ฝากรักไว้ในสายหมอก (เปิดจองรูปแบบเล่มพร้อมE-Book)
มวยเกล้าผมวาง บนกล๋างกระหม่อม

แล้วเหน็บโอบล้อม ด้วยดอกเกี้ยวเกล้า
แดงเฮย...งามแต๊ บ่แลโศกเศร้า

สดใสเริงเลา ใคร่เฝ้าอยู่ใกล้
ผ่อจนเหลียวหลัง เป๋นดีใคร่ได้

โอบล้อมหัวใจ๋ ดวงนี้
แต่เก๊าเจ้าหวง สมแล้วว่าอี้

บ่ดีเด็ดเล่น เนอนายฯ.....



...........................................................................


เพราะความรัก ความผูกพันช่วงหนึ่งในวัยเยาว์

ที่เคยเติมเต็มหัวใจอันอ้างว้างของเขาให้อบอุ่นขึ้นมาได้

ความรู้สึกเหล่านั้นฝังแน่นอยู่ในใจตลอดมา

จนกระทั่งถึงวันนี้ที่เขากลับมาตามหาความรัก

ความผูกพันที่ได้ฝากไว้กับใครบางคน.



ฝากรักไว้ในสายหมอก

เป็นนิยายเรื่องแรกที่ได้รับการตีพิมพ์กับสนพ.กรียมายด์

ตอนนี้หมดสัญญาแล้วจึงเอามาทำเองค่ะ

ติดตามกันได้ในรูปแบบอีบุ๊คนะคะ




Tags: เกี้ยวเกล้า ไตรศูรย์ เชียงใหม่ ล้านนา โรงแรม ความรัก ความผูกพัน วัยเยาว์ สายหมอก

ตอน: ตอนที่ 10

ที่บ้านเกี้ยวเกล้า เพื่อนๆ ต่างยกโขยงตามมาเมื่อรู้ว่าเธอเป็นลมล้มพับไป ไตรศูรย์นั่งอยู่กับพ่อวิกรณ์ตรงห้องรับแขก ซึ่งสามารถมองเข้าไปยังห้องนอนที่เปิดประตูกว้างนั่นได้ แม่อ่อนแก้ว กอแก้วกับบรรดาญาติๆ และเพื่อนๆ นั่งห้อมล้อมข้างเตียงคนไข้ เสียงเจี๊ยวจ๊าวเหมือนนกกระจอกแตกรังทำให้ชายหนุ่มชักไม่แน่ใจว่านั่นจะทำให้อาการของคนไข้ดีขึ้นหรือกำเริบกว่าเดิมกันแน่นะ

“น้องไม่เป็นไรแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงแล้วล่ะ” พ่อวิกรณ์เปรยขึ้น เมื่อเห็นท่าทางของเขา

“ผมต้องขอโทษจริงๆ ครับ เป็นความผิดของผมเองที่ไปพูดอะไรให้เค้าไม่พอใจ”ไตรศูรย์เอ่ยด้วยความรู้สึกไม่สบายใจนัก

“เรื่องนั้นไปขอโทษเจ้าตัวเขาเองเถอะ ที่จริงคงเป็นเพราะอาการไข้ที่ยังไม่หายนั่นมากกว่า อย่ากังวลไปเลย น้องก็ไม่เป็นอะไรมากแล้ว อีกวันสองวันก็คงหายเหมือนตอนเด็กนั่นแหล่ะ” ชายหนุ่มค่อยคลายความรู้สึกผิดลงได้บ้าง แต่เขารู้ดีว่าหากตัวเองไม่ไปแกล้งยั่วให้เธอโมโหก็คงไม่เป็นลมล้มพับอย่างนี้ แม้อาการไข้จะยังไม่หายดีก็ตาม แต่เวลานั้นแค่เขาเห็นเธอหลบผู้คนออกมายืนคุยกับผู้ชายคนนั้นสองต่อสอง เขาก็คิดอะไรไม่ออกแล้ว นอกจากรู้สึกหงุดหงิด ไม่พอใจ เรียกอย่างนั้นได้หรือเปล่านะ

หรือว่าเขาจะหึงเธอทั้งที่ไม่ได้เป็นอะไรกันสักนิด แต่วินาทีที่เธอล้มลงความรู้สึกหงุดหงิดนั้นก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง กลับมีความรู้สึกผิด ตกใจเข้ามาแทนที่ ตลอดระยะทางที่พาเธอกลับมาบ้านก็ได้แต่พร่ำด่าตัวเองในใจอยู่อย่างนั้น ผสมปนเปกับความเป็นห่วงสารพัด แม้ตอนนี้เธอจะไม่เป็นไรแล้วแต่เวลานี้คงไม่เหมาะนักที่จะเอ่ยคำขอโทษ ชายหนุ่มจึงขอตัวกลับ

ตอนสายของวันต่อมา เกี้ยวเกล้านั่งเล่นอยู่ตรงม้าหินอ่อนหลังบ้าน ที่ตอนนี้กล้วยไม้ของพ่อวิกรณ์เริ่มทยอยเข้ามายึดพื้นที่ไปบางส่วนแล้ว

“อ้าว พีทยังไม่กลับอีกเหรอ” หญิงสาวทักทายเมื่อเห็นพีระเดินเข้ามาใกล้

“ยังหรอกจ้ะ พอดีเมื่อคืนนี้หนักไปหน่อยเลยลางานต่ออีกวันน่ะ ค่อยกลับพรุ่งนี้ตอนเช้า ว่าแต่เกี้ยวเหอะ ดีขึ้นหรือยัง” เขาถามพลางนั่งลงตรงข้าม

“เกี้ยวไม่ได้เป็นอะไรมากซักหน่อย”

“เห็นเจนกับลี่ว่าเกี้ยวเป็นลม” เกี้ยวเกล้านึกไปถึงตอนที่พีระหันหลังจากไป แล้วทิ้งเธอเผชิญหน้ากับคนที่แนะนำตัวว่าเป็น ‘คนพิเศษ’ ของตัวเองแล้วก็ให้รู้สึกโมโหไม่หาย

“เกี้ยวแค่เป็นไข้นิดหน่อยน่ะ แต่วันนี้ดีขึ้นแล้วล่ะ” เธอยิ้มกว้างเพื่อเป็นการยืนยันความสบายดี

“ลี่บอกว่าเกี้ยวจะไปอยู่กับป้าอิ่นเหรอ” ชายหนุ่มจึงได้เปลี่ยนเรื่องคุย

“จ้ะ คงพรุ่งนี้แหล่ะ”

“งั้นไปพร้อมพีทเลยสิ” เขารีบชวนด้วยความดีใจที่แสดงออกบนสีหน้าชัดเจน

“เอ่อ คือ...” ภาพของอ๋อมแอ๋มแทรกเข้ามาในความคิด เกี้ยวเกล้าจึงได้แต่อึกอัก

“จริงสิ...พีทลืมไป แฟนเกี้ยวคงไม่ยอมหรอกเนอะ ดูเขารักเกี้ยวมากนะถึงได้หวงเกี้ยวขนาดนั้น เกี้ยวคงกลับกับเขาสินะ” พีระพูดโดยไม่ยอมมองสบตา

“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะพีท คือว่า...” หญิงสาวพยายามคิดหาคำมาอธิบาย แต่ก็ดูยากเย็นเหลือเกิน

“พีทไม่เคยรู้ว่าเกี้ยวมีแฟนอยู่แล้ว พีทคิดว่าตัวเองจะมีหวังเสียอีก นี่...พีทคงต้องตัดใจจากเกี้ยวจริงๆ แล้วใช่ไหม” น้ำเสียงที่ถามมีแววหวั่นไหว แม้เจ้าตัวจะฝืนยิ้มแย้มให้เห็นเหมือนเป็นเรื่องขำๆ เกี้ยวเกล้าเกือบหลุดปากปฏิเสธไปอย่างที่ตั้งใจ แต่เมื่อพีระพูดประโยคหลังขึ้นมาเธอจึงลังเล และคิดถึงความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อเขา ไม่ว่ายังไงมันก็ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไปได้ คนที่ชัดเจนกับความรู้สึกของตัวเองตลอดมาอย่างเธอ คงไม่สามารถให้ความหวังกับคนๆ หนึ่งโดยที่ไม่รัก ไม่รู้สึกได้

คำพูดที่ว่า ‘คบๆ กันไปเดี๋ยวก็รักเองแหล่ะน่า’ นั่นมันอาจจะใช้ได้กับคนอื่น แต่สำหรับเธอแล้ว เธอรู้สึกว่ามันเป็นการเห็นแก่ตัวเกินไป เธอคิดว่าเขาควรจะได้เจอความรักที่ดีกว่า ความรักแบบ ‘งั้นๆ ’ เกี้ยวเกล้าคิดไปถึงอ๋อมแอ๋ม ก่อนยิ้มจืดเจื่อนให้กับพีระเป็นการยอมรับแบบกลายๆ ในสิ่งที่เขาเข้าใจ

“แต่ไม่ว่ายังไงเราก็เป็นเพื่อนกันเสมอนะพีท เกี้ยวรับรองว่าจะไม่หยุดเป็นเพื่อนพีทเลย อ๋อมก็ด้วย”

“อ๋อมไปพูดว่าอะไรเกี้ยวหรือเปล่า” พีระไม่วายสงสัย

“เปล่าหรอก แต่เกี้ยวรู้ว่าอ๋อมรักพีทมาก แม้วันนี้จะเลิกรากันไปแต่คนนั้นน่ะคงไม่เลิกรักพีทหรอก เกี้ยวไม่รู้หรอกนะว่าพีทกับอ๋อมเลิกกันด้วยสาเหตุอะไร แต่เกี้ยวว่าพีทเองน่าจะลองคิดดูดีๆ ช่วงเวลาที่คบกันมา พีทพยายามทำทุกสิ่งทุกอย่างดีที่สุดหรือยัง ทำดีกับอ๋อมมากแค่ไหนและเคยเปิดใจรักอ๋อมจริงๆ หรือเปล่า ให้โอกาสตัวเองที่จะมองคนที่รักเราจริงๆ บ้างก็ดีนะ”

“แล้ว...เกี้ยวเองเคยคิดจะให้โอกาสพีทบ้างไหม” เขากลับย้อนถามเอากับเธอบ้าง แต่เกี้ยวเกล้ากลับยิ้มให้เพื่อนอย่างเข้าใจ ก่อนเอื้อนเอ่ย

“มันต่างกันนะ กรณีของเกี้ยวคือ...เกี้ยวเป็นเพื่อนพีทมาตลอด เกี้ยวไม่ได้อยากเป็นหรือเคยเป็นอะไรมากกว่าเพื่อน แต่กรณีของพีทกับอ๋อมคือแม้ตัวพีทเองอาจจะไม่อยากเท่าไหร่ในตอนนั้น แต่ระหว่างพีทกับอ๋อมก็เป็นไปแล้วจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ ที่มีปัญหาก็คือตัวพีทเองไม่ยอมอยู่กับความจริงต่างหาก

“เกี้ยวว่าเราควรพอใจในสิ่งที่มีอยู่ตรงหน้านะ พ่อบอกว่าเราควรรู้ค่าของสิ่งที่มีอยู่มากกว่าจะไปวิ่งไล่ไขว่คว้าในสิ่งที่เรารู้ดีอยู่แก่ใจว่าไม่มีวันได้มา พ่อยังบอกอีกว่าชีวิตคนเรานั้นสั้น ควรรักและทำดีต่อกันให้มากๆ ” คำพูดยืดยาวของเธอทำให้พีระนั่งซึม ก่อนยิ้มเนือยๆ

“ไว้พีทจะลองคิดดู พีทก็รู้ว่าอ๋อมรักและทำทุกอย่างเพื่อพีทมาตลอด แต่ตอนนี้อาจเป็นช่วงที่เราต้องถอยห่างกันออกไปเพื่ออยู่กับตัวเองสักพัก”

“เอาน่า จริงๆ แล้วยัยอ๋อมก็เป็นคนน่ารักออก เมื่อก่อนถ้าไม่ติดเรื่องพีทก็คงมาอยู่กลุ่มเกี้ยวแล้ว”

“เกี้ยวไม่โกรธเลยเหรอที่ยัยนั่นเคยร้ายๆ ใส่เกี้ยวกับเพื่อน”

“โกรธสิ แต่หายแล้วล่ะ เพราะบางทีทั้งเกี้ยวกับเพื่อนในกลุ่มก็ร้ายกับอ๋อมเหมือนกัน แต่ออกแนวแกล้งๆ หมั่นไส้ๆ แค่นั้นนะ ไม่มีใครเกลียดอ๋อมจริงๆ หรอก เป็นเรื่องเด็กๆ น่ะ และเกี้ยวรู้ว่าที่อ๋อมทำอย่างนั้นก็เพราะรักพีทนั่นแหล่ะ”

“เอ่อ อืมม์...ความจริงแล้ว ไม่มียัยนั่นอยู่พีทก็เหงาๆ เหมือนกันนะเกี้ยว” พีระสารภาพออกมาเบาๆ เกี้ยวเกล้าหัวเราะคิก

“นั่นคงเป็นสิ่งที่เขาเรียกว่าความผูกพันล่ะมั้งพีท บางครั้งมันก็สำคัญกว่าความรักเสียอีก”

“งั้นเหรอเกี้ยว อ่า...คงจะจริง เพราะพีทรู้สึกเหมือนชีวิตขาดอะไรไปซักอย่างเหมือนกัน”

“งั้นก็ไปหาซะสิ อ๋อมอาจจะรอพีทไปง้ออยู่ก็ได้นะ” เธอรีบยุส่งด้วยความหวังดี

“แต่ว่า...บอกตรงๆ ตั้งแต่คบกันมา พีทไม่เคยง้อยัยนั่นซักที มีแต่ยัยนั่นแหล่ะมาง้อ แต่ครั้งนี้กลับหายต๋อม พีทก็ไม่เคยง้อซะด้วยสิ” เขาบอกอย่างไม่มั่นใจ อันนี้เกี้ยวเกล้าเองก็รู้อยู่แก่ใจดี

“นี่ก็เป็นโอกาสดีแล้วไง ซื้อดอกไม้ไปง้อก็ได้ อ๋อมคงดีใจที่พีทไปง้อ เอาน่าไม่ยากหรอก สู้ๆ ๆ ” เกี้ยวเกล้าพูดพลางตบไหล่เพื่อนหนุ่มให้กำลังใจเต็มที่ พีระหันมายิ้มให้เธอก่อนพยักหน้า

“งั้นพีทไปก่อนนะ อ้อ...ถ้าพีทจะไปหาเกี้ยวที่ร้านป้าอิ่นในฐานะเพื่อน แฟนเกี้ยวจะเพ่นกบาลพีทไหม”

“สำหรับเพื่อน เกี้ยวว่าคงไม่หรอก แต่ถ้าไม่มั่นใจสวมหมวกกันน็อคไปด้วยก็ได้” เกี้ยวเกล้าแกล้งเย้า พีระหัวเราะร่าเริงก่อนจากไป หญิงสาวได้แต่หวังว่าเพื่อนทั้งสองจะลงเอยกันได้ด้วยดี เธอรู้ว่าอ๋อมแอ๋มรักพีระมากแค่ไหน และการที่ให้ทั้งสองเข้าใจว่าเธอเป็นแฟนกับ ‘คนบ้า’ นั่นก็ดีไปอย่าง อ๋อมแอ๋มจะได้เลิกระแวงเธอ และพีระเองก็จะได้ตัดใจจากเธอจริงๆ เสียที

เกี้ยวเกล้าก้าวเข้าบ้านมาก็เห็นพี่สาววุ่นอยู่ในครัว วันนี้เป็นวันอาทิตย์ กอแก้วจึงมีเวลาอยู่กับบ้าน

“โอ้โห...ชมพู่น่ากินจังพี่แก้ว” เธอคว้าชมพู่ที่กอแก้วกำลังจัดใส่จานหลังล้างเสร็จมากัดคำหนึ่ง

“อร่อยจัง เอามาจากไหนเนี่ย แหม...เกี้ยวไม่สบายนี่ดีจริงๆ เลยนะ มีแต่คนรุมเอาใจกันใหญ่เลย ขอบคุณค่ะคุณครูกอแก้วที่รัก” ว่าพลางถลาเข้าไปกอดพี่สาวประจบ กอแก้วใช้มะเหง็กเขกหัวให้ป๊อกหนึ่ง

“ไม่ต้องเลยย่ะ นี่พี่ไม่ได้ซื้อมา และบ้านเราก็ไม่มีชมพู่ทับทิมจันทร์ซะด้วย”

“อ้าว...แล้วของใครล่ะ เกี้ยวก็งับไปคำหนึ่งแล้วด้วย” เกี้ยวเกล้าร้อง มองชมพู่เจ้าปัญหาในมืองงๆ

“ก็ของคุณไตรน่ะสิ เมื่อกี้เค้าแวะมาเยี่ยมเรานั่นแหล่ะ พวกนั้นด้วย” กอแก้วชี้ไปยังตะกร้าที่มีผลไม้รอล้างอยู่ในนั้น ทั้งแอบเปิ้ลแดง ส้ม ฝรั่ง และยังมีถุงพลาสติคบรรจุพวกนม อาหารเสริมบำรุงกำลังหลายยี่ห้อ ทำให้หญิงสาวชะงักไปครู่หนึ่ง

“เขามาตอนไหน ทำไมเกี้ยวไม่เห็นรู้เรื่องเลย”

“ก็ตอนที่เราคุยอยู่กับพีทไง เขาคงไม่อยากกวน เห็นท่าทางรีบๆ อยู่ จะกลับในเมืองเลยแวะมาดูละมั้ง ว่าเรายังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า เฮ้อ!...ตอนนี้หัวกะไดบ้านนี้ชักไม่ทันแห้งแล้วสิ” ท้ายประโยคยังไม่วายแซว เกี้ยวเกล้าค้อนขวับทำเสียงฮึฮะในลำคอใส่พี่สาว ก่อนจะชะโงกดูของฝากใกล้ๆ อีกที แล้วเดินออกไปอย่างเงียบเชียบ กอแก้วมองตามน้องสาวยิ้มๆ

ร่างบางอยู่ในชุดผ้าซิ่นทอลายขวางยาวกรอมเท้า เสื้อแขนกระบอกเข้ารูปสีม่วงอ่อน ห่มทับด้วยสไบที่ปักลวดลายละเอียดทิ้งชายด้านหลัง เกล้าผมมวยปักด้วยปิ่นเงิน เข้าชุดกับต่างหูยาวระย้า สร้อยคอและกำไลที่ทำจากเงินเป็นลวดลายเดียวกัน

เกี้ยวเกล้ามองตัวเองในกระจกบานสูงที่ตั้งอยู่มุมหนึ่งของร้านแล้วยิ้ม เธอไม่คิดว่าร้านป้าอิ่นคำจะเป็นกิจลักษณะได้เพียงนี้ นั่นอาจเป็นเพราะติดกับโรงแรมใหญ่ที่ให้เช่าพื้นที่ของร้าน ที่นี่ได้เน้นความเป็นพื้นเมืองล้านนาไว้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าจะเป็นตัวโรงแรมเอง ทั้งพนักงาน สถานที่ แล้วยังจะร้านรวงหลายคูหาที่มีทั้งส่วนของร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก ร้านสปาและร้านผ้าพื้นเมือง ‘อิ่นคำ’ แห่งนี้

ตัวร้านอิ่นคำส่วนมากกรุกระจกใส เป็นตู้โชว์สินค้าไปในตัว แต่โครงสร้างโดยรวมยังคงเป็นไม้ ข้างในร้านนอกจากจะมีสินค้าซึ่งส่วนใหญ่เป็นผ้าทอต่างๆ วางบนชั้น และโชว์ในตู้ให้ลูกค้าเลือกสรรมากมายแล้ว ยังประดับตกแต่งด้วยแจกันและโถดินเผาใบใหญ่ ใส่ดอกไม้แห้ง ดอกไม้ประดิษฐ์ และตุ๊กตาที่แต่งตัวด้วยชุดล้านนาหลายขนาดวางอยู่ตามมุมต่างๆ

ตรงเสาและฝาผนังมีรูปเครื่องประดับ ของใช้และผ้าโบราณลาดลายสวยงาม ใส่กรอบแขวนประดับไว้ให้ลูกค้าดูกันเพลินๆ ด้านในของร้านมีโซฟารับแขกไว้ต้อนรับลูกค้า ถัดจากนั้นเป็นที่ตั้งของเค้าเตอร์สำหรับชำระเงินและงานเกี่ยวกับเอกสารต่างๆ มีประตูเชื่อมต่อกับด้านหลังร้านที่เป็นสต็อคและที่พักผ่อนของคนในร้าน เกี้ยวเกล้ารู้เลยว่าป้าอิ่นคำเป็นคนออกแบบตกแต่งร้านนี้เองอย่างแน่นอน และเธอก็ชอบบรรยากาศของร้านตั้งแต่แรกเห็น

ตั้งแต่เกี้ยวเกล้ามาอยู่ที่ร้าน ‘อิ่นคำ’ ก็เป็นเวลาเกือบสองอาทิตย์แล้ว เธอจะอยู่กับแสงหล้าพนักงานเพียงคนเดียวของร้าน ช่วยกันดูแลทุกอย่างในร้าน มีสาลี่มาอยู่ด้วยในบางครั้ง ส่วนป้าอิ่นคำกับเกื้อกูลจะออกไปข้างนอกด้วยกันตลอด เกี้ยวเกล้าเรียนรู้งานจากแสงหล้าในเรื่องผ้าต่างๆ เพื่อให้ข้อมูลกับลูกค้าที่ส่วนมากจะเป็นแขกที่โรงแรม ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ มีลูกค้าประจำของป้าอิ่นคำบ้างประปราย ส่วนใหญ่จะตามมาจากงานจัดแสดงสินค้าต่างๆ ที่ป้าอิ่นคำขยันขนไปออกร้านเหลือเกินนั่น

เนื่องจากที่ร้านไม่ได้มีสินค้าแค่ผ้าทอ หรือเสื้อผ้าที่ตัดเย็บจากผ้าเหล่านี้เท่านั้น แต่ยังมีพวกของกระจุกกระจิก ของใช้ในครัวเรือน เช่นที่รองแก้ว ผ้าม่าน กรอบรูปฯ ที่ทำจากผ้าทอ สินค้าเหล่านี้มักจะมีออร์เดอร์เข้ามาไม่ได้ขาด ป้าอิ่นคำจึงวิ่งวุ่นอยู่ทุกวัน จะเว้นแต่บางช่วงที่มีของในสต็อคเยอะๆ เท่านั้น

หลังว่างจากลูกค้าเกี้ยวเกล้าตั้งใจจะจัดตู้โชว์ตรงหน้าร้านเสียใหม่ ในตู้กระจกมีผ้าทอลวดลายพื้นเมืองหลากสีสันวางโชว์พร้อมเครื่องประดับเงิน หญิงสาวถอยห่างออกมามองอย่างใช้ความคิด

“พี่แสงหล้าจ๊ะ เห็นป้าอิ่นบอกว่ามีผ้าทอเก่าๆ ที่พึ่งได้มา เกี้ยวว่าเราเอามาโชว์หน้าร้านบ้างน่าจะดีนะคะ” เธอหันไปคุยกับแสงหล้าที่แต่งตัวในชุดพื้นเมืองเช่นกัน เพียงแต่ต่างสีสันเท่านั้น แสงหล้ากำลังพับผ้าพันคอแพ็คใส่ถุงตามออร์เดอร์ของลูกค้าทางโรงแรมสั่งเอาไว้

“อืมม์ ก็ดีนะน้องเกี้ยว แต่ผ้าเก่าที่ได้มามีส่วนหนึ่งชำรุด เราคงต้องซ่อมกันก่อนถึงจะใช้ได้ เดี๋ยวพี่จะไปเอามาให้ดู” แสงหล้าละมือจากงานตรงหน้าเดินไปยังสต็อคหลังร้าน ครู่หนึ่งจึงกลับมาพร้อมกับผ้าหอบใหญ่ในอ้อมแขน

“เกี้ยวนึกว่าป้าอิ่นขายแต่ผ้าใหม่ซะอีกนะเนี่ย” เกี้ยวเกล้าเปรยพลางหยิบผ้าผืนหนึ่งขึ้นมาดู ผ้าทอเลียนแบบลวดลายของหยาดน้ำแต่หนาและมีสีสันที่ยังใหม่ เหมือนยังไม่ได้ใช้งาน แต่ตรงชายกลับมีรอยเว้าแหว่งเหมือนถูกหนูกัด

“ถ้าแบบนี้คงไม่ไหวแล้วล่ะน้องเกี้ยว” แสงหล้าบอกเมื่อมองเห็นรอยชำรุด

“แบบนี้เราเอาไว้ดัดแปลงผสมกับผ้าใหม่ตัดเย็บเป็นพวกเสื้อ กระโปรง ของใช้อย่างอื่นน่าจะดีนะคะ ป้าอิ่นบอกว่าผ้าพวกนี้หายาก ลวดลายจะแปลกและสวย แต่มันก็หาที่สมบูรณ์ได้ยาก ถ้าเราเอามาซ่อมแซม ดัดแปลงเพิ่มเติมนิดหน่อยคงได้ราคาดีมาก แต่ที่โชว์หน้าร้านเราเลือกเอาที่สมบูรณ์กว่านี้หน่อย แม้จะเก่าไปบ้างคงไม่เป็นไรมั้งคะ” เกี้ยวเกล้าว่า ขณะที่แสงหล้าเลือกผ้าที่ดูสมบูรณ์ที่สุดในบรรดาผ้ากองนั้นมาให้เธอดู

“พี่ว่าชิ้นนี้น่าจะได้นะน้องเกี้ยว” เกี้ยวเกล้ารับผ้าผืนนั้นมาดู

“สวยจังค่ะพี่แสงหล้า”

“นี่เป็นผ้าตีนจกที่ปกติเขาจะเอาไปต่อตีนซิ่นอีกที ไม่รู้ป้าอิ่นไปได้มาจากไหนยังดีอยู่เลย” แสงหล้าพูด ผ้าผืนนั้นหน้าไม่กว้างมากนักแต่ยาวลักษณะคล้ายผ้าสไบ ใช้เทคนิคการทอแบบ*‘จก’ เป็นรูปร่างสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนที่มีขนาดลดหลั่นกันไป และพื้นของสี่เหลี่ยมแต่ละชั้นนั้นก็มีลวดลายสีสันแตกต่างกัน นอกจากนั้นยังเต็มไปด้วยลวดลายที่เป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ และมีชื่อเรียกเฉพาะแต่ละลายประกอบกัน ทำให้ผ้าผืนนี้สมบูรณ์ งดงามแต่ก็ดูแน่นหนาในคราเดียวกัน

เกี้ยวเกล้าชื่นชมความงามของผ้าผืนนั้น และอดทึ่งในความเชี่ยวชาญในการหาผ้าของผู้เป็นป้าไม่ได้ ที่บางทีก็ตะลอนไปหาซื้อกับชาวบ้านโดยตรง แต่บางทีก็ซื้อต่อจากร้าน หรือคนที่รับมาขายอีกที พวกผ้าโบราณที่มีลวดลายครบเครื่องสมบูรณ์บ่งบอกถึงเรื่องราวและแหล่งที่มาแต่ละแห่ง มักจะมีนักสะสมให้ราคางาม มาซื้อไปเก็บสะสมอยู่เสมอ





กานพลู
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 เม.ย. 2560, 10:50:24 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 เม.ย. 2560, 10:50:24 น.

จำนวนการเข้าชม : 1010





<< ตอนที่ 9   ตอนทที่ 11 >>
แว่นใส 24 เม.ย. 2560, 18:36:32 น.
พี่ไตรเข้าใจผิดไปแล้วนะ


กานพลู 29 เม.ย. 2560, 11:17:49 น.
ลุ้นเนอะ ขอบคุณที่ติดตามนะคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account