ร้อยรักพรางตะวัน
If no obstacle is found.
Do you know …What true love is?
เรื่องของนักแสดงสาวชื่อดังจอมเหวี่ยงวีนกับวิศวกรหนุ่ม ทั้งสองเป็นเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัย แต่ความสนิทสนมทำให้ความสัมพันธ์ก้าวข้ามขีดคำว่า 'เพื่อน' ไปไม่ได้
ถ้าไม่มีอุปสรรคขัดขวางความรักระหว่างเพื่อนที่จำกัดไว้อาจจะไม่คืบหน้า และหากปล่อยเวลาผ่านไปอาจต้องเสียความรักนั้นไปให้ใครคนอื่น
เอาใจช่วยเพื่อนสนิทสองคนให้ค้นพบรักแท้ของกันและกันและก้าวผ่านอุปสรรคทั้งปวงเพื่อ ‘ความรัก’ ด้วยกันค่ะ
Do you know …What true love is?
เรื่องของนักแสดงสาวชื่อดังจอมเหวี่ยงวีนกับวิศวกรหนุ่ม ทั้งสองเป็นเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัย แต่ความสนิทสนมทำให้ความสัมพันธ์ก้าวข้ามขีดคำว่า 'เพื่อน' ไปไม่ได้
ถ้าไม่มีอุปสรรคขัดขวางความรักระหว่างเพื่อนที่จำกัดไว้อาจจะไม่คืบหน้า และหากปล่อยเวลาผ่านไปอาจต้องเสียความรักนั้นไปให้ใครคนอื่น
เอาใจช่วยเพื่อนสนิทสองคนให้ค้นพบรักแท้ของกันและกันและก้าวผ่านอุปสรรคทั้งปวงเพื่อ ‘ความรัก’ ด้วยกันค่ะ
Tags: ร้อยรักพรางตะวัน, อรณี, ภาณุ, รักดราม่า, โรแมนติก, เพื่อนสนิท, แอบรัก
ตอน: บทที่ 10/1 ท้องฟ้าแปรปรวน หัวใจรวนเร
ท่ามกลามกระแสคุกรุ่นของการเผชิญหน้าโดยไม่คาดฝัน คนที่ดูเหมือนจะอึดอัดมากที่สุดคงไม่พ้นอรณีที่ก้มมองมือคนคุ้นเคยยื่นมาทักทายหมายทำความรู้จัก
เหมือนถูกตบหน้าจนชา...
หล่อนมองเมินด้วยท่าทีเฉยชาราวกับว่าต่างเป็นคนแปลกหน้าต่อกันจนนึกค่อนในใจ
“ผม ภาณุ ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ภาณุหน้านิ่งเอ่ยเสียงราบเรียบ
จะเนียนเกินไปแล้ว...
ไม่เพียงแต่ไม่ยื่นมือไปสัมผัสตอบ หล่อนยังหน้าเชิดคอแข็งนิ่งเสียยิ่งกว่าปกติท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่มองด้วยความสนใจ
“คงไม่ต้องแนะนำตัวกันให้เสียเวลา ไม่มีใครไม่รู้จักฉัน” อรณีมองเมินหาชัชพลที่ยืนละล้าละลังอยู่ “พี่ชัชคะ อรจะกลับห้องแล้วเจอกันพรุ่งนี้นะคะ”
เหลือบมองภาณุเพียงหางตาก่อนจะเดินผ่านคนโดนสะกดให้ยืนนิ่งเป็นก้อนหินราวกับเขาเป็นอากาศธาตุก็ไม่ปาน
“เดี๋ยวสิอร!” ชัชพลกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามอรณีไปติดๆ ปากร้องเรียกหญิงสาวเป็นระยะ ในขณะที่คคนานต์ก็เกาะแขนภาณุที่มองตามสองหนุ่มสาวไปจนลับสายตา
“แล้วเราเอายังไงดี”
ภาณุถึงกับสะดุ้งหันกลับมามองก็รู้สึกถึงสายตาจับผิดของปราณ จนต้องปลดมือหญิงสาวออกจากแขน
“เอ่อ... อันที่จริงพี่ไม่ค่อยหิว พี่ว่าคุณนางไปทานกับคุณอาดีกว่า”ภาณุอ้ำอึ้งปฏิเสธ
คคนานต์ส่ายหน้าดิกไม่ยอมท่าเดียว ร้อนถึงปราณที่ดูจะขัดหูขัดตาหลานสาวคนโปรดเกาะติดผู้ชายเป็นปลิง
“อาว่าไปกินข้าวเป็นเพื่อนอาดีกว่า”
ปราณเข้ามาดึงมือ สาวน้อยอิดออด
“คุณอาคะ”
“จะไปกับอาหรือว่าจะให้บอกแม่” ปราณยื่นคำขาดแล้วเหลือบมองภาณุด้วยหางตา “ที่มากับผู้ชายสองต่อสองแบบนี้”
“พี่ณุไม่ใช่คนอื่นนะคะคุณอา” คคนานต์ท้วงสีหน้าตกใจ เหลือบมองภาณุด้วยความเป็นห่วง
“ไม่ใช่คนอื่นแล้วคุณเป็นใคร ทำไมผมไม่เคยเห็นหน้า” ปราณเปิดประเด็นสายตาตคมราวเหยี่ยวพินิจพิเคราะห์คนตรงหน้าแทบจะเรียกได้ว่าสำรวจว่าอีกฝ่ายผ่านมาตรฐานหรือไม่
“คือผม...”
ไม่ทันที่ภาณุจะเอ่ยปาก สาวน้อยหนึ่งเดียวก็เอ่ยขัด
“คุณภาณุค่ะ เป็นวิศวกรประจำบริษัทแถมยังเป็นเพื่อนรักพี่น่านด้วยนะคะ พี่ณุเก่งมากเลยนะคะถึงขนาดได้ฉายาขงเบ้งแห่งวงการวิศวกรรมเชียวค่ะ” คคนานต์บรรยายสรรพคุณของเขาเจื้อยแจ้ว แต่แล้วก็ต้องหน้าง้ำเมื่อโดนเบรค
“อาถามเรารึยังจะมาออกรับแทนทำไม” ปราณส่งสายตาดุ “อาแค่อยากทำความรู้จักกับคนที่หลานควงไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน”
“คุณอาคะ!”
“ผมเป็นแค่เพื่อนพี่ชายไม่ใช่คู่ควงของหลานสาวคุณ อย่าเข้าใจผิดครับ” ภาณุย้ำคำหนักแน่น สีหน้าจริงจัง
“ให้มันจริงเถอะ” ปราณเหน็บ สายตากร้าวจ้องเขม็งหนุ่มอ่อนวัยกว่าไม่วางตา
“ผมขอตัวดีกว่าคงไม่เหมาะที่ผมจะอยู่ที่นี่ในเวลานี้”
เขาอึดอัดเต็มประดากับสายตาของท่านประธานที่อรณีงัดข้อด้วยเมื่อครู่ ยังเคืองแทนหล่อนไม่หาย ไม่คิดว่าจะต้องเจอเข้ากับตัวเอง
“พี่ณุเดี๋ยวค่ะ”
“ผมขอตัวนะครับ เสียเวลามามากพอแล้ว”
ภาณุดึงมือออกจากการเกาะกุม คคนานต์พยายามยื้อไว้แต่ปราณออกคำสั่งเสียงเข้ม
“คุณไปก่อนก็ดีแล้ว ผมมีธุระคุยกับหลานสาวสักหน่อย” ปราณมองปราดผ่านมาที่หลานสาว “ตามอาไปเรามีเรื่องต้องเคลียร์”
“แต่คุณอาคะ นางนัดทานข้าวกับพี่ณุนะคะ นี่ก็ค่ำมากแล้วนางหิว พี่ณุก็คงหิวมากเหมือนกัน”
“ตกลงเห็นผู้ชายสำคัญกว่าอาว่างั้น”
“โธ่! ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะคุณอา”
สีหน้าลำบากใจของหญิงสาวทำให้ภาณุตัดสินใจบอกปัด
“รบกวนสองอาหลานตกลงกันตามสบายเถอะนะครับ” ภาณุเสียงเข้มสีหน้าจริงจัง เดินจากไปโดยไม่ฟังคำทัดทาน
ปราณมองตามจนลับสายตา รู้สึกคุ้นเคยกับคนที่หลานสาวสนใจอย่างประหลาดราวกับเคยเห็นที่ไหนสักแห่งมาก่อนหน้านั้น...
เช้าวันใหม่ท้องฟ้ามืดครึ้ม สายฝนโปรยลงมาเป็นระยะไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตก แสงจากภายนอกรำไรผ่านม่านบางทำให้บรรยากาศภายในห้องเย็นเยียบ เสียงโทรศัพท์มือถือบนหัวนอนดังเป็นสัญญาณเตือนปลุก แต่ร่างกายเหนื่อยล้าลุกนั่งบนที่นอนกลับทรงตัวไม่อยู่จนต้องล้มตัวลงนอนอีกครั้ง หลังจากอดนอนเมื่อคืนเพราะเรื่องรบกวนจิตใจ
ภาณุกดรับสายทั้งที่ยังงัวเงีย เสียงปลายสายขุ่นมัวจนเขาแทบตาสว่าง
“ทำไมต้องทำไม่รู้จักกัน ตอบมา”
ภาณุถอนหายใจเฮือกใหญ่ หายง่วงเป็นปลิดทิ้ง แต่ก็ยังเงียบ
“ทำไมไม่ตอบ อรไม่ใช่เพื่อนณุหรือไงถึงทำเป็นไม่รู้จักกัน”
“ไม่ใช่หรอกอร” เขาตอบกลับหล่อนอย่างใจเย็น
“อย่ามาแก้ตัว!” หล่อนตอบกลับเสียงดังเหมือนจะตะคอก “เพราะเด็กคนนั้นแน่ ๆ เธอสวยนี่ ยังเด็กอยู่ด้วย ชอบสินะ”
เป็นคำถามตัดพ้อที่แม้แต่เขาก็ยังตอบตัวเองไม่ได้ คคนานต์เป็นน้องสาวเพื่อน แต่ช่วงเวลาที่รู้จักกันเพียงน้อยนิดจะให้คิดอะไรได้
คนที่มาตั้งแง่อยู่ตอนนี้ต่างหากควรเป็นคนที่รู้จักเขามากกว่าใคร
แต่หล่อนก็ยังเป็นหล่อน...
“ไม่ตอบใช่ไหม อย่างนี้ตลอด เงียบตลอด”
ก็จะให้คิดอะไรได้...
ในเมื่อความจริงที่เห็นคืออรณีอยู่กับคนอื่น ไม่ใช่ว่าไม่มีความรู้สึก แต่คำพูดของหล่อนช่างสะดุดหูนัก สุดท้ายก็ทนไม่ไหวตอบกลับไปเสียงเข้ม
“ก็แล้วจะทำไม เมื่อคืนอรก็อยู่กับคนอื่นเหมือนกัน จะมาเดือดร้อนเรื่องของณุทำไม”
“ใครว่าอรเดือดร้อน!” หล่อนขึ้นเสียง
“ก็ที่มาหงุดหงิดใส่นี่ไง”
“ก็ได้! จำไว้นะว่าเราไม่รู้จักกัน ต่อไปนี้ไม่ต้องมาสนใจ ไม่ต้องมาทำเป็นห่วงเป็นใยจอมปลอม”
“เดี๋ยว! อร! เฮ้ อย่าเพิ่งวางสายสิ... โธ่!”
ภาณุทอดถอนใจหนักหน่วงเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อครู่ หรือคำพูดจะแรงไป ก็ไม่น่าเป็นไปได้ อรณีโกรธน้ำเสียงสั่นตัดพ้อ แต่หล่อนจะมาโกรธทำไม ในเมื่อไม่ได้เป็นอะไรกันนอกจากเพื่อน
ไม่ทันที่จะปล่อยให้ความคิดฟุ้งซ่านต่อ เสียงเคาะประตูหนักหน่วงก็ดังรัวหลายครั้ง ต้องตัดความกังวลใจทิ้งไป เพราะวันนี้เขานัดกับน่านฟ้าเรื่องประเมินราคาที่ดินโครงการเฟสสามที่กำลังคิดสร้าง แต่ความสนใจของภาณุก็มีอันตกไปเพราะคนมาใหม่
“คุณณุอยู่รึเปล่าคะ คุณณุ!”
“เจ้รู้ได้ยังไงว่าผมพักห้องนี้”
“มีอะไรที่ผู้รอบรู้อย่างพี่จะไม่รู้คะ” แสงสุรีย์กวาดตามองเข้าไปด้านใน “พักห้องสูทเชียวนะคะคงแพงน่าดูเลย บังเอิญจังนะพักโรงแรมเดียวกับอรด้วยสิ”
“ผมมาเรื่องงานครับ” เขาตอบสังเกตสีหน้าผู้จัดการสาวไปด้วย “ก็เรื่องคอนโดเฟสใหม่ของบริษัทอาจจะต้องอยู่ต่อหลายวัน ว่าแต่เจ้มีเรื่องอะไรรึเปล่า”
แสงสุรีย์ขยับแว่นสายตาเล็กน้อยด้วยกิริยาเคยคุ้น แต่เมื่อเห็นชายหนุ่มมีสีหน้างงงวย หล่อนก็นึกได้ว่าไม่สมควรลาบละล้วง จึงรีบเข้าประเด็น
“อรอยู่กับคุณที่นี่รึเปล่า” หล่อนกระซิบหน้าเครียด
“อรไม่ได้มาที่นี่ครับ ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นดูเจ้ร้อนรนจัง”
“อรหายตัวไปค่ะ”
“อะไรนะ! เมื่อกี้ยังคุยโทรศัพท์กับผมอยู่เลย แล้วลองโทรหาดูรึยัง”
แสงสุรีย์สะดุดน้ำเสียงของภาณุที่ร้อนรนยิ่งกว่าแต่ก็ปัดความคิดทิ้งไปก่อนเพราะเรื่องอรณีหายตัวไปสำคัญกว่า
“นี่โทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้ เหลวไหลจริง ๆ ท่านประธานโมโหใหญ่ แล้ว คุณสองคนเป็นเพื่อนสนิทกันช่วยคิดหน่อยได้ไหมว่าจะไปหาอรณีได้ที่ไหน”
“ผมไม่แน่ใจ ขอคิดดูก่อนครับ”
“เร็วเลยนะคุณณุ ไม่งั้นสถานภาพนักแสดงอันดับหนึ่งของอรณีต้องสั่นคลอนแน่ๆ ท่านประธานเพิ่งเตือนพี่ก่อนมาที่นี่ได้ไม่กี่วันเองค่ะ”
ภาณุถึงกับกุมขมับ หรือจะเพราะเขา ไม่น่าเป็นไปได้ อรณีไม่ใช่คนไม่รับผิดชอบถึงกับทิ้งงานแค่เรื่องทะเลาะกันเล็กน้อยเท่านั้น
ฝนโปรยปรายต่อเนื่องไม่มีทีท่าว่าจะหยุด แต่เสียงเอะอะเซ็งแซ่ดังอึกทึกเต็มห้องจัดเลี้ยงกลางลานกว้างหลังคากระจกที่ถูกเนรมิตเป็นฉากงานเต้นรำสุดอลังการยังคงดังกลบเสียงฝนชะงัด
เมื่อนักแสดงหลักอย่างอรณีหายไป ยิ่งสร้างความหงุดหงิดให้ ผู้กำกับหนุ่มถึงกับกุมขมับเมื่อรู้จากแสงสุรีย์ว่าอรณีหายไป
หายไปได้อย่างไร...
หรือเป็นเพราะเขา เพราะเรื่องเมื่อคืน
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่ะ
ขอฝากอีบุ๊คด้วยนะคะ
https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=57488
ขอบคุณมากค่า ^___^
lovereason2
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 มิ.ย. 2560, 17:54:13 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 มิ.ย. 2560, 17:54:13 น.
จำนวนการเข้าชม : 1070
<< บทที่ 9/2 เรื่องบังเอิญ 100% | บทที่ 10/2 ท้องฟ้าแปรปรวนหัวใจรวนเร >> |