สายรัก(ษ์)
'เพราะ 'รัก' จึงปกปักษ์ พิทักษ์ (ใจ) เธอ'
คุณคิดว่าคนสายไหนน่ากลัวที่สุด
แต่ก่อนคุณจะตอบ ฉันจะบอกให้
ว่าไม่ว่าจะสายปาร์ตี้ สายธรรมะ สายเงียบ สายซึน
สายไหนๆ ก็ไม่น่ากลัวเท่า สาย (ขึ้น) คาน!
คุณคิดว่าคนสายไหนน่ากลัวที่สุด
แต่ก่อนคุณจะตอบ ฉันจะบอกให้
ว่าไม่ว่าจะสายปาร์ตี้ สายธรรมะ สายเงียบ สายซึน
สายไหนๆ ก็ไม่น่ากลัวเท่า สาย (ขึ้น) คาน!
Tags: แอบรัก,เพื่อนสนิท,หนีใจ
ตอน: บทที่ ๓ 5/5
“เอาใจกันเข้าไป” เธอพึมพำ ขณะมองนวพรรษที่ถูกอภิสราดึงเข้าไปกอดอย่างหมั่นไส้ ก็ไม่รู้จะรักอะไรกันหนักหนา ญาติหรือก็เปล่า ทว่าอิ่มอุ่นไม่ทันจะได้พูดอะไรออกไป เสียงหนึ่งที่ตรงกับความคิดของเธอก็ดังขึ้น
“ประจบ!”
อิ่มอุ่นยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะอย่างกับสาวๆ เมื่อเห็นว่าเจ้าของเสียงซึ่งยืนอยู่ที่ประตูนั้นหันมาส่งยิ้มให้กับเธอ เจ้าหล่อนตัวสูงเพรียวแต่ไม่อ้อนแอ้น ดวงตาเรียวรีสีน้ำตาลชัด จมูกไม่โด่งมาก ปากบาง คิ้วบาง และโหนกแก้มเห็นชัดเจนเป็นเอกลักษณ์ และนี่ก็คือ...
กรองจิต
เธอเป็นลูกสาวคนสุดท้องในบ้านนี้ และอายุน้อยกว่านวพรรษสองสามปี เธอเพิ่งก้าวลงจากบันไดชั้นบนลงมา ตอนที่ได้ยินเสียงคุยดังออกไปจนถึงนอกห้อง อารมณ์ที่ดีก่อนหน้าจึงพานเสีย เพราะนึกรู้แล้วว่าใครคือแขก
“สวัสดีค่ะคุณก้อย” นวพรรษเอ่ยทัก น้องสาวของกฤษฎ์เป็นสาวสังคม... บ้าแบรนด์เนมตั้งแต่หัวจรดเท้า แม้จะอยู่บ้านแต่หล่อนมักจัดเต็มเสมอ น้อยนักจะได้เห็นหน้าสดของหล่อน
กรองจิตพยักหน้ารับนิดๆ ก่อนก้าวเฉิดฉายเข้าไปนั่งลงข้างๆ อภิสรา เธอมองนวพรรษที่นั่งพื้นอย่างผู้ชนะ อิ่มอุ่นนั้นยิ้มเยาะ กฤษฎ์มองแล้วก็ได้แต่ถอนใจ ทว่านวพรรษไม่สน เธอเอ่ยขอบคุณเมื่ออภิสราดึงให้ขึ้นไปนั่งบนโซฟาด้วยกัน เท่านั้นที่บรรยากาศดีๆ ทำท่าว่าจะเสีย นวพรรษจึงชวนคุย
“จริงสิคะ นี่คุณแม่กับคุณพ่อแล้วก็พี่แก้วยังกลับมาไม่ถึงหรือคะ”
“ก็ดีลูก แต่เสียอย่างเดียวมันหนาว” ว่าแล้วก็พยักไปทางห้องครัว “สามคนนั่นยังมาไม่ถึงหรอก แต่อีกเดี๋ยวก็คงมาแล้วละ” อภิสราลูบผมนุ่มลื่นอย่างเบามือ “นี่ย่าซื้อกระเป๋ามาฝาก ใบนี้สวยเชียวเห็นแล้วนึกถึงเราขึ้นมาทันที”
นวพรรษยิ้มกว้างจนแทบเห็นฟันครบทุกซี่ กราบลงแทบอกอภิสรา
แต่... คำว่า ‘กระเป๋า’ ทำให้อิ่มอุ่นกับกรองจิตตาโต เนื่องจากลูกกับหลานแท้ๆ ยังไม่ได้อะไรสักอย่าง แต่นวพรรษที่เป็นคนนอกกลับได้ของฝาก
“คุณย่า/คุณแม่!” สองอาหลานเอ่ยพร้อมกัน อภิสราเหลียวมอง และอิ่มอุ่นก็กระแอม “แล้วของฝากคนอื่นล่ะคะ”
“เอ หล่อน” หญิงชราขมวดคิ้ว “ไปอังกฤษกับยัยก้อยมาไม่ใช่เหรอเดือนที่แล้วน่ะ ก็เห็นหอบกันมาอย่างกับบ้าหอบฟาง แล้วนี่ยังจะเอาอีกหรือ ในห้องน่ะเผาหล่อนจนจะได้แล้วนะ”
“คุณแม่!” อิ่มอุ่นหน้างอ กรองจิตกัดริมฝีปาก และด้วยความหมั่นไส้จึงทำให้อดไม่อยู่ เธอปรายตามองนวพรรษและพึมพำขึ้น
“ตอแหล”
กฤษฎ์นิ่วหน้า อภิสราขมวดคิ้วจะดุหลานสาวแต่นวพรรษแตะมือห้าม พอเห็นดังนั้นกรองจิตที่ได้ทีจึงเอ่ยหน้าซื่อ เธอชูโทรศัพท์มือถือในมือให้ทั้งหมดดู
“นี่ไงค่ะ ข่าวดารา พาดหัวมาได้ไงว่าตอแหล!”
นวพรรษที่รู้ตัวว่าถูกกระแทกยังยิ้มเย็น
“ข่าวก็อย่างนี้แหละค่ะคุณก้อย ชอบเรียกร้องความสนใจ”
กรองจิตหน้าตึง อภิสราหัวเราะขึ้นมาบ้าง กฤษฎ์นั้นถอนหายใจ
“อ๋อ จริงสิ พรรษซื้อเค้กสตรอ--” นวพรรษจงใจเว้นคำ “เบอร์รี่มาฝากด้วยนะคะ แล้วก็ถุงโน้นน่ะ นั่นน่ะค่ะพี่ข้าวกล้า” กฤษฎ์พาซื่อหยิบส่งให้ เธอรับมากระพือขนตายิ้มหวาน “ลูกน้องเอามาฝากค่ะ พรรษเลยแบ่งมาคิดว่าคุณอาอาจอยากทาน”
“อะไรจ๊ะ” อิ่มอุ่นปรายหางตามอง
“สะตอค่ะ!” ครั้งนี้กฤษฎ์ถึงหลุดขำ “ส้ด สดค่ะ ไว้ผัดกับกุ้งนะคะคุณอา”
อิ่มอุ่นหันขวับมองนวพรรษขึ้นๆ ลงๆ กรองจิตนั้นอ้าปากค้าง แต่นวพรรษทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เธอยังยื่นถุงค้างอยู่แบบนั้น
“นี่ค่ะคุณอา สะตอของใต้แท้ๆ สดมาก!”
สองอาหลานมองหน้ากัน ร่ำๆ จะกรี๊ดแตก แต่ทำไม่ได้เลยได้แต่มองนวพรรษตาเขม็ง แต่แล้วก็เป็นฝ่ายที่ตบะแตก อิ่มอุ่นและกรองจิตพร้อมกันลุกขึ้นพรวดพราด อภิสราส่ายหน้า กฤษฎ์ยกมือขึ้นเกาต้นคอ ทั้งขำ ทั้งพูดไม่ออก เขาก็ไม่รู้ทำไม นวพรรษ อิ่มอุ่น และกรองจิตถึงได้ไม่ถูกกันนัก
“คุณย่าแก้วขอตัวนะคะ แก้วอยู่ไม่ได้แล้วค่ะมันผะอืดผะอม!”
อิ่มอุ่นพยักหน้ารับเป็นเชิงสนับสนุน “อุ่นก็ขอตัวเหมือนกันค่ะ เห็นจะต้องต่อว่าบริษัททำความสะอาดซะแล้ว ทำไมเชื้อโรคถึงได้เยอะขนาดนี้ แบบนี้คงต้องให้ใครสักคนหาแอลกอฮอร์มาราดทำความสะอาดสักที หรือไม่ก็ต้มน้ำร้อนราดมันเสียเลย ไม่งั้นล่ะก็ได้ล้างไม่ออก กลายเป็นเสนียดติดบ้าน!”
“แม่อุ่น!” อภิสราเอ็ด ทว่านวพรรษที่ยังไม่รู้สึกรู้สาแตะแขนหญิงชราเป็นเชิงห้าม ก่อนจะยกมือขึ้นแตะหน้าอกตัวเอง สีหน้าสีตาเป็นเดือดเป็นร้อน
“ตายจริงคุณย่าขา ถ้าคุณอาว่าอย่างนั้น พรรษว่าแถวนี้คงไม่ปลอดภัยแล้วค่ะ สงสัยต้องแจ้งให้กระทรวงสาธารณสุขเขาเข้ามาดูแล พ่นยาฆ่าเชื้อเสียหน่อย เพราะรู้สึกว่าจะรวมเชื้อโรคเอาไว้เยอะเสียเหลือเกิน โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับช่องปาก!”
เท่านั้น กรองจิตกับอิ่มอุ่นก็สะบัดหน้าพรืด เดินกระแทกเท้าออกไปจากห้องแทบจะทันใด แต่ไม่วายที่นวพรรษยังจะแหย่
“อ้าวคุณอาขา คุณก้อย จะให้เขาไปพ่นยาข้างบนด้วยไหมคะ เผื่อเชื้อโรคมันจะลามไปถึงข้างบนด้วย”
“ขอบใจแต่ไม่ต้อง!”
อิ่มอุ่นสวนกลับมา นวพรรษหลุดขำหัวเราะคิกคักที่ได้ยั่ว อภิสราที่แม้จะชอบใจแต่ก็ยังไม่วายให้มะเหงกไปหนึ่งที
“อ้าวอะไรกันคะคุณย่า ทำไมสองอาหลานถึงได้เดินปึงๆ กลับห้องไปแล้ว”
กรองแก้วก้าวเข้ามาในห้อง เธอสูงพอๆ กับน้องชาย ไว้ผมยาวเปิดหน้าผากกว้าง กรองแก้วอายุมากกว่ากฤษฎ์สองปี แต่งงานแล้วแต่ยังไม่มีลูก ตอนนี้ย้ายไปอยู่คอนโดกับสามี อาทิตย์หนึ่งจะแวะมารับประทานอาหารเย็นที่บ้านอยู่สองสามครั้ง
“ไงพรรษ” หญิงสาวเอ่ยเมื่อนวพรรษยิ้มกว้างส่งให้ ก่อนหันกลับไปมองด้านหลัง “เห็นไหมคะคุณพ่อ คุณแม่ แก้วว่าแล้ว ว่ากลางกับพรรษต้องมาถึงก่อนแน่”
คนที่ตามเข้ามาเป็นผู้ชายเลยวัยกลางคนแต่ยังดูดี อลงกรณ์ในวัยห้าสิบกว่าปียังหล่อเหลา เขาสูงน้อยกว่ากฤษฎ์ ผมเป็นสีเทา สิ่งที่เหมือนในตัวลูกชายก็คงเป็นรอยยิ้มและเค้าหน้า ที่ตามเข้ามาด้านหลังเป็นหญิงวัยใกล้เคียงกัน แม้จะอายุเท่ากันกับอิ่มอุ่น แต่กรองกาญจ์ยังดูสาวกว่ามาก รูปร่างยังระหงเหมือนกับสาวรุ่น
“คุณพ่อคุณแม่พี่แก้วสวัสดีค่ะ” นวพรรษยกมือไหว้ ทั้งสามคนยิ้มรับ กรองแก้วเข้าไปนั่งที่พักแขนข้างนวพรรษ ส่วนสองสามีภรรยาทรุดลงนั่งที่โซฟาอีกตัว
“พี่มนต์ติดประชุมด่วนค่ะคุณย่า วันนี้มาทานข้าวด้วยไม่ได้ เลยฝากแก้วมาขอโทษคุณย่าแทน” กรองแก้วเอ่ยถึงสามี อภิสราพยักหน้ารับยิ้มให้อย่างใจดี
“ไม่เป็นไรลูก ไว้วันหลังก็ได้”
อลงกรณ์ถามบ้าง “จริงสิ เมื่อกี้สองอาหลานเขาเป็นอะไรกัน”
นวพรรษแกล้งทำไม่รู้เรื่อง ก่อนจะหัวเราะออกมาเมื่อกรองแก้วขมวดคิ้วใส่ แล้วตีเบาๆ ที่แขนเรียวเล็ก กรองแก้วเหลียวมองผู้เป็นย่า
“คุณย่า อย่าบอกนะคะว่าแก้วมาไม่ทัน ละครโรงเล็กจบไปแล้ว” และคำตอบของอภิสราก็ทำให้ทุกคนถึงกับหัวเราะลั่น
“จ้ะ! ก็ถึงได้งอนป่องลอยกลับเข้าห้องไปโน่น ทั้งอาทั้งหลานไง!”
“ประจบ!”
อิ่มอุ่นยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะอย่างกับสาวๆ เมื่อเห็นว่าเจ้าของเสียงซึ่งยืนอยู่ที่ประตูนั้นหันมาส่งยิ้มให้กับเธอ เจ้าหล่อนตัวสูงเพรียวแต่ไม่อ้อนแอ้น ดวงตาเรียวรีสีน้ำตาลชัด จมูกไม่โด่งมาก ปากบาง คิ้วบาง และโหนกแก้มเห็นชัดเจนเป็นเอกลักษณ์ และนี่ก็คือ...
กรองจิต
เธอเป็นลูกสาวคนสุดท้องในบ้านนี้ และอายุน้อยกว่านวพรรษสองสามปี เธอเพิ่งก้าวลงจากบันไดชั้นบนลงมา ตอนที่ได้ยินเสียงคุยดังออกไปจนถึงนอกห้อง อารมณ์ที่ดีก่อนหน้าจึงพานเสีย เพราะนึกรู้แล้วว่าใครคือแขก
“สวัสดีค่ะคุณก้อย” นวพรรษเอ่ยทัก น้องสาวของกฤษฎ์เป็นสาวสังคม... บ้าแบรนด์เนมตั้งแต่หัวจรดเท้า แม้จะอยู่บ้านแต่หล่อนมักจัดเต็มเสมอ น้อยนักจะได้เห็นหน้าสดของหล่อน
กรองจิตพยักหน้ารับนิดๆ ก่อนก้าวเฉิดฉายเข้าไปนั่งลงข้างๆ อภิสรา เธอมองนวพรรษที่นั่งพื้นอย่างผู้ชนะ อิ่มอุ่นนั้นยิ้มเยาะ กฤษฎ์มองแล้วก็ได้แต่ถอนใจ ทว่านวพรรษไม่สน เธอเอ่ยขอบคุณเมื่ออภิสราดึงให้ขึ้นไปนั่งบนโซฟาด้วยกัน เท่านั้นที่บรรยากาศดีๆ ทำท่าว่าจะเสีย นวพรรษจึงชวนคุย
“จริงสิคะ นี่คุณแม่กับคุณพ่อแล้วก็พี่แก้วยังกลับมาไม่ถึงหรือคะ”
“ก็ดีลูก แต่เสียอย่างเดียวมันหนาว” ว่าแล้วก็พยักไปทางห้องครัว “สามคนนั่นยังมาไม่ถึงหรอก แต่อีกเดี๋ยวก็คงมาแล้วละ” อภิสราลูบผมนุ่มลื่นอย่างเบามือ “นี่ย่าซื้อกระเป๋ามาฝาก ใบนี้สวยเชียวเห็นแล้วนึกถึงเราขึ้นมาทันที”
นวพรรษยิ้มกว้างจนแทบเห็นฟันครบทุกซี่ กราบลงแทบอกอภิสรา
แต่... คำว่า ‘กระเป๋า’ ทำให้อิ่มอุ่นกับกรองจิตตาโต เนื่องจากลูกกับหลานแท้ๆ ยังไม่ได้อะไรสักอย่าง แต่นวพรรษที่เป็นคนนอกกลับได้ของฝาก
“คุณย่า/คุณแม่!” สองอาหลานเอ่ยพร้อมกัน อภิสราเหลียวมอง และอิ่มอุ่นก็กระแอม “แล้วของฝากคนอื่นล่ะคะ”
“เอ หล่อน” หญิงชราขมวดคิ้ว “ไปอังกฤษกับยัยก้อยมาไม่ใช่เหรอเดือนที่แล้วน่ะ ก็เห็นหอบกันมาอย่างกับบ้าหอบฟาง แล้วนี่ยังจะเอาอีกหรือ ในห้องน่ะเผาหล่อนจนจะได้แล้วนะ”
“คุณแม่!” อิ่มอุ่นหน้างอ กรองจิตกัดริมฝีปาก และด้วยความหมั่นไส้จึงทำให้อดไม่อยู่ เธอปรายตามองนวพรรษและพึมพำขึ้น
“ตอแหล”
กฤษฎ์นิ่วหน้า อภิสราขมวดคิ้วจะดุหลานสาวแต่นวพรรษแตะมือห้าม พอเห็นดังนั้นกรองจิตที่ได้ทีจึงเอ่ยหน้าซื่อ เธอชูโทรศัพท์มือถือในมือให้ทั้งหมดดู
“นี่ไงค่ะ ข่าวดารา พาดหัวมาได้ไงว่าตอแหล!”
นวพรรษที่รู้ตัวว่าถูกกระแทกยังยิ้มเย็น
“ข่าวก็อย่างนี้แหละค่ะคุณก้อย ชอบเรียกร้องความสนใจ”
กรองจิตหน้าตึง อภิสราหัวเราะขึ้นมาบ้าง กฤษฎ์นั้นถอนหายใจ
“อ๋อ จริงสิ พรรษซื้อเค้กสตรอ--” นวพรรษจงใจเว้นคำ “เบอร์รี่มาฝากด้วยนะคะ แล้วก็ถุงโน้นน่ะ นั่นน่ะค่ะพี่ข้าวกล้า” กฤษฎ์พาซื่อหยิบส่งให้ เธอรับมากระพือขนตายิ้มหวาน “ลูกน้องเอามาฝากค่ะ พรรษเลยแบ่งมาคิดว่าคุณอาอาจอยากทาน”
“อะไรจ๊ะ” อิ่มอุ่นปรายหางตามอง
“สะตอค่ะ!” ครั้งนี้กฤษฎ์ถึงหลุดขำ “ส้ด สดค่ะ ไว้ผัดกับกุ้งนะคะคุณอา”
อิ่มอุ่นหันขวับมองนวพรรษขึ้นๆ ลงๆ กรองจิตนั้นอ้าปากค้าง แต่นวพรรษทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เธอยังยื่นถุงค้างอยู่แบบนั้น
“นี่ค่ะคุณอา สะตอของใต้แท้ๆ สดมาก!”
สองอาหลานมองหน้ากัน ร่ำๆ จะกรี๊ดแตก แต่ทำไม่ได้เลยได้แต่มองนวพรรษตาเขม็ง แต่แล้วก็เป็นฝ่ายที่ตบะแตก อิ่มอุ่นและกรองจิตพร้อมกันลุกขึ้นพรวดพราด อภิสราส่ายหน้า กฤษฎ์ยกมือขึ้นเกาต้นคอ ทั้งขำ ทั้งพูดไม่ออก เขาก็ไม่รู้ทำไม นวพรรษ อิ่มอุ่น และกรองจิตถึงได้ไม่ถูกกันนัก
“คุณย่าแก้วขอตัวนะคะ แก้วอยู่ไม่ได้แล้วค่ะมันผะอืดผะอม!”
อิ่มอุ่นพยักหน้ารับเป็นเชิงสนับสนุน “อุ่นก็ขอตัวเหมือนกันค่ะ เห็นจะต้องต่อว่าบริษัททำความสะอาดซะแล้ว ทำไมเชื้อโรคถึงได้เยอะขนาดนี้ แบบนี้คงต้องให้ใครสักคนหาแอลกอฮอร์มาราดทำความสะอาดสักที หรือไม่ก็ต้มน้ำร้อนราดมันเสียเลย ไม่งั้นล่ะก็ได้ล้างไม่ออก กลายเป็นเสนียดติดบ้าน!”
“แม่อุ่น!” อภิสราเอ็ด ทว่านวพรรษที่ยังไม่รู้สึกรู้สาแตะแขนหญิงชราเป็นเชิงห้าม ก่อนจะยกมือขึ้นแตะหน้าอกตัวเอง สีหน้าสีตาเป็นเดือดเป็นร้อน
“ตายจริงคุณย่าขา ถ้าคุณอาว่าอย่างนั้น พรรษว่าแถวนี้คงไม่ปลอดภัยแล้วค่ะ สงสัยต้องแจ้งให้กระทรวงสาธารณสุขเขาเข้ามาดูแล พ่นยาฆ่าเชื้อเสียหน่อย เพราะรู้สึกว่าจะรวมเชื้อโรคเอาไว้เยอะเสียเหลือเกิน โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับช่องปาก!”
เท่านั้น กรองจิตกับอิ่มอุ่นก็สะบัดหน้าพรืด เดินกระแทกเท้าออกไปจากห้องแทบจะทันใด แต่ไม่วายที่นวพรรษยังจะแหย่
“อ้าวคุณอาขา คุณก้อย จะให้เขาไปพ่นยาข้างบนด้วยไหมคะ เผื่อเชื้อโรคมันจะลามไปถึงข้างบนด้วย”
“ขอบใจแต่ไม่ต้อง!”
อิ่มอุ่นสวนกลับมา นวพรรษหลุดขำหัวเราะคิกคักที่ได้ยั่ว อภิสราที่แม้จะชอบใจแต่ก็ยังไม่วายให้มะเหงกไปหนึ่งที
“อ้าวอะไรกันคะคุณย่า ทำไมสองอาหลานถึงได้เดินปึงๆ กลับห้องไปแล้ว”
กรองแก้วก้าวเข้ามาในห้อง เธอสูงพอๆ กับน้องชาย ไว้ผมยาวเปิดหน้าผากกว้าง กรองแก้วอายุมากกว่ากฤษฎ์สองปี แต่งงานแล้วแต่ยังไม่มีลูก ตอนนี้ย้ายไปอยู่คอนโดกับสามี อาทิตย์หนึ่งจะแวะมารับประทานอาหารเย็นที่บ้านอยู่สองสามครั้ง
“ไงพรรษ” หญิงสาวเอ่ยเมื่อนวพรรษยิ้มกว้างส่งให้ ก่อนหันกลับไปมองด้านหลัง “เห็นไหมคะคุณพ่อ คุณแม่ แก้วว่าแล้ว ว่ากลางกับพรรษต้องมาถึงก่อนแน่”
คนที่ตามเข้ามาเป็นผู้ชายเลยวัยกลางคนแต่ยังดูดี อลงกรณ์ในวัยห้าสิบกว่าปียังหล่อเหลา เขาสูงน้อยกว่ากฤษฎ์ ผมเป็นสีเทา สิ่งที่เหมือนในตัวลูกชายก็คงเป็นรอยยิ้มและเค้าหน้า ที่ตามเข้ามาด้านหลังเป็นหญิงวัยใกล้เคียงกัน แม้จะอายุเท่ากันกับอิ่มอุ่น แต่กรองกาญจ์ยังดูสาวกว่ามาก รูปร่างยังระหงเหมือนกับสาวรุ่น
“คุณพ่อคุณแม่พี่แก้วสวัสดีค่ะ” นวพรรษยกมือไหว้ ทั้งสามคนยิ้มรับ กรองแก้วเข้าไปนั่งที่พักแขนข้างนวพรรษ ส่วนสองสามีภรรยาทรุดลงนั่งที่โซฟาอีกตัว
“พี่มนต์ติดประชุมด่วนค่ะคุณย่า วันนี้มาทานข้าวด้วยไม่ได้ เลยฝากแก้วมาขอโทษคุณย่าแทน” กรองแก้วเอ่ยถึงสามี อภิสราพยักหน้ารับยิ้มให้อย่างใจดี
“ไม่เป็นไรลูก ไว้วันหลังก็ได้”
อลงกรณ์ถามบ้าง “จริงสิ เมื่อกี้สองอาหลานเขาเป็นอะไรกัน”
นวพรรษแกล้งทำไม่รู้เรื่อง ก่อนจะหัวเราะออกมาเมื่อกรองแก้วขมวดคิ้วใส่ แล้วตีเบาๆ ที่แขนเรียวเล็ก กรองแก้วเหลียวมองผู้เป็นย่า
“คุณย่า อย่าบอกนะคะว่าแก้วมาไม่ทัน ละครโรงเล็กจบไปแล้ว” และคำตอบของอภิสราก็ทำให้ทุกคนถึงกับหัวเราะลั่น
“จ้ะ! ก็ถึงได้งอนป่องลอยกลับเข้าห้องไปโน่น ทั้งอาทั้งหลานไง!”
ดังปัณณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 เม.ย. 2560, 11:01:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 เม.ย. 2560, 11:01:26 น.
จำนวนการเข้าชม : 1082
<< บทที่ ๓ 4/5 | บทที่ ๔ 1/5 >> |
ดังปัณณ์ 19 เม.ย. 2560, 11:03:13 น.
ดีจ้า พายัยพรรษมาส่งค่า
คุณkaelek ทางนางเรียบมากเลยค่ะ ถึงจะมีขรุขระบ้างนางก็เอาอยู่ 555
คุณแว่นใส พี่ข้าวกล้าน่าสงสาร 555 โดนกระทำทั้งเรื่องเลย กร๊ากกกก
และคุณๆรีดเดอร์นะคะ ขอบคุณที่แวะมาอ่าน มาคุย มากดคะแนนให้ ขอบคุณมากๆ จริงๆ ค่ะ
วันนี้ไปแล้วจ้ะ เจอกันพรุ่งนี้ บ๊ายบาย
ดีจ้า พายัยพรรษมาส่งค่า
คุณkaelek ทางนางเรียบมากเลยค่ะ ถึงจะมีขรุขระบ้างนางก็เอาอยู่ 555
คุณแว่นใส พี่ข้าวกล้าน่าสงสาร 555 โดนกระทำทั้งเรื่องเลย กร๊ากกกก
และคุณๆรีดเดอร์นะคะ ขอบคุณที่แวะมาอ่าน มาคุย มากดคะแนนให้ ขอบคุณมากๆ จริงๆ ค่ะ
วันนี้ไปแล้วจ้ะ เจอกันพรุ่งนี้ บ๊ายบาย
แว่นใส 19 เม.ย. 2560, 20:11:50 น.
ครอบครัวนี้น่ารักนะ พรรษย้ายมาอยู่เป็นตนในครอบครัวเลย
ครอบครัวนี้น่ารักนะ พรรษย้ายมาอยู่เป็นตนในครอบครัวเลย