ฝากรักไว้ในสายหมอก (เปิดจองรูปแบบเล่มพร้อมE-Book)
มวยเกล้าผมวาง บนกล๋างกระหม่อม

แล้วเหน็บโอบล้อม ด้วยดอกเกี้ยวเกล้า
แดงเฮย...งามแต๊ บ่แลโศกเศร้า

สดใสเริงเลา ใคร่เฝ้าอยู่ใกล้
ผ่อจนเหลียวหลัง เป๋นดีใคร่ได้

โอบล้อมหัวใจ๋ ดวงนี้
แต่เก๊าเจ้าหวง สมแล้วว่าอี้

บ่ดีเด็ดเล่น เนอนายฯ.....



...........................................................................


เพราะความรัก ความผูกพันช่วงหนึ่งในวัยเยาว์

ที่เคยเติมเต็มหัวใจอันอ้างว้างของเขาให้อบอุ่นขึ้นมาได้

ความรู้สึกเหล่านั้นฝังแน่นอยู่ในใจตลอดมา

จนกระทั่งถึงวันนี้ที่เขากลับมาตามหาความรัก

ความผูกพันที่ได้ฝากไว้กับใครบางคน.



ฝากรักไว้ในสายหมอก

เป็นนิยายเรื่องแรกที่ได้รับการตีพิมพ์กับสนพ.กรียมายด์

ตอนนี้หมดสัญญาแล้วจึงเอามาทำเองค่ะ

ติดตามกันได้ในรูปแบบอีบุ๊คนะคะ




Tags: เกี้ยวเกล้า ไตรศูรย์ เชียงใหม่ ล้านนา โรงแรม ความรัก ความผูกพัน วัยเยาว์ สายหมอก

ตอน: ตอนที่ 7


“คุณไตรกับยัยอ๋อมนี่ ว้า...ฉันว่าจะเข้าไปทักทายคุณไตรซะหน่อย” เจนเองที่พึ่งมองเห็นเขาทำท่าเสียดายออกนอกหน้า

“อย่าไปยุ่งกับพวกเขาเลยเจน”

“เห็นหน้ายัยอ๋อมฉันก็ยุ่งไม่ลงแล้วล่ะแก๊ เออ...ว่าแต่เรื่องบ้านแกล่ะตกลงยังไง คุณไตรเขาว่ายังไง” เจนถามในท้ายประโยคเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้ เกี้ยวเกล้าจึงเล่าให้เพื่อนฟังถึงข้อเสนอของไตรศูรย์อย่างคร่าวๆ

“ฉันว่ามันฟังดูทะแม่งๆ นะเกี้ยว ที่เขายื่นข้อเสนอนั่นกับแก” เจนเอ่ยขึ้นหลังจากฟังเกี้ยวเกล้าเล่าจบ

“ทะแม่งยังไงเหรอเจน” ทั้งที่เธอเองก็รู้สึกอย่างนั้น แต่ก็อยากได้ความคิดเห็นที่เป็นรูปธรรมชัดเจนจากเพื่อนบ้าง

“ไม่รู้สิ ฉันอธิบายไม่ถูกว่ะเกี้ยว แต่เอาเป็นว่ามันดูทะแม่งละกัน” เออ...นะ ‘เคลียร์’ ซะ คนอุตส่าห์ตั้งหูฟังสรุปกันง่ายๆ อย่างนี้น่ะนะ หญิงสาวคิดขำๆ พลางส่ายหน้า

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะออกมาในรูปแบบไหนเจน แต่สรุปแล้วฉันไม่อยากขาย ไม่อยากรื้ออะไรทั้งนั้นก็เลยตัดสินใจอย่างนี้” น้ำเสียงคนพูดยังบ่งบอกถึงความไม่มั่นใจจนเห็นได้ชัด

“เอาน่า แกอย่ากังวลเลยเกี้ยว สบายใจยังไงก็ตัดสินใจไปเถอะ ฉันรู้ว่าสำหรับแกเงินไม่ได้สำคัญขนาดนั้น” เจนให้กำลังใจอย่างเข้าใจนิสัยเพื่อนดี ก่อนจะมองไปยังโต๊ะที่เป็นประเด็นของการสนทนาด้วยท่าทีจับสังเกตเต็มที่

“แต่...ฉันว่าคู่นี้ชักยังไงๆ อยู่นะ” ถ้อยคำของเพื่อนทำให้เกี้ยวเกล้าอดลอบมองไปทางคนทั้งคู่ไม่ได้

“เขาเป็นแฟนกันไม่ใช่เหรอ ไม่เห็นแปลก” แล้วจึงเบือนสายตากลับมา

“ฉันว่าไม่ใช่หรอก ยัยอ๋อม’เว่อร์ไปเองมากกว่า ดูผู้ชายไม่อะไรด้วยซักหน่อย ฉันว่ายัยอ๋อมคงเห็นเราแล้วอยากโชว์ออฟมากกว่า แก้หน้าที่เลิกกับพีทหรือเปล่าไม่รู้”

“แกก็ไปว่าอ๋อมน่าเจน” เกี้ยวเกล้าส่ายหน้ากับความคิดของเจน

“อ๊ะ...ก็มันเคยเป็นไหมล่ะ สมัยก่อนเรื่องไอ้พีทน่ะ มัน ‘ทำใส่’ แกอยู่บ่อยๆ ไม่ใช่หรือไง”

“ก็นั่นเรายังเด็กๆ กันอยู่เลย ช่างเหอะอย่าไปสนใจชาวบ้านเขาเลย ไร้สาระ แกอิ่มหรือยังล่ะจะได้ให้เขาเช็คบิล ฉันเริ่มเบื่อที่จะฟังแกกัดจิกชาวบ้านเต็มทีแล้วตอนนี้” เกี้ยวเกล้าแกล้งบ่นทำหน้าเมื่อย เล่นเอาเจนหน้าคว่ำค้อนประหลับประเหลือกตอบ

ทั้งสองแยกกันตรงหน้าร้านซึ่งเป็นที่สำหรับจอดมอเตอร์ไซค์โดยเฉพาะ เกี้ยวเกล้ายืนมองเจนสตาร์ทมอเตอร์ไซด์แบบผู้หญิงสีช็อคกิ้งพิ้งค์อย่างหนีบๆ แล้วแอบยิ้มขำ

“ฉันชอบสีมอเตอร์ไซด์ของแกจังเจน” และอดแซวไม่ได้

“ก็แหงล่ะสิยะ ฉันพึ่งเอาไปทำมาใหม่นะเนี่ย เริ่ดป่ะ...ดีนะที่ฉันไม่ทำผมสีนี้ด้วย ไม่งั้นละแกเอ๊ย! จะเดิ้นยิ่งกว่าเดิ้น มีอะไรก็โทร.หาฉันหรือมาที่ร้านได้เลยนะ ไว้ฉันหยุดจะเข้าไปหาแก ไปล่ะ...” หญิงสาวโบกมือให้เพื่อน และยืนมองมอเตอร์ไซด์สีช็อคกิ้งพิ้งค์คันนั้นลับไปจากโค้งข้างหน้า แล้วจึงหันกลับไปทางลานจอดรถที่อยู่ด้านข้างของร้าน

ขณะที่กำลังจะเปิดประตูรถปิคอัพคันเดิมของพ่อ เสียงกระแอมดังเข้าหูมาทำให้เธอหันไปตามเสียงและเห็นร่างสูงของไตรศูรย์เดินเข้ามาใกล้ ก่อนที่ชายหนุ่มจะเบี่ยงตัวเข้าไปแทรกระหว่างตัวเกี้ยวเกล้ากับประตูรถ ทำให้เธอต้องผงะถอยออกมาก้าวหนึ่งอย่างตกใจ

“คุณมาทำอะไรที่นี่” หญิงสาวถามเสียงขุ่นไม่พอใจ

“มากินข้าวเหมือนคุณน่ะสิครับ แต่เมื่อกี้คุณคงมองไม่เห็นและไม่สนใจล่ะมั้ง เพราะเห็นมีหนุ่มฝรั่งมาขายขนมจีบอยู่พอดีนี่นะ” คนพูดปรายตามองหญิงสาวปนยิ้มยั่ว ทำให้เธอตาวาวขึ้น

“มันไม่เกี่ยวกับคุณ หลีกไปนะ...ฉันจะกลับบ้าน”

“เดี๋ยวสิคุณ พอดีผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ คือตอนนี้ผมให้ช่างมาดูบ้านแล้วนะ จะเริ่มทำเร็วๆ นี้ คุณจะขัดข้องหรือเปล่า”

“งั้น...วันที่ช่างเริ่มทำก็บอกฉันด้วยละกัน ฉันจะไปดู” หญิงสาวปัด นึกอยากให้เสร็จธุระโดยไว แต่เขากลับทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เสียอย่างนั้น ทำให้อีกฝ่ายเริ่มมาคุกว่าเดิม

“ฉันว่าฉันพูดชัดเจนแล้วนะ ฉันจะกลับบ้าน! ” เธอลงเสียงหนักในท้ายประโยค

“อือ...แล้วไง”

“แล้วไง? คุณก็หลีกทางสิ! ” เกี้ยวเกล้าเดือดดาล แต่อีกฝ่ายกลับยิ้มยั่ว นั่นยิ่งทำให้เธอหงุดหงิดกับท่าทางของเขา และโมโหตัวเองที่แค่รอยยิ้มนั่นก็ทำให้เธอหัวฟัดหัวเหวี่ยงได้

“คุณไตร ทำไมออกมานานจังคะอ๋อมตามหาแทบแย่” อีกเสียงที่คุ้นหูเกี้ยวเกล้าดังแทรกขึ้นมา อ๋อมแอ๋มเดินมาหาเขา แต่ก็ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นเกี้ยวเกล้าอยู่ตรงนั้น ก่อนจะทำหน้าเชิดในแบบที่เธอคุ้นชิน

“ ’ไง ยัยเกี้ยว” หญิงสาวเห็นรอยยิ้มเยาะในดวงตาคู่นั้นแล้วแอบถอนหายใจ ไม่เคยเปลี่ยนเล้ยยัยอ๋อม “เธอคุยอะไรกับคุณไตร แต่เมื่อกี้ฉันเห็นเธอนัดฝรั่งไปต่อกันไม่ใช่เหรอ” น้ำเสียงที่ราบเรียบแฝงไว้ด้วยความแดกดัน “ฉันว่าดูมี’ตังส์นะ ก็อย่างว่า...ตอนนี้บ้านเราเริ่มมีฝรั่งมังค่าเยอะ เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับพวกที่กลับมาจากที่อื่นมือเปล่าอ่ะนะ” เกี้ยวเกล้ารู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองเริ่มร้อนวูบวาบอย่างห้ามไม่ได้ แม้ความคิดเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในสมองของเธอแม้แต่น้อย แต่ความอับอายที่ถูกตราหน้าอย่างนั้นก็ทำให้เธอเริ่มโมโห และพยายามระงับมันด้วยการนับ 1-10 ในใจช้าๆ ก่อนฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้...เธอจึงฉีกยิ้มให้เพื่อนอย่างใจเย็น

“ฉันไม่สนใจหรอกอ๋อมพวกฝรั่งมังค่าน่ะ เพราะว่าผู้ชายไทยน่าสนใจกว่าเยอะ ใช่ไหมคะคุณไตร? ” ว่าพลางส่งรอยยิ้มและสายตาหวานเชื่อมให้คนที่ยืนอยู่ใกล้ ก่อนจะแสร้งยกมือปิดปากทำเป็นตกใจ “ตายจริง! คุณไตรมากับเธอเหรอ’โทษทีนะ พอดีเรามีเรื่องสำคัญต้องคุยกันเยอะหน่อยน่ะจ้ะ ใช่ไหมคะคุณไตร นี่ถ้าไม่ติดว่าเอารถมาเอง เกี้ยวให้คุณไตรไปส่งบ้านแล้วนะเนี่ย แต่อ๊ะ...เอางี้ดีกว่า เดี๋ยวคุณไตรแวะไปบ้านเกี้ยวดีกว่านะคะ เราจะได้คุยกันต่อไงคะ นะคะคุณไตรขา” ไม่พูดเปล่า หญิงสาวเกาะแขนเขาอย่างสนิทสนม ฉอเลาะ ออดอ้อนทั้งปากและตา คนถูกเกาะแขนงงงัน ขณะที่อ๋อมแอ๋มเองก็ตะลึงไม่แพ้กัน

พอดีกับเสียงมือถือดังขึ้น เกี้ยวเกล้าจึงผละจากเขาควานหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงก่อนกดรับ

“เกี้ยวกำลังจะกลับแล้วจ้ะแม่จ๋า แค่นี้นะจ๊ะ” เสร็จธุระทางโทรศัพท์เกี้ยวเกล้าก็หันมายิ้มกับอ๋อมแอ๋ม “ฉันขอตัวก่อนละกันนะอ๋อม” แล้วเปิดประตูรถ ที่มาถึงตอนนี้ร่างสูงนั้นยอมหลีกให้เธอด้วยดี “คุณไตรขา...ขับรถตามเกี้ยวมาเลยนะคะ เกี้ยวจะรอหน้าบ้าน” ยังไม่วายหันมาบอกเขาด้วยสีหน้าจริงจังและรอยยิ้มหวานอีกครั้ง ตามด้วยการหรี่ตาให้อีกหนึ่งปิ๊ง! แล้วขึ้นไปนั่งด้านคนขับสตาร์ทรถขับออกมา

หญิงสาวนั่งนิ่งอยู่บนรถครู่หนึ่งเมื่อถึงหน้าบ้าน คิดถึงสิ่งที่ทำลงไปเมื่อครู่แล้วก็หลุดหัวเราะออกมาเบาๆ ว่าจะทำตัวเป็นคนที่โตๆ กันแล้วเชียว แต่พอโดนอ๋อมแอ๋มยั่วเข้าหน่อยก็ฟิวส์ขาดกลับไปเป็นเด็กมัธยมฯ อีกจนได้นะเรา เฮ้อ*!* เกี้ยวเกล้าว่าตัวเองในใจพลางส่ายหน้า

แต่อีกใจกลับเริ่มค้านว่า ถ้าเป็นประเด็นของพีระเหมือนในวันเก่าเธอคงทำใจเย็นและไม่ใส่ใจได้ แต่นี่เธอชักสงสัยเสียแล้วสิ ว่าประเด็นมันอยู่ตรงไหนกันแน่ ระหว่างเรื่องของหนุ่มฝรั่ง หรือว่า...เรื่องของคนหน้าเข้มนั่น และแล้วความคิดก็มีอันสะดุดลง เมื่อรถคันสีน้ำเงินเมทัลลิคแล่นมาจอดข้างหลังรถเธอ เกี้ยวเกล้าตกใจรีบลงจากรถในทันที

“คะ คุณ มาทำไม” แล้วละล่ำละลักถามออกไป ขณะที่เขาสาวเท้าเข้ามาใกล้

“ก็คุณบอกให้ผมตามมาไม่ใช่เหรอ” เขากอดอกถามเมื่อหยุดยืนอยู่ตรงหน้า และมองเธอด้วยสายตาท้าทาย

“ฉันเปล่านะ ฉันก็แค่...เอ่อ ช่างเหอะ คุณกับยัยอ๋อมทะเลาะกันล่ะสิ” เกี้ยวเกล้าแกล้งยิ้มเยาะสะใจ

“เปล่า”

“อ้าว! ไม่ทะเลาะกันหรอกเหรอ ยัยอ๋อมไม่...แบบว่าหึงคุณหรือโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงอะไรอย่างนั้นหรอกเหรอ” คราวนี้เขาไม่ตอบแต่กลับยืนจ้องเธอนิ่งๆ ประเมินสถานการณ์เต็มที่

“ อืมม์’บิลล์ไม่ขึ้นเลยแฮะ หรือไม่เจอกันนานยัยอ๋อมจะเย็นลงได้นะ” ท้ายประโยคหันมาพึมพัมกับตัวเองอย่างครุ่นคิด

“คุณกำลังเล่นอะไรอยู่” คนที่เงียบอยู่นานถามขึ้นเสียงเย็น

“เล่นอะไร ใครเล่น? เปล่าซักหน่อย อย่ามามั่วนะ” แต่ก็ทำให้คนถูกถามร้อนตัวจนได้

“ที่คุณทำน่ะ อย่านึกว่าผมไม่รู้นะ ผมไม่ใช่คนที่คุณจะมาทำอะไรก็ได้ ผมไม่ใช่ของเล่นของใคร อย่าให้ถึงทีผมบ้างละกัน” น้ำเสียงอาฆาตนั้นสร้างความหวาดหวั่นให้เธอได้ไม่น้อย

“ทำไม คุณจะทำอะไรฉัน? ” แต่ยังไม่วายทำเสียงแข็งเชิดหน้าท้าทาย

“คอยดูละกัน! ”

ไตรศูรย์ขับรถไปบ้านเคียงธารที่ตอนนี้เขาได้กลายเป็นแขกประจำไปเสียแล้วนั่น ในใจอาจขุ่นขึ้งคนที่แกล้งฉอเลาะอยู่บ้าง แต่เขาก็ต้องยอมรับล่ะว่าท่าทางออดอ้อน ออเซาะทั้งปากทั้งตา มือที่เกาะแขนเขาของดาราเจ้าบทบาทหน้าหวานนั่นทำเอาเขาเคลิ้มไปได้เหมือนกัน แม้จะรู้ว่าเธอเสแสร้งแกล้งทำ แต่เขากลับแอบรู้สึกดีถึงดีมาก ที่ตามเธอไปบ้านก็ใช่ว่าบื้อไม่รู้ความ เขาแค่อยากแกล้งเธอกลับบ้างเท่านั้น

นี่เธอคงคิดว่าเขากับอ๋อมแอ๋มชอบกันอยู่สินะ เขาเองก็อยากบอกไปเหมือนกันว่าเขากับอ๋อมแอ๋มแค่มาคุยกันเรื่องที่ดิน ที่คนรู้จักมักคุ้นไหว้วานเขามาช่วยดูให้เท่านั้น ไม่ได้มีอะไรกันอย่างที่เธอเข้าใจ แต่ดูท่าคนนั้นจะมองเขาในแง่ลบตลอด พูดไปก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น ชายหนุ่มถอนหายใจ

เท่าที่เห็นเขารู้สึกว่าทุกครั้งที่ สองสาวนั่นโคจรมาเจอกันจะมีท่าทางแปลกๆ ต่อกันอยู่ตลอด เขาไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่ที่แน่ๆ มันเป็นสาเหตุที่ทำให้เขารู้สึกดีอยู่ในตอนนี้ และทำให้รู้อีกว่าเจ้าของหน้าหวานที่เห็นว่าสวยใสนั่น บทจะร้ายขึ้นมาก็ใช่ย่อยแฮะ

ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคนเดียวกันกับเด็กผู้หญิงตัวเล็กบอบบาง ผมเปีย หน้าตามอมแมม น่ารัก ช่างพูดในวันเก่า แต่ก็นั่นแหล่ะในความรู้สึกของเขาไม่ว่าเธอจะร้าย หรือ’วีน งอแง ง้องแง้งขนาดไหน สิ่งเหล่านั้นก็ทำให้เขายิ้มได้เสมอเมื่อคิดถึง เออ...ท่าจะเป็นเอามากนะเรา ไตรศูรย์เผลอยิ้มให้กับตัวเองพลางส่ายหน้าด้วยความครึ้มอกครึ้มใจ

หมายเหตุ * แกงโฮะ- คือแกงที่นำเอาอาหารหลายๆ อย่างมารวมกัน ในสมัยก่อนมักจะนำอาหารที่เหลือหลายๆ อย่างมารวมกันแล้วปรุงใหม่ แต่ปัจจุบันได้ประยุกต์โดยนำของสดมาทำแต่ปรุงด้วยเครื่องแกงฮังเลนำ




กานพลู
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 เม.ย. 2560, 11:19:56 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 เม.ย. 2560, 11:19:56 น.

จำนวนการเข้าชม : 871





<< ตอนที่ 6   ตอนที่ 8 >>
แว่นใส 7 เม.ย. 2560, 19:22:55 น.
คิดถึงอดีตอีกล่ะสิ น่ารักจัง


กานพลู 12 เม.ย. 2560, 19:07:28 น.
คุณแว่นใส มาต่อละเน้อ ขอบคุณที่ติดตามค่าาา


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account