สูตรลับจับรัก
เรื่องรักของคุณพ่อลูกติดมาดเซอรกับครูสาวสุดเปิ่น ผู้ถูกความรักผลักไสให้หลงทางมาเจอกันในวันบอบช้ำ สองหนุ่มสาวต่างวัยกับกาวใจลูกสาวตัวเล็กและชีวิตที่พลิกผัน
Tags: สูตรลับจับรัก ทักษ์ปิ่น คุณพ่อนักเล่านิทาน รักดราม่า
ตอน: บทที่ 5 : 50%
ภาพลูกสาวนอนหลับอย่างมีความสุขบนเตียงกว้างทำให้พิมพ์นวลชักสีหน้าไม่พอใจทันที ตรงเข้าไปดึงผ้าห่มออกจากตัวหญิงสาวแล้วนั่งลงข้างๆ ตีเพียะเข้าให้ที่ต้นแขนเปลือยเปล่าเสียงดัง
“โอ๊ย! อะไรอีกแม่” ราศีกุมต้นแขนแต่ยังงัวเงีย
“ตื่นได้แล้ว ขี้เกียจตัวเป็นขนแบบนี้ ใครที่ไหนเขาจะมาชอบมารักผู้หญิงขี้เกียจแบบแก”
“ก็ไม่ต้องให้ใครมารักไง” หญิงสาวผุดลุกนั่งหน้าบึ้งมึนไม่เลิก เปิดปากหาวหวอดนั่งคอตกผมเผ้ารุงรัง “แค่พี่ทักษ์รักศีคนเดียวก็พอแล้ว”
“เขาคงรักแกหรอก” พิมพ์นวลค้อนพลางดึงแขนลูกสาว “เห็นนิ่งๆ แบบนั้น พ่อทักษ์ไม่ใช่พวกหลงได้ปลื้มไปกับผู้หญิงสวยๆ นะ แกต้องทำตัวให้ดีด้วย”
“แม่ก็ช่วยเชียร์ศีสิ พี่ทักษ์เกรงใจแม่จะตาย” หล่อนตอบซังกะตาย แล้วหงายหลังลงนอนอีกรอบ
“เอ๊ แกนี่แม่พูดไปแหมบๆ นอนอีกแล้ว”
“ก็หนูง่วงนี่ขอนอนอีกหน่อยสิคะ” ราศีพลิกหน้าคว่ำกับหมอนตัดความรำคาญ
พิมพ์นวลชักสีหน้าขัดใจ ดึงแขนลูกสาวเต็มแรงให้หันมา
“บอกให้ลุกไง นี่แกไปทำอะไรมา ทำไมถึงได้ง่วงนักง่วงหนา”
“ก็เปล่าซะหน่อย เมื่อคืนหนูขึ้นห้องแล้วก็หลับเลย”
“แต่แม่เคาะเรียกตั้งนานแกไม่ตอบ แถมเปิดไฟอีก” พิมพ์นวลจ้องจับผิด”ปกติแกนอนไม่ปิดไฟได้ซะที่ไหน”
ราศีชะงักงันไป หลบตาแม่ก่อนจะตะแคงหันหลังให้อีกรอบ พิมพ์นวลผลักไหล่ลูกสาวด้วยความหงุดหงิดก่อนจะลุกขึ้นยืนมองด้วยความระอา
“ตกลงจะนอนต่อใช่ไหม แม่ขี้เกียจยุ่งด้วยแล้วรำคาญ”
“ตื่นก็ได้” ราศีผุดลุกนั่งหน้าเหยเก “แค่นี้ก็ต้องหงุดหงิดด้วย”
“แกแน่ใจนะว่าเมื่อคืนอยู่ห้องตลอด” พิมพ์นวลย้ำถาม
“โอ๊ย! หนูบอกแล้วว่าอยู่ก็อยู่สิคะ”
นางแบบสาวผุดลุกขึ้นบิดขี้เกียจแล้วหันมาตอบคำถามแม่ก่อนสะบัดก้นนวยนาดเข้าห้องน้ำ หล่อนหยุดยืนหน้าประตูแล้วยิ้มมีเลศนัย
“สงสัยตอนนั้นหนูคงกำลังอาบน้ำอยู่มั้ง”
หล่อนยิ้มหวานเจ้าเล่ห์ พิมพ์นวลมองตามแล้วได้แต่ส่ายหน้า ก่อนจะหยิบผ้าห่มมาพับให้ พลันสายตาเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างซุกซ่อนอยู่ข้างหมอน
“อะไรเนี่ย”
พอสังเกตเต็มตา หญิงชราก็เบิกตากว้าง หันขวับไปทางห้องน้ำ เสียงลูกสาวร้องเพลงแข่งกับสายน้ำดังแว่วออกมาให้ได้ยิน ดูเหมือนจะอารมณ์ดีผิดปกติกว่าเคย หล่อนได้แต่มองสลับไปมาก่อนจะซุกมันลงใต้หมอนแล้วก้าวออกไปจากห้องปิดประตูเงียบกริบ
พักใหญ่ราศีก็ออกจากห้องน้ำด้วยชุดเดรสสั้นวับแวมตามเคย หล่อนทั้งอารมณ์ดี ฮัมเพลงอย่างมีความสุข แต่พอไม่เห็นแม่อยู่รอเทศนาก็ยักไหล่ยิ้มกริ่ม
“แม่นะแม่ เทศน์จนเหนื่อยสิท่า ยังไงพี่ทักษ์ก็ไม่รอดมือหนูไปได้หรอกน่า”
ราศียิ้มกริ่มหมายมาดหยิบโทรศัพท์มือถือได้ก็นั่งไขว่ห้างบนที่นอนกดโทรออกยังเบอร์ที่ต้องการ พอปลายสายรับ หล่อนก็ทำหน้าเหม็นเบื่อแล้วกลั้นใจพูดเสียงอ่อนเสียงหวาน
“โทรมาทำไมหลายสายคะ”
“ผมอยากเจอคุณจังเลย” ปลายสายตอบเสียงทุ้มนุ่มลึก
ราศียิ้มหยันใส่โทรศัพท์ ก่อนจะกรอกเสียงลงไปอีกครั้ง
“ไปง้อแฟนคุณสำเร็จแล้วหรือคะ”
“โธ่! คนอย่างผมไม่จำเป็นต้องง้อใครหรอก ผมอยากเจอคุณมากกว่า”
ราศีฟังแล้วทำปากยื่นด้วยความหมั่นไส้ตอบไปด้วยความรำคาญ แต่น้ำเสียงยังอ่อนหวานนัก
“แต่ศีมีนัดแล้วค่ะ คุณมาทีหลังก็รอไปก่อนนะ”
“เดี๋ยว! คุณนัดกับใครที่ไหน บอกผมมานะคุณศี ผมจะไปรับ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ศีเกรงใจ”
หล่อนยิ้มหยันแต่เสียงอ่อนเสียงหวานใส่ ปลายสายส่งเสียงจิ๊จ๊ะขัดใจ
“นะครับ คุณอยู่ไหนผมอยากเจอ”
“ศีไม่ชอบผู้ชายเซ้าซี้ที่ชอบจับปลาสองมือค่ะ” หล่อนยิ้มหยันตัดสัญญาณทิ้งแล้วโยนโทรศัพท์ลงกลางเตียง ลุกไปยืนหน้ากระจกมองใบหน้าตัวเองด้วยความชื่นชม
“คิดเหรอว่าคนอย่างฉันจะหลงใหลได้ปลื้มกับลูกเจ้าสัวเจ้าชู้ไก่แจ้แบบคุณ”
ราศีหมายมั่น หล่อนไม่มีวันเป็นตัวสำรองหรือของในสต็อกของใคร หล่อนจะต้องเป็นตัวจริงของผู้ชายแค่คนเดียว และคนคนนั้นจะต้องเป็นทักษ์ที่หล่อนหมายมั่นปั้นมือมานานแสนนานเท่านั้น
ส่วนผู้ชายที่คิดจะจับปลาสองมือน่ะหรือ อย่าหวังว่าหล่อนจะสนใจ…
“มาช้าจังเลยยายกระแต”
ปิ่นมณีเปิดประเด็นทันทีที่ วิริยาเพื่อนรักสมัยเรียนมหาวิทยาลัยเดินหน้าตื่นเข้ามา ดวงหน้าสวยคมผุดผาด และผิวน้ำผึ้งนวลเนียนแบบลูกเสี้ยวไทยอาหรับ ขับให้วิริยาดูน่ามองจนปิ่นมณีอดค่อนขอดในใจถึงความงามขำของเพื่อนรักไม่ได้
“ก็มัวไปเบิกเงินอยู่” วิริยายื่นเงินปึกหนึ่งให้แล้วนั่งลงตรงข้าม “อะ ให้ยืม”
“เอามาทำไม ฉันไม่ได้อยากได้เงินเยอะขนาดนี้สักหน่อย ก็แค่ขอยืมสักสองสามพันต่ออายุสักนิดหน่อย อย่างน้อยก็ให้พ่อหายโกรธก่อน” ปิ่นมณีอึกอักมองเงินปึกใหญ่ที่เพื่อนให้ยืมแล้วผลักคืนให้
“สองสามพันจะทำอะไรได้ เสื้อผ้าก็ไม่มีติดตัวมา”
“แต่ฉันมีเอทีเอ็ม”
“เถอะน่า” วิริยาหยิบเงินยัดใส่กระเป๋าหน้าอกเสื้อเพื่อนัก “แกเพิ่งได้ทำงานแถมโดนหักนั่นนี่เยอะแยะ”
“แต่เรื่องนั้น... ฉัน”
ปิ่นมณีถึงกับพูดไม่ออก ไม่มีอะไรปิดบังวิริยาได้ถึงแม้ว่าหล่อนจะไม่เคยพูดเลยว่าเพราะเหตุใดเงินเดือนของหล่อนถึงไม่เคยจะชนเดือนเลยสักครั้งนับตั้งแต่เหตุการณ์คราวนั้นที่มีปัญหากับผู้ปกครองของลูกศิษย์ถึงกับต้องขอโทษขอโพยไม่พอเสียเงินค่าทำขวัญไปอีกก้อนใหญ่ แต่ปิ่นมณีก็ยังอดทนด้วยความรักในอาชีพที่ดูไม่เอื้ออำนวยกับหล่อนสักเท่าไหร่
วิริยากอดอกทำหน้าเอือมมองเพื่อนรักแล้วส่ายหน้า
“แกรับจ็อบเป็นครูสอนเทควันโด้เด็กๆ ที่บ้านน่ะได้ แต่แกมีวิธีจัดการผู้ปกครองชีกอห่วยมาก” วิริยาค่อนแคะ “แล้วเป็นไงล่ะ หมอนั่นเรียกซะแกแทบหมดตัวเลย แถมไม่ยอมบอกพ่อกับแม่อีก”
“ขืนบอกฉันก็อดทำงานนี้สิ” ปิ่นมณีตอบอุบอิบสีหน้าเครียดขึ้นมาทันที “ช่างมันเถอะน่า ถือซะว่าเป็นประสบการณ์ชีวิต อย่างน้อยฉันก็ได้รู้ว่ามองคนแต่ภายนอกมันไม่ได้”
“ก็จริง” วิริยาถอนหายใจ ”แล้วนี่ฉันก็บอกแล้วว่าให้ไปค้างที่คอนโดก็ไม่ไป แกคิดจะทำอะไรกันแน่”
“ฉันจะหนีภพ” หล่อนตอบสั้นๆ หลบตา
“หนีพี่ภพ!” วิริยาตบอก “มีอะไรกัน เรื่องผู้หญิงอีกเหรอ”
“อืม” ปิ่นมณีพยักหน้าซีดเผือดจ๋อยๆ “ฉันอุตส่าห์ไปหาภพที่สีชังกะจะไปฉลองครบรอบวันหมั้น แต่ดันไปเจอเขาอยู่ในห้องสองต่อสองกับผู้หญิง”
“เวรกรรม” วิริยาถึงกับกุมขมับ “แล้วแกทำไง”
“ก็ไม่ทำไง ภพนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวมาเปิดประตู แล้วมีผู้หญิงอยู่บนเตียง”
“โอ๊ย! พี่ภพนี่ทำไมทำตัวแบบนี้ แกแน่ใจนะว่าที่เห็นไม่ใช่คิดไปเอง” วิริยาย้ำถามหน้าฉงน
“เห็นตำตาขนาด แกคิดว่าสองคนนั้นนัดกันไปเป่ายิ้งฉุบในห้องนอนหรือไง”
“แหม ฉันก็ไม่ได้โลกสวยขนาดนั้น” วิริยาค้อนคว่ำ “แล้วแกทำไงต่อพอเห็นแบบนั้น เดินหนีมาเลย หรือว่า”
ปิ่นมณีนึกย้อนไปถึงเมื่อวานซืนแล้วเม้มปากแน่น กำมือจนเส้นเลือดโปน โมโหจนเรียบเรียงคำไม่ถูก วิริยาเอียงคอมองหน้าเพื่อนที่มัวแต่หรี่ตาครุ่นคิดเหมือนตกภวังค์
“สารเลว!”
ปิ่นมณีสบถแล้วผุดลุกยืนตบโต๊ะเสียงดังจนคนในร้านเหลียวมอง วิริยาหันขวับมองไปรอบร้านโดยอัตโนมัติก่อนจะยิ้มแหย
“เออ... ฉันว่าถ้าจะแอคติ้งขนาดนี้ แกไม่ต้องตอบก็ได้” หล่อนกระซิบ
“ยายผู้หญิงคนนั้นร้ายนัก กล้าต่อปากต่อคำ ฉันก็เลยซัดไปคนละทีสองที ตอนนี้คงกำลังหยอดน้ำข้าวต้ม ฉันมั่นใจในหมัดของฉันมาก อย่างน้อยพวกนั้นก็เจ็บเหมือนฉันเจ็บบ้าง” ปิ่นมณีเค้นเสียง หน้าเครียด
“ตายๆ มือหนักขนาดแกป่านนี้พี่ภพนอนโรงพยาบาลไปแล้วมั้ง” วิริยาเข่นเขี้ยวแทนเพื่อนรักด้วยความโมโห “แล้วจะเอายังไง ไม่กลับบ้าน ไม่ไปอยู่กับฉันที่คอนโด แล้วแกจะไปไหนได้”
“ฉันว่าจะไปหาแม่ที่สมุย อยากหลบไปอยู่ที่นั่นสักพัก” ปิ่นมณีตอบหนักแน่น
วิริยาย่นจมูกนึกตาม “แม่แกไปบวชนี่ อย่าบอกนะว่าแกจะไปบวชชีตาม”
“ไม่หรอก ฉันจะไปที่ที่พ่อไม่อยากไปนั่นแหละ พ่อคงไม่คิดว่าฉันจะไปหาแม่หรอก แต่ถ้าอยู่กับแกมีหวังพ่อกับภพหาฉันเจอแน่”
“ถ้าเกิดเขาเข็ดแล้วอยากขอโทษแกล่ะ ปิ่น” วิริยาถามกลับหน้าจริงจัง
“คนแบบภพคงไม่เข็ดง่ายๆ หรอก เดี๋ยวก็กลับมาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วก็เข้าหาพ่อ ให้พ่อมาบีบฉันอีก ฉันจะหลบไม่ให้เขาตามเจอ”
“แล้วนี่พ่อแกรู้รึยังเรื่องวีรกรรมเขา”
“พ่อไม่ฟังฉัน เอาแต่ไล่ไม่ให้ฉันเข้าบ้านเมื่อคืน” ปิ่นมณีหน้าเครียดเสียงเครือ “พ่อเห็นภพดีกว่าฉันซะอีก”
“ฉันก็นึกแล้ว” วิริยาปลอบ “แล้วนี่ไปหาแม่จะไม่สงสัยเอาหรือไง”
ปิ่นมณีส่ายหน้าท่าเดียว
“ฉันก็จะบอกว่าปิดเทอมเลยมาเยี่ยม คงไม่เล่าเรื่องภพให้ฟังหรอก ไม่อยากเอาเรื่องรกหูไปเล่าแค่นี้แม่ก็เอือมความเยอะของพ่อจนต้องหนีไปบวชแล้ว”
วิริยาถอนใจกับเรื่องครอบครัวของเพื่อน ยิ่งนึกไปถึงสิรภพ เขาเป็นรุ่นพี่คณะเดียวกันกับหล่อน แต่อยู่คนละคณะกับปิ่นมณีเมื่อสมัยเรียน ทั้งสองรู้จักและรักกันด้วยการชักนำของหล่อน แต่เรื่องหมั้นเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ปิ่นมณีไม่ได้อยากหมั้นแต่แรกเพราะยังดูใจสิรภพไม่นาน แต่หล่อนขัดพ่อไม่ได้
เพราะฐานะที่ต่างกัน สิรภพเป็นลูกเจ้าสัว มีเงินแต่ไม่มีเกียรติ แต่พ่อของปิ่นมณีเป็นข้าราชการระดับสูงของกระทรวงที่มีเกียรติแต่ไม่มีเงินเพราะความใจซื่อมือสะอาด ซึ่งหล่อนภูมิใจในตัวพ่อมาก แต่ไม่ค่อยพอใจเลยที่สองครอบครัวอยากให้ลูกทั้งสองฝ่ายรักกันเพื่อประโยชน์เกื้อหนุนทางหน้าตาในสังคม
ทีแรกวิริยาก็เห็นดีเห็นงาม แต่พอเห็นเพื่อนรักซังกะตายตรงหน้า หล่อนก็ได้แต่ส่ายหน้า ถอนใจด้วยความเป็นห่วงหน่วงจิต
“ฉันไม่น่าแนะนำพี่ภพให้แกเลยจริงๆ ” วิริยาเข่นเขี้ยวโมโหแทน “พลาดมาก เคืองตัวเอง น่าจะยุให้ไปจีบยายนางแบบดาวมหาลัยนั่นดีกว่า”
“หมายถึงนางแบบที่ขึ้นป้ายโปรโมทมหาลัยคนนั้นนะเหรอ” ปิ่นมณีถามย้ำแล้วตาโตเหมือนนึกได้ “เมื่อคืนฉันเจอด้วย”
“ใคร!” วิริยาลากเสียงยาวทำหน้าไม่เชื่อ “อย่าบอกนะว่าราศีนางแบบดังนั่นน่ะ แกมโนรึเปล่าจะไปเจอกันได้ยังไง ผู้หญิงคนนั้นคงไม่ไปแถวๆ ที่ฉันไปรับแกหรอก หล่อนน่ะไฮโซจะตาย”
“ฉันเจอจริงๆ นางแบบคนนั้นเป็นน้าของลูกศิษย์ฉันเอง ฉันไปค้างบ้านลูกศิษย์ก็เลยเจอเธอเมื่อคืน เมาแอ๋มาเลย” ปิ่นมณีย่นจมูกเมื่อนึกถึง
“เหรอ งี้แกก็กระทบไหล่คนดังเข้าเต็มเปาแล้ว” วิริยาน้ำเสียงตื่นเต้น “ไม่เจอกันนานคงสวยมากเลยนะ หล่อนมากับใครใช่นายแบบที่เป็นข่าวด้วยกันรึเปล่า ตกลงเป็นแฟนกันจริงๆ ไหม”
“ฉันไม่เห็นนายแบบที่ไหนสักคน มีแต่พ่อน้ำหอม” ปิ่นมณีครุ่นคิดแล้วพูดติดตลก “ท่าทางนางแบบของแกจะอยากกินพี่เขยตัวเองมากกว่า”
“หือ... ตลก” วิริยาตาโต “พูดเป็นเล่นไป”
“ฉันเห็นกับตาตัวเอง จะพูดเล่นทำไม”
“แสดงว่าพี่เขยคงแซ่บมากสินะ” วิริยาแตะปากตัวเองครุ่นคิดนึกมโนภาพตาม แต่แล้วก็สะบัดหน้าแล้วหันหาตัวต้นเรื่อง “เรื่องนั้นช่างเหอะ นี่ถ้าฉันเจอนะจะขอเซลฟี่เอารูปลงโซเชียลแลกไลค์เลย รับรองถล่มทลายแน่”
“แบบนี้ทุกที” ปิ่นมณีส่ายหน้าเต็มกลืนกับความคิดเพื่อนรัก
ภาพนางแบบสาวเมื่อคืนยังติดตา หล่อนจำราศีไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยเป็นเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยเดียว เพราะราศีเปลี่ยนไปมากจากภาพจำในอดีต คิดลำดับเหตุการณ์เมื่อคืนแล้วก็นึกอะไรขึ้นมาได้อีก
“รู้รึเปล่าว่าคุณราศีมีพี่สาวฝาแฝดด้วย” ปิ่นมณีย้อนถาม
“ไม่เคยรู้เลย” วิริยาทำหน้างง คิ้วขมวดมุ่น “งั้นก็คงสวยเหมือนกันสินะ”
“ฉันก็ไม่รู้ ไม่เคยเห็นมาก่อน”
ปิ่นมณีส่ายหน้าหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงมาไล่เปิดหาภาพถ่ายเมื่อวาน วิริยากระเถิบเข้าใกล้ชะโงกมองด้วยความสนใจ
“หาอะไร” วิริยาถามแล้วชี้หน้าจอ “เดี๋ยวๆๆ ขอดูรูปเมื่อกี้อีกทีสิ”
ปิ่นมณีชะงักมือ แล้วหันมองเพื่อนรัก “รูปไหน”
“เอามานี่ ฉันอยากดูรูปเด็กที่แกถ่ายด้วยตรงทะเล” สาวลูกครึ่งอาหรับแย่งโทรศัพท์มาจะดูเอง แต่จู่ๆ หน้าจอก็ดับไป “อ้าว! แบตหมดหรือไงเนี่ย ทำไมมันดับล่ะ”
“ก็เมื่อคืนฉันตากฝนแล้วโทรศัพท์มันเปียก นี่ลองเสี่ยงเปิดดูปรากฏว่าติด แต่ตอนนี้สงสัยตายสนิทแล้ว” ปิ่นมณีทอดถอนใจกดจิ้มไปจิ้มมาหน้าจอก็ยังมืดสนิท
“ชีวิตฉันทำไมน่าสงสารขนาดนี้ โตจะเป็นวัวเป็นควายแล้วยังจัดการชีวิตตัวเองไม่ได้เลยสักอย่าง ”
“ก็พูดซะเว่อร์เกินไป” วิริยาขมวดคิ้วทำเสียงยานคางล้อ “แกออกจะเก่ง เป็นทั้งคุณครูอนุบาล เป็นนักมวยสมัครเล่น โอ๊ย! แกเก่งทุกอย่างยกเว้นอย่างเดียว”
ปิ่นมณีหันขวับทำหน้างงแล้วถามกลับ “อะไร”
“หัวอ่อนเกินไป” สาวมั่นเอาแขนพาดไหล่เพื่อนรักแล้วย้ำคำพูด “แกต้องหัดแข็งซะบ้าง กับพ่อก็พูดกันด้วยเหตุผล โตๆ กันแล้วค่อยพูดค่อยจากัน”
“ทำไงได้ล่ะ พ่อฉันฟังใครเสียที่ไหน”
“โชคดีมากนะที่ฉันเป็นแค่ลูกพ่อค้า ถ้าเป็นลูกทหารแบบแกชีวิตคงต้องตรงเป๊ะเป็นเส้นตรงห้ามแตกแถว แล้วแกยิ่งหนักเพราะพี่เพชรของแกก็ทำซะพ่อแม่เสียใจขนาดนั้น ความซวยเลยตกมาตรงหัวแกเต็มๆ”
แล้วคนที่พูดถึงก็โทรเข้ามาพอดี วิริยามองเบอร์หน้าจอแล้วตาโตแทบถลน ปิ่นมณีถึงกับงงแล้วหน้าถอดสีเมื่อเห็นเบอร์ หล่อนได้แต่ส่ายหน้าไม่ให้เพื่อนรักบอก
“สวัสดีค่ะ คุณพ่อปิ่น”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“โอ๊ย! อะไรอีกแม่” ราศีกุมต้นแขนแต่ยังงัวเงีย
“ตื่นได้แล้ว ขี้เกียจตัวเป็นขนแบบนี้ ใครที่ไหนเขาจะมาชอบมารักผู้หญิงขี้เกียจแบบแก”
“ก็ไม่ต้องให้ใครมารักไง” หญิงสาวผุดลุกนั่งหน้าบึ้งมึนไม่เลิก เปิดปากหาวหวอดนั่งคอตกผมเผ้ารุงรัง “แค่พี่ทักษ์รักศีคนเดียวก็พอแล้ว”
“เขาคงรักแกหรอก” พิมพ์นวลค้อนพลางดึงแขนลูกสาว “เห็นนิ่งๆ แบบนั้น พ่อทักษ์ไม่ใช่พวกหลงได้ปลื้มไปกับผู้หญิงสวยๆ นะ แกต้องทำตัวให้ดีด้วย”
“แม่ก็ช่วยเชียร์ศีสิ พี่ทักษ์เกรงใจแม่จะตาย” หล่อนตอบซังกะตาย แล้วหงายหลังลงนอนอีกรอบ
“เอ๊ แกนี่แม่พูดไปแหมบๆ นอนอีกแล้ว”
“ก็หนูง่วงนี่ขอนอนอีกหน่อยสิคะ” ราศีพลิกหน้าคว่ำกับหมอนตัดความรำคาญ
พิมพ์นวลชักสีหน้าขัดใจ ดึงแขนลูกสาวเต็มแรงให้หันมา
“บอกให้ลุกไง นี่แกไปทำอะไรมา ทำไมถึงได้ง่วงนักง่วงหนา”
“ก็เปล่าซะหน่อย เมื่อคืนหนูขึ้นห้องแล้วก็หลับเลย”
“แต่แม่เคาะเรียกตั้งนานแกไม่ตอบ แถมเปิดไฟอีก” พิมพ์นวลจ้องจับผิด”ปกติแกนอนไม่ปิดไฟได้ซะที่ไหน”
ราศีชะงักงันไป หลบตาแม่ก่อนจะตะแคงหันหลังให้อีกรอบ พิมพ์นวลผลักไหล่ลูกสาวด้วยความหงุดหงิดก่อนจะลุกขึ้นยืนมองด้วยความระอา
“ตกลงจะนอนต่อใช่ไหม แม่ขี้เกียจยุ่งด้วยแล้วรำคาญ”
“ตื่นก็ได้” ราศีผุดลุกนั่งหน้าเหยเก “แค่นี้ก็ต้องหงุดหงิดด้วย”
“แกแน่ใจนะว่าเมื่อคืนอยู่ห้องตลอด” พิมพ์นวลย้ำถาม
“โอ๊ย! หนูบอกแล้วว่าอยู่ก็อยู่สิคะ”
นางแบบสาวผุดลุกขึ้นบิดขี้เกียจแล้วหันมาตอบคำถามแม่ก่อนสะบัดก้นนวยนาดเข้าห้องน้ำ หล่อนหยุดยืนหน้าประตูแล้วยิ้มมีเลศนัย
“สงสัยตอนนั้นหนูคงกำลังอาบน้ำอยู่มั้ง”
หล่อนยิ้มหวานเจ้าเล่ห์ พิมพ์นวลมองตามแล้วได้แต่ส่ายหน้า ก่อนจะหยิบผ้าห่มมาพับให้ พลันสายตาเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างซุกซ่อนอยู่ข้างหมอน
“อะไรเนี่ย”
พอสังเกตเต็มตา หญิงชราก็เบิกตากว้าง หันขวับไปทางห้องน้ำ เสียงลูกสาวร้องเพลงแข่งกับสายน้ำดังแว่วออกมาให้ได้ยิน ดูเหมือนจะอารมณ์ดีผิดปกติกว่าเคย หล่อนได้แต่มองสลับไปมาก่อนจะซุกมันลงใต้หมอนแล้วก้าวออกไปจากห้องปิดประตูเงียบกริบ
พักใหญ่ราศีก็ออกจากห้องน้ำด้วยชุดเดรสสั้นวับแวมตามเคย หล่อนทั้งอารมณ์ดี ฮัมเพลงอย่างมีความสุข แต่พอไม่เห็นแม่อยู่รอเทศนาก็ยักไหล่ยิ้มกริ่ม
“แม่นะแม่ เทศน์จนเหนื่อยสิท่า ยังไงพี่ทักษ์ก็ไม่รอดมือหนูไปได้หรอกน่า”
ราศียิ้มกริ่มหมายมาดหยิบโทรศัพท์มือถือได้ก็นั่งไขว่ห้างบนที่นอนกดโทรออกยังเบอร์ที่ต้องการ พอปลายสายรับ หล่อนก็ทำหน้าเหม็นเบื่อแล้วกลั้นใจพูดเสียงอ่อนเสียงหวาน
“โทรมาทำไมหลายสายคะ”
“ผมอยากเจอคุณจังเลย” ปลายสายตอบเสียงทุ้มนุ่มลึก
ราศียิ้มหยันใส่โทรศัพท์ ก่อนจะกรอกเสียงลงไปอีกครั้ง
“ไปง้อแฟนคุณสำเร็จแล้วหรือคะ”
“โธ่! คนอย่างผมไม่จำเป็นต้องง้อใครหรอก ผมอยากเจอคุณมากกว่า”
ราศีฟังแล้วทำปากยื่นด้วยความหมั่นไส้ตอบไปด้วยความรำคาญ แต่น้ำเสียงยังอ่อนหวานนัก
“แต่ศีมีนัดแล้วค่ะ คุณมาทีหลังก็รอไปก่อนนะ”
“เดี๋ยว! คุณนัดกับใครที่ไหน บอกผมมานะคุณศี ผมจะไปรับ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ศีเกรงใจ”
หล่อนยิ้มหยันแต่เสียงอ่อนเสียงหวานใส่ ปลายสายส่งเสียงจิ๊จ๊ะขัดใจ
“นะครับ คุณอยู่ไหนผมอยากเจอ”
“ศีไม่ชอบผู้ชายเซ้าซี้ที่ชอบจับปลาสองมือค่ะ” หล่อนยิ้มหยันตัดสัญญาณทิ้งแล้วโยนโทรศัพท์ลงกลางเตียง ลุกไปยืนหน้ากระจกมองใบหน้าตัวเองด้วยความชื่นชม
“คิดเหรอว่าคนอย่างฉันจะหลงใหลได้ปลื้มกับลูกเจ้าสัวเจ้าชู้ไก่แจ้แบบคุณ”
ราศีหมายมั่น หล่อนไม่มีวันเป็นตัวสำรองหรือของในสต็อกของใคร หล่อนจะต้องเป็นตัวจริงของผู้ชายแค่คนเดียว และคนคนนั้นจะต้องเป็นทักษ์ที่หล่อนหมายมั่นปั้นมือมานานแสนนานเท่านั้น
ส่วนผู้ชายที่คิดจะจับปลาสองมือน่ะหรือ อย่าหวังว่าหล่อนจะสนใจ…
“มาช้าจังเลยยายกระแต”
ปิ่นมณีเปิดประเด็นทันทีที่ วิริยาเพื่อนรักสมัยเรียนมหาวิทยาลัยเดินหน้าตื่นเข้ามา ดวงหน้าสวยคมผุดผาด และผิวน้ำผึ้งนวลเนียนแบบลูกเสี้ยวไทยอาหรับ ขับให้วิริยาดูน่ามองจนปิ่นมณีอดค่อนขอดในใจถึงความงามขำของเพื่อนรักไม่ได้
“ก็มัวไปเบิกเงินอยู่” วิริยายื่นเงินปึกหนึ่งให้แล้วนั่งลงตรงข้าม “อะ ให้ยืม”
“เอามาทำไม ฉันไม่ได้อยากได้เงินเยอะขนาดนี้สักหน่อย ก็แค่ขอยืมสักสองสามพันต่ออายุสักนิดหน่อย อย่างน้อยก็ให้พ่อหายโกรธก่อน” ปิ่นมณีอึกอักมองเงินปึกใหญ่ที่เพื่อนให้ยืมแล้วผลักคืนให้
“สองสามพันจะทำอะไรได้ เสื้อผ้าก็ไม่มีติดตัวมา”
“แต่ฉันมีเอทีเอ็ม”
“เถอะน่า” วิริยาหยิบเงินยัดใส่กระเป๋าหน้าอกเสื้อเพื่อนัก “แกเพิ่งได้ทำงานแถมโดนหักนั่นนี่เยอะแยะ”
“แต่เรื่องนั้น... ฉัน”
ปิ่นมณีถึงกับพูดไม่ออก ไม่มีอะไรปิดบังวิริยาได้ถึงแม้ว่าหล่อนจะไม่เคยพูดเลยว่าเพราะเหตุใดเงินเดือนของหล่อนถึงไม่เคยจะชนเดือนเลยสักครั้งนับตั้งแต่เหตุการณ์คราวนั้นที่มีปัญหากับผู้ปกครองของลูกศิษย์ถึงกับต้องขอโทษขอโพยไม่พอเสียเงินค่าทำขวัญไปอีกก้อนใหญ่ แต่ปิ่นมณีก็ยังอดทนด้วยความรักในอาชีพที่ดูไม่เอื้ออำนวยกับหล่อนสักเท่าไหร่
วิริยากอดอกทำหน้าเอือมมองเพื่อนรักแล้วส่ายหน้า
“แกรับจ็อบเป็นครูสอนเทควันโด้เด็กๆ ที่บ้านน่ะได้ แต่แกมีวิธีจัดการผู้ปกครองชีกอห่วยมาก” วิริยาค่อนแคะ “แล้วเป็นไงล่ะ หมอนั่นเรียกซะแกแทบหมดตัวเลย แถมไม่ยอมบอกพ่อกับแม่อีก”
“ขืนบอกฉันก็อดทำงานนี้สิ” ปิ่นมณีตอบอุบอิบสีหน้าเครียดขึ้นมาทันที “ช่างมันเถอะน่า ถือซะว่าเป็นประสบการณ์ชีวิต อย่างน้อยฉันก็ได้รู้ว่ามองคนแต่ภายนอกมันไม่ได้”
“ก็จริง” วิริยาถอนหายใจ ”แล้วนี่ฉันก็บอกแล้วว่าให้ไปค้างที่คอนโดก็ไม่ไป แกคิดจะทำอะไรกันแน่”
“ฉันจะหนีภพ” หล่อนตอบสั้นๆ หลบตา
“หนีพี่ภพ!” วิริยาตบอก “มีอะไรกัน เรื่องผู้หญิงอีกเหรอ”
“อืม” ปิ่นมณีพยักหน้าซีดเผือดจ๋อยๆ “ฉันอุตส่าห์ไปหาภพที่สีชังกะจะไปฉลองครบรอบวันหมั้น แต่ดันไปเจอเขาอยู่ในห้องสองต่อสองกับผู้หญิง”
“เวรกรรม” วิริยาถึงกับกุมขมับ “แล้วแกทำไง”
“ก็ไม่ทำไง ภพนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวมาเปิดประตู แล้วมีผู้หญิงอยู่บนเตียง”
“โอ๊ย! พี่ภพนี่ทำไมทำตัวแบบนี้ แกแน่ใจนะว่าที่เห็นไม่ใช่คิดไปเอง” วิริยาย้ำถามหน้าฉงน
“เห็นตำตาขนาด แกคิดว่าสองคนนั้นนัดกันไปเป่ายิ้งฉุบในห้องนอนหรือไง”
“แหม ฉันก็ไม่ได้โลกสวยขนาดนั้น” วิริยาค้อนคว่ำ “แล้วแกทำไงต่อพอเห็นแบบนั้น เดินหนีมาเลย หรือว่า”
ปิ่นมณีนึกย้อนไปถึงเมื่อวานซืนแล้วเม้มปากแน่น กำมือจนเส้นเลือดโปน โมโหจนเรียบเรียงคำไม่ถูก วิริยาเอียงคอมองหน้าเพื่อนที่มัวแต่หรี่ตาครุ่นคิดเหมือนตกภวังค์
“สารเลว!”
ปิ่นมณีสบถแล้วผุดลุกยืนตบโต๊ะเสียงดังจนคนในร้านเหลียวมอง วิริยาหันขวับมองไปรอบร้านโดยอัตโนมัติก่อนจะยิ้มแหย
“เออ... ฉันว่าถ้าจะแอคติ้งขนาดนี้ แกไม่ต้องตอบก็ได้” หล่อนกระซิบ
“ยายผู้หญิงคนนั้นร้ายนัก กล้าต่อปากต่อคำ ฉันก็เลยซัดไปคนละทีสองที ตอนนี้คงกำลังหยอดน้ำข้าวต้ม ฉันมั่นใจในหมัดของฉันมาก อย่างน้อยพวกนั้นก็เจ็บเหมือนฉันเจ็บบ้าง” ปิ่นมณีเค้นเสียง หน้าเครียด
“ตายๆ มือหนักขนาดแกป่านนี้พี่ภพนอนโรงพยาบาลไปแล้วมั้ง” วิริยาเข่นเขี้ยวแทนเพื่อนรักด้วยความโมโห “แล้วจะเอายังไง ไม่กลับบ้าน ไม่ไปอยู่กับฉันที่คอนโด แล้วแกจะไปไหนได้”
“ฉันว่าจะไปหาแม่ที่สมุย อยากหลบไปอยู่ที่นั่นสักพัก” ปิ่นมณีตอบหนักแน่น
วิริยาย่นจมูกนึกตาม “แม่แกไปบวชนี่ อย่าบอกนะว่าแกจะไปบวชชีตาม”
“ไม่หรอก ฉันจะไปที่ที่พ่อไม่อยากไปนั่นแหละ พ่อคงไม่คิดว่าฉันจะไปหาแม่หรอก แต่ถ้าอยู่กับแกมีหวังพ่อกับภพหาฉันเจอแน่”
“ถ้าเกิดเขาเข็ดแล้วอยากขอโทษแกล่ะ ปิ่น” วิริยาถามกลับหน้าจริงจัง
“คนแบบภพคงไม่เข็ดง่ายๆ หรอก เดี๋ยวก็กลับมาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วก็เข้าหาพ่อ ให้พ่อมาบีบฉันอีก ฉันจะหลบไม่ให้เขาตามเจอ”
“แล้วนี่พ่อแกรู้รึยังเรื่องวีรกรรมเขา”
“พ่อไม่ฟังฉัน เอาแต่ไล่ไม่ให้ฉันเข้าบ้านเมื่อคืน” ปิ่นมณีหน้าเครียดเสียงเครือ “พ่อเห็นภพดีกว่าฉันซะอีก”
“ฉันก็นึกแล้ว” วิริยาปลอบ “แล้วนี่ไปหาแม่จะไม่สงสัยเอาหรือไง”
ปิ่นมณีส่ายหน้าท่าเดียว
“ฉันก็จะบอกว่าปิดเทอมเลยมาเยี่ยม คงไม่เล่าเรื่องภพให้ฟังหรอก ไม่อยากเอาเรื่องรกหูไปเล่าแค่นี้แม่ก็เอือมความเยอะของพ่อจนต้องหนีไปบวชแล้ว”
วิริยาถอนใจกับเรื่องครอบครัวของเพื่อน ยิ่งนึกไปถึงสิรภพ เขาเป็นรุ่นพี่คณะเดียวกันกับหล่อน แต่อยู่คนละคณะกับปิ่นมณีเมื่อสมัยเรียน ทั้งสองรู้จักและรักกันด้วยการชักนำของหล่อน แต่เรื่องหมั้นเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ปิ่นมณีไม่ได้อยากหมั้นแต่แรกเพราะยังดูใจสิรภพไม่นาน แต่หล่อนขัดพ่อไม่ได้
เพราะฐานะที่ต่างกัน สิรภพเป็นลูกเจ้าสัว มีเงินแต่ไม่มีเกียรติ แต่พ่อของปิ่นมณีเป็นข้าราชการระดับสูงของกระทรวงที่มีเกียรติแต่ไม่มีเงินเพราะความใจซื่อมือสะอาด ซึ่งหล่อนภูมิใจในตัวพ่อมาก แต่ไม่ค่อยพอใจเลยที่สองครอบครัวอยากให้ลูกทั้งสองฝ่ายรักกันเพื่อประโยชน์เกื้อหนุนทางหน้าตาในสังคม
ทีแรกวิริยาก็เห็นดีเห็นงาม แต่พอเห็นเพื่อนรักซังกะตายตรงหน้า หล่อนก็ได้แต่ส่ายหน้า ถอนใจด้วยความเป็นห่วงหน่วงจิต
“ฉันไม่น่าแนะนำพี่ภพให้แกเลยจริงๆ ” วิริยาเข่นเขี้ยวโมโหแทน “พลาดมาก เคืองตัวเอง น่าจะยุให้ไปจีบยายนางแบบดาวมหาลัยนั่นดีกว่า”
“หมายถึงนางแบบที่ขึ้นป้ายโปรโมทมหาลัยคนนั้นนะเหรอ” ปิ่นมณีถามย้ำแล้วตาโตเหมือนนึกได้ “เมื่อคืนฉันเจอด้วย”
“ใคร!” วิริยาลากเสียงยาวทำหน้าไม่เชื่อ “อย่าบอกนะว่าราศีนางแบบดังนั่นน่ะ แกมโนรึเปล่าจะไปเจอกันได้ยังไง ผู้หญิงคนนั้นคงไม่ไปแถวๆ ที่ฉันไปรับแกหรอก หล่อนน่ะไฮโซจะตาย”
“ฉันเจอจริงๆ นางแบบคนนั้นเป็นน้าของลูกศิษย์ฉันเอง ฉันไปค้างบ้านลูกศิษย์ก็เลยเจอเธอเมื่อคืน เมาแอ๋มาเลย” ปิ่นมณีย่นจมูกเมื่อนึกถึง
“เหรอ งี้แกก็กระทบไหล่คนดังเข้าเต็มเปาแล้ว” วิริยาน้ำเสียงตื่นเต้น “ไม่เจอกันนานคงสวยมากเลยนะ หล่อนมากับใครใช่นายแบบที่เป็นข่าวด้วยกันรึเปล่า ตกลงเป็นแฟนกันจริงๆ ไหม”
“ฉันไม่เห็นนายแบบที่ไหนสักคน มีแต่พ่อน้ำหอม” ปิ่นมณีครุ่นคิดแล้วพูดติดตลก “ท่าทางนางแบบของแกจะอยากกินพี่เขยตัวเองมากกว่า”
“หือ... ตลก” วิริยาตาโต “พูดเป็นเล่นไป”
“ฉันเห็นกับตาตัวเอง จะพูดเล่นทำไม”
“แสดงว่าพี่เขยคงแซ่บมากสินะ” วิริยาแตะปากตัวเองครุ่นคิดนึกมโนภาพตาม แต่แล้วก็สะบัดหน้าแล้วหันหาตัวต้นเรื่อง “เรื่องนั้นช่างเหอะ นี่ถ้าฉันเจอนะจะขอเซลฟี่เอารูปลงโซเชียลแลกไลค์เลย รับรองถล่มทลายแน่”
“แบบนี้ทุกที” ปิ่นมณีส่ายหน้าเต็มกลืนกับความคิดเพื่อนรัก
ภาพนางแบบสาวเมื่อคืนยังติดตา หล่อนจำราศีไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยเป็นเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยเดียว เพราะราศีเปลี่ยนไปมากจากภาพจำในอดีต คิดลำดับเหตุการณ์เมื่อคืนแล้วก็นึกอะไรขึ้นมาได้อีก
“รู้รึเปล่าว่าคุณราศีมีพี่สาวฝาแฝดด้วย” ปิ่นมณีย้อนถาม
“ไม่เคยรู้เลย” วิริยาทำหน้างง คิ้วขมวดมุ่น “งั้นก็คงสวยเหมือนกันสินะ”
“ฉันก็ไม่รู้ ไม่เคยเห็นมาก่อน”
ปิ่นมณีส่ายหน้าหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงมาไล่เปิดหาภาพถ่ายเมื่อวาน วิริยากระเถิบเข้าใกล้ชะโงกมองด้วยความสนใจ
“หาอะไร” วิริยาถามแล้วชี้หน้าจอ “เดี๋ยวๆๆ ขอดูรูปเมื่อกี้อีกทีสิ”
ปิ่นมณีชะงักมือ แล้วหันมองเพื่อนรัก “รูปไหน”
“เอามานี่ ฉันอยากดูรูปเด็กที่แกถ่ายด้วยตรงทะเล” สาวลูกครึ่งอาหรับแย่งโทรศัพท์มาจะดูเอง แต่จู่ๆ หน้าจอก็ดับไป “อ้าว! แบตหมดหรือไงเนี่ย ทำไมมันดับล่ะ”
“ก็เมื่อคืนฉันตากฝนแล้วโทรศัพท์มันเปียก นี่ลองเสี่ยงเปิดดูปรากฏว่าติด แต่ตอนนี้สงสัยตายสนิทแล้ว” ปิ่นมณีทอดถอนใจกดจิ้มไปจิ้มมาหน้าจอก็ยังมืดสนิท
“ชีวิตฉันทำไมน่าสงสารขนาดนี้ โตจะเป็นวัวเป็นควายแล้วยังจัดการชีวิตตัวเองไม่ได้เลยสักอย่าง ”
“ก็พูดซะเว่อร์เกินไป” วิริยาขมวดคิ้วทำเสียงยานคางล้อ “แกออกจะเก่ง เป็นทั้งคุณครูอนุบาล เป็นนักมวยสมัครเล่น โอ๊ย! แกเก่งทุกอย่างยกเว้นอย่างเดียว”
ปิ่นมณีหันขวับทำหน้างงแล้วถามกลับ “อะไร”
“หัวอ่อนเกินไป” สาวมั่นเอาแขนพาดไหล่เพื่อนรักแล้วย้ำคำพูด “แกต้องหัดแข็งซะบ้าง กับพ่อก็พูดกันด้วยเหตุผล โตๆ กันแล้วค่อยพูดค่อยจากัน”
“ทำไงได้ล่ะ พ่อฉันฟังใครเสียที่ไหน”
“โชคดีมากนะที่ฉันเป็นแค่ลูกพ่อค้า ถ้าเป็นลูกทหารแบบแกชีวิตคงต้องตรงเป๊ะเป็นเส้นตรงห้ามแตกแถว แล้วแกยิ่งหนักเพราะพี่เพชรของแกก็ทำซะพ่อแม่เสียใจขนาดนั้น ความซวยเลยตกมาตรงหัวแกเต็มๆ”
แล้วคนที่พูดถึงก็โทรเข้ามาพอดี วิริยามองเบอร์หน้าจอแล้วตาโตแทบถลน ปิ่นมณีถึงกับงงแล้วหน้าถอดสีเมื่อเห็นเบอร์ หล่อนได้แต่ส่ายหน้าไม่ให้เพื่อนรักบอก
“สวัสดีค่ะ คุณพ่อปิ่น”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
lovereason2
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 เม.ย. 2560, 19:19:59 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 มิ.ย. 2560, 17:58:59 น.
จำนวนการเข้าชม : 1068
<< บทที่ 4 : 100% | บทที่ 5 : 100% >> |
Reddy 11 เม.ย. 2560, 18:56:46 น.
ตกลงว่าราศีปักธงจะแฮปพี่เขยแล้วสงสัยวุ่นแน่
ตกลงว่าราศีปักธงจะแฮปพี่เขยแล้วสงสัยวุ่นแน่