คิดไปไกลขนาดนั้น แต่คุณมีอีกหนึ่งทางเลือกก็คือ ยอมให้ผมมีส่วนร่วมในบ้านหลังนั้น โดยที่คุณจะไม่เสียอะไรเลย” ชายหนุ่มยื่นข้อเสนอ เธอเม้มปากเหมือนกำลังใช้ความคิด ขณะเดียวกันก็จ้องมองเขาอย่างพิจารณา

“คุณจะทำยังไง” ที่สุดก็เอ่ยถามออกมาแบบหยั่งเชิงในที

“ผมอยากจะปรับปรุง ซ่อมแซมให้มันอยู่ในสภาพที่ดีกว่านี้ และที่สำคัญอยากจะทำให้มันใช้การได้”

“แล้วคุณก็จะใช้รับแขกหรือลูกค้าของคุณงั้นสิ ฝันไปเหอะ! ” เธอต่อให้เองและปฏิเสธเสร็จสรรพ

“คุณคิดว่าผมจะทำอะไรกับที่ดินผืนนั้น”

“ก็คุณทำโรงแรม รีสอร์ทสุดหรูไม่ใช่หรอกเหรอ แล้วคุณกว้านซื้อที่ดินแถวนี้ไปทำไมล่ะ ถ้าไม่เอาไปทำพวกนี้ แล้วอีกอย่างตอนนี้ที่นี่ก็เริ่มบูมเรื่องท่องเที่ยวซะด้วย”

“เรื่องท่องเที่ยวอะไรนั่นผมไม่ได้คิดเลยซักนิด แต่ผมว่าคุณคงได้ข้อมูลผิดๆ เกี่ยวกับตัวผมมาแล้วล่ะมั้ง เอางี้...ผมจะบอกคุณให้เข้าใจว่าผมเองไม่ได้มีโครงการทำรีสอร์ทหรือโรงแรมที่นี่ ผมไม่ได้กว้านซื้อที่อย่างที่คุณว่าเลย ผมซื้อแค่ที่ดินผืนนี้เท่านั้นเพราะผมอยากได้เป็นการส่วนตัวก็แค่นั้นเอง แต่ที่พูดกันไปน่ะ ผมติดต่อให้กับคนรู้จักไม่ได้ซื้อเอง แล้วที่ผมอยากได้บ้านก็เพราะผมอยากมีที่ซุกหัวนอนก็แค่นั้น” ชายหนุ่มอธิบายยืดยาวบ้าง

“ก็หลังนั้นไง” เธอว่า ไตรศูรย์เข้าใจว่าเธอหมายถึงบ้านหลังเล็กที่เขาเคยพาเธอไปทำแผลตอนนั้น

“นั่นมันแทบจะเรียกว่ากระต๊อบเลยนะคุณ แล้วอีกอย่างผมจะไปแย่งน้าปันกับน้ามาลีอยู่ได้ยังไง” เขาหมายถึงคนที่เขาจ้างให้ดูแลที่นั่น ซึ่งเป็นคนในพื้นที่และรู้จักกับครอบครัวเกี้ยวเกล้าดีเช่นกัน

“แล้วทำไมคุณไม่สร้างใหม่ล่ะ ง่ายกว่ากันเยอะ” เธอสงสัย

“ตอนนี้ผมไม่มีเวลามาดูแลเต็มที่ ก็เลยยังไม่อยากทำอะไรขึ้นมาใหม่ ผมกะจะซื้อบ้านจากคุณด้วยล่ะ แต่เมื่อคุณไม่ขายผมก็จนปัญญา เอาเป็นว่าผมไม่ได้อยากให้คุณรื้อบ้านออกไป และก็ไม่อยากปล่อยให้มันล้มพังไปต่อหน้าต่อตา คุณจะตกลงไหมล่ะ” หญิงสาวนิ่งเหมือนกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก

“ผมไม่ได้แย่งบ้านคุณทั้งหลังซะหน่อย บ้านคุณมีตั้งสองห้อง แบ่งให้ผมพักห้องหนึ่งถือว่าเป็นค่าเช่าที่ล่ะกัน”

“หน้าเลือด! ” เกี้ยวเกล้าเข่นเขี้ยวตาวาว แต่คนถูกด่ากลับยังยิ้มแป้นและโค้งรับเสียอย่างนั้น

“ขอบคุณที่ชมครับ ว่าแต่คุณจะตกลงหรือเปล่าล่ะ ถ้าตกลงผมจะได้ลงมือซ่อมแซมซะที”

“จะให้ฉันอยู่บ้านเดียวกับคุณเนี่ยนะ” เธอยังไม่วายตั้งคำถามเหมือนไม่ไว้ใจอะไรทั้งนั้น

“ผมไม่ได้อยู่ทุกวันนี่ หรือจะให้สะดวกใจ เวลามาผมจะโทร.มาบอกคุณก่อนล่วงหน้าก็ได้ จะได้ไม่มาพร้อมกัน” เขาหาทางออกให้ คนฟังเม้มปากแววตาครุ่นคิด

“ฉัน...ขอคิดดูก่อน” และเอ่ยขึ้นในที่สุด

“งั้นผมคงต้องขอตัวกลับก่อนล่ะ ถ้าคุณตัดสินใจยังไงบอกผมด้วยละกัน เบอร์ฯ ผมอยู่ที่คุณลุงคุณป้าโทร.หาผมได้ตลอดเวลา”

เกี้ยวเกล้ามองตามร่างสูงที่เดินออกไปจากบ้านอย่างแปลกใจ คิดอะไรของเขานะ ถึงได้ยื่นข้อเสนอแบบนี้

ชายหนุ่มหน้าเข้มเผลอยิ้มกับตัวเอง ขณะก้าวเท้าออกมาจากบ้านไม้สีขาวหลังนั้น ด้วยรู้ว่าข้อเสนอของตัวเองคงสร้างความแปลกใจให้กับหญิงสาวได้ไม่น้อย มันเป็นสิ่งที่เขาพึ่งคิดออกหลังจากที่ได้เจอเธอ และคุยกันถึงเรื่องบ้านเจ้าปัญหาหลังนั้น แล้วเจ้าตัวก็ยืนยันไม่ยอมขายให้เขาท่าเดียว มันอาจจะทำให้ไตรศูรย์หนักใจอยู่บ้างแต่ก็โล่งใจและยินดีมากกว่า ที่เห็นว่าเธอยังคงรัก หวงแหนบ้านหลังนั้นเช่นเดียวกันกับเขา

นั่นไม่ใช่หรือ? คือสิ่งที่เขาต้องการ พอเห็นอาการขู่ฟ่อ ท่าทางหวงแหนชายหนุ่มจึงรู้ว่าต้องทำอย่างไรกับบ้านหลังนี้ เขาต้องการที่ดินผืนนี้และบ้านหลังนี้ก็จริง แต่การยอมให้บ้านตั้งอยู่บนที่ดินของเขาโดยที่ยังเป็นของเจ้าของเดิมมันย่อมดีกว่าขอซื้อมาเป็นของตัวเองเป็นไหนๆ เพราะนั่นเป็นความฝันที่เขาเก็บไว้อยู่ลึกๆ ในใจมาตลอดตั้งแต่ไปจากที่นี่ เขาอยากกลับมาอยู่ในที่ๆ เคยผูกพัน อยู่ใกล้กับผู้คนที่เขาเคยผูกพันโดยเฉพาะบางคนที่เขาคิดถึงเมื่อไหร่ก็อุ่นในหัวใจและยิ้มได้เมื่อนั้น




กานพลู
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 มี.ค. 2560, 11:32:48 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 มี.ค. 2560, 11:32:48 น.

จำนวนการเข้าชม : 891





<< ตอนที่ 3   ตอนที่ 5 >>
แว่นใส 21 มี.ค. 2560, 20:17:45 น.
รักเมื่อครั้งยังเด็กเหรอ


Kim 22 มี.ค. 2560, 21:32:48 น.
อีบุ๊กมีขายที่เมบด้วยไหมคะ


กานพลู 27 มี.ค. 2560, 10:55:56 น.
K.แว่นใส
อันนี้ต้องตามตอนล่าสุดเลยค่า อัพแย้ววว อิ อิ


กานพลู 27 มี.ค. 2560, 10:59:58 น.
K.Kim
อีบุ๊คเคยมีในนามของสำนักพิมพ์กรีนมายด์ค่ะ แต่ตอนนี้รูปแบบเล่มหมดสัญญาแล้วจึงยกเลิกการขายอีบุ๊คด้วย
ทางไรต์ฯ จึงจะเอามาทำอีบุ๊คเอง อย่าลืมติดตามต่อไปนะคะ แล้วจะแจ้งให้ทราบเป็นระยะเนอะ ขอบคุณค่า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account