The D.O.L.L.S โศกนาฏกรรมปีศาจตุ๊กตามหาเวท
"นักขายความฝันผู้เลือดร้อน & นักโทษประหารผู้เริงร่า & หัวขโมยผู้เย็นชา"
ต่างถิ่น ต่างความคิด ต่างอาชีพ ต่างนิสัย ต่างจุดมุ่งหมาย ต่างเผ่าพันธุ์
กลับต้องมาอยู่ด้วยกันเพราะเหตุบางอย่าง... The D.O.L.L.S

ตุ๊กตาปีศาจมีลักษณะรูปร่างเหมือนมนุษย์ทุกประการ

ถ้าอย่างนั้น...จะรู้ได้อย่างไร?
...เป็นปีศาจ...หาใช่มนุษย์ไม่...

ระวังไว้ให้ดี...ทุกอย่างอาจเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา...

...ที่ใครบางคนสร้างขึ้นเท่านั้น...

สงครามระหว่างผู้มีพลังเวทกับมนุษย์ธรรมดา
ใครจะอยู่รอดเป็นผู้กำชัยชนะ!?


- ขอขอบคุณนักอ่านทุกท่านจากใจจริง -
แผนที่นครเซ็นทรัม http://i49.photobucket.com/albums/f290/thunchanoks/map122e1.jpg
Tags: ตุ๊กตา,ปีศาจ,คำสาป,เวทมนตร์,สงคราม,แฟนตาซี,ผู้ใช้เวท,มนุษย์,โศกนาฏกรรม,mystery

ตอน: Episode 19 : || ภาพสะเทือนบาดหัวใจ ||

EPISODE 19

ภาพสะเทือนบาดหัวใจ



ดาบยาวปักลงกับพื้นพร้อมกับร่ายเวทผ่านดาบไปยังพื้นดิน เรียกรากไม้จำนวนมากให้โผล่พรวดทะลุพื้นขึ้นมา พร้อมกับร่ายเวทตาข่ายไฟฟ้าจับร่างของศัตรูทั้งสองเอาไว้ แต่อยู่ๆ ร่างของตุ๊กตาปีศาจสองตัวก็ถูกขวานขนาดใหญ่ฟันขาดเป็นสองท่อน เอเวนมองภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างงุนงง เขาเห็นพวกมันอีกตัวหนึ่งใช้ขวานฟันพวกเดียวกัน คำถามผุดขึ้นในหัวทันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น



แต่ตุ๊กตาปีศาจสองตัวก็กลับคืนร่างเดิมได้อีกครั้ง ตุ๊กตาอีกตัวยังคงใช้ขวานโจมตีใส่พวกเดียวกันพร้อมกับปล่อยพลังมหาศาล ร่างกายของตุ๊กตาทั้งสองแหลกสลายหายไปในอากาศ แต่ไม่นานเศษเนื้อก็กลับมารวมกันได้เหมือนเดิม



“เอเวน!” เสียงของมิเวลเรียกให้เขาหันไปมอง เห็นเด็กสาววิ่งเข้ามาใกล้พร้อมกับใครอีกคนที่เขาไม่ค่อยอยากเห็นเท่าไหร่



“พวกมันกำลังสู้กันเอง”



“ข้ารู้ วอลใช้ปืนยิงกระสุนพลังจิตใส่พวกมันตัวหนึ่ง ตอนนี้เลยบังคับตุ๊กตาตัวนั้นได้” มิเวลอธิบาย



เอเวนหันไปมองผู้มีพลังจิต ใบหน้ายิ้มกว้างอย่างภูมิใจพร้อมกับชูกระบอกปืนในมือซ้ายให้ดู



“เจ้ามีแผลที่แขนนี่” นัยน์ตาสีทับทิมมองสำรวจแผลของร่างสูง ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้เป็นอะไรมาก เลือดก็หยุดไหลแล้ว คงเป็นเพราะเอเวนร่ายเวทห้ามเลือดให้ตัวเอง



เสียงระเบิดดังขึ้นเรียกให้ทั้งสามหันไปมอง เห็นว่าพวกตุ๊กตาปีศาจยังคงสู้กันเองเหมือนเดิม แต่จู่ๆ ตุ๊กตาตัวที่ถูกวอลบังคับก็หันกลับมาเล่นงานพวกเขาสามคน เอเวนรีบสร้างม่านพลังขึ้นรับพลังโจมตีของศัตรู พลังของมันรุนแรงเสียจนทำให้ม่านพลังสั่นไหว เด็กหนุ่มจึงรีบคิดประเมินสถานการณ์ตึงเครียดในหัวอย่างรวดเร็ว



ถ้ายังยื้อต่อไปเรื่อยๆ พลังของพวกมันก็จะค่อยๆ เพิ่มขึ้นเพราะตุ๊กตาปีศาจดูดพลังเวทของผู้ใช้เวทไปเป็นพลังให้กับตนเองได้



ต้องรีบกำจัดมันให้เร็วที่สุด



มิเวลมองศัตรูทั้งสามกำลังพยายามใช้พลังทำลายม่านพลังของเอเวนด้วยสายตาไม่เข้าใจ ทำไมเจ้าตัวถือขวานนั่นถึงกลับไปร่วมมือกับพวกเดียวกันอีกแล้ว หันไปมองวอลก็เห็นเขาทำหน้างงๆ ไม่รู้เรื่อง เธอจึงพูดสิ่งที่ตัวเองคาดเดาออกมา



“ระยะเวลาจำกัด...” แต่พอเห็นใบหน้าซีดเซียวของเจ้าของพลังจิตแล้ว “...ไม่ก็พลังไม่พอ...”



“เพราะฝีมือห่วยมากกว่า” เสียงเย็นชากล่าวสรุป



แรงระเบิดซ้ำๆ จากก้อนพลังสีดำทำให้ม่านพลังปรากฏรอยร้าว เอเวนรีบเพิ่มพลังเวทไปยังม่านพลังแต่ก็ไม่ได้ผลนักในเมื่อปีศาจตุ๊กตาสามตัวตรงหน้ายังคงใช้พลังระเบิดอย่างต่อเนื่อง ทำให้เขาต้องเพิ่มพลังเวทซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นการสิ้นเปลืองพลังโดยเปล่าประโยชน์ชัดๆ



“เจ้าจัดการพวกมันได้มั้ย” เสียงเครียดหันไปถามเด็กสาว



“เจ้าท้าข้างั้นรึ”



“คำถามธรรมดาต่างหาก ยังมีพวกมันอีกสามตัวในเมือง” เขาไม่ได้อยากทิ้งมิเวลให้รับมือกับปีศาจตุ๊กตาคนเดียว แต่ในเมืองมีผู้คนอยู่มากทำให้มีความเป็นไปได้สูงว่าตุ๊กตาจะเพิ่มพลังจากการฆ่าคน แล้วถึงตอนนั้น ทุกอย่างก็อาจจะสายเกินไป



“ข้ารับมือไหวอยู่แล้ว” มิเวลตอบด้วยความมั่นใจ



เอเวนพยักหน้ารับพร้อมกับยื่นดาบของตัวเองให้มิเวล ร่างเล็กก้มมองดาบยาวอย่างสงสัยว่าเขาจะให้เธอทำไม



“ดาบเงินของข้ามีพลังเขตอาคมอยู่ น่าจะช่วยเจ้าที่ไม่ถนัดพวกเวทป้องกันได้” เด็กหนุ่มบอกแล้วยัดดาบของตัวเองใส่มือของอีกฝ่าย “ดาบสีแดงของเจ้าคงรับพลังได้แต่พลังเวทธาตุหลักทั้งหกธาตุล่ะสิ”



“ธาตุหลักหกธาตุ?” มิเวลขมวดคิ้วอย่างมึนงง เห็นท่าทางไม่รู้เรื่องอะไรเลยของมิเวลแล้วเขาก็ต้องถอนหายใจอย่างปลงๆ สมกับเป็นพวกนอกคอกแห่งเผ่ามายา ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพลังเวทเลยจริงๆ



“ไว้ค่อยอธิบายทีหลัง เอาไปใช้ก่อนก็แล้วกัน”



“แล้วเจ้าล่ะ” เด็กสาวอดเป็นห่วงไม่ได้ ถ้าเอเวนให้ดาบของเขากับเธอ แล้วเขาจะใช้อะไรล่ะ



“ข้าไม่ถนัดดาบเท่าไหร่ พกไว้เฉยๆ เพราะข้าไม่ค่อยอยากใช้เวท มันสะดุดตาเกินไป” มิเวลพยักหน้าอย่างเข้าใจ เธอเองก็ต้องหลีกเลี่ยงการใช้เวทมนตร์เพื่อไม่ให้มีเรื่องวุ่นวาย เพราะมีหลายเมืองประกาศชัดเจนแล้วว่าต่อต้านผู้ใช้เวท



หลังจากหาจังหวะช่องโหว่ของปีศาจตุ๊กตาสามตัวที่กำลังล้อมม่านพลังอยู่เจอ ร่างสูงก็รีบอาศัยช่วงว่างเล็กๆ ด้านล่างพาตัวเองออกไป เมื่อเอเวนออกไปแล้ว มิเวลก็เตรียมพร้อมจะเดินออกจากม่านพลังเป็นคนต่อไป แต่ยังไม่ทันจะขยับตัว แขนข้างหนึ่งก็โดนยึดเอาไว้



“...แล้วข้าล่ะ” วอลถามเสียงอ่อย เขารู้สึกว่าตัวเองไร้ประโยชน์ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก มิเวลกับเอเวนคุยเรื่องอะไรกันเขาก็ไม่เข้าใจ



“อยู่ในนี้นั่นแหละ” เด็กสาวบอกปัดพร้อมกับขมวดคิ้วอย่างขัดใจให้กับการกระทำเหมือนเด็กขี้อ้อนของวอล ทันทีที่แขนขวาหลุดจากการเกาะกุม เธอก็รีบเดินออกจากม่านพลังด้วยวิธีเดียวกับเอเวน



ตุ๊กตาปีศาจยังคงพยายามใช้พลังระเบิดหวังทำลายม่านพลังให้กระจุย โดยที่ไม่รู้ว่ามีศัตรูหลุดออกมาข้างนอกแล้วถึงสองคน หนึ่งในนั้นรีบรุดหน้าไปในเมืองเพื่อจัดการตุ๊กตาอีกสามตัว ส่วนอีกหนึ่ง...



ร่างหนึ่งร่วงลงมาจากด้านบนด้วยความเร็วสูง ในมือจับด้ามดาบเพลิงหุ้มด้วยเปลวไฟตวัดผ่าอากาศสร้างพลังสายลมกระแทกเข้าใส่ร่างของศัตรูทั้งสามพร้อมๆ กัน ส่วนดาบของเอเวนนั้นเธอเก็บเอาไว้ในฝัก



“แก้แค้น...ถึงกับยอมขายวิญญาณตัวเอง” เด็กสาวพึมพำกับตัวเองขณะยืนมองร่างของศัตรูกระเด็นลอยลิ่วไปไกล เธอไม่เข้าใจว่าความแค้นจนถึงกับยอมขายชีวิตมันเป็นอย่างไรเพราะเธอไม่เคยแค้นใครมาก่อน ถึงจะเคยแค้นบ้างก็เป็นแค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เรียกได้ว่าแค่โกรธมากกว่า



‘มิเวล...’




เสียงของใครคนหนึ่งดังสะท้อนขึ้นในหัวทำให้เด็กสาวชะงักไป มิเวลจำเสียงเศร้าสร้อยที่เป็นเหมือนคมมีดกรีดหัวใจของเธอได้ดี



จะว่าไป...ความแค้นที่ว่านั่น...เธออาจจะเข้าใจก็ได้



มิเวลรีบดึงสติของตัวเองให้กลับมาอยู่กับปัจจุบัน รวบรวมสมาธิเพ่งสายตามองไปยังภาพเบื้องหน้า ตุ๊กตาหญิงสาววิ่งกลับมาพร้อมด้วยอาวุธใบมีดกลายเป็นดาบยาวทั้งสองข้าง อีกสองตัวกระโดดขึ้นด้านบน สภาพอากาศแปรปรวนอีกครั้งเมื่ออยู่ๆ ก็ปรากฏพายุหมุนรุนแรงขึ้นพร้อมทั้งมีฟ้าผ่าลงมายังพื้นเบื้องล่าง อากาศเปลี่ยนเป็นหนาวจัด สำหรับเธอซึ่งเกิดทางทิศใต้ ไม่ค่อยได้สัมผัสอากาศหนาวจึงลำบากเอาการ เด็กสาวรู้สึกหนาวจนอยากจะวิ่งกลับขึ้นไปเคอาร์ ห่มผ้าหนาๆ แล้วนอนขดตัวอยู่ในนั้นเสียตอนนี้ แต่ช่างน่าเศร้าเหลือเกินเพราะทำไม่ได้



ดาบเพลิงรับการจู่โจมด้วยดาบคู่ของศัตรู ก่อนจะออกแรงดันให้อีกฝ่ายถอยไปแล้วยกดาบฟันขวางลำตัวของร่างตรงหน้า ตุ๊กตากระโดดหลบพร้อมกับตวัดดาบคู่เป็นกากบาทสร้างแรงอัดกระแทกพุ่งโจมตีกลับมา มิเวลใช้ดาบสลายพลังนั้นทิ้งไปแล้วขยับตัวไปประชิดศัตรู ร่ายรำท่วงท่าเพลงดาบอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องไม่หยุด แต่ตุ๊กตาหญิงสาวกลับเคลื่อนไหวหลบดาบของเธอได้หมด



ชิ! เจ้านี่มันเก่งขึ้นรึเปล่าเนี่ย แบบนี้เธอคงต้องใช้ฝีมือขั้นสามแล้ว



มิเวลกระโดดถอยออกมาตั้งหลัก ศัตรูไม่รอช้ารีบเปลี่ยนเป็นฝ่ายบุกโจมตีทันที เด็กสาวจับดาบแน่น รับการจู่โจมแต่ละดาบของอีกฝ่ายอย่างคล่องแคล่ว ขาสองข้างเดินถอยหลังไปเรื่อยๆ แต่เธอก็ต้องรีบกระโดดขึ้นด้านบนเมื่อตุ๊กตาอีกสองตัวกำลังพุ่งโจมตีใส่เธอจากด้านหลัง เด็กสาวสร้างบาเรียเวทเพื่อให้ลอยอยู่กลางอากาศได้ แต่ลืมเรื่องประสิทธิภาพรับพลังโจมตีไปได้เลย บาเรียเวทของเธอห่างชั้นกับของเอเวนไกลลิบลิ่ว



สามรุมหนึ่งนี่หนักพอควรแฮะ



เสียงบ่นในใจอย่างหงุดหงิด เธอเพิ่งจะต้องใช้ฝีมือขั้นสามหลังออกมาจากฟรอซเซลเป็นครั้งแรก สายตาไม่พอใจมองลงไปยังร่างทั้งสามด้านล่าง ก่อนจะสลายบาเรียเวทพร้อมกับทิ้งตัวลงดิ่ง ดาบเพลิงในมือยกขึ้นสูงแล้วเขวี้ยงลงไปปักกับพื้นสุดแรง แรงผ่าอากาศลงไปยังพื้นดินทำให้เกิดแรงสั่นไหวจนแผ่นดินสะเทือน เปลวเพลิงพุ่งพรวดออกมาจากดาบสีแดงพร้อมด้วยควันไฟ ตรงเข้ารวบตัวตุ๊กตาปีศาจทั้งสามตัว เด็กสาวดึงดาบของตัวเองออกมาจากพื้น แล้วใช้ท่าลวงตาที่เธอคิดค้นขึ้นเอง ไม่จำเป็นต้องพึ่งเวทมนตร์ เคลื่อนกายด้วยความเร็วสูง ทำให้ร่างของเธอยังคงค้างให้เห็นอยู่ ศัตรูจึงมองเห็นว่ามีเธอหลายคน ดาบในมือร่ายรำสร้างกายหยาบของดาบเพิ่ม แล้วเคลื่อนประชิดร่างของศัตรูในควันไฟพร้อมๆ กัน



เพราะขยับไปไหนไม่ได้ และอยู่ๆ ก็มีร่างของเด็กสาวนับสิบบุกเข้าใส่จึงทำให้ตุ๊กตาปีศาจทั้งสามตัวถูกดาบทั้งฟันและแทงแผลแล้วแผลเล่าจนนับไม่ถ้วน มิเวลถือโอกาสรีบจัดการจะได้จบเรื่องเสียที เธอกลั้นหายใจแล้วใช้ดาบในมือแทงที่แขนซ้ายเพื่อชะโลมเลือดของตัวเอง



แต่เสียงระเบิดดังจากบนฟ้าก็ทำให้เด็กสาวต้องรีบขยับตัวหนีตามสัญชาตญาณ เมื่อแหงนหน้ามองด้านบนเธอก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ก้อนพลังสีดำขนาดมโหฬารครอบคลุมรัศมีเกือบยี่สิบกิโลเมตรปรากฏให้เห็นอยู่กลางอากาศ เธอสัมผัสได้ถึงพลังทำลายมหาศาล ซ้ำยังมีพลังประหลาดอีกหลายลูกปะปนอยู่ในนั้น



มิเวลหันมองไปยังตุ๊กตาปีศาจ ทั้งสามปรากฏรอยยิ้มแสยะอย่างพอใจ



เด็กสาวรีบหันมองรอบตัวอย่างร้อนรนด้วยความรู้สึกยัวะและวิตกในเวลาเดียวกัน อุตส่าห์จะจบเรื่องได้แล้วแท้ๆ เธอประมาทพลังของพวกมันเกินไป พลังมหาศาลขนาดนั้นใช้ดาบของเธอสลายพลังมันไม่ไหวแน่ จะหนีก็ไม่ทัน



ทำยังไงดี



ทันใดนั้นเองก้อนพลังมหึมาดังกล่าวก็ปะทุแรงระเบิดเป็นวงกว้างตลอดรัศมียี่สิบกิโลเมตร ไม่ว่าจะเป็นพื้นดิน ต้นไม้หรือใบหญ้าต่างก็โดนพลังมหาศาลทำลายทิ้งไม่เหลือซาก พื้นดินกลายเป็นหลุมลึกลงไปร่วมร้อยเมตร ตุ๊กตาปีศาจสามตัวรับพลังรุนแรงเข้าไปเต็มๆ ด้วยก็จริง แต่พวกมันก็สามารถกลับคืนร่างเดิมได้เหมือนเก่า



สายตาล่องลอยของทั้งสามจับจ้องไปยังม่านพลังซึ่งอยู่ห่างออกไป



มิเวลค่อยๆ ลืมตามองไปรอบๆ ตัวก่อนจะถอยหายใจด้วยความโล่งอก ก้มมองดาบเงินตรงหน้าพร้อมกับดึงมันออกจากพื้นทำให้ม่านพลังที่ปกป้องเธอเอาไว้สลายหายไป เมื่อกี้เธอรีบปักดาบของเอเวนลงพื้นเพื่อสร้างม่านพลัง ถ้าไม่มีดาบของเอเวนเธอคงตายไปแล้วแน่ๆ เด็กสาวยกดาบขึ้นมาดูใกล้ๆ พลางคิดวิเคราะห์พลังของเอเวน ม่านพลังจากดาบสามารถรับแรงโจมตีจากก้อนพลังสีดำเมื่อครู่นี้ได้หมด หมายความว่าเอเวนต้องมีพลังเวทมหาศาลแน่นอน คิดๆ แล้วเธอก็ยิ่งสงสัยว่าเอเวนเป็นใครกันแน่



จู่ๆ ก็มีขวานยักษ์เล่มหนึ่งพุ่งตรงเข้าหาทำให้ร่างเล็กต้องรีบกระโดดหลบ แต่ก็ยังไม่หมดแค่นี้เพราะมีดาบคู่โจมตีมาจากอีกด้านทำให้คนที่เพิ่งกระโดดขึ้นมาอยู่กลางอากาศต้องขยับตัวหลบอีกครั้ง



ตุ๊กตาอีกตัวเปลี่ยนอาวุธมือเป็นกรงเล็บพร้อมกับเคลื่อนไหวเข้ามาประชิดตัว มิเวลใช้ดาบรับการจู่โจมด้วยกรงเล็บ แล้วก็ต้องรีบหลบขวานยักษ์และดาบคู่ไปด้วย แม้ว่าการเคลื่อนไหวร่างกายของเธอจะรวดเร็วและคล่องแคล่วแค่ไหนก็ตาม แต่การเสียเลือดจากบาดแผลบริเวณแขนซ้ายก็ทำให้เด็กสาวเริ่มรู้สึกมึนๆ ขึ้นมาบ้างแล้ว ในใจคิดอย่างหงุดหงิดว่าเธอน่าจะใช้เวทพวกห้ามเลือดหรือรักษาได้



ปัง!



ระหว่างต่อสู้กันอย่างดุเดือดกลางอากาศ ร่างของตุ๊กตาผู้ใช้กรงเล็บก็ถูกอะไรบางอย่างอัดกระแทกลอยไปอีกทาง มิเวลก้มมองพื้นด้านล่าง เห็นวอลถือปืนมือซ้ายกำลังเล็งมาที่ตุ๊กตาปีศาจอีกสองตัว



เจ้าบ้านั่น! ออกมาจากม่านพลังอีกแล้ว!



เสียงปืนลั่นติดต่อกันอีกสองครั้ง ร่างของตุ๊กตาทั้งสองลอยกระเด็นไปทางเดียวกับตุ๊กตาตัวแรก เมื่อเท้าถึงพื้น มิเวลก็รีบวิ่งเข้าไปหาวอลซึ่งกำลังยืนส่งยิ้มมาให้เธอ



“เจ้าออกมาทำไมกัน” เสียงหงุดหงิดถามด้วยความโมโห ขนาดตัวเองยังเอาตัวไม่รอดแล้วจะโผล่มาเป็นตัวถ่วงให้เธอทำไม



“ข้าไม่ชอบถูกขังเท่าไหร่น่ะ...” ใบหน้ายิ้มๆ บอกเหตุผล จริงๆ แล้วแม้แต่ในแคปซูลรักษาเขาก็ไม่อยากอยู่ด้วยซ้ำ แต่ต้องเข้าไปอยู่ในนั้นเพราะจำเป็นจริงๆ



“ทำเป็นไม่กลัวตาย ถึงเจ้าจะใช้พลังจิตบังคับพวกตุ๊กตาได้ แต่เจ้าก็รู้ว่ามันมีข้อจำกัดอยู่ ซึ่งข้าก็ยังไม่รู้ว่าข้อจำกัดนั่นมีอะไรบ้าง โดยเฉพาะเกี่ยวกับร่างกายของเจ้า” มิเวลกระแทกเสียงระบายอารมณ์อย่างเหลืออด แบบนี้เธอก็ต้องคอยระวังทั้งตัวเองแล้วก็วอลไปด้วยน่ะสิเพราะเจ้าบ้านี่ดันช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ วันๆ เอาแต่นอนอืดอยู่ในแคปซูล แล้วยังร่างกายอ่อนแอนั่นอีก ถึงวอลจะยิ้มอยู่ตลอดเวลาเหมือนไม่มีอะไรก็ตามที แต่อาการอ่อนเพลียอยู่เรื่อยๆ นั่นก็เป็นสิ่งยืนยันได้ดีว่าร่างกายของเขาอ่อนแอแค่ไหน



ผู้มีพลังจิตยิ้มน้อยๆ อย่างอารมณ์ดี มิเวลเห็นท่าทางสบายๆ ของเขาแล้วก็ชักจะฉุนมากกว่าเดิม



“เรื่องมีข้อจำกัดมันก็จริงอยู่...” มิเวลไม่รอให้อีกฝ่ายพูดจบแล้วรีบแทรกขึ้นมาทันที



“เพราะฉะนั้นถึงยุ่งยากไงล่ะ จากนี้ไปเจ้าต้องตัวติดหนึบกับข้าล่ะ เพราะตุ๊กตาปีศาจจะใช้พลังระเบิดนั่นเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แล้วม่านพลังจากดาบของเอเวนก็มีรัศมีแค่ไม่กี่เมตร”



เด็กหนุ่มส่ายหน้าไปมาพร้อมกับทำเสียงจุ๊ๆ



“...แต่ถ้ารีบกำจัดพวกมันได้ล่ะ”



มิเวลนิ่งไป จะกำจัดพวกมันโดยเร็วได้ยังไง เมื่อกี้วอลให้พวกมันสู้กันเองกินเวลาไปตั้งเยอะ สุดท้ายก็สูญเปล่า



“...หมายความว่า...เจ้ามีแผนอะไรงั้นรึ”



คนถูกถามหรี่ตาลงเล็กน้อยพร้อมกับยิ้มกว้างอย่างเจ้าเล่ห์




++++++++++++++++++++++++++++



ทางด้านเอเวนซึ่งวิ่งเข้าเมืองไปช่วยชาวเมืองนั้นต้องรับศึกหนักพอสมควร จากที่คิดว่ามีตุ๊กตาปีศาจอยู่แค่สามตัวกลับมีจริงๆ ถึงห้าตัว เมื่อเขาวิ่งมาถึงบ้านเรือนก็ถูกทำลายไปเกือบหมดแล้ว พื้นแข็งกลายเป็นดินนุ่มๆ ต้นไม้รวมถึงสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ก็ถูกตุ๊กตาปีศาจดูดพลังชีวิตไปเป็นของตัวเอง ผู้คนวิ่งหนีกระจัดกระจายกันไปคนละทางพร้อมกับกรีดร้องขอความช่วยเหลือ เอเวนถอนหายใจอย่างหงุดหงิด นี่เขาต้องมาช่วยมนุษย์พวกนี้ด้วยงั้นหรือ




เด็กชายคนหนึ่งอายุราวแปดถึงเก้าขวบวิ่งไปร้องไห้ไป คนอื่นๆ รอบด้านถูกตุ๊กตาปีศาจไล่ฟันหายไปทีละคนสองคน เด็กน้อยหันไปมองด้านหลัง เห็นชายคนหนึ่งเปลี่ยนแขนสองข้างเป็นใบมีดแหลมคม สายตาล่องลอยจ้องตรงมายังเขา ใบมีดเงื้อขึ้นสูง



แล้วร่างคุ้นเคยของหญิงสาวคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาขวางพร้อมกับที่มีดแหลมคมได้ตวัดลงมาอย่างรวดเร็ว



ร่างของหญิงสาวขาดออกจากกัน เลือดข้นทะลักออกมาจากร่างสาดกระจายจนเปรอะพื้นดินไปทั่ว



เด็กชายตะลึงมองภาพตรงหน้า ร่างกายของเขาแข็งเป็นหินขยับไปไหนไม่ได้ ในหัวขาวโพลนคิดอะไรไม่ออกอีกต่อไป



ตุ๊กตาปีศาจเห็นร่างของเด็กน้อยยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน มันจึงเงื้อมีดขึ้นสูงอีกครั้งโดยคราวนี้เล็งไปยังร่างน้อยๆ นั่น ก่อนจะตวัดฉัวะลงมาด้วยความเร็วสูง



แต่ใบมีดกลับไม่ได้เฉือนเนื้อสดๆ เพราะถูกอะไรบางอย่างที่คล้ายกับกระจกใสสีดำปรากฏขึ้นมาขวางเอาไว้เสียก่อน พร้อมด้วยสายตาเย็นชาของเด็กหนุ่มคนหนึ่งและจิตสังหารรุนแรงจนน่าสยองขวัญ



ทันใดนั้นเองพื้นดินก็กลายเป็นกระแสไฟฟ้าพร้อมกับมีรากไม้โผล่พรวดออกมารัดตุ๊กตาปีศาจเอาไว้แน่น



“ยืนเป็นเป้าล่อแบบนั้น หัวสมองเจ้าทำด้วยอะไรกันแน่” เสียงเรียบพูดอย่างไม่เข้าใจ เมื่อกี้เห็นอยู่ว่ากำลังวิ่งหนี แต่อยู่ๆ ก็หยุดยืนนิ่งซะอย่างนั้น เขาจึงงงว่าเด็กนี่คิดอะไรอยู่กันแน่ รวมถึงเรื่องขอแต่งงานมิเวลด้วย



“แม่...” เพกัสพูดพึมพำ เริ่มมีน้ำใสๆ เอ่อล้นในดวงตาทั้งสองข้าง สายตาปวดร้าวมองร่างแน่นิ่งของหญิงสาว



เอเวนหันไปมองร่างขาดออกจากกันที่พื้นแล้วเขาก็เข้าใจ เด็กหนุ่มหันกลับไปมองเด็กชายอีกครั้ง เพกัสค่อยๆ ทรุดนั่งพร้อมกับร้องไห้อย่างหนัก ตอนแรกเอเวนลังเลว่าจะใช้ม่านพลังช่วยเด็กนี่ดีมั้ย เพราะถ้าใช้ก็เท่ากับว่าเขาเปิดเผยตัวเองว่าเป็นผู้ใช้เวท ดังนั้นจึงคิดจะปล่อยให้ตุ๊กตาฆ่าเด็กทิ้งไป แต่เพราะอะไรไม่รู้ อยู่ๆ ร่างกายมันก็ขยับวิ่งเข้ามาช่วยเด็กคนนี้เอง



ใบหน้าเย็นชาถอนหายใจอย่างเซ็งๆ แบบนี้เขาคงอยู่กับเด็กนี่นานแน่ๆ อยากจะจัดการพวกมันให้จบๆ ไป แต่ต้องมาตัวติดอยู่กับเด็กมนุษย์แสนอ่อนแอ ถึงศัตรูจะโดนเวทรากไม้ของเขากักตัวเอาไว้ แต่ก็แค่ช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น



“เจ้าอยู่ในนี้ล่ะ อย่าออกไป” เสียงเย็นชาออกคำสั่ง ก่อนจะเดินออกจากพลังโดยทิ้งให้เด็กชายนั่งร้องไห้อยู่คนเดียว



ตุ๊กตาปีศาจหลุดจากพันธนาการ เอเวนร่ายเวทโจมตีตุ๊กตาอีกสี่ตัวเพื่อดึงความสนใจของพวกมันมาที่เขา สายตาเย็นชากวาดมองตุ๊กตาทั้งห้าตัวกำลังล้อมรอบตัวเองด้วยใบหน้านิ่งสนิทไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ทันทีเมื่อตุ๊กตาตัวหนึ่งขยับตัว ร่างสูงก็ดีดตัวเองขึ้นไปด้านบน ตุ๊กตาปีศาจทั้งห้าพากันกระโดดตามเขาขึ้นมา เด็กหนุ่มวาดมือขวาจากซ้ายไปขวาปรากฏเป็นรอยขีดยาวสีขาวกลางอากาศ แล้วร่ายเวทบาเรียพาตัวเองลอยสูงขึ้นไปอีก เส้นสีขาวเรืองแสงน้อยๆ ก่อนพลังบางอย่างจะทะลักออกมาอย่างรุนแรง พลังมหาศาลพุ่งดิ่งตรงเข้ารัดร่างของตุ๊กตาปีศาจทั้งห้าตัวก่อนจะระเบิดออกในเวลาไล่เลี่ยกัน



เอเวนเหลือบมองร่างโชกเลือดของศัตรูห้าตัวด้วยสายตานิ่งๆ บางตัวแขนและขาขาดออกจากกัน บางตัวก็เหลือแค่ครึ่งท่อนเท่านั้น แต่เขารู้ว่าเดี๋ยวพวกมันก็กลับคืนร่างได้เหมือนเดิม



เด็กหนุ่มถ่ายพลังเวทไปยังฝ่ามือทั้งสองข้าง ขยับแขนให้ออกห่างจากลำตัวแล้วค้างเอาไว้อย่างนั้น เขารีบร่ายเวททันทีเมื่อรู้สึกถึงพลังเวทที่ฝ่ามือทั้งสอง พื้นดินเบื้องล่างสั่นไหวน้อยๆ ก่อนดินจะพุ่งพรวดขึ้นไปบนฟ้า ขึ้นสูงจนไปถึงฝ่ามือของร่างสูงกลางอากาศโดยมีร่างของตุ๊กตาปีศาจห้าตัวอยู่ตรงกลางพอดี เอเวนวาดมือสองข้างไขว้เข้าหากันเป็นกากบาททำให้ดินพุ่งขึ้นฟ้าเป็นเส้นตรงกระจายเข้าหากัน อัดร่างของตุ๊กตาอย่างแรงพร้อมกับมีกระแสไฟฟ้าวิ่งไปทั่ว เขาสร้างตาข่ายไฟฟ้ากักตัวพวกมันทั้งเอาไว้ แล้วบังคับบาเรียเวทให้ลอยต่ำลงไปหยุดอยู่ในระเดียวกันกับตาข่ายไฟฟ้า



“ลาขาด” เสียงเยือกเย็นกล่าว แล้วถอดกำไลทองออก จิตสังหารพุ่งขึ้นรุนแรงจนถึงกับทำให้ชาวเมืองด้านล่างรู้สึกอึดอัด เด็กหนุ่มหยิบแผ่นกระดาษในกระเป๋าเสื้อคลุมออกมาห้าใบ จากนั้นก็ใช้ฝ่ามือเรียงกระดาษทั้งห้าใบจากซ้ายไปขวาไว้ตรงหน้า



แผ่นกระดาษทั้งห้าปรากฏตัวอักษรเรืองแสงอ่อนๆ ขึ้นบนกระดาษขาว เอเวนยืดแขนขวาออกไปด้านหน้าแล้วใช้นิ้วชี้ซ้ายกรีดแขนด้านในตั้งแต่ข้อมือลงมาเป็นทางยาว ฝ่ามือซ้ายวางทาบกับบาดแผลตรงข้อมือขวาจนชุ่มเลือด จากนั้นจึงวาดฝ่ามือซ้ายไปบนแผ่นกระดาษทั้งห้าจากซ้ายไปขวา เลือดสีแดงซึมเข้าไปในกระดาษเปลี่ยนสีของกระดาษให้กลายเป็นสีเลือด ตัวอักษรเรืองรองมากขึ้นจนกลายเป็นสีทอง



“ผนึกโลหิต!”



สิ้นเสียงตะโกนของเด็กหนุ่ม ทันใดนั้นเองวงแหวนเวทสีแดงจำนวนห้าวงก็ปรากฏขึ้นล้อมรอบตัวเขาและตุ๊กตาปีศาจ เอเวนระเบิดพลังเวทออกมาอย่างรุนแรงพร้อมกับแผ่นกระดาษทั้งห้าแผ่นหายวับไปปรากฏให้เห็นบนกลางอกของตุ๊กตาแต่ละตัว



“สะกด!”



วงแหวนเวททั้งห้าค่อยๆ ดูดกลืนร่างของตุ๊กตาปีศาจให้หายเข้าไปในวงแหวน เพราะพลังมหาศาลจึงทำให้สายลมรอบข้างปั่นป่วนราวกับมีพายุ ตุ๊กตาปีศาจพยายามดิ้นสุดแรง เด็กหนุ่มกัดฟันกรอดเพิ่มพลังเวทให้เพิ่มมากขึ้นอีก พลังดูดกลืนของวงแหวนเวทจึงเพิ่มสูงขึ้นอย่างรุนแรง ทำให้ร่างของตุ๊กตาปีศาจทั้งห้าโดนดูดหายเข้าไปในวงแหวนได้ในที่สุด วงแหวนและแรงดูดหายวับไปทันควันพร้อมทั้งสายลมรอบข้างกลับมาเป็นปกติเหมือนอย่างเดิม



ร่างสูงลอยค้างอยู่กลางอากาศ หายใจหอบอยู่พักหนึ่งก่อนจังหวะการหายใจจะค่อยๆ กลับมาเหมือนเดิม เขาร่ายเวทห้ามเลือดที่แขนขวาพร้อมกับหยิบกำไลทองขึ้นมาสวมกลับเข้าไปใหม่ ใบหน้านิ่งๆ ถอยหายใจอย่างเซ็งๆ เมื่อมองลงไปเบื้องล่างแล้วเห็นพวกมนุษย์ธรรมดาพากันชี้ไม้ชี้มือมายังเขา แต่ละคนมีสีหน้าตื่นตกใจและหวาดกลัว ได้ยินเสียงตะโกนเรียกเขาว่าเป็นปีศาจ



“ให้ตายสิ” น้ำเสียงรำคาญบ่นพึมพำกับตัวเอง สายตาเกลียดชังไล่สายตามองพวกมนุษย์อ่อนแอทั้งหลาย เพราะแบบนี้เขาถึงได้เกลียดมนุษย์ธรรมดา



++++++++++++++++++++++++++++

โปรดติดตามตอนต่อไป!



โฮป
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 มี.ค. 2560, 14:11:48 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 มี.ค. 2560, 14:11:48 น.

จำนวนการเข้าชม : 717





<< Episode 18 : || กระสุนพลังจิต ||   Episode 20 : || ข้อสงสัยกับคำคาดเดา || >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account