A castle wall *กำแพงรัก*
ถ้าความรักคือเรื่องของคนสองคน ต้องมนต์ คงไม่นับรวมอยู่ในนั้นเป็นแน่ เพราะการแอบรักคนที่ไม่มีวันเป็นไปได้อย่าง ปัถย์ มันก็เหมือนยืนบนพื้นดินแล้วแหงนคอมองคนบนหอคอย อย่างไรอย่างนั้น...แต่ก็ไม่รู้ทำไม เสียงข้างในจิตใจก็ร่ำร้องถึงเค้าอยู่ร่ำไปสิน่า..
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ 5 : แม่มดน้อย - - -(55%)

บทที่ 5 : แม่มดน้อย - - -(55%)



หลังจากผ่านพ้นเหตุการณ์ทำร้ายหัวใจดวงน้อยน้อยของฉันไป คุณปราชญ์ก็ให้พี่แม่บ้านมาเชิญฉันและขิงไปพบท่านที่ห้องทำงาน ขิงปฏิเสธที่จะเข้าไปพบท่านพร้อมกับฉัน มันให้เหตุผลว่า จะขอสอดส่องท่าทีของสองคนนั่น(วิญญาณนักสืบเข้าสิงเพื่อนฉันเข้าแล้ว) ฉันพูดคุยกับคุณปราชญ์เพียงเล็กน้อย แล้วจึงถือโอกาสล่ำลา แต่จิตใจประหวัดไปถึงคนคู่นั้นที่ยืนแสดงบทเลิฟซีนที่สระว่ายน้ำต่อหน้าต่อตา...มันน่าเจ็บใจนัก!!!!!(มีสิทธิ์อะไรไปโกรธเค้าเนี่ย)



ระหว่างทางที่ขับรถกลับ ขิงได้แต่พูดถึงบทรักเร่าร้อนของคนคู่นั้นอย่างไม่ขาดปาก มันบอกว่าหลังจากที่ฉันเข้าไปพบ หญิงสาวไฟแรงสูงก็จูงมือชายหนุ่มไปยังเก้าอี้พลาสติกสีขาวที่วางผ้าขนหนูของเขา เมื่อชายหนุ่มนั่งลงหล่อนก็ทอดกายตามลงบนตักของชายหนุ่มทันที(บัดสีบัดเถลิงที่สุด) เพื่อนสาวออกอาการเล่าอย่างถึงพริกถึงขิงว่า หนุ่มสาวคู่นั้นลูบไล้เรือนร่างกันอย่างเปิดเผย ไม่อายสายตาแม่บ้านและผู้ร่วมสังเกตการณ์เช่นมันเลย ท้ายที่สุดแล้วมันก็ได้จัดการถอนคำพูดเรื่องการสารภาพความในใจของฉันโดยบอกฉันว่า “แกอย่าเอาไม้ซี่ไม้งัดไม้ซุงเลย แค่นี้แกก็ต้อยต่ำกว่าแม่สาวกางเกงสั้นกุดล่ะ”(ขอบใจน้า)....ฉันได้แต่หันมองเพื่อนสาวด้วยสีหน้าซังกะตาย ไม่อยากจะเอ่ยคำพูดอะไรไปทั้งสิ้น รู้สึกแค่ว่าหัวใจของฉันมันเต้นช้าลงไปทุกที



“นี่แกอย่าคิดมากนะ หาใหม่ซะ.......เฮ่ย จริงจริงแกไม่ควรจะมาอาลัยอาวรณ์ซังกะตายแบบนี้นะ ทำอย่างกับว่า คบหากันมาสัก5ปีก็ไม่ปาน”



เพื่อนสาวทิ้งท้ายก่อนจะก้าวลงจากรถ ตอนที่ฉันส่งมันลงหน้าประตูบ้าน ฉันได้แต่พยักเพยิดรับคำปลอบโยน(แบบลูกทุ่งของมัน)

หัวใจอ่อนล้า ไร้เรี่ยวแรง ฉันจึงล้มตัวลงนอนบนเตียง แอบน้ำตาซึมเสียใจเล็กน้อย แต่ก็พยายามหักห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลอีกครั้ง(ฉันดูดราม่ากว่าที่ใครคิดนะ) แม้จะเสียใจอยู่แต่ฉันก็คิดคำนึงว่า ควรเจียมหัวใจไว้บ้าง บางทีเหตุการณ์ที่คุณปัถย์จูบฉันในวันนั้น อาจจะเป็นเพราะ...........เป็นเพราะอะไรล่ะ!!! ฉันก็หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้สักที ฉันได้แต่นอนคิดถึงเรื่องจูบวนไปวนมา พร้อมกับตั้งคำถามวนเวียนในสมองน้อยๆ ว่าทำไมเค้าถึงทำแบบนั้น....แล้วจูบวันนี้ล่ะ กับผู้หญิงไฟแรงสูง กางเกงสั้นกุดนั่น? แล้วฉันล่ะ? ความรู้สึกสับสนปนเปตีกันให้วุ่นวายในหัวของฉัน ก่อนที่ฉันจะผล็อยหลับทั้งที่เรื่องราวยังคงคาใจอยู่อย่างนั้น



เช้าวันอาทิตย์ที่สดใส เพราะบ้านเราอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา แต่ฉันกลับซึมกะทือเหมือนคนเพิ่งฟื้นจากอาการไข้หวัดใหญ่ พ่อกับแม่ได้แต่มองหน้ากันไปมา(คงคิดในใจว่า...ลูกตัวเองจิตหลุด) ฉันพยายามรวบรวมพละกำลังเพื่อพิมงานเอกสารที่ได้รับมอบหมายมาจากคุณปราชญ์เมื่อวานให้เสร็จทันภายในวันนี้ ในช่วงบ่ายของวันฉันได้รับข้อความจากคุณปราชญ์ว่า งานเลี้ยงต้อนรับของท่านจะจัดขึ้นในวันศุกร์หน้าที่บ้าน ปิลันธบุตร ส่วนเรื่องรายละเอียดท่านจะแจ้งให้ฉันทราบในวันพรุ่งนี้ที่เราพบกัน....โอ๊ยยย วันพรุ่งนี้ก็ต้องไปบ้าน ปิลันธบุตร อีกแล้ว หัวใจฉันยังไม่แข็งแรงเลยนะ!!! ไม่พร้อมอ้ะ!!!


ฉันละสายตาจากการรัวแป้นพิม เดินลงไปยังชั้นล่างของบ้าน ก็พบว่าแม่กำลังก้มหน้าก้มตาจดจ่ออะไรสักอย่าง ฉันละสายตาจากแม่แล้วจึงเดินเลยไปยังตู้เย็น



“แป๋มมานี่มาลูก...มาดูนี่สิ”
แม่ส่งเสียงเรียกเชิญชวนให้ฉันเดินไปสิ่งที่ท่านกำลังให้ความสนใจอยู่



“อะไรเหรอแม่”
ฉันยกแก้วน้ำดื่มจนหมดแก้วแล้วจึงเดินตรงไปโซฟาตัวสีน้ำเงินที่แม่นั่งอยู่


“นี่คือลูกชายของคุณปราชญ์รึเปล่าลูก เห็นนามสกุลเหมือนกัน”
แม่ยื่นหนังสือเล่มนึงมายังฉัน พร้อมทั้งชี้หน้าบุรุษที่ปรากฏในเนื้อหาด้านในของหนังสือ ทันทีที่ได้ยินชื่อของพ่อเทพบุตรฉันก็เกิดอาการกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันตาเห็น


“หน้าตาหล่อเนอะลูก...ดูสิแป๋ม"
ฉันหยิบนิตยสารในมือแม่มาอ่าน พลันกวาดสายตาใช่เค้าจริงจริงด้วย หล่อลากกระชากจิตฉันเสียเหลือเกิน



“เคยเห็นตัวจริงบ้างรึเปล่าแป๋ม”



“เคยค่ะ...ตัวจริงก็เหมือนในรูปเนี่ยแหละแม่”

ฉันก้มลงมองและไล่เรียงสายตาอ่านบทสัมภาษณ์ทีละตัวอักษรอย่างตั้งใจ(ลืมเรื่องงานพิมเอกสารที่ค้างไว้เสียสนิท) ในบทความใช้ตัวอักษรเน้นเข้มว่า “ปัถย์ ปิลันธบุตร ผู้พลิกฟื้นวงการอสังหาริมทรัพย์ให้คืนชีพ” ดูยิ่งใหญ่ชะมัด...เนื้อหาส่วนใหญ่กล่าวถึงเรื่องกลยุทธ์ในการก่อตั้งธุรกิจ เขาเริ่มต้นว่าได้เริ่มศึกษาการก่อตั้งธุรกิจด้วยตัวเองสมัยไปศึกษาระดับปริญญาโทที่ประเทศสหรัฐอเมริกา แล้วเกิดโชคดีได้พบกับผู้ร่วมอุดมการณ์เดียวกัน นั่นคือเพื่อนชายชาวสวีเดนที่พบกันในชั้นเรียนวิชา Business strategy and planning โชคดีที่เพื่อนเขามีธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์อยู่ก่อนหน้าแล้ว ความที่พูดคุยอย่างถูกคอ เขาจึงตัดสินใจร่วมลงทุน โดยขอบุกเบิกตลาดมาแถบประเทศเอเชียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จนกระทั่งธุรกิจเติบโตตั้งแต่นั้นเรื่อยมาก้าวขึ้นเป็นธุรกิจก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์อันดับสามได้อย่างไม่ยากเย็น ภายใต้ชื่อ The Build. ฉันไล่สายตาอ่านมาจนกระทั่งหัวข้อเรื่องที่ฉันอยากรู้ นั่นคือเรื่องคู่ครอง คุณปัถย์ตอบในบทสัมภาษณ์ว่ายังไม่มีใครตอนนี้ เพราะทำงานมาตลอดไม่มีเวลาไปมองหาสาวที่ไหน(ฉันแอบเบะปากเมื่อเห็นคำตอบ...แล้วแม่สาวไฟแรงสูงนั่นล่ะ..ชิ!!!!)คำถามถัดมาจึงเป็นเรื่องของสาวในอุดมคติ คำตอบที่ฉันได้รับรู้และมันยังคงเป็นข้อความที่ฉันจำได้ขึ้นใจ



“ผมชอบคนที่รับตัวตนของผมได้ และมีความเป็นแม่บ้านอยู่ในตัว ผมเป็นคนชอบอยู่บ้านน่ะ ส่วนเรื่ององค์ประกอบภายนอกผมชอบผู้หญิงขาสวยครับ”



พับผ่าสิ!!นั่นมันฉันชัดชัด....ฉันรีบรวบนิตยสารวิ่งขึ้นไปยังห้องนอนของตัวเองทันที พลันมองหาโทรศัพท์มือถือที่วางข้างๆกับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ต่อสายไปยังเพื่อนรักตัวดี



“ขิง....แกอ่านบทสัมภาษณ์คุณปัถย์ยัง”



“สัมภาษณ์ไรของแกว่ะ”



“แกออกไปซื้อมาเลยนะ เดี๋ยวนี้ แล้วแกอ่านตรงหน้าท้ายๆของบทสัมภาษณ์นะ ผู้หญิงในอุดมคติเค้าเป็นฉันได้เลยนะ” ฉันตอบกลับด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น อยากให้ขิงได้รับรู้ว่า สเปคของคุณปัถย์มันก็ไม่ได้สูงเสียดฟ้าซะหน่อย



“เออๆ ท่าจะบ้านะแกเนี่ย” ขิงตัดสายไปแล้ว แต่ฉันยังนั่งอมยิ้มไป มองรูปถ่ายของคนในหนังสือไป คนอะไร...รูปหล่อ จิตใจดี มีความมุ่งมั่น แถมยังไม่เรื่องมากอีก...ดูสิ ขนาดสาวในอุดมคติยังดูบ้านบ้านเลย...แอร๊ยยย เขิน (ฉันลืมอาการเศร้าสลดของตัวเองในเหตุการณ์เมื่อวานไปเสียสนิท)



หนึ่งชั่วโมงพอดิบพอดี เพื่อนสาวก็โทรศัพท์มายังฉัน แต่มันหาได้ร่วมยินดีกับฉันอย่างที่หวังไว้ไม่ มันเริ่มต้นการสนทนาด้วยแผดเสียงโวยวายว่าฉันปัญญาอ่อน บ๊องตื้น ที่ให้มันถ่อสังขารออกไปซื้อนิตยสารวงการก่อสร้าง แถมเนื้อหาข้างในก็ไม่มีอะไรที่บ่งบอกว่าเป็นฉันเลยสักกะนิด ขิงไม่เปิดโอกาสให้ฉันได้แก้ตัวแต่อย่างใด มันบอกว่าฉันควรจะไปบำบัดอาการเพี้ยนซะ แค่อ่านบทสัมภาษณ์แล้วมาเหมาว่าเป็นตัวเอง เป็นเรื่องที่คนสติดีดีเค้าไม่ทำกัน.....ง่า........



“นี่แกบ้าป้ะยายแป๋ม...ฉันไม่เห็นประโยคไหนในบทสัมภาษณ์มันเป็นแกเลยนะ แม่บ้านแม่เรือนอย่างเงี้ย...ไข่ดาวแกยังทอดไม่เป็นจะกินเลย แล้วนี่นี่ ข้อสุดท้าย ขาสวย...บ้านไม่มีกระจกใช่ม่ะ ถ้าแกขาสวยผู้หญิงทั้งโลกคงไปเป็นนางแบบหมดแล้ว!!!!!!”



อร๊ายยยยยยย นังเพื่อนทรยศ!! มันทิ้งลูกระเบิดความแรงมหาศาลไว้ที่ฉัน ก่อนตัดสายทิ้งอย่างไม่ใยดี ฉันนั่งระลึกว่า....ฉันควรจะเลิกคบมันดีไหมนะ



ฉันเดินทางมาถึงบ้านปิลันธบุตรในเวลา เก้าโมงเช้าของวันเริ่มต้นสัปดาห์ ทันทีที่ฉันลงจากรถ พ่อเทพบุตรของฉันก็ปรากฏให้เห็น ฉันสูดลมหายใจเข้าปอดหนึ่งครั้ง แล้วเดินเข้าบ้านอย่างไม่สนใจในตัวเขาสักเท่าไร(ฉันยังไม่ลืมเรื่องจูบกับสาวไฟแรงสูงคนนั้นหรอกย่ะ) ทันทีที่เรากำลังจะสวนกันตรงประตูทางเข้าบ้าน คุณปัถย์ก็คว้าข้อมือฉันไว้แล้วดึงฉันเข้าไปประชิดอกกว้างพร้อมกับมืออีกข้างที่โอบรัดรอบเอวฉันไว้ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ แล้วเสียงกระซิบแผ่วเบาก็ดังขึ้น



“อรุณสวัสดิ์ครับ...แม่มดน้อย”



แอร๊ยยยยย....เดี๋ยวแม่ร่ายมนต์ใส่ซะเลย เท่านั้นยังไม่พอเค้ายังแอบกดจมูกลงบนแก้มของฉันอีกต่างหาก...โอ๊ยยย ฉันจะเป็นลมเอาให้ได้ คุณปัถย์ปล่อยมือจากเอวและข้อมือ แล้วเดินไปยังรถอัลพาร์ดสีดำมันปลาบที่จอดเปิดประตูรออยู่ ฉันจึงได้แต่มองตามเหมือนโดนสะกด จนกระทั่งรถยนต์คันดังกล่าวพุ่งทะยานออกไป ทิ้งร่างของฉันให้ยืนตะลึงเพียงผู้เดียว....



ตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ฉันเลยไม่มีกะจิตกะใจจะทำงานใดใดทั้งสิ้น ฉันคลับคล้ายคลับคลาว่าคุณปราชญ์พูดคุยเรื่องงานเลี้ยงต้อนรับของท่านกับฉัน ฉันก็ได้แต่จดรายละเอียดแบบถูกบ้างผิดบ้าง เมื่อเก็บความอัดอั้นตันใจไว้ไม่ไหว เมื่อเวลาพักกลางวันมาถึง ฉันเลยตัดสินใจหมุนโทรศัพท์ไปหาเพื่อนสาวตัวดีทันที



“ว่างไหมขิง มีอะไรจะถามหน่อย” ฉันเอ่ยทันทีที่ได้รับการตอบสนองจากปลายสาย



“เรื่องอะไรอีก....อย่าบอกว่า แกไปนิมิตว่าได้เสียกะคุณปัถย์นะ เรื่องไร้สาระฉันขี้เกียจฟัง” มันจะลูกทุ่งไปไหนเนี่ย



“เปล่า!!!! ฉันมีเรื่องซีเรียสกว่านั้นมาก!!!” ฉันทำเสียงเข้มใส่มัน เพื่อหวังให้มันรีบปรับตัวเข้าโหมดจริงจัง และพร้อมรับฟังเรื่องราวของฉันสักที



“โอเค....งั้นเล่ามาซิ มีอะไร”



- - - - - - - - - - - - - - - - - - -

ขอมา 55% ก่อนนะค่ะ เดี๋ยววันพรุ่งนี้จะมาต่อให้จนจบ
ตอนนี้พระเอกเริ่มรุกนางเอกแล้วค่ะ
ความเจ้าเล่ห์ ของคุณปัถย์ยังมีอีกเยอะ ยังไงก็ติดตามกันไปเรื่อยเรื่อยนะ
ขอบคุณทุกการติดตามมากมากเลยคร่าาาาาาาา



คุณิณพัณณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ส.ค. 2554, 21:09:29 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ส.ค. 2554, 11:59:59 น.

จำนวนการเข้าชม : 2391





<< บทที่ 4 : Rebound   บทที่ 5 : แม่มดน้อย - - -(45%)ครบ >>
เรือใบ 11 ส.ค. 2554, 06:53:30 น.
^^ ท่าทางจะเจ้าเลห์จริงค่ะ เล่นปั่นหัวนางเอกซ้าาา


pretty 11 ส.ค. 2554, 10:21:30 น.
จะรอดมั๊ยเนี่ย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account