สายรัก(ษ์)
'เพราะ 'รัก' จึงปกปักษ์ พิทักษ์ (ใจ) เธอ'
คุณคิดว่าคนสายไหนน่ากลัวที่สุด
แต่ก่อนคุณจะตอบ ฉันจะบอกให้
ว่าไม่ว่าจะสายปาร์ตี้ สายธรรมะ สายเงียบ สายซึน
สายไหนๆ ก็ไม่น่ากลัวเท่า สาย (ขึ้น) คาน!
Tags: แอบรัก,เพื่อนสนิท,หนีใจ

ตอน: บทที่ ๒ 4/4

“อะไร!” นวพรรษแทบอยากจะร้องไห้ เธอยืดตัวตรง มือเท้าสะเอวมองชุดา ก่อนจะเห็นอีกฝ่ายสะบัดมือไม้เป็นเชิงให้เธอมองไปข้างหน้า นวพรรษมองตามไล่ขึ้นมาจากปลายเท้าเลยทีเดียว ในขณะที่ปากก็ซอยยับ

“อ๋อ ยังไง แกกลัวเหรอ นี่ไม่ได้ท้านะ ถึงจะเป็นผู้ชายสองคนก็แล้วยังไง ยามก็มี รปภ.ก็เต็มห้าง แถมกล้องวงจรปิดอีก ก็เขาผิดน่ะ ผิดเต็มประตูเลี้ยวมาได้ยังไง มันใช่ทางเลี้ยวที่ไหน คอยดูนะฉัน--” คำพูดมากมายต่อจากนั้นอัดอยู่ในลำคอ นวพรรษกะพริบตาถี่ๆ หลังเห็นหนุ่มหล่อสองคนตรงหน้า

“ผมขอโทษจริงๆ ครับ เรื่องนี้พวกผมผิดเอง”

คนสวมเสื้อยืดเป็นคนเอ่ย เขายิ้มอ่อนๆ และนวพรรษก็ใบ้กิน

พระเจ้าช่วย... นี่มันหนุ่มหล่อตรงสเป็กในฝันทีเดียวเชียว โดยเฉพาะลักยิ้มนั่น แถมแก้มยังใสอย่างกับก้นเด็กแน่ะ!

เธียรมองคู่กรณีซึ่งเป็นหญิงทั้งคู่ที่อ้าปากไม่หุบหลังมองปัฐน์แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ เขาโคลงศีรษะใช้นิ้วชี้ลูบๆ ตรงหว่างคิ้วตัวเอง ไม่รู้ว่าปัฐน์ เพื่อนของเขามันซื่อบื้อหรือร้อนใจเรื่องรถเกือบชน จึงไม่เห็นท่าทางน่าขันนี้ของผู้หญิงตรงหน้านี้

“ฮะแอ่ม อื้อ โอ๊ย สงสัยกระดูกคอจะเคลื่อน”

ได้ผล... คู่กรณีหนึ่งในสองรู้ตัว

ชุดาหุบปากฉับและเหลียวมองเธียร สายตานั้นบ่งบอกว่าไม่พอใจสุดๆ ก่อนจะหันกลับมามองนวพรรษและยกมือแตะใต้คางเพื่อนสนิท เพื่อดันให้ปิดปาก

“ขากรรไกรค้างหรือไง”

เธอเอ็ดเบาๆ แต่เธียรก็ยังได้ยินถึงกับหลุดขำ ชุดาชะงักกึกมองตาเขียว แต่เขาก็ทำเป็นไม่เห็น แถมยังชักชวนปัฐน์ให้ดูรถเสียอีกด้วย

“ยัยพรรษ” แม้เรียกใกล้ๆ แค่นี้แต่นวพรรษกลับไม่ได้ยิน “แก!” เธอจึงหยิกหมับเข้าให้และเจ้าหล่อนก็ร้องโอ๊ย จนทั้งเธียรกับปัฐน์หันมามองอย่างตกใจ

“เป็นอะไรมากไหมครับคุณ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

นวพรรษกระพริบตาปริบๆ พยายามเรียกสติกลับคืนมา แต่อิทธิพลลักยิ้มของปัฐน์ก็ยังไม่วายทำให้เธอปลื้มสุดจิตสุดใจ ชุดาเห็นดังนั้นก็ได้แต่ปลง เป็นคนตอบเสียเอง

“ไม่เป็นอะไรค่ะ ว่าแต่พวกคุณเถอะ เลี้ยวออกมาได้ยังไงทำไมไม่ดูก่อนล่ะคุณรู้ไหมถ้าเบรกไม่ทันจะเป็นยังไง ปังเข้าให้ระยะแค่นี้ไม่ตายก็คางเหลืองนะคะ”

เสียงพูดฉุนเฉียวของชุดาทำให้นวพรรษรู้สึกตัวเต็มที่ เธอจิกตามองชุดา ก่อนช้อนสายตาขึ้นมองปัฐน์ เธียรนั้นมองจับชุดาดูท่าทางกรุ่นๆ อยู่เหมือนกัน

“ชุดา คุณเขาไม่ได้ผิด เราต่างหากที่ผิด...”

ชุดาถอนหายใจยาว ขยับตัวหันข้างให้นวพรรษและยกมือขึ้นกุมศีรษะ แต่มีหรือ ‘แม่ของจุ๋มจิ๋ม’ จะสนใจ เพราะยังคงยิ้มหวาน

“ต้องขอโทษแทนชุดาด้วยนะคะ ฉัน พรรษ ค่ะ นวพรรษ ส่วนนี่ชุดาเพื่อนของฉันเองค่ะ ไม่ทราบว่าเอ่อ คุณ...” นวพรรษจงใจเน้นชื่อของตนและละคำไว้ มิหนำยังกะพริบตาปริบๆ เมื่อส่งยิ้มหวานให้กับปัฐน์

เธียร์รู้สึกเหมือนเป็นคนนอก เขาเบือนหน้าหนีและยกมือขึ้นเกาศีรษะ เขารู้ ปัฐน์หน้าตาดี และไอ้ความหน้าตาดีนี่เองที่ทำให้สาวๆ หลงกันหัวปักหัวปำ และสาวหนึ่งคนตรงหน้านี้ก็เหมือนจะเป็นเช่นนั้น

“ผมปัฐน์ครับ นี่เธียร เพื่อนของผม”

เธียรเปิดยิ้ม “ขอโทษด้วยนะครับคุณนวพรรษ คุณชุดา ต้องขอโทษด้วยจริงๆ แล้วก็ยินดีที่ได้รู้จักครับ”

“ยินดีเช่นกันค่ะคุณเธียร” นวพรรษแทบไม่มองหน้าเธียรด้วยซ้ำ เพราะสายตาเธอจับอยู่ที่ปัฐน์ “คุณปัฐน์” เอ่ยจบก็ยิ้มกว้างหวานเยิ้ม กระพือขนตาใส่ปัฐน์อยู่อย่างนั้น ส่วนชุดาแค่ยิ้มและผงกศีรษะให้ชายทั้งคู่เล็กน้อย

“เอ่อ” เธียรชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง เหมือนจะบอกให้นวพรรษเห็นเขาอยู่ในสายตาบ้าง ชุดาเห็นท่าทางนั่นแล้วก็อดขำไม่ได้ สุดท้ายเธียรก็ถอนหายใจ ก่อนยกมือขึ้นป้องปาก กระซิบถามปัฐน์ “เต็มไหมวะนะ”

สิ้นคำถามปัฐน์กระทุ้งข้อศอกใส่สีข้าง และเธียรก็ถึงกับจุก

นวพรรษที่ยังไม่รู้สึกรู้สาก็มองตาเคลิ้ม แต่ชุดานั้นดันได้ยิน เธอมองเธียรอย่างหงุดหงิด กระนั้นเขาก็ไม่สน เธียรวางมือลงบนบ่าของปัฐน์

“ถ้าไม่มีอะไรก็แยกย้ายกันเถอะ เดี๋ยวรถคันอื่นมามันจะยุ่ง ที่แคบขนาดนี้”

“เอ่อ” ปัฐน์มองชุดาและนวพรรษไปมา “คุณไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหมครับ คือผมต้องขอโทษจริงๆ แต่มีธุระต้องขอตัวก่อนนะครับ นี่นามบัตรผมครับ” ชายหนุ่มล้วงเอากระเป๋าเงินในกระเป๋ากางเกงด้านหลัง หยิบนามบัตรออกมาและยื่นส่งให้กับนวพรรษ และชุดาคนละใบ “ถ้ามีอะไรติดต่อมาได้ตลอดเลยนะครับ”

ชุดาที่รับนามบัตรมาผ่อนลมหายใจ เธอยิ้มน้อยๆ ส่งให้เขา แต่...

“ติดต่อได้ตลอดเลยหรือคะ ยี่สิบสี่ชั่วโมง”

คำถามของนวพรรษทำให้ชุดายิ้มแห้ง เธอจึงต้องหยิกที่ด้านหลังเอวของเพื่อนสนิทอีกครั้ง นวพรรษสะดุ้งโหยงมองปัฐน์กับเธียรเหลอหลาแล้วกระแอม

“ก็” ปัฐน์ยกมือเกาต้นคอ “ครับ ถ้ามีปัญหาก็โทร.ไปนะครับ”

นวพรรษเคลิ้มกับลักยิ้ม แต่ “เอ่อ ค่ะ ขอบคุณค่ะ” สติที่คอยเตลิดก็กลับมาเพราะแรงหยิก เธอพยายามยิ้มทั้งๆ ที่น้ำตาคลอ ได้แต่มองตามหลังปัฐน์กับเธียรที่เอ่ยลาแล้วกลับขึ้นรถไป นวพรรษถอนหายใจละห้อยก้มมองนามบัตรในมือพึมพำกับตัวเอง แต่ชุดานั้นที่ยังมองอยู่ถึงกับหูผึ่งเพราะได้ยินแว่วๆ

“คนอะไรวะ ประหลาดนะ ตลกชะมัดเลย”

ชุดากัดริมฝีปาก ยกมือขึ้นอยากตะโกนด่าเสียให้รู้แล้วรู้รอด ทว่าเมื่อเธอหันกลับมามองนวพรรษก็ชักจะปลง เพราะหล่อนกำลังยกนามบัตรในมือขึ้นดู ราวกับว่ามันเป็นของวิเศษมาจากไหน

ก็จริง... ชุดายอมรับ นวพรรษประหลาดอย่างที่เขาว่า!

“เออ ผู้หญิงคนนั้นประหลาดชะมัดเลยว่าไหมปัฐน์ ทำเหมือนนามบัตรแกเป็นทอง ฉันว่านะคงหลงเสน่ห์แกเข้าเต็มๆ ละวะ แต่แหม... อีกคนนี่อย่างกับนางยักษ์ ดีที่เธอไม่จับพวกเราหักคอจิ้มน้ำพริกกิน”

เมื่อกลับขึ้นรถและขับจากมาเธียรที่คอยมองกระจกข้างก็เอ่ยขึ้น ทว่าแม้จะชวนคุยแต่คู่สนทนาไม่ตอบ เธียรที่ตอนแรกไม่ได้สนใจมองปัฐน์จริงจังจ้อง และพบว่าเพื่อนสนิทที่กำลังขับรถอยู่มองกระจกหลัง และ... แน่นอนว่าจากตรงนี้ยังทำให้มองเห็นนวพรรษกับชุดาที่ยืนอยู่ห่างออกไป

“เฮ้ย ปัฐน์”

เงียบ... ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก ปัฐน์ยังคงอมยิ้ม ตามองสลับกับทางข้างหน้าและกระจกมองหลัง เธียรนิ่งคิด ก่อนเหลียวมองปัฐน์อีกครั้ง และพบว่าตอนนี้เพื่อนสนิทแตะหลังมือเข้ากับปากเพื่อกลั้นหัวเราะ

“เฮ้ย! ไอ้เด็กนอก การที่แกขับรถเกือบชนนี่ มันส่งผลให้แกสูญเสียสติสัมปรัชชัญญะเลยหรือไง! ไอ้บ้าทั้งยิ้มทั้งหัวเราะ ให้ฉันส่งแกไปหาหมอโรคจิตไหม”

ปัฐน์หันมามองอย่างรำคาญ “หื้อ พูดบ้าอะไรวะ”

“เออ ก็ต้องพูดบ้าๆ เห็นคนบ้ามันเคลิ้มอยู่เนี่ย” เธียรฟาดฝ่ามือลงบนบ่าเพื่อนสนิท ขณะปัฐน์กำลังวนขึ้นไปยังทางออกชั้นจอดรถ “ไหน บอกมาหน่อยสิ อย่าบอกนะว่าแกหลงเสน่ห์ผู้หญิงคนเมื่อกี๊”

“คนไหนวะ”

“ฮั่นแน้! ไอ้ปัฐน์อย่ามาทำไก๋ เห็นนะโว้ย มองกันตาหวานฉ่ำ”

ปัฐน์หัวเราะขึ้นแทนการตอบรับ เขาขับรถวนขึ้นไปจนถึงทางออก จอดรอคืนบัตรจอดรถ

“เอ้าไม่ตอบ” เธียรยังเอ่ยต่อ “เฮ้ย! เพิ่งเจอครั้งแรกอย่าบอกนะเว้ย ว่าตกหลุมรักเข้าแล้วน่ะ อะไรไอ้ปัฐน์ จะไวไปไหน”

ปัฐน์กลอกตา บังคับพวงมาลัยรถให้รอเลี้ยวออกสู่ถนนใหญ่

“ไอ้บ้า! ไม่ใช่โว้ย แค่เขาดูตลกดี... พอคิดถึงขึ้นมาก็อดหัวเราะไม่ได้ คนแบบนี้อยู่ด้วยคงอารมณ์ดีได้ทั้งวัน”

ปัฐน์เอ่ยกลั้วหัวเราะ มองเห็นลักยิ้มข้างแก้มชัด

“นี่ถึงขนาดคิดถึงเลยเหรอวะ ท่าจะเป็นเอามาก”

ปัฐน์โคลงศีรษะกับคำแซว “อย่าพูดมากน่า ว่าแต่ฉัน แกก็เถอะว้า”

“อะไรๆ อย่าเปลี่ยนเรื่อง” เธียรหัวเราะตบบ่าเพื่อนเบาๆ ปัฐน์ไม่ตอบ ดวงตาเขาจับที่ถนน แต่ใจคิดไปถึงนวพรรษ ชายหนุ่มนึกเสียดายที่นามบัตรส่วนตัวหมด เหลือเพียงแต่นามบัตรบริษัทที่ให้ไป จริงๆ เขาแอบหวังอยากให้นวพรรษโทร. มา

เขาไม่เชื่อรักแรกพบ เพียงแต่... เขารู้สึกประทับใจเธอเข้าจริงๆ




เขาว่าเป็นเนื้อคู่กันแล้วต้องไม่แคล้วกัน!

นวพรรษยังเคลิ้มกับนามบัตรที่ได้รับจากปัฐน์ แต่แอบเสียดายเล็กน้อยที่เป็นนามบัตรบริษัทและไม่มีเบอร์โทร.ส่วนตัว

พรุ่งนี้ นวพรรษกำหนดในใจว่าจะโทร.หาเขา แต่กระนั้นก็ยังไม่มีอะไรรับประกันว่าเขาจะสนใจเธอ มันเป็นความหวังที่ไกลเกินไป ดังนั้นนวพรรษจึงยังประมาทไม่ได้ ตอนนี้เหลือเวลาประมาณหนึ่งเดือนจึงจะถึงงานแต่งของยัยนิ่ม ฉะนั้น นวพรรษจึงยังพอมีเวลาหามิสเตอร์ไรท์ของเธอ ที่จะควงคู่ไปงาน

หลังกลับมาถึงคอนโด อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดาก็หลับปุ๋ยตั้งแต่สามทุ่ม แต่กับนวพรรษไม่ใช่ เธอยังอยู่ในห้องรับแขกพร้อมกับโน๊ตบุ้คและโทรศัพท์มือถือ พร้อมทั้งตั้งหน้าตั้งตากับการส่องหนุ่มหล่อในอินสตาแกรม

“อุ้ย คนนี้โอปป้าชัดๆ แต่แหมศัลย์เยอะเกิน ขืนแต่งด้วยมีลูกออกมา คนได้รู้กันพอดีว่าพ่อขี้เหร่ ไม่ผ่านๆ”

นวพรรษบ่นพึมพำและตัดลิสต์รายชื่อหนุ่มทิ้งไปหนึ่ง ยังไม่ทันได้พิจารณารายใหม่เสียงโทรศัพท์ก็ดังดึงความสนใจของเธอไป นวพรรษเอื้อมมือไปหยิบมากดรับโดยที่ยังไม่ได้ดูหน้าจอ

“ค่า พรรษค่ะ ใครโทร.มาคะ”

“พี่เอง พรรษนอนหรือยังคะ หรือว่าทำงานอยู่”

“อ๋อ” นวพรรษหลับตากรี๊ดในใจ หลังเจอหนุ่มฮอตโปรไฟล์เริ่ด “พรรษกำลังส่องหนุ่มค่ะ พี่ข้าวกล้า คนนี้หล่อมาก-ก-ก”

“อ๋อ” กฤษฎ์ตอบรับและเงียบไป

“ว่าไงคะพี่ข้าวกล้า มีอะไรพูดค่ะพูด อย่าเงียบ” นวพรรษท้วง และออกจะปลื้มปริ่ม เมื่อเขาคือหนึ่งในลิสต์รายชื่อที่เคยติดต่อกัน ไวเท่าความคิด เธอกดส่งข้อความไปทักทาย

“พี่คิดถึงเลยโทร.มาหา”

“พรรษก็คิดถึงค่ะ พี่ข้าวกล้าอย่าลืมช็อคโกแลตนะ อุ้ย! ตอบกลับไวมาก!” นวพรรษวี้ดว้าย คราวนี้กฤษฎ์นิ่งไปนานจนเธอรู้สึกตัว “พรรษขอโทษ ก็แหมคนมันตื่นเต้น อะก็ได้ๆ พี่สาวต้องมาก่อนผู้ชาย พี่ข้าวกล้าเป็นยังไงคะ อากาศดีไหม อาหารอร่อยหรือเปล่าแล้ว--” ประโยคท้ายเธอหัวเราะคิกๆ “ผู้อังกฤษงานดีหรือเปล่าคะ”

“พรรษนะพรรษ”

นวพรรษหัวเราะพอใจที่ได้แหย่เขาได้

“แหมแค่นี้ก็แซวไม่ได้ ว่ายังไงคะ มายซิสเตอร์ มีอะไรให้ไวค่ะ อยากเม้าท์ เม้าท์มา เดี๋ยวจะไม่ว่าง โอเค้”

โปรไฟล์ของเป้าหมายถูกจดลงในสมุดบันทึก นวพรรษหน้าเครียด เมื่อพบว่าเขาท่าทางจะชอบผู้หญิงเป็นแม่ศรีเรือน แต่เธอ... ขนาดผีบ้านผีเรือนยังส่ายหน้าไม่ยอมให้เข้าพวกเลย!

“เปล่าค่ะ คือพอดีพี่...”

อือ... งานยาก แบบนี้ไม่มีสมาธิแน่ๆ

“พี่ข้าวกล้าคะ คือแบบว่าพรรษยุ่งมาก-ก-ก ถ้ายังไม่มีอะไรจะเม้าท์เอาไว้ก่อนนะ อือเอางี้ ค่ำๆ ที่โน่นไว้พรรษจะโทร.หา โอเค้ แต่ตอนนี้พรรษไม่ว่างจริงๆ ขอให้วันนี้ที่นู่นของพี่ข้าวกล้าเป็นวันดีๆ แล้วกันนะคะ บาย”

นวพรรษกดตัดสาย และเริ่มเก็บข้อมูลคู่เดตคนถัดไป

อาร์ต ตุลา คือชื่อของผู้ชายดีๆ คนนั้น!




“ย่ารู้นะว่ากลางคิดยังไง แต่กับยัยพรรษย่าว่าตัดใจเสียเถอะ”

กฤษฎ์ผ่อนลมหายใจ ละสายตาจากโทรศัพท์มือถือในมือหันไปมองตามเสียงเรียก เขายิ้มจืดๆ ส่งให้หญิงชรา

ช่วงนี้แม้อังกฤษจะหนาวแล้ว แต่ในอาคารก็อบอุ่นด้วยฮีตเตอร์ กฤษฎ์สวมแค่เสื้อแขนยาวคอเต่ากับกางเกงแสล็ค ส่วนคุณย่าของเขาเป็นลองจอห์นกับเสื้อหนังแกะ หญิงชราเดินออกมาจากห้องพักส่วนตัว พอดีกับได้เห็นหลานชายหน้าหงอยๆ ทำให้เดาได้ไม่ยาก ว่าเป็นเพราะอะไร และใครที่เป็นต้นเหตุทำให้กฤษฎ์มีท่าทางเช่นนั้น

ทั้งคู่อยู่กันในห้องรับแขกของห้องสวีต ผ้าม่านหนาถูกรวบเปิดไว้ ทำให้มองเห็นละอองหิมะปรอยๆ ที่หล่นกระจัดกระจาย ท่ามกลางแสงสีของเมืองหลวงผู้ดีเก่า เครื่องตกแต่งในห้องเป็นของแบรนด์ดัง โซฟาบุหนังน่านั่ง พรมผืนหนา แม้กระทั่งแจกันก็ต่างเป็นของเก่ามีราคา

คุณหญิงอภิสราโคลงศีรษะอย่างอ่อนใจ หญิงชรามีเชื้อจีน วงศ์ตระกูลเก่าแก่มากด้วยเกียรติ สิ่งที่มีคล้ายกันในตัวกฤษฎ์ คือดวงตาและริมฝีปาก ทำให้พอเดาได้ว่าเป็นญาติกัน

“นี่ย่าพูดจริงจังนะ เราอายุเท่าไหร่แล้ว รู้จักกันมากี่ปีย่าไม่เห็นยัยพรรษจะสนอกสนใจเรามากน้อยสักเท่าไหร่”

กฤษฎ์ถอนหายใจและยิ้มรีบน้อยๆ

วันนี้นัดดูตัวกลายเป็นหมัน กฤษฎ์ยอมมา ยอมดูตัว แต่... ปฏิเสธเสียงแข็ง ที่จะคบหากับหลานของเพื่อนสนิทของเธอ

“เอาเถอะ พูดกันไปเราก็มีแต่ยิ้ม ย่าก็เบื่อจะพูด เออ พูดถึงยัยพรรษแล้วเลยนึกขึ้นมาได้ นี่ซื้ออะไรฝากหรือยัง” แม้จะบ่น แต่นวพรรษก็ยังเป็นคนโปรดของอภิสราอยู่ดี เพราะเป็นคนช่างประจบ คุณย่าคะคุณย่าขา เข้าใจเอาใจคนแก่ “ย่าเห็นมีกระเป๋าอยู่ใบท่าทางสวยดี พรุ่งนี้ว่างๆ ก่อนกลับก็พาย่าไปดูหน่อยแล้วกัน”

กฤษฎ์ยิ้มๆ และคนเป็นย่าก็ค้อนขวับ สองย่าหลานคุยกันเรื่องสัพเพเหระอีกครู่ ก่อนที่อภิสราจะแยกไปพักผ่อนที่ห้องส่วนตัว กฤษฎ์ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เมื่อแตะที่หน้าจอก็ปรากฏภาพพักเป็นรูปของนวพรรษ เขายิ้มกับภาพนั้น สายตาอ่อนโยนมีแววอ่อนหวานปะปน และอดนึกไปถึงวันที่ได้เจอกับนวพรรษเป็นครั้งแรกไม่ได้

วันนั้นเขายังจำได้ดี... ก็... คงต้องพูดตรงๆ นวพรรษดูบ้าได้น่ารักมาก!




ดังปัณณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 เม.ย. 2560, 19:40:38 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 เม.ย. 2560, 19:40:38 น.

จำนวนการเข้าชม : 1011





<< บทที่ ๒ 3/4   บทที่ ๓ 1/5 >>
ดังปัณณ์ 14 เม.ย. 2560, 19:42:30 น.
ดีค้า พายัยพรรษมาส่งจ้า ^O^
คุณแว่นใส แน่น้อนนนนนนน มีคู่แข่ง เบอร์ 1 เบอร์ 2 ด้วยนะค้า อิๆ
คุณKIM นางได้รับอ้อยด้วยค่ะ 5555 แต่จะสำเร็จไหมมาลุ้นกัน

และคุณๆรีดเดอร์นะคะ ขอบคุณที่แวะมาอ่าน มาคุย มากดคะแนนให้ ขอบคุณมากๆ จริงๆ ค่ะ

วันนี้ไปแล้วจ้ะ มาซะค่ำเนอะ หลับฝันดี ราตรีสวัสดิ์ค่า


แว่นใส 14 เม.ย. 2560, 19:59:53 น.
พี่ข้าวกล้ารีบเคลียร์ตัวเองก่อนคู่แข่งจะแซงโค้งนะ


Kim 14 เม.ย. 2560, 20:29:37 น.
แล้วทำไมพี่ข้าวกล้าไม่บอกความจริงกับยัยพรรษไปล่ะคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account