ร้อยรักพรางตะวัน
If no obstacle is found.
Do you know …What true love is?

เรื่องของนักแสดงสาวชื่อดังจอมเหวี่ยงวีนกับวิศวกรหนุ่ม ทั้งสองเป็นเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัย แต่ความสนิทสนมทำให้ความสัมพันธ์ก้าวข้ามขีดคำว่า 'เพื่อน' ไปไม่ได้

ถ้าไม่มีอุปสรรคขัดขวางความรักระหว่างเพื่อนที่จำกัดไว้อาจจะไม่คืบหน้า และหากปล่อยเวลาผ่านไปอาจต้องเสียความรักนั้นไปให้ใครคนอื่น

เอาใจช่วยเพื่อนสนิทสองคนให้ค้นพบรักแท้ของกันและกันและก้าวผ่านอุปสรรคทั้งปวงเพื่อ ‘ความรัก’ ด้วยกันค่ะ

Tags: ร้อยรักพรางตะวัน, อรณี, ภาณุ, รักดราม่า, โรแมนติก, เพื่อนสนิท, แอบรัก

ตอน: บทที่ 10/2 ท้องฟ้าแปรปรวนหัวใจรวนเร

“พี่ชัช! ยังตามหาตัวคุณอรไม่เจอเลย ทำยังไงดีคะ พวกเซ็ตบีเตรียมฉากใกล้จะเสร็จกันแล้วค่ะ เดี๋ยวบ่ายสองต้องเคลียร์ห้องจัดเลี้ยงคืนโรงแรม นี่ก็แปดโมงกว่าแล้วเราเหลือเวลาถ่ายนิดเดียวเองนะคะ”

“ใจเย็น ๆ ลีน” ชัชพลตบไหล่ “แล้วใครบ่นอะไรบ้าง”

“เยอะแยะ จะบ้าตายอยู่แล้ว”

“งั้นเดี๋ยวพี่คิดก่อน” ชัชพลแบ่งรับแบ่งสู้

“รีบคิดเข้าพี่ชัช” ลินาเร่ง

“เออ รู้แล้วน่า”

“ฝนก็ไม่น่าตกยังกับฟ้ารั่วเลย ผิดแผนกันหมด แทนที่จะได้แยกถ่ายต้องมากระจุกกันในนี้แทน ห้องอื่นก็ไม่ว่าง นี่ทีมเซ็ตฉาก พ่นไฟบ่นกันใหญ่เลย กลัวว่าจะเตรียมตัวไม่ทันกัน”

ลินา สาวอวบมาดทอมบอย แต่คล่องแคล่วกว่ารูปร่าง ตัวเก่งฝ่ายประสานงานกองถ่ายบ่นรัวเป็นชุดราวกับเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย ผู้กำกับหนุ่มถอนหายใจเบื่อหน่ายเอนหลังพิงเก้าอี้หมดอารมณ์กระตือรือร้น

“หรือว่าไม่มีใครแจ้งอรณีกับผู้จัดการรึเปล่าว่ามีการเปลี่ยนแปลง”

“ต้องโทษไอ้พี่โตน มันบอกว่าเมื่อตอนตีสองหลังจากที่พวกเราทั้งถกทั้งเถียงกันเรื่องนี้แล้ว มันก็รีบไปหาเจ้แสงเพื่อจะแจ้งคิวใหม่ให้คุณอร”

ชัชพลสนใจขึ้นมาทันที ละสายตาจากเอกสารตรงหน้า ที่เป็นบทใหม่ที่เพิ่งมาถึงสด ๆ ร้อน ๆ

“แล้วไง”

“แล้วก็... คือว่า”

“คืออะไร อย่าอ้ำอึ้งเราก็รู้นี่พี่ชอบคนพูดจาฉะฉาน”

ชัชพลมองเขม็งร้อนใจ สาวอวบถึงกับหน้าซีดอ้อมแอ้มตอบไม่เต็มเสียง

“ไอ้พี่โตนโทรหาเจ้แสงแต่สายไม่ว่าง แล้วก็ไปเรียกคุณอรที่ห้องก็ไม่เปิดเลยเขียนโน้ตสอดไว้ใต้ประตู สงสัยคุณอรไม่เห็น”

“แล้วโทรเช็ครึยัง มือถือก็มีทำไมไม่โทร”

“ใครจะกล้าคะ” ลินาตอบท่าทางขยาด “พี่ก็รู้ว่าเธอแรง”

“งั้นลองต่อเข้าห้องพักดูซิ มีตั้งหลายเบอร์โทรเข้าสิ เร็วเข้า”

“ค่ะ”

ลินาหน้าเสียลนลานเมื่อถูกชัชพลตะคอกใส่ด้วยความหงุดหงิด

“ให้มันได้อย่างนี้สิ แล้วไม่บอกแต่แรก พี่ก็ปากหนัก เอาเป็นว่าพี่ผิดเองแหละ ไม่ได้บอกอรไว้ก่อนว่าจะขอคิวแทรกช่วงกลางวันก่อนถ่ายฉากซ่อมเมื่อวานตอนเย็น เธอคงคิดว่าฟรีเลยไปไหนแน่ ๆ”

“ทีแรกลีนก็คิดว่าคุณอรคงจะไม่ไปไหนเหมือนกันค่ะ เลยชะล่าใจอีกอย่างอากาศแบบนี้ไปไหนก็ลำบากไม่สนุก ใครจะไปรู้... ขอโทษนะคะพี่ชัชเราเอาไงต่อดีคะ เวลาก็น้อย แล้วยังจะ”

ไม่ทันที่ลินาจะพูดจบ ชัชพลที่นิ่งฟังมานานก็ทุบโต๊ะปังอย่างนึกอะไรขึ้นมาได้แล้วตะโกนเสียงดังเรียกหา

“ไอ้คุณสมชาย! ไปตามน้องอลิซมาเข้าฉากเดี๋ยวนี้ให้เวลาไม่เกินหนึ่งชั่วโมงจัดการเสื้อผ้าหน้าผมให้เสร็จ จะได้ไม่เสียเงินเปล่า ไปตามศรุตมาด้วย เราต้องถ่ายเจาะซีนเขาให้ได้สักซีนสองซีนไม่งั้นเสียหายหลายเงินแล้วพวกเราจะเดือนร้อน”

ชัชพลสั่งเสียงกร้าว จนไตรภพหรือชื่อเดิมสมชายถึงกับบ่นกระปอดกระแปดเมื่อถูกตะโกนเรียกชื่อเสียงดัง

“โธ่... ทำไมต้องเรียกชื่อเก่าผมด้วยล่ะ บอกแล้วว่าเปลี่ยนเป็นไตรภพแล้ว ไม่ต้องคิดถึงมันมากแล้วได้ไหม ชื่อนั้นเชย โบราณ คร่ำครึ ฟังระคายหู”

“ชื่อพ่อแม่ตั้งมาให้ มันเชยตรงไหนวะ ไอ้คุณโตน ไตรภพ สามโลก สมชายอะไรก็ช่างเหอะ ไปได้แล้ว พูดมาก!”

“คร๊าบ... เพ่คร๊าบ เดี๋ยวนี้เลยครับพี่”

ไตรภพล้อเลียนอย่างไม่เกรงกลัวก่อนจะวิ่งแนบหายไป ชัชพลได้แต่ส่ายหน้าระอา เพราะความสนิทชิดเชื้อเป็นทุนเดิมเรียกได้ว่าโตกับหน้าที่การงานมาด้วยกัน

เปรียบสมชายเป็นมือขวา ลินาก็เป็นมือซ้ายที่รู้ใจและเรียกใช้งานแบบเล่นหัวได้สะดวกกว่าใคร ที่สำคัญเป็นสองคนที่รู้ตื้นลึกหนาบางเรื่องเขาและใครบางคนที่เขาเคยรักจนแทบเสียผู้เสียคนก่อนที่จะมาพานพบใครอีกคน...ที่เขารักหมดใจ



ชลดาพกพาเอาความร้อนรุ่มกลุ้มใจเข้ามายังห้องจัดเลี้ยงที่ถูกเนรมิตให้เป็นฉากเต้นรำสุดอลังการ ท่ามกลางสายตาเหล่าทีมงานต่างพากันสนใจทันทีที่นักแสดงและพิธีกรชื่อดังย่างกายเข้ามาทั้งที่ไม่มีธุระอันใดกับกองถ่ายแม้สักนิด

“ลีน... พี่ชัชล่ะ”

ทันทีที่เจอเป้าหมายชลดาก็ยิงคำถามทันที เสียงที่ปกติจะหวานออกหน้าจอบัดนี้เกรี้ยวกราดแต่ลินาชินเสียแล้ว

“เมื่อกี้พายุลงกองถ่าย แต่ตอนนี้ไปตรวจดูความเรียบร้อยแล้วค่ะ พอดีวันนี้ผิดแผนนิดหน่อย กองถ่ายเจอฝนหนักเลยต้องย้ายเข้ามาในร่ม คิวนักแสดงที่ไม่ได้นัดไว้ก่อนล่วงหน้าเลยรวนไปหมดค่ะ”

“แล้วทำไมพี่ชัชไม่รับโทรศัพท์ โทรหาตั้งหลายหนแล้วจนต้องมาหาถึงนี่”

ชลดายืนกอดอกจ้องลินาที่กำลังสาละวนจัดคิวงานอยู่ คนถูกมองพยายามไม่ใส่ใจแต่ก็ตอบไปแต่โดยดี

“ก็จะไปรู้ได้ไงล่ะคะคุณชล โทรศัพท์ก็ของพี่ชัชไม่ใช่ของทีมงานจะใช้ส่วนตัวก็เรื่องของเขามั้ง”

“ลีน! พี่ถามดี ๆ นะแล้วทำไมต้องเรียกคุณเคินอะไรด้วย เราเป็นพี่เป็นน้องกัน” ชลดาเสียงเข้มมือเรียวที่กอดอกคลายจากกัน แต่กลับไปวางแปะอยู่บนเอกสารที่ลินากำลังแยกอย่างวุ่นวายบนโต๊ะหมายจะให้สาวอวบสนใจ ซึ่งก็ได้ผล

ลินาเริ่มหงุดหงิดชักสีหน้าใส่พิธีกรสาวทันที ดวงตาวาวโรจน์ละมือจากกองเอกสารจ้องดวงตาคมของสาวสวยตรงหน้าไม่ลดละ

“มีสิทธิ์อะไรมาใช้คำว่าพี่น้อง คุณไม่ใช่พี่น้องของพวกเราตั้งแต่สี่ปีก่อนแล้วล่ะ”

“มันตัดกันง่าย ๆ ขนาดนั้นหรือไง” ชลดาปรับเสียงเบาลง แต่ยังคงตอแย “เธอก็รู้พี่ไม่ได้ตั้งใจ”

“นั่นมันก็เรื่องของคุณ” ลินาเหลือบตามอง “กรุณาหลีกไปอย่ามาวุ่นวายแถวนี้ ออกห่างพี่ชัชได้เท่าไหร่ยิ่งดี อย่าให้หมดความอดทนไม่งั้นไอ้พี่โตนมาเห็นมันคงได้จับคุณโยนออกไปนอกห้องแน่ ๆ เลยนะ”

“พี่ทำอะไรผิดมากมายถึงกับต้องผลักไสกันด้วย” ชลดาตวาด

“ไม่รู้ตัวหรือไง”

“รู้ตัวเรื่องอะไรเล่า”

ชลดาเสียงอ่อนลงเมื่อมองเห็นสายตาคนรอบข้างมองอย่างสนใจและตั้งใจฟัง อับอายว่าคนจะรู้ตื้นลึกหนาบางทำให้ดวงหน้าสวยแต่เกรี้ยวกราดเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นฉีกยิ้มหวานแต่แววตาเอาเรื่อง

“ไม่รู้ตัวก็อย่ารู้” ลินาเสียงขุ่น แต่ก็พยายามสงบอารมณ์ “ว่าแต่คุณมาทำอะไร ไม่ได้ทำข่าวเรื่องนี้นี่ หรือมาทำสกู๊ปหลังกล้องกองถ่ายเรื่องชาวบ้านอีกรึไง”

“วันนี้ว่างเลยมาดูที่ แล้วพรุ่งนี้ก็มีนัดสัมภาษณ์ลูกชายเจ้าของโรงแรมนี้ด้วยนักธุรกิจหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงซะด้วยสิ ไม่รู้ความหล่อจะสูสีพี่ชัชรึเปล่า นึกแล้วก็ตื่นเต้น”

ชลดานั่งลงข้างลินาพร้อมจับมือด้วยกิริยาอ่อนหวานผิดจากเมื่อสักครู่ไปมาก สาวอวบมองอย่างงง ๆ

“บรื๋อ ขนลุก! พูดอย่างเดียวก็ได้มาจับไม้จับมือทำไมเนี่ย”

“ถามหน่อยสิลีน พี่ชัชพักที่นี่ใช่ไหม ห้องไหน ลีนมีกุญแจรึเปล่า พี่จะได้ไปรอพี่ชัชที่นั่นไม่ประเจิดประเจ้อด้วย” ชลดากระซิบถามไม่ให้ใครได้ยิน สาวอ้วนถึงกับเบิกตาโพลง

“บ้า! มาถามเอากุญแจห้องผู้ชายนี่นะ จะบ้าแล้ว กุญแจห้องพี่ชัชจะมาอยู่อะไรกับลีน” ลินาสบถ

ชลดาถึงกับถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย

“ก็เห็นว่าสนิทกันดีอยู่เผื่อจะฝากไว้มั่ง จะให้ทำยังไงล่ะ ก็รู้ตัวว่าผิดไปแล้วอยากง้อ มันผิดมากรึไง” ชลดาอ้อมแอ้มตอบเสียงเศร้า

“เฮ่อ... มันก็ไม่ผิดหรอก แต่ว่ามันใช่เวลาที่ไหน คนเยอะแยะหน้าต่างมีหูประตูมีช่อง พี่ชลเป็นแบบนี้เรื่อยเลย ทำให้ทุกคนลำบากใจเพราะการตัดสินใจของพี่ตลอด”

ลินาลอบถอนใจ แต่ชลดายังคงคะยั้นคะยอ

“พี่ผิดไปแล้ว ลีนต้องอยู่ข้างพี่นะ ช่วยพี่เรื่องพี่ชัชด้วยอยากได้อะไรเดี๋ยวพี่หามาให้พิเศษสำหรับลีนเลย คอร์สเสริมความงามสักคอร์สดีไหม เอาแบบครบเซ็ตก็ได้ หุ่นเฟิร์ม ดูดไขมัน สปา หน้า ผม พี่มีคอนแท็กกับที่นึงได้ผลเร็วมาก รับรองเธอต้องกลายเป็นคนใหม่ที่สวยจนหนุ่ม ๆ เหลียวหลังเลย”

ลินาส่ายหน้าปฏิเสธ สีหน้าเครียด

“อย่าเลย คนจะงามที่ใจใช่ใบหน้า คนจะสวย สวยจรรยาใช่ตาหวาน ลีนไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณใครโดยเฉพาะพี่ เงินมันซื้อไม่ได้ทุกอย่างหรอก ที่มันผ่านไปแล้วก็ปล่อยมันผ่านไป ผู้ชายไม่ไร้เท่าใบพุทรา หาคนใหม่ที่เขารักพี่ ปล่อยพี่ชัชเขาไปตามทางเถอะ ลินเห็นแล้วก็สงสารไม่อยากให้พี่เขาเจ็บปวดแทบตายแบบคราวนั้นอีก”

“แต่ว่าคราวนั้นก็เธอเองที่...”

ไม่ทันพูดจบ ชลดาถึงกับสะดุ้งเมื่อคนที่ตามหาเดินหน้าบอกบุญไมรับเข้ามา ชัชพลถึงกับชะงักเมื่อชลดาหันมามองพร้อมส่งยิ้มหวานจัด รอยยิ้มแสนหวานเหมือนน้ำทะเลสีฟ้าสดใส หากแต่เคลื่อนไหวไร้ทิศทาง เหมือนหัวใจที่รวนเร

เรรวนและปรวนแปร ไม่ต่างจากคลื่นลมทะเล…

ชายหนุ่มเดินผ่านไปอย่างไม่ไยดีไปยังหน้าเวทีที่กำลังชุลมุนวุ่นวายทำงานแข่งกับเวลา



“นึกแล้วว่าต้องอยู่ที่นี่..”

เสียงเอ่ยทักไม่ทันตั้งตัวทำให้หญิงสาวในชุดจั๊มพ์สูทขาสั้นเหนือเข่าสีเทาอ่อนกับเสื้อแจ็กเก็ตสีดำตัวยาวมีหมวกฮู้ดคลุมปิดมิดชิดถึงกับชะงักมือหลังปิดประตูห้องเรียบร้อย

ดวงตาสวยภายใต้แว่นกันแดดสีดำอันใหญ่หันมามอง เมื่อเห็นว่าเป็นใครก็รีบเดินฉากชิดริมทางเดินอีกฝั่งไม่ใส่ใจ

“จะไปไหน คุยกันก่อน”

ภาณุคว้าข้อมือเล็กบางที่แค่มือเขาก็กำได้เกือบรอบไว้แน่น อรณีถึงกับหน้านิ่วด้วยความเจ็บ

“เรารู้จักกันด้วยหรือคะ” อรณีถามย้อนพลางสะบัดมือแต่ไม่หลุด กลับยิ่งโดนรัดแน่นมากขึนด้วยมืออีกข้างที่เหนี่ยวรั้ง

“พูดอะไรอย่างนั้น”

“ปล่อย! ฉันจะไปข้างนอกคนไม่รู้จักกันไม่ต้องมายุ่ง” อรณีตวาดเสียงเข้มจ้องมองดวงหน้าคมของคนที่ได้ชื่อว่าเพื่อนรักอย่างนึกน้อยใจ คำพูดเหินห่างเมื่อคืนยิ่งคิดยิ่งปวดใจจนแทบไม่อยากมองหน้าเขา

ภาณุละล้าละลังเพราะเสียงโทรศัพท์ที่ดังขัดจังหวะไม่ได้หยุด ควานหาโทรศัทพ์มือถือในกระเป๋ากางเกงด้วยความรำคาญ ครั้นจะเหนี่ยวรั้งไว้ก็ไม่ทันเมื่อหญิงสาวก้าวฉับลับหายไปทันทีที่ปล่อยมือ

“เจ้ ผมกำลังยุ่ง” ตอบไปใจพะวักพะวน “ใช่ เจออรแล้วเดี๋ยวผมบอกให้”

ภาณุตัดบทเมื่อรู้ว่าปลายสายคือแสงสุรีย์ที่ร้อนอกร้อนใจไม่แพ้กัน พูดผ่านโทรศัพท์ ย้ำแล้วย้ำอีกให้พาอรณีกลับไปให้ได้



สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านรวงมากมายค่อนข้างเงียบเหงา เพราะฟ้าฝนไม่เป็นใจแถมยังคงตกต่อเนื่อง ภาณุสอดส่ายสายตามองหาเรือนร่างเพรียวบางคุ้นเคยแต่ไม่พบเจอแม้เงา

เพราะเขาเป็นต้นเหตุแท้ ๆ

ไวเท่าความคิด สายตาสอดส่ายมือก็กดโทรหาเบอร์คนที่ตามหาเสียงรอสายยังดังต่อเนื่องแต่ไม่มีแม้เสียงตอบกลับจากปลายสายจนอ่อนใจ

พลันสายตาเหลือบมองภายในร้านกาแฟขนาดเล็กร้านหนึง ที่นั่งริมหน้าต่างเป็นฝ้ามองแทบไม่เห็นด้านใน
แต่เขาเห็น...

แทบไม่ต้องคิดให้เสียเวลาเรือนร่างหนาแต่เปียกปอนก้าวเข้าหาทันที

..ก๊อก..ก๊อก..

เสียงเคาะรัวเร็วดังจากทิศทางหนึ่ง อรณีสะดุ้งจากภวังค์ มองแก้วกาแฟเย็นชืดที่ยังไม่ได้แตะต้องแล้วมองหาที่มาของเสียงอย่างงุนงง พลันเหลือบเห็นบางสิ่งบางอย่างบนกระจกที่เต็มไปด้วยฝ้า และใครบางคนยืนล้วงกระเป๋ามองอยู่...


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่ะ
ขอฝากอีบุ๊คเรื่องนี้ด้วยนะคะ
https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=57488
ขอบคุณมากค่า ^__^

ลิงค์ด้านล่างเป็นเรื่องสั้นโหลดอ่านฟรีค่ะ
https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=57832



lovereason2
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 มิ.ย. 2560, 13:46:33 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 มิ.ย. 2560, 13:46:33 น.

จำนวนการเข้าชม : 937





<< บทที่ 10/1 ท้องฟ้าแปรปรวน หัวใจรวนเร   บทที่ 11/1 หน้ากาก >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account