สูตรลับจับรัก
เรื่องรักของคุณพ่อลูกติดมาดเซอรกับครูสาวสุดเปิ่น ผู้ถูกความรักผลักไสให้หลงทางมาเจอกันในวันบอบช้ำ สองหนุ่มสาวต่างวัยกับกาวใจลูกสาวตัวเล็กและชีวิตที่พลิกผัน
Tags: สูตรลับจับรัก ทักษ์ปิ่น คุณพ่อนักเล่านิทาน รักดราม่า
ตอน: บทที่ 6/3 หนีรักไปพักร้อน
สองหนุ่มสาวสบตากันโดยอัตโนมัติ ทักษ์ตั้งท่าจะตอบแต่น้ำหอมคว้ามือพ่อกับครูสาวคนละข้างแล้วยิ้มแป้นตอบอย่างภาคภูมิใจ
“ครูปิ่นเป็นครูของน้ำหอมเองค่ะ แต่ว่า”
“น้ำหอม” ทักษ์ปรามทำหน้าดุใส่
“รู้แล้วค่า” เด็กน้อยหน้ามุ่ย แต่ลอบยิ้มแล้วพูดต่อ “แต่ว่าน้ำหอมอยากมีแม่น่ารัก ๆ แบบครูปิ่นค่ะคุณตา”
เด็กน้อยไม่ยอมมองหน้าพ่อแต่กลับยิ้มแป้นตอบชายชราอย่างภาคภูมิใจ เขย่ามือทั้งสองข้างที่จับจูงพ่อและปิ่นมณีไปมา สองหนุ่มสาวหันมาสบตากันและเป็นปิ่นมณีที่ได้แต่ยิ้มแหยและหลบสายตาคมกริบของชายหนุ่ม
“ลุงอย่าไปฟังเด็กขี้โม้เลยครับ” ทักษ์แก้เก้อ
“เอ้า... ก็นึกว่าพ่อทักษ์ได้เมียใหม่จริง ๆ ” ชายชราหัวเราะเบา ๆ “อุตส่าห์ดีใจว่าเลิกเป็นพ่อม่ายเรือพ่วงซะที”
ปิ่นมณีพูดไม่ออกหน้าเหมือนจะร้องไห้ทั้งที่ไม่มีโอกาสพูดสักคำ มองตาแป๋วของเด็กน้อยแล้วหล่อนก็พอเข้าใจไม่ได้โวยวายแก้ตัวเพราะสงสารร่างอ้วนกลมน่ารักด้านข้าง เด็กก็เหมือนผ้าขาวต้องการความรักจากแม่เป็นเรื่องธรรมดา
แต่นี่มันใช่เหรอ...
แล้วหล่อนถึงกับสะดุ้งเมื่อเด็กน้อยกระตุกมือ
“ครูขา” น้ำหอมเงยหน้าตาแป๋วแล้วบุ้ยใบ้ให้หล่อนมองตาม “ไปนั่งเล่นตรงโน้นกันนะคะ น้ำหอมยืนเมื่อยจะตายอยู่แล้ว อยากไปดูว่าเรือจะเข้าเทียบท่าเมื่อไหร่ น้ำหอมชอบเรือหางยาวม๊ากมาก”
เด็กน้อยเจื้อยแจ้ว ปิ่นมณีพยักหน้ารับแล้วหันมาทางทักษ์กับชายชรา
“งั้นฉันพาแกไปนั่งที่ศาลานะคะ”
ทักษ์มองตามร่างบอบบางเดินคุยกระหนุงกระหนิงไปกับลูกสาวของเขาแล้วได้แต่ยิ้มบาง ๆ จนชายชรากระแอมขัดจังหวะจนรู้สึกตัวรีบแก้ต่าง
“ครูของน้ำหอมเธอติดรถเราไปสงขลาด้วยน่ะครับลุง” ทักษ์แก้เก้อ “ไม่ใช่อย่างที่ลุงคิดหรอก”
“ลุงว่าไปบนเกาะให้บอกว่าเป็นเมียพ่อทักษ์น่ะดีแล้ว”
“ทำไมครับ” เริ่มฉุกใจคิดและยิ่งเห็นท่าทีอึกอัก ทักษ์ก็เลยถามซ้ำ “ลุงมีอะไรจะบอกผมรึเปล่าครับ”
ชายชราพยักหน้า ท่าทางเหมือนไม่สบายใจ ดึงให้ไปคุยกันอีกทางที่ลับตาแล้วกระซิบเบา ๆ
“ไอ้เทื้อมันอยู่แถวนี้ แล้วพ่อทักษ์พาสาวน่ารัก ๆ มาเที่ยวที่เกาะ ระวังให้ดี”
“แต่เรื่องมันตั้งนานแล้วนะครับลุง” ทักษ์แย้ง “ผมคิดว่ามันยังอยู่ในนั้นซะอีก”
ชายชราถอนหายใจเฮือกสีหน้าเครียด
“มันเพิ่งออกมา ตอนนี้ใคร ๆ ก็กลัวไม่กล้าออกนอกบ้านกันตอนกลางคืนเลย”
“งั้นผมจะระวังตัวครับ”
ทักษ์พรูลมหายใจอึดอัดทันทีที่ฟังจบ แยกย้ายกับชายชราและตามไปสมทบสองสาว พลางคิดหาทางออก เพราะคนที่ชายชราพูดถึงไม่ใช่ใครแต่เป็นคนที่เคยมีเรื่องวิวาทกับเขาเมื่อนานมาแล้ว
และเป็นเขาเองที่ส่งตัวชายหนุ่มร่างผอมหน้าเสี้ยมชื่อเทื้อเข้าคุกไปเมื่อหลายปีก่อน..
ฟ้าครึ้มลมเริ่มแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ปิ่นมณีรู้สึกถึงความเย็นตกกระทบผิวกายจนต้องกระชับร่างกลมป้อมไว้ในอ้อมแขนระหว่างนั่งในศาลาไม้เก่า ๆ รอเรือหางยาวที่เห็นลิบ ๆ แล่นมาเทียบท่า น้ำหอมดูอารมณ์ดีมองนั่นนี่และฮัมเพลงเบา ๆ จนหล่อนก้มมอง
“เพลงอะไรจ๊ะ ครูได้ยินน้ำหอมฮัมเพลงนี้ตั้งนานแล้วนะ”
น้ำหอมชะงักก่อนจะเงยหน้ามองและยิ้มให้ เป็นรอยยิ้มบริสุทธ์ของเด็กน้อยที่ปิ่นมณีรู้สึกฉงนใจ แต่ก็รู้ได้ทันทีจากคำตอบที่น้ำหอมบอก
“เพลงเป็ดค่ะครู” เด็กน้อยตอบพอเห็นหน้าครูก็เอามือปิดปากหัวเราะ ก่อนจะร้องเป็นเพลง “ก๊าบ ก๊าบ ก๊าบ เป็ดอาบน้ำในคลอง ตาก็จ้องแลมอง เพราะในคลองมีหอยปูปลา”
“ทำไมคิดถึงเพลงนี้ละจ๊ะ” ปิ่นมณีถามย้ำ “ชอบมากเหรอ”
“ชอบค่ะ” เด็กน้อยลุกยืนทำท่าเท้าเอวเดินแบะขาท่าเหมือนเป็ด “พ่อชอบทำท่านี้ให้น้ำหอมดูเวลาร้องไห้งอแงบ่อย ๆ”
ปิ่นมณีมองแล้วหลุดขำตาม ยิ่งจินตนาการว่าเป็นพ่อลูกติดมาดเซอร์เต้นกระย่องกระแย่งด้วยแล้วก็ถึงกับหลุดหัวเราะอีกรอบจนทักษ์ที่เดินเข้ามาทำหน้างงคิ้วขมวดมุ่น
“ทำอะไรกันสองคน”
“น้ำหอมกำลังสาธิตท่าเป็ดที่คุณพ่อชอบเต้นให้ครูปิ่นดูค่ะ” ร่างอ้วนป้อมเอ่ยอย่างปลื้มอกปลื้มใจ เดินส่ายอาด ๆ เข้าไปเกาะมือคุณพ่อมาดเซอร์มานั่งด้วยกันแล้วนั่งคั่นกลางอย่างอารมณ์ดี
“พ่อขายไม่ออกกันพอดีนะน้ำหอม” ทักษ์แซวลูกสาว
ปิ่นมณีรู้สึกหน้าเห่อร้อนขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ ถึงกับผุดลุกขึ้นจนสองพ่อลูกแหงนหน้ามอง
“ฉันว่าไปรอที่บันไดดีกว่า เรือจะถึงแล้ว”
พูดจบหล่อนก็เดินลิ่วออกไป ทักษ์มองตามร่างเล็กบอบบางเดินลิ่วไปบนสะพานไม้ด้วยความระแวดระวังก็รู้สึกแปลก ๆ ครูสาวตัวเล็กมองจากด้านหลังทำให้เขาคิดถึงริสา
เขาและหล่อนได้เจอกันที่นี่... บนสะพานแห่งนี้...
“นี่เราต้องเดินลุยทะเลไปขึ้นเรือไกลขนาดนั้นเลยเหรอคะ” ปิ่นมณีหันมาถามด้วยความตื่นเต้น “แล้วมันลึกมากไหมคุณ”
ทักษ์ส่ายหน้า มองไปที่คนเรือปักไม้พายลงน้ำให้ดูแล้วพยักหน้ารับรู้ก่อนตอบหล่อน
“แค่หน้าแข้งเองคุณ” ทักษ์ยิ้มมุมปากมองหล่อนก่อนจะเดินลงบันไดไม้ซี่กลมห่าง ๆ ลงไปยืนเต็มข้อ “อย่าบอกนะว่าคุณปอด”
“ฉันไม่ได้ปอดนะ” ปิ่นมณีค้อนใส่แล้วยื่นมือให้น้ำหอมจับก่อนที่เด็กหญิงจะค่อย ๆ ก้าวขาลงไปขั้นแรกแล้วถลาเข้าหาอ้อมแขนพ่อ
ทักษ์ยื่นมือให้แต่หญิงสาวส่ายหน้า
“คุณพาแกไปที่เรือก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันค่อย ๆ ตามไป”
“ได้แน่นะคุณ” ทักษ์ย้ำ “ค่อย ๆ เดินพื้นโคลนมันหยุ่น ที่นี่ไม่มีหาดจะเป็นโคลนคุณต้องระวังหน่อยเวลาเดิน รองเท้าก็ถือดี ๆ นิดเดียวก็ถึงเรือแล้ว”
ปิ่นมณีก้าวเหยียบบันไดไม้กลมห่าง ๆ อย่างระมัดระวัง พอลงมายืนทรงตัวได้ก็พรูลมหายใจโล่งอก พื้นดินโคลนบริเวณท่าเรือไม่มีหินหรือปะการังที่เหยียบแล้วเจ็บทำให้หล่อนทรงตัวได้สบาย
พอปิ่นมณีเดินมาถึง ทักษ์ที่ยืนรออยู่ริมเรือก็เอื้อมมือมาให้จับแล้วอุ้มหล่อนขึ้นนั่งบนเรือจนปิ่นมณีถึงสะดุ้งเพราะไม่ทันระวังตัว
"ตัวหนักเหมือนกันนะคุณเห็นเล็ก ๆ แบบนี้" ทักษ์กระซิบให้ได้อาย
ปิ่นมณีค้อนขวับแต่ไม่กล้าโวยวาย
“ครูปิ่นมานั่งกลาง ๆ ค่ะ นั่งริมเดี๋ยวเรือเอียงนะคะ”
เด็กน้อยตบที่นั่งตรงหน้าให้แล้วยื่นมือป้อม ๆ มาให้จับ ตามด้วยทักษ์ที่นั่งปิดท้าย ใช้เวลาเพียงห้านาทีเรือหางยาวลำเก่าก็แล่นเข้าเทียบเรือไดหมึกที่จอดอยู่ริมบันไดเรือนที่ยื่นลงมาในน้ำ
ปิ่นมณีมองความสูงของเรือนและบันไดไม้ยางท่อนกลม ๆ แต่ละซี่ห่างกันเกือบศอกด้วยความตื่นเต้น หล่อนไม่เคยต้องสมบุกสมบันแบบนี้ ในขณะที่ลูกศิษย์ตัวน้อยตาโตหัวเราะถูกใจเมื่อได้ข้ามเรือไดหมึก
“ระวังนะลูก ให้พ่อข้ามก่อน” ทักษ์ปรามแล้วดึงลูกสาวตัวน้อยไปด้านหลังแล้วปรายตามองหล่อน “คุณก็ด้วยอย่าห้าวมาก”
ปิ่นมณีที่กำลังตั้งท่าจะข้ามถึงกับชะงักยืนรีรอจับไหล่เด็กน้อยเอาไว้ รอจนทักษ์ยื่นมือมาถึงพากันข้าม คนเรือที่ระวังหลังคอยส่งของให้จนลำเลียงขึ้นบนเรือนได้อย่างเรียบร้อย
“เวลาปกติน้ำขึ้นถึงไหนคะเนี่ย” ปิ่นมณีชะโงกมองด้านล่าง
พื้นโคลนสีน้ำตาลอ่อนสะท้อนแสงอาทิตย์กำลังใกล้ลับ สีสันของมันแสบสันแปลกตากว่าที่เห็นทั่วไป ทักษ์ตามมายืนมองใกล้ ๆ ในขณะที่น้ำหอมปีนแคร่ขึ้นมานั่งชันเข่าชะโงกดูอีกคน
“ปกติก็ขึ้นสูงอยู่ แต่นี่เย็นแล้วก็เลยลดลงเยอะ ถ้าคุณลงไปยืนน่าจะประมาณเข่าแค่นั้นเอง”
“ก็ไม่ลึกนะ น่าไปเดินเล่น” หล่อนตอบตาเป็นประกาย แต่ต้องสะดุ้งเมื่อน้ำหอมตะโกนลั่น
“พ่อขา ครูปิ่นขา” เด็กน้อยน้ำเสียงตื่นเต้นหันมาพยักพเยิด “ดูข้างล่างสิคะ ปูตัวโต๊โต น้ำหอมเห็นมันเดินดุ่ย ๆ อยู่ในน้ำ โน่นด้วย ปลาฝูงเบ้อเร่อเลยค่ะ”
เด็กน้อยตบมือเสียงดังจนสองหนุ่มสาวมองหน้ากันแล้วหัวเราะ เป็นความรู้สึกผ่อนคลายราวกับไม่เคยมีเรื่องหนักอึ้งให้รกสมองมาก่อน ปิ่นมณีหลบตาชายหนุ่มแล้วเดินไปในตัวบ้าน แต่ทักษ์เรียกไว้
“จะไปไหนคุณ”
“ฉันเห็นบ้านหลังโน้นมีร้านขายโปสการ์ด ฉันอยากได้ค่ะ” หล่อนตอบพลางหมุนตัวกลับ แต่ได้ยินเสียงฝีเท้าหนัก ๆ วิ่งตาม พอหันไปก็เจอร่างอ้วนกลมวิ่งถลาเข้าใส่แล้วกอดเอวหล่อนไว้เต็ม ๆ
“น้ำหอมไปด้วย” เด็กน้อยเงยหน้าตาแป๋วอ้อน แล้วหันไปหาพ่อ “ไปกันค่ะคุณพ่อ เราพาครูปิ่นไปโชว์ตัวกันดีกว่า คราวนี้คงไม่มีใครกล้าถามแล้วว่าคุณแม่ทำไมไม่มาด้วย”
เด็กน้อยพูดจบก็หัวเราะอารมณ์ดี ในขณะที่คุณพ่อนักเล่านิทานถึงกับกุมขมับดูท่าลูกสาวของเขาจะอยากได้แม่ขนาดหนักโดยไม่ถามความสมัครใจของพ่อสักคำ
แล้วเขาจะทำยังไงดีเนี่ย!
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่า ^__^
เรื่องนี้จะส่ง สนพ. แต่คงอีกนานกว่าจะจบ
แต่จะลงจนจบค่ะ
ขอฝากเรื่องร้อยรักพรางตะวันด้วยนะคะ
มีอีบุ๊คแล้ว ราคาเบาๆ ค่ะ
https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=57488
ขอบคุณมากๆ ค่า
“ครูปิ่นเป็นครูของน้ำหอมเองค่ะ แต่ว่า”
“น้ำหอม” ทักษ์ปรามทำหน้าดุใส่
“รู้แล้วค่า” เด็กน้อยหน้ามุ่ย แต่ลอบยิ้มแล้วพูดต่อ “แต่ว่าน้ำหอมอยากมีแม่น่ารัก ๆ แบบครูปิ่นค่ะคุณตา”
เด็กน้อยไม่ยอมมองหน้าพ่อแต่กลับยิ้มแป้นตอบชายชราอย่างภาคภูมิใจ เขย่ามือทั้งสองข้างที่จับจูงพ่อและปิ่นมณีไปมา สองหนุ่มสาวหันมาสบตากันและเป็นปิ่นมณีที่ได้แต่ยิ้มแหยและหลบสายตาคมกริบของชายหนุ่ม
“ลุงอย่าไปฟังเด็กขี้โม้เลยครับ” ทักษ์แก้เก้อ
“เอ้า... ก็นึกว่าพ่อทักษ์ได้เมียใหม่จริง ๆ ” ชายชราหัวเราะเบา ๆ “อุตส่าห์ดีใจว่าเลิกเป็นพ่อม่ายเรือพ่วงซะที”
ปิ่นมณีพูดไม่ออกหน้าเหมือนจะร้องไห้ทั้งที่ไม่มีโอกาสพูดสักคำ มองตาแป๋วของเด็กน้อยแล้วหล่อนก็พอเข้าใจไม่ได้โวยวายแก้ตัวเพราะสงสารร่างอ้วนกลมน่ารักด้านข้าง เด็กก็เหมือนผ้าขาวต้องการความรักจากแม่เป็นเรื่องธรรมดา
แต่นี่มันใช่เหรอ...
แล้วหล่อนถึงกับสะดุ้งเมื่อเด็กน้อยกระตุกมือ
“ครูขา” น้ำหอมเงยหน้าตาแป๋วแล้วบุ้ยใบ้ให้หล่อนมองตาม “ไปนั่งเล่นตรงโน้นกันนะคะ น้ำหอมยืนเมื่อยจะตายอยู่แล้ว อยากไปดูว่าเรือจะเข้าเทียบท่าเมื่อไหร่ น้ำหอมชอบเรือหางยาวม๊ากมาก”
เด็กน้อยเจื้อยแจ้ว ปิ่นมณีพยักหน้ารับแล้วหันมาทางทักษ์กับชายชรา
“งั้นฉันพาแกไปนั่งที่ศาลานะคะ”
ทักษ์มองตามร่างบอบบางเดินคุยกระหนุงกระหนิงไปกับลูกสาวของเขาแล้วได้แต่ยิ้มบาง ๆ จนชายชรากระแอมขัดจังหวะจนรู้สึกตัวรีบแก้ต่าง
“ครูของน้ำหอมเธอติดรถเราไปสงขลาด้วยน่ะครับลุง” ทักษ์แก้เก้อ “ไม่ใช่อย่างที่ลุงคิดหรอก”
“ลุงว่าไปบนเกาะให้บอกว่าเป็นเมียพ่อทักษ์น่ะดีแล้ว”
“ทำไมครับ” เริ่มฉุกใจคิดและยิ่งเห็นท่าทีอึกอัก ทักษ์ก็เลยถามซ้ำ “ลุงมีอะไรจะบอกผมรึเปล่าครับ”
ชายชราพยักหน้า ท่าทางเหมือนไม่สบายใจ ดึงให้ไปคุยกันอีกทางที่ลับตาแล้วกระซิบเบา ๆ
“ไอ้เทื้อมันอยู่แถวนี้ แล้วพ่อทักษ์พาสาวน่ารัก ๆ มาเที่ยวที่เกาะ ระวังให้ดี”
“แต่เรื่องมันตั้งนานแล้วนะครับลุง” ทักษ์แย้ง “ผมคิดว่ามันยังอยู่ในนั้นซะอีก”
ชายชราถอนหายใจเฮือกสีหน้าเครียด
“มันเพิ่งออกมา ตอนนี้ใคร ๆ ก็กลัวไม่กล้าออกนอกบ้านกันตอนกลางคืนเลย”
“งั้นผมจะระวังตัวครับ”
ทักษ์พรูลมหายใจอึดอัดทันทีที่ฟังจบ แยกย้ายกับชายชราและตามไปสมทบสองสาว พลางคิดหาทางออก เพราะคนที่ชายชราพูดถึงไม่ใช่ใครแต่เป็นคนที่เคยมีเรื่องวิวาทกับเขาเมื่อนานมาแล้ว
และเป็นเขาเองที่ส่งตัวชายหนุ่มร่างผอมหน้าเสี้ยมชื่อเทื้อเข้าคุกไปเมื่อหลายปีก่อน..
ฟ้าครึ้มลมเริ่มแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ปิ่นมณีรู้สึกถึงความเย็นตกกระทบผิวกายจนต้องกระชับร่างกลมป้อมไว้ในอ้อมแขนระหว่างนั่งในศาลาไม้เก่า ๆ รอเรือหางยาวที่เห็นลิบ ๆ แล่นมาเทียบท่า น้ำหอมดูอารมณ์ดีมองนั่นนี่และฮัมเพลงเบา ๆ จนหล่อนก้มมอง
“เพลงอะไรจ๊ะ ครูได้ยินน้ำหอมฮัมเพลงนี้ตั้งนานแล้วนะ”
น้ำหอมชะงักก่อนจะเงยหน้ามองและยิ้มให้ เป็นรอยยิ้มบริสุทธ์ของเด็กน้อยที่ปิ่นมณีรู้สึกฉงนใจ แต่ก็รู้ได้ทันทีจากคำตอบที่น้ำหอมบอก
“เพลงเป็ดค่ะครู” เด็กน้อยตอบพอเห็นหน้าครูก็เอามือปิดปากหัวเราะ ก่อนจะร้องเป็นเพลง “ก๊าบ ก๊าบ ก๊าบ เป็ดอาบน้ำในคลอง ตาก็จ้องแลมอง เพราะในคลองมีหอยปูปลา”
“ทำไมคิดถึงเพลงนี้ละจ๊ะ” ปิ่นมณีถามย้ำ “ชอบมากเหรอ”
“ชอบค่ะ” เด็กน้อยลุกยืนทำท่าเท้าเอวเดินแบะขาท่าเหมือนเป็ด “พ่อชอบทำท่านี้ให้น้ำหอมดูเวลาร้องไห้งอแงบ่อย ๆ”
ปิ่นมณีมองแล้วหลุดขำตาม ยิ่งจินตนาการว่าเป็นพ่อลูกติดมาดเซอร์เต้นกระย่องกระแย่งด้วยแล้วก็ถึงกับหลุดหัวเราะอีกรอบจนทักษ์ที่เดินเข้ามาทำหน้างงคิ้วขมวดมุ่น
“ทำอะไรกันสองคน”
“น้ำหอมกำลังสาธิตท่าเป็ดที่คุณพ่อชอบเต้นให้ครูปิ่นดูค่ะ” ร่างอ้วนป้อมเอ่ยอย่างปลื้มอกปลื้มใจ เดินส่ายอาด ๆ เข้าไปเกาะมือคุณพ่อมาดเซอร์มานั่งด้วยกันแล้วนั่งคั่นกลางอย่างอารมณ์ดี
“พ่อขายไม่ออกกันพอดีนะน้ำหอม” ทักษ์แซวลูกสาว
ปิ่นมณีรู้สึกหน้าเห่อร้อนขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ ถึงกับผุดลุกขึ้นจนสองพ่อลูกแหงนหน้ามอง
“ฉันว่าไปรอที่บันไดดีกว่า เรือจะถึงแล้ว”
พูดจบหล่อนก็เดินลิ่วออกไป ทักษ์มองตามร่างเล็กบอบบางเดินลิ่วไปบนสะพานไม้ด้วยความระแวดระวังก็รู้สึกแปลก ๆ ครูสาวตัวเล็กมองจากด้านหลังทำให้เขาคิดถึงริสา
เขาและหล่อนได้เจอกันที่นี่... บนสะพานแห่งนี้...
“นี่เราต้องเดินลุยทะเลไปขึ้นเรือไกลขนาดนั้นเลยเหรอคะ” ปิ่นมณีหันมาถามด้วยความตื่นเต้น “แล้วมันลึกมากไหมคุณ”
ทักษ์ส่ายหน้า มองไปที่คนเรือปักไม้พายลงน้ำให้ดูแล้วพยักหน้ารับรู้ก่อนตอบหล่อน
“แค่หน้าแข้งเองคุณ” ทักษ์ยิ้มมุมปากมองหล่อนก่อนจะเดินลงบันไดไม้ซี่กลมห่าง ๆ ลงไปยืนเต็มข้อ “อย่าบอกนะว่าคุณปอด”
“ฉันไม่ได้ปอดนะ” ปิ่นมณีค้อนใส่แล้วยื่นมือให้น้ำหอมจับก่อนที่เด็กหญิงจะค่อย ๆ ก้าวขาลงไปขั้นแรกแล้วถลาเข้าหาอ้อมแขนพ่อ
ทักษ์ยื่นมือให้แต่หญิงสาวส่ายหน้า
“คุณพาแกไปที่เรือก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันค่อย ๆ ตามไป”
“ได้แน่นะคุณ” ทักษ์ย้ำ “ค่อย ๆ เดินพื้นโคลนมันหยุ่น ที่นี่ไม่มีหาดจะเป็นโคลนคุณต้องระวังหน่อยเวลาเดิน รองเท้าก็ถือดี ๆ นิดเดียวก็ถึงเรือแล้ว”
ปิ่นมณีก้าวเหยียบบันไดไม้กลมห่าง ๆ อย่างระมัดระวัง พอลงมายืนทรงตัวได้ก็พรูลมหายใจโล่งอก พื้นดินโคลนบริเวณท่าเรือไม่มีหินหรือปะการังที่เหยียบแล้วเจ็บทำให้หล่อนทรงตัวได้สบาย
พอปิ่นมณีเดินมาถึง ทักษ์ที่ยืนรออยู่ริมเรือก็เอื้อมมือมาให้จับแล้วอุ้มหล่อนขึ้นนั่งบนเรือจนปิ่นมณีถึงสะดุ้งเพราะไม่ทันระวังตัว
"ตัวหนักเหมือนกันนะคุณเห็นเล็ก ๆ แบบนี้" ทักษ์กระซิบให้ได้อาย
ปิ่นมณีค้อนขวับแต่ไม่กล้าโวยวาย
“ครูปิ่นมานั่งกลาง ๆ ค่ะ นั่งริมเดี๋ยวเรือเอียงนะคะ”
เด็กน้อยตบที่นั่งตรงหน้าให้แล้วยื่นมือป้อม ๆ มาให้จับ ตามด้วยทักษ์ที่นั่งปิดท้าย ใช้เวลาเพียงห้านาทีเรือหางยาวลำเก่าก็แล่นเข้าเทียบเรือไดหมึกที่จอดอยู่ริมบันไดเรือนที่ยื่นลงมาในน้ำ
ปิ่นมณีมองความสูงของเรือนและบันไดไม้ยางท่อนกลม ๆ แต่ละซี่ห่างกันเกือบศอกด้วยความตื่นเต้น หล่อนไม่เคยต้องสมบุกสมบันแบบนี้ ในขณะที่ลูกศิษย์ตัวน้อยตาโตหัวเราะถูกใจเมื่อได้ข้ามเรือไดหมึก
“ระวังนะลูก ให้พ่อข้ามก่อน” ทักษ์ปรามแล้วดึงลูกสาวตัวน้อยไปด้านหลังแล้วปรายตามองหล่อน “คุณก็ด้วยอย่าห้าวมาก”
ปิ่นมณีที่กำลังตั้งท่าจะข้ามถึงกับชะงักยืนรีรอจับไหล่เด็กน้อยเอาไว้ รอจนทักษ์ยื่นมือมาถึงพากันข้าม คนเรือที่ระวังหลังคอยส่งของให้จนลำเลียงขึ้นบนเรือนได้อย่างเรียบร้อย
“เวลาปกติน้ำขึ้นถึงไหนคะเนี่ย” ปิ่นมณีชะโงกมองด้านล่าง
พื้นโคลนสีน้ำตาลอ่อนสะท้อนแสงอาทิตย์กำลังใกล้ลับ สีสันของมันแสบสันแปลกตากว่าที่เห็นทั่วไป ทักษ์ตามมายืนมองใกล้ ๆ ในขณะที่น้ำหอมปีนแคร่ขึ้นมานั่งชันเข่าชะโงกดูอีกคน
“ปกติก็ขึ้นสูงอยู่ แต่นี่เย็นแล้วก็เลยลดลงเยอะ ถ้าคุณลงไปยืนน่าจะประมาณเข่าแค่นั้นเอง”
“ก็ไม่ลึกนะ น่าไปเดินเล่น” หล่อนตอบตาเป็นประกาย แต่ต้องสะดุ้งเมื่อน้ำหอมตะโกนลั่น
“พ่อขา ครูปิ่นขา” เด็กน้อยน้ำเสียงตื่นเต้นหันมาพยักพเยิด “ดูข้างล่างสิคะ ปูตัวโต๊โต น้ำหอมเห็นมันเดินดุ่ย ๆ อยู่ในน้ำ โน่นด้วย ปลาฝูงเบ้อเร่อเลยค่ะ”
เด็กน้อยตบมือเสียงดังจนสองหนุ่มสาวมองหน้ากันแล้วหัวเราะ เป็นความรู้สึกผ่อนคลายราวกับไม่เคยมีเรื่องหนักอึ้งให้รกสมองมาก่อน ปิ่นมณีหลบตาชายหนุ่มแล้วเดินไปในตัวบ้าน แต่ทักษ์เรียกไว้
“จะไปไหนคุณ”
“ฉันเห็นบ้านหลังโน้นมีร้านขายโปสการ์ด ฉันอยากได้ค่ะ” หล่อนตอบพลางหมุนตัวกลับ แต่ได้ยินเสียงฝีเท้าหนัก ๆ วิ่งตาม พอหันไปก็เจอร่างอ้วนกลมวิ่งถลาเข้าใส่แล้วกอดเอวหล่อนไว้เต็ม ๆ
“น้ำหอมไปด้วย” เด็กน้อยเงยหน้าตาแป๋วอ้อน แล้วหันไปหาพ่อ “ไปกันค่ะคุณพ่อ เราพาครูปิ่นไปโชว์ตัวกันดีกว่า คราวนี้คงไม่มีใครกล้าถามแล้วว่าคุณแม่ทำไมไม่มาด้วย”
เด็กน้อยพูดจบก็หัวเราะอารมณ์ดี ในขณะที่คุณพ่อนักเล่านิทานถึงกับกุมขมับดูท่าลูกสาวของเขาจะอยากได้แม่ขนาดหนักโดยไม่ถามความสมัครใจของพ่อสักคำ
แล้วเขาจะทำยังไงดีเนี่ย!
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่า ^__^
เรื่องนี้จะส่ง สนพ. แต่คงอีกนานกว่าจะจบ
แต่จะลงจนจบค่ะ
ขอฝากเรื่องร้อยรักพรางตะวันด้วยนะคะ
มีอีบุ๊คแล้ว ราคาเบาๆ ค่ะ
https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=57488
ขอบคุณมากๆ ค่า
lovereason2
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 พ.ค. 2560, 00:28:42 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 พ.ค. 2560, 00:28:42 น.
จำนวนการเข้าชม : 1351
<< บทที่ 6/2 หนีรักไปพักร้อน | บทที่ 7 : 30% >> |
Reddy 4 พ.ค. 2560, 09:51:34 น.
น้ำหอมเอ๊ย ให้พ่อไปขอครูปิ่นเหอะ
น้ำหอมเอ๊ย ให้พ่อไปขอครูปิ่นเหอะ