The D.O.L.L.S โศกนาฏกรรมปีศาจตุ๊กตามหาเวท
"นักขายความฝันผู้เลือดร้อน & นักโทษประหารผู้เริงร่า & หัวขโมยผู้เย็นชา"
ต่างถิ่น ต่างความคิด ต่างอาชีพ ต่างนิสัย ต่างจุดมุ่งหมาย ต่างเผ่าพันธุ์
กลับต้องมาอยู่ด้วยกันเพราะเหตุบางอย่าง... The D.O.L.L.S

ตุ๊กตาปีศาจมีลักษณะรูปร่างเหมือนมนุษย์ทุกประการ

ถ้าอย่างนั้น...จะรู้ได้อย่างไร?
...เป็นปีศาจ...หาใช่มนุษย์ไม่...

ระวังไว้ให้ดี...ทุกอย่างอาจเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา...

...ที่ใครบางคนสร้างขึ้นเท่านั้น...

สงครามระหว่างผู้มีพลังเวทกับมนุษย์ธรรมดา
ใครจะอยู่รอดเป็นผู้กำชัยชนะ!?


- ขอขอบคุณนักอ่านทุกท่านจากใจจริง -
แผนที่นครเซ็นทรัม http://i49.photobucket.com/albums/f290/thunchanoks/map122e1.jpg
Tags: ตุ๊กตา,ปีศาจ,คำสาป,เวทมนตร์,สงคราม,แฟนตาซี,ผู้ใช้เวท,มนุษย์,โศกนาฏกรรม,mystery

ตอน: Episode 22 : || คำอธิษฐาน ||

EPISODE 22
คำอธิษฐาน

ภายในห้วงอากาศอันมืดมิด สภาพสูญญากาศทำให้ข้าวของต่างๆ ล่องลอย ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะ เก้าอี้ จานชามและแก้วน้ำ เก้าอี้ทั้งเก้าตัวมีคนนั่งอยู่เพียงสามเท่านั่น ล้อมรอบร่างหนึ่งซึ่งยืนอยู่ล่างสุดตรงกึ่งกลางเอาไว้

“โชว์เมื่อวานสนุกมากเลยล่ะท่านราชา” ร่างเล็กในชุดกระโปรงยาวบนเก้าอี้เอ่ยเสียงใส มือกอดตุ๊กตากระต่ายบนตักแน่นพร้อมกับหัวเราะคิกคัก ดูแล้วน่าจะอายุราวๆ สิบสี่สิบห้าปี ดวงตาสีชมพูกลมโต เครื่องทุกอย่างบนใบหน้าน่ารักจัดวางได้อย่างสวยงาม เส้นผมสีขาวโพลนกลืนไปกับผิวสีขาวอมชมพู

“จิเซล มีเจ้าคนเดียวนั่นแหละที่สนุก ข้าไม่สนุกไปด้วยหรอกนะ ไฟฟ้านั่นน่ากลัวชะมัด” เสียงเรียบดังมาจากเก้าอี้อีกตัวซึ่งอยู่สูงขึ้นไปหน่อย ใบหน้าของเด็กหนุ่มถูกผมสีน้ำตาลอ่อนปรกปิดจนมองเห็นได้ไม่ชัด แต่ก็ยังเปิดให้เห็นนัยน์ตาสีมรกตข้างหนึ่งฉายประกายความหงุดหงิดเอาไว้อย่างชัดเจน

“มาริโอเน็ตของเจ้ามันกระจอกต่างหากล่ะคูส จริงมั้ยท่านราชา” เด็กสาวทำเสียงสดใสถามร่างหนึ่งที่ยืนอยู่เบื้องล่าง เขาเป็นชายหนุ่มร่างสูง ใบหน้าอ่อนเยาว์ดูอายุประมาณยี่สิบต้นๆ นัยน์ตาสีทองกวาดสายตามองทั้งสามคนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“พูดแบบนั้นก็ไม่ถูกหรอกนะจิเซล บางที รูรัน อาจจะคิดแบบอื่น” เสียงนุ่มเอ่ยบอกพร้อมกับเพยิดหน้าไปทางเก้าอี้อีกตัวซึ่งอยู่สูงกว่าเก้าอี้ของคูสขึ้นไปอีก

ผู้ถูกถามความเห็นถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย เขามีเส้นผมสีน้ำดำสนิทและผิวสีเข้ม นัยน์ตาสีน้ำทะเลมองอีกสามคนด้วยสายตานิ่งๆ เด็กหนุ่มถอนหายใจอีกทีก่อนเสียงรำคาญจะตอบอย่างเซ็งๆ

“พวกมาริโอเน็ตมันกระจอกหมดทุกตัวนั่นแหละ” เด็กสาวทำหน้าบูดทันทีที่ได้ยิน อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้คิดว่ามาริโอเน็ต ‘ทุกตัว’ จะกระจอกเสมอไป ดูอย่างมาริโอเน็ตของท่านราชา ช่างสวยงาม ว่าง่ายและอ่อนไหวราวกับสายน้ำไหล

“พูดแบบนี้เจ้าอยากหาเรื่องกับข้าหรือไง” เสียงแข็งตะคอกถามด้วยความโมโห เก้าอี้ของคูสหายวับไปปรากฏขึ้นข้างๆ เก้าอี้ของรูรัน เด็กหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำทะเลเหลือบมองคนข้างๆ ก่อนจะหัวเราะหึในลำคอ เรียกแก้วไวน์ให้ปรากฏขึ้นในมือแล้วจิบทีละนิดอย่างไม่สนใจ

“ถ้าแบบนั้น...เจ้าหมายถึงมาริโอเน็ตของตัวเองด้วยงั้นสิ” จิเซลย้อนถามกลับ ใบหน้าน่ารักเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ คนถูกย้อนชะงักไป มือถือแก้วไวน์ลดต่ำลงอยู่ในระดับหน้าอก เหลือบสายตาลงต่ำมองร่างเล็กๆ ด้านล่าง

“มาริโอเน็ตแต่ละตัวมีพลังจำกัด ไม่เกี่ยวกับใครกระจอกไม่กระจอกหรอก แต่อย่าชะล่าใจไป ถ้าไม่ฝึกปรือฝีมือ ดีไม่ดีอาจจะโดนพวกมันเล่นงานเอาได้” เสียงนุ่มพูดขึ้น หวังจะหยุดสงครามสายตาของทั้งสาม

“อย่าเอาข้าไปเทียบกับพวกมัน” รูรันเอ่ย ชายหนุ่มผู้ถูกเรียกว่าราชายิ้มน้อยๆ เขารู้นิสัยหยาบกระด้างและเย็นชาของรูรันดี

“นั่นสินะ ไม่ว่าจะเป็น ‘ผู้ขายวิญญาณ’ หรือ ‘ตุ๊กตาปีศาจ’ สำหรับพวกเราก็เป็นแค่มาริโอเน็ต แต่เจ้าอย่าได้ลำพองใจเด็ดขาด ข้าเตือนด้วยความหวังดี”

“ข้ารักท่านราชาที่สุด” จิเซลหัวเราะคิกคักในลำคอ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปทำตาขวางใส่รูรัน “ส่วนไอ้คนทำเก่งอย่างเจ้าน่ะข้าชิงชังที่สุด”

“วันก่อนเจ้าก็เพิ่งเกลียดเชย์ล่าที่สุดไปเองไม่ใช่เรอะ” รูรันพูดพร้อมกับถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย เด็กสาวหัวเราะคิกบอกปัดว่าคนละวันกัน วันนี้เธอเกลียดเขา

ชายหนุ่มมองการทะเลาะเบาะแว้งเล็กๆ น้อยๆ อย่างอารมณ์ดี เก้าอี้ของคูสหายวับลงมาอยู่ในตำแหน่งเดิม

“ท่านราชาจะเอายังไงกับพวกรัฐบาล ให้ข้าไปจัดการพวกมันทุกคนดีมั้ย” คูสเสนอตัว ในใจเขาคิดอยากถอนรากถอนโคนพวกมันมาตั้งนานแล้ว ไม่รู้ท่านราชาคิดอะไรเอาแต่เล่นไม้อ่อนอยู่ได้

“ใจเย็นๆ สิ วิธีของข้ายอดเยี่ยมอยู่แล้ว”

“ใช่คูส ท่านราชาเจ๋งที่สุด” จิเซลพูดสนับสนุนพลางเล่นตุ๊กตาบนตักของตัวเองไปด้วย ส่วนเด็กหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำทะเลแสดงสีหน้าเบื่อหน่าย เรียกแก้วไวน์ขึ้นมาจิบอีกรอบ

“ท่านเอาแต่กดดันเจ้าดูวัลอยู่นั่นแหละ ข้าไม่เห็นว่ามันจะยอดเยี่ยมตรงไหน” เหลือบสายตาลงต่ำไปมองจิเซล ใบหน้าหวานน่ารักปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมกับหัวเราะคิกคักในลำคอ คูสขมวดคิ้วน้อยๆ แล้วเบือนสายตาไปมองชายหนุ่มผู้ยังคงมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าอ่อนโยน

“ทุกอย่างต้องค่อยเป็นค่อยไป คอยอีกนิดนะเหล่าหยาดน้ำตาของพระผู้เป็นเจ้าทั้งหลายของข้า” เสียงนุ่มเอ่ยบอกพร้อมกับส่งรอยยิ้มไปให้ทั้งสามคน

++++++++++++++++

“วอล เจ้าจะอืดอยู่ในนั้นอีกนานมั้ย”

“เดี๋ยวนะ...ขอต่อ...อีกห้า...” เสียงเอื่อยพูดพึมพำ ใบหน้าหวานซุกอยู่กับหมอน “...ชั่วยาม”

“ห้าชั่วยาม!” เสียงตะโกนอย่างเหลืออด ร่างเล็กก้าวเท้าฉับเข้าไปใกล้แคปซูลด้วยความรวดเร็ว กำหมัดแน่นเตรียมพร้อมปล่อยได้ทุกเวลา ห้าชั่วยามมันยิ่งกว่าห้าชั่วโมงด้วยซ้ำ เจ้าบ้านี่คิดจะนอนไปถึงไหนกัน “ออกมาเดี๋ยวนี้เลย”

วอลเงยหน้าขึ้นจากหมอน หน้าตางัวเงียเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน แต่เธอรู้ดีว่าเขาแกล้งทำ เจ้าบ้านี่ไม่มีวันนอนท่าเหมือนคนปกติเด็ดขาด แม้ว่าท่านอนคว่ำจะแปลกพิลึกพอสมควร แต่มันยังปกติกว่าการนั่งหลับก็แล้วกัน

“เจ้ามีอะไรล่ะ ข้าไม่ค่อยชอบแดดเท่าไหร่”

“นี่มันตอนกลางคืนแล้ว ออกมา ข้าอยากดูแผนที่หน่อย” เสียงห้วนออกคำสั่ง เด็กหนุ่มยิ้มกว้างขึ้นเมื่อรู้ว่าไม่มีแดดแล้ว ก่อนจะหันไปกดปุ่มเปิดกระจกแคปซูลออก

หลังจากที่วอลออกมายืนข้างนอก มิเวลก็เดินเข้าไปยืนตรงหน้าเขา ยกแขนขึ้นพร้อมกับใช้นิ้วแตะเบาๆ บนหน้าผากของอีกฝ่าย รวบรวมพลังเวทในกายถ่ายโอนไปยังปลายนิ้ว เห็นวอลหลับตาลงพร้อมกับยิ้มน้อยๆ ก่อนร่างของเขาจะกระตุกรุนแรง ภาพรอบตัวมืดสนิทลงฉับพลัน เธอไม่เห็นอะไรเลยนอกจากวอลที่ยืนหลับตานิ่งอยู่ตรงหน้า

“วอล?” เสียงเรียกอย่างไม่มั่นใจ คนถูกเรียกก็ยังคงยืนหลับตาไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ตอบรับ สองมือแนบสนิทอยู่ข้างลำตัว

เด็กสาวถอนหายใจ ทุกอย่างเหมือนกับก่อนหน้านี้ไม่มีผิดเพี้ยน เธอคาดว่าวอลคงไม่ได้สติเพราะตอนนี้เขากำลังทำหน้าที่ของแผนที่ต้องคำสาปอยู่

“ข้าขอให้เจ้าแสดงแผนที่ต้องคำสาป ณ บัดนี้” สิ้นเสียงออกคำสั่ง ความมืดรอบๆ ก็เกิดแสงสว่างจางๆ พร้อมกับมีรูปภาพและลวดลายต่างๆ ค่อยๆ ปรากฏขึ้นมาทีละนิด มีจุดสีแดงอยู่กึ่งกลางระหว่างภาพของเมืองไซโรนาสกับเมืองควอเรล

“จงแสดงเส้นทางไปยังนครสาปสูญ” เด็กสาวออกคำสั่งอีกครั้ง

ภาพทั้งหมดหายวับไปแล้วเปลี่ยนภาพของปราสาทมีหมอกควันปกคลุมอยู่ เธอเห็นเส้นทางขีดไปยังปราสาทอยู่เพียงทางเดียวเท่านั้น เด็กสาวไล่สายจากจุดสีแดงไปตามเส้นเล็กๆ ผ่านเมืองเล็กไซโรนาส ผ่านเมืองควอเรล มุ่งหน้าไปทางทิศใต้ อ้อมแคว้นเมเบิร์กไปยังเมืองเล็กๆ ที่ชื่อว่าซาเทีย ก่อนจะข้ามทะเลหมอกไปยังฟรอซเซล หลังจากนั้นจึงเดินทางผ่านหุบเขาแล้วข้ามทะเลสาปเพื่อไปยังนครสาปสูญ

มิเวลขมวดคิ้วอย่างสงสัย ตอนดูแผนที่ครั้งแรกเธอไม่ได้ทันสังเกตให้ดีเลยไม่รู้สึกเอะใจเรื่องทะเลสาป ฟรอซเซลมีแต่ทะเลหมอกล้อมรอบกลายเป็นเกาะเล็กๆ แต่เธอจำไม่เห็นได้เลยว่ามีทะเลสาปหรือหุบเขาอยู่ด้วย

คิดตอนนี้ก็เสียเวลาเปล่า ไว้ไปถึงแล้วค่อยหาทางเอาทีหลังก็แล้วกัน

เด็กสาวสรุปกับตัวเองในใจ ก่อนจะบอกเลิกใช้แผนที่ ภาพเส้นทางต่างๆ เหมือนถูกดูดกลับเข้าไปในหน้าผากของเด็กหนุ่มผู้มีแผนที่อยู่ในร่าง ความมืดรอบตัวหายไปกลับมาเป็นห้องสว่างไสวของวอลอีกครั้ง

มิเวลมองไปทางวอล เห็นเขาล้มลงไปนอนกับพื้นอีกแล้ว แต่พอรีบนั่งลงข้างๆ เพื่อจะดูอาการของเขา เด็กหนุ่มก็ค่อยๆ ขยับลุกขึ้นพร้อมกับส่งรอยยิ้มกว้างมาให้

“กลางคืนแล้วใช่มั้ย” คนถูกถามเลิกคิ้วขึ้นสูง เจ้าบ้านี่จะมาถามซ้ำทำไม เมื่อกี้เธอเพิ่งจะบอกไปเองว่าตอนนี้มืดแล้ว

“ใช่”

“เจ้าจะว่าอะไรมั้ยถ้าข้าขอ...” วอลเงียบไปเพื่อรอดูปฏิกิริยาของเด็กสาว มิเวลขมวดคิ้ว คิดสงสัยว่าเขาจะขออะไร เจ้านี่อาจจะขอเงินทองก็ได้ เพราะเธอเคยได้ยินเขาพูดๆ อยู่ว่าเงินทองเป็นของรักของหวง

“จะเอาอะไรล่ะ” หรือไม่ก็ขอให้เธอเลิกดูแผนที่เสียที สังเกตได้ว่าหลังจากดูแผนที่แล้วเจ้าบ้าวอลเป็นต้องสลบไปทุกที แต่ถึงจะแค่แป๊บเดียวก็เถอะ ล้มหัวกระแทกพื้นบ่อยๆ คงจะเจ็บน่าดู

“...น้ำตาล”

ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ วอลยิ้มสดใสพร้อมด้วยแววตาใสซื่อบริสุทธิ์ ในขณะที่มิเวลยังคงนั่งเงียบเพราะกำลังอึ้งกับคำขอของอีกฝ่าย

น้ำตาลเนี่ยนะ แล้วเกี่ยวอะไรกับตอนกลางคืนไม่กลางคืน เจ้าบ้านี่ชอบน้ำตาลก้อนขนาดนั้นเลยเรอะ

ผ่านไปพักใหญ่ๆ เธอก็ได้ยินเสียงท้องร้องดังมาจากเจ้าคนชอบกินน้ำตาล รอยยิ้มกว้างเปลี่ยนเป็นยิ้มแหยๆ ก่อนจะหันไปชี้นิ้วไปทางแคปซูลด้านหลัง

“ขนมในย่ามของข้าหมดแล้วน่ะ”

เด็กสาวถอนหายใจอย่างปลงๆ แล้วโยนหน้าที่หาน้ำตาลไปให้อีกคนแทน

“รอเอเวนซื้อมาแล้วเจ้าค่อยไปขโมยกินเอาก็แล้วกัน”

“เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนยังไงกัน ข้าไม่ขโมยของหรอกน่า”

มิเวลเลิกคิ้วสูง จ้องคนบอกว่าตัวเองไม่ขโมยของของใครเขม็งพร้อมกับใช้สองมือกอดอก ถามทางสายตาว่า ‘กล้าพูดอีกทีมั้ย’

วอลทำท่าจะพูดอะไรบางอย่าง แต่พอเห็นสีหน้าและสายตาดุๆ ของมิเวลแล้วเขาก็ต้องกลืนคำพูดลงคอจนหมด ก่อนจะยิ้มกว้างเหมือนไม่มีอะไร ต้องคิดว่าตอนนี้เขายังรักชีวิตตัวเองอยู่หรือไม่ถ้ายังไม่อยากตายอนาถคามือของอีกฝ่าย ในหัวจำคดีขโมยอาหารกระป๋องได้แจ่มชัดว่ามิเวลเป็นพวกหวงของขนาดไหน แรงตบป้าบที่โดนอยู่เรื่อยๆ นั่นก็ใช่ว่าจะเบาๆ ถ้าทำให้คนขี้รำคาญ ขี้หงุดหงิด ขี้โมโหอย่างมิเวลโกรธขึ้นมา เขาอาจจะได้ลงไปนอนหลับยาวในหลุมกันล่ะทีนี้

แต่ก็ไม่เห็นจะน่ากลัวตรงไหนเลย

วอลคิดในใจอย่างไม่รักชีวิต

“ข้าหิว” เสียงโอดครวญบ่น พร้อมด้วยเสียงท้องร้องประกอบควบคู่กันไปด้วย

“ข้าล่ะสงสัย เจ้ากินน้ำตาลก้อนเป็นอาหารมานานแค่ไหนแล้วเนี่ย” เด็กสาวมองร่างบอบบางพร้อมปลิวได้ทุกเมื่อตรงหน้าพร้อมกับนึกวิธีหาอาหารการกินของอีกฝ่ายไปด้วย วอลยิ้มแฉ่งเมื่อเห็นท่าทางสนใจของมิเวล

“เจ้าสนใจล่ะสิ จะมากินด้วยกันกับข้าก็ได้นะ” ปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์บนใบหน้าหวาน ก่อนจะยักคิ้วกวนประสาทให้หนึ่งที

“ใครบอกว่าข้าสนใจกัน” เสียงแข็งตอบปฏิเสธ เด็กหนุ่มหัวเราะคิก แล้วเดินไปนั่งขัดสมาธิในแคปซูล ใช้สองมือเท้าคางมองมิเวลพร้อมด้วยรอยยิ้มกว้าง

“อาหารกระป๋องของเจ้าน่ะรสชาติแหวะสุดๆ แล้วขนมตุนไว้เป็นเสบียงในย่ามของข้าก็เกลี้ยงแล้วด้วย จะออกไปเก็บผลไม้ข้างนอกกินทุกวันก็ลำบาก” เจ้าของอาหารกระป๋องขมวดคิ้วอย่างฉุนๆ เมื่อไหร่เจ้าบ้าวอลมันจะเลิกบอกว่ารสชาติอาหารกระป๋องของเธอแหวะซะที

“แล้วไง?” น้ำเสียงหงุดหงิดถาม

“ข้าก็เลยต้องขออาศัยเพื่อนร่วมทางอีกคนแทนไง ถึงได้บอกว่าเจ้าไงว่าจะมากินกับข้ามั้ย ไม่ต้องเสียตังค์ แถมเพื่อนร่วมทางคนดีก็ไม่ขี้งกคอยตรวจเสบียงของตัวเองด้วย ถึงอาหารจะไม่ได้อร่อยอะไรมากมาย แต่ก็ยังดีกว่าอาหารกระป๋องของเจ้าล่ะนะ”

“เจ้าหาว่าข้าขี้งกงั้นสิ” เสียงต่ำพูดเล็ดรอดไรฟัน สายตาคาดโทษจ้องคนปากเสียเขม็ง แต่อีกฝ่ายกลับมองเธอตาแป๋วไม่รู้สึกรู้สาอะไร

“อ๋อ ฮะๆๆๆ แทงใจดำเลยล่ะสิ” ประโยคนี้เป็นการราดน้ำมันลงบนกองเพลิงแท้ๆ มิเวลกำหมัดแน่น เดินย่างสามขุมเข้าใกล้เจ้าคนรวยอารมณ์ขันไร้สาระตรงหน้า แล้วมือพิฆาตก็เล่นงานตบป้าบเข้าให้ตรงต้นแขนขวา ยังดีที่คนฉุนขาดยังพอมีสติอยู่บ้างจึงยั้งแรงเอาไว้เล็กน้อย แต่แรงตีเมื่อครู่ก็รุนแรงพอสมควรจนทำให้คนถูกตีต้องรีบใช้มือลูบแขนป้อยๆ

“อ๊า อย่าลืมน้ำตาลของข้านะ” วอลร้องเตือนเมื่อเห็นร่างเล็กเดินดุ่มๆ ไปที่ประตู

“ฝันไปเถอะ!” มือกระชากเปิดประตูออกก่อนจะดึงมันปิดสุดแรงจนเกิดเสียงลั่น วอลอมยิ้มน้อยๆ อย่างขำขัน แล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียง นึกถึงสีหน้าโกรธๆ ของคนขี้โมโหแล้วเขาก็ต้องหลุดขำพรืดออกมาอีก บางทีเขาคงต้องลดการเย้าแหย่มิเวลลงสักพักถ้ายังอยากจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างราบรื่น แต่มันไม่สนุกนี่สิ เพราะฉะนั้นเขาก็ควรจะปล่อยทุกอย่างให้เป็นแบบนี้ต่อไปดีกว่า

+++++++++++++

เขากำลังวิ่งอยู่บนทางเดินสีดำมืดสนิทไม่มีที่สิ้นสุด เหลียวมองไปข้างหลัง เจ้าปีศาจนั่นตามมาติดๆ มันกำลังจะฆ่าเขา มันกำลังจะฆ่าทุกคน!

“ไม่!...”

ตาทั้งสองข้างเบิกโพลง เด็กชายลุกขึ้นมานั่งหายใจหอบอยู่บนเตียง มองไปรอบๆ ห้องอย่างหวาดระแวง ทั้งห้องตกอยู่ในความมืดมิดเพราะอยู่ในเวลากลางคืนและไม่ได้เปิดไฟ ไม่มีปีศาจตนนั้นอยู่

ฝัน?

เพกัสปลอบใจตัวเองว่าเมื่อกี้เป็นแค่ฝันร้ายเท่านั้น แต่แล้วภาพของผู้หญิงคนหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัว เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังกึกก้องจนเขาต้องยกมือขึ้นปิดหูทั้งสองข้าง ร่างน้อยๆ ลงไปนอนดิ้นอยู่บนเตียงอย่างทรมาน

เสียงร้องนี่ เสียงตะโกนนี่ หยุดซะ ได้โปรด! หยุดมันที!

เจ้าปีศาจนั่นมันฆ่าแม่!

เขาจะฆ่ามัน! เขาจะฆ่าเจ้าปีศาจนั่น!!

‘...ข้าช่วยเจ้าได้นะ’

เสียงหนึ่งดังก้องขึ้นในหัว เพกัสลืมตามองไปรอบห้องทันที เขาค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียง เดินไปทั่วห้องเพื่อหาซอกมุมอะไรก็ได้ที่เจ้าของเสียงอาจจะซ่อนตัวอยู่

ไม่มี...

ใครกัน...?

‘...คิก เจ้าหาข้าไม่เจอหรอก’

เสียงเดิมดังขึ้นอีกครั้งพร้อมด้วยเสียงหัวเราะคิกคักอย่างสนุกสนาน เพกัสมองไปรอบตัวด้วยความหวาดกลัว เสียงของเจ้าปีศาจนั่น มันกำลังจะมาฆ่าเขา

‘ข้าไม่ใช่ปีศาจสักหน่อย ข้าคือพระผู้ช่วยต่างหาก’

“...พระผู้ช่วย?” เพกัสขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ

‘ใช่แล้ว เจ้าต้องการความช่วยเหลือใช่มั้ยล่ะ’

เด็กชายก้มมองมือทั้งสองข้างของตัวเอง ก่อนจะสะดุ้งตกใจเมื่อเงยหน้าขึ้นแล้วเห็นร่างของเด็กสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่งในชุดกระโปรงพร้อมด้วยตุ๊กตาตัวน้อยในอ้อมแขนตรงหน้า ผมหยักศกสีขาวบริสุทธิ์ยาวสยายจนเกือบถึงพื้น อายุน่าจะพอๆ กันกับพี่สาวมิเวลหรืออาจจะอ่อนกว่าหน่อย นัยน์ตาสีชมพูคู่สวยกำลังมองสำรวจเขาอย่างสนใจ

“...คะ...ใคร?” เด็กชายถามออกไปพร้อมกับค่อยๆ ก้าวเท้าถอยไปด้านหลัง

“ข้าคือหยาดน้ำตาของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้สร้าง ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการพลัง” ริมฝีปากสีชมพูเอ่ยตอบพร้อมด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

“พะ...พลัง...” เพกัสหยุดนิ่งอยู่กับที่ มองคนตรงหน้าอย่างมีความหวัง “ข้า...ข้าจะได้พลังงั้นหรือ”

“แน่นอน การแก้แค้นของเจ้าจะสมบูรณ์แบบที่สุด” นัยน์ตาสีชมพูหรี่ลงพลางใช้มือซ้ายม้วนสร้อยคอของตัวเองเล่น เพกัสมองจี้ในมือของอีกฝ่าย รูปร่างของมันคล้ายกับอัญมณีชนิดหนึ่ง สีดำสนิท แต่ยังคงความแวววาวและสวยงามจนละสายตาไปจากมันไม่ได้

“...แสง...ข้าเห็นแสง...” เด็กชายพึมพำ อยู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าร่างกายของตัวเองกำลังล่องลอยอยู่ในอากาศ ภาพเบื้องหน้าเต็มไปด้วยแสงสว่าง

“เจ้าต้องการพลังเพื่อแก้แค้น ข้ามีมันอยู่ ข้าช่วยเจ้าได้...” เสียงเบาราวกระซิบกล่าวด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ร่างของเด็กสาวหายวับไปปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังของเพกัส แล้วโน้มตัวลงกระซิบตรงข้างหูของเด็กชาย “...เพียงเจ้าอธิษฐาน...”

“อธิษฐาน...”

“...ใช่ อธิษฐานสิ” เพกัสหลับตาลง แล้วเริ่มต้นคำอธิฐาน

“ข้า...ขอพลังเพื่อแก้แค้นให้แม่ของข้า...ได้โปรดขอให้ข้ามี...พลัง...”

เด็กสาวแสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ มือซ้ายค่อยๆ หยิบจี้สีดำขึ้นประทับริมฝีปากอย่างอ่อนโยน

“คำอธิฐานของเจ้าจะเป็นจริง...มาริโอเน็ตของข้า...”

++++++++++

โปรดติดตามตอนต่อไป!



โฮป
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 เม.ย. 2560, 12:50:52 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 เม.ย. 2560, 12:50:52 น.

จำนวนการเข้าชม : 669





<< Episode 21 : || ธาตุเวท ||   Episode 23 : || ความจริงหรือภาพลวงตา || >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account