ร้อยรักพรางตะวัน
If no obstacle is found.
Do you know …What true love is?

เรื่องของนักแสดงสาวชื่อดังจอมเหวี่ยงวีนกับวิศวกรหนุ่ม ทั้งสองเป็นเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัย แต่ความสนิทสนมทำให้ความสัมพันธ์ก้าวข้ามขีดคำว่า 'เพื่อน' ไปไม่ได้

ถ้าไม่มีอุปสรรคขัดขวางความรักระหว่างเพื่อนที่จำกัดไว้อาจจะไม่คืบหน้า และหากปล่อยเวลาผ่านไปอาจต้องเสียความรักนั้นไปให้ใครคนอื่น

เอาใจช่วยเพื่อนสนิทสองคนให้ค้นพบรักแท้ของกันและกันและก้าวผ่านอุปสรรคทั้งปวงเพื่อ ‘ความรัก’ ด้วยกันค่ะ

Tags: ร้อยรักพรางตะวัน, อรณี, ภาณุ, รักดราม่า, โรแมนติก, เพื่อนสนิท, แอบรัก

ตอน: บทที่ 4 ปีกของไฮยาซินแสนสวย



ทางเดินทอดยาวของอาคารรูปตัวดีชั้นบนสุดดูจะเล็กลงไปถนัดใจ เมื่ออรณีต้องมาพบเจอชลดาเป็นรอบที่สองของวัน
ร่างงามเฉิดฉายในชุดเดรสเครื่องแต่งกายใหม่ดูหรูระยับสีแดงเพลิงตัดกับผิวขาวผ่องมาหยุดยืนตรงหน้า อรณีชะงักฝีเท้าลงในทันทีที่โดนกักกันไว้ไม่ให้เดินผ่านไปได้ ชลดายิ้มยั่วก่อนเอ่ยทัก

“เป็นไงจ้ะ เข้าห้องเย็นเมื่อกี้ ได้ข่าวว่าโดนหนักเลยนี่”

“ก็ไม่เท่าไหร่ ยังสบายดี พอทน ถ้าเธอไม่มีอะไรก็หลีกทางด้วย ฉันจะไปพักผ่อน”

อรณีเบี่ยงหลบขี้เกียจต่อล้อต่อเถียง ดวงหน้ารูปไข่ดูหงุดหงิดฉุนเฉียว จนชลดาอดสัพยอกไม่ได้

“แล้วองครักษ์ไปไหนซะแล้วล่ะ ถึงต้องให้ราชินีแห่งดรีมเดินเดี่ยวตามลำพัง ไม่ต้องแห่มาเอาใจแล้วเหรอ”

“ไม่จำเป็น” อรณีกัดฟันตอบ “พอดีฉันไม่ใช่พวกเจ้ายศเจ้าอย่าง ถึงจะต้องให้คนหามเสลี่ยงพาไปนั่นไปนี่ซะด้วย”

ชลดาชักสีหน้าใส่ทันทีที่รู้ตัวว่าถูกหลอกด่าเนียน ๆ ดวงหน้าเรียวเชิดมองสบตาหญิงสาว

“ก็คงใช่นะ อย่างเธอใกล้ปลดระวางแล้วนี่ ฉันได้ยินมานะว่าน้องใหม่ที่แคสติ้งผ่านเข้ามาปีนี้สวยมาก โปรไฟล์ล้ำเลิศสุด ๆ ไปเลย เธออยากเห็นไหมล่ะ ฉันมีรูปนะ กำลังมีคิวสัมภาษณ์พอดีเชียว ได้ยินว่าเขาจะปั้นให้เป็นราชินีดรีมคนใหม่”

“ไม่จำเป็น ไม่ได้อยากรู้ ขอตัวนะฉันจะไปพักผ่อน”

“นี่! เดี๋ยวสิ” ชลดาตวาด “ฉันยังพูดไม่จบ”

“เธอจะวุ่นวายกับฉันมากไปแล้วนะ ชลดา”

อรณีสะบัดหนี แต่แรงดึงที่หนักหน่วงทำให้หล่อนถึงกับนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ เล็บยาวสีแดงแสบสันตามสีชุดจิกลงบนต้นแขนเปลือยไม่แรงมากแต่ก็ไม่เบามือ จนหญิงสาวต้องเค้นฟันพูดออกมา

“เจ็บนะชล! ปล่อย!”

“คนอย่างเธอเจ็บเป็นด้วยหรือ... อรณี ฉันนึกว่าจะมีแต่ฉันคนเดียวซะอีกทีเจ็บ”

น้ำคำเยาะจากฝ่ายกระทำแล้วบอกว่าเจ็บ ทำให้อรณีจ้องมองอย่างสงสัย เหมือนชลดาจะไม่รู้ตัวเพราะจิกเล็บแน่นกว่าเดิมจนแขนเรียวห้อช้ำ กว่าพิธีกรจะรู้ตัวก็เมื่อเสียงหนึ่งดังมาจากทางด้านหลัง อรณีเหลือบมองหาตัวช่วยทันที

“พี่ชัช! ช่วยด้วย!”

“เธอสองคนทำอะไรกันน่ะ”

ชัชพลวิ่งเข้ามาหาทันควัน เพียงได้ยินชื่อที่อรณีเรียกชลดาถึงกับปล่อยมือถอยออกห่าง ทิ้งเพียงหลักฐานรอยจ้ำแดงบนต้นแขนขาว

“พูดกันดี ๆ ไม่ได้หรือไง เราสองคน พี่เห็นเจอกันทีไรทะเลาะกันทุกที”

“ชลไม่ได้...”

“ไม่ต้องพูดแล้วพี่เห็นกับตาเข้าใจดีทุกอย่าง... เธอไปซะ”

“พี่ชัช!” หล่อนแย้ง “ฟังชลก่อน”

“บอกแล้วไงว่าไปซะ”

ชลดาพยายามอธิบายเมื่อมองสบนัยน์ตากร้าวจ้องแบบตำหนิ ไม่ทันได้อธิบาย ชายหนุ่มก็หันไปหาหญิงสาวข้างกายลูบต้นแขนขาวเต็มไปด้วยรอยจ้ำแดงอย่างเป็นห่วง ชลดาถึงกับเบือนหน้าหนี เดินลงส้นเสียงดังจากไป ชัชพลมองตามแล้วได้แต่ส่ายหน้าหันหาอรณี

“เป็นไรรึเปล่าอร ไหนขอพี่ดูหน่อย”

“ไม่ค่ะ นิดหน่อย อรไม่เป็นไร พี่ชัชถอยห่างออกไปหน่อยค่ะ ใครมาเห็นเข้ามันจะไม่ดี”

“พี่ไม่สน” ชัชพลตอบชัดถ้อยชัดคำ “ไปทำแผลกันเถอะ”

“ไม่ค่ะ” หล่อนจ้องดวงตาวิงวอน “ขอร้องนะคะ อรเหนื่อย”

อรณีก้าวถอยหลัง เบี่ยงแขนออกจากการเกาะกุม ชัชพลรู้ตัวเหลียวซ้ายมองขวาก่อนจะปล่อยมือ แต่สีหน้าก็ยังคงวิตกเป็นห่วงคนตรงหน้า

“แน่ใจนะว่าไม่เป็นไร วันนี้พี่ได้ข่าวว่าจะมีแถลงข่าวเรื่องอะไร”

น้ำเสียงหวานหยดแสดงความเป็นห่วงเสียเต็มประดาทำให้อรณีหลุบตาลง รู้สึกหวั่นไหวกับดวงตาคู่คมจนต้องหลบตา

“มีนักข่าวมาออกันเต็มไปหมด แต่ยกเลิกไปแล้ว”

“แถลงข่าวเรื่องกองถ่ายใช่ไหม หรือว่าเรื่องคู่จิ้น”

“อย่าสนใจเลย” หล่อนตอบปัดหน้าไม่สบอารมณ์ “แค่เรื่องขำขำน่ะค่ะ ไร้สาระ อรขอตัวก่อนนะคะเหนื่อยแล้ววันนี้เจอสงครามประสาทกับท่านประธานทำเอาแทบบ้าค่ะ”

“จ้ะ แล้วพี่จะโทรหานะ” ชัชพลพูดตามหลัง

อรณีเดินไปทันทีที่พูดจบ ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่กับความเฉยชา

จะให้ได้ใจหล่อน มันช่างยากเสียยิ่งกว่ายาก...

ความหงุดหงิดแสดงออกด้วยการเตะผนังของชัชพล อยู่ในสายตาชลดาที่แอบลอบมองอยู่ไม่ไกล สาวสวยกัดริมฝีปากแน่นคับแค้นใจไม่ต่างกัน



เอกสารสัญญาของอรณีถูกวางลงบนโต๊ะทำงานตัวใหญ่ของห้องประธานดรีมเอ็นเตอร์เทนเมนท์ แสงสุรีย์นั่งบีบมือแน่นจนเจ็บ หวั่นใจจนมือไม้เย็นเฉียบอยู่ฝั่งตรงข้ามหลังจากเลขาพ้นออกไปจากห้องทำงาน

ปราณเปิดเอกสารดูอย่างใจเย็น สีหน้านิ่งไม่แสดงความรู้สึกใด ไม่นานก็เปรยประโยคเยียบเย็นที่ทำเอาหัวใจคนฟังแทบหยุดเต้นอย่างเกรงบารมี

“แสงสุรีย์ คุณอยู่ในตำแหน่งผู้จัดการส่วนตัวของอรณีมากี่ปีแล้วนะ ช่วยเตือนความจำผมหน่อยlสิ”

“เอ่อ... สามปีแล้วค่ะท่านประธาน”

แสงสุรีย์นับนิ้วแก้เก้อ ความกริ่งเกรงในตัวปราณมีสูงยิ่งกว่าสิ่งใด เพราะเมื่อใดที่เจ้าพ่อวงการเอนเตอร์เทนเมนท์ออกปาก สิ่งนั้นมักส่งผลไม่ทางดีมากก็ร้ายมาก ยิ่งเป็นเรื่องปากท้อง ผู้จัดการสาวแว่นกรอบหนายิ่งรู้สึกกังวลเป็นพิเศษ

“สามปีแล้วสินะ นับว่านานพอดูกับการประคบประหงมนักแสดงเกรดบีคนหนึ่ง ให้ขึ้นมาผงาดเป็นยิ่งกว่าเกรดเอเช่นทุกวันนี้ คุณคิดว่าค่าตอบแทนที่ผมให้คุณเป็นยังไงบ้าง ดีพอสมควรไหม”

ปราณยิ้มเย็นจ้องตาแสงสุรีย์หน้านิ่ง

“เป็นความกรุณาของท่านประธานค่ะ ดิฉันมีทุกสิ่งทุกอย่างในวันนี้ได้เพราะท่านแท้ ๆ เชียวค่ะ”

ตอบนอบน้อมแต่หลบสายตาดุที่มองไม่ละ หญิงสาวกระชับแว่นอย่างเคยชินก่อนจะเสหยิบกาแฟที่บัดนี้เย็นชืดไปหมดแล้วขึ้นดื่มใจคอไม่ดี

ปราณพยักหน้าพอใจกับคำตอบก่อนจะเคาะปากกาด้ามแพงระยับกับมุมโต๊ะอย่างชั่งใจ

“ก็ดีที่คุณยังจำได้ คุณเห็นภาพนั้นไหม... แสงสุรีย์”

“คะ” หล่อนถามย้ำ “ท่านว่าอะไรนะคะ”

แสงสุรีย์หันไปตามด้ามปากกาที่ปราณชี้ ภาพนกแสนสวยบินโฉบเฉี่ยวสยายปีกอย่างเริงร่าสวยงาม แสงสุรีย์ทำหน้างงก่อนจะมองสบเจ้าของดวงตากร้าวที่ยิ้มมุมปากเยือกเย็น

“นั่นคือไฮยาซินแสนสวย นกแก้วมาคอว์สีน้ำเงินที่สวยที่สุดในโลก” เขาเฉลยก่อนเหลือบมองหล่อน “คุณว่าสวยไหม”

“ค่ะ สวยค่ะ แต่ดิฉันไม่เข้าใจ”

ไม่วายที่ผู้จัดการสาวจะแย้งถามด้วยความประหลาดใจ ดวงหน้าเรียวภายใต้แว่นกรอบหนายังคงมองจ้องภาพนกแสนสวยไม่วางตา

“ไฮยาซินแสนสวย มันคงสวยไปกว่านั้นไม่ได้ ถ้าขาดปีกสีเหลืองสดคู่งามที่เสริมความแข็งแกร่งของมัน หลังจากปีกอ่อนทิ้งไป คุณคือปีกแข็งแรงที่พาไฮยาซินแสนสวยของผมบินขึ้นได้สูงขนาดนี้นะ ต้องขอบคุณคุณมาก ผมไว้ใจคนไม่ผิดจริง ๆ”

“หมายความว่ายังไงคะท่าน... ท่านจะ!”

คำถามหลุดออกจากปาก ยังไม่เท่าหัวใจที่แทบหล่นลงมาอยู่ที่ตาตุ่ม แต่ปราณก็พูดแทรกพร้อมรอยยิ้มเยือกเย็นชวนขนลุก

“ยังหรอกอย่ากังวลไปเลย” เอนหลังพิงพนัก ยิ้มมุมปากตามเดิม

“โอย ขอบคุณมากค่ะท่าน ดิฉันยังมีภาระอีกเยอะ”

“คุณรู้ไหม ธรรมชาติของนกชนิดนี้ทั้งฉลาด หลักแหลม สวยงาม น่ารัก และแสนรู้มากมาย แต่วันนี้ปากสวยงามของมันกำลังแว้งกัดเจ้านายที่สุดแสนจะรักและทนุถนอมมัน” เขายิ้มเยาะ “แล้วคุณคิดว่าเจ้านายของมันยังสมควรจะเลี้ยงมันให้สมกับความรักอยู่ไหม”

“เอ่อ... ท่านประธานคะ ดิฉันไม่เข้าใจหมายความว่ายังไงคะ”

“ถ้ารั้นนัก บางทีผมอาจจะต้องเด็ดปีกแสนสวยของไฮยาซินตัวนี้ แล้วไปประดับให้ตัวอ่อนตัวใหม่ที่พร้อมจะเฉิดฉายขึ้นมาแทนที่ตัวเก่าก็ได้ คุณเข้าใจที่ผมพูดไหม”

แสงสุรีย์ใจหายวาบ รีบแย้ง

“ไม่เข้าใจค่ะ คือดิฉันทำงานกับอรณีก็เข้าขากันดีไม่อยากเปลี่ยน ถึงเธอจะเข้าใจยากสักหน่อย ทะนงตนไปนิด แต่ดิฉันรับได้ค่ะ เนื้อแท้อรณีไม่ใช่คนใจร้ายมากเรื่องแบบที่เป็นข่าวหรอกค่ะ”

“นั่นสิ... แต่วันนี้ไฮยาซินแสนสวยตัวนี้ ทำให้ผมสำนึกได้ว่าอาจถึงเวลาที่ควรเด็ดขาดกับเธอบ้างก่อนที่เธอบินหนี คุณเอากลับไปคิดดูนะถ้าคุณยังอยากรักษาตัวมันเอาไว้ไม่ให้บาดเจ็บเพราะขาดปีกโอบอุ้ม ผมอยากให้คุณควบคุมดูแลไฮยาซินของผมให้ดี อย่าให้ปีกหักเอาง่าย ๆ”

“ได้ค่ะ ไม่มีปัญหาค่ะ ฉันจะดูแลเธออย่างดี”

“ดีมาก ตอนนี้กระแสตีกลับ ข่าวคู่รักคู่จิ้นเสียงตอบรับดีมาก ๆ เม็ดเงินทั้งนั้นที่จะไหลเข้ามาหาบริษัทพร้อมทั้งงานสารพัด ผมไม่อยากให้พลาด รีบไปจัดการให้เธอยอมด้วยนะ”

แสงสุรีย์กลืนน้ำลายลงคอยากเย็น มือเรียวกำแน่นกับกระโปรงตัวเก่งจนยับย่น ดวงตาภายใต้แว่นกรอบหนาเหลือบมองสบตาคนตรงข้ามอย่างมุ่งมั่น

“ดิฉันจะเข้มงวดกับเธอให้มากกว่านี้ค่ะ”

แสงสุรีย์ตอบรับใจเต้นไม่เป็นส่ำ คิดถึงหน้าหญิงสาวในปกครองแล้วได้แต่ทอดถอนใจ




แสงแดดแรงกล้ากระทบแยงตาชายหนุ่มในชุดคุมงานวิศวกร แว่นตาดำกรอบใหญ่ปิดบังใบหน้ากว่าค่อนพร้อมทั้งหมวกนิรภัยครบสูตรให้ละสายตาจากตัวอาคารสูงมาทางคนเรียก

“ดูนี่สิครับ ผมว่ามันไม่ใช่สเป็คที่เราสั่งนะครับ”

“อะไรครับ”

ภาณุรับแผ่นวัสดุชิ้นนั้นมาพิจารณาดูแล้วถามอย่างแปลกใจ

“นี่มันแกรนิตโต้เกรดบีนี่ แล้วคุณน่านไปไหน คุณต้องรอให้เขามาเช็คอีกทีนะอย่าทำโดยพลการจะได้ไม่คุ้มเสีย”

“ผมติดต่อคุณน่านฟ้าแล้วครับ แต่ติดต่อไม่ได้เลย ทีแรกว่าจะใช้เลยไม่ถาม แต่ผมรู้สึกว่าของมีตำหนิแผ่นไม่เรียบ ก็เลยอยากให้คุณดูให้ก่อนทำครับ”

“ดีแล้วที่ถามก่อน แต่เรื่องนี้อยู่นอกเหนือความดูแลของผม” ภาณุแย้ง แต่ยังติดใจ “ไม่เป็นไรเดี๋ยวผมดูให้ก่อน”

ภาณุสำรวจความผิดปกติของวัสดุแผ่นอีกครั้ง ก่อนจะเดินนำนายช่างเข้าไปในตัวอาคาร เห็นวัสดุจำนวนมากกองเรียงรายอยู่จึงเข้าไปสำรวจตรวจตราอยู่พักใหญ่แล้วถึงกับหน้านิ่วคิ้วขมวด

“นี่ไม่ใช่แกรนิตโต้ผิวหินทราย อันนี้มันเกรดบีแถมอาจจะต่ำกว่าด้วยซ้ำ อันตรายลื่นก็ง่าย ทำไมคุณน่านให้ผ่านได้”

นายช่างอึกอักทำท่าแปลกๆ ทำให้ภาณุสังหรณ์ใจ

“ใครเป็นคนสั่งวัสดุรุ่นนี้ ใช่คุณเปรมไหมครับ” ภาณุถามนำ

นายช่างส่ายหน้ามองซ้ายมองขวากระซิบ

“คุณธิเบตครับ”

“อย่าเพิ่งทำอะไรกับของพวกนี้” ภาณุย้ำแล้วส่งแผ่นแกรนิตคืนให้ “ผมขอเข้าบริษัทไปคุยกับคุณน่านฟ้าก่อน ถ้าไม่ผิดพลาดที่บริษัทขนส่งก็คงมีการเข้าใจผิดอะไรบางอย่างแล้วล่ะ”

“ได้ครับ แต่แหมเสียดายเวลาจังนะครับ แทนที่จะได้งานกันบ้างสักห้าถึงสิบเปอร์เซ็นต์ เด็ก ๆ ต้องรองานอีกแล้ว”

นายช่างทอดถอนใจ ภาณุตบบ่ารู้สึกไม่ค่อยสบายใจถึงที่มาของวัสดุกองใหญ่แปลก ๆ




ไม่นานรถญี่ปุ่นสีเทาเข้มของภาณุก็แล่นมาถึงยังหน้าบริษัท ลานจอดเต็มไปด้วยรถผู้มาติดต่อ เหลือที่ว่างไม่กว้างมากให้ถอยเข้าจอดอย่างทุลักทุเล พอเปิดประตูก็เกือบชนเข้าให้กับรถอีกคันที่จอดเคียง

ชายหนุ่มทำตัวลีบกับช่องว่างเพียงน้อยนิดแทรกตัวออกมายืนระหว่างรถอีกคัน นอกจากกระเป๋าเอกสารยังรวมไปถึงอุปกรณ์สื่อสารพกพาสองชนิดที่ต้องสะพายและแบบแปลนม้วนใส่หลอดทรงยาวสะพายเฉียงพาดไหล่อีกข้าง

“เมื่อไหร่บริษัทจะทำที่จอดรถหลาย ๆ ชั้นซะทีวะเนี่ย คับแคบได้ใจจริง ๆ” บ่นเสียงดังหน้าเครียดค่อย ๆ ถอยออกกลัวว่าประตูจะไปชนสีรถชมพูเข้มคันข้าง ๆ

กิริยาวุ่นวายของชายหนุ่มสร้างความขบขันให้คนในรถชมพูที่นั่งมองอยู่นาน หญิงสาวถอดแว่นกันแดดสีชาวางไว้หน้าคอนโซลก่อนจะพาตัวลงมายืนด้านคนขับอีกคันหนึ่ง

“มีอะไรให้ช่วยรึเปล่าคะ”

เสียงหวานใสเอ่ยขึ้นพร้อมเสียงหัวเราะคิกคัก ดึงความสนใจของภาณุที่กำลังวุ่นวายให้หันมามองที่มาของเสียง

“เอ่อ... ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณ”

“ให้ฉันช่วยดีกว่าค่ะ กำลังจะเข้าไปพอดี”

ไม่พูดพร่ำทำเพลงสาวน้อยลูกครึ่งหุ่นกะทัดรัดก็คว้ากระเป๋าเอกสารหนักอึ้งไปถือไว้

“ไม่ต้องหรอกครับคุณ” ภาณุพยายามห้าม

“ฉันก็ไม่ได้หนักอะไรนี่คะ” หญิงสาวยิ้มกว้างเผยฟันขาวเรียงสวย

“แต่ผมว่า”

ไม่วายที่จะท้วง แต่หล่อนเดินนำเข้าไปภายใน ภาณุตามเข้าไปจนทันหน้าประตู หล่อนก็หันกลับมา

“นี่ค่ะ ของคุณ”

“ขอบคุณมากนะครับ เอ่อ... คุณ”

“อลิซค่ะ” หญิงสาววัยใสหัวเราะขบขันเมื่อเห็นสีหน้าเขา “คคนานต์ค่ะ หรือเรียกว่านางก็ได้นะคะ อลิซเป็นชื่อในวงการค่ะ”

“อ๋อ ที่แท้ก็เป็นดารา” ภาณุยิ้มตอบ “มีอะไรให้รับใช้ไหมครับ หรือว่ามาปรึกษาเรื่องบ้าน”

“ฉันมาหาพี่น่านฟ้าค่ะ คุณคงรู้จัก”

“ไม่รู้จักได้ยังไงครับ” ภาณุตอบแล้วยื่นมือไปรับของจากหญิงสาว “เขาเป็นเจ้านายของผม”

“คุณชื่อ...”

“ภาณุครับ”

“พี่ณุนี่เอง” หล่อนทวนคำแถมเรียกสนิท “พี่น่านเคยเล่าให้ฟังค่ะว่าเพื่อนชื่อภาณุ แต่ไม่เคยบอกเลยว่าดูดีขนาดนี้”
น้ำเสียงบ่งบอกความขี้เล่นและอารมณ์ดีจนภาณุชะงักไป คิดว่าต้องบอกหล่อนให้เข้าใจ

“อยู่ที่นี่น่านเป็นเจ้านายของผมครับ”

“แหม ถ่อมตัวจังเลยนะคะ เป็นคนอื่นคงโม้ยาวว่ามีเพื่อนเป็นเจ้าของบริษัทแล้วค่ะ”

คคนานต์หัวเราะเหมือนสนิทมาแรมปี ภาณุหันมองรอบข้างพนักงานพากันมองด้วยความสงสัย ก็รู้สึกอึดอัดจนต้องรีบเปลี่ยนเรื่อง

“คุณจะขึ้นไปหรือจะรอที่นี่ดีครับ”

“นางรอที่นี่ก็ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ… พี่ณุ” คัคนานต์ยิ้มหวานหยด ดวงตาเป็นประกาย

“งั้นอ่านหนังสือพิมพ์ไปพลาง ๆ ก่อนนะครับ เดี๋ยวผมให้พนักงานแจ้งพี่ชายคุณทราบก่อน”

“ขอบคุณมากนะคะ”

คคนานต์เปิดหนังสือพิมพ์อ่าน ภาณุเดินเลี่ยงไปแจ้งเลขาน่านฟ้าเรียบร้อยจึงเดินกลับมาหาหญิงสาวพร้อมน้ำส้มแก้วสูงเย็นเฉียบ ท่าทางหล่อนใส่ใจบางอย่างในหนังสือพิมพ์เป็นพิเศษทำให้เขานึกสนใจ

“อ่านอะไรอยู่ครับดูน่าสนใจนะ”

“อ๋อ... ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ข่าวคุณอรณีนักแสดงสาวชื่อดังกับเรื่องรักลับ ๆ ในกองถ่าย ไม่รู้งานนี้รักโปรโมทหรือเปิดตัวคู่รักต่างวัยในวงการ” หล่อนชี้ที่กรอบใหญ่หน้าหนึ่ง “หัวข่าวโปรยไว้น่าสนใจมากเลย พี่ณุชอบเธอไหมคะ นางจะได้อ่านให้ฟัง”

คคนานต์ยื่นหนังสือพิมพ์ให้ดูและรับแก้วน้ำผลไม้ที่โต๊ะตรงหน้ามาจิบ ภาณุถึงกับชะงักไปเมื่อเหลือบเห็นภาพอรณี

“ไม่เป็นไรเชิญคุณเถอะครับ ผมไม่ค่อยสนใจข่าวดารา”

“ไม่สนใจเลยเหรอคะ” หล่อนเซ้าซี้ “เธอสวยมากนะคะ นางยังชอบเลย”

“ไม่ครับ” ภาณุปฏิเสธแต่ปรายตามอง หัวใจกระตุกวูบที่เห็นภาพของอรณีกับนักแสดงหนุ่มหน้าใหม่หัวร่อต่อกระซิก ไม่เท่านั้นอีกภาพที่ตีคู่กันมาอีกกรอบเป็นภาพหล่อนกับผู้กำกับหนุ่มที่ดูเหมือนกำลังยื้อยุดกันชอบกล





+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ขอลงเรื่องนี้ไปก่อนค่ะ
จะลงให้อ่านจนจบ แค่ไม่มีตอนพิเศษในmebค่ะ

อ่านก่อน+ตอนพิเศษ ตามลิงค์นี้ได้เลยค่ะ
https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=57488

ตอนนี้มีลงเรื่องสั้นเรื่องนึงให้โหลดฟรี ตามลิงค์นี้ได้เลยนะคะ
https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=57832

ส่วนเรื่องสูตรลับจับรักน่าจะหยุดก่อนแล้วลงใหม่อีกทีค่ะ
ต้องเปลี่ยนโลเคชั่นจากสงขลามาเป็นชุมพร
และแก้ไขอาชีพพระเอกจากนักเขียน/จิตรกร เป็นอาชีพที่ลงในเรื่องสั้นให้โหลดฟรี
ก็เลยคงต้องแก้ยาวเลยค่ะ (จะส่ง สนพ. พิจารณา)

ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่า ^___^



lovereason2
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 พ.ค. 2560, 13:36:47 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 พ.ค. 2560, 13:36:47 น.

จำนวนการเข้าชม : 1204





<< บทที่ 3 ระยะห่างระหว่างเรา   บทที่ 5 - 6 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account