ฝากรักไว้ในสายหมอก (เปิดจองรูปแบบเล่มพร้อมE-Book)
มวยเกล้าผมวาง บนกล๋างกระหม่อม

แล้วเหน็บโอบล้อม ด้วยดอกเกี้ยวเกล้า
แดงเฮย...งามแต๊ บ่แลโศกเศร้า

สดใสเริงเลา ใคร่เฝ้าอยู่ใกล้
ผ่อจนเหลียวหลัง เป๋นดีใคร่ได้

โอบล้อมหัวใจ๋ ดวงนี้
แต่เก๊าเจ้าหวง สมแล้วว่าอี้

บ่ดีเด็ดเล่น เนอนายฯ.....



...........................................................................


เพราะความรัก ความผูกพันช่วงหนึ่งในวัยเยาว์

ที่เคยเติมเต็มหัวใจอันอ้างว้างของเขาให้อบอุ่นขึ้นมาได้

ความรู้สึกเหล่านั้นฝังแน่นอยู่ในใจตลอดมา

จนกระทั่งถึงวันนี้ที่เขากลับมาตามหาความรัก

ความผูกพันที่ได้ฝากไว้กับใครบางคน.



ฝากรักไว้ในสายหมอก

เป็นนิยายเรื่องแรกที่ได้รับการตีพิมพ์กับสนพ.กรียมายด์

ตอนนี้หมดสัญญาแล้วจึงเอามาทำเองค่ะ

ติดตามกันได้ในรูปแบบอีบุ๊คนะคะ




Tags: เกี้ยวเกล้า ไตรศูรย์ เชียงใหม่ ล้านนา โรงแรม ความรัก ความผูกพัน วัยเยาว์ สายหมอก

ตอน: ตอนที่ 17



หญิงสาวเพ่งมองบ้านเก่าแก่หลังนั้นอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง บันไดผุพังที่เห็นในวันก่อนถูกรื้อทำใหม่ในรูปแบบเดิม กาแลที่หักแหว่งไปก็ทำใหม่ด้วยลวดลายอ่อนช้อยเช่นเดิม และต้นดอกเกี้ยวเกล้าที่ยังไม่มีดอก แต่ใบเขียวสดดีนัก ดอกแก้วตรงตีนบันไดข้างโอ่งน้ำก็ออกดอกประปรายกรุ่นกลิ่นหอมอ่อน ดูเหมือนได้รับการดูแลเป็นอย่างดี

ตัวบ้านเองทาน้ำมันขับสีของไม้ให้เห็นชัดเจน ดูกลมกลืนกันทั้งเก่าและที่พึ่งซ่อมแซม ใต้ถุนที่เคยมีเปลไม้ไผ่สานแขวนไว้ให้เด็กๆ นอนเล่น ตอนนี้มันยังอยู่ที่เดิม เสียดายก็แต่กี่ทอผ้าของยายที่ย้ายไปอยู่ที่บ้านโน้น แต่ก็นั่นแหล่ะ อยู่ที่โน่นแม่ของเธอคงได้ใช้ประโยชน์มากกว่าเอามาวางไว้ที่นี่เฉยๆ

เกี้ยวเกล้าสาวเท้าขึ้นบันไดช้าๆ หัวใจพองโตปนตื่นตะลึง เธอผลักประตูไม้ซี่กั้นบันไดกับชานบ้าน ซึ่งตอนนี้มันสมบูรณ์ดีแล้ว ตรงชานบ้านที่ทำใหม่แข็งแรงแน่นหนา ด้านหนึ่งมีฮ้านน้ำที่ทำขึ้นมาใหม่แต่ยังคงรูปแบบเดิม มีหม้อน้ำดินเผาวางเรียงกันอยู่ 3-4 ใบ และต่อจากฮ้านน้ำมีกระถางดอกไม้เล็กๆ เรียงรายอยู่ ทั้งมะลิ ซ่อนกลิ่น ว่านบางชนิดที่เธอไม่รู้จักชื่อ แต่ว่าในอดีตมันเคยมีต้นเหล่านี้อยู่ตรงนั้น

ที่เพิ่มเติมขึ้นมาก็เห็นจะเป็นพวกดอกคุณนายตื่นสายและกล้วยไม้ ที่เธอเลือกอย่างไม่ตั้งใจในวันนั้น ถูกแขวนอยู่ริมชายคา ร่วมกับกล้วยไม้พันธุ์พื้นเมืองที่เธอคุ้นเคยดี มีทั้งเอื้องผา เอื้องผึ้ง เอื้องหงอนไก่ ฯลฯ ที่ตอนนี้ยังไม่มีดอกให้ได้ชื่นชม

ร่างบางเดินสำรวจไปทั่วบ้านด้วยความรู้สึกตื้นตันในใจ เมื่อเห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างภายในบ้านนี้ช่างเหมือนกับวันที่มียายอยู่เหลือเกิน ราวกับความฝัน แม้จะมีสิ่งใหม่ๆ บางอย่างเพิ่มเติมขึ้นมาหรือขาดหายไปบ้างแต่ก็เป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่เธอไม่คิดว่าจะทำให้บ้านนี้เปลี่ยนแปลงไปได้

แม้แต่ห้องนอนของยายกับเธอ ที่พอเปิดประตูเข้าไป ข้าวของเครื่องใช้ภายในห้องนี้ ไม่ว่าจะเป็นที่นอน หมอน ผ้าม่าน ล้วนเป็นผ้าทอมือ ลวดลายคลับคล้ายที่ยายเคยใช้ หญิงสาวจำได้ว่ามีหลายครั้งที่เธอเคยช่วยแสงหล้าจัดของเหล่านี้ให้ลูกค้าตามออร์เดอร์ แต่ไม่เคยรู้ว่าเป็นของที่ไตรศูรย์สั่ง เพราะทั้งป้าอิ่นคำและแสงหล้าได้แต่บอกเธอว่าเป็นของลูกค้า เธอก็คิดว่าคงเป็นคนที่เธอไม่รู้จักจึงไม่ได้สนใจซักไซ้มากนัก

แต่สะดุดใจกับสีสันลวดลายที่เห็นมากกว่า จนแอบหมายมาดอยู่ในใจว่าหากซ่อมแซมบ้านเสร็จ เธอจะหาผ้าแบบนี้มาใช้เหมือนตอนที่ยายอยู่บ้าง เพราะมันทำให้เธอคิดถึงยายมาก และยิ่งตอนนี้สิ่งที่อยู่ในสายตา ทำให้เธอรู้สึกเหมือนเห็นยายนั่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะเล็กๆ ริมหน้าต่าง เหมือนได้กลิ่นน้ำมันมะพร้าวที่ยายใช้ใส่ผมกรุ่นอยู่ในความรู้สึก

แม้ความจริงในวันนี้จะไม่มียายอยู่ด้วยกันกับเธอที่นี่แล้ว แต่ทุกอย่างกลับชัดเจน เพราะเขาสินะ...หญิงสาวเคยคิดว่าหากเขาทำอะไรที่ไม่ถูกใจเกินกว่ารับได้ เธอจะตัดใจรื้อถอนบ้านยายออกมาจากที่ดินของเขาดื้อๆ เสียอย่างนั้น แต่เธอไม่คิดว่าเขาจะทำได้ขนาดนี้ ที่สำคัญเขายังใส่ใจและจำรายละเอียดทุกๆ อย่างได้ เขาไม่ได้ลืมทุกสิ่งทุกอย่างไปอย่างที่เธอเข้าใจในตอนแรก หรือว่า...แท้ที่จริง เขายังจดจำทุกสิ่งทุกอย่างและที่นี่ได้ดีเช่นเดียวกันกับเธอ หญิงสาวรู้สึกเต็มตื้นอยู่ในอก น้ำตาคลอด้วยความซาบซึ้งใจ

“แม่จ๋า คืนนี้เกี้ยวจะค้างที่นี่นะจ๊ะ” เกี้ยวเกล้าโทร.หาแม่เมื่อตัดสินใจว่าจะค้างคืนที่บ้านยาย

“จะค้างได้เหรอลูก แล้วมีใครอยู่หรือเปล่าล่ะนั่น” น้ำเสียงแม่ออกอาการเป็นห่วงไม่น้อย

“แม่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกจ้ะ น้าลีกับน้าปันก็อยู่ตลอด ไม่มีอะไรหรอกจ้ะแม่”

“แล้วบ้านเป็นยังไงบ้าง ซ่อมเสร็จแล้วเหรอลูกจะนอนได้หรือเปล่า” ถึงกระนั้นปลายสายยังไม่วางใจเสียทีเดียว

“ได้สิจ๊ะแม่ ซ่อมแซมเสร็จแล้ว ใช้ได้เหมือนเดิมเลยล่ะจ้ะ เอ่อ...ต้องขอบคุณ คุณไตรเขาน่ะจ้ะแม่ ตอนนี้เกี้ยวคิดถึงยายมากเลยเมื่อเห็นบ้านเป็นเหมือนเดิม”

“เหรอลูก แม่ชักอยากเห็นแล้วสิ” จากที่เป็นห่วงลูกสาวกลับกลายเป็นอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาแทนที่

“แม่ก็ชวนพ่อกับพี่แก้ว พี่ทศ มาสิจ๊ะ” เกี้ยวเกล้ารีบชวน

“เออ...เดี๋ยวนะ แม่ถามพ่อดูก่อน” เธอได้ยินเสียงแม่ตะโกนถามพ่อโหวกเหวก สักครู่จึงส่งเสียงมาตามสายต่อ “วันนี้คงไม่ได้หรอกลูก พ่อเขายังติดทำโคมลอย ทำกระทงใหญ่กับชาวบ้านที่วัดอยู่เลย พรุ่งนี้ตอนบ่ายๆ พ่อกับแม่จะเข้าไปละกัน”

“ดีจ้ะแม่ คืนพรุ่งนี้เราค้างด้วยกันอีกคืนก็ได้ ค่อยกลับตอนเช้า เกี้ยวจะได้ไปจัดร้านกับลี่เลย”

เมื่อวางสายจากแม่แล้ว เกี้ยวเกล้ายิ้มให้กับตัวเอง เธอรู้ดีว่าแม่อ่อนแก้วอยากเห็นบ้านยายมากแค่ไหน นี่ถ้าไม่ติดว่าต้องเตรียมตัวสำหรับงานบุญในประเพณียี่เป็งประจำปี ป่านนี้คงมากับเธอแล้ว และเธอเองก็รู้สึกยินดีที่พ่อ แม่ จะมาเห็นสภาพบ้านยายในตอนนี้ ใจจริงเธออยากชวนเพื่อนๆ มาด้วยซ้ำ แต่ทั้งเจน แก้มใส ตึ๋ง กำลังอยู่ในช่วง ‘น้ำขึ้น’ จึงพากันรีบตักกันใหญ่เธอเลยไม่อยากกวน รวมทั้งรีบร้อนมาดูบ้านด้วยเลยทำให้เธอแค่โทร.หาและนัดเจอกันวันงานยี่เป็งที่จะถึงนี้

เย็นย่ำหลังกลับจากกินข้าวกับสองผัวเมียที่บ้านเล็กแล้ว ร่างบางในชุดกางเกงขาก๊วยตัวยาวกับเสื้อยืดขนาดพอดีตัว เดินดูบรรดาต้นไม้ ดอกไม้ที่พึ่งลงจนหนำใจ ต่อเมื่อความมืดเริ่มโรยตัวลงมาแล้วนั่นแหล่ะจึงได้เวลาขึ้นบ้าน ขณะที่ตักน้ำในโอ่งล้างเท้าเสร็จแล้ว ยังไม่วายโน้มใบหน้าลงไปดมดอกแก้ว สูดกลิ่นหอมเข้าเต็มปอด และเอื้อมมือไปแตะต้นดอกเกี้ยวเกล้าอีกฟาก พลางกระซิบกับมันเบาๆ ‘ออกดอกเร็วๆ นะจ๊ะ ’ แล้วเดินร่าเริงขึ้นบันไดไป...

ค่ำคืนท้องฟ้ามีดวงดาวละลานตา เสียงแมลงร้องดังอยู่ในบรรยากาศ ดอกซ่อนกลิ่นส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ มาแตะจมูก เกี้ยวเกล้าปูเสื่อที่ชานบ้าน ตั้งใจจะอ่านหนังสือนิยายที่เอาติดตัวมา แต่ดาวที่พร่างพรายอยู่บนฟ้ากับแสงจันทร์ที่เริ่มทอแสงสวยก่อนถึงคืนเดือนเพ็ญในอีกไม่กี่วันนี้ ทำให้เธอต้องละความสนใจจากหนังสือเล่มโปรด ปิดไฟ นอนมองท้องฟ้าดวงดาวด้วยความสบายใจ

และปล่อยความคิดไปเรื่อยเปื่อย ส่วนมากเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับบ้านหลังนี้ ยาย และความทรงจำในวันเก่า ที่นี่ช่างมีความรัก ความทรงจำ ความผูกพันอยู่มากมายเหลือเกิน และเธอก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าในซอกมุมหนึ่งของความรู้สึกลึกๆ ยังมีอีกหนึ่งเรื่องราวที่แอบซ่อนอยู่ แม้จะเป็นความทรงจำที่แสนสั้นแต่เธอยังไม่เคยลืม

ปลายฤดูหนาวของปีนั้น เด็กหญิงวัย 9 ขวบนอนหนุนตักยายเอื้อย โดยมีเด็กชายวัย 12 ขวบนอนอยู่บนเสื่อใกล้ๆ กัน ยายเอื้อยนั่งพัดไล่ยุงให้หลานไปพลางฮ่ำค่าว ทั้งที่ยายแต่งขึ้นเองหรือไม่ก็เป็นนิทานชาดกพื้นบ้านล้านนาที่เล่าสืบต่อกันมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเจ้าสุวัตร-นางบัวคำ หงษ์หิน เต่าน้อยอองคำ จ๋ำป๋าสี่ต้น ฯลฯ

มันผ่านมานานจนเธอจดจำได้เพียงบางเรื่องราว บางช่วงบางตอนเท่านั้น แต่บรรยากาศในตอนนั้นต่างหากที่มันยังติดตรึงอยู่ในใจ ป่านนี้...ยายคงจะอยู่บนฟ้าและมองลงมาเห็นเธออยู่ตรงนี้ เธออยากได้ยินเสียงยายฮ่ำค่าวเหมือนวันเก่าอีกครั้ง ไม่ว่าจะในความจริงหรือในฝันก็ตาม...

ไตรศูรย์ดับเครื่องยนต์พลางเปิดประตูรถ สายตาจับจ้องไปยังรถปิคอัพสีบล็อนที่จอดอยู่ แล้วรอยยิ้มอ่อนๆ ก็ปรากฏบนใบหน้าเข้ม ก่อนจะลงจากรถ

“ทำไมมาดึกนักล่ะพ่อไตร” น้าปันทักทายทั้งที่งัวเงีย

“ไม่ดึกหรอกครับ น้านอนเร็วมากกว่ามั้ง” เขาแกล้งว่า ขณะหยิบข้าวของส่งให้น้าปันเอาไปเก็บ “เอ่อ...คุณเกี้ยวมานานแล้วเหรอครับน้า”

“ตั้งแต่ตอนสายๆ แล้วล่ะ ป่านนี้คงนอนแล้วมั้งเห็นปิดไฟไปตั้งนานแล้ว พ่อไตรกินข้าวมาหรือยัง เดี๋ยวจะปลุกมาลีมาทำให้กิน”

“ไม่ต้องหรอกครับ ผมเรียบร้อยมาแล้ว น้าปันไปนอนเถอะครับผมจะไปบ้านโน้นเลย”

ชายหนุ่มเอื้อมมือเข้าไปปลดล็อคประตูไม้ซี่ตรงบันได ออกแรงผลักเบาๆ ให้ประตูนั้นเปิดออก ทั้งบ้านเงียบเชียบ เขามองฝ่าความสลัวของแสงจันทร์ที่สาดส่องมา แล้วสายตาก็สะดุดกับร่างที่นอนอยู่บนเสื่อกลางชานบ้าน ชายหนุ่มจึงสาวเท้าเข้าไปหาพยายามเบาฝีเท้าเผื่อว่าเธอจะหลับอยู่

เมื่อเข้าไปใกล้และก้มมอง จึงเห็นว่าเธอหลับอยู่จริงๆ ชายหนุ่มตัดสินใจทรุดตัวนั่งลงข้างๆ แล้วค่อยๆ ดึงหนังสือออกจากมือข้างหนึ่งอย่างเบามือ แต่เจ้าของร่างบางยังไม่รู้สึกตัว ไตรศูรย์เพ่งมองใบหน้าหวานยามต้องแสงจันทร์ยิ่งดูสวยในสายตาของเขาจนอดใจไม่ไหว ใบหน้าคมเข้มค่อยๆ โน้มลงไปใกล้แล้วแอบแตะจมูกบนหน้าผากเนียนเกลี้ยงเกลาแผ่วเบา

ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของแชมพูมาจากเส้นผมยาวที่เป็นลอนตรงปลายนั้น เขาลูบเส้นผมนุ่มอย่างเบามือ สูดกลิ่นหอมเข้าเต็มปอด เหมือนร่างบางจะรู้สึกตัว ชายหนุ่มชะงักเมื่อเธอพลิกตัวตะแคง เสียงงึมงัมดังเล็ดลอดมาจากริมฝีปากบางฟังไม่ได้ศัพท์

“ยายจ๋า ยาย ฮ่ำค่าวอีกสิจ๊ะ ยายจ๋า เกี้ยวจะนอนแล้ว” ในที่สุดเขาก็จับใจความได้ หญิงสาวขดตัววาดวงแขนกอดเข่าข้างหนึ่งของเขา แล้วซุกหน้ากับเข่าข้างนั้นทั้งที่ตายังปิดสนิท ไตรศูรย์ยิ้มบางอย่างเอ็นดู...ช่างเหมือนกับตอนเป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่ชอบกอดเข่ายายเอื้อยไว้อย่างนี้ ไม่ก็นอนหนุนตัก ออดอ้อนให้ยายเอื้อยเล่านิทานหรือฮ่ำค่าวให้ฟัง แล้วเจ้าตัวก็ผล็อยหลับไปก่อนที่ยายจะฮ่ำค่าวจบทุกที มือแข็งแรงของเขาจึงเอื้อมไปสัม

ผัสผมนุ่มนั้นอีกครั้ง...

“มวยเกล้าผมวาง บนกล๋างกระหม่อม แล้วเหน็บโอบล้อม ด้วยดอกเกี้ยวเกล้า

แดงเฮย...งามแต๊ บ่แลโศกเศร้า สดใสเริงเลา ใคร่เฝ้าอยู่ใกล้

ผ่อจนเหลียวหลัง เป๋นดีใคร่ได้ โอบล้อมหัวใจ๋ ดวงนี้

แต่เก๊าเจ้าหวง สมแล้วว่าอี้ บ่ดีเด็ดเล่น เนอนาย

บานซอนใบนั้น จากเก๊าถึงปล๋าย แดงงามบ่วาย พู่พวงระย้า

เป๋นดีม่วนงัน ในหัวใจ๋ข้า โน้มตั๋วลงมา ทายทัก

หยอกเอินใจ๋เล่น เป๋นดีน่าฮัก กลั๋วลมปั๊ดจัก แกว่งไกว

หากว่าตั๋วน้อง ยังบ่มีไผ จะขอเด็ดไป โอบล้อมใจ๋อ้าย โอบล้อมใจ๋อ้าย.....”

เกี้ยวเกล้าตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ข้างนอกหน้าต่างเริ่มสว่างแล้วเสียงไก่ขันยังดังแว่วมา เธอพลิกตัวไปมาอย่างเกียจคร้าน คิดถึงความฝันเมื่อคืนที่เธอได้ซุกหน้ากับเข่าของยายก่อนนอน ยายฮ่ำค่าวให้ฟัง มือของยายที่ลูบ

หัวเธอนั้นช่างอบอุ่น อ่อนโยนเหลือเกิน เธอรู้สึกเป็นสุขกับความฝันนั้นเป็นที่สุด แต่เดี๋ยวตะวันก็จะขึ้นแล้ว หญิงสาวคิดว่าเธอน่าจะลุกไปดูตะวันขึ้นตรงชานบ้านเสียหน่อย เพราะไม่ได้เห็นมานานเหลือเกินแล้วโดยเฉพาะจากตรงนี้...บ้านของยาย

ก่อนที่ดวงตะวันจะโผล่พ้นขอบฟ้า ได้ส่งแสงเรื่อเรืองสีแดงอมชมพูและเหลืองอ่อนปนส้มมาระบายท้องฟ้ายามเช้าอย่างสวยงามและอ่อนหวาน มองลงไปจากตรงชานบ้านเห็นแม่น้ำปิงทอดตัวเลี้ยวลดผ่านภูเขาและที่ราบเขียวสดอยู่ไกลๆ หมอกบางลอยตัวอ้อยอิ่ง ตากับยายช่างเป็นคนโรแมนติคอะไรเช่นนี้ ที่ปลูกบ้านหันหน้าทักทายดวงตะวันยามเช้า แล้วยังมองเห็นทิวทัศน์ของแม่น้ำปิงที่ไหลอยู่เบื้องล่างนี่อีก เกี้ยวเกล้าคิดพลางอมยิ้ม

กับแสงของวันใหม่

“ตื่นเช้าจังนะ” หญิงสาวหันมาตามเสียงทักทายด้วยท่าทางแปลกใจ

“คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ทำไมฉันไม่รู้เลย”

“ผมมาถึงตั้งแต่เมื่อคืน คุณนอนไปแล้ว เอ่อ...ต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้บอกล่วงหน้า”

“เรื่องนั้นไม่เป็นไรหรอกค่ะ แต่ เอ่อ...ฉันรู้สึกว่าฉันนอนตรงชานนี่ แล้ว...ฉันเข้าไปนอนในห้องได้ยังไงกัน คุณเห็นฉันนอนอยู่ตรงนี้หรือเปล่าตอนมาถึง” สีหน้าเธอยังคงครุ่นคิดและสงสัย

“คุณหลับไปแล้ว คงตั้งแต่ก่อนที่ผมจะมาถึงตั้งนานแล้วมั้ง” เขาพยายามไม่ตอบคำถามโดยตรง และเธอก็ไม่ได้ซักต่ออีก คงเข้าใจว่า ‘หลับ’ ของเขาในที่นี้ คือ ‘เธอนอนในห้อง’ แล้ว และเขาเองก็ต้องการให้เธอเข้าใจเช่นนั้น เพราะเขาคงไม่สะดวกใจนักที่จะบอกว่าเป็นคนอุ้มเธอเข้าไปนอนในห้องเอง

“เอากาแฟหน่อยไหม จิบกาแฟแกล้มตะวันยามเช้าไง ผมเสียบปลั๊กกาน้ำร้อนไว้ ตอนนี้คงเดือดแล้วล่ะ”

“ขอเป็นโอวัลตินดีกว่าค่ะ ฉันไม่ดื่มกาแฟ” ชายหนุ่มเดินเข้าไปในส่วนของเฮือนไฟ สักครู่จึงออกมาพร้อมแก้วที่ควันยังกรุ่นในมือสองข้าง กลิ่นกาแฟและโอวัลตินหอมกรุ่นปะปนกันในบรรยากาศยามเช้า

“ทำไมคุณถึงมีเวลามาได้ล่ะคะ ทั้งที่ช่วงเทศกาลน่าจะวุ่น” เธอถามหลังจากรับแก้วโอวัลตินร้อนๆ จากมือเขา

“ก็วุ่นอยู่เหมือนกัน แต่ผมพยายามปลีกตัวมา กว่าจะมาถึงก็ห้าทุ่มแล้ว นี่ก็กะจะกลับสักเก้าโมงเช้านี้ แล้วคุณจะกลับเลยหรือเปล่า กลับพร้อมกันไหม” เขาเอ่ยชวน

“ฉันยังกลับไม่ได้หรอกค่ะ เพราะวันนี้พ่อกับแม่จะมาค้างที่นี่ด้วย เอ่อ...คุณคงไม่ว่านะคะ” เธอทำท่าเกรงใจเขาขึ้นมาเสียอย่างนั้น แต่ชายหนุ่มกลับหัวเราะ

“ผมจะไปว่าอะไรคุณ นี่เป็นบ้านของคุณนะ ดีเสียอีกที่คุณลุง คุณป้ามา ว่าแต่...มีอะไรที่คุณอยากให้ แก้ไขเพิ่มเติมบ้างไหม”

“ไม่มีค่ะ แบบนี้ก็ดีแล้ว เท่าที่เห็น ฉัน...เอ่อ ขอบคุณมากนะคะที่ทำให้ได้ขนาดนี้ ฉันไม่รู้จะขอบคุณยังไงดี” แววตาที่ทอดมองมาทางเขายามนี้ เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง ทำให้ไตรศูรย์รู้สึกอิ่มเอมใจ ไม่เสียแรงจริงๆ ที่เขาสู้อุตส่าห์ทุ่มเทกอบกู้บ้านหลังนี้ขึ้นมา

“ผมทำตามที่เราได้ตกลงกันไว้ไง แค่คุณพอใจผมก็ดีใจแล้ว แต่ต้องขอสารภาพว่าผมแอบใช้บริการบ้านนี้ตั้งแต่ยังไม่ทันเสร็จดี คือผมนอนตรงโถงน่ะ แต่ว่ามันดีกว่านอนแคร่หน้าบ้านน้าปัน น้าลีเยอะเลย” ท้ายประโยคเขาว่าอย่างเห็นขัน

“อ้าว ทำไมไม่นอนอีกห้องล่ะคะ อีกห้องยังว่างนี่” หญิงสาวร้องถาม มองเขาด้วยแววตาฉงน

“ผมแค่อยากนอนที่ๆ ผมเคยนอนเท่านี้ก็พอแล้ว ถ้าคุณลุง คุณป้ามาให้ท่านพักห้องนั้นเถอะ มันเป็นห้องของท่านไม่ใช่เหรอ” คำตอบนั้นเป็นเหตุให้คนฟังอ้าปากค้าง ด้วยความรู้สึกทั้งตื่นเต้นยินดี เธอพยายามเก็บกดไว้เพียงในใจไม่ให้มันแสดงตัวออกมา

“ขอบคุณมากนะคะ ว่าแต่...ทำไมคุณถึงทำแบบนี้คะ ฉันหมายถึงบ้านน่ะค่ะ ฉันนึกว่าคุณจะทำแบบอื่นซะอีก แบบว่าไม่เป๊ะขนาดนี้” เธอทำไม้ทำมืออธิบายคำถามของตัวเองวุ่นวาย เหมือนกลัวเขาจะไม่เข้าใจกระนั้นแหล่ะ ชายหนุ่มอมยิ้มกับท่าทางนั้น

“ผมเองก็ผูกพันกับที่นี่แม้จะไม่เท่าคุณก็ตาม ที่นี่มีค่าสำหรับผมเหมือนกัน เป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำที่ดีของผม ผมยังจำครอบครัวที่อบอุ่นนั้นได้ จำคุณยายผู้ใจดีที่ชอบเล่านิทาน ฮ่ำค่าวให้เด็กๆ อย่างพวกเรา

ฟังรวมทั้งแต่งค่าวให้เราแต่ละคน ชอบหาของกินอร่อยๆ ให้เรากิน ผมยังจำเด็กผู้หญิงสองคนพี่น้องได้ คนหนึ่งเคร่งเครียดอยู่กับตำราข้างพ่อไม่สนใจใคร จนไม่มีเวลาวิ่งเล่น

“แต่อีกคนชอบวิ่งเล่นซน ชอบชวนเด็กผู้ชายกำพร้าคนหนึ่งวิ่งตามเธอไปในทุกที่ เธอไม่ยอมให้เขามีโอกาสอยู่คนเดียว บางทีเขาก็ออกรำคาญน้องแอบหลบไปอยู่คนเดียว น้องก็จะร้องไห้ตามหาจนเขาอ่อนใจ แต่น้องคนนั้นกลับเป็นคนเดียวกันที่ทำให้เขายิ้ม หัวเราะและสนุกสนานจนลืมความเศร้าที่เกาะกินใจได้ ตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่แม้เป็นช่วงเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่เดือน แต่กลับเป็นช่วงเวลาที่ผมคิดถึงแล้วยิ้มได้และไม่เคยลืม แม้จะนานมาแล้ว...” เขาพยายามจ้องมองดวงตาคู่นั้น เหมือนอยากให้อีกฝ่ายรับรู้ความนัย แต่หญิงสาวกลับรีบหลบสายตา เสมองมือตัวเองซ่อนความเก้อเขิน

“เมื่อเกือบสองปีที่แล้ว ผมตั้งใจกลับมาเยี่ยมครอบครัวนี้ ผมดีใจมากที่ได้เจอทุกคนเว้นแต่คุณยายใจดีที่จากไปแล้ว และน้องที่ผมคิดถึงคนนั้น เรียนจบแล้วไม่ยอมกลับบ้านมัวแต่หลงแสงสีอยู่บางกอก”

“ฉันไม่ได้หลงแสงสีนะ อ๊ะ อุ๊บ! ” เผลอหลุดปากออกไปแล้วรีบยกมือปิดปากตัวเองแทบไม่ทัน ไตรศูรย์หัวเราะ ก่อนจะสาวเท้าเข้าไปใกล้ยิ่งกว่าเดิม จนได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากตัวคนตรงหน้าที่ไม่ได้ถอยหนีแต่อย่างใด เขาทอดสายตาอ่อนโยนมองใบหน้าใสที่กำลังแดงระเรื่อ

“น้องเกี้ยว” น้ำเสียงที่เรียกชื่อนั้นเต็มไปด้วยความนุ่มนวล แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะทันเอื้อนเอ่ย

อะไรมากกว่านั้น...

“พ่อไตร นังหนูเกี้ยว อยู่ไหม” เสียงเรียกของน้ามาลีที่ดังมาจากข้างล่างทำให้ทั้งคู่ผละจากกันอย่างรวดเร็ว

“อยู่ค่ะน้าลี มีอะไรหรือเปล่าคะ” เกี้ยวเกล้ารีบขานรับและร้องถาม

“อ๋อ...น้ามาถามว่าจะกินข้าวที่เรือนใหญ่นี่หรือที่บ้านน้าดี จะได้จัดสำรับกับข้าวให้”

“ที่นี่ก็ได้ครับน้า” ไตรศูรย์ตอบ

“เดี๋ยวเกี้ยวช่วยค่ะน้าลี” เกี้ยวเกล้าอาสา ไตรศูรย์มองร่างบางที่รีบร้อนลงบันไดบ้านไปด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนระบายบนใบหน้าเข้มอย่างเปี่ยมสุข


@@@ตอนนี้อีบุ๊ค ‘ฝากรักไว้ในสายหมอก’ ลงขายแล้วนะคะ@@@
ตามลิ้งค์ที่แนบมาค่ะ ใครสนใจอยากเก็บพี่ไตร+น้องเกี้ยวเข้ากรุสมบัติ เข้าไปโหลดกันได้รัวๆเลยจร้า
หรือสนใจนิยายเรื่องอื่นๆในนาม ‘พิริตา’ และ ‘อเมทริน’ ก็สามารถเข้าไปโหลดกันได้นะคะ ทั้งตัวอย่างและอีบุ๊ค
ขอบคุณค่า
meb
https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YTo
yOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiNzE
yOTE2IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiNTc3OTMiO30
hytexts
https://www.hytexts.com/ebook/B012031-ฝากรักไว้ในสายหมอก
ookbee
http://www.ookbee.com/shop/BookInfo?pid=a927a107-7f6d-4c43-9301-a8c03f420109&affiliateCode=1168c15837084f8bbb5cf6fde0ca707d
นายอินทร์ปัณณ์
https://naiin.com/product/detail/214536



กานพลู
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 พ.ค. 2560, 13:42:48 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 พ.ค. 2560, 13:51:20 น.

จำนวนการเข้าชม : 1044





<< ตอนที่ 16   ตอนที่ 18 >>
แว่นใส 30 พ.ค. 2560, 18:15:39 น.
คิดถึงความหลังเนอะ


กานพลู 4 มิ.ย. 2560, 11:37:46 น.
อิ อิ มาตอกย้ำความหลังกันอีกกกก


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account