สูตรลับจับรัก
เรื่องรักของคุณพ่อลูกติดมาดเซอรกับครูสาวสุดเปิ่น ผู้ถูกความรักผลักไสให้หลงทางมาเจอกันในวันบอบช้ำ สองหนุ่มสาวต่างวัยกับกาวใจลูกสาวตัวเล็กและชีวิตที่พลิกผัน
Tags: สูตรลับจับรัก ทักษ์ปิ่น คุณพ่อนักเล่านิทาน รักดราม่า
ตอน: บทที่ 4 : 80%
ราศีชักสีหน้า หยุดยืนหน้าประตูบ้านทันที
“ทำไมต้องพูดไม่ชอบบ่อยๆ ศีไม่อยากฟัง” หญิงสาวเม้มริมฝีปากจนห้อเลือด โผเข้ากอดชายหนุ่ม “พี่ทักษ์ก็รู้ว่าศิคิดยังไง ทำไมไม่ฟังกันบ้าง”
“ไม่ได้! พี่บอกว่าไม่ได้ ศีต้องฟังพี่” ทักษ์แกะข้อมือหญิงสาวออกจากการเกาะกุม
ราศีขัดขืนไม่ยอมท่าเดียว ยังคงกอดรัดแน่นกว่าเดิม แถมยังซบหน้าเข้ากับไหล่ชายหนุ่ม ร้องไห้สะอื้นสั่นเครือ
“ศีรักพี่ทักษ์ รักมานานแล้ว รักมาก่อนสาอีก”
“อย่าเพ้อเจ้อ พี่บอกไม่ได้! ยังไงก็ไม่ได้” ทักษ์เบี่ยงหน้าหลบเมื่อหญิงสาวเงยหน้าขึ้นพยายามจะจูบ
“ทำไมไม่ได้ ศีไม่สวยไม่ดีตรงไหน”
ทักษ์ถอนหายใจเหนื่อยหน่ายกับการต้องอธิบายซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ก็ต้องทำเพื่อให้ราศีหยุด
“พี่ไม่ได้รักเธอ เข้าใจไหม หยุดทำแบบนี้ซะที เธอจะทำให้พี่ต้องมีปัญหาอีกสักกี่ครั้งกัน”
พูดได้แค่นั้นทักษ์ก็ชะงัก แล้วหมุนตัวเดินกลับไปทางบันไดเรือนใหญ่ ราศีโวยวายตามหลังเสียงดัง
“ทำไมคะ! พี่ก็ไม่มีใคร ศีก็ไม่มีใคร ทำไมจะรักกันไม่ได้” หล่อนย้อนถามเสียงสะอื้นดึงข้อมือทักษ์ไว้แล้วสะอึกสะอื้นจนน่าสงสาร
“ทำไม!”
“เธอเมาแล้ว พูดไม่รู้เรื่อง ไปนอนเถอะ”
หนุ่มเซอร์ถึงกับเบือนหน้าหนี คลายมือจากข้อมือนุ่มนิ่มที่เกาะแผ่นหลังเขาไว้แน่นจนแทบจะเบียดรวมเข้าเป็นร่างเดียว ชั่วขณะแห่งความอึดอัดเขาก็เห็นร่างบอบบางโผล่พ้นจากพุ่มไม้
เป็นหล่อน!
ทักษ์เบิกตากว้างเมื่อเห็นปิ่นมณียิ้มแหยส่งมา ชายหนุ่มได้โอกาสแกะข้อมือนิ่มออกพ้นตัว เบี่ยงหลบก้าวเดินฉึบฉับมาทางครูสาว
ปิ่นมณีถึงกับผงะถอยหลังจะหันกลับไปทางบ้านเล็ก แต่ไม่ทันเพราะทักษ์ตรงเข้าคว้าร่างบอบบาง ดึงตัวหล่อนเข้าหาอ้อมกอดกระชับแน่น
“เพราะผู้หญิงคนนี้” เขาตอบชัดถ้อยชัดคำ
นางแบบสาวส่ายหน้าเบิกตาค้าง เปล่งเสียงออกมายากเย็น
“หมายความว่ายังไงอย่าบอกนะว่า”
“เธอคือคนรักของพี่” ทักษ์ย้ำชัดอีกรอบ
“ไม่จริง! ไม่จริง เป็นไปไม่ได้”
“จริงสิ ไม่งั้นเธอจะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“โกหก! พี่ทักษ์รู้ว่าศีจะมาก็เลยหาคนมาสมอ้างใช่ไหม”
“ดูละครน้ำเน่ามากไปรึเปล่า พี่ไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นเลย”
ทักษ์มองหล่อน แววตาเด็ดเดี่ยวบ่งบอกว่าเขาพูดจริงเพียงใด ราศีเองต่างหากที่ไม่เคยเข้าใจ ไม่พยายามเข้าใจและสร้างปัญหาให้เขาต้องตามแก้เสมอ
ราศีตาขวางน้ำตากลบตา มองทักษ์สลับกับหญิงสาวในอ้อมกอด กระโจนเข้าทุบตี ทักษ์ไม่ได้ปัดป้องแต่เบี่ยงตัวกันปิ่นมณีไว้แล้วเอาแผ่นหลังรับฝ่ามือราศีจนพอใจ
ปิ่นมณีตะลึง งุนงงตั้งตัวไม่ติด ทั้งสับสนเมื่อจู่ๆ ก็โดนโอบไว้ด้วยอ้อมแขนจนใบหน้าซุกกับอกแข็งแกร่ง ทักษ์คงลืมไปว่าหล่อนมีวิชา และจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเมื่อจวนตัว
“ปล่อยฉันนะคุณหนวด” หล่อนกระซิบพยายามผลักอกชายหนุ่ม “ฉันบอกให้ปล่อยไง เธอเข้าใจผิดใหญ่แล้ว”
“ก็ดีแล้ว” ทักษ์ตอบแผ่วเบาข้างหู
“ดีที่ไหน ไม่ดี!” หล่อนเอ็ด “ปล่อยนะ”
ก่อนที่ทักษ์จะทันได้พูดอะไร เสียงกร้าวจากด้านหลังก็ดังขึ้น ราศีถึงกับเงื้อมือค้าง หันกลับไปตามเสียงทันที
“ทำอะไรกัน!”
ทักษ์ปล่อยมือออกจากร่างนุ่มทันทีที่พิมพ์นวลก้าวฉับๆ เข้ามา ราศีเห็นท่าไม่ดีรีบถลาเข้าเกาะแขนแม่ประจบเอาใจทั้งที่น้ำตากลบตา พิมพ์นวลตาวาวจ้องจนราศีกลัวหงอ
“มีเรื่องอะไรบอกแม่นะยายศี”
“ไม่มีอะไรหรอกแม่ เข้าบ้านกันดีกว่านะ”
“ไม่มีอะไรได้ไง” พิมพ์นวลเบี่ยงตัวออกแล้วปรายตามองไปทางลูกเขย “แม่เห็นกับตา”
“บอกไม่มีก็ไม่สิจ๊ะ”
“คิดว่าแม่โง่หรือไง ยายศี”
พิมพ์นวลทุบหลังลูกสาวที่ก้มหน้าคอตกด้วยความหงุดหงิด ราศีกลิ่นเหล้าหึ่งไปทั้งตัวแล้วทำหน้าพะอืดพะอมปิดปากท่าทางเหมือนอยากอาเจียน ทำให้พิมพ์นวลถอนหายใจหน่วงเข้าประคอง
ปิ่นมณีถึงกับตัวเกร็งเมื่อเห็นสายตาแม่นวลใจดีของทักษ์ ดวงตาสีดำสนิทถลึงมองมายังหล่อนราวจงอางหวงไข่
ไม่ได้รู้สึกไปเองแน่ๆ!
ปิ่นมณีรีบกระเถิบถอยออกห่างจากเจ้าของบ้านหนุ่มโดยอัตโนมัติ ทักษ์มองหล่อนสลับกับสองแม่ลูกที่ยืนโอบกันด้วยท่าทางเก้กังจนหล่อนรู้สึก จากมือปลาหมึกที่แกล้งยื้อเมื่อครู่กลับกระชับไพล่หลังแล้วกวักเหมือนจะไล่กลายๆ
ทั้งที่ยืนหันหลังให้แท้ๆ หล่อนจะรู้ได้ยังไงว่าชายหนุ่มคิดอะไร จนเมื่อเขาหันมาหรี่ตาใส่แล้วโบกมือไล่อีกรอบ หล่อนจำต้องหันหลังกลับทั้งที่ไม่รู้เรื่องราว
“อ้าว! จะรีบไปไหนยะ”
เสียงแหวไล่หลังจากหญิงสาวคนเดิมดังอ้อแอ้ ปิ่นมณีชะงักหันกลับมาอีกครั้งก็พบว่าทักษ์เข้าไปรั้งแขนนางแบบสาวไว้ไม่ให้ตามมา
“มีมารยาทหน่อย เธอเป็นแขกของพี่” ทักษ์เอ่ยหน้าเรียบเฉย แต่น้ำเสียงกระชากไม่พอใจ “ให้เธอไปพัก อย่ากวน”
“แต่ว่า” ราศีแย้ง หน้าสวยใสหงิกงอ จนพิมพ์นวลหยิกต้นแขน
“พูดจาดีๆ หน่อย เราเป็นเจ้าบ้าน” หญิงชราปรามแล้วปรายตามองมาทางแขกคนใหม่ “พ่อทักษ์ก็บอกแล้วว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นแขก”
หล่อนเน้นหนักที่คำสุดท้าย ก่อนจะหันมายิ้มหวานแต่น้ำเสียงเย็นเยียบให้ลูกเขย
“ใช่ไหมจ๊ะ พ่อทักษ์”
“ครับ” ทักษ์ตอบสั้นแต่สีหน้ากระอักกระอ่วน
ชายหนุ่มมองแม่นวลสลับกับมองไปอีกทางที่ครูสาวเดินลับไปแล้วได้แต่ถอนใจ เขาไม่ชอบใจเลยที่พี่สาวฝาแฝดของภรรยาทำตัวเหมือนเป็นเจ้าเข้าเจ้าของทั้งที่ความจริงแล้วเขาไม่ได้คิดอะไรกับหล่อนสักนิด
ราศีสวยเปรี้ยว พิษสงแพรวพราว ผิดกับริสาภรรยาที่จากไป ทั้งที่หน้าตาสะสวยเหมือนกัน แต่นิสัยสองสาวต่างกันอย่างสิ้นเชิง แล้วเขาเองก็ไม่ต้องการสานสัมพันธ์กับราศีอย่างที่หล่อนคิด
“งั้นเราก็เข้าบ้านกันดีกว่านะคะพี่ทักษ์” ราศีตรงเข้าเกาะแขนแข็งแรงของเขา “นะคะ”
เสียงออดอ้อนของหล่อน ทำให้ชายหนุ่มละสายตาจากประตูบ้านเล็กหันกลับมามองหล่อน ดวงตาคมดุแต่งแต้มเครื่องสำอางหนาสบสายตาเขาแกมบังคับกลายๆ แต่ทักษ์หรือจะอ่อนให้หล่อน
“ศีเข้าไปกับแม่ก่อนเถอะ พี่จะดูแลปิดประตูบ้านก่อน”
“ก็ปิดแล้วจะปิดอะไรอีก พี่ทักษ์จะหาโอกาสไปหามันสิไม่ว่า” ราศีเสียงแข็งตาวาวมองค้อนคนในบ้านเล็ก
ทักษ์ส่ายหน้าระอาก่อนจะแกะมือหญิงสาว
“ขอร้องนะศี เข้าบ้านไป พี่เหนื่อยที่จะเถียงกับเธอ”
พูดจบทักษ์ก็แกะมือหล่อนออกแล้วเดินฉากออกไป ราศีมองตามไปด้วยความหงุดหงิด คิดจะเดินตามไปคุยให้รู้เรื่องแต่ติดที่แม่นวลรั้งไว้ หล่อนหันมามองแม่แล้วกระทืบเท้าเร่าๆ ขัดใจ
“แม่!” หล่อนแหวใส่ “จะดึงศีทำไม ศีจะไปกับพี่ทักษ์”
“แกจะไปทำไม” แม่นวลเสียงขุ่น “ไม่เห็นรึไงว่าเขารำคาญแกแค่ไหน”
“แม่! ทำไมไม่ให้กำลังใจกันเลย” ราศีหันขวับมาตวาดรอบสอง แม่ช่างพูดจี้ใจดำหล่อนนัก
“เหล้าน่ะ กินเข้าไป กินให้ตายผู้ชายที่ไหนคงสนใจนางเมรีขี้เมาหยำเปหรอก”
“แม่!”
ราศีตวาดแว๊ด สีหน้าเหมือนจะร้องไห้ที่คำพูดของแม่แทงใจหล่อนจนแทบจะทนไม่ไหว
“ไม่ต้องพูด แกอยากให้แม่โดนพ่อทักษ์เฉดหัวออกจากบ้านด้วยหรือไง แค่นี้แม่ก็เหมือนกาฝากมาอาศัยลูกเขยอยู่แล้ว หัดทำตัวดีๆ หน่อยสิ”
พิมพ์นวลเค้นคำและมองลูกสาวที่เหลือคนเดียวด้วยสายตาเครียดขึง สะบัดข้อมือหลุดพ้นจากการเกาะกุม ราศีหน้าเสียมองแม่ด้วยดวงตาพราวน้ำตา
“แต่แม่ก็ไม่ได้อาศัยพี่ทักษ์ฟรีๆ ซะเมื่อไหร่” หล่อนแย้ง “ก็ทำงานบ้านสารพัด ไหนจะเลี้ยงยายหอมให้เวลาไม่อยู่อีก แค่นี้ก็เกินคุ้มแล้ว พี่ทักษ์ไม่ต้องเสียค่าจ้างคนใช้ พี่เลี้ยงเด็กสักกะบาท”
“ยายศี! แกกล้าว่าแม่เป็นคนใช้ได้ยังไง”
พิมพ์นวลหยิกต้นแขนขาวลูกสาวจนหล่อนนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ
หยิกเล็บเจ็บเนื้อ หรือ จะสู้เจ็บใจที่โดนคนที่รักที่สุดพูดจาร้ายใส่ หญิงชราไม่ยอมปล่อยมือด้วยความโมโห จนราศีท้วงหล่อนถึงได้คลายลง
“เจ็บนะแม่” หล่อนท้วงเสียงอ่อย “ศีก็ไม่ได้หมายความแบบนั้นสักหน่อย”
“ก็เพราะเจ็บนะสิ จะได้มีสติ” พิมพ์นวลตวัดหางตามอง “หุบปากแล้วเข้าบ้านไป พ่อทักษ์เดินมาโน่นแล้ว”
“ก็ได้ แค่นี้ต้องดุกันด้วย”
ราศีชักสีหน้าค้อนขวับแม่แล้วก้าวฉับๆ ผ่านหน้าทักษ์ที่เดินย้อนกลับมาสมทบหลังจากปิดประตูรั้วเสร็จ ชายหนุ่มส่ายหน้าท่าทางระอาเกินจะเอ่ย
“หมดฤทธิ์แล้วหรือครับ”
“จ้ะ พ่อทักษ์อย่าถือสาน้องเลยนะจ๊ะ” พิมพ์นวลเสียงอ่อย ก้าวเข้าหาชายหนุ่มและส่งสายตาวิงวอน
“ไม่เป็นไรหรอกครับแม่นวล ผมเข้าใจ”
“ถ้าพ่อทักษ์ไม่สบายใจ จะให้แม่กลับไปอยู่ที่คอนโดก็ได้ ยายศีจะได้ไม่มาวุ่นวายอีก” หล่อนพูดพลางยกปลายนิ้วซับน้ำตา
“ผมจะทำแบบนั้นได้ยังไงครับ” ทักษ์ยิ้มฝืดจ้องแม่ยายแล้วตอบ “แม่นวลเป็นแม่ของสาเป็นยายของน้ำหอม ไม่ใช่ใครที่ไหนเสียเมื่อไหร่กัน”
“แต่ว่า...”
“นะครับ” ทักษ์อ้อนวอน “อย่าคิดมากเลยครับ ผมรู้นิสัยศีดี ผมไม่ถือหรอกครับ”
“แม่ขอบใจพ่อทักษ์มากๆ นะลูก” พิมพ์นวลยิ้มทั้งน้ำตาเสียงสะอื้น “ไม่มีสาแล้วแม่ก็เหมือนตัวคนเดียว มีลูกสาวอีกคนก็เหมือนไม่มี ไม่มีใครดีเหมือนสาอีกแล้ว ไม่น่ามาด่วนทิ้งแม่ไปเลย”
หล่อนก้มหน้าปาดน้ำตาคร่ำครวญเป็นที่น่าเวทนาจนทักษ์ถอนใจรีบปลอบ
“แม่นวลเป็นแม่ของสาก็เหมือนแม่ของผม ผมรู้ว่าแม่นวลอยู่คอนโดของศีไม่ได้หรอก ที่ทางบริเวณก็ไม่มี ศีก็เพื่อนเยอะ ปาร์ตี้เป็นประจำขนาดนั้น อย่าคิดมากนะครับแม่”
ทักษ์พูดจบแล้วโอบไหล่หญิงชราที่พยักหน้าหันมายิ้มเจื่อนสบตา แต่พอทักษ์ละสายตาหล่อนก็คลายยิ้มแล้วหันมองไปทางเรือนเล็กอย่างไม่ชอบใจ
ปิ่นมณีปิดผ้าม่านหน้าต่างทันทีที่ทักษ์เดินลับตาไป หล่อนไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟัง แต่เพราะไม่สบายใจเลยอดที่จะแอบดูความเป็นไปไม่ได้ ไหนจะยังต้องมาอาศัยชายหนุ่มแม้จะเป็นเพียงชั่วข้ามคืนก็ตามหล่อนก็ยังกลัวคำครหา โดยเฉพาะจากนางแบบสาวที่ทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของชายหนุ่ม
ไม่ได้การ!
เห็นทีต้องไปจากบ้านหลังนี้ให้เร็วที่สุด แต่นาฬิกาผนังห้องตีบอกเวลาเกือบห้าทุ่มนี่สิที่เป็นปัญหา หญิงสาวลุกยืนมองไปรอบๆ ห้อง แล้วได้แต่ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงอย่างหมดอาลัยตายอยาก
“นี่ฉันมาทำบ้าอะไรอยู่ที่นี่ ถ้าเสียเงินค่าโรงแรมสักคืนป่านนี้คงนอนตีพุงสบายใจเฉิบไปแล้ว”
หล่อนพรูลมหายใจหงุดหงิด หยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองมากดเปิดเท่าไหร่ก็ไม่ติด หน้าจอยังคงมืดสนิทแถมยังมีฝ้าน้ำอยู่ด้านใน หันรีหันขวางหวังเจอสิ่งที่ต้องการแต่ก็ต้องผิดหวัง
“ห้องก็ใหญ่ทำไมไม่มีโทรศัพท์บ้างนะ ให้มันได้อย่างนี้”
ทิ้งตัวลงนอนกลางเตียง พัดลมเพดานหมุนติ้วๆ ส่งเสียงดังพอได้เป็นเพื่อนไม่ให้เงียบสงัดเกินไป คงต้องรอให้ผ่านพ้นคืนนี้ หล่อนจะรีบจากไปไม่ให้ใครต้องมาลำบากไปด้วย แต่เสียงกุกกักดังนอกหน้าต่างทำให้หล่อนผุดลุก หน้าตื่นเมื่อเห็นเงา
เคลื่อนผ่าน
เงาด้านข้างเล็กๆ เหมือนเงาผู้หญิง!
ปิ่นมณียกสองมือปิดปากไม่ให้เสียงเล็ดลอดออกไปเมื่อเงานั้นมาหยุดอยู่ตรงหน้าต่างมีเพียงผ้าม่านขาวบางกั้นกับมุ้งลวดมีตะแกรงลูกกรงซี่บางคาดแบบบ้านโบราณ
“กลับ... ไป... กลับ... ไป... ถ้าไม่อยาก... ตาย”
เสียงเยือกเย็นดังแผ่วยาว สลับกับเสียงลมพลิ้วพัดผ่านจนผ้าม่านไหวพะเยิบพะยาบด้านนอก ปิ่นมณีตัวสั่นยกมือไหว้ปะหลกๆ ก่อนจะตะแคงคุดคู้กับเตียงแล้วดึงผ้านวมขาวผืนบางขึ้นมาห่มคลุมจนมิด
“สาธุ... อย่ามาหลอกมาหลอนกันเลยนะคุณสา”
ความกลัวแล่นเข้ามาจับจิตจนมือไม้สั่นไปหมดเมื่อคิดถึงแม่ของน้ำหอม เป็นไปได้ว่าหล่อนอาจจะหวงบ้าน ไม่ต้องการให้คนนอกมาพักพิง ปิ่นมณีพนมมือไหว้ยกสารพัดบทสวดมนต์เท่าที่พอจะท่องจำได้ขึ้นมาสวดเสียงดัง จนเสียงยานคางเยียบเย็นนั้นหายไป
“ไปที่ชอบๆ เถอะนะ” หล่อนย้ำคำเสียงเครือด้วยความกลัวสุดขีด “ที่ไม่ชอบก็ไม่ต้องมา ฉันขอร้องฉันยังไม่อยากตาย แล้วฉันไม่ได้อยากเจอคุณด้วย เช้าเมื่อไหร่ฉันจะรีบไปจากที่นี่ทันทีเลย ไม่ต้องมาหากันรอบสองหรอกนะคะคุณสา ฉันกลัวแล้ว”
หล่อนตอบยืดยาว พักใหญ่เสียงโหยหวนของหญิงสาวก็จางไปเหลือเพียงเสียงหัวเราะกังวานแผ่วเบาเย็นยะเยือกแล้วเลือนหายไปในที่สุด ปิ่นมณีผลักผ้าห่มออกจากตัวผุดลุกนั่งมองไปทางหน้าต่าง ไม่มีเงาเลือนร่างเล็กนั้นแล้ว
เกือบเจ็ดโมงเช้า ทักษ์เดินลงมาจากเรือนพร้อมลูกสาวตัวน้อยในชุดกีฬาสีเดียวกัน ในมือมีชามโจ๊กหอมกรุ่นที่ชายหนุ่มบรรจงทำโดยมีน้ำหอมคอยชิม สองพ่อลูกคุยกันกระหนุงกระหนิงมุ่งหน้าไปเรือนเล็ก แต่ยังไม่ทันได้เคาะประตูหน้าห้องแม่นวลก็เดินตรงมา
“ผู้หญิงคนนั้นไม่อยู่แล้วจ้ะพ่อทักษ์”
สองพ่อลูกหันขวับมาตามเสียง น้ำหอมโผเข้ากอดยายเอาใจ
“ครูไปแล้วหรือคะยาย ทำไมน้ำหอมไม่รู้เลย” เด็กน้อยเงยหน้าถาม อมลมเต็มแก้มยู่ปากขัดใจ “อุตส่าห์ให้คุณพ่อทำโจ๊กสูตรพิเศษมาให้ครูชิม... อดเลย”
ทักษ์วางชามบนโต๊ะหน้าประตูแล้วหันมาสบตาแม่ยาย พิมพ์นวลเหมือนจะรู้ใจรีบบอก
“เธอไปตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางแล้วจ้ะ แม่ห้ามยังไงก็ไม่ฟัง บอกให้รอเจอพ่อทักษ์ก่อนก็ไม่ยอมทำข้าวต้มมาให้แต่เช้าก็ไม่ยอมกินบอกจะรีบไป”
“งั้นหรือครับ”
“ไม่ไหวเลยจริงๆ เด็กสมัยนี้ ไปไม่ลามาไม่ไหว้ นี่แม่นึกว่าบอกพ่อทักษ์ไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วซะอีก”
“เฮอะ... ไปไม่บอกกล่าวกันเลย” ทักษ์หน้านิ่วคิ้วขมวด “ทำแบบนี้ใช้ไม่ได้จริงๆ ผมขอโทษแม่นวลด้วยนะครับที่ทำให้ต้องยุ่งยาก”
“สงสัยเธอคงเกรงใจพ่อทักษ์ ยังไม่ตื่นกันสักคน แม่ก็เลยเดินไปเป็นเพื่อนส่งขึ้นรถแท็กซี่หน้าปากซอย แล้วก็แวะตลาดซื้อปาท่องโก๋ของโปรดพ่อทักษ์ กับน้ำเต้าหู้ของโปรดน้ำหอมก่อนแล้วถึงกลับเข้าบ้านมานี่แหละจ้ะ”
“งั้นก็ช่างเธอเถอะครับ” ชายหนุ่มสีหน้าผิดหวัง แต่รีบกลบเกลื่อนสายตาจับผิด
“หรือว่าพ่อทักษ์เป็นห่วง แม่ขอโทษนะจ๊ะที่ไม่ได้รั้งเธอไว้”
“ไม่เป็นไรครับ” ทักษ์ยิ้มบางพลางส่ายหน้าแล้วเบนสายตาไปทางบ้านใหญ่ถามหาอีกคนแทน “แล้วศีล่ะครับ”
“รายนั้นยังไม่ตื่นหรอก พ่อทักษ์ก็รู้ ตะวันไม่ขึ้นตรงหัวไม่มีตื่นกับเขาหรอก” พิมพ์นวลส่ายหน้าระอาแล้วปรายตามองลูกเขย
“แม่ถึงได้เป็นห่วงยายศีนัก จะได้พบเจอผู้ชายดีๆ กับเขาบ้างรึเปล่าก็ไม่รู้”
“สักวันศีคงพบคนที่เหมาะสมกับเธอครับแม่นวล”
“แต่ใครจะรู้เหมือนที่พ่อทักษ์รู้ว่ายายศีขี้เกียจตัวเป็นขน คงไม่มีใครอยากได้มาทำเมียนอกจากคนที่พอจะรู้นิสัยกันอยู่. พิมพ์นวลถอนใจยาว แต่ปรายตามองมาอีกรอบ “จริงๆ นะจ๊ะ แม่ว่า...”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“ทำไมต้องพูดไม่ชอบบ่อยๆ ศีไม่อยากฟัง” หญิงสาวเม้มริมฝีปากจนห้อเลือด โผเข้ากอดชายหนุ่ม “พี่ทักษ์ก็รู้ว่าศิคิดยังไง ทำไมไม่ฟังกันบ้าง”
“ไม่ได้! พี่บอกว่าไม่ได้ ศีต้องฟังพี่” ทักษ์แกะข้อมือหญิงสาวออกจากการเกาะกุม
ราศีขัดขืนไม่ยอมท่าเดียว ยังคงกอดรัดแน่นกว่าเดิม แถมยังซบหน้าเข้ากับไหล่ชายหนุ่ม ร้องไห้สะอื้นสั่นเครือ
“ศีรักพี่ทักษ์ รักมานานแล้ว รักมาก่อนสาอีก”
“อย่าเพ้อเจ้อ พี่บอกไม่ได้! ยังไงก็ไม่ได้” ทักษ์เบี่ยงหน้าหลบเมื่อหญิงสาวเงยหน้าขึ้นพยายามจะจูบ
“ทำไมไม่ได้ ศีไม่สวยไม่ดีตรงไหน”
ทักษ์ถอนหายใจเหนื่อยหน่ายกับการต้องอธิบายซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ก็ต้องทำเพื่อให้ราศีหยุด
“พี่ไม่ได้รักเธอ เข้าใจไหม หยุดทำแบบนี้ซะที เธอจะทำให้พี่ต้องมีปัญหาอีกสักกี่ครั้งกัน”
พูดได้แค่นั้นทักษ์ก็ชะงัก แล้วหมุนตัวเดินกลับไปทางบันไดเรือนใหญ่ ราศีโวยวายตามหลังเสียงดัง
“ทำไมคะ! พี่ก็ไม่มีใคร ศีก็ไม่มีใคร ทำไมจะรักกันไม่ได้” หล่อนย้อนถามเสียงสะอื้นดึงข้อมือทักษ์ไว้แล้วสะอึกสะอื้นจนน่าสงสาร
“ทำไม!”
“เธอเมาแล้ว พูดไม่รู้เรื่อง ไปนอนเถอะ”
หนุ่มเซอร์ถึงกับเบือนหน้าหนี คลายมือจากข้อมือนุ่มนิ่มที่เกาะแผ่นหลังเขาไว้แน่นจนแทบจะเบียดรวมเข้าเป็นร่างเดียว ชั่วขณะแห่งความอึดอัดเขาก็เห็นร่างบอบบางโผล่พ้นจากพุ่มไม้
เป็นหล่อน!
ทักษ์เบิกตากว้างเมื่อเห็นปิ่นมณียิ้มแหยส่งมา ชายหนุ่มได้โอกาสแกะข้อมือนิ่มออกพ้นตัว เบี่ยงหลบก้าวเดินฉึบฉับมาทางครูสาว
ปิ่นมณีถึงกับผงะถอยหลังจะหันกลับไปทางบ้านเล็ก แต่ไม่ทันเพราะทักษ์ตรงเข้าคว้าร่างบอบบาง ดึงตัวหล่อนเข้าหาอ้อมกอดกระชับแน่น
“เพราะผู้หญิงคนนี้” เขาตอบชัดถ้อยชัดคำ
นางแบบสาวส่ายหน้าเบิกตาค้าง เปล่งเสียงออกมายากเย็น
“หมายความว่ายังไงอย่าบอกนะว่า”
“เธอคือคนรักของพี่” ทักษ์ย้ำชัดอีกรอบ
“ไม่จริง! ไม่จริง เป็นไปไม่ได้”
“จริงสิ ไม่งั้นเธอจะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“โกหก! พี่ทักษ์รู้ว่าศีจะมาก็เลยหาคนมาสมอ้างใช่ไหม”
“ดูละครน้ำเน่ามากไปรึเปล่า พี่ไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นเลย”
ทักษ์มองหล่อน แววตาเด็ดเดี่ยวบ่งบอกว่าเขาพูดจริงเพียงใด ราศีเองต่างหากที่ไม่เคยเข้าใจ ไม่พยายามเข้าใจและสร้างปัญหาให้เขาต้องตามแก้เสมอ
ราศีตาขวางน้ำตากลบตา มองทักษ์สลับกับหญิงสาวในอ้อมกอด กระโจนเข้าทุบตี ทักษ์ไม่ได้ปัดป้องแต่เบี่ยงตัวกันปิ่นมณีไว้แล้วเอาแผ่นหลังรับฝ่ามือราศีจนพอใจ
ปิ่นมณีตะลึง งุนงงตั้งตัวไม่ติด ทั้งสับสนเมื่อจู่ๆ ก็โดนโอบไว้ด้วยอ้อมแขนจนใบหน้าซุกกับอกแข็งแกร่ง ทักษ์คงลืมไปว่าหล่อนมีวิชา และจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเมื่อจวนตัว
“ปล่อยฉันนะคุณหนวด” หล่อนกระซิบพยายามผลักอกชายหนุ่ม “ฉันบอกให้ปล่อยไง เธอเข้าใจผิดใหญ่แล้ว”
“ก็ดีแล้ว” ทักษ์ตอบแผ่วเบาข้างหู
“ดีที่ไหน ไม่ดี!” หล่อนเอ็ด “ปล่อยนะ”
ก่อนที่ทักษ์จะทันได้พูดอะไร เสียงกร้าวจากด้านหลังก็ดังขึ้น ราศีถึงกับเงื้อมือค้าง หันกลับไปตามเสียงทันที
“ทำอะไรกัน!”
ทักษ์ปล่อยมือออกจากร่างนุ่มทันทีที่พิมพ์นวลก้าวฉับๆ เข้ามา ราศีเห็นท่าไม่ดีรีบถลาเข้าเกาะแขนแม่ประจบเอาใจทั้งที่น้ำตากลบตา พิมพ์นวลตาวาวจ้องจนราศีกลัวหงอ
“มีเรื่องอะไรบอกแม่นะยายศี”
“ไม่มีอะไรหรอกแม่ เข้าบ้านกันดีกว่านะ”
“ไม่มีอะไรได้ไง” พิมพ์นวลเบี่ยงตัวออกแล้วปรายตามองไปทางลูกเขย “แม่เห็นกับตา”
“บอกไม่มีก็ไม่สิจ๊ะ”
“คิดว่าแม่โง่หรือไง ยายศี”
พิมพ์นวลทุบหลังลูกสาวที่ก้มหน้าคอตกด้วยความหงุดหงิด ราศีกลิ่นเหล้าหึ่งไปทั้งตัวแล้วทำหน้าพะอืดพะอมปิดปากท่าทางเหมือนอยากอาเจียน ทำให้พิมพ์นวลถอนหายใจหน่วงเข้าประคอง
ปิ่นมณีถึงกับตัวเกร็งเมื่อเห็นสายตาแม่นวลใจดีของทักษ์ ดวงตาสีดำสนิทถลึงมองมายังหล่อนราวจงอางหวงไข่
ไม่ได้รู้สึกไปเองแน่ๆ!
ปิ่นมณีรีบกระเถิบถอยออกห่างจากเจ้าของบ้านหนุ่มโดยอัตโนมัติ ทักษ์มองหล่อนสลับกับสองแม่ลูกที่ยืนโอบกันด้วยท่าทางเก้กังจนหล่อนรู้สึก จากมือปลาหมึกที่แกล้งยื้อเมื่อครู่กลับกระชับไพล่หลังแล้วกวักเหมือนจะไล่กลายๆ
ทั้งที่ยืนหันหลังให้แท้ๆ หล่อนจะรู้ได้ยังไงว่าชายหนุ่มคิดอะไร จนเมื่อเขาหันมาหรี่ตาใส่แล้วโบกมือไล่อีกรอบ หล่อนจำต้องหันหลังกลับทั้งที่ไม่รู้เรื่องราว
“อ้าว! จะรีบไปไหนยะ”
เสียงแหวไล่หลังจากหญิงสาวคนเดิมดังอ้อแอ้ ปิ่นมณีชะงักหันกลับมาอีกครั้งก็พบว่าทักษ์เข้าไปรั้งแขนนางแบบสาวไว้ไม่ให้ตามมา
“มีมารยาทหน่อย เธอเป็นแขกของพี่” ทักษ์เอ่ยหน้าเรียบเฉย แต่น้ำเสียงกระชากไม่พอใจ “ให้เธอไปพัก อย่ากวน”
“แต่ว่า” ราศีแย้ง หน้าสวยใสหงิกงอ จนพิมพ์นวลหยิกต้นแขน
“พูดจาดีๆ หน่อย เราเป็นเจ้าบ้าน” หญิงชราปรามแล้วปรายตามองมาทางแขกคนใหม่ “พ่อทักษ์ก็บอกแล้วว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นแขก”
หล่อนเน้นหนักที่คำสุดท้าย ก่อนจะหันมายิ้มหวานแต่น้ำเสียงเย็นเยียบให้ลูกเขย
“ใช่ไหมจ๊ะ พ่อทักษ์”
“ครับ” ทักษ์ตอบสั้นแต่สีหน้ากระอักกระอ่วน
ชายหนุ่มมองแม่นวลสลับกับมองไปอีกทางที่ครูสาวเดินลับไปแล้วได้แต่ถอนใจ เขาไม่ชอบใจเลยที่พี่สาวฝาแฝดของภรรยาทำตัวเหมือนเป็นเจ้าเข้าเจ้าของทั้งที่ความจริงแล้วเขาไม่ได้คิดอะไรกับหล่อนสักนิด
ราศีสวยเปรี้ยว พิษสงแพรวพราว ผิดกับริสาภรรยาที่จากไป ทั้งที่หน้าตาสะสวยเหมือนกัน แต่นิสัยสองสาวต่างกันอย่างสิ้นเชิง แล้วเขาเองก็ไม่ต้องการสานสัมพันธ์กับราศีอย่างที่หล่อนคิด
“งั้นเราก็เข้าบ้านกันดีกว่านะคะพี่ทักษ์” ราศีตรงเข้าเกาะแขนแข็งแรงของเขา “นะคะ”
เสียงออดอ้อนของหล่อน ทำให้ชายหนุ่มละสายตาจากประตูบ้านเล็กหันกลับมามองหล่อน ดวงตาคมดุแต่งแต้มเครื่องสำอางหนาสบสายตาเขาแกมบังคับกลายๆ แต่ทักษ์หรือจะอ่อนให้หล่อน
“ศีเข้าไปกับแม่ก่อนเถอะ พี่จะดูแลปิดประตูบ้านก่อน”
“ก็ปิดแล้วจะปิดอะไรอีก พี่ทักษ์จะหาโอกาสไปหามันสิไม่ว่า” ราศีเสียงแข็งตาวาวมองค้อนคนในบ้านเล็ก
ทักษ์ส่ายหน้าระอาก่อนจะแกะมือหญิงสาว
“ขอร้องนะศี เข้าบ้านไป พี่เหนื่อยที่จะเถียงกับเธอ”
พูดจบทักษ์ก็แกะมือหล่อนออกแล้วเดินฉากออกไป ราศีมองตามไปด้วยความหงุดหงิด คิดจะเดินตามไปคุยให้รู้เรื่องแต่ติดที่แม่นวลรั้งไว้ หล่อนหันมามองแม่แล้วกระทืบเท้าเร่าๆ ขัดใจ
“แม่!” หล่อนแหวใส่ “จะดึงศีทำไม ศีจะไปกับพี่ทักษ์”
“แกจะไปทำไม” แม่นวลเสียงขุ่น “ไม่เห็นรึไงว่าเขารำคาญแกแค่ไหน”
“แม่! ทำไมไม่ให้กำลังใจกันเลย” ราศีหันขวับมาตวาดรอบสอง แม่ช่างพูดจี้ใจดำหล่อนนัก
“เหล้าน่ะ กินเข้าไป กินให้ตายผู้ชายที่ไหนคงสนใจนางเมรีขี้เมาหยำเปหรอก”
“แม่!”
ราศีตวาดแว๊ด สีหน้าเหมือนจะร้องไห้ที่คำพูดของแม่แทงใจหล่อนจนแทบจะทนไม่ไหว
“ไม่ต้องพูด แกอยากให้แม่โดนพ่อทักษ์เฉดหัวออกจากบ้านด้วยหรือไง แค่นี้แม่ก็เหมือนกาฝากมาอาศัยลูกเขยอยู่แล้ว หัดทำตัวดีๆ หน่อยสิ”
พิมพ์นวลเค้นคำและมองลูกสาวที่เหลือคนเดียวด้วยสายตาเครียดขึง สะบัดข้อมือหลุดพ้นจากการเกาะกุม ราศีหน้าเสียมองแม่ด้วยดวงตาพราวน้ำตา
“แต่แม่ก็ไม่ได้อาศัยพี่ทักษ์ฟรีๆ ซะเมื่อไหร่” หล่อนแย้ง “ก็ทำงานบ้านสารพัด ไหนจะเลี้ยงยายหอมให้เวลาไม่อยู่อีก แค่นี้ก็เกินคุ้มแล้ว พี่ทักษ์ไม่ต้องเสียค่าจ้างคนใช้ พี่เลี้ยงเด็กสักกะบาท”
“ยายศี! แกกล้าว่าแม่เป็นคนใช้ได้ยังไง”
พิมพ์นวลหยิกต้นแขนขาวลูกสาวจนหล่อนนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ
หยิกเล็บเจ็บเนื้อ หรือ จะสู้เจ็บใจที่โดนคนที่รักที่สุดพูดจาร้ายใส่ หญิงชราไม่ยอมปล่อยมือด้วยความโมโห จนราศีท้วงหล่อนถึงได้คลายลง
“เจ็บนะแม่” หล่อนท้วงเสียงอ่อย “ศีก็ไม่ได้หมายความแบบนั้นสักหน่อย”
“ก็เพราะเจ็บนะสิ จะได้มีสติ” พิมพ์นวลตวัดหางตามอง “หุบปากแล้วเข้าบ้านไป พ่อทักษ์เดินมาโน่นแล้ว”
“ก็ได้ แค่นี้ต้องดุกันด้วย”
ราศีชักสีหน้าค้อนขวับแม่แล้วก้าวฉับๆ ผ่านหน้าทักษ์ที่เดินย้อนกลับมาสมทบหลังจากปิดประตูรั้วเสร็จ ชายหนุ่มส่ายหน้าท่าทางระอาเกินจะเอ่ย
“หมดฤทธิ์แล้วหรือครับ”
“จ้ะ พ่อทักษ์อย่าถือสาน้องเลยนะจ๊ะ” พิมพ์นวลเสียงอ่อย ก้าวเข้าหาชายหนุ่มและส่งสายตาวิงวอน
“ไม่เป็นไรหรอกครับแม่นวล ผมเข้าใจ”
“ถ้าพ่อทักษ์ไม่สบายใจ จะให้แม่กลับไปอยู่ที่คอนโดก็ได้ ยายศีจะได้ไม่มาวุ่นวายอีก” หล่อนพูดพลางยกปลายนิ้วซับน้ำตา
“ผมจะทำแบบนั้นได้ยังไงครับ” ทักษ์ยิ้มฝืดจ้องแม่ยายแล้วตอบ “แม่นวลเป็นแม่ของสาเป็นยายของน้ำหอม ไม่ใช่ใครที่ไหนเสียเมื่อไหร่กัน”
“แต่ว่า...”
“นะครับ” ทักษ์อ้อนวอน “อย่าคิดมากเลยครับ ผมรู้นิสัยศีดี ผมไม่ถือหรอกครับ”
“แม่ขอบใจพ่อทักษ์มากๆ นะลูก” พิมพ์นวลยิ้มทั้งน้ำตาเสียงสะอื้น “ไม่มีสาแล้วแม่ก็เหมือนตัวคนเดียว มีลูกสาวอีกคนก็เหมือนไม่มี ไม่มีใครดีเหมือนสาอีกแล้ว ไม่น่ามาด่วนทิ้งแม่ไปเลย”
หล่อนก้มหน้าปาดน้ำตาคร่ำครวญเป็นที่น่าเวทนาจนทักษ์ถอนใจรีบปลอบ
“แม่นวลเป็นแม่ของสาก็เหมือนแม่ของผม ผมรู้ว่าแม่นวลอยู่คอนโดของศีไม่ได้หรอก ที่ทางบริเวณก็ไม่มี ศีก็เพื่อนเยอะ ปาร์ตี้เป็นประจำขนาดนั้น อย่าคิดมากนะครับแม่”
ทักษ์พูดจบแล้วโอบไหล่หญิงชราที่พยักหน้าหันมายิ้มเจื่อนสบตา แต่พอทักษ์ละสายตาหล่อนก็คลายยิ้มแล้วหันมองไปทางเรือนเล็กอย่างไม่ชอบใจ
ปิ่นมณีปิดผ้าม่านหน้าต่างทันทีที่ทักษ์เดินลับตาไป หล่อนไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟัง แต่เพราะไม่สบายใจเลยอดที่จะแอบดูความเป็นไปไม่ได้ ไหนจะยังต้องมาอาศัยชายหนุ่มแม้จะเป็นเพียงชั่วข้ามคืนก็ตามหล่อนก็ยังกลัวคำครหา โดยเฉพาะจากนางแบบสาวที่ทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของชายหนุ่ม
ไม่ได้การ!
เห็นทีต้องไปจากบ้านหลังนี้ให้เร็วที่สุด แต่นาฬิกาผนังห้องตีบอกเวลาเกือบห้าทุ่มนี่สิที่เป็นปัญหา หญิงสาวลุกยืนมองไปรอบๆ ห้อง แล้วได้แต่ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงอย่างหมดอาลัยตายอยาก
“นี่ฉันมาทำบ้าอะไรอยู่ที่นี่ ถ้าเสียเงินค่าโรงแรมสักคืนป่านนี้คงนอนตีพุงสบายใจเฉิบไปแล้ว”
หล่อนพรูลมหายใจหงุดหงิด หยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองมากดเปิดเท่าไหร่ก็ไม่ติด หน้าจอยังคงมืดสนิทแถมยังมีฝ้าน้ำอยู่ด้านใน หันรีหันขวางหวังเจอสิ่งที่ต้องการแต่ก็ต้องผิดหวัง
“ห้องก็ใหญ่ทำไมไม่มีโทรศัพท์บ้างนะ ให้มันได้อย่างนี้”
ทิ้งตัวลงนอนกลางเตียง พัดลมเพดานหมุนติ้วๆ ส่งเสียงดังพอได้เป็นเพื่อนไม่ให้เงียบสงัดเกินไป คงต้องรอให้ผ่านพ้นคืนนี้ หล่อนจะรีบจากไปไม่ให้ใครต้องมาลำบากไปด้วย แต่เสียงกุกกักดังนอกหน้าต่างทำให้หล่อนผุดลุก หน้าตื่นเมื่อเห็นเงา
เคลื่อนผ่าน
เงาด้านข้างเล็กๆ เหมือนเงาผู้หญิง!
ปิ่นมณียกสองมือปิดปากไม่ให้เสียงเล็ดลอดออกไปเมื่อเงานั้นมาหยุดอยู่ตรงหน้าต่างมีเพียงผ้าม่านขาวบางกั้นกับมุ้งลวดมีตะแกรงลูกกรงซี่บางคาดแบบบ้านโบราณ
“กลับ... ไป... กลับ... ไป... ถ้าไม่อยาก... ตาย”
เสียงเยือกเย็นดังแผ่วยาว สลับกับเสียงลมพลิ้วพัดผ่านจนผ้าม่านไหวพะเยิบพะยาบด้านนอก ปิ่นมณีตัวสั่นยกมือไหว้ปะหลกๆ ก่อนจะตะแคงคุดคู้กับเตียงแล้วดึงผ้านวมขาวผืนบางขึ้นมาห่มคลุมจนมิด
“สาธุ... อย่ามาหลอกมาหลอนกันเลยนะคุณสา”
ความกลัวแล่นเข้ามาจับจิตจนมือไม้สั่นไปหมดเมื่อคิดถึงแม่ของน้ำหอม เป็นไปได้ว่าหล่อนอาจจะหวงบ้าน ไม่ต้องการให้คนนอกมาพักพิง ปิ่นมณีพนมมือไหว้ยกสารพัดบทสวดมนต์เท่าที่พอจะท่องจำได้ขึ้นมาสวดเสียงดัง จนเสียงยานคางเยียบเย็นนั้นหายไป
“ไปที่ชอบๆ เถอะนะ” หล่อนย้ำคำเสียงเครือด้วยความกลัวสุดขีด “ที่ไม่ชอบก็ไม่ต้องมา ฉันขอร้องฉันยังไม่อยากตาย แล้วฉันไม่ได้อยากเจอคุณด้วย เช้าเมื่อไหร่ฉันจะรีบไปจากที่นี่ทันทีเลย ไม่ต้องมาหากันรอบสองหรอกนะคะคุณสา ฉันกลัวแล้ว”
หล่อนตอบยืดยาว พักใหญ่เสียงโหยหวนของหญิงสาวก็จางไปเหลือเพียงเสียงหัวเราะกังวานแผ่วเบาเย็นยะเยือกแล้วเลือนหายไปในที่สุด ปิ่นมณีผลักผ้าห่มออกจากตัวผุดลุกนั่งมองไปทางหน้าต่าง ไม่มีเงาเลือนร่างเล็กนั้นแล้ว
เกือบเจ็ดโมงเช้า ทักษ์เดินลงมาจากเรือนพร้อมลูกสาวตัวน้อยในชุดกีฬาสีเดียวกัน ในมือมีชามโจ๊กหอมกรุ่นที่ชายหนุ่มบรรจงทำโดยมีน้ำหอมคอยชิม สองพ่อลูกคุยกันกระหนุงกระหนิงมุ่งหน้าไปเรือนเล็ก แต่ยังไม่ทันได้เคาะประตูหน้าห้องแม่นวลก็เดินตรงมา
“ผู้หญิงคนนั้นไม่อยู่แล้วจ้ะพ่อทักษ์”
สองพ่อลูกหันขวับมาตามเสียง น้ำหอมโผเข้ากอดยายเอาใจ
“ครูไปแล้วหรือคะยาย ทำไมน้ำหอมไม่รู้เลย” เด็กน้อยเงยหน้าถาม อมลมเต็มแก้มยู่ปากขัดใจ “อุตส่าห์ให้คุณพ่อทำโจ๊กสูตรพิเศษมาให้ครูชิม... อดเลย”
ทักษ์วางชามบนโต๊ะหน้าประตูแล้วหันมาสบตาแม่ยาย พิมพ์นวลเหมือนจะรู้ใจรีบบอก
“เธอไปตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางแล้วจ้ะ แม่ห้ามยังไงก็ไม่ฟัง บอกให้รอเจอพ่อทักษ์ก่อนก็ไม่ยอมทำข้าวต้มมาให้แต่เช้าก็ไม่ยอมกินบอกจะรีบไป”
“งั้นหรือครับ”
“ไม่ไหวเลยจริงๆ เด็กสมัยนี้ ไปไม่ลามาไม่ไหว้ นี่แม่นึกว่าบอกพ่อทักษ์ไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วซะอีก”
“เฮอะ... ไปไม่บอกกล่าวกันเลย” ทักษ์หน้านิ่วคิ้วขมวด “ทำแบบนี้ใช้ไม่ได้จริงๆ ผมขอโทษแม่นวลด้วยนะครับที่ทำให้ต้องยุ่งยาก”
“สงสัยเธอคงเกรงใจพ่อทักษ์ ยังไม่ตื่นกันสักคน แม่ก็เลยเดินไปเป็นเพื่อนส่งขึ้นรถแท็กซี่หน้าปากซอย แล้วก็แวะตลาดซื้อปาท่องโก๋ของโปรดพ่อทักษ์ กับน้ำเต้าหู้ของโปรดน้ำหอมก่อนแล้วถึงกลับเข้าบ้านมานี่แหละจ้ะ”
“งั้นก็ช่างเธอเถอะครับ” ชายหนุ่มสีหน้าผิดหวัง แต่รีบกลบเกลื่อนสายตาจับผิด
“หรือว่าพ่อทักษ์เป็นห่วง แม่ขอโทษนะจ๊ะที่ไม่ได้รั้งเธอไว้”
“ไม่เป็นไรครับ” ทักษ์ยิ้มบางพลางส่ายหน้าแล้วเบนสายตาไปทางบ้านใหญ่ถามหาอีกคนแทน “แล้วศีล่ะครับ”
“รายนั้นยังไม่ตื่นหรอก พ่อทักษ์ก็รู้ ตะวันไม่ขึ้นตรงหัวไม่มีตื่นกับเขาหรอก” พิมพ์นวลส่ายหน้าระอาแล้วปรายตามองลูกเขย
“แม่ถึงได้เป็นห่วงยายศีนัก จะได้พบเจอผู้ชายดีๆ กับเขาบ้างรึเปล่าก็ไม่รู้”
“สักวันศีคงพบคนที่เหมาะสมกับเธอครับแม่นวล”
“แต่ใครจะรู้เหมือนที่พ่อทักษ์รู้ว่ายายศีขี้เกียจตัวเป็นขน คงไม่มีใครอยากได้มาทำเมียนอกจากคนที่พอจะรู้นิสัยกันอยู่. พิมพ์นวลถอนใจยาว แต่ปรายตามองมาอีกรอบ “จริงๆ นะจ๊ะ แม่ว่า...”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
lovereason2
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 มี.ค. 2560, 14:41:54 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 มิ.ย. 2560, 17:42:40 น.
จำนวนการเข้าชม : 1121
<< บทที่ 4 : 50% | บทที่ 4 : 100% >> |
Reddy 31 มี.ค. 2560, 15:30:39 น.
รู้สึกแม่นวลน่ากลัวแหะจะเก็บลูกสาวให้ลูกเขยแน่ๆ
รู้สึกแม่นวลน่ากลัวแหะจะเก็บลูกสาวให้ลูกเขยแน่ๆ
lovereason2 3 เม.ย. 2560, 13:44:19 น.
คุณReddy โปรดติดตามตอนต่อไปค่า ^^
คุณReddy โปรดติดตามตอนต่อไปค่า ^^