ร้อยรักพรางตะวัน
If no obstacle is found.
Do you know …What true love is?
เรื่องของนักแสดงสาวชื่อดังจอมเหวี่ยงวีนกับวิศวกรหนุ่ม ทั้งสองเป็นเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัย แต่ความสนิทสนมทำให้ความสัมพันธ์ก้าวข้ามขีดคำว่า 'เพื่อน' ไปไม่ได้
ถ้าไม่มีอุปสรรคขัดขวางความรักระหว่างเพื่อนที่จำกัดไว้อาจจะไม่คืบหน้า และหากปล่อยเวลาผ่านไปอาจต้องเสียความรักนั้นไปให้ใครคนอื่น
เอาใจช่วยเพื่อนสนิทสองคนให้ค้นพบรักแท้ของกันและกันและก้าวผ่านอุปสรรคทั้งปวงเพื่อ ‘ความรัก’ ด้วยกันค่ะ
Do you know …What true love is?
เรื่องของนักแสดงสาวชื่อดังจอมเหวี่ยงวีนกับวิศวกรหนุ่ม ทั้งสองเป็นเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัย แต่ความสนิทสนมทำให้ความสัมพันธ์ก้าวข้ามขีดคำว่า 'เพื่อน' ไปไม่ได้
ถ้าไม่มีอุปสรรคขัดขวางความรักระหว่างเพื่อนที่จำกัดไว้อาจจะไม่คืบหน้า และหากปล่อยเวลาผ่านไปอาจต้องเสียความรักนั้นไปให้ใครคนอื่น
เอาใจช่วยเพื่อนสนิทสองคนให้ค้นพบรักแท้ของกันและกันและก้าวผ่านอุปสรรคทั้งปวงเพื่อ ‘ความรัก’ ด้วยกันค่ะ
Tags: ร้อยรักพรางตะวัน, อรณี, ภาณุ, รักดราม่า, โรแมนติก, เพื่อนสนิท, แอบรัก
ตอน: บทที่ 3 ระยะห่างระหว่างเรา
ภาพเด็กน้อยนั่งละเลียดไอศกรีมในถ้วยทรงสูงอย่างเอร็ดอร่อยเคียงข้างชายหนุ่มที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ไปตอบคำถามไป เป็นที่น่าเอ็นดูในสายตาผู้คนผ่านไปมา แต่อาจไม่ใช่สำหรับหญิงสาวที่กำลังยืนกอดอกจ้องมอง โดยที่ชายหนุ่มไม่ทันได้รู้ตัว
ภาณุลอบถอนใจกับความช่างจ้อไม่ยอมหยุดของเด็กน้อย ริมฝีปากเล็กเปรอะไอศกรีมรสช็อคโกแลตจนชายหนุ่มอดใจไม่ไหวต้องเอากระดาษชำระเช็ดให้พร้อมรอยยิ้มขบขัน
“ค่อยๆกินสิครับ อาร์ม ไอติมไม่หนีหนูไปไหนหรอกนะ”
“อ๊า! ไม่เช็ดฮะอาณุ... ไอติมไม่หนีไปไหน แต่เดี๋ยวมันละลายก็หมดอร่อยพอดีสิฮะ... นี่ของชอบอาร์มเลยนะฮะ”
“ของชอบก็ต้องค่อยๆ กินสิครับ หกเลอะเทอะหมดจะอดกินนะ”
“อาร์มจะค่อยๆ กินฮะ”
เด็กน้อยเอื้อนเอ่ยวาจาน่ารัก แต่กิริยาแสนซนเขย่าโต๊ะไปมา จนโต๊ะนั่งสำหรับสองคนของร้านไอศกรีมสั่นไหวตามแรงเขย่า ภาณุขยี้ผมเด็กชายด้วยความหมั่นเขี้ยวแต่ไม่วายบ่น
“ซนอะไรปานนี้นะหนุ่มน้อย อาณุชักจะเหนื่อยแล้วนะครับ”
“แต่อาร์มไม่เหนื่อย” เด็กน้อยพองแก้มขัดใจ แล้วถึงกับตาโต “อาอรมา!”
เด็กน้อยพูดค้างไว้เพียงเท่านั้น ก็กระเด้งตัวลงมายืน ภาณุหันขวับไปตามสายตาพบเจ้าของชื่อกำลังเดินเข้ามา
อรณีในชุดเดรสสั้นลำลองสีขาวสะอาดตา เดินยิ้มหวานส่งมาให้อาร์ม โดยไม่มองหน้าชายหนุ่มที่ยิ้มเก้อ
“สวัสดีจ้ะ... สุดหล่อของอา”
“อาอร อาร์มคิดถึงอาอร”
เด็กน้อยยิ้มกว้างกางสองแขนรอ อรณีก้าวเข้ามาประชิดค้อมตัวโอบกอดตัวกลมไว้แน่นอย่างหมั่นเขี้ยว
“วันนี้ว่างหรือไงถึงมาได้”
หญิงสาวปรายตามองไม่ตอบก่อนจะสะบัดหน้าหนี กลิ่นอ่อน ๆ ของน้ำหอมคุ้นเคยโชยเข้าจมูก ภาณุถึงกับอึ้งไป นึกรู้ว่ากำลังโดนโกรธเข้าให้อีกแล้ว
“ถอย จะนั่ง”
อรณีลงนั่งแทรกระหว่างกลาง ชายหนุ่มถึงกับสะดุ้งลุกขยับออกมานั่งเก้าอี้อีกตัว ท่าทางประดักประเดิดเมื่อไม่ได้รับความสนใจจากหญิงสาว ได้แต่นั่งนิ่งดูสองอาหลานคุยกันสนิทสนม
“มากินไอติมกันสองคนไม่แบ่งอาเลยนะ” หล่อนเหลือบตามองค้อน “สงสัยคนเลี้ยงจะขี้เหนียว”
ภาณุยิ้มเก้อ เมื่อกำลังจะอ้าปากแก้ตัวแต่หล่อนเมินหน้าหนี
“เป็นไงบ้างจ้ะ... เรา ผมยาวแล้วนะ ตัวสูงขึ้นด้วย”
“อาอรไม่ไปหาอาร์มที่บ้านเลย” เด็กน้อยกอดคออรณีแล้วกระซิบ “อาอรมาดูน้องของอาร์มเหรอฮะ”
“จ้ะ... แต่เดี๋ยวอาก็ต้องไปแล้วละ ว่าแต่อาร์มถอะเห็นน้องรึยังลูก น้องน่ารักไหม”
“ไม่รู้สิฮะ ตัวเล็ก ๆ แดง ๆ ร้องไห้ไม่หยุด ไม่รู้จะน่ารักรึเปล่า ใคร ๆ ก็สนใจแต่น้อง บอกว่าน่ารัก”
อรณีจับแก้มนิ่มที่ปากยังคงกระเง้ากระงอดไม่หยุดเบา ๆ อาร์มสะบัดหน้าพรืดมองเมินไปอีกทางหลบสายตาภาณุที่รอฟังคำตอบเช่นกัน อรณีเหลือบมองเพื่อนรักชั่วครู่ก่อนจะกอดเด็กน้อยหลวม ๆ ปลอบใจ
“ต้องน่ารักสิจ๊ะ ขนาดพี่ชายยังน่ารักขนาดนี้ แล้วน้องชายจะไม่น่ารักเหมือนกันได้ยังไงใช่ไหม ณุ”
“อ่ะ... อืม น่ารัก... ทั้งอาทั้งหลาน เอ๊ย! ทั้งคู่เลย”
คำพูดลอย ๆ ที่ภาณูพูดออกมาโดยไม่ตั้งใจสะดุดหูคนขอความเห็นอย่างจัง อรณีปรายหางตามองดวงหน้าคมชั่วครู่ด้วยสีหน้านิ่งไม่บ่งบอกความรู้สึก แต่อุ้มเด็กน้อยมานั่งตักแทนโดยไม่กลัวชุดขาวสวยจะเปื้อนไอศกรีม ภาณุถึงกับส่ายหน้าเบาๆ
“ระวังเหอะ ชุดสวยจะเปื้อนหมด”
“ไม่กลัว” หล่อนสวนทันควัน “เพราะอาอรรักอาร์มม๊ากมาก... มาเป็นลูกอาดีกว่าไหมครับ”
เด็กน้อยกอดเอวคอดกิ่วของอาสาวคนสวยอย่างเอาใจ ทำให้ริมฝีปากเปรอะไอศกรีมเผลอไปโดนเข้าใส่ปกเชิ๊ตสีขาวชุดเดรสเนื้อดีจนปรากฏรอยขึ้นชัดเจน ภาณุผุดลุกขึ้นยืนคว้ากระดาษชำระมาเช็ดให้
อรณีถึงกับผงะเมื่อมือหนาแบะปกเชิ๊ตจนเห็นเนินอกรำไร ท่าทางชายหนุ่มขมักเขม้นเช็ดไอศกรีมออกให้ด้วยความเป็นห่วงโดยไม่ทันได้สังเกตว่าคนโดนห่วงหน้าแดงไปถึงไหนต่อไหนแล้ว อรณีหน้าร้อนวูบวาบเมื่อรับสัมผัสอ่อนโยน
ภาณุถอยออกห่างทันทีที่เห็นอธิปกเดินคุยกันเข้ามากับแสงสุรีย์ อรณีหันกลับไปมองด้านหลัง เมื่อเห็นว่าเป็นผู้จัดการจอมเฮี๊ยบก็ชักสีหน้าทันที
“มาทำไมกันละเนี่ย” หล่อนบ่นอุบ “ไหนว่าฟรี”
“ก็มารับน่ะสิ” แสงสุรีย์เอ่ยเอาใจทันทีที่เห็นสีหน้าหญิงสาว
อธิปกเห็นสีหน้าท่าทางเก้กังของภาณุแล้วอดไม่ไหว พูดติดตลกหวังสร้างบรรยากาศ
“ฉันเจอผู้จัดการคนสวยที่ด้านล่างพอดีเลยชวนเเดินมาด้วยกัน ว่าจะพาเจ้าอาร์มไปฝากปู่เลี้ยงซะหน่อย”
“ก็ว่าจะไปพอดีเหมือนกัน”
ภาณุออกตัวกับอธิปกและสบสายตาตำหนิของแสงสุรีย์พอดี อธิปกตรงรี่เข้ามาอุ้มลูกน้อยวัยกำลังซนที่กางแขนรอรับกอดอย่างรู้งาน คุณพ่อยังหนุ่มโอบกระชับเจ้าตัวกลมไว้ในวงแขนก่อนจะหอมฟอดใหญ่อย่างหมั่นเขี้ยว อรณีถึงกับค้อนขวับที่โดนแย่งร่างป้อมไปกับมือ
“คิดถึงพ่อรึเปล่าน้องอาร์ม”
“คิดถึงครับ... แด๊ดดี้”
อรณีเบะปากได้แต่ปรายตามองและบ่นพึมพำ
“หมั่นไส้... เอาลูกไปฝากปู่ ตัวจะได้จู๋จี๋กับยายมินนะสิ... เชอะ อย่าคิดว่ารู้ไม่ทัน”
“ตัวก็มีมั่งสิ บอยเฟรนด์น่ะ ถ้าหาไม่ได้แนะนำคนไม่ใกล้ไม่ไกลแถว ๆ นี้... สนมะ”
อธิปกไม่ยอมลดราวาศอก ดวงตาคมหรี่มองเพื่อนรักที่ทำหน้าตาเฉยไม่รู้ร้อนหนาว ไม่คิดจะทำอะไรอย่างที่ใจคิดแล้วก็ได้แต่ขัดใจ ภาณุสบตาเพื่อนก่อนจะเบนสายตาและความสนใจไปหาแสงสุรีย์ที่มายืนคั่นกลางระหว่างเขากับอรณีย์
“วันนี้มารับเองเลยนะครับ งั้นผมคงหมดหน้าที่ขอตัวก่อน... ไปนะอร โอม สุดหล่อของอาด้วยนะ”
ภาณุยิ้มมุมปากเหมือนเยาะผู้จัดการสาวราวรู้ทันสิ่งที่หล่อนกำลังกระทำ อรณีมองตามแผ่นหลังคุ้นเคยเดินผ่านหน้าไปไม่แยแสเหมือนเดิมแล้วได้แต่ถอนใจ พาลหงุดหงิดหันมาแหวใส่ผู้จัดการสาวข้างกายทันที
“เจ้มาทำไมคะ จะมาควบคุมความประพฤติรึไง ไหนว่าวันนี้อรได้หยุด”
“ก็ที่จริงว่าหยุดล่ะนะ แต่เมื่อกี้ท่านประธานโทรมาเรียกให้อรไปพบ เห็นว่าติดต่อไม่ได้ ทำไมต้องปิดโทรศัพท์ด้วยล่ะ ติดต่อไม่ได้เลยต้องมาตามนี่แหละ ไปกันได้แล้วอย่าเสียเวลา”
แสงสุรีย์เสียงขุ่นมองตามอรณีที่ยักไหล่เดินผ่านไปนั่งเก้าอี้ตัวเดิมอย่างไม่สนใจ อธิปกมองตามแล้วพูดขัด
“ผมไปจ่ายเงินก่อน พวกคุณสองคนก็คุยไปตามสบายค่อยเจอกันนะอร คุณแสง”
อธิปกเรียกพนักงานเช็คบิลแล้วบอกลาพร้อมกับอุ้มลูกน้อยจากไป อรณีนั่งจิบกาแฟอย่างสบายอารมณ์โดยไม่ได้สนใจว่ามันเย็นชืดเพียงใด ผู้จัดการสาวขยับแว่นสายตาถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะรวบรวมสติ
“จะไปได้รึยัง”
น้ำเสียงจริงจังบ่งบอกอารมณ์ขุ่นมัวเต็มที่ ทำเอาคนฟังแอบหน้าเบ้ด้วยความรำคาญสวนทันควัน
“มีใครเคยเตือนเจ้ไหม ว่าผู้จัดการดารานี่เป็นอาชีพที่น่ารำคาญที่สุด”
“อรณี!”
แสงสุรีย์ตวาดแหวใส่อย่างลืมตัว ดวงตาภายใต้แว่นกรอบหนาแดงก่ำขุ่นเคือง ทำให้คนในค็อฟฟี่ช็อปหันมาให้ความสนใจทันที ผู้จัดการสาวสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ระงับโทสะเอาน้ำเย็นเข้าลูบ
“ท่านประธานได้ข่าวเรื่องเมื่อวานที่อรเม้งใส่ทีมงานคุณชัชแล้ว ไม่รู้ใครคาบข่าวไปบอกก็เลยเรียกหาแต่เช้าเลยน่ะสิ”
“เรื่องเล็กน่า เดี๋ยวเจอกันที่ดรีมแล้วกันนะเจ้ อรเอารถมาเองแยกย้ายกันไปก็แล้วกัน”
อรณีตัดบทลุกเดินตัวปลิวนำหน้าไปสุดที่จะเรียกไว้ได้ทัน ผู้จัดการสาวแว่นส่ายหน้าเอือมระอาในความเอาแต่ใจแต่ก็เดินตามไปในที่สุด
ตึกแปดชั้นสไตล์โมเดิร์น เป็นตึกคู่เชื่อมต่อตัวอาคารชั้นบนสุดและชั้นล่างสุดเป็นรูปทรงตัวดีตั้งตระหง่านใจกลางกรุงเกิดความโกลาหลด้านหน้าบริษัท เมื่อรถของอรณีแล่นมาเพื่อจะเข้าไปภายในตัวอาคารแต่ไม่สามารถเข้าได้เมื่อนักข่าวอยู่เต็มพื้นที่ไปหมด
“เกิดอะไรขึ้น!”
หล่อนเปิดกระจกชะโงกหน้าถามเสียงเครียด ดวงหน้านวลภายใต้แว่นกันแดดสีดำขนาดใหญ่ไม่แสดงสีหน้าแบบทุกที แต่รปภ.หนุ่มก็หน้าตื่นตอบระล่ำระลักแทบฟังไม่ได้ศัพท์เมื่อสายตาเหลือบมองเห็นนักข่าวที่กำลังกรูกันเข้ามายังรถเป้าหมาย
“ผมได้ยินนักข่าวที่มารอกันแต่เช้าคุยกันว่า วันนี้บ่ายสองโมงครึ่งคุณอรจะมีแถลงข่าวครับ แต่ผมไม่แน่ใจ”
“แถลงข่าวเรื่องอะไร ฉันไม่เห็นรู้เรื่อง”
อรณีถามกลับสีหน้าสงสัยแต่ไม่ทันไรก็ได้รู้คำตอบทันที เมื่อได้ยินคำถามพร้อมไมค์ที่ยื่นส่งมาจ่อตรงข้างกระจกโดยไม่ทันตั้งตัวจนหญิงสาวถึงกับสะดุ้ง
“คุณอรณีคะ เมื่อวานที่มีปัญหากับคุณศรุตที่กองถ่าย ไม่ทราบเท็จจริงเป็นยังไงคะ แล้วอย่างนี้จะกระทบแผนการโปรโมทคู่ขวัญคู่ใหม่ของดรีมรึเปล่าคะ”
อรณีรีบปิดกระจกรถขึ้นอย่างรวดเร็ว แค่คำถามเดียวก็ทำเอาหงุดหงิดไม่พอ เมื่อมองไปรอบๆ ตัวรถพบบรรดานักข่าวหลากหลายสำนัก ส่วนมากเป็นคนคุ้นตาเฝ้ามองและประชิดด้วยความอยากรู้และต้องการข่าว หญิงสาวถอนหายใจพรีดสีหน้าหงุดหงิดขึ้นมาทันที
“เรื่องแค่นี้ก็เอามาเป็นประเด็นข่าว บ้าเอ๊ย!”
หญิงสาวสบถอย่างหงุดหงิดก่อนจะกระชากรถเข้าไปภายในตัวอาคารอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสายตานักข่าวที่มองตามด้วยความเสียดาย อีกทั้งไม่พอใจจนเกิดวิพากย์กันอย่างหนัก
เสียงล้อรถบดพื้นถนนดังลั่นลานก่อนจะหักเลี้ยวเข้าจอดยังพื้นที่ส่วนตัวชั้นบนสุดของดรีมเอนเตอร์เทนเมนท์ เรียกความสนใจของใครบางคนที่เพิ่งเปิดประตูลงจากรถ
ร่างสูงเพรียวชะงักฝีเท้าหยุดมองทันทีที่อีกฝ่ายก้าวลงจากรถ แม้ภายใต้แว่นกันแดดกรอบใหญ่จะปิดบังดวงหน้านวลสวยแต่กิริยาที่แสดงออกเรียกความสนใจให้ชลดาหยุดยืนรออยู่หน้าลิฟท์ จนกระทั่งอีกฝ่ายก้าวเข้ามา
“วันนี้ดูหงุดหงิดนะ อร ไปกินรังแตนที่ไหนมา”
คนรอเปิดประเด็นด้วยน้ำเสียงกึ่งประชดประชัน อรณีถอดแว่นสายตาพับเก็บใส่กระเป๋าสะพายแล้วก้าวมายืนเคียงข้าง
“วันนี้สั้นดีนี่ ชล จะไปล่อเสือล่อตะเข้ที่ไหนล่ะ”
ชลดาหันขวับมามอง สองสาวยืนข้างกันแต่ต่างฝ่ายส่งสายตาเชือดเฉือน ชลดาเอื้อมมือมาปัดปกเชิ๊ตชุดเดรสสีขาวให้อย่างสมเพช ยิ้มหวานตามด้วยคำเชือดเฉือน
“แหม เดี๋ยวนี้ถือว่าดังแล้วไม่คีพลุคเลยนะ ใส่ชุดสวยแต่สกปรกออกสื่อได้ยังไง เกิดใครมาเห็นเข้าจะว่าเอาได้นะว่าดรีมเลี้ยงเธอไม่ดี”
“ฉันเลี้ยงตัวเองไม่ต้องให้ใครมาเลี้ยง ชุดก็ชุดของฉัน สปอนเซอร์จัดให้ฉัน แล้วเธอมีปัญหาอะไร” อรณียิ้มเยาะ กอดอกจ้องตอบไม่ลดละ
“ก็ไม่มีหรอก ฉันแค่เตือนเธอว่าอย่าลืมรักษาภาพพจน์ก็แค่นั้น”
“ขอบใจ” อรณีตอบเสียงขึ้นจมูก “อ๋อ หรือว่าเพราะชุดสวย ๆ ที่เธอหมายตากลายมาเป็นแอคเซสเซอรีของฉัน เธอเลยกระสันอยากได้จนตัวสั่น ... ฮึ ชลดา”
“ใครบอกว่าฉันอยากได้ของเธอ” ชลดาขึ้นเสียงชักสีหน้าแสดงความไม่พอใจ
“หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง” อรณียิ้มเยาะ “ได้ข่าวว่าเธอไปจองไว้ แต่เสียใจนะชุดนี้มันของฉัน สปอนเซอร์ขอมาเองเลยว่าชุดสวย ๆ ก็ต้องอยู่กับคนที่เหมาะสมกว่าก็แค่นั้น”
“มันจะมากไปแล้วนะ อรณี!”
อรณียักไหล่ ทันทีที่ประตูลิฟท์เปิดก็ก้าวเข้าไปยืนในสุดพิงผนังลิฟท์ท่าทางม่รูร้อนรู้หนาว ชลดาก้าวตามเข้ามาเผชิญหน้ายังไม่ทันเอ้เรื่อง แสงสุรีย์ก็ตามเข้ามาทันขัดตาทัพจนได้
“ไม่รอเจ้เลยนะอร รีบแทบแย่” ผู้จัดการสาวเข้ามายืนคั่นกลาง แล้วหันไปหาอีกฝั่ง “อ้าว คุณชล วันนี้ไม่ได้ไปทำข่าวที่พัทยากับเซ็ตบีหรือคะ”
แสงสุรีย์ถามนอบน้อมจนอรณีปรายตามองหมั่นไส้
“ไปก็ไม่เห็นสิคะเจ้แสง” ชลดาค้อนใส่ “แหม เรื่องแค่นี้ไม่น่าถาม”
“ค่ะ เจ้ก็ไม่น่าถามโง่ ๆ เลยนะคะ” แสงสุรีย์ตอบประชด
อรณีทนฟังไม่ได้ ดึงผู้จัดการสาวมายืนชิดผนัง แล้วเอาตัวเข้าแทรกหันไปตำหนิ
“คนไม่รู้ก็ถามแค่นั้น โง่ตรงไหน” อรณีพูดลอย ๆ แต่ปรายตามองอีกฝ่าย “มีแต่บางคนแค่นั้นแหละที่คนเขาถามดี ๆ แต่ไม่รู้จักตอบดี ๆ ให้สมกับเป็นพิธีกรรายการยุ่งเรื่องชาวบ้านอันดับหนึ่งสักนิด”
“เธอว่าใคร” ชลดาเสียงแข็ง “ว่าแต่วันนี้หนังสือพิมพ์ขายดีน่าดูเลยนะ ข่าวฉาวคู่จิ้นนางเอกดัง”
อรณีถึงกับคอแข็งท่าทีไม่สนใจแต่ตอบโต้ด้วยถ้อยคำ
“ก็คงงั้นมั้ง ข่าวคนดังขายได้มันก็ดีกับอาชีพเธอนี่”
“แน่นอน ไม่ใช่แค่ฉันนะที่ได้ข่าวไปขาย ท่านประธานของเธอคงดีใจจนเรียกหาเลยสินะ”
อรณีถึงกับหน้าตึงที่โดนจี้ใจดำอีกรอบคิดจะโต้ตอบแต่แสงสุรีย์บีบมือไว้เป็นการห้ามกลาย ๆ แล้วออกตัวแทน
“อ๋อ เรื่องนั้น คือพอดีว่าท่านประธานมีงานใหญ่เรียกใช้บริการอรอีกแล้วค่ะ คุณชล จะทำยังได้นะคะ ก็คนมันฮอตใครก็ต้องการตัว ว่าแต่วันนี้คุณชลมีนัดกับท่านประธานรึเปล่าคะเนี่ยถึงได้สวยเปรี้ยวเฉี่ยวเซ็กซี่สั้นจู๋เป็นพิเศษ”
“ถามทำไม เป็นแค่ผู้จัดการไม่ต้องมายุ่ง!” ชลดาเสียงกร้าวเมื่อเห็นสายตาที่มองตั้งแต่หัวจรดเท้าของผู้จัดการสาวแว่น ทันที่ประตูลิฟท์เปิดออกร่างสูงเพรียวในชุดสั้นเหนือเข่าแทบจะถึงต้นขาก็จ้ำพรวดออกไปทันที
อรณีและแสงสุรีย์หัวเราะให้กันอย่างขบขันก่อนจะพากันออกมานอกลิฟท์ ลืมเรื่องหมองใจกลับมาสามัคคีกันได้เหมือนเคย
ห้องกระจกติดฟิล์มสีดำมองจากภายนอกไม่เห็น แต่ภายในห้องแอร์เย็นเยียบจับใจ อรณีเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับแสงสุรีย์ ก็พบกับปราณ ประธานบริษัทดรีมเอ็นเตอร์เทนเมนท์นั่งรออยู่ที่โซฟาก่อนแล้ว ชายกลางคนรูปร่างสูงโปร่งในชุดสูทสีเข้มผมแซมสีดอกเลานิดๆ ดูภูมิฐาน ดวงตาคมรีแฝงไปด้วยอำนาจมองปราดสำรวจนักแสดงสาวในคอนโทรลก่อนจะลุกขึ้นยืนผายมือที่นั่งตรงข้ามเป็นการเชื้อเชิญ
“มาได้สักที ผมรอคุณตั้งนานนะ อรณี”
“ท่านประธานเรียกหาอรมีอะไรเหรอคะ”
“มีสิ... ระยะนี้เราไม่ค่อยได้คุยกันเลย งานเป็นยังไงบ้าง”
ถ้อยถามไถ่เหมือนไม่มีอะไรแต่อรณีจับน้ำเสียงได้ ถึงกับชักสีหน้า
“ถ้าไม่ต้องประกบเด็กใหม่ โดนขายเป็นแพคเกจคงจะดีกว่านี้ค่ะ”
“หึหึ...”
อรณีหน้าตึงจ้องตาไม่กะพริบ ที่ปราณไม่ตอบนอกจากเสียงหัวเราะคล้ายหยัน
“หัวเราะแบบนี้แสดงว่าตกลงไม่เอาอรไปเหมาขายแพ็คเกจกับเด็กนั่นใช่ไหมคะ”
“เปล่า... ผมแค่ชอบใจ สมกับเป็นคุณจริง ๆ อรณี” ปราณปฏิเสธทันที “ดี เป็นดาราใหญ่ต้องรู้จักทระนงให้สมกับความโด่งดัง แต่พรุ่งนี้คุณแสงจัดการแคนเซิลคิวให้ด้วย ผมจะให้อรณีถ่ายแบบคอนเซ็ปต์คู่รักกับหัวหนังสือแองเจิ้ลตอกย้ำกระแสโซเชียลกันไปเลย”
“อะไรนะคะ!” อรณีขึ้นเสียงทันที
แสงสุรีย์นั่งตัวลีบฟังและจดรายละเอียดตามแล้วแย้ง
“คือ... แล้วคิวไม่รวนหมดหรือคะ”
“ช่างมัน” ปราณหัวเราะร่วน “ตอนนี้กระแสกำลังร้อนแรง ผมชอบ คุณเหวี่ยงได้ถูกจังหวะดีมาก”
อรณีถึงกับหุบยิ้มทันทีที่ฟังจบ ไม่นึกว่าเขาจะมาไม้นี้ ใบหน้านวลใสออกอาการขุ่นเคืองถามเอาเรื่องผู้เป็นนายอย่างไม่เกรงกลัว
“อย่าบอกนะว่าจะให้อรไปถ่ายคอนเซ็ปต์คู่รักกับนายนั่นอีก แค่เจอที่กองก็สุดทานทนแล้ว คนไม่เป็นมืออาชีพวัน ๆ เอาแต่ทำหน้าหล่อเรียกคะแนนสงสาร อรรำคาญก็บอกแล้วว่าอรไม่เล่นด้วยนะรักโปรโมทแบบนี้”
“ไม่อยากทำ คุณก็ต้องทำ อย่าลืมสิทั้งหมดมันเกี่ยวกับภาพลักษณ์ของคุณ อีกอย่างอายุก็ไม่ใช่น้อย ๆ แล้ว ได้เวลาที่คุณจะทำตัวให้สมกับเป็นรุ่นพี่ในบริษัท ดันได้ก็ต้องช่วยกันจะทำยังไงให้เราแฮปปี้กันทั้งสองฝ่าย คุณได้หน้า ผมได้เงิน ไม่ต้องตามแก้ข่าวเรื่องคุณรังแกเด็กใหม่ให้ยุ่งยากเข้าใจไหม อรณี”
“แต่ฉันไม่ได้รังแก ฉันพูดความจริง”
คำพูดโต้แย้งของปราณและอรณีที่กำลังปะทุด้วยแรงอารมณ์ทำให้แสงสุรีย์ที่เงียบอยู่นานต้องเอ่ยแก้ขัด
“คือ... ท่านประธานคะ พรุ่งนี้อรมีคิวเข้าฉากของเซ็ตเอที่บางปู ทีมงานนัดกองกันหมดแล้ว แสงว่าเลื่อนแองเจิ้ลไปเป็นวันอื่นก่อนไม่ดีกว่าหรือคะ”
“นั่นสิคะ น่าจะเห็นแก่ส่วนรวมมากกว่านะ” อรณีเสริม
ปราณพิงหลังกับโซฟานั่งไขว่ห้างจ้องดวงหน้านวลสวยที่สะท้อนเงาของใครบางคนอยู่ตลอดเวลาแล้วได้แต่ส่ายหน้า
“อย่าลืมสิ ภาพพจน์ของคุณสำคัญที่สุด โอกาสที่จะชิงพื้นที่สื่อแบบไม่ต้องเสียเงินค่าโฆษณายิ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเศรษฐกิจช่วงนี้นะ”
“แต่ว่า” แสงสุรีย์แย้ง “แบบนี้ไม่แฟร์กับทีมงานนะคะ คุณชัชจะลำบากใจเรื่องคิวนักแสดงร่วม”
“ภาพลักษณ์รอไม่ได้ต้องรีบกู้มันคืนมาก่อนที่จะไม่มีเหลือ อย่าลำพองตัวเองว่าโด่งดังคิดจะทำอะไรก็ได้ ตราบใดที่ยังมีผมและดรีมอยู่”
“ฉันหรือจะกล้า”
ปากบอกไม่กล้าแต่ดวงตาแน่วแน่ของอรณีทำให้แสงสุรีย์ถึงกับหน้าเสีย พยายามสะกิดไม่ให้พูด
ปราณหรี่ตามองคนอวดดีแล้วขยับนั่งตัวตรงชี้นิ้วมายังสองสาว
“คุณไม่มีวันได้ทำอะไรตามใจและทำร้ายภาพลักษณ์ของดรีมได้ เข้าใจผมนะ... อรณี”
“ถ้าอย่างนั้นถึงไม่มีฉัน ดรีมก็คงอยู่ได้สินะคะ... ก็ดี น่าสนใจฉันจะลองเอากลับไปคิดดู ท่าทางว่าสัญญาอีกสองเดือนฉันคงต้องคิดดี ๆ ซะแล้วสิคะ ว่าฉันจะยังคู่ควรกับดรีมอยู่รึเปล่า”
อรณีพูดจบก็ลุกเดินหนีออกจากห้องไปทันที ร้อนถึงผู้จัดการสาวที่เก็บข้าวของจะวิ่งตามแต่ติดที่ปราณเรียกไว้เสียก่อน
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขออนุญาตแจ้งข่าวค่ะ
เรื่อง สูตรลับจับรัก ขอหยุดสักประมาณ 2-3 อาทิตย์นะคะ
รอบนี้ยังไม่ได้ลงเพราะว่าอยากจะขอแก้ไขเกี่ยวกับอาชีพพระเอกนิดหน่อยค่ะ
ทำให้อาจจะต้องแก้เส้นเรื่องอีกนิด เพื่อส่ง สนพ.
ก็เลยเอาร้อยรักพรางตะวันลงคั่นไปก่อนสักสองสามตอนค่ะ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ส่วนเรื่องที่ลงนี้มีอีบุ๊คตามลิงค์นี้ค่ะ
https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=57488
อ่านก่อน+ตอนพิเศษ2ตอนได้ค่า ราคาเบาๆ
ขอบคุณมากๆ ค่า ^_____^
ตอนนี้กำลังทำอีบุ๊คเรื่องสั้นๆจะเอาไว้แจกฟรีเรื่องนึง เอาไว้ค่อยมาแจ้งข่าวค่า
ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่ะ
ภาณุลอบถอนใจกับความช่างจ้อไม่ยอมหยุดของเด็กน้อย ริมฝีปากเล็กเปรอะไอศกรีมรสช็อคโกแลตจนชายหนุ่มอดใจไม่ไหวต้องเอากระดาษชำระเช็ดให้พร้อมรอยยิ้มขบขัน
“ค่อยๆกินสิครับ อาร์ม ไอติมไม่หนีหนูไปไหนหรอกนะ”
“อ๊า! ไม่เช็ดฮะอาณุ... ไอติมไม่หนีไปไหน แต่เดี๋ยวมันละลายก็หมดอร่อยพอดีสิฮะ... นี่ของชอบอาร์มเลยนะฮะ”
“ของชอบก็ต้องค่อยๆ กินสิครับ หกเลอะเทอะหมดจะอดกินนะ”
“อาร์มจะค่อยๆ กินฮะ”
เด็กน้อยเอื้อนเอ่ยวาจาน่ารัก แต่กิริยาแสนซนเขย่าโต๊ะไปมา จนโต๊ะนั่งสำหรับสองคนของร้านไอศกรีมสั่นไหวตามแรงเขย่า ภาณุขยี้ผมเด็กชายด้วยความหมั่นเขี้ยวแต่ไม่วายบ่น
“ซนอะไรปานนี้นะหนุ่มน้อย อาณุชักจะเหนื่อยแล้วนะครับ”
“แต่อาร์มไม่เหนื่อย” เด็กน้อยพองแก้มขัดใจ แล้วถึงกับตาโต “อาอรมา!”
เด็กน้อยพูดค้างไว้เพียงเท่านั้น ก็กระเด้งตัวลงมายืน ภาณุหันขวับไปตามสายตาพบเจ้าของชื่อกำลังเดินเข้ามา
อรณีในชุดเดรสสั้นลำลองสีขาวสะอาดตา เดินยิ้มหวานส่งมาให้อาร์ม โดยไม่มองหน้าชายหนุ่มที่ยิ้มเก้อ
“สวัสดีจ้ะ... สุดหล่อของอา”
“อาอร อาร์มคิดถึงอาอร”
เด็กน้อยยิ้มกว้างกางสองแขนรอ อรณีก้าวเข้ามาประชิดค้อมตัวโอบกอดตัวกลมไว้แน่นอย่างหมั่นเขี้ยว
“วันนี้ว่างหรือไงถึงมาได้”
หญิงสาวปรายตามองไม่ตอบก่อนจะสะบัดหน้าหนี กลิ่นอ่อน ๆ ของน้ำหอมคุ้นเคยโชยเข้าจมูก ภาณุถึงกับอึ้งไป นึกรู้ว่ากำลังโดนโกรธเข้าให้อีกแล้ว
“ถอย จะนั่ง”
อรณีลงนั่งแทรกระหว่างกลาง ชายหนุ่มถึงกับสะดุ้งลุกขยับออกมานั่งเก้าอี้อีกตัว ท่าทางประดักประเดิดเมื่อไม่ได้รับความสนใจจากหญิงสาว ได้แต่นั่งนิ่งดูสองอาหลานคุยกันสนิทสนม
“มากินไอติมกันสองคนไม่แบ่งอาเลยนะ” หล่อนเหลือบตามองค้อน “สงสัยคนเลี้ยงจะขี้เหนียว”
ภาณุยิ้มเก้อ เมื่อกำลังจะอ้าปากแก้ตัวแต่หล่อนเมินหน้าหนี
“เป็นไงบ้างจ้ะ... เรา ผมยาวแล้วนะ ตัวสูงขึ้นด้วย”
“อาอรไม่ไปหาอาร์มที่บ้านเลย” เด็กน้อยกอดคออรณีแล้วกระซิบ “อาอรมาดูน้องของอาร์มเหรอฮะ”
“จ้ะ... แต่เดี๋ยวอาก็ต้องไปแล้วละ ว่าแต่อาร์มถอะเห็นน้องรึยังลูก น้องน่ารักไหม”
“ไม่รู้สิฮะ ตัวเล็ก ๆ แดง ๆ ร้องไห้ไม่หยุด ไม่รู้จะน่ารักรึเปล่า ใคร ๆ ก็สนใจแต่น้อง บอกว่าน่ารัก”
อรณีจับแก้มนิ่มที่ปากยังคงกระเง้ากระงอดไม่หยุดเบา ๆ อาร์มสะบัดหน้าพรืดมองเมินไปอีกทางหลบสายตาภาณุที่รอฟังคำตอบเช่นกัน อรณีเหลือบมองเพื่อนรักชั่วครู่ก่อนจะกอดเด็กน้อยหลวม ๆ ปลอบใจ
“ต้องน่ารักสิจ๊ะ ขนาดพี่ชายยังน่ารักขนาดนี้ แล้วน้องชายจะไม่น่ารักเหมือนกันได้ยังไงใช่ไหม ณุ”
“อ่ะ... อืม น่ารัก... ทั้งอาทั้งหลาน เอ๊ย! ทั้งคู่เลย”
คำพูดลอย ๆ ที่ภาณูพูดออกมาโดยไม่ตั้งใจสะดุดหูคนขอความเห็นอย่างจัง อรณีปรายหางตามองดวงหน้าคมชั่วครู่ด้วยสีหน้านิ่งไม่บ่งบอกความรู้สึก แต่อุ้มเด็กน้อยมานั่งตักแทนโดยไม่กลัวชุดขาวสวยจะเปื้อนไอศกรีม ภาณุถึงกับส่ายหน้าเบาๆ
“ระวังเหอะ ชุดสวยจะเปื้อนหมด”
“ไม่กลัว” หล่อนสวนทันควัน “เพราะอาอรรักอาร์มม๊ากมาก... มาเป็นลูกอาดีกว่าไหมครับ”
เด็กน้อยกอดเอวคอดกิ่วของอาสาวคนสวยอย่างเอาใจ ทำให้ริมฝีปากเปรอะไอศกรีมเผลอไปโดนเข้าใส่ปกเชิ๊ตสีขาวชุดเดรสเนื้อดีจนปรากฏรอยขึ้นชัดเจน ภาณุผุดลุกขึ้นยืนคว้ากระดาษชำระมาเช็ดให้
อรณีถึงกับผงะเมื่อมือหนาแบะปกเชิ๊ตจนเห็นเนินอกรำไร ท่าทางชายหนุ่มขมักเขม้นเช็ดไอศกรีมออกให้ด้วยความเป็นห่วงโดยไม่ทันได้สังเกตว่าคนโดนห่วงหน้าแดงไปถึงไหนต่อไหนแล้ว อรณีหน้าร้อนวูบวาบเมื่อรับสัมผัสอ่อนโยน
ภาณุถอยออกห่างทันทีที่เห็นอธิปกเดินคุยกันเข้ามากับแสงสุรีย์ อรณีหันกลับไปมองด้านหลัง เมื่อเห็นว่าเป็นผู้จัดการจอมเฮี๊ยบก็ชักสีหน้าทันที
“มาทำไมกันละเนี่ย” หล่อนบ่นอุบ “ไหนว่าฟรี”
“ก็มารับน่ะสิ” แสงสุรีย์เอ่ยเอาใจทันทีที่เห็นสีหน้าหญิงสาว
อธิปกเห็นสีหน้าท่าทางเก้กังของภาณุแล้วอดไม่ไหว พูดติดตลกหวังสร้างบรรยากาศ
“ฉันเจอผู้จัดการคนสวยที่ด้านล่างพอดีเลยชวนเเดินมาด้วยกัน ว่าจะพาเจ้าอาร์มไปฝากปู่เลี้ยงซะหน่อย”
“ก็ว่าจะไปพอดีเหมือนกัน”
ภาณุออกตัวกับอธิปกและสบสายตาตำหนิของแสงสุรีย์พอดี อธิปกตรงรี่เข้ามาอุ้มลูกน้อยวัยกำลังซนที่กางแขนรอรับกอดอย่างรู้งาน คุณพ่อยังหนุ่มโอบกระชับเจ้าตัวกลมไว้ในวงแขนก่อนจะหอมฟอดใหญ่อย่างหมั่นเขี้ยว อรณีถึงกับค้อนขวับที่โดนแย่งร่างป้อมไปกับมือ
“คิดถึงพ่อรึเปล่าน้องอาร์ม”
“คิดถึงครับ... แด๊ดดี้”
อรณีเบะปากได้แต่ปรายตามองและบ่นพึมพำ
“หมั่นไส้... เอาลูกไปฝากปู่ ตัวจะได้จู๋จี๋กับยายมินนะสิ... เชอะ อย่าคิดว่ารู้ไม่ทัน”
“ตัวก็มีมั่งสิ บอยเฟรนด์น่ะ ถ้าหาไม่ได้แนะนำคนไม่ใกล้ไม่ไกลแถว ๆ นี้... สนมะ”
อธิปกไม่ยอมลดราวาศอก ดวงตาคมหรี่มองเพื่อนรักที่ทำหน้าตาเฉยไม่รู้ร้อนหนาว ไม่คิดจะทำอะไรอย่างที่ใจคิดแล้วก็ได้แต่ขัดใจ ภาณุสบตาเพื่อนก่อนจะเบนสายตาและความสนใจไปหาแสงสุรีย์ที่มายืนคั่นกลางระหว่างเขากับอรณีย์
“วันนี้มารับเองเลยนะครับ งั้นผมคงหมดหน้าที่ขอตัวก่อน... ไปนะอร โอม สุดหล่อของอาด้วยนะ”
ภาณุยิ้มมุมปากเหมือนเยาะผู้จัดการสาวราวรู้ทันสิ่งที่หล่อนกำลังกระทำ อรณีมองตามแผ่นหลังคุ้นเคยเดินผ่านหน้าไปไม่แยแสเหมือนเดิมแล้วได้แต่ถอนใจ พาลหงุดหงิดหันมาแหวใส่ผู้จัดการสาวข้างกายทันที
“เจ้มาทำไมคะ จะมาควบคุมความประพฤติรึไง ไหนว่าวันนี้อรได้หยุด”
“ก็ที่จริงว่าหยุดล่ะนะ แต่เมื่อกี้ท่านประธานโทรมาเรียกให้อรไปพบ เห็นว่าติดต่อไม่ได้ ทำไมต้องปิดโทรศัพท์ด้วยล่ะ ติดต่อไม่ได้เลยต้องมาตามนี่แหละ ไปกันได้แล้วอย่าเสียเวลา”
แสงสุรีย์เสียงขุ่นมองตามอรณีที่ยักไหล่เดินผ่านไปนั่งเก้าอี้ตัวเดิมอย่างไม่สนใจ อธิปกมองตามแล้วพูดขัด
“ผมไปจ่ายเงินก่อน พวกคุณสองคนก็คุยไปตามสบายค่อยเจอกันนะอร คุณแสง”
อธิปกเรียกพนักงานเช็คบิลแล้วบอกลาพร้อมกับอุ้มลูกน้อยจากไป อรณีนั่งจิบกาแฟอย่างสบายอารมณ์โดยไม่ได้สนใจว่ามันเย็นชืดเพียงใด ผู้จัดการสาวขยับแว่นสายตาถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะรวบรวมสติ
“จะไปได้รึยัง”
น้ำเสียงจริงจังบ่งบอกอารมณ์ขุ่นมัวเต็มที่ ทำเอาคนฟังแอบหน้าเบ้ด้วยความรำคาญสวนทันควัน
“มีใครเคยเตือนเจ้ไหม ว่าผู้จัดการดารานี่เป็นอาชีพที่น่ารำคาญที่สุด”
“อรณี!”
แสงสุรีย์ตวาดแหวใส่อย่างลืมตัว ดวงตาภายใต้แว่นกรอบหนาแดงก่ำขุ่นเคือง ทำให้คนในค็อฟฟี่ช็อปหันมาให้ความสนใจทันที ผู้จัดการสาวสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ระงับโทสะเอาน้ำเย็นเข้าลูบ
“ท่านประธานได้ข่าวเรื่องเมื่อวานที่อรเม้งใส่ทีมงานคุณชัชแล้ว ไม่รู้ใครคาบข่าวไปบอกก็เลยเรียกหาแต่เช้าเลยน่ะสิ”
“เรื่องเล็กน่า เดี๋ยวเจอกันที่ดรีมแล้วกันนะเจ้ อรเอารถมาเองแยกย้ายกันไปก็แล้วกัน”
อรณีตัดบทลุกเดินตัวปลิวนำหน้าไปสุดที่จะเรียกไว้ได้ทัน ผู้จัดการสาวแว่นส่ายหน้าเอือมระอาในความเอาแต่ใจแต่ก็เดินตามไปในที่สุด
ตึกแปดชั้นสไตล์โมเดิร์น เป็นตึกคู่เชื่อมต่อตัวอาคารชั้นบนสุดและชั้นล่างสุดเป็นรูปทรงตัวดีตั้งตระหง่านใจกลางกรุงเกิดความโกลาหลด้านหน้าบริษัท เมื่อรถของอรณีแล่นมาเพื่อจะเข้าไปภายในตัวอาคารแต่ไม่สามารถเข้าได้เมื่อนักข่าวอยู่เต็มพื้นที่ไปหมด
“เกิดอะไรขึ้น!”
หล่อนเปิดกระจกชะโงกหน้าถามเสียงเครียด ดวงหน้านวลภายใต้แว่นกันแดดสีดำขนาดใหญ่ไม่แสดงสีหน้าแบบทุกที แต่รปภ.หนุ่มก็หน้าตื่นตอบระล่ำระลักแทบฟังไม่ได้ศัพท์เมื่อสายตาเหลือบมองเห็นนักข่าวที่กำลังกรูกันเข้ามายังรถเป้าหมาย
“ผมได้ยินนักข่าวที่มารอกันแต่เช้าคุยกันว่า วันนี้บ่ายสองโมงครึ่งคุณอรจะมีแถลงข่าวครับ แต่ผมไม่แน่ใจ”
“แถลงข่าวเรื่องอะไร ฉันไม่เห็นรู้เรื่อง”
อรณีถามกลับสีหน้าสงสัยแต่ไม่ทันไรก็ได้รู้คำตอบทันที เมื่อได้ยินคำถามพร้อมไมค์ที่ยื่นส่งมาจ่อตรงข้างกระจกโดยไม่ทันตั้งตัวจนหญิงสาวถึงกับสะดุ้ง
“คุณอรณีคะ เมื่อวานที่มีปัญหากับคุณศรุตที่กองถ่าย ไม่ทราบเท็จจริงเป็นยังไงคะ แล้วอย่างนี้จะกระทบแผนการโปรโมทคู่ขวัญคู่ใหม่ของดรีมรึเปล่าคะ”
อรณีรีบปิดกระจกรถขึ้นอย่างรวดเร็ว แค่คำถามเดียวก็ทำเอาหงุดหงิดไม่พอ เมื่อมองไปรอบๆ ตัวรถพบบรรดานักข่าวหลากหลายสำนัก ส่วนมากเป็นคนคุ้นตาเฝ้ามองและประชิดด้วยความอยากรู้และต้องการข่าว หญิงสาวถอนหายใจพรีดสีหน้าหงุดหงิดขึ้นมาทันที
“เรื่องแค่นี้ก็เอามาเป็นประเด็นข่าว บ้าเอ๊ย!”
หญิงสาวสบถอย่างหงุดหงิดก่อนจะกระชากรถเข้าไปภายในตัวอาคารอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสายตานักข่าวที่มองตามด้วยความเสียดาย อีกทั้งไม่พอใจจนเกิดวิพากย์กันอย่างหนัก
เสียงล้อรถบดพื้นถนนดังลั่นลานก่อนจะหักเลี้ยวเข้าจอดยังพื้นที่ส่วนตัวชั้นบนสุดของดรีมเอนเตอร์เทนเมนท์ เรียกความสนใจของใครบางคนที่เพิ่งเปิดประตูลงจากรถ
ร่างสูงเพรียวชะงักฝีเท้าหยุดมองทันทีที่อีกฝ่ายก้าวลงจากรถ แม้ภายใต้แว่นกันแดดกรอบใหญ่จะปิดบังดวงหน้านวลสวยแต่กิริยาที่แสดงออกเรียกความสนใจให้ชลดาหยุดยืนรออยู่หน้าลิฟท์ จนกระทั่งอีกฝ่ายก้าวเข้ามา
“วันนี้ดูหงุดหงิดนะ อร ไปกินรังแตนที่ไหนมา”
คนรอเปิดประเด็นด้วยน้ำเสียงกึ่งประชดประชัน อรณีถอดแว่นสายตาพับเก็บใส่กระเป๋าสะพายแล้วก้าวมายืนเคียงข้าง
“วันนี้สั้นดีนี่ ชล จะไปล่อเสือล่อตะเข้ที่ไหนล่ะ”
ชลดาหันขวับมามอง สองสาวยืนข้างกันแต่ต่างฝ่ายส่งสายตาเชือดเฉือน ชลดาเอื้อมมือมาปัดปกเชิ๊ตชุดเดรสสีขาวให้อย่างสมเพช ยิ้มหวานตามด้วยคำเชือดเฉือน
“แหม เดี๋ยวนี้ถือว่าดังแล้วไม่คีพลุคเลยนะ ใส่ชุดสวยแต่สกปรกออกสื่อได้ยังไง เกิดใครมาเห็นเข้าจะว่าเอาได้นะว่าดรีมเลี้ยงเธอไม่ดี”
“ฉันเลี้ยงตัวเองไม่ต้องให้ใครมาเลี้ยง ชุดก็ชุดของฉัน สปอนเซอร์จัดให้ฉัน แล้วเธอมีปัญหาอะไร” อรณียิ้มเยาะ กอดอกจ้องตอบไม่ลดละ
“ก็ไม่มีหรอก ฉันแค่เตือนเธอว่าอย่าลืมรักษาภาพพจน์ก็แค่นั้น”
“ขอบใจ” อรณีตอบเสียงขึ้นจมูก “อ๋อ หรือว่าเพราะชุดสวย ๆ ที่เธอหมายตากลายมาเป็นแอคเซสเซอรีของฉัน เธอเลยกระสันอยากได้จนตัวสั่น ... ฮึ ชลดา”
“ใครบอกว่าฉันอยากได้ของเธอ” ชลดาขึ้นเสียงชักสีหน้าแสดงความไม่พอใจ
“หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง” อรณียิ้มเยาะ “ได้ข่าวว่าเธอไปจองไว้ แต่เสียใจนะชุดนี้มันของฉัน สปอนเซอร์ขอมาเองเลยว่าชุดสวย ๆ ก็ต้องอยู่กับคนที่เหมาะสมกว่าก็แค่นั้น”
“มันจะมากไปแล้วนะ อรณี!”
อรณียักไหล่ ทันทีที่ประตูลิฟท์เปิดก็ก้าวเข้าไปยืนในสุดพิงผนังลิฟท์ท่าทางม่รูร้อนรู้หนาว ชลดาก้าวตามเข้ามาเผชิญหน้ายังไม่ทันเอ้เรื่อง แสงสุรีย์ก็ตามเข้ามาทันขัดตาทัพจนได้
“ไม่รอเจ้เลยนะอร รีบแทบแย่” ผู้จัดการสาวเข้ามายืนคั่นกลาง แล้วหันไปหาอีกฝั่ง “อ้าว คุณชล วันนี้ไม่ได้ไปทำข่าวที่พัทยากับเซ็ตบีหรือคะ”
แสงสุรีย์ถามนอบน้อมจนอรณีปรายตามองหมั่นไส้
“ไปก็ไม่เห็นสิคะเจ้แสง” ชลดาค้อนใส่ “แหม เรื่องแค่นี้ไม่น่าถาม”
“ค่ะ เจ้ก็ไม่น่าถามโง่ ๆ เลยนะคะ” แสงสุรีย์ตอบประชด
อรณีทนฟังไม่ได้ ดึงผู้จัดการสาวมายืนชิดผนัง แล้วเอาตัวเข้าแทรกหันไปตำหนิ
“คนไม่รู้ก็ถามแค่นั้น โง่ตรงไหน” อรณีพูดลอย ๆ แต่ปรายตามองอีกฝ่าย “มีแต่บางคนแค่นั้นแหละที่คนเขาถามดี ๆ แต่ไม่รู้จักตอบดี ๆ ให้สมกับเป็นพิธีกรรายการยุ่งเรื่องชาวบ้านอันดับหนึ่งสักนิด”
“เธอว่าใคร” ชลดาเสียงแข็ง “ว่าแต่วันนี้หนังสือพิมพ์ขายดีน่าดูเลยนะ ข่าวฉาวคู่จิ้นนางเอกดัง”
อรณีถึงกับคอแข็งท่าทีไม่สนใจแต่ตอบโต้ด้วยถ้อยคำ
“ก็คงงั้นมั้ง ข่าวคนดังขายได้มันก็ดีกับอาชีพเธอนี่”
“แน่นอน ไม่ใช่แค่ฉันนะที่ได้ข่าวไปขาย ท่านประธานของเธอคงดีใจจนเรียกหาเลยสินะ”
อรณีถึงกับหน้าตึงที่โดนจี้ใจดำอีกรอบคิดจะโต้ตอบแต่แสงสุรีย์บีบมือไว้เป็นการห้ามกลาย ๆ แล้วออกตัวแทน
“อ๋อ เรื่องนั้น คือพอดีว่าท่านประธานมีงานใหญ่เรียกใช้บริการอรอีกแล้วค่ะ คุณชล จะทำยังได้นะคะ ก็คนมันฮอตใครก็ต้องการตัว ว่าแต่วันนี้คุณชลมีนัดกับท่านประธานรึเปล่าคะเนี่ยถึงได้สวยเปรี้ยวเฉี่ยวเซ็กซี่สั้นจู๋เป็นพิเศษ”
“ถามทำไม เป็นแค่ผู้จัดการไม่ต้องมายุ่ง!” ชลดาเสียงกร้าวเมื่อเห็นสายตาที่มองตั้งแต่หัวจรดเท้าของผู้จัดการสาวแว่น ทันที่ประตูลิฟท์เปิดออกร่างสูงเพรียวในชุดสั้นเหนือเข่าแทบจะถึงต้นขาก็จ้ำพรวดออกไปทันที
อรณีและแสงสุรีย์หัวเราะให้กันอย่างขบขันก่อนจะพากันออกมานอกลิฟท์ ลืมเรื่องหมองใจกลับมาสามัคคีกันได้เหมือนเคย
ห้องกระจกติดฟิล์มสีดำมองจากภายนอกไม่เห็น แต่ภายในห้องแอร์เย็นเยียบจับใจ อรณีเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับแสงสุรีย์ ก็พบกับปราณ ประธานบริษัทดรีมเอ็นเตอร์เทนเมนท์นั่งรออยู่ที่โซฟาก่อนแล้ว ชายกลางคนรูปร่างสูงโปร่งในชุดสูทสีเข้มผมแซมสีดอกเลานิดๆ ดูภูมิฐาน ดวงตาคมรีแฝงไปด้วยอำนาจมองปราดสำรวจนักแสดงสาวในคอนโทรลก่อนจะลุกขึ้นยืนผายมือที่นั่งตรงข้ามเป็นการเชื้อเชิญ
“มาได้สักที ผมรอคุณตั้งนานนะ อรณี”
“ท่านประธานเรียกหาอรมีอะไรเหรอคะ”
“มีสิ... ระยะนี้เราไม่ค่อยได้คุยกันเลย งานเป็นยังไงบ้าง”
ถ้อยถามไถ่เหมือนไม่มีอะไรแต่อรณีจับน้ำเสียงได้ ถึงกับชักสีหน้า
“ถ้าไม่ต้องประกบเด็กใหม่ โดนขายเป็นแพคเกจคงจะดีกว่านี้ค่ะ”
“หึหึ...”
อรณีหน้าตึงจ้องตาไม่กะพริบ ที่ปราณไม่ตอบนอกจากเสียงหัวเราะคล้ายหยัน
“หัวเราะแบบนี้แสดงว่าตกลงไม่เอาอรไปเหมาขายแพ็คเกจกับเด็กนั่นใช่ไหมคะ”
“เปล่า... ผมแค่ชอบใจ สมกับเป็นคุณจริง ๆ อรณี” ปราณปฏิเสธทันที “ดี เป็นดาราใหญ่ต้องรู้จักทระนงให้สมกับความโด่งดัง แต่พรุ่งนี้คุณแสงจัดการแคนเซิลคิวให้ด้วย ผมจะให้อรณีถ่ายแบบคอนเซ็ปต์คู่รักกับหัวหนังสือแองเจิ้ลตอกย้ำกระแสโซเชียลกันไปเลย”
“อะไรนะคะ!” อรณีขึ้นเสียงทันที
แสงสุรีย์นั่งตัวลีบฟังและจดรายละเอียดตามแล้วแย้ง
“คือ... แล้วคิวไม่รวนหมดหรือคะ”
“ช่างมัน” ปราณหัวเราะร่วน “ตอนนี้กระแสกำลังร้อนแรง ผมชอบ คุณเหวี่ยงได้ถูกจังหวะดีมาก”
อรณีถึงกับหุบยิ้มทันทีที่ฟังจบ ไม่นึกว่าเขาจะมาไม้นี้ ใบหน้านวลใสออกอาการขุ่นเคืองถามเอาเรื่องผู้เป็นนายอย่างไม่เกรงกลัว
“อย่าบอกนะว่าจะให้อรไปถ่ายคอนเซ็ปต์คู่รักกับนายนั่นอีก แค่เจอที่กองก็สุดทานทนแล้ว คนไม่เป็นมืออาชีพวัน ๆ เอาแต่ทำหน้าหล่อเรียกคะแนนสงสาร อรรำคาญก็บอกแล้วว่าอรไม่เล่นด้วยนะรักโปรโมทแบบนี้”
“ไม่อยากทำ คุณก็ต้องทำ อย่าลืมสิทั้งหมดมันเกี่ยวกับภาพลักษณ์ของคุณ อีกอย่างอายุก็ไม่ใช่น้อย ๆ แล้ว ได้เวลาที่คุณจะทำตัวให้สมกับเป็นรุ่นพี่ในบริษัท ดันได้ก็ต้องช่วยกันจะทำยังไงให้เราแฮปปี้กันทั้งสองฝ่าย คุณได้หน้า ผมได้เงิน ไม่ต้องตามแก้ข่าวเรื่องคุณรังแกเด็กใหม่ให้ยุ่งยากเข้าใจไหม อรณี”
“แต่ฉันไม่ได้รังแก ฉันพูดความจริง”
คำพูดโต้แย้งของปราณและอรณีที่กำลังปะทุด้วยแรงอารมณ์ทำให้แสงสุรีย์ที่เงียบอยู่นานต้องเอ่ยแก้ขัด
“คือ... ท่านประธานคะ พรุ่งนี้อรมีคิวเข้าฉากของเซ็ตเอที่บางปู ทีมงานนัดกองกันหมดแล้ว แสงว่าเลื่อนแองเจิ้ลไปเป็นวันอื่นก่อนไม่ดีกว่าหรือคะ”
“นั่นสิคะ น่าจะเห็นแก่ส่วนรวมมากกว่านะ” อรณีเสริม
ปราณพิงหลังกับโซฟานั่งไขว่ห้างจ้องดวงหน้านวลสวยที่สะท้อนเงาของใครบางคนอยู่ตลอดเวลาแล้วได้แต่ส่ายหน้า
“อย่าลืมสิ ภาพพจน์ของคุณสำคัญที่สุด โอกาสที่จะชิงพื้นที่สื่อแบบไม่ต้องเสียเงินค่าโฆษณายิ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเศรษฐกิจช่วงนี้นะ”
“แต่ว่า” แสงสุรีย์แย้ง “แบบนี้ไม่แฟร์กับทีมงานนะคะ คุณชัชจะลำบากใจเรื่องคิวนักแสดงร่วม”
“ภาพลักษณ์รอไม่ได้ต้องรีบกู้มันคืนมาก่อนที่จะไม่มีเหลือ อย่าลำพองตัวเองว่าโด่งดังคิดจะทำอะไรก็ได้ ตราบใดที่ยังมีผมและดรีมอยู่”
“ฉันหรือจะกล้า”
ปากบอกไม่กล้าแต่ดวงตาแน่วแน่ของอรณีทำให้แสงสุรีย์ถึงกับหน้าเสีย พยายามสะกิดไม่ให้พูด
ปราณหรี่ตามองคนอวดดีแล้วขยับนั่งตัวตรงชี้นิ้วมายังสองสาว
“คุณไม่มีวันได้ทำอะไรตามใจและทำร้ายภาพลักษณ์ของดรีมได้ เข้าใจผมนะ... อรณี”
“ถ้าอย่างนั้นถึงไม่มีฉัน ดรีมก็คงอยู่ได้สินะคะ... ก็ดี น่าสนใจฉันจะลองเอากลับไปคิดดู ท่าทางว่าสัญญาอีกสองเดือนฉันคงต้องคิดดี ๆ ซะแล้วสิคะ ว่าฉันจะยังคู่ควรกับดรีมอยู่รึเปล่า”
อรณีพูดจบก็ลุกเดินหนีออกจากห้องไปทันที ร้อนถึงผู้จัดการสาวที่เก็บข้าวของจะวิ่งตามแต่ติดที่ปราณเรียกไว้เสียก่อน
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขออนุญาตแจ้งข่าวค่ะ
เรื่อง สูตรลับจับรัก ขอหยุดสักประมาณ 2-3 อาทิตย์นะคะ
รอบนี้ยังไม่ได้ลงเพราะว่าอยากจะขอแก้ไขเกี่ยวกับอาชีพพระเอกนิดหน่อยค่ะ
ทำให้อาจจะต้องแก้เส้นเรื่องอีกนิด เพื่อส่ง สนพ.
ก็เลยเอาร้อยรักพรางตะวันลงคั่นไปก่อนสักสองสามตอนค่ะ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ส่วนเรื่องที่ลงนี้มีอีบุ๊คตามลิงค์นี้ค่ะ
https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=57488
อ่านก่อน+ตอนพิเศษ2ตอนได้ค่า ราคาเบาๆ
ขอบคุณมากๆ ค่า ^_____^
ตอนนี้กำลังทำอีบุ๊คเรื่องสั้นๆจะเอาไว้แจกฟรีเรื่องนึง เอาไว้ค่อยมาแจ้งข่าวค่า
ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่ะ
lovereason2
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 พ.ค. 2560, 11:03:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 พ.ค. 2560, 11:04:41 น.
จำนวนการเข้าชม : 1238
<< บทที่ 2 จะผิดไหมหากหัวใจต้องการไออุ่น | บทที่ 4 ปีกของไฮยาซินแสนสวย >> |