The D.O.L.L.S โศกนาฏกรรมปีศาจตุ๊กตามหาเวท
"นักขายความฝันผู้เลือดร้อน & นักโทษประหารผู้เริงร่า & หัวขโมยผู้เย็นชา"
ต่างถิ่น ต่างความคิด ต่างอาชีพ ต่างนิสัย ต่างจุดมุ่งหมาย ต่างเผ่าพันธุ์
กลับต้องมาอยู่ด้วยกันเพราะเหตุบางอย่าง... The D.O.L.L.S
ตุ๊กตาปีศาจมีลักษณะรูปร่างเหมือนมนุษย์ทุกประการ
ถ้าอย่างนั้น...จะรู้ได้อย่างไร?
...เป็นปีศาจ...หาใช่มนุษย์ไม่...
ระวังไว้ให้ดี...ทุกอย่างอาจเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา...
...ที่ใครบางคนสร้างขึ้นเท่านั้น...
สงครามระหว่างผู้มีพลังเวทกับมนุษย์ธรรมดา
ใครจะอยู่รอดเป็นผู้กำชัยชนะ!?
- ขอขอบคุณนักอ่านทุกท่านจากใจจริง -
แผนที่นครเซ็นทรัม http://i49.photobucket.com/albums/f290/thunchanoks/map122e1.jpg
ต่างถิ่น ต่างความคิด ต่างอาชีพ ต่างนิสัย ต่างจุดมุ่งหมาย ต่างเผ่าพันธุ์
กลับต้องมาอยู่ด้วยกันเพราะเหตุบางอย่าง... The D.O.L.L.S
ตุ๊กตาปีศาจมีลักษณะรูปร่างเหมือนมนุษย์ทุกประการ
ถ้าอย่างนั้น...จะรู้ได้อย่างไร?
...เป็นปีศาจ...หาใช่มนุษย์ไม่...
ระวังไว้ให้ดี...ทุกอย่างอาจเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา...
...ที่ใครบางคนสร้างขึ้นเท่านั้น...
สงครามระหว่างผู้มีพลังเวทกับมนุษย์ธรรมดา
ใครจะอยู่รอดเป็นผู้กำชัยชนะ!?
- ขอขอบคุณนักอ่านทุกท่านจากใจจริง -
แผนที่นครเซ็นทรัม http://i49.photobucket.com/albums/f290/thunchanoks/map122e1.jpg
Tags: ตุ๊กตา,ปีศาจ,คำสาป,เวทมนตร์,สงคราม,แฟนตาซี,ผู้ใช้เวท,มนุษย์,โศกนาฏกรรม,mystery
ตอน: Episode 18 : || กระสุนพลังจิต ||
EPISODE 18
กระสุนพลังจิต
เสียงรองเท้ากระทบพื้นดังก้องไปทั่วทางเดินยาวสีขาวซึ่งไม่มีทั้งเพดานหรือผนัง เบื้องหน้าคือประตูสีขาวบริสุทธิ์ขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ไม่ไกล ร่างสูงก้าวเดินตรงไปยังประตูนั้นด้วยท่วงท่าสง่างาม ก่อนจะหยุดยืนอยู่หน้าประตูแล้ววางฝ่ามือทาบลงบนเครื่องตรวจเลือดเพื่อยืนยันว่าเขาเป็นใคร เข็มขนาดเล็กจิ้มเข้าไปในอุ้งมือแล้วค้างอยู่สักพักเพื่อรอให้เครื่องตรวจสอบ เมื่อระบุชื่อได้แน่ชัดแล้ว เข็มจึงทำลายตนเองแล้วหลอมละลายกลายเป็นของเหลวสีเงิน ไหลหายลงไปในท่อเล็กๆ ตรงมุมขวาบน
ประตูสีขาวมีเสียงกริ๊กเบาๆ ก่อนที่จะเลื่อนเปิดออกช้าๆ ร่างสูงก้าวเดินเข้าไปด้านใน
ห้องที่เขาเข้ามาเป็นประชุมขนาดใหญ่ซึ่งไม่มีทั้งเพดานและผนัง รอบตัวทุกองศากว้างใหญ่เสียจนมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด เขาเดินตรงเข้าไปยังเก้าอี้แถวหน้าสุดอันเป็นที่นั่งประจำของตัวเอง เก้าอี้จำนวนมากแบ่งออกเป็นสองฝั่งล้อมแท่นยืนตรงกลางเอาไว้เป็นวงกลม ทั้งสองฝั่งมีคนนั่งอยู่จนเกือบเต็มทุกที่ แต่ถึงอย่างนั้นห้องทั้งห้องก็ยังเงียบสงบไม่มีใครพูดอะไรกัน
จนกระทั่งประตูสีขาวได้เปิดออกอีกครั้งพร้อมกับมีร่างของชายคนหนึ่งเดินเข้ามา ใบหน้าเคร่งขรึมดูแล้วน่าจะอายุราวๆ สามสิบต้นๆ เขาเดินเข้าไปยืนอยู่บนแท่นยืนตรงกลางแล้วกวาดสายตามองไปรอบๆ
“เริ่มประชุมได้” เสียงทรงพลังประกาศก้อง
“รายงานจากเมืองฟรองเรย์รายงานว่ามีตุ๊กตาปีศาจจำนวนสิบสองตัวกำลังอาละวาดอยู่” เสียงหนึ่งกล่าวขึ้น ทุกความสนใจจึงเพ่งไปยังข่าวแรกของการประชุม ใบหน้าของผู้เข้าร่วมประชุมฉายความกังวลกันถ้วนหน้าพร้อมกับหันไปซุบซิบพูดคุยกันเอง
“เงียบเสียง!” คำสั่งจากผู้เป็นหัวหน้าสูงสุด เสียงพูดคุยเงียบลงทันที ใบหน้าตึงเครียดหันไปมองผู้แจ้งข่าวเมื่อครู่ “แล้วบริเวณใกล้เคียงกับความเสียหายล่ะ”
“ยังไม่มีรายงานว่าเมืองเอนบูรองกับเมืองโครเซียร์ถูกโจมตี ส่วนความเสียหายยังคงประเมินแน่ชัดไม่ได้ครับ แต่ฟรองเรย์เร่งขอกำลังเสริมโดยเร็วที่สุด”
ดูวัลหรือหัวหน้าสูงสุดยกมือขึ้นกุมขมับ ความเสียหายจากตุ๊กตาปีศาจสิบสองตัวนั้นไม่ใช่น้อยๆ และฟรองเรย์คงราบเป็นหน้ากองในอีกไม่นานนี้
“ท่านดูวัล มีรายงานจากแคว้นยูราว่ามีผู้ใช้เวทบุกรุกทำลายวังนอกของแคว้น ข้าคิดว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นตุ๊กตาปีศาจ” เสียงตะโกนบอกดังมาจากอีกด้านหนึ่ง หลายคนหันไปซุบซิบกันอีกครั้ง นับวันสถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงเรื่อยๆ ฟรองเรย์เป็นเมืองด้านตะวันตก ส่วนยูราอยู่ทางตะวันออก เห็นได้ชัดว่าพื้นที่เริ่มขยายวงกว้างมากขึ้น แถมจำนวนของตุ๊กตายังเพิ่มมากขึ้นจนควบคุมไม่ได้ และยังมีอีกหลายๆ เมืองที่อาจจะไม่ได้รายงานเรื่องการโจมตีเข้ามาอีกด้วย
ดูวัลถอนหายใจหนัก ตำแหน่งหัวหน้าสูงสุดรัฐบาลทำให้เขาต้องมีเรื่องปวดหัวมากมายในแต่ละวัน แถมยังครอบคลุมพื้นที่ทั่วทั้งทวีปเซ็นทรัมได้แก่ทิศตะวันออก ตะวันตก ใต้ และนครรัฐเซ็นทรัมอันเป็นจุดศูนย์กลางของทวีป มีเพียงทิศเหนือเท่านั้นที่เป็นเขตปกครองตนเอง ยิ่งมีเมืองให้ต้องดูแลเยอะก็ยิ่งน่าปวดหัว แต่เรื่องไหนก็ยังไม่ร้ายแรงเท่าเรื่องตุ๊กตาปีศาจ เมืองด้านตะวันตกเริ่มสงสัยแล้วว่าตุ๊กตาพวกนั้นคืออะไรกันแน่ แม้จะเข้าใจกันไปเองว่าคือผู้ใช้เวทกลายพันธุ์ก็ตาม
“ส่งกำลังไปยังฟรองเรย์และยูราพร้อมด้วยกระสุนปืนชนิดใหม่ที่เพิ่งคิดค้นได้ด้วย” เสียงเครียดออกคำสั่ง กระสุนปืนชนิดใหม่คือกระสุนที่อัดพลังเวทเข้าไปจึงทำให้มีพลังทำลายล้างสูง แต่เรื่องนี้เขาจำเป็นต้องปิดพวกมนุษย์ธรรมดาเอาไว้เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องวุนวายตามมา
“ท่านครับ มีรายงานด่วนเข้ามาว่ามีตุ๊กตาอีกสามตัวกำลังโจมตีเมืองเธอเบด้วย!” ข่าวใหม่สร้างความตกใจให้กับทุกคน เธอเบอยู่ด้านตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งอยู่ไม่ไกลไปจากที่ประชุมแห่งนี้มากนัก
“รีบส่งกำลังไปเพิ่มโดยด่วน!” เสียงตื่นตระหนกออกคำสั่ง แม้ห้องประชุมจะถูกป้องกันแน่นหนา แต่เขาก็ยังไม่แน่ใจว่าจะสามารถรับพลังโจมตีจากตุ๊กตาปีศาจได้รึเปล่า ถ้าสถานการณ์ย่ำแย่ไปกว่านี้เอาจจะต้องขอความช่วยเหลือจากผู้ใช้เวทก็เป็นได้
นัยน์ตาสีมรกตกวาดมองไปทั่วห้อง พวกรัฐบาลทั้งหมดรวมถึงเขาด้วยล้วนเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาจึงมีความเย่อหยิ่งในตัวสูง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นคงไม่ยอมขอความช่วยเหลือจากผู้ใช้เวท และผู้ใช้เวทเองก็คงไม่ยื่นมือให้ความช่วยเหลือ ยิ่งเป็นช่วงหลังจากที่รัฐบาลเพิ่งประกาศสงครามระหว่างมนุษย์ธรรมดากับผู้ใช้เวทแบบนี้ด้วยแล้ว
+++++++++++++++++++++++++++++++++++
“มีบางตัวกำลังมุ่งหน้าไปในเมืองงั้นเหรอ” มิเวลถามซ้ำด้วยความตกใจ พวกมันต้องไปไล่ฆ่าผู้คนแน่ๆ “ต้องรีบไปช่วย...”
ร่างเล็กวิ่งตรงไปยังประตูทางออก แต่ยังไม่ทันจะเปิดประตูก็ถูกมือหนึ่งคว้าแขนเธอเอาไว้ สายตางุนงงตวัดไปมองเจ้าของมืออย่างไม่เข้าใจ เอเวนจะมาห้ามเธอทำไมกัน
“พวกมันเป็นมนุษย์ธรรมดา ไม่มีค่าให้เจ้าต้องไปเสี่ยงชีวิต” เสียงเย็นชาพูด มิเวลชักสีหน้าอย่างไม่พอใจทันทีพร้อมกับสวนอีกฝ่ายกลับ
“ข้าเคยบอกแล้วว่าไม่สนเรื่องนั้น แล้วอีกอย่าง ข้างนอกนั่นยังมีผู้ใช้เวทคนอื่นๆ อยู่ หรือเจ้าจะบอกว่าผู้ใช้เวทพวกนั้นก็ไม่มีค่าด้วยล่ะ”
“ข้ากำลังบอกว่าข้างนอกมันอันตราย”
“ถอนเขตอาคมออกซะเอเวน ข้าจะไปช่วยคนอื่นๆ”
“ไม่”
“เปิดทางให้ข้าเดี๋ยวนี้!”
“ข้าบอกว่าไม่!” เสียงตะคอกดังลั่น มือที่กำแขนของอีกฝ่ายไว้ออกแรงบีบแน่นจนมิเวลรู้สึกเจ็บ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงจ้องเอเวนเขม็ง ประสานสายตากับนัยน์ตาสีอำพันที่จ้องเธอกลับอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน
“เจ้าจะปล่อยให้พวกเขาตายงั้นเหรอ” เสียงเรียบเอ่ยถาม พยายามข่มอารมณ์โกรธไม่ไห้ปะทุมากไปกว่านี้
“ข้าไม่ให้เจ้าออกไปเด็ดขาด” เอเวนยังคงยืนยันเช่นเดิม มือที่กำแขนของมิเวลแน่นเริ่มคลายแรงบีบออก “ข้าจะออกไปเอง”
คนกำลังจะย้อนต้องชะงักไปด้วยความงุนงง เอเวนจะออกไปสู้กับตุ๊กตาพวกนั้นคนเดียวเนี่ยนะ ที่แท้ก็วางมาดนี่เอง พวกเก๊กทำเป็นเท่แบบนี้เนี่ยแหละมักตายเร็ว เธอยอมรับเรื่องพลังเวทของเขาแต่ถ้าเรื่องดาบเธอคิดว่าเขาคงไม่ไหว เพราะฉะนั้นเธอต้องออกไปช่วย
แต่พอเด็กสาวขยับตัวเข้าไปใกล้ประตู สายตาดุจากเอเวนก็ตวัดมามองเธอเขม็ง ร่างเล็กจึงขมวดคิ้วอย่างขัดใจ ก่อนจะหันขวับไปยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่คนท่ามากเมื่อนึกอะไรขึ้นได้
“ข้าว่าเจ้าลืมอะไรไปอย่างหนึ่ง”
“อะไร”
“เลือดของเจ้าใช้ฆ่าพวกตุ๊กตาไม่ได้” น้ำเสียงมั่นใจเอ่ยบอก เธอตั้งใจจะใช้ข้ออ้างนี้ออกไปสู้กับพวกตุ๊กตาปีศาจ ให้เอเวนออกไปเล่นสนุก (?) คนเดียวได้ยังไงกัน
“ใคร...” เหมือนเอเวนจะพูดอะไรสักอย่างในตอนแรก แต่เขาก็เปลี่ยนเป็นพูดอย่างอื่นแทน “เรื่องนั้นไม่มีอะไรต้องไปสนใจ”
คนมีความหวังทำหน้างอ ถ้าอย่างนั้นก็เหลือทางเดียว...
เอเวนถอนเวทเขตอาคมบริเวณประตูออกหลังจากมั่นใจว่ารอบๆ ไม่มีตุ๊กตาปีศาจอยู่ เขาเปิดประตูพร้อมกับก้าวขาออกไป แต่พอจะร่ายเวทเขตอาคมปิด ชั่วพริบตาเดียวนั้นเองร่างของเขาก็ถูกกระแทกอย่างแรงจนตกบันไดลงไปกลิ้งลงมาอยู่บนพื้น เอเวนรีบลุกขึ้นยืนหันไปมองคนข้างหลังด้วยสายตาโกรธๆ คนหนึ่งมองคนข้างตัวอย่างแปลกใจเพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกระโดดตามลงมาด้วย ส่วนอีกคนนั่งยิ้มแป้น แววตาไร้เดียงสาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เด็กหนุ่มถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย จะไล่ให้มิเวลกลับขึ้นไปบนเคอาร์ไม่ก็คงทำไม่ได้แล้ว ดังนั้นเขาจึงร่ายเวทเขตอาคมปิดโดยไม่พูดอะไร แล้วหันไปถามอีกคนแทน
“เจ้าลงมาด้วยทำไมกัน”
คนถูกถามยิ้มกว้างหันไปมองมิเวลซึ่งกำลังลุกขึ้นยืน ก่อนจะหันมามองเขาพร้อมกับตอบคำถามเสียงสดใส
“พวกเจ้าจะไปซื้อตุ๊กตาข้าก็เลยอยากไปด้วย”
หา? ซื้อตุ๊กตา? อีกสองคนคิดในใจพร้อมกัน
“พวกข้าไม่ได้จะไปซื้อตุ๊กตากันนะ” มิเวลแก้ความเข้าใจผิดให้กับคนที่ยังคงนั่งแผละอยู่กับพื้น เธอเริ่มรู้สึกอยากจะเปิดสมองของวอลออกมาดูว่าข้างในมีอะไรอยู่กันแน่
“อ้าว ก็ได้ยินพวกเจ้าเถียงกันเรื่องตุ๊กตา ถ้าไม่ได้ไปซื้อตุ๊กตา แล้วพวกเจ้าจะไปไหนกันล่ะ” เด็กสาวกำลังจะอ้าปากอธิบาย แต่สายตาก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างพุ่งตรงเข้ามาด้วยความเร็วสูงจึงรีบชักดาบออกจากฝักแล้วตวัดผ่าอากาศสุดแรง พลังดาบปะทะเข้ากับก้อนพลังสีดำเข้าอย่างจัง แต่พลังของมิเวลรุนแรงกว่าจึงทำให้ก้อนพลังสีดำของศัตรูถูกทำลาย
“นั่นไงตุ๊กตา เจ้าอยากได้สักตัวมั้ยล่ะ” เด็กสาวบอก สายตามองตรงไปยังสามร่างตรงหน้าซึ่งค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ร่างหนึ่งเป็นหญิงสาว ที่เหลืออีกสองร่างเป็นชายหนุ่ม วอลหันไปมองตามสายตามิเวล แล้วเขาก็ต้องอ้าปากค้าง
ตุ๊กตาปีศาจทั้งสามกระโดดขึ้นสูงไปบนอากาศพร้อมกับปล่อยพลังรุนแรงออกจากมือใบมีดของตนเองพร้อมกัน พลังสีดำพุ่งตรงลงมายังพื้นดินเบื้องล่าง เอเวนรีบร่ายเวทม่านพลังสร้างเขตป้องกันขึ้นรับพลังของศัตรูแล้วกระโดดออกจากม่านพลังเมื่อพลังสีดำสลายไป สายตาเหลือบมองสองคนด้านหลังก่อนจะตวัดกลับไปมองศัตรูทั้งสาม ในใจคิดหาวิธีลากพวกมันออกไปจากตรงนี้
มิเวลกระโดดออกจากม่านพลังของเอเวนพร้อมกับใช้ดาบเรียกเปลวเพลิงโจมตีใส่ตุ๊กตาตัวหนึ่ง แต่ศัตรูกลับหลบได้อย่างสบาย มันใช้พลังเปลี่ยนอากาศรอบด้านเป็นก้อนเมือกสีดำแล้วปล่อยพลังใส่เด็กสาวไม่ยั้ง ร่างเล็กวิ่งหลบอย่างคล่องแคล่ว ออกห่างจากเพื่อนอีกสองคนไปเรื่อยๆ แต่เจ้าก้อนเมือกประหลาดก็ยังคงเคลื่อนตามมาติดๆ
ชิ! เด็กสาวสบถในใจเมื่อเห็นพลังสีดำนั่นโดนพื้นแล้วทำให้พื้นละลายกลายเป็นเมือกเหลว วิ่งหนีต่อไปแบบนี้ไม่ดีแน่ ดังนั้นเธอจึงรีบใช้ดาบหุ้มด้วยเปลวเพลิงหันไปปล่อยลูกไฟใส่ก้อนเมือกบนฟ้า เกิดเสียงระเบิดดังต่อเนื่องทำลายก้อนเมือกทั้งหมดทิ้งไป
ตูม!
ดาบยาวถูกตวัดเพียงครั้งเดียว คลื่นไฟฟ้าจำนวนมากเคลื่อนผ่านพื้นดินไปรวมกันอยู่จุดหนึ่งแล้วพุ่งกระจายขึ้นฟ้า ตุ๊กตาปีศาจขยับหลบพลังโจมตีได้อย่างไม่ยากเย็นเท่าไหร่ ก่อนจะปล่อยพลังออกจากใบมีดทั้งสองข้างโจมตีกลับไป เอเวนร่ายเวทม่านพลังป้องกัน พลังสีดำถูกทำลายลงทันที
แม้ว่าใบหน้าจะดูล่องลอยไร้สติ แต่ริมฝีปากกลับยกขึ้นสูงพร้อมกับเปล่งเสียงหัวเราะดังลั่น พวกมันตัวหนึ่งเคลื่อนต่ำลงมายืนที่พื้น ใบมีดสองข้างเปลี่ยนกลับเป็นแขนธรรมดาวางทาบกับพื้นดิน ทันใดนั้นเองพื้นดินก็โป่งพองเหมือนมีอะไรอยู่ข้างใต้ ก้อนพลังใต้พื้นขยายกว้างขึ้นจนกระทั่งครอบคลุมพื้นที่กว่าสิบเมตรก่อนที่จะถูกปล่อยใส่ร่างสูงซึ่งยืนอยู่ในรัศมีการโจมตี
เอเวนรีบกระโดดสูงขึ้นไปในอากาศเพราะหนีไปทางอื่นไม่ได้นอกจากข้างบน ใบหน้านิ่งเฉยก้มมองก้อนพลังด้านล่างเคลื่อนผ่านไป แต่จู่ๆ พื้นดินก็ระเบิดออกทำให้เขาต้องรีบร่ายเวทม่านพลังเพื่อป้องกันตัวเอง
ทั้งควันและฝุ่นคลุ้งไปทั่วจนทัศนวิสัยดิ่งต่ำลง เขารู้สึกห่วงมิเวลเพราะรายนั้นห่วยแตกเรื่องเวทป้องกัน มีแต่พลังทำลายล้าง
เด็กหนุ่มเบิกตากว้างเมื่อจู่ๆ ก็มีลูกธนูพุ่งเข้าใส่ คงเป็นเพราะทัศนียภาพรอบด้านมีแต่ควันจึงทำให้มองอะไรไม่เห็น เขาขยับตัวหลบได้ทันท่วงทีแต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อยังมีลูกธนูอีกดอกหนึ่งทำให้ต้องรีบเคลื่อนตัวหลบอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่เร็วพอจึงโดนลูกธนูปักทะลุแขนขวา
มิเวลใช้เวทหายตัวให้มาปรากฏตัวอยู่หน้าม่านพลังป้องกันของเอเวน เห็นวอลอยู่ด้านใน แต่เธอเดินผ่านม่านพลังเข้าไปไม่ได้ จะให้วอลออกมาก็อันตราย
เด็กสาวหันรีหันขวางมองหาศัตรู ตั้งใจจะกำจัดทิ้งให้หมดโดยเร็ว แต่กลับมองได้ลำบากเพราะรอบๆ มีแต่ควันและฝุ่นเต็มไปหมด เธอเพ่งสายตามองเข้าไปในกลุ่มควัน พอจะเห็นเอเวนลางๆ เพราะเขาอยู่ไม่ไกลมากนัก แต่พอหันกลับไปมองวอลเธอก็แทบอยากจะเข้าไปชกเขาสักหมัด
“ออกมาทำไมกันเนี่ย!”
วอลทำหน้างงๆ หันไปมองม่านพลังแล้วหันกลับมามองเธอ
“ข้าเห็นเจ้ายืนอยู่ตรงนี้ก็เลย...”
“ม่านพลังป้องกันออกได้แต่กลับเข้าไปไม่ได้แล้ว มนุษย์ธรรมดาอย่างเจ้าออกมาเดินเพ่นพ่านข้างนอกนี่เป็นการหาเรื่องฆ่าตัวตายชัดๆ” มิเวลเริ่มรู้สึกอยากฆ่าคนตรงหน้า วอลยิ้มแป้นพร้อมกับหัวเราะแหะๆ อย่างกับว่ามันไม่เกี่ยวกับเขา
เด็กสาวถอนหายใจ ล้วงหยิบปืนสีเงินสองกระบอกที่เธอได้มาจากยูราออกมาแล้วยื่นส่งให้กับเจ้าคนไม่กลัวตาย
“ไม่มีลูกกระสุน แต่เอาไปป้องกันตัวก็แล้วกัน” ฟังดูไร้ประโยชน์สำหรับผู้เอาไปใช้เหลือเกิน ในเมื่อไม่มีลูกกระสุนแล้วจะใช้ได้ยังไง แต่เธอก็ให้เขาไปเผื่อว่าเจ้าบ้าจะเอาไปฟาดตุ๊กตาแล้วหาจังหวะหนีเอา ความรู้สึกบางอย่างบอกว่าวอลอาจจะหาวิธีใช้ประโยชน์จากเจ้าปืนสองกระบอกนี้ก็ได้
ไม่เหลือเวลาให้ยืนคุยอะไรอีก ตุ๊กตาหนึ่งในสามเปลี่ยนมือสองข้างของตัวเองให้กลายเป็นขวานก่อนที่มันจะกระโดดพรวดลงมาจากด้านบน มือขวานของมันเงื้อขึ้นสูงแล้วตวัดใส่ร่างบอบบางทันที
ปัง!
เสียงปืนดังขึ้น พร้อมกับที่ร่างของตุ๊กตาปีศาจได้กระเด็นถอยห่างออกไป มิเวลมองวอลสลับกับปืนในมือเขาอย่างไม่อยากเชื่อว่าเด็กหนุ่มจะใช้ปืนไม่มีกระสุนยิงได้
“เจ้าทำได้ยังไง...”
คนถูกถามมีสีหน้างุนงงไม่แพ้กัน วอลก้มมองปืนในมืออย่างไม่เข้าใจ เมื่อกี้เขาหลับตายิงมันเพราะความตกใจ แต่ไม่คิดว่าจะมีกระสุนถูกยิงออกไปจริงๆ
มิเวลรีบหันกลับไปมองตุ๊กตาปีศาจ เห็นมันยังคงนอนนิ่งอยู่กับพื้น หมายความว่ายังไงกัน วอลยิงปืนใส่แค่ทีเดียวก็สามารถล้มตุ๊กตาปีศาจได้เชียวเหรอ
‘...กระสุนพลังจิต... เมื่อกี้วอลยิงกระสุนพลังจิตออกไป ตอนนี้ท่านสามารถควบคุมมันได้...’ เสียงของควินัวบอกกับเด็กหนุ่มในใจ ตอนนี้มันอยู่ในเคอาร์ แม้ว่าจะอยากออกมาหาเจ้านายมากแค่ไหนก็ทำไม่ได้เพราะถูกสั่งห้ามเอาไว้
วอลอ้าปากค้าง หมายความว่าเมื่อกี้เขาเผลอใช้พลังจิตไปอย่างนั้นเหรอ
“ควินัวบอกว่า...เมื่อกี้ข้ายิงกระสุนพลังจิตออกไป เลยบังคับมันได้”
กระสุนพลังจิต!
มิเวลตะโกนในใจอย่างเหลือเชื่อ แต่ร่างที่ยังคงแน่นิ่งของปีศาจตุ๊กตาตรงหน้านั้นก็เป็นสิ่งยืนยันได้ว่าใช่แน่นอน
“ถ้างั้น...เจ้าบังคับมันได้มั้ย”
วอลหันไปมองตุ๊กตา รู้สึกแปลกใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมมันถึงมีรูปร่างเหมือนคนทุกประการ ยกเว้นแขนสองข้างที่สามารถเปลี่ยนเป็นอาวุธต่างๆ ได้ เขาสงสัยตั้งแต่ตอนที่เจอเฟลนเวย์แล้วแต่ลืมถามออกไป เจ้าพวกนี้คือตุ๊กตางั้นหรือ หมายความว่ายังไงกัน ทำไมถึงเรียกว่าตุ๊กตาล่ะ
“ข้าจะลองดู” เด็กหนุ่มตอบ แล้วเพ่งสมาธิไปยังร่างตรงหน้า
ร่างนอนนิ่งบนพื้นค่อยๆ ขยับลุกขึ้นยืนเมื่อวอลออกคำสั่งในใจให้มันยืนขึ้น เขามองผ่านควันไปยังร่างหนึ่งซึ่งเห็นว่าอยู่ห่างจากมันไปหน่อย แล้วออกคำสั่งกับตุ๊กตาปีศาจว่าให้ไปจัดการพวกมันอีกสองตัว
ผู้ถูกบงการทำตามคำสั่งอย่างเชื่อฟัง มันกระโดดพุ่งตัวตรงไปยังพวกของมันที่อยู่ด้านโน้น วอลทำตาโตอย่างตื่นเต้น หันไปมองมิเวลพร้อมกับใช้มือชี้ไปยังตุ๊กตาปีศาจเมื่อครู่
“ว้าว! ข้ารู้แล้ว ตุ๊กตาพวกนี้เป็นตุ๊กตาของเล่นบังคับได้ใช่มั้ยล่ะ”
เด็กสาวยกมือกุมขมับ
ป่านนี้เจ้าบ้านี่ยังคิดว่าเป็นตุ๊กตาของเล่นอยู่เหรอเนี่ย
+++++++++++++++++++++++++++
โปรดติดตามตอนต่อไป!
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะฮับบบบ
กระสุนพลังจิต
เสียงรองเท้ากระทบพื้นดังก้องไปทั่วทางเดินยาวสีขาวซึ่งไม่มีทั้งเพดานหรือผนัง เบื้องหน้าคือประตูสีขาวบริสุทธิ์ขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ไม่ไกล ร่างสูงก้าวเดินตรงไปยังประตูนั้นด้วยท่วงท่าสง่างาม ก่อนจะหยุดยืนอยู่หน้าประตูแล้ววางฝ่ามือทาบลงบนเครื่องตรวจเลือดเพื่อยืนยันว่าเขาเป็นใคร เข็มขนาดเล็กจิ้มเข้าไปในอุ้งมือแล้วค้างอยู่สักพักเพื่อรอให้เครื่องตรวจสอบ เมื่อระบุชื่อได้แน่ชัดแล้ว เข็มจึงทำลายตนเองแล้วหลอมละลายกลายเป็นของเหลวสีเงิน ไหลหายลงไปในท่อเล็กๆ ตรงมุมขวาบน
ประตูสีขาวมีเสียงกริ๊กเบาๆ ก่อนที่จะเลื่อนเปิดออกช้าๆ ร่างสูงก้าวเดินเข้าไปด้านใน
ห้องที่เขาเข้ามาเป็นประชุมขนาดใหญ่ซึ่งไม่มีทั้งเพดานและผนัง รอบตัวทุกองศากว้างใหญ่เสียจนมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด เขาเดินตรงเข้าไปยังเก้าอี้แถวหน้าสุดอันเป็นที่นั่งประจำของตัวเอง เก้าอี้จำนวนมากแบ่งออกเป็นสองฝั่งล้อมแท่นยืนตรงกลางเอาไว้เป็นวงกลม ทั้งสองฝั่งมีคนนั่งอยู่จนเกือบเต็มทุกที่ แต่ถึงอย่างนั้นห้องทั้งห้องก็ยังเงียบสงบไม่มีใครพูดอะไรกัน
จนกระทั่งประตูสีขาวได้เปิดออกอีกครั้งพร้อมกับมีร่างของชายคนหนึ่งเดินเข้ามา ใบหน้าเคร่งขรึมดูแล้วน่าจะอายุราวๆ สามสิบต้นๆ เขาเดินเข้าไปยืนอยู่บนแท่นยืนตรงกลางแล้วกวาดสายตามองไปรอบๆ
“เริ่มประชุมได้” เสียงทรงพลังประกาศก้อง
“รายงานจากเมืองฟรองเรย์รายงานว่ามีตุ๊กตาปีศาจจำนวนสิบสองตัวกำลังอาละวาดอยู่” เสียงหนึ่งกล่าวขึ้น ทุกความสนใจจึงเพ่งไปยังข่าวแรกของการประชุม ใบหน้าของผู้เข้าร่วมประชุมฉายความกังวลกันถ้วนหน้าพร้อมกับหันไปซุบซิบพูดคุยกันเอง
“เงียบเสียง!” คำสั่งจากผู้เป็นหัวหน้าสูงสุด เสียงพูดคุยเงียบลงทันที ใบหน้าตึงเครียดหันไปมองผู้แจ้งข่าวเมื่อครู่ “แล้วบริเวณใกล้เคียงกับความเสียหายล่ะ”
“ยังไม่มีรายงานว่าเมืองเอนบูรองกับเมืองโครเซียร์ถูกโจมตี ส่วนความเสียหายยังคงประเมินแน่ชัดไม่ได้ครับ แต่ฟรองเรย์เร่งขอกำลังเสริมโดยเร็วที่สุด”
ดูวัลหรือหัวหน้าสูงสุดยกมือขึ้นกุมขมับ ความเสียหายจากตุ๊กตาปีศาจสิบสองตัวนั้นไม่ใช่น้อยๆ และฟรองเรย์คงราบเป็นหน้ากองในอีกไม่นานนี้
“ท่านดูวัล มีรายงานจากแคว้นยูราว่ามีผู้ใช้เวทบุกรุกทำลายวังนอกของแคว้น ข้าคิดว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นตุ๊กตาปีศาจ” เสียงตะโกนบอกดังมาจากอีกด้านหนึ่ง หลายคนหันไปซุบซิบกันอีกครั้ง นับวันสถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงเรื่อยๆ ฟรองเรย์เป็นเมืองด้านตะวันตก ส่วนยูราอยู่ทางตะวันออก เห็นได้ชัดว่าพื้นที่เริ่มขยายวงกว้างมากขึ้น แถมจำนวนของตุ๊กตายังเพิ่มมากขึ้นจนควบคุมไม่ได้ และยังมีอีกหลายๆ เมืองที่อาจจะไม่ได้รายงานเรื่องการโจมตีเข้ามาอีกด้วย
ดูวัลถอนหายใจหนัก ตำแหน่งหัวหน้าสูงสุดรัฐบาลทำให้เขาต้องมีเรื่องปวดหัวมากมายในแต่ละวัน แถมยังครอบคลุมพื้นที่ทั่วทั้งทวีปเซ็นทรัมได้แก่ทิศตะวันออก ตะวันตก ใต้ และนครรัฐเซ็นทรัมอันเป็นจุดศูนย์กลางของทวีป มีเพียงทิศเหนือเท่านั้นที่เป็นเขตปกครองตนเอง ยิ่งมีเมืองให้ต้องดูแลเยอะก็ยิ่งน่าปวดหัว แต่เรื่องไหนก็ยังไม่ร้ายแรงเท่าเรื่องตุ๊กตาปีศาจ เมืองด้านตะวันตกเริ่มสงสัยแล้วว่าตุ๊กตาพวกนั้นคืออะไรกันแน่ แม้จะเข้าใจกันไปเองว่าคือผู้ใช้เวทกลายพันธุ์ก็ตาม
“ส่งกำลังไปยังฟรองเรย์และยูราพร้อมด้วยกระสุนปืนชนิดใหม่ที่เพิ่งคิดค้นได้ด้วย” เสียงเครียดออกคำสั่ง กระสุนปืนชนิดใหม่คือกระสุนที่อัดพลังเวทเข้าไปจึงทำให้มีพลังทำลายล้างสูง แต่เรื่องนี้เขาจำเป็นต้องปิดพวกมนุษย์ธรรมดาเอาไว้เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องวุนวายตามมา
“ท่านครับ มีรายงานด่วนเข้ามาว่ามีตุ๊กตาอีกสามตัวกำลังโจมตีเมืองเธอเบด้วย!” ข่าวใหม่สร้างความตกใจให้กับทุกคน เธอเบอยู่ด้านตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งอยู่ไม่ไกลไปจากที่ประชุมแห่งนี้มากนัก
“รีบส่งกำลังไปเพิ่มโดยด่วน!” เสียงตื่นตระหนกออกคำสั่ง แม้ห้องประชุมจะถูกป้องกันแน่นหนา แต่เขาก็ยังไม่แน่ใจว่าจะสามารถรับพลังโจมตีจากตุ๊กตาปีศาจได้รึเปล่า ถ้าสถานการณ์ย่ำแย่ไปกว่านี้เอาจจะต้องขอความช่วยเหลือจากผู้ใช้เวทก็เป็นได้
นัยน์ตาสีมรกตกวาดมองไปทั่วห้อง พวกรัฐบาลทั้งหมดรวมถึงเขาด้วยล้วนเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาจึงมีความเย่อหยิ่งในตัวสูง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นคงไม่ยอมขอความช่วยเหลือจากผู้ใช้เวท และผู้ใช้เวทเองก็คงไม่ยื่นมือให้ความช่วยเหลือ ยิ่งเป็นช่วงหลังจากที่รัฐบาลเพิ่งประกาศสงครามระหว่างมนุษย์ธรรมดากับผู้ใช้เวทแบบนี้ด้วยแล้ว
+++++++++++++++++++++++++++++++++++
“มีบางตัวกำลังมุ่งหน้าไปในเมืองงั้นเหรอ” มิเวลถามซ้ำด้วยความตกใจ พวกมันต้องไปไล่ฆ่าผู้คนแน่ๆ “ต้องรีบไปช่วย...”
ร่างเล็กวิ่งตรงไปยังประตูทางออก แต่ยังไม่ทันจะเปิดประตูก็ถูกมือหนึ่งคว้าแขนเธอเอาไว้ สายตางุนงงตวัดไปมองเจ้าของมืออย่างไม่เข้าใจ เอเวนจะมาห้ามเธอทำไมกัน
“พวกมันเป็นมนุษย์ธรรมดา ไม่มีค่าให้เจ้าต้องไปเสี่ยงชีวิต” เสียงเย็นชาพูด มิเวลชักสีหน้าอย่างไม่พอใจทันทีพร้อมกับสวนอีกฝ่ายกลับ
“ข้าเคยบอกแล้วว่าไม่สนเรื่องนั้น แล้วอีกอย่าง ข้างนอกนั่นยังมีผู้ใช้เวทคนอื่นๆ อยู่ หรือเจ้าจะบอกว่าผู้ใช้เวทพวกนั้นก็ไม่มีค่าด้วยล่ะ”
“ข้ากำลังบอกว่าข้างนอกมันอันตราย”
“ถอนเขตอาคมออกซะเอเวน ข้าจะไปช่วยคนอื่นๆ”
“ไม่”
“เปิดทางให้ข้าเดี๋ยวนี้!”
“ข้าบอกว่าไม่!” เสียงตะคอกดังลั่น มือที่กำแขนของอีกฝ่ายไว้ออกแรงบีบแน่นจนมิเวลรู้สึกเจ็บ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงจ้องเอเวนเขม็ง ประสานสายตากับนัยน์ตาสีอำพันที่จ้องเธอกลับอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน
“เจ้าจะปล่อยให้พวกเขาตายงั้นเหรอ” เสียงเรียบเอ่ยถาม พยายามข่มอารมณ์โกรธไม่ไห้ปะทุมากไปกว่านี้
“ข้าไม่ให้เจ้าออกไปเด็ดขาด” เอเวนยังคงยืนยันเช่นเดิม มือที่กำแขนของมิเวลแน่นเริ่มคลายแรงบีบออก “ข้าจะออกไปเอง”
คนกำลังจะย้อนต้องชะงักไปด้วยความงุนงง เอเวนจะออกไปสู้กับตุ๊กตาพวกนั้นคนเดียวเนี่ยนะ ที่แท้ก็วางมาดนี่เอง พวกเก๊กทำเป็นเท่แบบนี้เนี่ยแหละมักตายเร็ว เธอยอมรับเรื่องพลังเวทของเขาแต่ถ้าเรื่องดาบเธอคิดว่าเขาคงไม่ไหว เพราะฉะนั้นเธอต้องออกไปช่วย
แต่พอเด็กสาวขยับตัวเข้าไปใกล้ประตู สายตาดุจากเอเวนก็ตวัดมามองเธอเขม็ง ร่างเล็กจึงขมวดคิ้วอย่างขัดใจ ก่อนจะหันขวับไปยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่คนท่ามากเมื่อนึกอะไรขึ้นได้
“ข้าว่าเจ้าลืมอะไรไปอย่างหนึ่ง”
“อะไร”
“เลือดของเจ้าใช้ฆ่าพวกตุ๊กตาไม่ได้” น้ำเสียงมั่นใจเอ่ยบอก เธอตั้งใจจะใช้ข้ออ้างนี้ออกไปสู้กับพวกตุ๊กตาปีศาจ ให้เอเวนออกไปเล่นสนุก (?) คนเดียวได้ยังไงกัน
“ใคร...” เหมือนเอเวนจะพูดอะไรสักอย่างในตอนแรก แต่เขาก็เปลี่ยนเป็นพูดอย่างอื่นแทน “เรื่องนั้นไม่มีอะไรต้องไปสนใจ”
คนมีความหวังทำหน้างอ ถ้าอย่างนั้นก็เหลือทางเดียว...
เอเวนถอนเวทเขตอาคมบริเวณประตูออกหลังจากมั่นใจว่ารอบๆ ไม่มีตุ๊กตาปีศาจอยู่ เขาเปิดประตูพร้อมกับก้าวขาออกไป แต่พอจะร่ายเวทเขตอาคมปิด ชั่วพริบตาเดียวนั้นเองร่างของเขาก็ถูกกระแทกอย่างแรงจนตกบันไดลงไปกลิ้งลงมาอยู่บนพื้น เอเวนรีบลุกขึ้นยืนหันไปมองคนข้างหลังด้วยสายตาโกรธๆ คนหนึ่งมองคนข้างตัวอย่างแปลกใจเพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกระโดดตามลงมาด้วย ส่วนอีกคนนั่งยิ้มแป้น แววตาไร้เดียงสาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เด็กหนุ่มถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย จะไล่ให้มิเวลกลับขึ้นไปบนเคอาร์ไม่ก็คงทำไม่ได้แล้ว ดังนั้นเขาจึงร่ายเวทเขตอาคมปิดโดยไม่พูดอะไร แล้วหันไปถามอีกคนแทน
“เจ้าลงมาด้วยทำไมกัน”
คนถูกถามยิ้มกว้างหันไปมองมิเวลซึ่งกำลังลุกขึ้นยืน ก่อนจะหันมามองเขาพร้อมกับตอบคำถามเสียงสดใส
“พวกเจ้าจะไปซื้อตุ๊กตาข้าก็เลยอยากไปด้วย”
หา? ซื้อตุ๊กตา? อีกสองคนคิดในใจพร้อมกัน
“พวกข้าไม่ได้จะไปซื้อตุ๊กตากันนะ” มิเวลแก้ความเข้าใจผิดให้กับคนที่ยังคงนั่งแผละอยู่กับพื้น เธอเริ่มรู้สึกอยากจะเปิดสมองของวอลออกมาดูว่าข้างในมีอะไรอยู่กันแน่
“อ้าว ก็ได้ยินพวกเจ้าเถียงกันเรื่องตุ๊กตา ถ้าไม่ได้ไปซื้อตุ๊กตา แล้วพวกเจ้าจะไปไหนกันล่ะ” เด็กสาวกำลังจะอ้าปากอธิบาย แต่สายตาก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างพุ่งตรงเข้ามาด้วยความเร็วสูงจึงรีบชักดาบออกจากฝักแล้วตวัดผ่าอากาศสุดแรง พลังดาบปะทะเข้ากับก้อนพลังสีดำเข้าอย่างจัง แต่พลังของมิเวลรุนแรงกว่าจึงทำให้ก้อนพลังสีดำของศัตรูถูกทำลาย
“นั่นไงตุ๊กตา เจ้าอยากได้สักตัวมั้ยล่ะ” เด็กสาวบอก สายตามองตรงไปยังสามร่างตรงหน้าซึ่งค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ร่างหนึ่งเป็นหญิงสาว ที่เหลืออีกสองร่างเป็นชายหนุ่ม วอลหันไปมองตามสายตามิเวล แล้วเขาก็ต้องอ้าปากค้าง
ตุ๊กตาปีศาจทั้งสามกระโดดขึ้นสูงไปบนอากาศพร้อมกับปล่อยพลังรุนแรงออกจากมือใบมีดของตนเองพร้อมกัน พลังสีดำพุ่งตรงลงมายังพื้นดินเบื้องล่าง เอเวนรีบร่ายเวทม่านพลังสร้างเขตป้องกันขึ้นรับพลังของศัตรูแล้วกระโดดออกจากม่านพลังเมื่อพลังสีดำสลายไป สายตาเหลือบมองสองคนด้านหลังก่อนจะตวัดกลับไปมองศัตรูทั้งสาม ในใจคิดหาวิธีลากพวกมันออกไปจากตรงนี้
มิเวลกระโดดออกจากม่านพลังของเอเวนพร้อมกับใช้ดาบเรียกเปลวเพลิงโจมตีใส่ตุ๊กตาตัวหนึ่ง แต่ศัตรูกลับหลบได้อย่างสบาย มันใช้พลังเปลี่ยนอากาศรอบด้านเป็นก้อนเมือกสีดำแล้วปล่อยพลังใส่เด็กสาวไม่ยั้ง ร่างเล็กวิ่งหลบอย่างคล่องแคล่ว ออกห่างจากเพื่อนอีกสองคนไปเรื่อยๆ แต่เจ้าก้อนเมือกประหลาดก็ยังคงเคลื่อนตามมาติดๆ
ชิ! เด็กสาวสบถในใจเมื่อเห็นพลังสีดำนั่นโดนพื้นแล้วทำให้พื้นละลายกลายเป็นเมือกเหลว วิ่งหนีต่อไปแบบนี้ไม่ดีแน่ ดังนั้นเธอจึงรีบใช้ดาบหุ้มด้วยเปลวเพลิงหันไปปล่อยลูกไฟใส่ก้อนเมือกบนฟ้า เกิดเสียงระเบิดดังต่อเนื่องทำลายก้อนเมือกทั้งหมดทิ้งไป
ตูม!
ดาบยาวถูกตวัดเพียงครั้งเดียว คลื่นไฟฟ้าจำนวนมากเคลื่อนผ่านพื้นดินไปรวมกันอยู่จุดหนึ่งแล้วพุ่งกระจายขึ้นฟ้า ตุ๊กตาปีศาจขยับหลบพลังโจมตีได้อย่างไม่ยากเย็นเท่าไหร่ ก่อนจะปล่อยพลังออกจากใบมีดทั้งสองข้างโจมตีกลับไป เอเวนร่ายเวทม่านพลังป้องกัน พลังสีดำถูกทำลายลงทันที
แม้ว่าใบหน้าจะดูล่องลอยไร้สติ แต่ริมฝีปากกลับยกขึ้นสูงพร้อมกับเปล่งเสียงหัวเราะดังลั่น พวกมันตัวหนึ่งเคลื่อนต่ำลงมายืนที่พื้น ใบมีดสองข้างเปลี่ยนกลับเป็นแขนธรรมดาวางทาบกับพื้นดิน ทันใดนั้นเองพื้นดินก็โป่งพองเหมือนมีอะไรอยู่ข้างใต้ ก้อนพลังใต้พื้นขยายกว้างขึ้นจนกระทั่งครอบคลุมพื้นที่กว่าสิบเมตรก่อนที่จะถูกปล่อยใส่ร่างสูงซึ่งยืนอยู่ในรัศมีการโจมตี
เอเวนรีบกระโดดสูงขึ้นไปในอากาศเพราะหนีไปทางอื่นไม่ได้นอกจากข้างบน ใบหน้านิ่งเฉยก้มมองก้อนพลังด้านล่างเคลื่อนผ่านไป แต่จู่ๆ พื้นดินก็ระเบิดออกทำให้เขาต้องรีบร่ายเวทม่านพลังเพื่อป้องกันตัวเอง
ทั้งควันและฝุ่นคลุ้งไปทั่วจนทัศนวิสัยดิ่งต่ำลง เขารู้สึกห่วงมิเวลเพราะรายนั้นห่วยแตกเรื่องเวทป้องกัน มีแต่พลังทำลายล้าง
เด็กหนุ่มเบิกตากว้างเมื่อจู่ๆ ก็มีลูกธนูพุ่งเข้าใส่ คงเป็นเพราะทัศนียภาพรอบด้านมีแต่ควันจึงทำให้มองอะไรไม่เห็น เขาขยับตัวหลบได้ทันท่วงทีแต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อยังมีลูกธนูอีกดอกหนึ่งทำให้ต้องรีบเคลื่อนตัวหลบอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่เร็วพอจึงโดนลูกธนูปักทะลุแขนขวา
มิเวลใช้เวทหายตัวให้มาปรากฏตัวอยู่หน้าม่านพลังป้องกันของเอเวน เห็นวอลอยู่ด้านใน แต่เธอเดินผ่านม่านพลังเข้าไปไม่ได้ จะให้วอลออกมาก็อันตราย
เด็กสาวหันรีหันขวางมองหาศัตรู ตั้งใจจะกำจัดทิ้งให้หมดโดยเร็ว แต่กลับมองได้ลำบากเพราะรอบๆ มีแต่ควันและฝุ่นเต็มไปหมด เธอเพ่งสายตามองเข้าไปในกลุ่มควัน พอจะเห็นเอเวนลางๆ เพราะเขาอยู่ไม่ไกลมากนัก แต่พอหันกลับไปมองวอลเธอก็แทบอยากจะเข้าไปชกเขาสักหมัด
“ออกมาทำไมกันเนี่ย!”
วอลทำหน้างงๆ หันไปมองม่านพลังแล้วหันกลับมามองเธอ
“ข้าเห็นเจ้ายืนอยู่ตรงนี้ก็เลย...”
“ม่านพลังป้องกันออกได้แต่กลับเข้าไปไม่ได้แล้ว มนุษย์ธรรมดาอย่างเจ้าออกมาเดินเพ่นพ่านข้างนอกนี่เป็นการหาเรื่องฆ่าตัวตายชัดๆ” มิเวลเริ่มรู้สึกอยากฆ่าคนตรงหน้า วอลยิ้มแป้นพร้อมกับหัวเราะแหะๆ อย่างกับว่ามันไม่เกี่ยวกับเขา
เด็กสาวถอนหายใจ ล้วงหยิบปืนสีเงินสองกระบอกที่เธอได้มาจากยูราออกมาแล้วยื่นส่งให้กับเจ้าคนไม่กลัวตาย
“ไม่มีลูกกระสุน แต่เอาไปป้องกันตัวก็แล้วกัน” ฟังดูไร้ประโยชน์สำหรับผู้เอาไปใช้เหลือเกิน ในเมื่อไม่มีลูกกระสุนแล้วจะใช้ได้ยังไง แต่เธอก็ให้เขาไปเผื่อว่าเจ้าบ้าจะเอาไปฟาดตุ๊กตาแล้วหาจังหวะหนีเอา ความรู้สึกบางอย่างบอกว่าวอลอาจจะหาวิธีใช้ประโยชน์จากเจ้าปืนสองกระบอกนี้ก็ได้
ไม่เหลือเวลาให้ยืนคุยอะไรอีก ตุ๊กตาหนึ่งในสามเปลี่ยนมือสองข้างของตัวเองให้กลายเป็นขวานก่อนที่มันจะกระโดดพรวดลงมาจากด้านบน มือขวานของมันเงื้อขึ้นสูงแล้วตวัดใส่ร่างบอบบางทันที
ปัง!
เสียงปืนดังขึ้น พร้อมกับที่ร่างของตุ๊กตาปีศาจได้กระเด็นถอยห่างออกไป มิเวลมองวอลสลับกับปืนในมือเขาอย่างไม่อยากเชื่อว่าเด็กหนุ่มจะใช้ปืนไม่มีกระสุนยิงได้
“เจ้าทำได้ยังไง...”
คนถูกถามมีสีหน้างุนงงไม่แพ้กัน วอลก้มมองปืนในมืออย่างไม่เข้าใจ เมื่อกี้เขาหลับตายิงมันเพราะความตกใจ แต่ไม่คิดว่าจะมีกระสุนถูกยิงออกไปจริงๆ
มิเวลรีบหันกลับไปมองตุ๊กตาปีศาจ เห็นมันยังคงนอนนิ่งอยู่กับพื้น หมายความว่ายังไงกัน วอลยิงปืนใส่แค่ทีเดียวก็สามารถล้มตุ๊กตาปีศาจได้เชียวเหรอ
‘...กระสุนพลังจิต... เมื่อกี้วอลยิงกระสุนพลังจิตออกไป ตอนนี้ท่านสามารถควบคุมมันได้...’ เสียงของควินัวบอกกับเด็กหนุ่มในใจ ตอนนี้มันอยู่ในเคอาร์ แม้ว่าจะอยากออกมาหาเจ้านายมากแค่ไหนก็ทำไม่ได้เพราะถูกสั่งห้ามเอาไว้
วอลอ้าปากค้าง หมายความว่าเมื่อกี้เขาเผลอใช้พลังจิตไปอย่างนั้นเหรอ
“ควินัวบอกว่า...เมื่อกี้ข้ายิงกระสุนพลังจิตออกไป เลยบังคับมันได้”
กระสุนพลังจิต!
มิเวลตะโกนในใจอย่างเหลือเชื่อ แต่ร่างที่ยังคงแน่นิ่งของปีศาจตุ๊กตาตรงหน้านั้นก็เป็นสิ่งยืนยันได้ว่าใช่แน่นอน
“ถ้างั้น...เจ้าบังคับมันได้มั้ย”
วอลหันไปมองตุ๊กตา รู้สึกแปลกใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมมันถึงมีรูปร่างเหมือนคนทุกประการ ยกเว้นแขนสองข้างที่สามารถเปลี่ยนเป็นอาวุธต่างๆ ได้ เขาสงสัยตั้งแต่ตอนที่เจอเฟลนเวย์แล้วแต่ลืมถามออกไป เจ้าพวกนี้คือตุ๊กตางั้นหรือ หมายความว่ายังไงกัน ทำไมถึงเรียกว่าตุ๊กตาล่ะ
“ข้าจะลองดู” เด็กหนุ่มตอบ แล้วเพ่งสมาธิไปยังร่างตรงหน้า
ร่างนอนนิ่งบนพื้นค่อยๆ ขยับลุกขึ้นยืนเมื่อวอลออกคำสั่งในใจให้มันยืนขึ้น เขามองผ่านควันไปยังร่างหนึ่งซึ่งเห็นว่าอยู่ห่างจากมันไปหน่อย แล้วออกคำสั่งกับตุ๊กตาปีศาจว่าให้ไปจัดการพวกมันอีกสองตัว
ผู้ถูกบงการทำตามคำสั่งอย่างเชื่อฟัง มันกระโดดพุ่งตัวตรงไปยังพวกของมันที่อยู่ด้านโน้น วอลทำตาโตอย่างตื่นเต้น หันไปมองมิเวลพร้อมกับใช้มือชี้ไปยังตุ๊กตาปีศาจเมื่อครู่
“ว้าว! ข้ารู้แล้ว ตุ๊กตาพวกนี้เป็นตุ๊กตาของเล่นบังคับได้ใช่มั้ยล่ะ”
เด็กสาวยกมือกุมขมับ
ป่านนี้เจ้าบ้านี่ยังคิดว่าเป็นตุ๊กตาของเล่นอยู่เหรอเนี่ย
+++++++++++++++++++++++++++
โปรดติดตามตอนต่อไป!
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะฮับบบบ
โฮป
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 มี.ค. 2560, 01:37:24 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 มี.ค. 2560, 01:37:24 น.
จำนวนการเข้าชม : 722
<< Episode 17 : || เวทความฝัน กับ เด็กชายตัวน้อย || | Episode 19 : || ภาพสะเทือนบาดหัวใจ || >> |