ร้อยรักพรางตะวัน
If no obstacle is found.
Do you know …What true love is?
เรื่องของนักแสดงสาวชื่อดังจอมเหวี่ยงวีนกับวิศวกรหนุ่ม ทั้งสองเป็นเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัย แต่ความสนิทสนมทำให้ความสัมพันธ์ก้าวข้ามขีดคำว่า 'เพื่อน' ไปไม่ได้
ถ้าไม่มีอุปสรรคขัดขวางความรักระหว่างเพื่อนที่จำกัดไว้อาจจะไม่คืบหน้า และหากปล่อยเวลาผ่านไปอาจต้องเสียความรักนั้นไปให้ใครคนอื่น
เอาใจช่วยเพื่อนสนิทสองคนให้ค้นพบรักแท้ของกันและกันและก้าวผ่านอุปสรรคทั้งปวงเพื่อ ‘ความรัก’ ด้วยกันค่ะ
Do you know …What true love is?
เรื่องของนักแสดงสาวชื่อดังจอมเหวี่ยงวีนกับวิศวกรหนุ่ม ทั้งสองเป็นเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัย แต่ความสนิทสนมทำให้ความสัมพันธ์ก้าวข้ามขีดคำว่า 'เพื่อน' ไปไม่ได้
ถ้าไม่มีอุปสรรคขัดขวางความรักระหว่างเพื่อนที่จำกัดไว้อาจจะไม่คืบหน้า และหากปล่อยเวลาผ่านไปอาจต้องเสียความรักนั้นไปให้ใครคนอื่น
เอาใจช่วยเพื่อนสนิทสองคนให้ค้นพบรักแท้ของกันและกันและก้าวผ่านอุปสรรคทั้งปวงเพื่อ ‘ความรัก’ ด้วยกันค่ะ
Tags: ร้อยรักพรางตะวัน, อรณี, ภาณุ, รักดราม่า, โรแมนติก, เพื่อนสนิท, แอบรัก
ตอน: บทที่ 11/1 หน้ากาก
บทที่ 11
หน้ากาก
บรรยากาศในห้องอาหารวีไอพีชั้นบนสุดถัดจากมูนบาร์เงียบกริบ เย็นเยียบและอึมครึมไม่ต่างกับสีหน้าคุณหญิงรัตนาที่นั่งทำหน้าบอกบุญไม่รับเป็นประธานอยู่หัวโต๊ะอาหารขนาดใหญ่
น่านฟ้าก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์ด้วยใจจดจ่อยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ในขณะที่คคนานต์หน้าบอกบุญไม่รับเช่นเดียวกับแม่เพราะคนที่นัดไว้ดิบดี ผิดเวลาไปมาก คุณหญิงมองลูกชายทีลูกสาวทีอย่างขัดตา
“ตาน่านหยุดเล่นโทรศัพท์ซะทีได้ไหม ก้มหน้าก้มตาอยู่นั่นแหละ โทรตามพ่อวิศวกรใหญ่ซิป่านนี้ทำไมยังไม่มา ใช้ไม่ได้เลยให้ผู้ใหญ่รอได้ยังไง”
คุณหญิงสั่งเสียงเข้มแต่น่านฟ้ายังคงนั่งเอนในท่าสบายสร้างโลกส่วนตัวต่อไป จนคคนานต์ต้องสะกิด
“พี่น่าน คุณแม่ดุแล้วนะ โทรตามพี่ณุสิคะ”
“เดี๋ยวก็มา ไอ้ณุมันเคยผิดเวลาซะที่ไหน อย่ายุ่งน่าพี่เคลียร์งานกับเพื่อนอยู่”
น่านฟ้าเอียงตัวหลบน้องสาวที่เขย่าแขนคอยคะยั้นคะยอ สาวน้อยถึงกับหน้าเสียเมื่อเหลือบสายตามองสบตาเขียวปัดของแม่
“เออ... ดี ให้มันได้อย่างนี้สิ เจริญแท้ลูกชายฉัน เคลียร์งานอีท่าไหนยิ้มไปยิ้มมาอย่างกับคนบ้า ยายนางโทรตามพี่เค้าทีสิทำไมยังมาไม่ถึงอีก ทำอย่างกับต้องข้ามเขาสักสิบลูกเพื่อจะมากินข้าวกับเราทั้งที่อยู่แค่ห้องสูทชั้นล่างถัดไปไม่กี่ชั้น”
คุณหญิงสั่งเสียงเข้ม ร้อนถึงคคนานต์ที่ถึงกับบ่นอุบ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตั้งท่ากดโทรออกอย่างเสียไมได้
“พี่น่านนะพี่น่าน... ให้น้องสาวแสนสวยโทรหาผู้ชายก่อน เป็นพี่ชายประสาอะไร... ฮึ”
“ไม่ดีรึไงยายนาง พี่รู้ว่าแกชอบ อย่าลีลา”
“ก็ได้ เห็นแก่พี่น่านกำลังยุ่งเคลียร์งานหรอกนะ”
น่านฟ้าเหลือบมองน้องสาวอย่างรู้ทัน คุณหญิงรัตนากระแอมขัดด้วยความหมั่นไส้เมื่อเห็นลูกสาวคนเดียวอมยิ้มเก้อรีบกดโทรศัพท์อย่างกระตือรือร้น
“อย่าคิดว่าแม่เลิกกฎเหล็กเรื่องผู้ชายของแกนะยายนาง กับภาณุน่ะแม่ไม่ใช่ว่าจะโอเคนะ ดู ๆ ไปก่อน”
“อ้าว! แล้วทำไมคุณแม่ดูเอ็นดูพี่ณุให้นางคอยเทคแคร์ล่ะคะ” คคนานต์แย้ง
น่านฟ้ารามือจากโทรศัพท์ หันมาให้ความสนใจทันที
“นั่นสิ ทำไมครับคุณแม่”
“คนมีความสามารถ เราก็ต้องรักษาไว้เพื่อผลประโยชน์ระยะยาวของบริษัทก็เท่านั้น”
“แต่หนู”
คคนานต์หยุดคำพูดไว้เท่านั้น เมื่อน่านฟ้าเอ่ยขัดด้วยน้ำเสียงผิดหวัง
“ผมนึกว่าคุณแม่จะจริงใจกับเพื่อนผม อันที่จริงมีลูกชายไม่ค่อยเอาไหนแบบผม สู้มีลูกเขยดี ๆ ช่วยงานคุณแม่ได้แบบไอ้ณุไม่ดีกว่าเหรอครับ
“พี่น่าน! พี่ณุยังไม่ได้อะไรกับนางเลยนะคะ”
“มันไม่ปฏิเสธแก แสดงว่ามีหวังละน่า” น่านฟ้าหยอกน้องสาวจนหน้าขึ้นสี คุณหญิงรัตนากระแอมเสียงดัง จนสองพี่น้องพากันหุบยิ้มแทบไม่ทัน
“อย่าคิดอะไรมากเลย ตอนนี้แกยังเด็กนัก อนาคตอาจจะเจอผู้ชายที่เขาดีพร้อมสำหรับแกมากกว่าวิศวกรต๊อกต๋อยอย่างนายภาณุก็ได้”
“ทำไมว่าเพื่อนผมแบบนั้นละแม่”
น่านฟ้าเปลี่ยนจากนั่งพิงพนักเอกเขนกเป็นนั่งหลังตรงจ้องคุณหญิงแม่เขม็ง
“ก็แล้วไม่จริงรึไง ลูกเต้าเหล่าใตรหัวนอนปลายเท้ายังไงยังไม่รู้เลย”
“แม่ไม่รู้อะไร ไอ้ณุมันไม่ใช่...”
“ถึงเป็นวิศวกรก็เถอะ” คุณหญิงขัดเสียงเข้ม “แต่แม่ไม่เอาหรอกนะลูกเขยจน ๆ”
“ผมไม่ชอบความคิดของคุณแม่เลย ไหนบอกว่าเอ็นดูจะให้หุ้นเฟสใหม่ตกลงแค่หลอกใช้มันแค่นั้นหรือครับ”
น่านฟ้าสีหน้าจริงจังขึ้น บรรยากาศก็เริ่มตึงเครียดตาม คุณหญิงรัตนาพยักหน้าเมื่อลูกชายพูดจบ
“แม่ก็พูดไปอย่างนั้นเอง ตอบแทนตามสมควร ใครจะยกลูกสาวคนเดียวให้คนที่ทีแต่ตัว แกด้วยยายนาง ตั้งใจทำงานให้ดี ถ้ามีข่าวเสื่อมเสียเรื่องผู้ชายเมื่อไหร่แม่ไล่กลับไปเรียนต่อแน่”
คุณหญิงรัตนาสั่งเสียงหนักแน่น ทำเอาลูกชายหญิงที่เมื่อครู่ยังเถียงคำไม่ตกฟากถึงกับเงียบเสียงทันทีก่อนที่น่านฟ้าจะลุกหนีด้วยความรำคาญ
“แกจะไปไหนตาน่าน!”
“ไปดีกว่า เบื่อ ฟังมาก ๆ เดี๋ยวผมจะกลายเป็นคนแบบคุณแม่ขึ้นมา ผมคงทนไม่ไหว” พูดจบก็เดินตัวปลิวออกไปจากห้องไม่แยแสต่อสิ่งใด
คุณหญิงรัตนาส่ายหน้าอย่างเอือมระอาหันมาบ่นลูกสาวต่อ
“นี่ไง แกเห็นรึยังว่าทำไมแม่ต้องปะเหลาะนายณุไว้ เพราะแม่มีลูกชายไม่เอาไหนใจอ่อนปวกเปียก แกก็เหมือนกันอย่าดีใจว่าแม่ไฟเขียวเข้าใจไหม!”
คุณหญิงรัตนาค้อนทันทีที่เห็นคคนานต์หาวหวอดทำหูทวนลมอีกคน
ภายใต้ท่าทีสุขุมอย่างนักธุรกิจผู้มากประสบการณ์แถมยังมาจากตระกูลดังมีมาดผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว ทำให้คุณหญิงรัตนาเป็นที่นับหน้าถือตาในสังคมอันดับต้นของประเทศ ไม่ใช่เรื่องแปลกหากทุกอย่างจะเป็นธุรกิจไปเสียหมด
“น้องอลิซ! น้องอลิซคะ”
เสียงเรียกขัดจังหวะของคนที่เปิดประตูเข้ามาไม่ให้สุ้มให้เสียง ทำให้คุณหญิงรัตนาถึงกับมองหัวจรดเท้าและส่งสายตำหนิจนไตรภพถึงกับชะงัก
“อะไรคะ พี่โตนเรียกซะหนูตกใจหมดค่ะ”
คคนานต์ผุดลุกยืนสีหน้าแตกตื่น สมชายก้าวเร็วเข้าประชิดถึงตัว ฉุดดึงข้อมือเรียวให้ลุกตามแรงดึง คุณหญิงมองตามแล้วขู่ฟ่อ
“นี่! ลูกสาวฉันเป็นสาวเป็นนางมาฉุดทึ้งดึงลูกฉันได้ยังไงยะ”
“ขอโทษครับคุณหญิง”
ร่างสูงโย่งหันมามองผงกหัวขอโทษหลายครั้งแล้วป้องปากกระซิบข้างหูคคนานต์
“น้องลิซ... ช่วยตามน้ำพี่หน่อย พี่ชัชขอ เอ๊ยไม่ใช่สิ สั่งให้น้องลิซเตรียมตัวให้พร้อมเข้าฉากไม่เกินครึ่งชั่วโมงเนี้ย ไปเถอะ”
“ห๊า! ครึ่งชั่วโมงหนูจะเตรียมตัวทันได้ยังไงคะ คิวหนูเที่ยงนะคะไม่ใช่เก้าโมงเช้า”
“ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่พี่ว่าไปเถอะก่อนระเบิดจะลง”
คคนานต์ย่นจมูกสีหน้าลักเล หน้าเผือดเดินไปมานั่งไม่ติด
“จะคุยกันข้ามหัวฉันอีกนานไหม” คุณหญิงเอ็ดเข้าให้ที่ลูกสาวไม่รักษากิริยา
“โอ๊ย! คุณหญิงแม่ขา โตนขอตัวน้องนางลูกสาวคุณแม่ไปเข้าฉากก่อนนะคะ ระเบิดกำลังจะลงกองถ่ายแล้ว ไปค่ะ ตามพี่ไปเดี๋ยวนี้เลยนะคะ”
ไตรภพจีบปากจีบคอคว้าแขนคคนานต์ดึงไปหน้าประตู คุณหญิงรัตนาถึงกับอึ้งไม่ทันทักท้วง
“เฮ้อ ลูกสาวฉัน จะไหวหรือนี่ แล้วเรื่องนายณุว่าไง”
คุณหญิงรัตนาโวยวายไปตามเรื่อง แต่ก็ไม่ทันเสียแล้วเมื่อเปิดประตูออกไปหน้าห้องพบแต่ความว่างเปล่า
“พี่โตนนี่ตลกจัง นี่มาจากอินเนอร์หรือแค่การแสดงคะ”
คคนานต์ยังหัวเราะขำไม่หยุดกับท่าทีเมื่อครู่ ทำเอาชายหนุ่มที่ยืนรอลิฟท์อย่างกระวนกระวายถึงกับหัวเราะแก้เก้อ
“เห็นคุณหญิงแม่ของน้องลิซกำลังเครียดจัด พี่ก็เลยช่วยท่านรีแลกซ์แต่น้องลิซเถอะพี่กดโทรศัพท์หามือจะหงิกทำไมไม่รับเลย รู้รึเปล่าว่าวันนี้กองถ่ายปั่นป่วนเพราะคุณดาราใหญ่เธอหายตัวไป พี่ชัชก็เลยให้พี่ตามหาน้องลิซ”
คคนานต์ถึงกับงงเมื่อได้ฟังคำตอบที่ไม่เกี่ยวกับหล่อนสักนิด แล้วยังจะผู้กำกับที่หล่อนสุดแสนจะยำเกรงอีก ดวงหน้านวลของสาวแรกแย้มถึงกับซีดเมื่อได้ยิน
“คุณชัชโกรธรึเปล่าคะ พอดีหนูปิดเสียงโทรศัพท์ค่ะเลยไม่ได้ยิน”
“พี่ชัชไม่โกรธหรอก มัวแต่วิ่งวุ่นกับคิวและบทวันนี้อยู่ แต่พี่สิตามหาน้องลิซตั้งแต่ห้องน้องยันห้องอาหาร วิ่งขึ้นวิ่งลงจนน่องโป่งหมดแล้ว เอาเป็นว่าพี่โง่เอง แทนที่จะถามเอาจากผู้จัดการโรงแรมดันวิ่งวุ่นไปทั่ว นี่ถ้าไม่เขาไม่บอกพี่คงหาน้องลิซไม่เจอ”
“ขอโทษนะคะ”
สีหน้าบ่งบอกว่ารู้สึกผิดจริงของสาวสวยทำให้ไตรภพถึงกับประหม่า หัวเราะกลบเกลื่อนไปตามเรื่อง คคนานต์หลบตารู้สึกผิดไม่น้อยที่มัวแต่ต่อสายหาภาณุมากกว่าจึงกดตัดสายที่โทรเข้ามามากกว่าห้าครั้งของสมชาย จนเกือบเสียงานและที่สำคัญอาจจะโดนชัชพลด่าตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มถ่ายสักฉากด้วยซ้ำ...
ยายอ้วนกินจุ หมูตอนจอมขี้เกียจ...
ตัวหนังสือหวัดโย้เย้ที่มองผ่านกระจกเต็มไปด้วยฝ้า ทำให้อรณีขยี้ตาแทบหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง เมื่อมองไปด้านนอกพบคนคุ้นตายืนยิ้มเผล่ชื่นชมผลงานของตัวเอง ได้แต่หรี่ตามองขุ่นเคือง
“หนอย! คนบ้า กวนประสาท”
หล่อนค้อนขวับมองเมินไปทางอื่นทำทีไม่สนใจ สักพักเสียงเคาะกระจกก็ดังขึ้นอีก คราวนี้รัวเร็วจนคนในร้านพากันหันมามองด้วยความสนใจ
อรณีถึงกับสะดุ้งรีบคว้าแว่นกันแดดสีดำอันใหญ่ขึ้นมาสวมปกปิด ก่อนจะหันกลับไปมองที่มาของเสียงแทบไม่ทัน แล้วถึงกับตาค้างเมื่อเห็นข้อความใหม่อีก
ขี้งอน ชอบหาเรื่อง ทำตัวไร้สาระ...
“โหย... นี่ถึงขนาดขุดคำชมสมัยสิบสองปีที่แล้วมาเลยหรือเนี่ย อยากตายมากสิท่า”
อรณีสบถเหลียวมองรอบกายเกรงสายตาผู้คน พอหันกลับไปมองอีกรอบก็ไม่เห็นตัวการ และตัวหนังสือบนกระจกก็หายไปแล้ว
อรณีพิงพนักเก้าอี้ถอนใจหยิบช้อนชาคนแก้วกาแฟอยู่เป็นนานสองนาน
“ง้อแค่นี้อย่าหวังจะใจอ่อน”
“แล้วถ้าง้อด้วยไอ้นี่จะใจอ่อนไหม”
เสียงคุ้นแต่ยังไม่เท่ากลิ่นที่ลอยมาเตะจมูก อรณีทำจมูกฟุดฟิดแล้วถึงกับอุทานเมื่อหันมองที่มาของเสียง
“ข้าวผัด! ฝีมือณุ”
“ใช่แล้ว เก่งนี่ รู้ได้ไง”
ภาณุยิ้มแป้นสมใจ มองหญิงสาวหมดฟอร์มเอื้อมมาคว้าจานข้าวผัดโดยอัตโนมัติ ไม่มีท่าทีอิดออดแล้วตักข้าวผัดคำแรกชิมด้วยสีหน้าบ่งบอกความสุข
“โอ๊ย! อร่อย ไม่ได้กินมากี่วันแล้ว ไปทำที่ไหนที่นี่ร้านกาแฟนะ”
หล่อนไม่วายถามได้ความสงสัย ภาณุหันไปยิ้มขอบคุณเจ้าของร้านที่อนุญาตเป็นกรณีพิเศษให้เขาใช้ครัวโดยไม่อิดออดสักคำ
“เจ้าของร้านใจดี เธอชื่นชมอรเป็นดาราในดวงใจ พอณุไปขอใช้ครัวเธอก็ยอมให้ใช้แต่โดยดีไม่ว่าอะไรเลย ดูสิใคร ๆ ก็รัก อยากเห็นอรเล่นหนังเล่นละครต่อไปอีกนาน ๆ เป็นขวัญใจประชาชน”
อรณีพยักหน้าขอบคุณเจ้าของร้านสาวใหญ่ที่ส่งยิ้มมาอย่างชื่นชม แล้วฉุกคิดขึ้นมาได้
“เจ้สั่งให้มาละสิ ถึงได้พูดแบบนี้”
อรณีวางช้อนส้อมมองเขม็งคาดคั้นคำตอบ ภาณุส่ายหน้าก่อนจะเอื้อมหยิบกระดาษชำระบรรจงเช็ดมุมปากให้หล่อนที่อร่อยจนลืมระวัง อรณีถึงกับหน้าแดงเมื่อสัมผัสถึงความอาทร
“ไม่มีใครสั่งหรอก ณุรู้ว่าอรเป็นแบบนี้เพราะอะไร ที่ทำไปเมื่อคืนก็แค่อยากให้อรสบายใจไม่ต้องมาอึดอัดเพราะเพื่อนต๊อกต๋อยอย่างณุ”
“ดูถูกตัวเอง เคยบอกแล้วไงว่าถ้าณุเป็นคนรวย หรือลูกคุณหนูเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่ออรก็ไม่อยากคบหรอก อรไม่ชอบคนรวยที่ชอบดูถูกคนยิ่งพวกผู้ดีแปดสาแหรกยิ่งไม่อยากคบ”
อรณีไม่ทันได้สนใจด้วยซ้ำว่าคำพูดของหล่อนทำให้ภาณุชะงัก ชายหนุ่มยิ้มอ่อนโยนกลบเกลื่อนความรู้สึก
“ณุไม่อยากให้ใครมองไม่ดี อรจะอึดอัดได้”
“อรจะอึดอัดอะไร ไหนสาธยายให้ฟังหน่อย” หล่อนโน้มหน้ามากระซิบถาม
“ณุเห็นอรออกจะโรแมนติกกับคนนั้น”
ภาณุเอ่ยสิ่งที่ค้างคาใจ คิดว่าจะไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้แต่ในที่สุดก็อดใจไม่ไหว อรณีส่ายหน้าปฏิเสธอย่างรวดเร็ว
“พี่ชัชเป็นผู้มีพระคุณของอร เป็นคนดี เป็น”
อรณีพูดไม่ทันจบ เสียงใครบางคนก็ดังลอยลมมา ทำให้คนในร้านหันมามองเป็นตาเดียว แต่ที่ทำให้อรณีถึงกับตะลึงก็คือคำพูดประโยคต่อมา พร้อมรอยยิ้มหวานฉ่ำของเจ้าของเสียง
“มาอยู่ที่นี่เอง ตามหาตั้งนานแน่ะ”
หญิงสาวเข้ามาลงนั่งฝั่งตรงข้ามเกาะแขนภาณุแล้วส่งรอยยิ้มหวานหยดราวจงใจ
“อ้าว! ที่รัก คุณก็อยู่ด้วย”
อรณีแทบจะสำลักข้าวผัด ทันทีที่เจ้าของเสียงหวานแหลมปรี๊ดเมื่อสักครู่ก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็ว ภาณุสีหน้างุนงง ใบหน้าคุ้นเคยภายใต้แว่นกรอบหนาเข้ามาโอบกระชับรอบเอวเขาอย่างถือสนิท อรณีผุดลุกยืนตามพร้อมอุทานด้วยความตกใจ
“เจ้!”
“ก็เจ้สิจ้ะ จะใครซะอีก”
ไม่ทันให้คนอุทานได้ทักท้วง สาวมือปลาหมึกหอมฟอดที่แก้มขวาของภาณุเข้าให้ อรณีถึงกับตาค้างพูดไม่ออกสักคำ คงมีแต่ชายหนุ่มหนึ่งเดียวที่ทำหน้าปุเลี่ยนแต่ไม่ได้มีทีท่าผลักไสรุนแรงเพราะยังจับต้นชนปลายไม่ถูก
“อะ... อะไรครับเจ้!” ภาณุตะกุกตะกัก “เล่นอะไรผมไม่ทันตั้งตัว”
พยายามเบี่ยงตัวออกห่างอย่างมีมารยาท แต่แสงสุรีย์ยังคงกอดไม่ปล่อย
“แหม ที่รัก ไม่ต้องเขินหรอกน่า” หล่อนเอียงคอซบไหล่ “นี่ยังน้อยไปกับความคิดถึง”
“นี่มันอะไรกัน!” อรณีเค้นเสียงกลัวคนได้ยิน กระแทกตัวลงนั่งอย่างแรง “ตั้งแต่เมื่อไหร่”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่า
ขอฝากอีบุ๊คเรื่องนี้ด้วยนะคะ
https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=57488
ขอบคุณมากๆ ค่ะ ^__^
หน้ากาก
บรรยากาศในห้องอาหารวีไอพีชั้นบนสุดถัดจากมูนบาร์เงียบกริบ เย็นเยียบและอึมครึมไม่ต่างกับสีหน้าคุณหญิงรัตนาที่นั่งทำหน้าบอกบุญไม่รับเป็นประธานอยู่หัวโต๊ะอาหารขนาดใหญ่
น่านฟ้าก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์ด้วยใจจดจ่อยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ในขณะที่คคนานต์หน้าบอกบุญไม่รับเช่นเดียวกับแม่เพราะคนที่นัดไว้ดิบดี ผิดเวลาไปมาก คุณหญิงมองลูกชายทีลูกสาวทีอย่างขัดตา
“ตาน่านหยุดเล่นโทรศัพท์ซะทีได้ไหม ก้มหน้าก้มตาอยู่นั่นแหละ โทรตามพ่อวิศวกรใหญ่ซิป่านนี้ทำไมยังไม่มา ใช้ไม่ได้เลยให้ผู้ใหญ่รอได้ยังไง”
คุณหญิงสั่งเสียงเข้มแต่น่านฟ้ายังคงนั่งเอนในท่าสบายสร้างโลกส่วนตัวต่อไป จนคคนานต์ต้องสะกิด
“พี่น่าน คุณแม่ดุแล้วนะ โทรตามพี่ณุสิคะ”
“เดี๋ยวก็มา ไอ้ณุมันเคยผิดเวลาซะที่ไหน อย่ายุ่งน่าพี่เคลียร์งานกับเพื่อนอยู่”
น่านฟ้าเอียงตัวหลบน้องสาวที่เขย่าแขนคอยคะยั้นคะยอ สาวน้อยถึงกับหน้าเสียเมื่อเหลือบสายตามองสบตาเขียวปัดของแม่
“เออ... ดี ให้มันได้อย่างนี้สิ เจริญแท้ลูกชายฉัน เคลียร์งานอีท่าไหนยิ้มไปยิ้มมาอย่างกับคนบ้า ยายนางโทรตามพี่เค้าทีสิทำไมยังมาไม่ถึงอีก ทำอย่างกับต้องข้ามเขาสักสิบลูกเพื่อจะมากินข้าวกับเราทั้งที่อยู่แค่ห้องสูทชั้นล่างถัดไปไม่กี่ชั้น”
คุณหญิงสั่งเสียงเข้ม ร้อนถึงคคนานต์ที่ถึงกับบ่นอุบ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตั้งท่ากดโทรออกอย่างเสียไมได้
“พี่น่านนะพี่น่าน... ให้น้องสาวแสนสวยโทรหาผู้ชายก่อน เป็นพี่ชายประสาอะไร... ฮึ”
“ไม่ดีรึไงยายนาง พี่รู้ว่าแกชอบ อย่าลีลา”
“ก็ได้ เห็นแก่พี่น่านกำลังยุ่งเคลียร์งานหรอกนะ”
น่านฟ้าเหลือบมองน้องสาวอย่างรู้ทัน คุณหญิงรัตนากระแอมขัดด้วยความหมั่นไส้เมื่อเห็นลูกสาวคนเดียวอมยิ้มเก้อรีบกดโทรศัพท์อย่างกระตือรือร้น
“อย่าคิดว่าแม่เลิกกฎเหล็กเรื่องผู้ชายของแกนะยายนาง กับภาณุน่ะแม่ไม่ใช่ว่าจะโอเคนะ ดู ๆ ไปก่อน”
“อ้าว! แล้วทำไมคุณแม่ดูเอ็นดูพี่ณุให้นางคอยเทคแคร์ล่ะคะ” คคนานต์แย้ง
น่านฟ้ารามือจากโทรศัพท์ หันมาให้ความสนใจทันที
“นั่นสิ ทำไมครับคุณแม่”
“คนมีความสามารถ เราก็ต้องรักษาไว้เพื่อผลประโยชน์ระยะยาวของบริษัทก็เท่านั้น”
“แต่หนู”
คคนานต์หยุดคำพูดไว้เท่านั้น เมื่อน่านฟ้าเอ่ยขัดด้วยน้ำเสียงผิดหวัง
“ผมนึกว่าคุณแม่จะจริงใจกับเพื่อนผม อันที่จริงมีลูกชายไม่ค่อยเอาไหนแบบผม สู้มีลูกเขยดี ๆ ช่วยงานคุณแม่ได้แบบไอ้ณุไม่ดีกว่าเหรอครับ
“พี่น่าน! พี่ณุยังไม่ได้อะไรกับนางเลยนะคะ”
“มันไม่ปฏิเสธแก แสดงว่ามีหวังละน่า” น่านฟ้าหยอกน้องสาวจนหน้าขึ้นสี คุณหญิงรัตนากระแอมเสียงดัง จนสองพี่น้องพากันหุบยิ้มแทบไม่ทัน
“อย่าคิดอะไรมากเลย ตอนนี้แกยังเด็กนัก อนาคตอาจจะเจอผู้ชายที่เขาดีพร้อมสำหรับแกมากกว่าวิศวกรต๊อกต๋อยอย่างนายภาณุก็ได้”
“ทำไมว่าเพื่อนผมแบบนั้นละแม่”
น่านฟ้าเปลี่ยนจากนั่งพิงพนักเอกเขนกเป็นนั่งหลังตรงจ้องคุณหญิงแม่เขม็ง
“ก็แล้วไม่จริงรึไง ลูกเต้าเหล่าใตรหัวนอนปลายเท้ายังไงยังไม่รู้เลย”
“แม่ไม่รู้อะไร ไอ้ณุมันไม่ใช่...”
“ถึงเป็นวิศวกรก็เถอะ” คุณหญิงขัดเสียงเข้ม “แต่แม่ไม่เอาหรอกนะลูกเขยจน ๆ”
“ผมไม่ชอบความคิดของคุณแม่เลย ไหนบอกว่าเอ็นดูจะให้หุ้นเฟสใหม่ตกลงแค่หลอกใช้มันแค่นั้นหรือครับ”
น่านฟ้าสีหน้าจริงจังขึ้น บรรยากาศก็เริ่มตึงเครียดตาม คุณหญิงรัตนาพยักหน้าเมื่อลูกชายพูดจบ
“แม่ก็พูดไปอย่างนั้นเอง ตอบแทนตามสมควร ใครจะยกลูกสาวคนเดียวให้คนที่ทีแต่ตัว แกด้วยยายนาง ตั้งใจทำงานให้ดี ถ้ามีข่าวเสื่อมเสียเรื่องผู้ชายเมื่อไหร่แม่ไล่กลับไปเรียนต่อแน่”
คุณหญิงรัตนาสั่งเสียงหนักแน่น ทำเอาลูกชายหญิงที่เมื่อครู่ยังเถียงคำไม่ตกฟากถึงกับเงียบเสียงทันทีก่อนที่น่านฟ้าจะลุกหนีด้วยความรำคาญ
“แกจะไปไหนตาน่าน!”
“ไปดีกว่า เบื่อ ฟังมาก ๆ เดี๋ยวผมจะกลายเป็นคนแบบคุณแม่ขึ้นมา ผมคงทนไม่ไหว” พูดจบก็เดินตัวปลิวออกไปจากห้องไม่แยแสต่อสิ่งใด
คุณหญิงรัตนาส่ายหน้าอย่างเอือมระอาหันมาบ่นลูกสาวต่อ
“นี่ไง แกเห็นรึยังว่าทำไมแม่ต้องปะเหลาะนายณุไว้ เพราะแม่มีลูกชายไม่เอาไหนใจอ่อนปวกเปียก แกก็เหมือนกันอย่าดีใจว่าแม่ไฟเขียวเข้าใจไหม!”
คุณหญิงรัตนาค้อนทันทีที่เห็นคคนานต์หาวหวอดทำหูทวนลมอีกคน
ภายใต้ท่าทีสุขุมอย่างนักธุรกิจผู้มากประสบการณ์แถมยังมาจากตระกูลดังมีมาดผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว ทำให้คุณหญิงรัตนาเป็นที่นับหน้าถือตาในสังคมอันดับต้นของประเทศ ไม่ใช่เรื่องแปลกหากทุกอย่างจะเป็นธุรกิจไปเสียหมด
“น้องอลิซ! น้องอลิซคะ”
เสียงเรียกขัดจังหวะของคนที่เปิดประตูเข้ามาไม่ให้สุ้มให้เสียง ทำให้คุณหญิงรัตนาถึงกับมองหัวจรดเท้าและส่งสายตำหนิจนไตรภพถึงกับชะงัก
“อะไรคะ พี่โตนเรียกซะหนูตกใจหมดค่ะ”
คคนานต์ผุดลุกยืนสีหน้าแตกตื่น สมชายก้าวเร็วเข้าประชิดถึงตัว ฉุดดึงข้อมือเรียวให้ลุกตามแรงดึง คุณหญิงมองตามแล้วขู่ฟ่อ
“นี่! ลูกสาวฉันเป็นสาวเป็นนางมาฉุดทึ้งดึงลูกฉันได้ยังไงยะ”
“ขอโทษครับคุณหญิง”
ร่างสูงโย่งหันมามองผงกหัวขอโทษหลายครั้งแล้วป้องปากกระซิบข้างหูคคนานต์
“น้องลิซ... ช่วยตามน้ำพี่หน่อย พี่ชัชขอ เอ๊ยไม่ใช่สิ สั่งให้น้องลิซเตรียมตัวให้พร้อมเข้าฉากไม่เกินครึ่งชั่วโมงเนี้ย ไปเถอะ”
“ห๊า! ครึ่งชั่วโมงหนูจะเตรียมตัวทันได้ยังไงคะ คิวหนูเที่ยงนะคะไม่ใช่เก้าโมงเช้า”
“ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่พี่ว่าไปเถอะก่อนระเบิดจะลง”
คคนานต์ย่นจมูกสีหน้าลักเล หน้าเผือดเดินไปมานั่งไม่ติด
“จะคุยกันข้ามหัวฉันอีกนานไหม” คุณหญิงเอ็ดเข้าให้ที่ลูกสาวไม่รักษากิริยา
“โอ๊ย! คุณหญิงแม่ขา โตนขอตัวน้องนางลูกสาวคุณแม่ไปเข้าฉากก่อนนะคะ ระเบิดกำลังจะลงกองถ่ายแล้ว ไปค่ะ ตามพี่ไปเดี๋ยวนี้เลยนะคะ”
ไตรภพจีบปากจีบคอคว้าแขนคคนานต์ดึงไปหน้าประตู คุณหญิงรัตนาถึงกับอึ้งไม่ทันทักท้วง
“เฮ้อ ลูกสาวฉัน จะไหวหรือนี่ แล้วเรื่องนายณุว่าไง”
คุณหญิงรัตนาโวยวายไปตามเรื่อง แต่ก็ไม่ทันเสียแล้วเมื่อเปิดประตูออกไปหน้าห้องพบแต่ความว่างเปล่า
“พี่โตนนี่ตลกจัง นี่มาจากอินเนอร์หรือแค่การแสดงคะ”
คคนานต์ยังหัวเราะขำไม่หยุดกับท่าทีเมื่อครู่ ทำเอาชายหนุ่มที่ยืนรอลิฟท์อย่างกระวนกระวายถึงกับหัวเราะแก้เก้อ
“เห็นคุณหญิงแม่ของน้องลิซกำลังเครียดจัด พี่ก็เลยช่วยท่านรีแลกซ์แต่น้องลิซเถอะพี่กดโทรศัพท์หามือจะหงิกทำไมไม่รับเลย รู้รึเปล่าว่าวันนี้กองถ่ายปั่นป่วนเพราะคุณดาราใหญ่เธอหายตัวไป พี่ชัชก็เลยให้พี่ตามหาน้องลิซ”
คคนานต์ถึงกับงงเมื่อได้ฟังคำตอบที่ไม่เกี่ยวกับหล่อนสักนิด แล้วยังจะผู้กำกับที่หล่อนสุดแสนจะยำเกรงอีก ดวงหน้านวลของสาวแรกแย้มถึงกับซีดเมื่อได้ยิน
“คุณชัชโกรธรึเปล่าคะ พอดีหนูปิดเสียงโทรศัพท์ค่ะเลยไม่ได้ยิน”
“พี่ชัชไม่โกรธหรอก มัวแต่วิ่งวุ่นกับคิวและบทวันนี้อยู่ แต่พี่สิตามหาน้องลิซตั้งแต่ห้องน้องยันห้องอาหาร วิ่งขึ้นวิ่งลงจนน่องโป่งหมดแล้ว เอาเป็นว่าพี่โง่เอง แทนที่จะถามเอาจากผู้จัดการโรงแรมดันวิ่งวุ่นไปทั่ว นี่ถ้าไม่เขาไม่บอกพี่คงหาน้องลิซไม่เจอ”
“ขอโทษนะคะ”
สีหน้าบ่งบอกว่ารู้สึกผิดจริงของสาวสวยทำให้ไตรภพถึงกับประหม่า หัวเราะกลบเกลื่อนไปตามเรื่อง คคนานต์หลบตารู้สึกผิดไม่น้อยที่มัวแต่ต่อสายหาภาณุมากกว่าจึงกดตัดสายที่โทรเข้ามามากกว่าห้าครั้งของสมชาย จนเกือบเสียงานและที่สำคัญอาจจะโดนชัชพลด่าตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มถ่ายสักฉากด้วยซ้ำ...
ยายอ้วนกินจุ หมูตอนจอมขี้เกียจ...
ตัวหนังสือหวัดโย้เย้ที่มองผ่านกระจกเต็มไปด้วยฝ้า ทำให้อรณีขยี้ตาแทบหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง เมื่อมองไปด้านนอกพบคนคุ้นตายืนยิ้มเผล่ชื่นชมผลงานของตัวเอง ได้แต่หรี่ตามองขุ่นเคือง
“หนอย! คนบ้า กวนประสาท”
หล่อนค้อนขวับมองเมินไปทางอื่นทำทีไม่สนใจ สักพักเสียงเคาะกระจกก็ดังขึ้นอีก คราวนี้รัวเร็วจนคนในร้านพากันหันมามองด้วยความสนใจ
อรณีถึงกับสะดุ้งรีบคว้าแว่นกันแดดสีดำอันใหญ่ขึ้นมาสวมปกปิด ก่อนจะหันกลับไปมองที่มาของเสียงแทบไม่ทัน แล้วถึงกับตาค้างเมื่อเห็นข้อความใหม่อีก
ขี้งอน ชอบหาเรื่อง ทำตัวไร้สาระ...
“โหย... นี่ถึงขนาดขุดคำชมสมัยสิบสองปีที่แล้วมาเลยหรือเนี่ย อยากตายมากสิท่า”
อรณีสบถเหลียวมองรอบกายเกรงสายตาผู้คน พอหันกลับไปมองอีกรอบก็ไม่เห็นตัวการ และตัวหนังสือบนกระจกก็หายไปแล้ว
อรณีพิงพนักเก้าอี้ถอนใจหยิบช้อนชาคนแก้วกาแฟอยู่เป็นนานสองนาน
“ง้อแค่นี้อย่าหวังจะใจอ่อน”
“แล้วถ้าง้อด้วยไอ้นี่จะใจอ่อนไหม”
เสียงคุ้นแต่ยังไม่เท่ากลิ่นที่ลอยมาเตะจมูก อรณีทำจมูกฟุดฟิดแล้วถึงกับอุทานเมื่อหันมองที่มาของเสียง
“ข้าวผัด! ฝีมือณุ”
“ใช่แล้ว เก่งนี่ รู้ได้ไง”
ภาณุยิ้มแป้นสมใจ มองหญิงสาวหมดฟอร์มเอื้อมมาคว้าจานข้าวผัดโดยอัตโนมัติ ไม่มีท่าทีอิดออดแล้วตักข้าวผัดคำแรกชิมด้วยสีหน้าบ่งบอกความสุข
“โอ๊ย! อร่อย ไม่ได้กินมากี่วันแล้ว ไปทำที่ไหนที่นี่ร้านกาแฟนะ”
หล่อนไม่วายถามได้ความสงสัย ภาณุหันไปยิ้มขอบคุณเจ้าของร้านที่อนุญาตเป็นกรณีพิเศษให้เขาใช้ครัวโดยไม่อิดออดสักคำ
“เจ้าของร้านใจดี เธอชื่นชมอรเป็นดาราในดวงใจ พอณุไปขอใช้ครัวเธอก็ยอมให้ใช้แต่โดยดีไม่ว่าอะไรเลย ดูสิใคร ๆ ก็รัก อยากเห็นอรเล่นหนังเล่นละครต่อไปอีกนาน ๆ เป็นขวัญใจประชาชน”
อรณีพยักหน้าขอบคุณเจ้าของร้านสาวใหญ่ที่ส่งยิ้มมาอย่างชื่นชม แล้วฉุกคิดขึ้นมาได้
“เจ้สั่งให้มาละสิ ถึงได้พูดแบบนี้”
อรณีวางช้อนส้อมมองเขม็งคาดคั้นคำตอบ ภาณุส่ายหน้าก่อนจะเอื้อมหยิบกระดาษชำระบรรจงเช็ดมุมปากให้หล่อนที่อร่อยจนลืมระวัง อรณีถึงกับหน้าแดงเมื่อสัมผัสถึงความอาทร
“ไม่มีใครสั่งหรอก ณุรู้ว่าอรเป็นแบบนี้เพราะอะไร ที่ทำไปเมื่อคืนก็แค่อยากให้อรสบายใจไม่ต้องมาอึดอัดเพราะเพื่อนต๊อกต๋อยอย่างณุ”
“ดูถูกตัวเอง เคยบอกแล้วไงว่าถ้าณุเป็นคนรวย หรือลูกคุณหนูเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่ออรก็ไม่อยากคบหรอก อรไม่ชอบคนรวยที่ชอบดูถูกคนยิ่งพวกผู้ดีแปดสาแหรกยิ่งไม่อยากคบ”
อรณีไม่ทันได้สนใจด้วยซ้ำว่าคำพูดของหล่อนทำให้ภาณุชะงัก ชายหนุ่มยิ้มอ่อนโยนกลบเกลื่อนความรู้สึก
“ณุไม่อยากให้ใครมองไม่ดี อรจะอึดอัดได้”
“อรจะอึดอัดอะไร ไหนสาธยายให้ฟังหน่อย” หล่อนโน้มหน้ามากระซิบถาม
“ณุเห็นอรออกจะโรแมนติกกับคนนั้น”
ภาณุเอ่ยสิ่งที่ค้างคาใจ คิดว่าจะไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้แต่ในที่สุดก็อดใจไม่ไหว อรณีส่ายหน้าปฏิเสธอย่างรวดเร็ว
“พี่ชัชเป็นผู้มีพระคุณของอร เป็นคนดี เป็น”
อรณีพูดไม่ทันจบ เสียงใครบางคนก็ดังลอยลมมา ทำให้คนในร้านหันมามองเป็นตาเดียว แต่ที่ทำให้อรณีถึงกับตะลึงก็คือคำพูดประโยคต่อมา พร้อมรอยยิ้มหวานฉ่ำของเจ้าของเสียง
“มาอยู่ที่นี่เอง ตามหาตั้งนานแน่ะ”
หญิงสาวเข้ามาลงนั่งฝั่งตรงข้ามเกาะแขนภาณุแล้วส่งรอยยิ้มหวานหยดราวจงใจ
“อ้าว! ที่รัก คุณก็อยู่ด้วย”
อรณีแทบจะสำลักข้าวผัด ทันทีที่เจ้าของเสียงหวานแหลมปรี๊ดเมื่อสักครู่ก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็ว ภาณุสีหน้างุนงง ใบหน้าคุ้นเคยภายใต้แว่นกรอบหนาเข้ามาโอบกระชับรอบเอวเขาอย่างถือสนิท อรณีผุดลุกยืนตามพร้อมอุทานด้วยความตกใจ
“เจ้!”
“ก็เจ้สิจ้ะ จะใครซะอีก”
ไม่ทันให้คนอุทานได้ทักท้วง สาวมือปลาหมึกหอมฟอดที่แก้มขวาของภาณุเข้าให้ อรณีถึงกับตาค้างพูดไม่ออกสักคำ คงมีแต่ชายหนุ่มหนึ่งเดียวที่ทำหน้าปุเลี่ยนแต่ไม่ได้มีทีท่าผลักไสรุนแรงเพราะยังจับต้นชนปลายไม่ถูก
“อะ... อะไรครับเจ้!” ภาณุตะกุกตะกัก “เล่นอะไรผมไม่ทันตั้งตัว”
พยายามเบี่ยงตัวออกห่างอย่างมีมารยาท แต่แสงสุรีย์ยังคงกอดไม่ปล่อย
“แหม ที่รัก ไม่ต้องเขินหรอกน่า” หล่อนเอียงคอซบไหล่ “นี่ยังน้อยไปกับความคิดถึง”
“นี่มันอะไรกัน!” อรณีเค้นเสียงกลัวคนได้ยิน กระแทกตัวลงนั่งอย่างแรง “ตั้งแต่เมื่อไหร่”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่า
ขอฝากอีบุ๊คเรื่องนี้ด้วยนะคะ
https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=57488
ขอบคุณมากๆ ค่ะ ^__^
lovereason2
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 มิ.ย. 2560, 12:23:34 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 มิ.ย. 2560, 12:23:34 น.
จำนวนการเข้าชม : 1050
<< บทที่ 10/2 ท้องฟ้าแปรปรวนหัวใจรวนเร | บทที่ 11/2 หน้ากาก >> |