สายรัก(ษ์)
'เพราะ 'รัก' จึงปกปักษ์ พิทักษ์ (ใจ) เธอ'
คุณคิดว่าคนสายไหนน่ากลัวที่สุด
แต่ก่อนคุณจะตอบ ฉันจะบอกให้
ว่าไม่ว่าจะสายปาร์ตี้ สายธรรมะ สายเงียบ สายซึน
สายไหนๆ ก็ไม่น่ากลัวเท่า สาย (ขึ้น) คาน!
คุณคิดว่าคนสายไหนน่ากลัวที่สุด
แต่ก่อนคุณจะตอบ ฉันจะบอกให้
ว่าไม่ว่าจะสายปาร์ตี้ สายธรรมะ สายเงียบ สายซึน
สายไหนๆ ก็ไม่น่ากลัวเท่า สาย (ขึ้น) คาน!
Tags: แอบรัก,เพื่อนสนิท,หนีใจ
ตอน: บทที่ ๔ 1/5
๔
"ไงแก” นวพรรษเปิดประตูคอนโดเข้าไปเอ่ยทักเสียงแจ๋ว ชุดาที่เพิ่งกลับมาถึงก่อนหน้า หลังส่งลูกชายเข้านอนยกมือตอบแทนการทักทาย พลางชี้ไปที่โทรทัศน์ซึ่งกำลังฉายละครเรื่องดัง “อู้ย! ไม่ใช่รีบยัดยานอนหลับลูกแล้วบึ่งรถกลับมา ดูพระเอกเปิดเสื้อโชว์หกห่อนะแก”
“สาบานว่านั่นปาก” ชุดาบอกหัวเราะๆ แต่ตายังไม่ละจากโทรทัศน์
นวพรรษยักไหล่ ถอดรองเท้าหยิบไปไว้บนชั้นวาง เดินเลยไปที่โต๊ะรับแขกเพื่อวางกระเป๋าและของที่หอบหิ้วมา “แฟนแกเป็นไงมั่ง มันได้อยู่ดูลูกหรือเปล่า หรือมัวแต่ไปกกเมียใหม่”
“ถ้ามันมีความรับผิดชอบดีขนาดนั้น แกว่าฉันจะเลิกกับมันเหรอ”
“เออ ลืม” นวพรรษพึมพำ “นึกว่ามันจะทำตัวเป็นพ่อที่ดีบ้าง”
ชุดาถอนหายใจ นวพรรษเดินเลยไปที่ตู้เย็น หยิบน้ำขึ้นมารินใส่แก้วดื่ม ชุดาเหลียวไปมองอีกครั้ง เมื่อละครพักเบรกโฆษณา
“เออนี่” นวพรรษวางแก้วเดินกลับมาที่โต๊ะที่วางของไว้ “คุณย่าฝากกระเป๋าสตางค์มาให้ใบแน่ะ”
ชุดาตาโตยิ้มกว้างจนแทบจะถึงรูหู เมื่อเห็นนวพรรษยักคิ้วชูกล่องกระเป๋ายี่ห้อแบรนด์เนมขึ้นอวด “ต๊าย! คุณย่าคุณกฤษฎ์น่ารักอะแก ขอบคุณแก ครอบครัวคุณกฤษฎ์นี่ใจกว้างอย่างกับแม่น้ำ ดูสิท่านยังอุตส่าห์เผื่อแผ่มาถึงฉัน”
“อย่ามาทำเป็นพูดดี” นวพรรษโยนกล่องส่งให้ ชุดารีบคว้าไว้และแม่นเหมือนจับวาง หล่อนยกมันขึ้นดูลืมสนใจแม้กระทั่งละครเรื่องโปรด “เพราะแกทีเดียวไม่ยอมไปกับฉัน เนี่ยทั้งเนื้อทั้งตัวฉันเหวอะหวะไปหมด คุณอากับคุณก้อยจิกฉันซะพรุน” ว่าแล้วก็หัวเราะคิกๆ เพราะนึกไปถึงตอนรับประทานอาหารเย็น แล้วอิ่มอุ่นกับกรองจิตเจอสะตอผัดกุ้งเข้าไป ถึงกับหน้าดำหน้าแดงคอแข็งพานอิ่มดื้อๆ
“โอ๊ย! สิวๆ” ชุดาหันกลับไปจ้องจอต่อ โบกไม้โบกมือ “ฉันรู้คุณอากับน้องสาวคุณกฤษฎ์เทียบแกไม่ติดหรอก!”
นวพรรษจิกตามองชุดา ไม่ทันได้พูดอะไรเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเสียก่อน เธอเดินกลับไปที่โต๊ะ หยิบออกมาจากกระเป๋าถือ พอเห็นชื่อคนโทร. ก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
ชุดามองตามก่อนขมวดคิ้วเมื่อนวพรรษหน้าระรื่นเดินผ่านตรงไปที่ระเบียง แถมด้วยเลื่อนประตูกระจกปิดไว้เสียอีกด้วย เธอหรี่ตา ความสนใจในละครหายไปจนหมด ก่อนลุกพรวดขึ้นยืนและไปแอบที่ประตู หูแนบกับผ้าม่านติดไปกับกระจก
แต่... เชื่อไหม กระจกบานเลื่อนพอเอนตัวแนบมากๆ เข้า ถ้าไม่ได้ล็อกไว้ แตะแค่นิดเดียวมันก็พาลื่น ไม่ทันจะได้แอบฟังจนรู้เรื่อง ชุดาก็ลื่นจนหัวแทบคะมำ
“ตาย! ตาเถรแม่หก!!” คนคุยโทรศัพท์หลุดอุทาน มองเพื่อนสนิทที่สองมือเท้ากับพื้นและเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มเจื่อนๆ มาให้
“แก--” นวพรรษอ้าปากจะแหวที่ถูกแอบฟัง แต่ปลายสายคงพูดอะไรสักอย่าง เธอจึงเลือกจะตอบออกไปว่า “อ๋อ เสียง เอ่อ คือพรรษตกใจน่ะค่ะ พอดีมีแมง... เอ่อผึ้งมันบินมาตอมน่ะค่ะ ชิ้วๆ”
นวพรรษโบกมือไล่ ขึงตาใส่พร้อม แต่ชุดาทำไม่รู้ไม่ชี้
“เอ่อ งั้นตามนี้แล้วกันนะคะ แน่นอนค่ะ บาย”
นวพรรษกดตัดสาย และยกมือขึ้นเท้าสะเอวอย่างเอาเรื่อง
“แกเป็นบ้าอะไรยะ ฉันคุยของฉันอยู่ดีๆ เห็นไหมต้องวางสายเลย” ประโยคท้ายกระบึงกระบอน “ดูสิเนี่ย! คุณอาร์ตเขาเลยวางเลย--”
“อะไรนะยัยพรรษ!”
นวพรรษยกมือขึ้นแตะริมฝีปาก ไม่ยอมสบตากับชุดาที่เบิ่งตาโตจ้องอยู่
“คือ... ฉันก็แค่คุยกับเขาเฉยๆ” เธอว่า แล้วแกล้งโมโหกลบเกลื่อน “หรือแค่คุยก็ยังไม่ได้ แกจะห้ามฉันหรือไง”
“ยัยพรรษ! นี่แสดงว่าไม่เชื่อที่คุณกฤษฎ์กับฉันเตือนเลยใช่ไหม”
“โอ๊ย! โธ่เอ๊ยแก” สุดท้ายนวพรรษก็ยอมรับ “ฉันก็แค่ไปเจอกับเขา คนออกเยอะแยะไม่ใช่ว่านัดไปที่ที่ไม่มีคนเสียหน่อย กลัวอะไรกันก็ไม่รู้ ทั้งแกทั้งพี่ข้าวกล้าน่ะคิดมาก ถ้าเราไม่ลองเราจะรู้ได้ไงว่าคนไหนใช่ไม่ใช่ แล้วฉันก็ไม่ได้ขอร้องให้แกไปด้วยสักหน่อย ทำไมแกยังจะมาวีนฉันอีก ฉันไม่ได้ไปรบกวนอะไรแกนะคราวเนี้ย”
“พรรษ มันไม่ใช่เรื่องคิดมาก หรือนัดกันที่ไหน แต่มันเป็นเรื่องของความปลอดภัยในชีวิตของแกเลยนะ แกจะเอามาเสี่ยงกับแค่กลัวขึ้นคานเนี่ยนะ!”
นวพรรษอ้าปากค้าง หน้างอเถียงไม่ออก เธอกัดริมฝีปากอยู่พัก
“ก็ใช่ซี้” ชุดากลอกตา เมื่อนวพรรษประทับทรงองค์แถ “แกมันก็พวกเดียวกับพี่ข้าวกล้านี่ ฉันโตแล้วนะ โตพอที่จะดูแลตัวเองได้ ไม่ใช่เด็กๆ เสียหน่อยที่จะทำอะไรไม่ได้เลย ถ้าไม่มีแกกับพี่ข้าวกล้า”
“เออโต” ชุดาเอ่ยอย่างหมั่นไส้ “แล้วยังไง แกก็เลยไม่ฟังที่ฉันกับคุณกฤษฎ์เตือน ยังไงก็จะไปหาหมอนั่นมันให้ได้”
ชุดาเริ่มมีอารมณ์ขึ้นมาบ้างเหมือนกัน แต่นวพรรษก็ใช่ย่อย หล่อนสวนกลับมาอย่างคนอวดดีที่ไม่เคยยอมใคร
“ฉันฟัง แล้วฉันก็จะเลือกเอง แกไม่ต้องมาจูงจมูกฉันหรอก ฟังนะชุดาสำหรับคนอื่นฉันไม่รู้ แต่ฉันคนเนี้ย นวพรรษคนนี้-ไม่-มี-ทาง-ยอม-ขึ้น-คาน เด็ดขาด” ว่าแล้วก็สะบัดหน้าพรืดและเดินหนีเข้าห้องนอนไป
ชุดามองตาม ได้แต่ยกมือขึ้นกุมขมับและถอนใจเฮือกๆ
“ขอบคุณครับคุณนัน” ปัฐน์เอ่ยเมื่อเลขานุการนำแฟ้มมาส่งให้ ชายหนุ่มคลายปมเน็คไท ส่งยิ้มให้เธียรที่เดินสวนกับนันทนาเข้ามา “ว่าไงครับคุณเธียร วันนี้เก็งหุ้นตัวไหนดีจะได้กำไรเยอะๆ”
คนถูกถามหัวเราะ เข้าไปทรุดลงนั่งตรงหน้าผู้เป็นเพื่อนที่กำลังหยิบแฟ้มขึ้นมาเปิดดูรายละเอียดก่อนจะเซ็นชื่อลงไป
“แฟ้มอะไรวะเยอะแยะ”
เธียรเอื้อมมือไปหยิบแฟ้มอีกแฟ้มที่วางอยู่ มันเป็นรายงานของแผนกจัดซื้อ เกี่ยวกับความน่าพอใจของบริษัทสอบบัญชีที่เคยใช้บริการ กับบริษัทใหม่ที่จะทำการจัดจ้าง หลังบริษัทเดิมตรวจสอบผิดพลาดทำให้บริษัทถูกเรียกเข้าชี้แจงกับสรรพากร
“ก็เหมือนเดิมน่ะ งานของอาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์ เพราะตั้งแต่วันพุธฉันต้องเข้าไปดูแลโรงแรมแทนพ่อ”
“ฮอตมาก” เธียรบอกหัวเราะๆ ก่อนชะงัก “เฮ้ปัฐน์ ดูนี่สิ คุ้นๆ ไหม” เขายื่นแฟ้มส่งให้ปัฐน์รับไปดู “ตรงชื่อผู้สอบน่ะ”
ปัฐน์อ่านและนิ่งไปครู่ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนที่นั่งตรงข้าม
เธียรยักไหล่ ส่วนปัฐน์ยิ้มเพราะชื่อผู้สอบนั้นคือชื่อของชุดา และนวพรรษ เขาไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง แต่... ผู้สอบบัญชีจะมีคนชื่อซ้ำกัน แถมยังเป็นเจ้าของเหมือนกันอีกด้วยหรือ
“อย่าจ้างเพราะความรู้สึกส่วนตัว” เธียรบอกยิ้มๆ “แต่เรียกเข้ามาคุยให้ไวเลยไอ้ปัฐน์” จากคำแนะนำปัฐน์หัวเราะ เขามองชื่อของนวพรรษอีกครั้งและยิ้ม
มันอาจจะเป็น... พรหมลิขิต
"ไงแก” นวพรรษเปิดประตูคอนโดเข้าไปเอ่ยทักเสียงแจ๋ว ชุดาที่เพิ่งกลับมาถึงก่อนหน้า หลังส่งลูกชายเข้านอนยกมือตอบแทนการทักทาย พลางชี้ไปที่โทรทัศน์ซึ่งกำลังฉายละครเรื่องดัง “อู้ย! ไม่ใช่รีบยัดยานอนหลับลูกแล้วบึ่งรถกลับมา ดูพระเอกเปิดเสื้อโชว์หกห่อนะแก”
“สาบานว่านั่นปาก” ชุดาบอกหัวเราะๆ แต่ตายังไม่ละจากโทรทัศน์
นวพรรษยักไหล่ ถอดรองเท้าหยิบไปไว้บนชั้นวาง เดินเลยไปที่โต๊ะรับแขกเพื่อวางกระเป๋าและของที่หอบหิ้วมา “แฟนแกเป็นไงมั่ง มันได้อยู่ดูลูกหรือเปล่า หรือมัวแต่ไปกกเมียใหม่”
“ถ้ามันมีความรับผิดชอบดีขนาดนั้น แกว่าฉันจะเลิกกับมันเหรอ”
“เออ ลืม” นวพรรษพึมพำ “นึกว่ามันจะทำตัวเป็นพ่อที่ดีบ้าง”
ชุดาถอนหายใจ นวพรรษเดินเลยไปที่ตู้เย็น หยิบน้ำขึ้นมารินใส่แก้วดื่ม ชุดาเหลียวไปมองอีกครั้ง เมื่อละครพักเบรกโฆษณา
“เออนี่” นวพรรษวางแก้วเดินกลับมาที่โต๊ะที่วางของไว้ “คุณย่าฝากกระเป๋าสตางค์มาให้ใบแน่ะ”
ชุดาตาโตยิ้มกว้างจนแทบจะถึงรูหู เมื่อเห็นนวพรรษยักคิ้วชูกล่องกระเป๋ายี่ห้อแบรนด์เนมขึ้นอวด “ต๊าย! คุณย่าคุณกฤษฎ์น่ารักอะแก ขอบคุณแก ครอบครัวคุณกฤษฎ์นี่ใจกว้างอย่างกับแม่น้ำ ดูสิท่านยังอุตส่าห์เผื่อแผ่มาถึงฉัน”
“อย่ามาทำเป็นพูดดี” นวพรรษโยนกล่องส่งให้ ชุดารีบคว้าไว้และแม่นเหมือนจับวาง หล่อนยกมันขึ้นดูลืมสนใจแม้กระทั่งละครเรื่องโปรด “เพราะแกทีเดียวไม่ยอมไปกับฉัน เนี่ยทั้งเนื้อทั้งตัวฉันเหวอะหวะไปหมด คุณอากับคุณก้อยจิกฉันซะพรุน” ว่าแล้วก็หัวเราะคิกๆ เพราะนึกไปถึงตอนรับประทานอาหารเย็น แล้วอิ่มอุ่นกับกรองจิตเจอสะตอผัดกุ้งเข้าไป ถึงกับหน้าดำหน้าแดงคอแข็งพานอิ่มดื้อๆ
“โอ๊ย! สิวๆ” ชุดาหันกลับไปจ้องจอต่อ โบกไม้โบกมือ “ฉันรู้คุณอากับน้องสาวคุณกฤษฎ์เทียบแกไม่ติดหรอก!”
นวพรรษจิกตามองชุดา ไม่ทันได้พูดอะไรเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเสียก่อน เธอเดินกลับไปที่โต๊ะ หยิบออกมาจากกระเป๋าถือ พอเห็นชื่อคนโทร. ก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
ชุดามองตามก่อนขมวดคิ้วเมื่อนวพรรษหน้าระรื่นเดินผ่านตรงไปที่ระเบียง แถมด้วยเลื่อนประตูกระจกปิดไว้เสียอีกด้วย เธอหรี่ตา ความสนใจในละครหายไปจนหมด ก่อนลุกพรวดขึ้นยืนและไปแอบที่ประตู หูแนบกับผ้าม่านติดไปกับกระจก
แต่... เชื่อไหม กระจกบานเลื่อนพอเอนตัวแนบมากๆ เข้า ถ้าไม่ได้ล็อกไว้ แตะแค่นิดเดียวมันก็พาลื่น ไม่ทันจะได้แอบฟังจนรู้เรื่อง ชุดาก็ลื่นจนหัวแทบคะมำ
“ตาย! ตาเถรแม่หก!!” คนคุยโทรศัพท์หลุดอุทาน มองเพื่อนสนิทที่สองมือเท้ากับพื้นและเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มเจื่อนๆ มาให้
“แก--” นวพรรษอ้าปากจะแหวที่ถูกแอบฟัง แต่ปลายสายคงพูดอะไรสักอย่าง เธอจึงเลือกจะตอบออกไปว่า “อ๋อ เสียง เอ่อ คือพรรษตกใจน่ะค่ะ พอดีมีแมง... เอ่อผึ้งมันบินมาตอมน่ะค่ะ ชิ้วๆ”
นวพรรษโบกมือไล่ ขึงตาใส่พร้อม แต่ชุดาทำไม่รู้ไม่ชี้
“เอ่อ งั้นตามนี้แล้วกันนะคะ แน่นอนค่ะ บาย”
นวพรรษกดตัดสาย และยกมือขึ้นเท้าสะเอวอย่างเอาเรื่อง
“แกเป็นบ้าอะไรยะ ฉันคุยของฉันอยู่ดีๆ เห็นไหมต้องวางสายเลย” ประโยคท้ายกระบึงกระบอน “ดูสิเนี่ย! คุณอาร์ตเขาเลยวางเลย--”
“อะไรนะยัยพรรษ!”
นวพรรษยกมือขึ้นแตะริมฝีปาก ไม่ยอมสบตากับชุดาที่เบิ่งตาโตจ้องอยู่
“คือ... ฉันก็แค่คุยกับเขาเฉยๆ” เธอว่า แล้วแกล้งโมโหกลบเกลื่อน “หรือแค่คุยก็ยังไม่ได้ แกจะห้ามฉันหรือไง”
“ยัยพรรษ! นี่แสดงว่าไม่เชื่อที่คุณกฤษฎ์กับฉันเตือนเลยใช่ไหม”
“โอ๊ย! โธ่เอ๊ยแก” สุดท้ายนวพรรษก็ยอมรับ “ฉันก็แค่ไปเจอกับเขา คนออกเยอะแยะไม่ใช่ว่านัดไปที่ที่ไม่มีคนเสียหน่อย กลัวอะไรกันก็ไม่รู้ ทั้งแกทั้งพี่ข้าวกล้าน่ะคิดมาก ถ้าเราไม่ลองเราจะรู้ได้ไงว่าคนไหนใช่ไม่ใช่ แล้วฉันก็ไม่ได้ขอร้องให้แกไปด้วยสักหน่อย ทำไมแกยังจะมาวีนฉันอีก ฉันไม่ได้ไปรบกวนอะไรแกนะคราวเนี้ย”
“พรรษ มันไม่ใช่เรื่องคิดมาก หรือนัดกันที่ไหน แต่มันเป็นเรื่องของความปลอดภัยในชีวิตของแกเลยนะ แกจะเอามาเสี่ยงกับแค่กลัวขึ้นคานเนี่ยนะ!”
นวพรรษอ้าปากค้าง หน้างอเถียงไม่ออก เธอกัดริมฝีปากอยู่พัก
“ก็ใช่ซี้” ชุดากลอกตา เมื่อนวพรรษประทับทรงองค์แถ “แกมันก็พวกเดียวกับพี่ข้าวกล้านี่ ฉันโตแล้วนะ โตพอที่จะดูแลตัวเองได้ ไม่ใช่เด็กๆ เสียหน่อยที่จะทำอะไรไม่ได้เลย ถ้าไม่มีแกกับพี่ข้าวกล้า”
“เออโต” ชุดาเอ่ยอย่างหมั่นไส้ “แล้วยังไง แกก็เลยไม่ฟังที่ฉันกับคุณกฤษฎ์เตือน ยังไงก็จะไปหาหมอนั่นมันให้ได้”
ชุดาเริ่มมีอารมณ์ขึ้นมาบ้างเหมือนกัน แต่นวพรรษก็ใช่ย่อย หล่อนสวนกลับมาอย่างคนอวดดีที่ไม่เคยยอมใคร
“ฉันฟัง แล้วฉันก็จะเลือกเอง แกไม่ต้องมาจูงจมูกฉันหรอก ฟังนะชุดาสำหรับคนอื่นฉันไม่รู้ แต่ฉันคนเนี้ย นวพรรษคนนี้-ไม่-มี-ทาง-ยอม-ขึ้น-คาน เด็ดขาด” ว่าแล้วก็สะบัดหน้าพรืดและเดินหนีเข้าห้องนอนไป
ชุดามองตาม ได้แต่ยกมือขึ้นกุมขมับและถอนใจเฮือกๆ
“ขอบคุณครับคุณนัน” ปัฐน์เอ่ยเมื่อเลขานุการนำแฟ้มมาส่งให้ ชายหนุ่มคลายปมเน็คไท ส่งยิ้มให้เธียรที่เดินสวนกับนันทนาเข้ามา “ว่าไงครับคุณเธียร วันนี้เก็งหุ้นตัวไหนดีจะได้กำไรเยอะๆ”
คนถูกถามหัวเราะ เข้าไปทรุดลงนั่งตรงหน้าผู้เป็นเพื่อนที่กำลังหยิบแฟ้มขึ้นมาเปิดดูรายละเอียดก่อนจะเซ็นชื่อลงไป
“แฟ้มอะไรวะเยอะแยะ”
เธียรเอื้อมมือไปหยิบแฟ้มอีกแฟ้มที่วางอยู่ มันเป็นรายงานของแผนกจัดซื้อ เกี่ยวกับความน่าพอใจของบริษัทสอบบัญชีที่เคยใช้บริการ กับบริษัทใหม่ที่จะทำการจัดจ้าง หลังบริษัทเดิมตรวจสอบผิดพลาดทำให้บริษัทถูกเรียกเข้าชี้แจงกับสรรพากร
“ก็เหมือนเดิมน่ะ งานของอาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์ เพราะตั้งแต่วันพุธฉันต้องเข้าไปดูแลโรงแรมแทนพ่อ”
“ฮอตมาก” เธียรบอกหัวเราะๆ ก่อนชะงัก “เฮ้ปัฐน์ ดูนี่สิ คุ้นๆ ไหม” เขายื่นแฟ้มส่งให้ปัฐน์รับไปดู “ตรงชื่อผู้สอบน่ะ”
ปัฐน์อ่านและนิ่งไปครู่ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนที่นั่งตรงข้าม
เธียรยักไหล่ ส่วนปัฐน์ยิ้มเพราะชื่อผู้สอบนั้นคือชื่อของชุดา และนวพรรษ เขาไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง แต่... ผู้สอบบัญชีจะมีคนชื่อซ้ำกัน แถมยังเป็นเจ้าของเหมือนกันอีกด้วยหรือ
“อย่าจ้างเพราะความรู้สึกส่วนตัว” เธียรบอกยิ้มๆ “แต่เรียกเข้ามาคุยให้ไวเลยไอ้ปัฐน์” จากคำแนะนำปัฐน์หัวเราะ เขามองชื่อของนวพรรษอีกครั้งและยิ้ม
มันอาจจะเป็น... พรหมลิขิต
ดังปัณณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 เม.ย. 2560, 19:41:46 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 เม.ย. 2560, 19:41:46 น.
จำนวนการเข้าชม : 1024
<< บทที่ ๓ 5/5 | บทที่ ๔ 2/5 >> |
แว่นใส 20 เม.ย. 2560, 22:28:38 น.
อ้าว คู่แข่งโผล่อีกละ คราวนี้จะได้ทำงานใกล้ชิดเลยเชียว
อ้าว คู่แข่งโผล่อีกละ คราวนี้จะได้ทำงานใกล้ชิดเลยเชียว