สูตรลับจับรัก
เรื่องรักของคุณพ่อลูกติดมาดเซอรกับครูสาวสุดเปิ่น ผู้ถูกความรักผลักไสให้หลงทางมาเจอกันในวันบอบช้ำ สองหนุ่มสาวต่างวัยกับกาวใจลูกสาวตัวเล็กและชีวิตที่พลิกผัน
Tags: สูตรลับจับรัก ทักษ์ปิ่น คุณพ่อนักเล่านิทาน รักดราม่า

ตอน: บทที่ 5 : 100%

วิริยากรอกเสียงเบาหวิวลงไป แล้วก็ต้องหน้าเหยเกเมื่อปลายสายตอบ

“ปิ่นอยู่กับหนูรึเปล่า”

“เปล่าค่ะ คุณพ่อมีอะไรหรือคะ” วิริยาแกล้งทำไขสือ

ปลายสายเงียบไปสักพักก่อนตอบ

“พอดีพ่อติดต่อยายปิ่นไม่ได้ เหลวไหลจริงเชียวลูกคนนี้ ถ้ายายปิ่นติดต่อมารบกวนหนูโทรบอกพ่อด้วย ไม่ต้องบอกปิ่นก่อนนะ”

“เอ๋!” วิริยาอุทาน “มีเรื่องอะไรรึเปล่าคะ เผื่อหนูช่วยตามหาอีกแรง”

“ดีเหมือนกัน แต่ถ้าเจอหนูแค่บอกสถานที่มาก็แล้วกัน เดี๋ยวลุงให้ภพไปรับเอง”

ปิ่นมณีที่แนบหูฟังถึงกับผงะ นึกรู้ว่าสิรภพต้องเข้าทางพ่ออีกตามเคย เผลอๆ ตอนนี้อาจจะไปนั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋อใส่ไฟหล่อนให้พ่อฟังอยู่ก็เป็นได้ นึกแล้วก็เจ็บใจที่ทำอะไรอดีตคู่หมั้นไม่ได้เลย

พอวางสายวิริยาก็หน้าตาตื่นหันมาถาม

“ทำไงดีละปิ่น ฉันว่าฉันได้ยินเสียงพี่ภพลอดมาทางโทรศัพท์เมื่อกี้ เขาต้องอยู่กับพ่อแกแน่เลย”

“ฉันก็ว่างั้นเหมือนกัน” ปิ่นมณีนั่งคอตก “ฉันหนีไปตั้งหลักที่สมุยดีกว่า อย่างน้อยก็มีแม่อยู่ฉันคงอุ่นใจกว่าอยู่ที่นี่ กลัวจะทำให้แกเดือดร้อนไปด้วย”

“ก็แล้วแต่แกก็แล้วกัน” วิริยาปลอบ “แต่พี่ภพไม่ใช่คนดุร้ายอะไรหรอกนะฉันว่า อีกอย่างเขาก็ต้องรู้ตัวว่าผิดแกถึงได้ซัดซะอ่วมขนาดนั้น”

ปิ่นมณีพยักหน้าเห็นด้วย แต่หล่อนไม่เชื่อใจสิรภพแม้แต่นิดเดียว ยิ่งเห็นแววตาของเขาที่มองหล่อนเมื่อวานราวกับจะกินเลือดกินเนื้อแล้วยิ่งหนักใจ หล่อนช่างขี้ขลาดที่จะต้องเผชิญหน้าทั้งพ่อและสิรภพ กลัวความลำเอียงของพ่อจะทำให้หล่อนจนมุมและหลีกเลี่ยงผู้ชายใจหยาบกระด้างแบบสิรภพไม่ได้

ถ้าเขาเป็นสุภาพบุรุษได้ครึ่งของพ่อลูกติดมาดเซอร์คนนั้นก็คงดี...

วิริยานั่งข้างกอดไหล่หล่อนโยกปลอบเลาๆ ปิ่นมณีถอนหายใจอีกรอบคิดหนักกับชีวิตไม่รู้จะหันเหไปในทิศทางใด จนเวลาผ่านไปครู่ใหญ่หล่อนก็ขอตัวแยกจากเพื่อนเพื่อจะหาซื้อของใช้จำเป็นแล้วต่อรถทัวร์เที่ยวสุดท้ายไปสมุยคืนนี้

แต่ความเป็นจริงไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่อทฤษฏีโลกกลมยังได้ผลกว่าที่คิด เพราะทันทีที่ปิ่นมณีแยกจากวิริยาและแวะซื้อของใช้จำเป็นกับเสื้อผ้าราคาถูกสองสามชุดแล้วมายืนรอรถแท็กซี่หน้าห้างสรรพสินค้า

แล้วหล่อนก็ได้พบ...


ปิ่นมณีถึงกับสะดุ้งสุดตัวเมื่อรถซีดานสี่ประตูสีดำกลางเก่ากลางใหม่แล่นเข้าเทียบจนแทบจะชิดถึงตัว หล่อนผงะถอยหลังสักพักก็เอียงคอมอง ชายหนุ่มผมยาวมาดเซอร์เปิดกระจกหน้าต่างลงมาเอื้อมมองผ่านร่างป้อมทักทาย

“ครูปิ่นมาทำอะไรที่นี่ครับ”

“ครูปิ่นขา ทำไมเมื่อเช้าหนีออกมาเฉยๆ คะ”

น้ำหอมที่นั่งข้างคนขับยื่นหน้ากลมๆ มาให้เห็น

“คุณทักษ์! น้ำหอม!” หล่อนเผลออุทานเสียงดัง แล้วเหลียวซ้ายแลขวา “จะไปไหนกันคะ”

“ไปต่างจังหวัดค่ะ แล้วครูจะไปไหน” เด็กน้อยถามไม่รอฟังคำตอบก็หันมาเขย่าแขนพ่อ “คุณพ่อขา ไปส่งครูปิ่นก่อนเราค่อยเดินทางก็ได้นะคะ เมื่อคืนน้ำหอมหลับไม่ทันเห็นเลยว่าบ้านครูปิ่นอยู่ที่ไหน”

ปิ่นมณีตาโต ก้มมองสองพ่อลูกแล้วนึกหาคำตอบ

หล่อนไม่ได้อยากกลับบ้านสักหน่อย ที่อยากไปจริงๆ คือสถานีรถโดยสารสายใต้นั่นต่างหาก แต่หล่อนไม่มีเวลาสาธยายเพราะเสียงแตรไล่หลังบีบดังสนั่น

“ครูยังไม่กลับบ้านจ้ะ ไม่รบกวนตามสบายนะคะ”

ปิ่นมณีพูดจบก็ยืดตัวยืนตรงถอยหลังกลับเข้าไปที่ป้ายรถเมล์ ฝนเม็ดเล็กเริ่มโปรยลงมาอีกครั้งจนหล่อนต้องวิ่งหลบเข้าไปใต้เพิงบังฝน

ทักษ์มองหญิงสาวด้วยสายตามีคำถาม แต่หล่อนหลบตาแล้วโบกมือให้ก่อนจะบุ้ยใบ้ไปทางด้านหลัง รถยังคงบีบแตรดังอยู่ แต่แล้วหล่อนก็สะดุ้งสุดตัวเมื่อเห็นคนในรถด้านหลังลงมาและเดินเข้ามาหา

แน่แล้ว! คนของเจ้าสัวแน่ๆ ชายกำยำเดินตรงลิ่วมาใกล้เรื่อยๆ

ปิ่นมณีขยับลุก เหลียวหน้าแลหลัง แต่ชนเข้ากับแผงป้ายโฆษณาขนาดใหญ่และผู้คนเริ่มเดินทยอยแก่งแย่งกันไปขึ้นรถประจำทางที่แล่นเข้าจอดเทียบ

โดนชนไปมาจนซวนเซ แต่หล่อนยังคงถอยหลังโดยอัตโนมัติ ไม่ทันที่ชายร่างกำยำจะวิ่งอ้อมรถมาถึงก็โดนดักด้วยประตูรถที่เปิดออกกะทันหันจนล้มกลิ้งไม่เป็นท่า

ทักษ์กวักมือเรียกหล่อน ในขณะที่น้ำหอมเป็นใจให้พ่อเปิดประตูรถให้ปิ่นมณีแล้วกระโจนร่างป้อมก้าวข้ามไปนั่งหลังรถ ปิ่นมณีเบี่ยงหลบคนผ่านไปมาวิ่งขึ้นฝั่งที่นั่งข้างคนขับ แล้วทักษ์ก็กระชากรถออกไปอย่างรวดเร็วทิ้งให้ชายร่างกำยำสองคนได้แต่มองตามตาค้าง

“ตกลงครูปิ่นไม่ได้กลับบ้าน แต่มาซ้อมวิ่งผลัดอยู่แถวนี้สินะครับ” ทักษ์เอ่ยทำลายความเงียบ

ปิ่นมณีกำมือแน่นหันขวับมามอง เห็นน้ำหอมยื่นหน้าเข้ามาทำตาแป๋วใส่ด้วยความอยากรู้ หล่อนก็ได้แต่เก็บคำค่อนของชายหนุ่มไว้ในใจ

“ค่ะ สนุกมากเลย” หล่อนแลตามอง “คุณหนวดอยากเล่นด้วยรึเปล่าล่ะ”

“ผมรู้สึกเหมือนอยู่ในเกมกับครูปิ่นตั้งนานแล้วนะครับ” ทักษ์ตอบกลั้วหัวเราะ

แสนรู้... ผู้ชายอะไรช่างยอกย้อน

ปิ่นมณีหน้าหงิก หันไปมองกระจกด้านหลังไม่เห็นรถคู่กรณี หล่อนก็หันกลับมาพิงเบาะถอนหายใจเฮือกใหญ่ น้ำหอมเอียงคอมองครูสาวด้วยความสงสัย

“น้ำหอมก็อยู่ในเกมวิ่งผลัดแล้วก็เก้าอี้ดนตรีกับคุณพ่อและครูปิ่นตั้งนานแล้วด้วยค่ะ” เด็กน้อยทำปากยื่นแล้วยิ้มกว้าง

ปิ่นมณีเหลียวมองแล้วโยกหัวเล็กๆ เบาๆ “ขอบใจนะจ๊ะ ไม่ได้น้ำหอมกับพ่อ ครูต้องแย่แน่”

“ไม่เป็นไรค่ะครู น้ำหอมชอบ สนุกดี”

เด็กน้อยปิดปากหัวเราะคิกคัก แล้วเอนหลังพิงพนักเบาะหลังสบายอารมณ์

ทักษ์เผยอยิ้มมองลูกสาวผ่านกระจกมองหลัง แล้วเหลือบมองหญิงสาวข้างกายหันไปหยอกล้อลูกสาวของเขาด้วยท่าทีผ่อนคลาย พอรถเริ่มแล่นห่างออกจากถนนหลักถึงเพิ่งนึกได้เหลือบมองกระจกหลังไม่มีใครตามมาก็คลายใจ

“คราวนี้คุณจะให้ผมไปส่งที่ไหนครับ”

ปิ่นมณีชะงัก หันขวับมามองนาฬิกาที่หน้าปัดวิทยุแล้วตาโต

“คุณช่วยส่งฉันที่สายใต้ใหม่หน่อยนะคะ ฉันกลัวรถจะหมดซะก่อนถ้าไม่ทันเที่ยวสุดท้ายคงแย่แน่” หล่อนระล่ำระลักตอบ สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นกระวนกระวายอีกครั้ง

ทักษ์ขมวดคิ้วมุ่น มองป้ายบอกทางโดยอัตโนมัติ แต่เส้นทางที่ผ่านมาคนละทางและไกลจากท่ารถสายใต้มากจนเขาคิดว่าน่าจะไม่ทันเวลาแน่นอนเพราะรถติดยาว

“คุณจะไปทำไมสายใต้”

ชายหนุ่มถามเสียงเรียบแล้วเหลือบตามองหล่อนครู่หนึ่งก่อนจะหันกลับไปสนใจถนนตรงหน้า เช่นเดียวกับเด็กน้อยก็หันมามองรอคำตอบจากครูสาวเช่นกัน ปิ่นมณีนิ่งไปนานก่อนจะตอบ

“ฉันมีธุระต้องไปต่างจังหวัดค่ะ” ปิ่นมณีอึกอัก “ฉันจะไปสมุย”

น้ำหอมดีดตัวลุกจากเบาะหลังมาเกาะเบาะทั้งสองข้าง แล้วเอี้ยวตัวมองครูสาว

“ครูปิ่นจะไปเกาะสมุยทำไมคะ”

“น้ำหอม” ทักษ์ดุลูกเสียงเข้ม “ผู้ใหญ่คุยกันอยู่ พ่อเคยสอนว่าไงคะ”

“สอนว่าผู้ใหญ่คุยกันห้ามสอดค่ะ” เด็กน้อยทำปากยื่น “ก็น้ำหอมเป็นห่วงครูปิ่นนี่นา พ่อไปส่งครูปิ่นที่เกาะสมุยนะคะ”

ปิ่นมณีฟังแล้วถึงกับสะดุ้งหน้าเสียรีบปฏิเสธ

“โอย! อย่าเลยจ้ะน้ำหอม เกาะสมุยไกลจากกรุงเทพหลายร้อยกิโลเมตรเลยนะ หนูรู้ไหม”

คุณพ่อมาดเซอร์เหลือบมองครูสาวแล้วยิ้มมุมปาก รู้ความหมายที่ลูกสาวบอก แต่ดูเหมือนหญิงสาวข้างกายเขาจะไม่รู้ว่าจุดมุ่งหมายที่เขาและลูกจะไปก็คือจังหวัดเดียวกันกับหล่อน

เป็นความบังเอิญที่เหลือเชื่ออีกครั้ง

ทักษ์นึกในใจแล้วถึงกับสะดุ้งเมื่อมือป้อมๆ สะกิดหัวไหล่

“คุณพ่อขา”

“รู้แล้วค่ะ” ทักษ์ตอบยิ้มๆ แล้วบอกหญิงสาว “ผมไปส่งเองครับ เรากำลังจะไปชุมพรพอดี”

“ชุมพร?” หญิงสาวทวนคำแล้วเบิกตากว้าง “พูดเล่นใช่ไหมคะเนี่ย”

ปิ่นมณีถึงกับผงะมองทักษ์ด้วยสายตาบ่งบอกความประหลาดใจ ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอก่อนจะเหลือบมองลูกสาวตัวน้อยด้านหลัง พยักหน้าแล้วหันมาทางหญิงสาว

“จริงครับ” ทักษ์ตอบ “แถมยังได้คำสั่งจากน้ำหอมให้ส่งครูถึงที่หมายด้วยสิ”

เด็กน้อยยื่นหน้ามาตรงกลางที่ว่างระหว่างเบาะหน้าทั้งสอง แล้วสะกิด

“นะคะครูปิ่น ไปกับเรานะคะ”

“แต่ว่า” ปิ่นมณีอึกอัก สีหน้าลำบากใจ “ครูเกรงใจ”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ หนักกว่านี้ก็เคยมาแล้ว”

คำพูดของคนขับรถจำเป็น ทำให้ปิ่นมณีถึงกับย่นจมูก มองชายหนุ่มค้อนๆ แล้วถอนใจก่อนจะตอบเขาด้วยน้ำเสียงเกรงใจ

“ฉันเกรงใจค่ะ สองวันมานี้รบกวนคุณมาก”

พูดจบหล่อนก็เบือนหน้าออกนอกหน้าต่าง เมื่อสบสายตาระยิบระยับที่แวบมองหล่อนครู่เดียวก่อนจะตั้งหน้าตั้งตากับถนนตรงหน้า หล่อนสะท้านกับสายตาเขาอย่างที่ไม่คิดว่าจะเป็น ทักษ์เป็นหนุ่มรูปงามภายใต้ท่าทางสุดเซอร์ ไม่สนโลก ดูก้าวร้าวทรุดโทรมภายใต้ท่าทางเฉยชา

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าลักยิ้มข้างเดียวของเขาเวลายิ้มแล้วโลกสว่างไสวแค่ไหน

ปิ่นมณีสะบัดร้อนสะบัดหนาว ส่ายหน้าจนผมยาวปลิวไสว น้ำหอมมองครูสาวสลับกับพ่อแล้วก็ทำหน้างงก่อนจะเอนกายพิงเบาะหลังดูคนนั้นทีคนนี้ที

“ง่วงแล้วเหรอคะ” ทักษ์เอ่ยถาม ปรายตามองลูกสาวผ่านกระจก

แทนที่จะเป็นน้ำหอมตอบ กลับเป็นหญิงสาวข้างกายแทน หล่อนหันมาแล้วส่ายหน้าเบาๆ

“ยังค่ะ”

ชายหนุ่มหนึ่งเดียวหัวเราะในลำคอเมื่อครูจอมยุ่งกับลูกสาวของเขาตอบพร้อมกันราวกับนัดไว้ ปิ่นมณีนิ่วหน้าแลดูกระดากเมื่อน้ำหอมพูดแทรก

“ถ้ามีครูปิ่นไปด้วยตลอดทาง น้ำหอมคงอุ่นใจเหมือนมีแม่อยู่ใกล้ๆ เวลาคุณพ่อไปทำงานเลย” เด็กน้อยคะยั้นคะยอ “นะคะครูปิ่น นะคะ”

“แต่นี่พ่อพักร้อนเดือนนึงนะ มีเวลาอยู่กับลูกถึงเกือบเปิดเทอมเลย” ทักษ์ท้วง

เด็กหญิงถึงกับหน้ามุ่ยบ่นอุบอิบพองลมเต็มแก้ม

“แต่น้ำหอมอยากให้ครูปิ่นไปกับเรานี่นา”

ปิ่นมณีถึงกับพูดไม่ออก เหงื่อเริ่มแตกพลั่กทำหน้าเลิ่กลั่ก แค่สามชั่วโมงกว่าๆ ที่นั่งด้วยกันมาก็อึดอัดจะแย่ แล้วถ้าต้องติดสอยห้อยตามกันไปมีหวัง หล่อนนั่งตัวแข็งเป็นหินถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเจอไม้นี้ของเด็กน้อย

“แต่ครูว่า...”

ไม่ทันพูดจบ ทักษ์ก็พูดแทรกแล้วหลิ่วตามองหญิงสาว

“จะดีหรือคะ เกิดคนเข้าใจผิดครูปิ่นจะเสียหายนะลูก”

“เสียหายยังไง น้ำหอมว่าดีซะอีกสิคะ” เด็กน้อยอมลมครุ่นคิด “จะได้ไม่มีใครคอยถามว่าแม่ไม่มาด้วยหรือคะ”

“โอย... “ ปิ่นมณีเสียงขึ้นจมูก “ครูว่านี่มันไม่แก้ปัญหาเลยนะจ๊ะ”

น้ำหอมทำหน้างุนงง แล้วสักพักก็หน้าเบ้ เริ่มแดงคล้ายจะร้องไห้ ปิ่นมณีเห็นท่าไม่ดีรีบปลอบ “ก็ได้ๆ จ้ะ ถ้าไม่ติดอะไร ครูจะไปเที่ยวกับน้ำหอมนะ”

หล่อนรับคำแต่สีหน้าวิตก ทักษ์ลอบมองลูกสาวผ่านกระจกมองหลังแล้วได้แต่ขมวดคิ้วเมื่อเห็นรอยยิ้มพึงใจ

เจ้าเล่ห์นัก!

ริจะหาผู้หญิงให้พ่อตั้งแต่เมื่อไหร่กัน...

ทักษ์ส่ายหน้า แต่ก็ไม่รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด อาจเพราะเป็นหล่อน ถ้าเป็นผู้หญิงอื่นเขาอาจจะรู้สึกไม่ค่อยดีนัก แต่ครูปิ่นแรงเยอร์ที่แสนอวดเก่งแต่ใจปลาซิวแถมกลัวผีเป็นอาชีพคนนี้ทำให้เขายิ้มได้และแต่นึกขำที่หล่อนปฏิเสธเสียงแข็งทั้งที่พฤติกรรมฟ้อง

สักพักน้ำหอมก็กระเด้งตัวยื่นหน้ามาระหว่างกลางเบาะอีก

“อีกตั้งนานกว่าจะเปิดเทอม เราพาครูปิ่นไปเที่ยวให้ทั่วชุมพรเลยนะคะคุณพ่อ” น้ำหอมเสนอ มือป้อมๆ ยกนิ้วชี้แตะปากอมชมพูของตัวเองครุ่นคิด “น้ำหอมจะพาครูปิ่นไปเที่ยวเกาะเต่า ไปโฮมสเตย์เกาะพิทักษ์ ไปดูแหล่งอภิบาลม้าน้ำ ไปดูส้วมกันด้วยนะคะ”

“อะไรคือส้วมคะ?” หญิงสาวนิ่วหน้าสงสัยหนัก

“อ๋อ... เป็นสถานที่ท่องเที่ยวของชุมพรน่ะครับ” ทักษ์ตอบแทนก่อนจะทำตาวิบวับขี้เล่น “เอาไว้ผมจะพาคุณไปเที่ยวเพราะอยู่ใกล้สวยปาล์มของผมพอดี”

“แต่ฉันว่า” หล่อนอึกอัก “ไม่รบกวนคุณหนวดกับน้ำหอมนานหรอกค่ะ ฉันต้องไปหาแม่”

“แม่คุณอยู่สมุยเหรอครับ” ทักษ์เลิกคิ้ว “อยู่แถวไหน เผื่อใกล้ๆ กัน”

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ไม่เคยมา แต่ฉันมีที่อยู่มามาด้วย” หล่อนตอบเสียงอ่อย

“เป็นแม่เป็นลูกกัน แต่ไม่รู้ แปลกๆ ดีนะ”

ชายหนุ่มยิ้มมุมปาก หันมาสบตาหล่อนครู่เดียวแล้วกลับไปสนใจเพ่งสมาธิกับถนนต่อ

“ฉันมีความจำเป็นต้องหลบมาที่นี่สักพัก” หล่อนก้มหน้าตอบเสียงอ่อย “คุณก็เห็นแล้วว่าพ่อไล่ฉันออกจากบ้าน”

ทักษ์พยักหน้าน้อยๆ ไม่ได้พูดอะไร แต่คนที่พูดกลับเป็นลูกสาวตัวแสบ

“งั้นครูก็มาอยู่กับพ่อกับน้ำหอมนะคะ จะได้ไม่ต้องระเหเร่ร่อน”

สองหนุ่มสาวหันมามองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย แล้วต่างเบนสายตากลับไปทางเดิม บรรยากาศอึมครึมไปถนัดตาเพราะต่างก็ครุ่นคิดไป

“ครูปิ่นไม่ตอบแสดงว่าตกลงแล้วนะคะ” เด็กน้อยสะกิดพ่อแล้วหัวเราะคิกคัก “ดีใจจังเลย น้ำหอมจะมีแม่ไปอวดพี่เพรียว น้าดลแล้ว”

ทักษ์ถึงกับสำลักเมื่อฟังคำพูดไร้เดียงสา แต่คนที่หน้าซีดยิ่งกว่ากลับเป็นหญิงสาวข้างกายที่ทำหน้าแหยใส่จนเขาต้องแก้เก้อ

“พูดอะไรอย่างนั้นลูก ของแบบนี้ไม่ใช่จะมาพูดเล่นนะ”

“ก็ไม่ได้พูดเล่นนี่คะ” เด็กน้อยสวนทันควัน “น้ำหอมคิดจริงๆ”

“เอ่อ... สองพ่อลูกคะ ฉันคงไม่รบกวนพวกคุณหรอกค่ะ”

“แต่น้ำหอมว่า”

เสียงแหลมเล็กเมื่อครู่อ่อยราวสิ้นหวัง ไม่ทันจะได้เซ้าซี้ต่อ คุณพ่อก็ส่งเสียงกระแอมขัดจังหวะ น้ำหอมย่นจมูกคอตกก้มหน้าลงมองพื้นรถ

“ไม่เอาน่าลูกดูหน้าครูสิ จะร้องไห้อยู่แล้ว” ทักษ์ขัดจังหวะ “เรื่องแบบนี้พูดเล่นไม่ได้นะลูก”

“แต่น้ำหอมอยากอยู่กับครูปิ่นนานๆ”

“แล้วอยู่กับป้านอบไม่ดีเหรอคะ ที่เกาะน้ำหอมมีเพื่อนเยอะด้วยไง หรือว่าลืมพี่เพรียว กับน้าดลแล้ว” ทักษ์พูดเสียงเบา ราวกับอยู่ในโลกส่วนตัวกับลูกสาว

ปิ่นมณีได้แต่นิ่งฟัง หล่อนไม่อยากตอบอะไรไปที่จะเป็นการสัญญากับน้ำหอมโดยไม่รู้ตัว แต่ฟังทักษ์พูดถึงเกาะแล้ว หล่อนก็ถึงกับสงสัย

“บ้านคุณอยู่เกาะสมุยเหมือนกันเหรอคะค่ะ”

“เปล่าหรอกครับ ที่สมุยนั่นบ้านป้า ส่วนเกาะที่ผมกับน้ำหอมจะไปเป็นบ้านเกิดของพ่อ”

โลกกลมอีกครั้งโดยไม่ได้ตั้งใจสินะ...


ปิ่นมณีคิดหนัก อะไรจะบังเอิญได้บังเอิญดีขนาดนี้ ตั้งแต่สีชัง ปากน้ำ จนถึงชุมพร แค่เวลาสองวัน ระยะทางกว่าครึ่งพันกิโลเมตร หล่อนยังต้องมาวุ่นวายข้องเกี่ยวกับสองพ่อลูกอีก

น้ำหอมยิ้มกริ่มโยกตัวไปมา ถึงไม่พูดหล่อนก็มองผ่านกระจกหลังเห็นอารามดีใจของเด็กน้อยอย่างปิดไม่มิด

นึกแล้วก็สะท้อนใจ น้ำหอมคงเหงาและว้าเหว่มาก...

เด็กก็เหมือนผ้าขาวผืนน้อยๆ ที่เวลาผ่านไปแต่ละช่วงวัยมีอะไรหลายอย่างทิ้งรอยไว้ให้ผ้าขาวเริ่มหมองลงทีละนิด ไม่ต่างกับเรื่องราวของผู้ใหญ่ รู้จักรัก รู้จักสนใจคนที่ห่วงใย และรู้จักเอื้อเฟื้อมีน้ำใจแม้กับหล่อน

ปิ่นมณีเก็บรายละเอียดนักเรียนตัวน้อยของหล่อนไว้เป็นข้อมูลแล้วนึกได้ว่าควรออกโรงช่วยทักษ์เบนความสนใจ

“แล้วเราจะตียาวไปจนถึงชุมพรเลยเหรอคะ”

ทักษ์พรูลมหายใจก่อนตอบ “ไม่แน่ใจ ถ้าไม่ไหวอาจแวะพักรเมทางก่อนแหละครับ”

“คุณก็เลยต้องมาเสียเวลาเพราะฉันแท้ๆ เลย ไม่อย่างนั้นคงไปได้ไกลแล้ว” ปิ่นมณีเสียงแผ่ว ปรายตามองข้างทาง

หล่อน เกรงใจก็จริงแต่ที่ทำให้ใจเต้นโครมครามและไม่กล้าสู้หน้าอยู่ตอนนี้คงเป็นเพราะคำพูดเด็กน้อยมากกว่า ที่ฟังแล้วเป็นถ้อยคำราบเรียบ แต่ช่างทำให้หล่อนคิดลึกไปไกลได้ถึงเพียงนั้น

ภาพถนนและต้นไม้ริมทางร่มรื่นตลอดแนวดูแตกต่างจากป่าคอนกรีตในเมืองใหญ่ ทำให้ปิ่นมณีสบายใจอย่างที่ไม่เคยรู้สึก หล่อนไม่เคยเดินทางลงใต้เลยทั้งที่รู้ว่าบ้านเกิดของแม่อยู่เกาะสมุย และไม่คิดจะมาหากไม่จวนตัว

หวังว่าคำพูดปลอบโยนของแม่จะพอช่วยประโลมหล่อนได้ ถึงแม้จะรู้ว่าแทบไม่มีหวัง

แม่อยู่ใต้อำนาจพ่อมาตลอด จะมีก็ครั้งนี้ที่อยู่ๆ แม่ก็แข็งข้อ และพ่อก็ทิฐิแรงนักไม่ยอมมาตามแม่ตั้งแต่โรงเรียนหล่อนยังไม่ปิดเทอมด้วย รอยร้าวของพ่อกับแม่เกิดขึ้นตั้งแต่หล่อนอายุได้เพียงสิบสี่ปี

นานนับสิบปีแล้ว... ตั้งแต่พี่เพชรหนีออกจากบ้านไป...

ทักษ์มองตัวเลขสีเขียวของนาฬิกาดิจิตอลหน้าปัดวิทยุแล้วถอนใจ สี่โมงเย็นยังไม่ถึงจุดพักเขาโพธิ์ แล้วกว่าจะถึงชุมพรก็อีกนับชั่วโมง จากชุมพรไปเกาะก็อีกเกือบชั่วโมง กว่าจะถึงคงค่ำพอดี

“คุณทักษ์คะ” ปิ่นมณีสะกิดชี้มือให้มองป้ายระยะไกล “ฉันอยากเข้าห้องน้ำ”

“ดีเหมือนกันจะได้พักรถแล้วหาอะไรกินด้วย”

ทักษ์พยักหน้า ตบไฟเลี้ยวซ้ายเริ่มชิดขอบทาง เมื่อเห็นป้ายจุดพักริมทางเขาโพธิ์ปรากฏแก่สายตาไกลๆ ชายหนุ่มขานเรียกลูกสาวตัวน้อยด้วยความเคยชินแต่ไม่มีเสียงตอบรับ

ถอยรถเข้าช่องจอดเสร็จก็มองหาจากกระจกมองหลัง ภาพน้ำหอมนอนแผ่หลาอิงเบาะหลังดูมีความสุขจนทักษ์ได้แต่หัวเราะเบาๆ ก่อนจะละสายตามาที่หญิงสาว

“ตัวแสบหลับซะแล้ว แต่ผมไม่เห็นคุณหลับเลย”

“ฉันหลับไม่ลงหรอกค่ะ เวลาเดินทางไกลแบบนี้” หล่อนตอบพลางหน้าครุ่นคิด “แล้วจะทำยังไงคะ แกหลับแบบนี้”

“แกปลุกง่ายครับไม่มีปัญหา คุณไปห้องน้ำเสร็จแล้วเจอกันที่ศูนย์อาหารนะ”

หล่อนพยักหน้าว่าง่าย ก่อนจะลงรถแล้วลับหายไปทางห้องน้ำ ทักษ์มองตามจนลับสายตาก่อนจะหันมาให้ความสนใจลูกสาวที่นอนขดเป็นก้อนกลมอวบตรงหน้าด้วยความเอ็นดู โดยไม่ทันเห็นชายสองคนเดิมที่ตามปิ่นมณีมาตั้งแต่กรุงเทพ และกำลังให้สัญญาณมือก่อนจะแยกย้ายไปคนละทาง


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



lovereason2
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 เม.ย. 2560, 15:04:34 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 มิ.ย. 2560, 18:24:56 น.

จำนวนการเข้าชม : 1007





<< บทที่ 5 : 50%   บทที่ 6/1 หนีรักไปพักร้อน >>
แว่นใส 14 เม.ย. 2560, 15:50:09 น.
คนร้ายตามมาทันแล้ว


Reddy 15 เม.ย. 2560, 18:52:55 น.
จะหนีทันมั้ยเนี่ย


lovereason2 18 เม.ย. 2560, 20:13:53 น.
คุณแว่นใส-- แย่แล้ว คนร้ายตามมาทันแล้วค่า ^^
คุณReddy - เด๋วมีเฉลยตอบหน้าค่า
ขอบคุณมากๆ นะคะ



เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account