ฝากรักไว้ในสายหมอก (เปิดจองรูปแบบเล่มพร้อมE-Book)
มวยเกล้าผมวาง บนกล๋างกระหม่อม

แล้วเหน็บโอบล้อม ด้วยดอกเกี้ยวเกล้า
แดงเฮย...งามแต๊ บ่แลโศกเศร้า

สดใสเริงเลา ใคร่เฝ้าอยู่ใกล้
ผ่อจนเหลียวหลัง เป๋นดีใคร่ได้

โอบล้อมหัวใจ๋ ดวงนี้
แต่เก๊าเจ้าหวง สมแล้วว่าอี้

บ่ดีเด็ดเล่น เนอนายฯ.....



...........................................................................


เพราะความรัก ความผูกพันช่วงหนึ่งในวัยเยาว์

ที่เคยเติมเต็มหัวใจอันอ้างว้างของเขาให้อบอุ่นขึ้นมาได้

ความรู้สึกเหล่านั้นฝังแน่นอยู่ในใจตลอดมา

จนกระทั่งถึงวันนี้ที่เขากลับมาตามหาความรัก

ความผูกพันที่ได้ฝากไว้กับใครบางคน.



ฝากรักไว้ในสายหมอก

เป็นนิยายเรื่องแรกที่ได้รับการตีพิมพ์กับสนพ.กรียมายด์

ตอนนี้หมดสัญญาแล้วจึงเอามาทำเองค่ะ

ติดตามกันได้ในรูปแบบอีบุ๊คนะคะ




Tags: เกี้ยวเกล้า ไตรศูรย์ เชียงใหม่ ล้านนา โรงแรม ความรัก ความผูกพัน วัยเยาว์ สายหมอก

ตอน: ตอนที่ 20


สวัสดีค่ะ

มีข่าวดีมาบอกสำหรับนักอ่านที่น่ารักทุกท่าน

ที่ได้ถามไถ่ถึง พี่ไตร+น้องเกี้ยว

ในรูปแบบเล่ม ตอนแรกก็ไม่คิดจะพิมพ์

เพราะเคยตีพิมพ์มาก่อนแล้วแม้จะนานมากก็ตามที

แต่เมื่อมีคนถามมาเป็นระยะไรท์ฯจึงตัดสินใจพิมพ์พร้อมกันกับ

บักสีดา+หนูหวาย‘ลิขิตรักเก็บตก’เลยดีกว่า

ซึ่งก็มีรายละเอียดดังนี้ค่ะ

‘ฝากรักไว้ในสายหมอก’

เล่มเดียวจบ ราคา 369 บ. ลดเหลือ 360 บ.

‘ลิขิตรักเก็บตก’

มี 2 เล่มจบ ราคาเล่มละ 339 บ.

2 เล่มลดเหลือ 670 บ.

*สั่งซื้อ 3 เล่ม ในราคาพิเศษเพียง 999 บ. เท่านั้น*

สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดได้

ทางอินบ็อกเฟส : pirita ametrine

หรือในเพจ ‘พิริตา อเมทริน นักเขียน’

**Email:**
โทร.0626656247หรือทางไลน์**** ID: pirita-ametrine

วันนี้-20 สิงหาคม นี้ เท่านั้น!!

ขอขอบคุณผู้อ่านที่น่ารักทุกท่านนะคะที่ให้ความสนใจและติดตามกันมาโดยตลอด ขอบคุณจริงๆค่ะ



ตอนที่ 20

กลิ่นฉุนพร้อมกับควันคลุ้งของพริกแกงคั่วลอยตลบอบอวลมาจากห้องครัวหลังบ้าน เกี้ยวเกล้าจามติดต่อกันหลายครั้งจนน้ำหูน้ำตาไหล เมื่อเดินเข้ามาในครัวก็เห็นแม่อ่อนแก้วกำลังวุ่นอยู่หน้ากระทะต้นเหตุ

“จามดีมีสุข” แต่ปากไม่วายอวยพรลูกสาวที่จาม ทั้งที่ตัวเองยังจดจ่ออยู่หน้าเตา

“กลิ่นอย่างนี้ต้องอร่อยแน่ๆ เลย แม่ทำอะไรจ๊ะ ให้เกี้ยวทำม่ะ” เกี้ยวเกล้าเข้าไปยืนอยู่ด้านหลังแม่ ชะโงกหน้ามองกระทะ

“กำลังคั่วน้ำพริกอ่องไงลูก” ว่าพลางหลีกทางและส่งทัพพีต่อให้ลูกสาว แล้วหันไปเตรียมเครื่องปรุงมาวางไว้ให้ใกล้มือ ก่อนปลีกตัวไปนั่งปอกแตงกวาอยู่ที่โต๊ะกินข้าวกลางห้องครัว ขณะที่เกี้ยวเกล้ากำลังทำกับข้าวใกล้เสร็จ กอแก้วและทศพลที่แต่งตัวพร้อมไปทำงานก็เดินเข้ามา

“เมื่อคืนนี้กระทงโรงเรียนพี่แก้วได้ที่เท่าไหร่” เกี้ยวเกล้าถามพลางยกกระทะลงจากเตา

“ได้บ้าอะไรล่ะยัยเกี้ยว สู้ปีที่แล้วก็ไม่ได้ ได้ตั้งที่ 2 พี่หมดอารมณ์ก็เลยชวนพี่ทศกลับก่อนเพื่อนเลย” กอแก้วบ่นอุบ

“คงเพราะปีนี้พี่สาวเราเป็นโต้โผใหญ่นั่นแหล่ะยัยเกี้ยว” ทศพลแซวภรรยาขำๆ

“เออ...เนอะ เกี้ยวก็ว่างั้นแหล่ะ ทุกปีพี่แก้วเป็นแค่ลูกมือเขานี่ อิ อิ” เกี้ยวเกล้าพลอยผสมโรง หัวเราะคิกคัก

“ฮึ...ปีหน้าพี่ทศทำเองเลยนะแก้วจะไม่ยุ่งด้วยเลย ก็รู้อยู่แล้วว่าคนไม่ถนัดเรื่องพวกนี้ได้แค่นี้ก็บุญแล้ว ว่ากันดีนัก ว่ากันเข้าไป จำเอาไว้เลย” กอแก้วค้อนน้องและสามีขวับๆ

“โถ แซวนิดแซวหน่อยทำใจน้อยน่า คุณครูกอแก้วออกจะเก่ง” เกี้ยวเกล้าฉอเลาะ

“ใช่ๆ แก้วของพี่ออกจะเก่ง อย่าใจน้อยเลยน่า พี่แค่ล้อเล่นขำๆ โอ๋...อย่างอนเลยนะ ดีกันน๊า นะแก้วนะ” ทศพลโอบเอวกอแก้วออดอ้อน เกี้ยวเกล้าขยับไปใกล้แม่ที่ทำเป็นไม่สนใจสิ่งรอบข้างนั่น

“แม่ดูคู่นี้สิ หวานจนกลัวน้ำพริกอ่องของเราเลี่ยนไปด้วยแล้วเนี่ย” แกล้งกระซิบเสียงดังกับแม่ให้คู่หวานยามเช้าได้ยิน

“อิจฉาพี่กับแก้วล่ะสิยัยเกี้ยว” ทศพลหันมาแซวตอบ

“เกี้ยวเปล่าซะหน่อยนะพี่ทศ ไม่เห็นต้องอิจฉาเลยเนอะแม่เนอะ” เกี้ยวเกล้าหันไปหาพวก แม่อ่อนแก้วได้แต่ส่ายหน้าระอาปนขำ

“ก็ใช่น่ะซี้ ยัยเกี้ยวจะอิจฉาเราไปทำไมกันล่ะพี่ทศ ก็เมื่อคืนใครน๊า...ที่หวานจนมดริมรั้วเดินตามกันเป็นพรวน” กอแก้วลอยหน้าลอยตาพูด ทำให้ใบหน้าหวานของน้องสาวเริ่มซับสีชมพูขึ้นมาในทันใด

“พี่แก้วน่ะ พูดอะไรก็ไม่รู้” พูดพลางก้มหน้างุด

“อ๊า แล้วหน้าแดงทำไมล่ะจ๊ะ เออ...ว่าแต่คุณไตรเขาพูดอะไรบ้างจ๊ะเล่าให้ฟังมั่งสิ” กอแก้วเมื่อเห็นน้องสาวเขินก็ยิ่งแกล้งเข้าไปกระแซะ

“หึ! ” เกี้ยวเกล้าหันหน้าหนีไปอีกทาง

“น่า...บอกพี่หน่อยน่า ไม่บอกใครหรอกรับรอง เขาบอกหรือยังว่า เกี้ยวครับผมรักคุณม้ากมาก ตอนคุณยังไม่มาผมก็เอาแต่จ้องรูปคุณจนซีดไปหมดแล้ว” กอแก้วเก๊กเสียงนุ่มในตอนท้าย

“พี่แก้วน่ะ แม่ดูพี่แก้วสิ แกล้งเกี้ยว ไม่คุยด้วยแล้ว” ปากโวยวายยกมือปิดหู แต่หน้าแดงไม่สร่าง

“เอาเข้าไป เอาแต่แหย่กันไปมาอยู่นั่นแหล่ะ เดี๋ยวก็ไปทำงานสายหรอก ทศไปเรียกพ่อมากินข้าวสิลูกที่เรือนกล้วยไม้นั่นแหล่ะ สองคนนี่ก็จัดสำรับกับข้าวได้แล้วไป๊” แม่อ่อนแก้วต้องออกโรงเองจึงจะสงบศึกลงได้

ตอนสายของวันนั้น เกี้ยวเกล้าได้ช่วยแม่อ่อนแก้วทำความสะอาดกี่ทอผ้า ซึ่งในอดีตเคยเป็นของยาย แต่แม่อ่อนแก้วนำมาเก็บไว้ที่โรงรถ แม่อ่อนแก้วนั้นไม่ถนัดเรื่องการทอผ้าเท่าป้าอิ่นคำ แต่ก็พอทำได้ ว่างๆ ที่มีใจนึกอยากทำก็จะลุกขึ้นมาทอเสียทีหนึ่ง เหมือนคราวนี้ที่บอกว่าอยากทอผ้าไว้ตัดเสื้อใส่เล่นบ้าง

เกี้ยวเกล้าใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ เช็ดฝุ่นตรงที่นั่งในตัวกี่ นึกถึงตอนเด็กที่เธอเคยนั่งข้างๆ ยายที่กำลังทอผ้า ร้องเพลงโหวกเหวกแข่งกับเสียงไม้กระทบกันโดยที่ยายไม่นึกรำคาญสักนิดเดียว กลับหัวเราะอารมณ์ดีไปกับท่าทางของหลานสาวเสียนี่ กี่ทอผ้าหลังนี้เป็นแบบโบราณมีอายุมากกว่าเกี้ยวเกล้าหลายปี แม้อยู่ในสภาพเก่าแต่ยังใช้การได้ดี เพราะพ่อวิกรณ์มักคอยซ่อมแซมโน่นนี่ตามคำบัญชาของแม่อ่อนแก้วอยู่เสมอ

ที่ผ่านมาเธอมักจงใจมองผ่านกี่หลังนี้มาโดยตลอด เพราะมันทำให้เธอรู้สึกคิดถึงยายไปทุกครั้งที่เห็น แต่วันนี้หญิงสาวสามารถมองมันได้อย่างเต็มตา ด้วยความรู้สึกเหมือนเห็นเพื่อนเก่าที่เคยอยู่ร่วมกันมา มีอดีต มีความหลังอันสวยงามที่ไม่อาจลืมได้ร่วมกัน มือเรียวลูบเบาๆ ตรงที่ยายเคยนั่ง ที่ตอนนี้สะอาดและปราศจากฝุ่นแล้ว รอยยิ้มแต้มริมฝีปากบางอย่างอ่อนโยน พอดีกับมีเสียงรถยนต์มาจอดหน้าบ้าน แม่อ่อนแก้วจึงเอ่ยกับลูกสาว

“ไปดูซิลูกใครมา เสียงเหมือนรถพ่อไตร”

“จ้ะแม่ เห็นว่าจะเข้ามาตอนสายๆ ” หญิงสาวรับคำแม่ก่อนเดินไปเปิดประตู

“สวัสดีครับคุณป้า คุณลุงไปไหนล่ะครับ” ร่างสูงที่เดินเข้ามาพร้อมเกี้ยวเกล้ายกมือไหว้แม่อ่อนแก้วพร้อมถาม

“หวัดดีจ้ะ โน่น...ไปช่วยงานที่วัดโน่น คงเที่ยงๆ ล่ะถึงจะกลับ”

“เอ่อ...คุณป้าครับวันนี้ผมอยากขออนุญาตพาน้องเกี้ยวไปบ้านยายจะได้ไหมครับ” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างกริ่งเกรงไม่น้อย

“ก็ไปสิลูก แต่อย่ากลับเย็นนักล่ะ พ่อเขาบอกจะทำลาบให้กินกันเย็นนี้”

“ขอบคุณมากครับคุณป้า ผมจะพาน้องเกี้ยวกลับก่อนสี่โมงเย็นครับ” เขารับปากแม่อ่อนแก้วด้วยความยินดี

ขณะเดินเคียงข้างกันไปบนถนนสายเล็กๆ ที่ทอดไปสู่ตัวบ้านของยาย

“พี่ไตรว่าเราน่าจะหาของใช้พวกเครื่องครัว เครื่องใช้ไฟฟ้าอะไรมาไว้ที่บ้านบ้าง เวลาน้องเกี้ยวอยากทำอะไรจะได้สะดวกขึ้น เรามีแต่กาน้ำร้อนอย่างเดียว น้องเกี้ยวจะว่ายังไงครับ” ชายหนุ่มถามคนที่เดินข้างๆ เกี้ยวเกล้าจึงฉุกคิด จริงอยู่ว่าเธออาจจะคุ้นชินกับการที่บ้านนี้ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ ในสมัยที่ยังเด็กและอยู่กับยาย แต่ณ.วันนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว หรืออีกทีมันเริ่มเปลี่ยนไปก่อนที่ยายจะจากไปด้วยซ้ำ

ในตอนที่เธอยังเรียนอยู่กรุงเทพฯ ที่นี่เริ่มมีไฟฟ้าใช้แล้ว แม้ยายจะยังคงวิถีชีวิตเดิมๆ ไว้อย่างเหนียวแน่น แต่ทั้งป้าอิ่นคำและแม่อ่อนแก้วต่างก็ทยอยนำเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องอำนวยความสะดวกมาใช้ และในตอนนั้นก็มีแค่ชิ้นเล็กๆ ไม่กี่อย่าง เช่น หม้อหุงข้าว เตารีด กาน้ำร้อน แต่ทว่าวันนั้นป่าดอยแถวนี้ยังอุดมสมบูรณ์มากพอที่จะหาฟืนจากกิ่งไม้แห้งตามป่าได้ เรื่องไฟฟ้าจึงไม่ได้สลักสำคัญมากเท่าไหร่

“ถ้าน้องเกี้ยวไม่อยากได้ ไม่ชอบก็ไม่เป็นไรนะครับ พี่ไตรแค่...”

“เปล่าค่ะ เกี้ยวกำลังคิดว่ามีไว้ก็ดีเหมือนกัน เผื่อว่าที่บ้านเกี้ยวหรือแขกมาพักอยากทำอะไรกันเองบ้างจะได้ไม่ต้องรบกวนน้าลีมากนัก”

“ถ้างั้น กลับไปแล้วเราไปดูกันดีไหมครับว่าอยากได้อะไรเข้าบ้าน ก็ซื้อมาทีเดียวเลยจะได้ให้เขามาส่ง”

“รอว่างๆ ก่อนก็ได้นี่คะ ไม่เห็นต้องรีบ”

“งั้น โอเค.ครับ ตามใจน้องเกี้ยว” ทั้งสองเดินเข้าไปยังใต้ถุนบ้านที่ยกสูง เกี้ยวเกล้าตรงไปยังเปลไม้ไผ่สานก่อนนั่งลง ไตรศูรย์จึงแกล้งไกวเปลแรงๆ

“ว้าย! พี่ไตร ไม่เอานะคะ แรงแบบนี้เกี้ยวกลัวนะ” หญิงสาวร้องเสียงหลง จนอีกฝ่ายเริ่มผ่อนแรงลง

“อ้าว เมื่อก่อนไม่เห็นกลัว มีแต่เรียกร้องให้ไกวแรงๆ ” เขาแกล้งว่ายิ้มๆ

“นั่นเมื่อก่อนนี่คะ แล้วพี่ไตรก็ไม่เคยไกวแรงสักทีนี่คะตอนนั้น” คนว่าหน้าง้ำ ในขณะที่คนไกวเปลกลับหัวเราะร่าเมื่อคิดถึงอดีต ตอนนั้นแม้เจ้าตัวจะเร่งยิกๆ ให้เขาไกวโดยแรง แต่เขาก็ไม่กล้าเพราะกลัวแต่ว่าน้องจะตกเปล และเสียงของยายที่ร้องเตือนเขาอยู่เป็นระยะนั่น...‘อย่าไกวน้องแรงนะลูก เดี๋ยวจะตกเปลเอา’

ไม่ใช่แค่เรื่องเปล แต่เป็นทุกเรื่องที่เกี้ยวเกล้าพาเขาเล่นสนุกซุกซน มักมียายส่งเสียงเตือนเป็นระยะเสมอ ไม่เคยให้หลานๆ คลาดสายตา แต่นอกจากการละเล่นแบบเด็กผู้หญิงโดยทั่วไปแล้ว เกี้ยวเกล้าก็ซนเท่าที่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งจะซนได้ วิ่งไล่กันตามใต้ถุน ตามลานบ้าน หกล้มหกลุก คลุกดินคลุกฝุ่น มอมแมม ร้องไห้งอแงไปตามประสา ไม่ได้ซนหรือแก่นแก้วเกินหญิง ออกจะติดขี้อ้อน ออเซาะและติดยายแจมากกว่า แม้แต่ตอนไม่สบายก็เรียกหาแต่ยายมากกว่าพ่อ แม่ของตัวเองเสียอีก

เกี้ยวเกล้าและกอแก้วเป็นดังแก้วตาดวงใจของบ้าน พอใครเป็นอะไรขึ้นมาหน่อยก็จะวุ่นวายโกลาหลกันทั้งบ้าน ไตรศูรย์ยังจำตอนที่เธอถูกแตนต่อยแล้วเป็นไข้ได้ ตอนนั้นเขาอยู่ที่นี่เกือบ 2-3 เดือนแล้ว เกี้ยวเกล้าเรียกหาแต่ยาย เขาเองได้แต่คอยอยู่ข้างๆ ด้วยความเป็นห่วงไม่แพ้คนในครอบครัวของเธอ หลังจากที่หมอมาดู ได้ฉีดยา กินยา จึงทำให้เธอมีอาการดีขึ้น จากนั้นก็มีการผูกข้อมือเรียกขวัญ สืบชะตากันตามประเพณีทางเหนือยกใหญ่

“ตั้งแต่ยายจากไป เกี้ยวไม่ค่อยได้กลับมาเยี่ยมที่นี่เท่าไหร่ เกี้ยวไม่ค่อยกล้า แย่จังนะคะ เกี้ยวไม่เข้มแข็งเอาเสียเลย ทั้งที่เกี้ยวน่าจะมาที่นี่บ่อยๆ ด้วยซ้ำ” เกี้ยวเกล้าระบายความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ในใจของเธอตลอดมา เสียงนั้นฟังดูเศร้า สายตาเหม่อมองไปไกลอย่างไร้จุดหมาย

“แต่ตอนนี้น้องเกี้ยวก็มาอยู่ที่นี่แล้วนี่ครับ และได้ต่อสู้เพื่อบ้านยายอย่างดีที่สุดแล้ว พี่ไตรเชื่อว่ายายเองคงเข้าใจและภูมิใจในตัวหลานรักคนนี้มาก ต่อไปนี้น้องเกี้ยวไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้นนะครับเพราะพี่ไตรจะอยู่ใกล้ๆ น้องเกี้ยวเหมือนวันที่ยายยังอยู่” หญิงสาวหันมามองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ รู้สึกอบอุ่นใจไม่น้อยเมื่อได้ยินคำปลอบโยนจากเขา

ทั้งที่เธอยอมรับว่าเป็นเพราะเขา จึงทำให้เธอกล้ากลับมาเผชิญหน้ากับความทรงจำที่เธอโหยหาด้วยหัวใจที่เข้มแข็งได้ ตั้งแต่วันที่เห็นหน้าเขาเธอก็รู้สึกได้ถึงความอุ่นใจนั้น แม้ระหว่างเขากับเธอจะทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้าต่อกันก็ตาม

“ขอบคุณค่ะพี่ไตร” เกี้ยวเกล้าเอ่ยพร้อมรอยยิ้มอ่อนหวาน มือแข็งแรงของเขาเอื้อมมากุมมือเธอที่จับเปลไว้ ตาคมที่ทอดมองมานั้นอ่อนหวานไม่แพ้กัน

“พี่ไตร อยากบอกน้องเกี้ยวว่า เอ่อ...”

“พ่อไตร พ่อไตร อยู่หรือเปล่า” เสียงเรียกที่ดังขึ้นทำให้มือที่กำลังเกาะกุมมือเรียวต้องปล่อยอย่างจำใจ

“อยู่ข้างล่างครับน้าปัน มีอะไรหรือเปล่าครับ” ไตรศูรย์เดินออกไปหน้าบ้านก็เห็นน้าปันที่ถือมีด แบกจอบยืนชะเง้อมองหา

“อ้อ อยู่นี่เอง ที่จะให้น้าถางหญ้าน่ะ ตรงไหนล่ะ”

“อ๋อ เดี๋ยวผมไปดูให้ครับ น้องเกี้ยวจะรอพี่ไตรอยู่ที่นี่หรือว่าจะไปกับพี่ไตรดีครับ” เขาหันมาถามเธอที่เดินตามมา

“พี่ไตรไปเถอะค่ะ เกี้ยวว่าจะขึ้นไปดูบนบ้านซักหน่อย”

หลังจากที่ไตรศูรย์กับน้าปันไปแล้วเกี้ยวเกล้าจึงเดินขึ้นบ้าน เมื่อมองจากตรงชานบ้าน ทุกอย่างได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ทั้งต้นไม้ ดอกไม้ริมชานและความสะอาดภายในบ้าน แต่ที่สะดุดตากลับเป็นตรงโถงบ้าน หน้าห้องนอนห้องหนึ่ง มีที่นอน หมอน มุ้ง พับเก็บลวกๆ ไม่เป็นระเบียบนัก คงเป็นที่นอนของเขา

เพราะตอนนั้นเขาเคยมีที่นอนเล็กๆ และเก่าเต็มทีเป็นของตัวเองอยู่มุมนี้ เธอชอบล้อเขาเสมอว่าเป็น ‘ที่นอนหมาน้อย’ แม้ตอนนี้จะเป็นเครื่องนอนใหม่เอี่ยม แต่เมื่อมากองอยู่ตรงมุมเดิมก็ดูเป็น ‘ที่นอนหมาน้อย’ ไม่ต่างกันอยู่ดี และดูท่าจะปักหลักเป็นฐานที่มั่นโดยไม่คิดโยกย้ายเข้าไปนอนในห้องเป็นแม่นมั่นแล้ว หญิงสาวส่ายหน้ายิ้มๆ ก่อนจะค่อยๆ รื้อมุมนั้นเพื่อทำความสะอาด

“นังหนูเกี้ยว ทำอะไรน่ะ ให้น้าช่วยหรือเปล่า” น้ามาลีที่พึ่งขึ้นมาบนบ้านถาม

“อ้าว น้าลี ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เกี้ยวแค่จะเก็บที่นอนพี่ไตรให้เป็นระเบียบเท่านั้นเอง”

“ตายจริง อย่าหาว่าน้าขี้เกียจเลยนะนังหนู ตอนเช้าน้าว่าจะมาเก็บกวาดทำความสะอาดให้แล้ว แต่พ่อไตรห้ามเด็ดขาดไม่ให้น้าทำ ไล่ให้ไปทำที่อื่นเสียนี่ บอกแต่ว่าค่อยทำหลังจากกลับไปแล้ว ไม่รู้อะไรของเขา” น้ามาลีออกตัวและบ่นอยู่ในทีเหมือนกลัวเกี้ยวเกล้าจะว่าเอา

“ไม่เป็นไรค่ะน้าลี เกี้ยวไม่ว่าหรอก น้าลีมีอะไรก็ไปทำเถอค่ะเดี๋ยวตรงนี้เกี้ยวจัดการเอง” เกี้ยวเกล้าบอกด้วยรอยยิ้ม น้ามาลีจึงได้ลงจากบ้านไป



###ตอนนี้อีบุ๊ค ‘ฝากรักไว้ในสายหมอก’ ลงขายแล้วนะคะ###

ตามลิ้งค์ที่แนบมาค่ะ ใครสนใจอยากเก็บพี่ไตร+น้องเกี้ยวเข้ากรุสมบัติ

เข้าไปโหลดกันได้รัวๆเลยจร้า

หรือสนใจนิยายเรื่องอื่นๆในนาม ‘พิริตา’ และ ‘อเมทริน’

ก็สามารถเข้าไปโหลดกันได้นะคะ ทั้งตัวอย่างและอีบุ๊ค

ขอบคุณค่า

meb

hytexts

ookbee

นายอินทร์ปัณณ์

ebooks.in.th



กานพลู
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 มิ.ย. 2560, 13:26:12 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 มิ.ย. 2560, 13:26:12 น.

จำนวนการเข้าชม : 867





<< ตอนที่ 19   ตอนที่ 21 >>
แว่นใส 13 มิ.ย. 2560, 17:33:59 น.
เกือบได้สารภาพรักเชียว


ชื่อหนอนแว่นตาโต 13 มิ.ย. 2560, 22:41:19 น.
ขอบคุณค่ะ


กานพลู 15 มิ.ย. 2560, 21:01:25 น.
คุณแว่นใส-ลุ้นกันต่อไปเน้อออ ขอบคุณค่ะ


กานพลู 15 มิ.ย. 2560, 21:01:58 น.
คุณชื่อหนอนแว่นตาโต-ขอบคุณมากๆเช่นกันค่าา เลิฟๆๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account