ฝากรักไว้ในสายหมอก (เปิดจองรูปแบบเล่มพร้อมE-Book)
มวยเกล้าผมวาง บนกล๋างกระหม่อม

แล้วเหน็บโอบล้อม ด้วยดอกเกี้ยวเกล้า
แดงเฮย...งามแต๊ บ่แลโศกเศร้า

สดใสเริงเลา ใคร่เฝ้าอยู่ใกล้
ผ่อจนเหลียวหลัง เป๋นดีใคร่ได้

โอบล้อมหัวใจ๋ ดวงนี้
แต่เก๊าเจ้าหวง สมแล้วว่าอี้

บ่ดีเด็ดเล่น เนอนายฯ.....



...........................................................................


เพราะความรัก ความผูกพันช่วงหนึ่งในวัยเยาว์

ที่เคยเติมเต็มหัวใจอันอ้างว้างของเขาให้อบอุ่นขึ้นมาได้

ความรู้สึกเหล่านั้นฝังแน่นอยู่ในใจตลอดมา

จนกระทั่งถึงวันนี้ที่เขากลับมาตามหาความรัก

ความผูกพันที่ได้ฝากไว้กับใครบางคน.



ฝากรักไว้ในสายหมอก

เป็นนิยายเรื่องแรกที่ได้รับการตีพิมพ์กับสนพ.กรียมายด์

ตอนนี้หมดสัญญาแล้วจึงเอามาทำเองค่ะ

ติดตามกันได้ในรูปแบบอีบุ๊คนะคะ




Tags: เกี้ยวเกล้า ไตรศูรย์ เชียงใหม่ ล้านนา โรงแรม ความรัก ความผูกพัน วัยเยาว์ สายหมอก

ตอน: ตอนที่ 13



“อ้าว ทำไมทำหน้ายังกะตูดลิงไอ้เกี้ยว” เกื้อกูลที่กลับมาจากธุระข้างนอกพร้อมสาลี่นั่งทอดหุ่ยอยู่หน้าเค้าเตอร์ เห็นเกี้ยวเกล้าเดินหน้าง้ำเข้าร้านมาพอดีเลยอดแซวไม่ได้

“เปล่าซะหน่อย แค่เบื่อๆ คน”

“ตายแล้ว อย่างนี้ก็เบื่อพวกพี่ด้วยสิ” แสงหล้าเย้าด้วยรอยยิ้ม

“เปล่านะคะ ไม่ใช่อย่างนั้นซะหน่อยพี่แสงหล้าก็...” รีบปฏิเสธแต่หน้าตายังไม่วายงอง้ำ

“ท่าทางแปลกๆ นะเกี้ยว แกเป็นอะไรหรือเปล่า เหมือนไปโกรธใครมาสักสิบชาติ” สาลี่ที่นั่งอยู่ไม่ไกลสามีถามขึ้นเมื่อเห็นท่าทางแปลกๆ ของเพื่อน ทำให้คนอารมณ์กรุ่นๆ เริ่มรู้สึกตัว

“ฉันไม่เป็นไรหรอกลี่ เอ่อ...ว่าแต่ป้าอิ่นอยู่ไหนเนี่ย”

“กลับบ้านไปแล้ว ฉันกับพี่เกื้อได้เห็ดนางรมมา เห็นแม่ว่าจะแกงใส่ถั่วให้กินกันน่าอร่อยนะปีนี้ยังไม่ได้กินเลย” เกี้ยวเกล้าไม่ออกความคิดเห็น แต่เดินตรงไปทางแสงหล้าที่กำลังทำความสะอาดชั้นวางของอยู่มุมหนึ่ง

“เป็นยังไงบ้างน้องเกี้ยวไปโรงแรมเวียงคำแก้วมา” แสงหล้าถาม

“ก็ดีค่ะ เอ่อ...ว่าแต่ใครเป็นผู้บริหารโรงแรมนี้คะพี่แสงหล้า” แล้วจึงตัดสินใจถามแสงหล้าในท้ายประโยค

“ก็คุณไตรรัตน์สามีคุณภัทรา แล้วก็คุณไตรศูรย์หลานชายแกไง น้องเกี้ยวไม่รู้จักเหรอ เห็นป้าอิ่นบอกว่าคุณไตรศูรย์เองก็รู้จักมักคุ้นกับแกดีนี่ ถึงได้มีสิทธิพิเศษตอนเข้ามาประมูลร้านนี้ไง”

“สิทธิพิเศษ ยังไงคะ? ”

“ก็แม่มีเงินถุงเงินถังที่ไหนเล่าไอ้เกี้ยว แบบว่าฐานะไม่ให้แต่ใจรักอะนะ การทำร้านเป็นเรื่องใหญ่นะเว้ย! ” เกื้อกูลที่นั่งฟังอยู่ไม่ไกลสอดขึ้นมากลางคัน เกี้ยวเกล้าหันไปมองอย่างสนใจ อีกฝ่ายจึงร่ายต่อ

“ก็เลยขายที่ให้คุณไตร ที่นั่นน่ะไม่ได้มีราคาค่างวดอะไรสักเท่าไหร่หรอก แต่ว่าคุณไตรเขาอยากได้จึงให้ราคาสูงเป็นพิเศษ เราถึงได้มีร้านนี้ไง ถ้าเจ๊งบ๊งนี่ซวยหมาเลยนะไอ้เกี้ยว เพราะนั่นน่ะที่สุดท้ายที่แม่เหลือแล้วแกก็รู้ แต่คุณไตรเขาก็คอยช่วยแม่มาตลอดทั้งตอนประมูลร้าน แล้วยังผลัดผ่อนเรื่องค่าเช่าอะไรบ้างตอนที่เราไม่ทัน โชคดีที่ตอนนี้เริ่มอยู่ตัวแล้วค่อยยังชั่วหน่อย”

“ถามทำไมเหรอเกี้ยว หรือแกไม่เคยรู้เรื่องนี้” สาลี่ถามด้วยความแปลกใจ เกี้ยวเกล้าพยักหน้า “ฉันก็ไม่ได้เล่าให้ฟัง เห็นคุณไตรเขาไปบ้านแกออกบ่อย สนิทกับบ้านแกจะตายไป ก็นึกว่าแกจะรู้”

“เขาอาจจะไม่อยากให้ฉันรู้ก็ได้” เกี้ยวเกล้าประชดลมๆ แล้งๆ ราวกับว่าจะให้มันลอยไปถึงหูคนที่พูดถึงกระนั้นแหล่ะ

“คงไม่หรอกน่าเกี้ยว ไม่ว่ามันจะเป็นยังไงก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรนี่” สาลี่สรุป นั่นสิ...ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายแต่ทำไมเธอถึงรู้สึกว่ามันติดอยู่ในใจเสียจริงนะ นาทีที่เห็นเขาก้าวเข้ามาในโรงแรมเมื่อครู่ และพอจับต้นชนปลายได้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตัวตลก น่าหัวเราะยังไงไม่รู้ ที่เข้าใจว่าเขาทำงานอยู่ที่อื่น แต่ที่มาป้วนเปี้ยนแถวนี้ก็เพราะมาทำธุระเท่านั้น ทั้งที่จริงแล้วที่ทำงานของเขากับเธออยู่ห่างกันแค่ไม่กี่เมตร

แม้เธอไม่เคยถามซอกแซกเรื่องส่วนตัวของเขา แต่อย่างน้อยเขาก็น่าจะบอกเธอบ้าง เมื่อคิดถึงตรงนี้หญิงสาวก็รู้สึกหงุดหงิดโมโหขึ้นมาเหลือกำลัง แต่...นี่เราจะโมโหเขาทำไมกันนะ ทั้งๆ ที่มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย? เกี้ยวเกล้าถามตัวเองพลางถอนหายใจ หรือว่า...สาเหตุที่เธอโมโหไม่ใช่เรื่องนั้น แต่เป็นเรื่องผู้หญิงจี๊ดจ๊าดที่ชื่อ ‘นีร่า’ คนนั้นต่างหาก ไม่หรอกน่า... จะไปรู้สึกอย่างนั้นทำไมกันล่ะ เราไม่ได้เป็นอะไรกับเขาสักหน่อย บ้าจริง*! ไม่มีทางหรอก* หญิงสาวรีบปฏิเสธตัวเองในทันที

หลายวันต่อมา ตอนเย็นหลังจากวิ่งวุ่นกับลูกค้าเกี้ยวเกล้ากลับมานั่งซ่อมผ้ากับแสงหล้า โดยมีป้าอิ่นคำนั่งเช็คของอยู่ตรงโซฟา เกื้อกูลกับสาลี่กลับบ้านไปแล้ว

เสียงกระดิ่งประตูดังขึ้น ทำให้เกี้ยวเกล้ากับแสงหล้าวางเข็มและผ้าในมือเกือบพร้อมกัน

“สวัสดีค่ะ เชิญด้านในเลยค่ะ อ่า...” เกี้ยวเกล้าชะงัก เมื่อเห็นร่างสูงที่ก้าวเข้ามาในร้านพร้อมรอยยิ้ม “สำหรับลูกค้าคนนี้เกี้ยวยกให้พี่แสงหล้าเลยค่ะ” เธอกระซิบ แสงหล้าหัวเราะเบาๆ แล้วแกล้งว่า

“ทุกทีพี่แทบไม่ทันน้องเกี้ยว แต่...ดูท่าคนนี้ไม่ได้มาซื้อของหรอกมั้งพี่ว่า” เปรยในท้ายประโยคเหมือนรู้จักคนที่เข้ามาใหม่เป็นอย่างดี

“อ้าว พ่อไตร ไปยังไงมายังไงล่ะเนี่ย ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” ป้าอิ่นคำทักทาย

“สวัสดีครับป้าอิ่น ช่วงนี้ผมไม่ค่อยว่างน่ะครับป้า”

“ว่าแล้วเชียว เออ...แล้วบ้านเป็นไงบ้างล่ะพ่อไตร ซ่อมถึงไหนแล้ว”

“ใกล้เสร็จแล้วล่ะครับ วันนี้ผมว่าจะมาชวนคุณเกี้ยวไปดูพวกต้นไม้ไปลงหน่อยน่ะครับ” ประโยคหลังเขามองมาทางหญิงสาวเหมือนชวนกลายๆ

“ฉันไม่ว่างค่ะ ทำงานอยู่” เธอกลับบอกเหมือนไม่ใส่ใจ ทำเป็นง่วนอยู่กับงานตรงหน้า

“ไม่เป็นไรครับ ผมรอร้านปิดก็ได้” เขาตอบอย่างไม่ยอมแพ้

“นั่นก็ดึกไป ร้านต้นไม้คงปิดแล้ว” เธอปิดทางทันทีเช่นกัน

“เอาล่ะๆ เอาเป็นว่าป้าอนุญาตให้ไปตอนนี้ได้ เพราะปกติเกี้ยวทำงานอาทิตย์ละเจ็ดวันอยู่แล้วนี่ลูก ไปเปิดหูเปิดตาหน่อยก็ดีนะลูกนะ” ป้าอิ่นคำที่ฟังอยู่ออกอาการอดรนทนไม่ได้

“ที่ร้านต้นไม้เนี่ยนะคะป้า...เกี้ยวไม่อยากไป แล้วเกี้ยวก็ไม่อยากใช้สิทธิพิเศษที่เป็นหลานป้าอิ่นทิ้งงานไปด้วย เดี๋ยวพี่แสงหล้าว่าเอา” เธอพยายามลากเหตุผลหรือข้ออ้างร้อยแปดมาใช้ แต่...

“พี่ไม่ว่าหรอก พี่ว่าน้องเกี้ยวใช้สิทธิพิเศษในการทำงานทุกวันโดยไม่มีวันหยุดมากกว่า แล้วที่ให้พี่หยุดอาทิตย์ละครั้งนี่ก็รู้สึกเอาเปรียบน้องเกี้ยวยังไงไม่รู้ ไปเถอะจ้ะ” แสงหล้าสนับสนุนเต็มที่

“แต่ว่า...”

“ไปเถอะลูก ป้าอยู่กับแสงหล้าเอง ไม่ต้องเป็นห่วงร้านหรอก” หญิงสาวพูดไม่ออก แม้อยากจะบอกเหลือเกินว่าที่เธอไม่อยากไปไม่ใช่เพราะเป็นห่วงร้าน แต่เพราะไม่อยากไปกับเขาต่างหาก แต่ดูท่าแล้วเธอคงต้องยอมแพ้แล้วล่ะ ก็ทุกคนเล่นถือหางเขาออกขนาดนี้ ทำไมทุกคนถึงเห็นดีเห็นงามไปกับเขาเสียทุกเรื่องอย่างนี้นะ เกี้ยวเกล้ายิ่งคิดยิ่งหงุดหงิดในใจ

ชายหนุ่มพารถเคลื่อนออกจากหน้าร้านอิ่นคำ โดยมีร่างบางนั่งหน้างอง้ำบอกบุญไม่รับอยู่ข้างๆ แต่

เขากลับยิ้มได้สบายใจ วันนี้เธอยังอยู่ในชุดผ้าซิ่น และเสื้อแขนกระบอกสีชมพูอ่อนหวาน ห่มทับด้วยสไบสีเข้ม มวยผมเกล้าทัดด้วยดอกลีลาวดีสีขาว ต่างหูเป็นจี้เงินกลมขนาดกลางแบบแนบหูเรียบๆ และข้อมือมีกำไลเงินฉลุเป็นลวดลายดอกไม้สองอันสวมไว้ ยามเธอเคลื่อนไหวมันจะกระทบกันดังกรุกกริกน่าฟังนักในความรู้สึกของเขา

ตั้งแต่รู้ว่าเธอมาอยู่ที่นี่ ไตรศูรย์ก็แอบมาดูตั้งแต่วันแรกโดยไม่ปรากฏตัวให้เธอเห็น จนกระทั่งวันที่มาดักเจอเธอเพื่อขอโทษเรื่องที่ทำให้เธอเป็นลมนั่น จากนั้นมาหากว่างแม้เพียงนิดหน่อยเขาก็มักจะเตร่แถวร้านตรงข้าม หรือร้านข้างๆ ตรงที่สามารถมองเห็นเธอได้ เนื่องจากร้านอิ่นคำกรุกระจกใสเป็นส่วนมาก ทำให้สามารถมองเห็นความเคลื่อนไหวภายในร้านได้ไม่ยาก

ชายหนุ่มมักเพลินกับการเห็นเธอเดินไปมาอยู่ภายในร้าน ยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่กับลูกค้าหรือง่วนอยู่กับผ้ากองโต ไม่ก็หน้าคอมพิวเตอร์ในเค้าเตอร์ของร้านที่ตั้งอยู่ด้านใน ท่าทางกระตือรือร้นไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยทำให้เขาออกจะเป็นห่วง แต่ก็ยังเห็นเธอยิ้มแย้มแจ่มใส ซึ่งต่างจากตอนนี้เหลือเกิน หรืออาจจะตั้งแต่วันก่อนที่เขากับเธอเจอกันที่โรงแรมเวียงคำแก้ว

“คุณอยากได้ดอกไม้หรือต้นไม้อะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า” เขาเอ่ยถามทำลายความเงียบ

“ไม่มีค่ะ” เธอตอบห้วนสั้น

“ผมต้องขอความคิดเห็นและความร่วมมือจากคุณนะ ไม่งั้นมันก็สำเร็จไม่ได้”

“ไม่เห็นจะจริง ทุกทีคุณก็ทำของคุณเองอยู่แล้วนี่” ริมฝีปากบางประชดเต็มที่

“คุณโกรธผม เรื่องที่ไม่บอกคุณว่าผมทำงานที่โรงแรมหรือเปล่า ผมไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังคุณนะ”

“แต่คุณก็ไม่บอก” เธอสะบัดเสียงสวนทันควัน นั่นกลับทำให้อีกฝ่ายยิ้มด้วยความมั่นใจในสิ่งที่คิด

“แต่คุณก็ไม่ได้ถามผมนี่ ผมไม่เคยคิดว่าคุณจะสนใจใยดีเรื่องส่วนตัวของผม ผมก็เลยไม่รู้จะบอกยังไง ไม่อยากให้คุณคิดว่าผมโอ่หรืออวดเบ่งเหมือนที่เคยว่าผมอวดรวยนั่น ผมไม่คิดว่ามันจะสำคัญสำหรับคุณ” น้ำ

เสียงของเขาติดตัดพ้อเล็กๆ ทำให้คนหน้างอเงียบไปครู่หนึ่งเหมือนครุ่นคิดกับคำพูดของเขา

“ก็ไม่ได้สำคัญ” ก่อนทำหน้าเชิดตอบ

“แต่...คุณโกรธ” เขารุกต่อ

“ฉันเปล่า” เธอปฏิเสธเสียงหลง ท่าทางกระเง้ากระงอดคลายลง ทำให้ใบหน้าคมเข้มเกลื่อนรอยยิ้ม

“งั้นก็ยิ้มให้ผมเห็นสิ ทำหน้าบึ้งมาตลอดทาง จนคิ้วจะติดกันอยู่แล้วนะนั่น ระวังต้องไปผ่าออกล่ะ”

“ไม่จริงซักหน่อย คนบ้า! ” เธอย่นจมูก รีบหันหน้าไปอีกทางเพื่อซ่อนรอยยิ้ม ชายหนุ่มหัวเราะชอบใจ

บนพื้นที่กว้างขวางริมถนนสายนอกเมืองเต็มไปด้วยต้นไม้ ดอกไม้วางเรียงราย ทั้งไม้กระถางจำพวกดอกทั้งหลาย จนถึงไม้ยืนต้นสูงหลากหลายพันธุ์ที่ต้องใช้ไม้ค้ำยัน อีกด้านของสวนเป็นโรงเรือนขนาดกลางมุงหลังคาด้วยแสลมบ้าง และปล่อยโล่งรับอากาศบ้างเป็นส่วนของกล้วยไม้โดยเฉพาะ ต่างออกดอกอวดสีสันละลานตา

ที่นี่น่าจะเรียกว่าสวนมากกว่าร้านต้นไม้ธรรมดาๆ ค่าที่มันมีพื้นที่จุไม้ดอกไม้ประดับกว้างขวางมาก แถมด้านในเข้าไปเป็นสำนักงานขายที่ทำเป็นบ้านหลังเล็ก ด้านข้างยังต่อเป็นโรงเรือนสำหรับเก็บปุ๋ย กระถาง ดิน อุปกรณ์เกี่ยวกับการเกษตรที่มีอยู่มากมายไว้ให้ลูกค้าเลือกสรร

ทุกครั้งที่เกี้ยวเกล้าตั้งใจเดินตามร่างสูง เขาก็จะจงใจชะลอเท้าไว้เพื่อรอให้เธอเดินตามได้ทัน แล้วจึงออกเดินเคียงข้างเธอต่อ เป็นอยู่อย่างนั้นร่ำไป จนในที่สุดเธอก็ยอมแพ้และก้าวไปพร้อมๆ กับเขาแต่โดยดี

“คุณว่า พวกดอกลีลาวดีนี่ดีไหม” ไตรศูรย์ถามพลางหันมาจ้องดอกลีลาวดีบนมวยผมเกล้าของเธอ หญิงสาวรู้สึกประหม่าขึ้นมาทันที

“ก็แล้วแต่คุณสิคะ” แม้จะขัดเขินกับสายตาคู่คมของเขา แต่เธอก็ตอบออกไปจนได้ พร้อมกับที่ในใจคิดไปถึงครั้งหนึ่ง ที่นั่นเคยมีดอกไม้ชนิดนี้ปลูกอยู่ตรงริมรั้ว แต่เป็นพันธุ์ดอกเล็กมีสีขาวอมเหลืองนวลกลิ่นหอมมาก ยายเรียกมันว่า ‘ดอกจุ๋มป๋าลาว’

“แล้ว...ดอกกาสะลองล่ะ แล้วแต่ผมอีกแล้วใช่ไหม” เขาดักคอยิ้มๆ

“อ้าว คุณไตร สวัสดีครับ เชิญครับเชิญ ต้องการต้นไม้อะไรบ้างครับวันนี้” ชายหนุ่มร่างเล็ก ผิวขาวท่าทางขี้เล่นเดินเข้ามาทักทายไตรศูรย์พร้อมรอยยิ้ม

“สวัสดีครับ คงหลายอย่างอยู่นะครับแต่คงไม่เยอะเหมือนทุกที เพราะจะเอาไปลงบ้านส่วนตัวน่ะครับ ไม่ใช่โรงแรมหรือร้านอาหาร” ไตรศูรย์ตอบเหมือนรู้จักคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี

“โอ๊ย! ยินดีครับไม่ว่ากัน แล้วที่จะเอาไปลงนี่เป็นเรือนหอหรือเปล่าครับ” คนพูดปรายตามองเกี้ยวเกล้าอย่างมีความนัย

“เอ่อ คือ...” คนตัวโตถึงกับอึกอักไปเพราะไม่ทันตั้งตัว

“ดีใจด้วยนะครับ ว่าแต่เจ้าสาวชื่ออะไรครับเนี่ย” หนุ่มร่างเล็กหันมาถามหญิงสาวโดยตรงบ้าง เล่นเอาใบหน้าของคนถูกถามเริ่มซับสีชมพูขึ้นมาทันตาเห็น

“นี่คุณเกี้ยวเกล้าครับ” ไตรศูรย์รีบแนะนำติดเก้อเขินไม่แพ้กัน

“ยินดีที่รู้จักครับ ผม ‘พัฒนะ’ เจ้าของสวนครับ เดี๋ยวผมมีพิเศษให้เรือนหอคุณไตรด้วย อย่าปฏิเสธนะครับ ลูกค้ารายใหญ่จะแต่งงานทั้งที เชิญเลือกกันตามสบายเลยนะครับผมไม่กวนล่ะ” ท้ายประโยคหันมาบอกกล่าวกับเกี้ยวเกล้าโดยเฉพาะเสียอย่างนั้น

เมื่อเจ้าของสวนจากไปแล้ว เหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่างทำให้ทั้งสองหันมาสบตากันโดยไม่ได้นัดหมาย ก่อนที่หญิงสาวจะเป็นฝ่ายหลบสายตาคมของเขาก่อน และซ่อนใบหน้าแดงๆ ด้วยการเบือนไปทางอื่น

“เอ่อ...ที่นี่เป็นสวนเจ้าประจำเวลาต้องการใช้ดอกไม้ ต้นไม้ไปจัดสวน หรือประดับตกแต่งร้านอาหาร บ้าน โรงแรมเราก็จะสั่งจากที่นี่ ก็เลยค่อนข้างรู้จักกันดี คุณพัฒนะเขาก็ขี้เล่นอย่างนี้แหล่ะ บางทีอาจจะ อ่า...คือ...” ชายหนุ่มพูดขึ้นเหมือนต้องการอธิบายถึงความสนิทสนมของเขากับเจ้าของสวน จนเป็นเหตุให้มีการหยอกล้อที่ชวนหน้าร้อนผ่าวเกิดขึ้นอย่างนี้ แต่ทว่าพูดได้แค่นั้นก็ไปไม่เป็นเสียแล้ว...เขาจึงได้แต่ลูบต้นคอตัวเองพลางยิ้มเก้อเขิน

“เอ่อ...ผมว่า ผมไปหาน้ำมาให้คุณดื่มก่อนดีกว่า เราคงต้องใช้เวลากันอีกสักพักในการดูต้นไม้” และแล้วก็พยายามกู้ตัวเองจากสถานการณ์อันน่ากระอักกระอ่วนชวนใจไหวจนได้

หลังจากที่พากันเลือกต้นไม้สักพักใหญ่ๆ ทั้งสองจึงพากันมาที่สำนักงาน

“ผมเลือกไว้แล้วจำนวนหนึ่งคุณช่วยจัดให้ด้วยนะครับ แต่อาจจะรบกวนคุณช่วยดูเพิ่มเติมให้อีกหน่อย แล้วผมจะโทร.มาคุยรายละเอียดอีกที” ไตรศูรย์บอกกับเจ้าของสวน

“ได้เลยครับคุณไตร ถ้าต้องการให้ทางผมไปส่งให้เหมือนเดิมก็บอกล่วงหน้ามาด้วยนะครับ สำหรับคุณไตรแล้ว ใกล้-ไกลบริการให้ฟรีครับ”

“ขอบคุณมากครับ ผมต้องขอตัวกลับก่อนนะครับ” ทั้งสองลากลับ ยังไม่วายถูกเจ้าของสวนเย้าแหย่ตามประสาคนขี้เล่น ทำให้เกี้ยวเกล้าหน้าแดงทิ้งท้ายก่อนกลับอีกละลอก

การเลือกต้นไม้ครั้งนี้ เกี้ยวเกล้าไม่กล้าตัดสินใจอะไรมากนัก เธอให้สิทธิ์ไตรศูรย์ตัดสินใจทั้งหมด ในขณะที่ตัวเองเดินดูต้นไม้ ดอกไม้เพลินๆ และเลือกดอกไม้กระถางประเภทคุณนายตื่นสาย กล้วยไม้สีสวยๆ ไม่กี่กระถาง หญิงสาวไม่ได้ดูด้วยซ้ำว่าเขาเลือกอะไรบ้าง

เธอวางบ้านของยายไว้ในมือของเขา ตั้งแต่วินาทีที่ตกลงปลงใจให้เขาเป็นส่วนหนึ่งของมันแล้ว ในวันนี้ไม่ว่าเขาจะเอาต้นไม้ ดอกไม้อะไรไปลงมันคงไม่ใช่เรื่องสำคัญ ขอแค่เขาทำตามข้อตกลงเรื่องตัวบ้านที่ได้รับปากเธอไว้ คือปรับปรุงซ่อมแซมให้เหมือนเดิมที่สุด โดยไม่ต้องต่อเติมอะไรอีก แค่นี้หญิงสาวก็พอใจแล้ว

หมายเหตุ ***ตั๋วเมือง - อักษรของล้านนาที่มีสักษณะเฉพาะตัว และใช้กันในสมัยโบราณ



ตอนนี้อีบุ๊ค ‘ฝากรักไว้ในสายหมอก’ ลงขายแล้วนะคะ
ตามลิ้งค์ที่แนบมาค่ะ ใครสนใจอยากเก็บพี่ไตร+น้องเกี้ยวเข้ากรุสมบัติ เข้าไปโหลดกันได้รัวๆเลยจร้า
หรือสนใจนิยายเรื่องอื่นๆในนาม ‘พิริตา’ และ ‘อเมทริน’ ก็สามารถเข้าไปโหลดกันได้นะคะ ทั้งตัวอย่างและอีบุ๊ค
ขอบคุณค่า
meb
https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiNzEyOTE2IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiNTc3OTMiO30

hytexts
https://www.hytexts.com/ebook/B012031-ฝากรักไว้ในสายหมอก

ookbee
http://www.ookbee.com/shop/BookInfo?pid=a927a107-7f6d-4c43-9301-a8c03f420109&affiliateCode=1168c15837084f8bbb5cf6fde0ca707d

นายอินทร์ปัณณ์
https://naiin.com/product/detail/214536




กานพลู
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 พ.ค. 2560, 13:11:42 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 พ.ค. 2560, 13:11:42 น.

จำนวนการเข้าชม : 1085





<< ตอนที่ 12   ตอนที่14​ >>
แว่นใส 10 พ.ค. 2560, 20:33:07 น.
สมพรปากนะพี่ไตร


กานพลู 15 พ.ค. 2560, 10:59:12 น.
ขอบคุณนะคะที่ติดตามตลอดเลยยยย รักๆๆๆ กอดๆๆๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account