ฝากรักไว้ในสายหมอก (เปิดจองรูปแบบเล่มพร้อมE-Book)
มวยเกล้าผมวาง บนกล๋างกระหม่อม

แล้วเหน็บโอบล้อม ด้วยดอกเกี้ยวเกล้า
แดงเฮย...งามแต๊ บ่แลโศกเศร้า

สดใสเริงเลา ใคร่เฝ้าอยู่ใกล้
ผ่อจนเหลียวหลัง เป๋นดีใคร่ได้

โอบล้อมหัวใจ๋ ดวงนี้
แต่เก๊าเจ้าหวง สมแล้วว่าอี้

บ่ดีเด็ดเล่น เนอนายฯ.....



...........................................................................


เพราะความรัก ความผูกพันช่วงหนึ่งในวัยเยาว์

ที่เคยเติมเต็มหัวใจอันอ้างว้างของเขาให้อบอุ่นขึ้นมาได้

ความรู้สึกเหล่านั้นฝังแน่นอยู่ในใจตลอดมา

จนกระทั่งถึงวันนี้ที่เขากลับมาตามหาความรัก

ความผูกพันที่ได้ฝากไว้กับใครบางคน.



ฝากรักไว้ในสายหมอก

เป็นนิยายเรื่องแรกที่ได้รับการตีพิมพ์กับสนพ.กรียมายด์

ตอนนี้หมดสัญญาแล้วจึงเอามาทำเองค่ะ

ติดตามกันได้ในรูปแบบอีบุ๊คนะคะ




Tags: เกี้ยวเกล้า ไตรศูรย์ เชียงใหม่ ล้านนา โรงแรม ความรัก ความผูกพัน วัยเยาว์ สายหมอก

ตอน: ตอนที่ 18




“ทำไมมานั่งมืดๆ แบบนี้ล่ะจ๊ะแม่ แล้วพ่อไปไหนเสียล่ะจ๊ะ” เกี้ยวเกล้าถาม พลางนั่งลงบนเสื่อข้างแม่ตรงชานบ้าน

“โน่น...ไปคุยกับพ่อปันเขาบ้านโน้นแน่ะ แล้วเกี้ยวทำไมยังไม่นอนอีกล่ะลูก”

“เกี้ยวนอนไม่หลับจ้ะแม่” หญิงสาวตอบ ขณะล้มตัวลงนอนหนุนตักนิ่มของแม่

“คิดอะไรอยู่ลูก หรือคิดเรื่องคนที่ทำบ้านนี่ให้ล่ะ” แม่อ่อนแก้วถามเย้าๆ แต่มืออวบลูบหัวลูกสาวคนเล็กแผ่วเบา

“แม่น่ะ แม่แซวเกี้ยว” คนถูกแซวทำน้ำเสียงกระเง้ากระงอดกลบเกลื่อนความขวยเขิน

“แม่ไม่ได้แซวนะ ก็มันจริงไหมล่ะ อย่าบอกนะว่าลูกสาวของแม่ไม่ได้คิดอะไรเลย” เมื่อถูกแม่ดักคอไว้ขนาดนี้ เธอจึงได้แต่เสียงอ่อยตอบ

“เกี้ยวก็ไม่รู้เหมือนกันจ้ะแม่ แรกๆ เกี้ยวนึกว่าเขาจำอะไรไม่ได้เสียอีก แล้วเขาก็ทำให้เกี้ยวเข้าใจผิดอย่างนั้นด้วย”

“พ่อไตรเขาไม่ได้เป็นโรคสมองเสื่อมนี่นาลูก แล้วตอนนั้นเขาก็อายุตั้ง 12-13 แล้วมั้ง เยอะกว่าเกี้ยวตั้ง 3-4 ปี ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะ” ผู้เป็นแม่ว่าอย่างเห็นขัน

“แต่เขาทำเหมื้อน เหมือนนะแม่ อืมม์...จริงสิจ๊ะแม่ เกี้ยวเองก็จำได้แค่ลางๆ จำรายละเอียดบางอย่างไม่ค่อยได้ แม่เล่าเรื่องตอนนั้นให้เกี้ยวฟังอีกทีสิจ๊ะ” แม่อ่อนแก้วก้มลงมองหน้าลูกสาวที่เป็นแก้วตาดวงใจอีกคนของบ้าน ก่อนคิดย้อนรำลึกถึงความหลังที่ตัวแกเองก็ไม่เคยลืมเลือน

“ตอนนั้นครอบครัวพ่อไตรเขาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ทำให้พ่อ แม่ และน้องสาวของเขาจากไป น้องสาวเขาอายุเท่าเกี้ยวนี่ล่ะมั้ง ลุงไตรรงค์กับป้าศรินทิพย์เป็นเพื่อนครูที่สนิทที่สุดของพ่อ เพราะเคยเรียนมาด้วยกัน และเคยช่วยเหลือครอบครัวเรามาตลอดในตอนที่ยังลำบากกันอยู่ พ่อกับแม่จึงไม่เคยลืมบุญคุณและเราก็รักกันเหมือนพี่น้อง

“ตอนเกิดอุบัติเหตุพ่อสอนอยู่ที่บ้านเราแล้ว ส่วนลุงกับป้าสอนอยู่ทางใต้ วันนั้นเห็นว่าพากันไปทำธุระต่างจังหวัด พ่อไตรเขาไม่ได้ไปด้วยจึงไม่เป็นไร แต่ก็ไม่สามารถติดต่อญาติได้เพราะลุงไตรรัตน์กับครอบครัวยังอยู่เมืองนอก พอเสร็จจากงานศพพ่อก็เลยพาเขามาอยู่ที่บ้านเราก่อนเพื่อรอลุงไตรรัตน์ ที่กว่าจะติดต่อได้ก็เล่นเอาหลายเดือน พ่อไตรก็เลยไปโรงเรียนเดียวกับเกี้ยวไง เพราะเรานั่นแหล่ะที่ร่ำร้องอยากให้พี่เขาไปโรงเรียนเดียว

กับตัวเอง” เกี้ยวเกล้าพยายามคิดตามที่แม่เล่า

ตอนนั้นเธอยังเรียนอยู่แค่ชั้นป.2 ที่โรงเรียนวัดในหมู่บ้านซึ่งใกล้บ้านยายที่สุด เพราะเธอเริ่มเรียนอนุบาลที่นี่ตอนที่พ่อ แม่ยังไม่ย้ายกลับมา เธอเรียนจนถึงชั้นป.4 ถึงได้ย้ายไปอยู่โรงเรียนเดียวกับที่พ่อสอนในตัวอำเภอ แต่เขาเรียนโรงเรียนเดียวกับเธอแค่ไม่กี่เดือน

“แต่ก็ใช่ว่าจะติดเขาแต่แรกเห็นหรอกนะ วันแรกที่พ่อพาเขามา ยายเห็นเข้าก็นึกสงสารที่เป็นลูกกำพร้า แต่เกี้ยวน่ะกลัวแต่พี่เขาจะมาแย่งเป็นหลานรักของยาย แอบหยิกเขามั่ง ตีเขามั่ง” แม่แฉพฤติกรรมลูกสาวด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ

“เกี้ยวเนี่ยนะแม่! ไม่จริงมั้ง น่าเกลียดตายเลย” คนที่จำไม่ได้ค้านเสียงหลง ทำท่าจะรับตัวเองไม่ได้

“ทีอย่างนี้ล่ะทำจำไม่ได้ แต่ก็นั่นแหล่ะ พอผ่านไปไม่ถึงวันก็ไปญาติดีกับเขาเรียบร้อย ชวนเขาวิ่งเล่นขึ้นเหนือล่องใต้ อยู่ไปนานเข้าก็ติดเขาแจไม่ยอมห่าง บางทีพ่อไตรเขาก็รำคาญเอา”

“จริงเหรอจ๊ะแม่” เกี้ยวเกล้าคิดไปถึงสิ่งที่เขาพูดเมื่อตอนเช้า

“ก็จริงน่ะสิ เกี้ยวน่ะติดเขาออกอย่างนั้น คงเพราะบ้านยายอยู่ไกลจากหมู่บ้าน เลิกเรียนกลับมาแล้วก็ไม่ค่อยมีเพื่อนเล่น แล้วรายนั้นก็ตามใจกันเหลือเกิน ไม่ว่าเกี้ยวจะพาไปไหน เล่นซนอะไรยังไงก็ตามใจไปหมด ไม่เหมือนพี่แก้วที่เอาแต่ขัดใจกันอยู่ร่ำไป” เรื่องนั้นเธอเองก็พอเข้าใจได้ เพราะตั้งแต่เด็กการจะแงะกอแก้วออกจากกองหนังสือและตำรับตำรานั้นลำบากยากเย็นแค่ไหน แล้วการที่จะชวนเล่นขายของหรือวิ่งเล่นซนตามประสาเด็กๆ ยิ่งไม่มีทางใหญ่ เธอจึงชอบใจเมื่อมีเพื่อนเล่นที่ตามใจเธอทุกอย่างและติดเขาแจ แต่อีกเหตุผลนั่นเล่า...

“เกี้ยวยังจำได้อีกอย่างนะจ๊ะแม่ ยายเคยบอกเกี้ยวว่าพ่อ แม่ และน้องเขาไปอยู่บนฟ้า เหมือนที่ตาอยู่ แล้วเขาก็ไม่มีใครอีก ยายบอกอีกว่าเกี้ยวต้องรักเขาเหมือนรักพี่แก้วแล้วก็คอยดูแลกัน เกี้ยวก็เลย...ไม่อยากทิ้งให้เขาอยู่คนเดียว ก็เท่านั้นเอง” หญิงสาวบอกอีกเหตุผลที่พอจำได้กับแม่ เพราะเธอกลัวว่าเขาจะแอบร้องไห้เมื่ออยู่ตามลำพังอย่างที่เคยเห็นหลายครั้ง ตอนนั้นเธอรู้สึกใจไม่ดีเลยที่เห็นเขาเศร้าและร้องไห้

“เลยตามติดเขาแจ บางทีก็ร้องตามเวลาไม่ได้ไปไหนด้วย ยิ่งตอนที่ลุงเขามารับ เกี้ยวก็เอาแต่ร้องห่มร้องไห้ไม่กินข้าวกินปลาไปหลายวัน” แม่ยังเล่าด้วยน้ำเสียงติดขำ ทำให้ความทรงจำอันลางเลือนเริ่มชัดเจนขึ้น เกี้ยวเกล้าเริ่มเข้าใจว่าสิ่งที่เธอจำได้นั้นมันช่างน้อยนิด แต่สิ่งที่ติดอยู่ในความรู้สึกต่างหากที่มากจนทำให้เธอเข้าใจว่าตัวเองจำทุกอย่างได้ สิ่งเหล่านั้นมันไม่ใช่ความทรงจำแต่มันคือความผูกพันต่างหาก ที่มันกรุ่นอยู่ลึกๆ ในความรู้สึกเสมอ ตลอดเวลาตั้งแต่นั้นมา หากเธอพูดหรือคิดถึงคนที่มีความสำคัญในชีวิตของตัวเอง มักจะมีเงาของเขาติดมาเป็นอันดับต้นๆ เสมอ แม้เธอไม่เคยเอ่ยถึงหรือบอกใคร เพราะไม่คิดว่าเขาจะกลับมาที่นี่อีกครั้งในวันนี้...

ในขณะที่ลูกสาวพยายามรำลึกถึงความทรงจำในวัยเยาว์ ผู้เป็นแม่ลูบผมนุ่มนั้นอย่างเอ็นดู ทำไมแม่อ่อนแก้วจะไม่รู้ว่าทั้งลูกสาวและหลานชายคิดอย่างไรต่อกัน ก็ตัว ‘พ่อไตร’ เองนั้น ตอนที่ยังไม่เจอหน้าลูกสาวคนเล็กของแก แม้ไม่กล้าถามไถ่หาโดยตรง แต่คราใดที่พ่อวิกรณ์กับแม่อ่อนแก้ว หรือกอแก้วพี่สาวพูดถึงเกี้ยวเกล้าขึ้นมา แม่อ่อนแก้วสังเกตเห็นว่าเขามักตั้งใจฟังด้วยดวงตาเป็นประกาย

และมักแอบชำเลืองมองรูปเกี้ยวเกล้าที่แขวนร่วมกับรูปครอบครัวตรงห้องรับแขก พ่อวิกรณ์เองก็ชอบเล่าสู่กันฟังตามประสาคนรักลูก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องลูกสาวทั้งสองหรือแม้แต่ลูกเขยก็ไม่เว้น โดยไม่ได้สังเกตอาการของหลานชายเลยสักนิด จนกระทั่งตอนที่เกี้ยวเกล้ากลับมาทั้งสองได้เจอกันบ่อยเข้า พ่อวิกรณ์จึงได้เปรยกับแม่อ่อนแก้วเรื่องความผิดปกติของหลานชายและลูกสาว

แม้พ่อวิกรณ์จะรัก เอ็นดูไตรศูรย์เป็นการส่วนตัวเหมือนเป็นลูกชายคนหนึ่ง เพราะสัมพันธภาพระหว่างเพื่อนของแกกับพ่อ แม่ของเขา รวมทั้งความคุ้นเคยกันในสมัยที่เขายังเด็กและนิสัยส่วนตัวของไตรศูรย์ แต่พ่อวิกรณ์ก็ไม่ได้แสดงความยินดีหรือสนับสนุนทั้งคู่จนออกนอกหน้า แต่ทว่า...ก็ไม่ได้ห้ามปราม ขัดขวางแต่อย่างใด ได้แต่คอยดูอยู่ห่างๆ

ส่วนตัวเกี้ยวเกล้านั้นเล่า ตั้งแต่กลับมาเจอไตรศูรย์ แม่อ่อนแก้วก็เห็นว่าเธอคอยตั้งป้อมเอากับเขามาตลอด ทั้งที่ตั้งแต่เล็กจนโตผู้เป็นแม่ไม่เคยเห็นลูกสาวคนนี้แสดงท่าทางแบบนั้นกับใครมาก่อน อย่างมากที่สุดหากไม่พอใจ ไม่ชอบ ไม่ถูกชะตากับใครจริงๆ ก็จะไม่ยุ่งด้วยแล้วก็ลืมไปง่ายๆ ไม่เคยจงเกลียดจงชังหรืออคติกับใครถึงขนาดได้ยินชื่อแล้วออกอาการ ‘ยี้’ อย่างนี้มาก่อน ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ ‘มาก’ ผิดปกติวิสัยของเกี้ยวเกล้า ที่แท้ก็เพราะว่าแคร์เขาไม่ต่างกัน

แถมยังคิดว่าไตรศูรย์ลืมเรื่องราวเก่าๆ และบ้านที่เธอรักอีก ทุกคนในบ้านรู้ว่าเกี้ยวเกล้ารัก ผูกพันกับยายและบ้านหลังนี้แค่ไหน และเช่นกันกับยายเอื้อยผู้เป็นแม่ของแม่อ่อนแก้ว ก็ทั้งรักทั้งหวงหลานสาวคนนี้ เพราะเลี้ยงดู อุ้มชูกันมาตั้งแต่แบเบาะ ซึ่งต่างจากกอแก้วผู้เป็นพี่สาวที่จะอยู่กับพ่อ แม่มาตลอดเช่นกัน

แต่นั่นไม่ได้ทำให้เกี้ยวเกล้าน้อยใจพ่อ แม่แต่อย่างใด ความรักของยายเติมเต็มเกี้ยวเกล้ามากล้น จนทำให้เธอไม่รู้สึกขาดอะไรไปในชีวิต แต่กลับได้นิสัยหลายๆ อย่างของยายมา ไม่ว่าจะเป็นความอ่อนโยน เห็นอกเห็นใจคนอื่น ไม่ชอบความวุ่นวาย เรียบง่าย ไม่ทะเยอทะยาน หรือถือตัวว่าเป็นลูกครูเหมือนลูกเพื่อนครูคนอื่น เกี้ยวเกล้าทำตัวสบายๆ มีเพื่อนสนิทเป็นลูกชาวบ้านร้านช่องทั่วไปมากกว่าลูกท่านหลานเธอ

ตั้งแต่เล็กจนโตเกี้ยวเกล้าจะเป็นที่รักของผู้ที่ได้อยู่ใกล้ชิดเสมอ ด้วยความที่ขี้อ้อน ช่างเอาใจ แคร์คนอื่นไปหมด ที่ไม่เป็นเฉพาะกับคนในครอบครัวเท่านั้นไม่ว่าจะเป็นชาวบ้านหรือเพื่อนๆ ก็ไม่เว้น แต่บทจะดื้อดึงขึ้นมาก็ชัดเจนในความคิดของตัวเองน่าดูเหมือนกัน

เหมือนตอนเด็กๆ ที่เกี้ยวเกล้าเคยทำให้ผู้ใหญ่บางคนหน้าแตกไปเพราะความชัดเจนของตัวเองไม่น้อย เพราะมีหลายครั้งที่ผู้ใหญ่บางคนเห็นว่าเกี้ยวเกล้าเป็นลูกครู เวลารับของแจกก็จะให้อภิสิทธิ์ เช่น ได้มากกว่าคนอื่น ได้ก่อนคนอื่น หากเป็นของที่มีน้อยไม่พอแจกก็จะเหลือไว้ให้พวกลูกครู แต่เกี้ยวเกล้ากลับไม่ยอมรับอภิสิทธิ์นั้น จะให้เพื่อนก่อนเสมอ โดยเฉพาะเพื่อนที่ไม่ใช่ลูกท่านหลานเธอทั้งหลาย แต่มีบางครั้งเหมือนกันที่เธอไปรับของแจกหลายๆ ครั้ง เพื่อเอามาแบ่งปันให้เพื่อนๆ โดยที่ตัวเองไม่เอาอะไรเลย...

แม้ทางด้านการเรียนของเกี้ยวเกล้าจะสู้กอแก้วไม่ได้ กอแก้วอาจเป็นหน้าเป็นตา เป็นความภาคภูมิใจให้กับครอบครัวในด้านการเรียน และประสบความสำเร็จในชีวิตมาตลอด แต่ความภาคภูมิใจที่มีต่อลูกสาวคนเล็กสำหรับพ่อ แม่นั้น กลับเป็นที่ ‘หัวใจ’ ของเกี้ยวเกล้าต่างหาก เพราะสิ่งเหล่านั้นทำให้พ่อและแม่อุ่นใจได้ว่าเกี้ยวเกล้าจะไม่มีวันโดดเดี่ยวหรือถูกละทิ้ง แต่หากโชคชะตาบันดาลให้เป็นเช่นนั้น เกี้ยวเกล้าก็จะสามารถยืนอยู่ได้ด้วยหัวใจที่เข้มแข็งแม้จะไม่มีอะไรเลย ซึ่งช่างเหมือนกับนิสัยยายเอื้อยเหลือเกิน

แม่อ่อนแก้วน้ำตาซึมเมื่อนึกถึงแม่ของตัวเอง ก่อนมองไปบนท้องฟ้า ขอบคุณแม่เหลือเกินที่อบรมเลี้ยงดูหลานให้เติบโตมาเป็นเด็กดีและน่ารักเช่นนี้...

หญิงสาวอยู่ในชุดพื้นเมืองเดินแกมวิ่งไปทางประตูบ้าน ก่อนฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ จึงวิ่งกลับไปยังห้องนอนอีกครั้ง กลับมาอีกทีพร้อมกระเป๋าถือใบเล็ก พ่อวิกรณ์ที่นั่งง่วนอยู่กับกองกระดาษว่าวสีขาวตรงเฉลียงหน้าบ้านเงยหน้าขึ้นมองลูกสาว

“หนูรีบร้อนอะไรนักหนาลูก”

“เกี้ยวทิ้งลี่ไว้ที่ร้านคนเดียวน่ะจ้ะ เผื่อลูกค้าเยอะเหมือนเมื่อวานอีก นี่ก็วันสุดท้ายแล้ว พ่อทำโคมลอยจะไปลอยตอนไหนอีกเหรอจ๊ะ” ถามพลางก้มลงใส่รองเท้าไปพลาง

“มีคนสั่งไว้น่ะสิลูก แต่ก็ติดกระดาษอะไรเรียบร้อยแล้วตั้งแต่เมื่อวาน เหลือแต่ทำสายชนวนเตรียมไว้ลอยคืนนี้ ว่าแต่หนูได้ลอยกระทงเล็กหรือยังเล่าลูก”

“ยังเลยจ้ะพ่อ เกี้ยวมัวแต่วุ่นอยู่ที่ร้าน แต่คืนนี้กะเก็บเร็วหน่อยนัดเจนไว้ว่าจะไปลอยกระทงกัน นี่ก็จะทำกระทงกันด้วย แล้วพี่แก้วไปไหนล่ะจ๊ะ”

“อยู่ที่งานโน่นแหล่ะ เดี๋ยวเขาก็จะแห่กระทงใหญ่กันแล้ว เห็นว่าที่โรงเรียนพี่เค้าส่งประกวดด้วยนี่” พอดีกับเสียงมอเตอร์ไซค์มาชะลอเครื่องที่หน้าบ้าน และตามมาด้วยเสียงแตรแสบแก้วหู

“เจนมารับแล้ว เกี้ยวไปก่อนนะจ๊ะพ่อ”

ตอนหัวค่ำเกี้ยวเกล้ากับสาลี่วุ่นวายอยู่หน้าร้าน โดยมีเจนคอยช่วยอีกแรง ส่วนตึ๋งกับแก้มใสนั้นก็วุ่นอยู่

กับงานที่รีสอร์ทจนไม่มีเวลาออกมาพบปะเพื่อนฝูง ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจนักสำหรับเพื่อนๆ

พอคนเริ่มซาเพราะไปดูการประกวดกระทงใหญ่ทั้งสามจึงมีเวลาทำกระทงไว้ลอย งานคืนนี้เป็นคืนสุดท้ายแม้เป็นคืนลอยกระทงใหญ่ตามหมายกำหนดการณ์ แต่ยังมีคนลอยกระทงเล็กอยู่บ้างประปราย เกี้ยวเกล้ากับเพื่อนก็เป็นหนึ่งในนั้น

ตอนดึกขณะที่เกี้ยวเกล้ากำลังก้มหน้าก้มตาเช็คของ โดยมีเจนกับสาลี่ช่วยกันเก็บร้านอยู่นั้น

“เก็บกันแล้วเหรอครับ” เสียงนั้นคุ้นหูยิ่งนัก

“สนใจยังชมได้นะคะ” หญิงสาวรีบพูดโดยยังไม่ละสายตาจากงานตรงหน้า และเมื่อเงยหน้าเปื้อนรอยยิ้มขึ้นมองคนที่คิดว่าเป็นลูกค้า ก็ทำให้ยิ้มค้างไปนิดหนึ่ง

“คุณ...มาทำอะไรที่นี่คะ” ก่อนถาม แต่เขายังไม่ทันได้ตอบ

“คุณไตร มาถึงที่นี่เลยเหรอคะ” สาลี่ก็ทักทายบ้างเมื่อมองเห็นชายหนุ่ม

“มาดึกเชียวนะคะ พึ่งมาจากในเมืองเหรอคะ” เจนที่พึ่งหันมาเห็นเข้าเอ่ยทักทายตามอีกคน

“ครับ พึ่งมาถึงครับ เอ่อ...ผมช่วยเก็บนะครับ” ชายหนุ่มเห็นกลุ่มสาวๆ กำลังช่วยกันเก็บร้านขมีขมันจึงขันอาสาบ้าง

“ว้าย!...ดีเลยค่ะจะได้เสร็จเร็วๆ เจนอยากไปลอยกระเทย เอ๊ย! ลอยกระทงเร็วๆ แล้ว” ท่าทางลั้ลลาออกหน้าออกตาของเจนทำให้คนที่อยู่ตรงนั้นอดยิ้มแกมหมั่นไส้ไม่ได้

เมื่อขนของขึ้นรถเสร็จ เตรียมตัวจะเอารถไปจอดไว้บ้านสาลี่ ที่ตอนเช้าต้องขับกลับคนเดียวเพราะเกี้ยวเกล้ายังพักต่ออีกวันสองวัน

“ฉันเอารถไปเก็บกับลี่ก่อนนะเจน เดี๋ยวเราค่อยไปลอยกระทงด้วยกัน แกรอพวกฉันอยู่ตรงท่าน้ำละกัน” เกี้ยวเกล้าหันไปบอกเจน

“คุณไตรลอยกระทงหรือยังคะ” แต่เจนกลับหันไปถามไตรศูรย์เสียอย่างนั้น

“เอ่อ...ยังครับ”

“งั้น ไปลอยกับไอ้เกี้ยวละกันนะคะ เฮ้ย...เกี้ยว แกเอากุญแจรถมาฉันไปกับไอ้ลี่มันเอง” เจนหันมาบอกเกี้ยวเกล้า พลางจัดแจงเสร็จสรรพ

“จะบ้าเหรอเจน ก็ไหนจะไปลอยด้วยกันไง” เป็นเหตุให้เกี้ยวเกล้าโวยวาย

“เออ...ฉันว่าแกไปลอยกับคุณไตรเค้าเหมือนเจนว่าดีกว่านะ อุตส่าห์มาตั้งไกล เห็นใจเค้าหน่อย” สาลี่สนับสนุนบ้าง เกี้ยวเกล้าตั้งท่าจะแย้งแต่เจนรีบขัดขึ้นในที่สุดว่า

“แกไม่ต้องเป็นห่วง ฉันกับไอ้ลี่จะไปลอยกันสองคน บางทีฉันอาจจะเจอผู้ชายถูกใจแถวท่าน้ำก็ได้ แต่ถ้าคุณไตรไปด้วยฉันก็ชวดกันพอดี เพราะด้วยราศีความงามระดับฉันคนต้องคิดว่าฉันเป็นแฟนคุณไตรแน่ ฉันไม่อยากชวด เพราะงั้น...แกไปกับคุณไตรเอง โอเค้! ” เกี้ยวเกล้าค้อนเจนขวับๆ กับเหตุผลนั้น แต่ไตรศูรย์กลับยืนขำ ก่อนที่เจนจะคว้ากุญแจรถจากมือเกี้ยวเกล้าแล้วยื่นกระทงใบตองของเธอให้ไตรศูรย์ หญิงสาวจึงจำใจเดินตามร่างสูงนั้นไป

“นี่คุณกำลังจะพาฉันไปไหนคะ” หญิงสาวถาม ขณะเดินตามคนที่กำลังเดินถือกระทงนำไปยังลานจอดรถ แทนที่จะเป็นท่าน้ำที่ชาวบ้านใช้ลอยกระทงซึ่งอยู่ห่างไปไม่กี่เมตร

“ไปลอยกระทงกันไง”

“ลอยตรงนี้ก็ได้นี่คะ” เธอค้าน แต่ก็ยอมเดินตามเขาไปแต่โดยดี จนกระทั่งถึงที่จอดรถสีน้ำเงินคันนั้น

“ผมว่าจะปล่อยโคมลอยด้วยน่ะ” คนพูดเดินไปเปิดประตูด้านหลัง พลางยกโคมลอยที่ทำจากกระดาษว่าวสีขาวขนาดกลาง 2-3 ใบขึ้นมาอวด เกี้ยวเกล้าจำได้ว่าเป็นโคมลอยที่เธอเห็นพ่อทำเมื่อตอนเย็นนั่นเอง

“คุณให้พ่อทำเหรอคะ” เขาพยักหน้ายิ้มให้เธออย่างอารมณ์ดี

“ใช่แล้ว ใจจริงผมอยากมาช่วยคุณลุงทำนะ เพราะปีที่แล้วผมแว่บมาช่วยคุณลุงทำตั้งหลายลูกแน่ะ พอมาปีนี้...ตั้งแต่กลับไปวันก่อนผมไม่ว่างเลยพึ่งปลีกตัวมาได้นี่แหล่ะ”

“แล้ว...คุณมาทำไมล่ะคะ หรือมาทำธุระพอดีเลยแวะมา”

“ตั้งใจมาลอยกระทง และปล่อยโคมลอย”

“จริงอะ อิ อิ” หญิงสาวปิดปากหัวเราะคิกคัก เพราะคิดว่าเขาแกล้งพูดเล่น เทศกาลที่ยิ่งใหญ่อย่างนี้มีที่ลอยตั้งมากมายก่ายกอง ไม่เห็นต้องจำเพาะเจาะจงว่าต้องเป็นที่นี่สักหน่อยนี่นะ เขาต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ แต่คนถูกหัวเราะตีสีหน้าจริงจัง

“ไม่ตลกนะ ก่อนขำจะไม่ถามหน่อยเหรอว่า ตั้งใจมาลอยกับใคร และทำไม” เกี้ยวเกล้านิ่งงันทันทีที่ได้สบสายตาจริงจังของเขา แล้ว...หัวใจก็เริ่มเต้นแรงขึ้น

“เอ่อ เอ่อ...คือ” และติดอ่างโดยอัตโนมัติ

“ผมขออนุญาตคุณลุงแล้วว่าจะพาคุณไปลอยกระทงและปล่อยโคมลอยกัน ขึ้นรถเถอะ” ชายหนุ่มชวนพลางเปิดประตูรถให้ เธอจึงขึ้นไปนั่งเบาะหน้าอย่างว่าง่าย เมื่อเห็นเขาขึ้นมานั่งด้านคนขับแล้วเธอจึงยื่นมือไปขอกระทงมาถือไว้เอง เขากล่าวขอบคุณเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม

ชายหนุ่มจอดรถริมทาง ห่างจากบริเวณงานพอสมควร แต่นั่นยิ่งทำให้แสงจันทร์อวดแสงกระจะกระจ่างเพราะห่างจากแสงไฟ เมื่อลงจากรถเขาเดินไปหยิบโคมลอยและถุงใส่ของด้านหลัง ก่อนจะใช้มือที่ว่างถือวิสาสะจับมือเรียวข้างหนึ่งของเกี้ยวเกล้า แล้วเดินนำหน้าไปยังริมตลิ่ง

หญิงสาวรู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างประหลาด ขณะก้าวตามร่างสูงที่จับจูงมือเธอนั้น แอบมองแผ่นหลังกว้างและไหล่ที่แข็งแรงของเขาไปจนถึงมือใหญ่ที่เกาะกุมมือของเธอ เกี้ยวเกล้ายอมรับว่าตอนเห็นเขาที่ร้านเมื่อครู่เธอรู้สึกดีใจอยู่ลึกๆ แม้ไม่รู้ว่าเขามาทำอะไร จนกระทั่งที่เขาบอกว่าตั้งใจมาลอยกระทงกับเธอ ทั้งที่เขาเองก็แสนจะวุ่นวายกับงานมากกว่าเธอด้วยซ้ำ เล่นเอาหัวใจพองโตจนยอมให้เขาจับจูงมือง่ายๆ แบบนี้ หญิงสาวแอบยิ้มให้กับแผ่นหลังกว้างนั้น

###ตอนนี้อีบุ๊ค ‘ฝากรักไว้ในสายหมอก’ ลงขายแล้วนะคะ###
ตามลิ้งค์ที่แนบมาค่ะ ใครสนใจอยากเก็บพี่ไตร+น้องเกี้ยวเข้ากรุสมบัติ เข้าไปโหลดกันได้รัวๆเลยจร้า
หรือสนใจนิยายเรื่องอื่นๆในนาม ‘พิริตา’ และ ‘อเมทริน’ ก็สามารถเข้าไปโหลดกันได้นะคะ ทั้งตัวอย่างและอีบุ๊ค
ขอบคุณค่า
meb
https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=
YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M
6NjoiNzEyOTE2IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiNTc3OTMiO30
hytexts
https://www.hytexts.com/ebook/B012031-ฝากรักไว้ในสายหมอก
ookbee
http://www.ookbee.com/shop/BookInfo?pid=a927a107-7f6d-4c43-9301-a8c03f420109&affiliateCode=1168c15837084f8bbb5cf6fde0ca707d
นายอินทร์ปัณณ์
https://naiin.com/product/detail/214536

ebooks.in.th
http://ebooks.in.th/ebook/45108/%E0%B8%9D%E0%B8%B2%E0%
B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B9%84%E
0%B8%A7%E0%B9%89%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%AA
%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%81/







กานพลู
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 มิ.ย. 2560, 11:37:06 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 มิ.ย. 2560, 11:37:06 น.

จำนวนการเข้าชม : 981





<< ตอนที่ 17   ตอนที่ 19 >>
แว่นใส 4 มิ.ย. 2560, 16:16:35 น.
แอบมาลอยกันสองคนนะ


ชื่อหนอนแว่นตาโต 4 มิ.ย. 2560, 20:08:38 น.
ขอบคุณค่ะ


กานพลู 9 มิ.ย. 2560, 22:15:48 น.
คุณแว่นใส
แบบว่าต้องแอบมาสวีทกันฉองต่อฉอง อิ อิ


กานพลู 9 มิ.ย. 2560, 22:16:22 น.
คุณชื่อหนอนแว่นตาโต
ขอบคุณที่ติดตามเช่นกันค่าาา


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account