ร้อยรักพรางตะวัน
If no obstacle is found.
Do you know …What true love is?

เรื่องของนักแสดงสาวชื่อดังจอมเหวี่ยงวีนกับวิศวกรหนุ่ม ทั้งสองเป็นเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัย แต่ความสนิทสนมทำให้ความสัมพันธ์ก้าวข้ามขีดคำว่า 'เพื่อน' ไปไม่ได้

ถ้าไม่มีอุปสรรคขัดขวางความรักระหว่างเพื่อนที่จำกัดไว้อาจจะไม่คืบหน้า และหากปล่อยเวลาผ่านไปอาจต้องเสียความรักนั้นไปให้ใครคนอื่น

เอาใจช่วยเพื่อนสนิทสองคนให้ค้นพบรักแท้ของกันและกันและก้าวผ่านอุปสรรคทั้งปวงเพื่อ ‘ความรัก’ ด้วยกันค่ะ

Tags: ร้อยรักพรางตะวัน, อรณี, ภาณุ, รักดราม่า, โรแมนติก, เพื่อนสนิท, แอบรัก

ตอน: บทที่ 11/2 หน้ากาก

อรณีแทบจะสำลักข้าวผัด ทันทีที่เจ้าของเสียงหวานแหลมปรี๊ดเมื่อสักครู่ก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็ว ภาณุสีหน้างุนงง ใบหน้าคุ้นเคยภายใต้แว่นกรอบหนาเข้ามาโอบกระชับรอบเอวเขาอย่างถือสนิท อรณีผุดลุกยืนตามพร้อมอุทานด้วยความตกใจ

“เจ้!”

“ก็เจ้สิจ้ะ จะใครซะอีก”

ไม่ทันให้คนอุทานได้ทักท้วง สาวมือปลาหมึกหอมฟอดที่แก้มขวาของภาณุเข้าให้ อรณีถึงกับตาค้างพูดไม่ออกสักคำ คงมีแต่ชายหนุ่มหนึ่งเดียวที่ทำหน้าปุเลี่ยนแต่ไม่ได้มีทีท่าผลักไสรุนแรงเพราะยังจับต้นชนปลายไม่ถูก

“อะ... อะไรครับเจ้!” ภาณุตะกุกตะกัก “เล่นอะไรผมไม่ทันตั้งตัว”

พยายามเบี่ยงตัวออกห่างอย่างมีมารยาท แต่แสงสุรีย์ยังคงกอดไม่ปล่อย

“แหม ที่รัก ไม่ต้องเขินหรอกน่า” หล่อนเอียงคอซบไหล่ “นี่ยังน้อยไปกับความคิดถึง”

“นี่มันอะไรกัน!” อรณีเค้นเสียงกลัวคนได้ยิน กระแทกตัวลงนั่งอย่างแรง “ตั้งแต่เมื่อไหร่”

“อร... คือ ณุไม่”

ภาณุส่ายหน้าปฏิเสธ แต่แสงสุรีย์บิดเนื้อช่วงเอวของชายหนุ่ม จนคนโดนบิดถึงกับหน้าเหยเก ผู้จัดการสาวแว่นยังคงยิ้มกว้างชนิดที่ดูก็รู้ว่าพยายามปั้นยิ้มแล้วกระซิบข้างหู

“จุ๊... จุ๊ คุณณุตามน้ำไปก่อน” หล่อนยังคงเอนคอซบ “มีปาปารัซซี่”

“หืม” ตั้งท่าจะหันไป แต่แสงสุรีย์ดึงไว้ให้มองผ่านกระจกตรงเคาน์เตอร์แทน

“เห็นผู้ชายที่นั่งหันหน้ามาทางเรารึเปล่า เยื้องไปสองโต๊ะ”

“ใช่หรือครับ”

“รู้จักหนังสือสตาร์เลิฟซีเคร็ทไหม... คนนั้นน่ะ ตามอรมาหลายรอบแล้วแต่อรไม่รู้ตัว”

“พวกแฉเรื่องลับดารา... ปาปารัซซี่” ภาณุกระซิบถาม

ผู้จัดการสาวแว่นรีบพยักหน้าพร้อมเหลือบมองชายคนนั้นอย่างระแวงระวัง ในขณะที่ภาณุถึงกับหน้าเสีย อรณีพลอยมองตาม ฉับพลันชายคนนั้นก็หลบวูบทำทีเป็นหยิบหนังสือพิมพ์มาอ่านปิดบังใบหน้า

“ทำไมต้องกระซิบกระซาบกันด้วย มีความลับอะไรนักหนา”

“อย่าเสียงดังสิ เดี๋ยวค่อยเล่าให้ฟังไปรอที่รถก่อนไป จอดเยื้องไปด้านซ้ายลุงรออยู่”

“ก็มันเรื่องอะไรมาถึงก็สั่ง ๆ บอกมาเลยทำไม”

อรณีเสียงขุ่นเมื่อถูกเอ็ดต่อหน้า ภาณุเห็นท่าไม่ดีเกือบใจอ่อนบอกไปแต่ผู้จัดการสาวแว่นพูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน คราวนี้ดังพอที่จะทำให้คนทั้งร้านกาแฟหันมาให้ความสนใจ

“ขอโทษนะอร เจ้ติดงานนิดนึงเลยมาสายไปหน่อย” แสงสุรีย์ฉีกยิ้มกว่างแล้วเบนสายตาหาภาณุ “ขอบคุณนะที่รัก คุณนี่ใจดีที่สุดเลย อุตส่าห์มาเป็นเพื่อนอรแทนแสง เดี๋ยวกลับไปต้องให้รางวัลอย่างงามเลย”

แสงสุรีย์หอมแก้มหัวเราะร่วนแล้วคล้องแขนภาณุอย่างสนิทสนม อรณีทนดูไม่ได้คว้ากระเป๋าถือริมหน้าต่าง ลุกพรวดพราดหันหลังก้าวฉับออกไปทันทีไม่ฟังคำถัดมาที่แสงสุรีย์ตะโกนไล่ตาม

“รถอยู่ทางซ้ายนะอร ให้ลุงไปส่งที่กองถ่ายเลยเดี๋ยวเจ้ตามไป”

“จะดีเหรอครับเจ้ ทำไมไม่บอกอรก่อน เธอไม่เหมือนใครผมกลัวว่าจะยิ่งต่อต้านพอดีกองถ่ายล่มกันพอดี”

“เราคุยกันได้ค่ะ ตอนนี้ต้องให้หมอนั่นไขว้เขวก่อน เพราะคุณสองคนเมื่อกี้ดูสวีทกันเหลือเกินมีเช็ดปากอะไรกันด้วย”

“ผมเปล่า” ภาณุอ้อมแอ้มหลบตา

“เอาน่า เจ้แก้สถาณการณ์เฉพาะหน้าแล้ว ทน ๆ เล่นละครกับเจ้อีกแป๊บก็แล้วกันนะคุณณุ”

“ผมเข้าใจครับ” ภาณุพยักหน้า เหลือบมองชายคนเดิมผ่านกระจก “ตามนั้นก็แล้วกัน”

“ใช่ ๆ ถ้าหลุดไปเป็นข่าวใหญ่แน่ อย่างนี้แหละดีพยานรู้เห็นหลายคนว่าเราสองคนเป็นแฟนกันไม่ใช่อร”

“นี่คือเทคนิคของพวกดาราเหรอครับ”

แสงสุรีย์อมยิ้มพยักหน้าน้อย ๆ แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ ถึงไม่ค่อยสบายใจกับการแก้ปัญหาแบบแปลกของหล่อน แต่เมื่อเหลือบมองไปยังโต๊ะที่ชายคนนั้นนั่งอยู่พบว่าเช็คบิลแล้วและกำลังจะตามอรณีออกไปโดยไม่สนใจใครด้วยความรีบร้อน

เหมือนร่างกายไวกว่าความคิด จู่ ๆ คนที่ก้าวเร็วสวนกับภาณุที่ยืนเก้กังอยู่หน้าโต๊ะก็เซถลาไม่เป็นท่าลงไปกองอยู่กับพื้นพร้อมเสียงเอะอะโวยวายของแสงสุรีย์

“ว้าย! ระวัง”

ปาปารัสซี่หนุ่มทรงตัวไม่ได้แถมยังควานหาอะไรบางอย่างด้วยความร้อนใจ ทันทีที่เข้าถึงตัว ภาณุก็รุดจะเข้าไปประคองแต่กลับโดนสะบัดอย่างแรง

“เฮ้ย! ไม่ต้องมาทำเป็นช่วย แกล้งขัดขาผมทำไม”

“เปล่านะครับ ผมไม่ได้แกล้ง พอดีขาผมมันยาวเกะกะไปหน่อย เลยไม่ทันได้ระวังน่ะคุณ มาผมช่วย”

“ไม่ต้อง!”

ปาปารัสซี่หนุ่มตอบเสียงเขียว ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบบางอย่างที่เขาควานหาเมื่อครู่ แต่แล้วถึงกับต้องอ้าปากค้างเมื่อของชิ้นนั้นถูกทำลายไปต่อหน้าด้วยรองเท้าส้นสูงแหลมของแสงสุรีย์ที่กดกระแทกลงมาแตกแตกเสียงดังกรอบ

“คุณ! นั่นมันของ ๆ ผมนะ”

“ต๊าย! ดิฉันเผลอเหยียบเข้า ขอโทษนะคะ ขอโทษจริง ๆ ค่ะ”

แสงสุรีย์ก้มลงหยิบเศษชิ้นส่วนที่แตกขึ้นมาบีบแน่นแล้วแสดงท่าทีเสียใจสุดซึ้งภายในใจสุดแสนจะลิงโลดเมื่อกล้องแอบถ่ายตัวจิ๋วแหลกเละคามือจนน่าจะใช้การไม่ได้อีก ปาปารัสซี่หนุ่มรีบลุกขึ้นมาคว้าแทบไม่ทัน

“เอามานี่! โธ่เว้ย! พังหมดเลยแล้วจะเอาที่ไหนไปส่ง”

“ผมชดใช้ให้คุณก็ได้”

ภาณุแสร้งตอบ เมื่อได้ยินคำสบถและสายตาหาเรื่องผิดกับแสงสุรีย์ที่แม้ทำหน้าสลดเสียใจแต่กลับหัวเราะเก็บอาการไม่อยู่ด้วยความสะใจก่อนจะเอ่ยกับภาณุ

“ไม่ต้องหรอกคุณณุ พวกลักกินขโมยกินก็แบบนี้แหละค่ะ ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว ไม่ต้องรอนานเลยนะคะ คุณ”

“ฝากไว้ก่อนเถอะ... สักวันผมจะต้องรู้ให้ได้เรื่องแม่นางเอกขาวีนนั่น สับขาหลอกให้ได้ตลอดก็แล้วกัน”

ปาปารัสซี่หนุ่มกำหมัดแน่น ส่งสายตาอาฆาตก่อนจะก้าวออกไปอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินเสียงวิพากย์วิจารณ์ที่เริ่มดังหนาหูจากแขกที่อยู่ภายในร้าน ไม่วายที่ผู้จัดการสาวแว่นจะตะโกนไล่หลังอย่างขบขันแกมสังเวช

“ระวังนะคุณ รีบเดินก้มหน้าก้มตาเกิดตกท่อจะกลายเป็นข่าวหน้าหนึ่งสตาร์เลิฟซีเคร็ทนะ แล้วจะหาว่าไม่เตือน”

“จำไว้เลย” ปาปารัสซี่หนุ่มชี้นิ้ว ดวงตากร้าวก่อนจะก้าวฉับ ๆ ออกไป

“เจ้ครับไปพูดยั่วแบบนั้นเดี๋ยวก็แค้นอรไม่เลิกหรอก”

“ขอโทษจริง ๆ ค่ะคุณณุ แบบว่าพี่หมั่นไส้มันน่ะ ทำแบบนี้กับดาราคนอื่นมาหลายคนแล้ว นี่ถ้าพี่ไม่มาป่านนี้ภาพคงกระจายว่อนโซเชียล แล้วคุณรู้ไหมคะท่านประธานต้องแหกอกพี่ก่อนอรแน่นอนและคนที่จะตายก่อนก็คือพี่นี่แหละค่ะ”

“ผมขอโทษครับ ไม่ทันคิดถึงเรื่องนี้เลย ต่อไปผมจะระวังตัวให้มากกว่านี้”

แสงสุรีย์ปรายตามองดวงหน้าคมของชายหนุ่มแล้วได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะมองออกไปนอกหน้าต่าง นึกกังวลลึก ๆ แต่คงไม่เหลือซากหลักฐานให้เป็นข่าวได้อีก



บรรยากาศภายในห้องจัดเลี้ยงที่ถูกจัดฉากขึ้นมาอย่างกะทันหันยังคงสับสนวุ่นวายไม่เลิก เหตุเพราะย้ายการถ่ายทำจากสระว่ายน้ำกลางแจ้งที่ฝนยังคงตกไม่ลืมหูลืมตาเข้ามาภายในตัวอาคาร

ชัชพลต้องไปเจรจากับผู้จัดการฝ่ายจัดเลี้ยงขอเวลาการถ่ายทำเพิ่มและเป็นโชคดีที่ห้องจัดเลี้ยงสัมมนาห้องหนึ่งถูกยกเลิกกระทันหัน ห้องเลยว่างและสับเปลี่ยนห้องจัดเลี้ยงได้ทันท่วงที

“ขอบคุณมากนะครับ ถ้าไม่ได้คุณช่วยพูดให้ทางเราคงลำบากมากแน่”

“ไม่เป็นไรเลยค่ะ เรื่องแค่นี้เอง เป็นโชคดีของทางเราด้วยค่ะ ที่กองถ่ายรับต่อ ไม่อย่างนั้นทางนั้นก็คงเสียเงินฟรีแล้วทางโรงแรมก็เสียโอกาสไปด้วยค่ะ ขอบคุณจริง ๆ นะคะ” ผู้จัดการสาวเอ่ยยิ้มแย้ม

ชัชพลถอนหายใจโล่งอก เข้าประจำหน้าจอมอนิเตอร์ระหว่างดูศรุตและคคนานต์ซักซ้อมคิวเต้นรำเพื่อรอเวลาถ่ายทำฉากจริง

ด้านนอกห้องผู้จัดการแผนกจัดเลี้ยงสาวใหญ่เบะปากทันทีที่พ้นออกจากตัวห้อง ด้วยความที่ได้รับคำสั่งเบื้องบนให้จัดการกรณีกองถ่ายกับผู้เช่าห้องก่อนแล้ว ความอัดอั้นถูกระบายออกทันทีเมื่อพบหน้าใครคนหนึ่งที่เดินหิ้วของพะรุงพะรังเข้ามา

“คุณณิน วันนี้ลมอะไรหอบมาถึงนี่ได้คะ”

“ลมคิดถึง... เอ๊ยไม่ใช่ค่ะ ณินพูดเล่น” ภาณินเย้า “พอดีมาส่งเพื่อนที่โรงแรมนี้แล้วก็บังเอิญยายเพื่อนตัวดีดันลืมของไว้ในรถ ณินเลยต้องแบกมาให้นี่แหละค่ะ”

“แหม มาได้จังหวะพอดีเลยค่ะ” พริมาป้องปากกระซิบ “พี่มีเรื่องจะเมาท์มอยค่ะ”

“เรื่องที่ทำให้หน้ามุ่ยนี่หรือคะ” ภาณินสัพยอก

พริมาถึงกับจุ๊ปากลากหญิงสาวเดินห่างจากประตูกลัวคนได้ยิน

“คุณณินไม่รู้อะไร พี่เนี่ยลำบากใจที่สุดเลยเพราะต้องไปขอยกเลิกห้องสัมมนาเพราะคำสั่งเบื้องบนสั่งมา”

“อ้าวทำไมล่ะคะ”

“ก็ลูกสาวเจ้านายเล่นเป็นนางเอก แล้วก็จะได้ประเดิมเข้าฉากวันนี้เป็นครั้งแรกซะด้วยสิคะ เลยเดือดร้อนถึงพี่ให้อำนวยความสะดวกทู๊กอย่างห้ามกระโตกกระตากด้วยค่ะ”

ภาณินได้แต่ยิ้มอ่อนหวานรับฟังผู้จัดการสาวใหญ่มือฉมังแห่งเดอะมิวซ์บ่นหูดับ

“ใจเย็น ๆ เถอะนะคะ เราแค่พนักงานตัวเล็ก ๆ ต้องก้มหน้าทนต่อไป ยังไงพี่พิมก็สู้นะคะ ณินขอตัวเอาของไปส่งเพื่อนก่อนค่ะ โทรตามแล้วค่ะ”

“จ้ะ... เชิญคุณน้องตามสบาย ขอบคุณนะคะที่อุตส่าห์ฟังเอาไว้โอกาสหน้าพี่ไปใช้บริการร้านดอกไม้นะคะ”

ภาณินยิ้มเก้อ ยังไม่ทันจะขอบคุณ พริมาก็ก้าวฉับ ๆ ไปก่อน หญิงสาวได้แต่ส่ายหน้าเบื่อหน่าย ถ้าหากไม่ต้องพึ่งพาเรื่องงานคงไม่เสวนากับผู้จัดการปากสว่างคนนี้เป็นแน่

“ได้ของครบรึยัง... ลีน”

ชัชพลถามทันทีที่ลินากระหืดกระหอบเข้ามาพร้อมของพะรุงพะรังเต็มสองมือ สาวร่างอวบส่งเสียงตอบมาก่อนตัวทันที

“ได้ครบค่ะ ดีนะที่นี่พัทยาหาไม่ยากไม่งั้นลีนตายแน่” หล่อนบ่นพึมพำ “พี่ชัชหางานให้เรื่อย ลีนเหนื่อยนะรู้ไหม”

ลินานั่งลงบนโชฟาด้านหลังสาละวนเช็คของให้วุ่น ชัชพลรีบเข้ามาดูผลงานก่อนจะพยักหน้ารับอย่างพอใจ

“ขอบใจนะ จะหามือขวาที่เก่ง ฉลาด รวดเร็วอย่างเราได้ที่ไหน เอาไปแจกเลยอย่างด่วน เรียกตัวประกอบรับของด้วยเดี๋ยวพี่ไปซักซ้อมคิวน้องอลิซกับศรุตก่อน”

ไม่ทันที่ชัชพลจะเดินไป ลินาก็คว้าแขนเสื้อเขาไว้สีหน้ายุ่งยากใจ

“คิดว่าทำแบบนี้ไม่มีปัญหาแน่นะพี่ชัช เกิดคุณหญิงแม่น้องอลิซรู้เข้า เราจะเดือดร้อนรึเปล่าคะ”

ลินาวิตกกังวลแทน ในขณะที่ชัชพลเหลือบมองสองคนซักซ้อมฉากเต้นรำกลางฟลอร์แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจไม่ต่างกัน

“ทำไงได้ล่ะ ก็อรหายตัวไป นายมาร์กคู่น้องอลิซก็มาโดนจับฐานเมาอาละวาดยังอยู่ สน. อยู่เลย แล้วจะให้รอ พี่ก็ทำไม่ได้หรอก ยังไงก็ขายผ้าเอาหน้ารอดไปก่อน พี่รับผิดชอบเองทุกเรื่อง ลีนอย่าห่วงไปเลย”

“หวังว่าจะเรียบร้อยนะ ลีนเอาใจช่วย ไฟติ้ง”

ชัชพลพยักหน้ารับกำลังใจจากน้องสาวไม่แท้ก่อนจะคว้าสิ่งของที่ลินาเอามาสองชิ้นไปให้คนที่อยู่กลางฟลอร์แทบไม่ต้องรอให้รู้ผล

เมื่อซักซ้อมทำความเข้าใจแก่อลิซและศรุตที่เป็นคู่ซ้อมให้กันและกันก่อนที่คู่ตัวจริงของทั้งสองคนในสองเรื่องจะมาถึง ศรุตก็ออกอาการก่อนทันที

“อะไรนะครับพี่” นักแสดงหนุ่มหน้าเครียด “ปาร์ตี้หน้ากากเนี่ยนะ”

“ใช่... นายกับน้องอลิซเข้าฉากด้วยกัน” ผู้กำกับหนุ่มใหญ่เสียงเครียด

ศรุตได้แต่อึ้งไม่พอ คคนานต์ถึงกับหน้าเสีย เอ่ยเสียงอ่อยไม่กล้าหือกับผู้กำกับจอมดุ

“ฉากแรกในชีวิตของหนูคือตัวแสดงแทนพี่อรหรือคะ ผู้กำกับ”

ชัชพลพยักหน้ารับ นึกสงสารสาวน้อยไม่เบา แต่ทำอย่างไรได้ในเมื่อคู่แสดงของทั้งสองมีอันต้องติดภารกิจฉาวกันทั้งคู่
ศรุตแย้งทันทีเมื่อเห็นคคนานต์หน้าเสียพูดไม่ออก เถียงไม่ได้สักคำ

“ที่จริงแสตนอินเยอะแยะ เลือกสักคนก็ได้นี่ครับ สงสารน้องอลิซ แทนที่จะได้เข้าฉากแรกในบทของตัวเอง นี่อะไรกันทำแบบนี้”

“ไม่ใช่เรื่องของนาย ทำหน้าที่ของตัวเองไป” ชัชพลตวัดหางตาดุ “ส่วนทำไมถึงเลือกน้องอลิซ ผมมีเหตุผลที่ไม่จำเป็นต้องอธิบายพวกคุณ”

“แต่ว่าหนู” คคนานต์เสียงสั่น “หนูจะทำได้หรือคะ”

“นี่คือบททดสอบแรกของคุณ” ชัชพลตบบ่า “เข้าใจรึเปล่า... อลิซสาวน้อยในแดนมหัศจรรย์ คุณทำได้ โอเค๊”

ชัชพลยิ้มให้กำลังใจคคนานต์ที่สบตาเขาด้วยความน้อยใจ ผิดหวัง แต่เมื่อได้รับความไว้วางใจแล้วก็ต้องทำให้ถึงที่สุดแม้ว่าจะเป็นได้เพียงแค่ตัวแทนของใครบางคนก็ตาม…


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่ะ
ขอฝากอีบุ๊คเรื่องนี้ด้วยนะคะ ^^

https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTQzODU3MiI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjU6IjU3NDg4Ijt9

ขอบคุณมากค่า



lovereason2
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 ก.ค. 2560, 14:09:02 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 ก.ค. 2560, 14:10:12 น.

จำนวนการเข้าชม : 901





<< บทที่ 11/1 หน้ากาก   บทที่ 12/1 แค่มองก็พอ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account