ร้อยรักพรางตะวัน
If no obstacle is found.
Do you know …What true love is?
เรื่องของนักแสดงสาวชื่อดังจอมเหวี่ยงวีนกับวิศวกรหนุ่ม ทั้งสองเป็นเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัย แต่ความสนิทสนมทำให้ความสัมพันธ์ก้าวข้ามขีดคำว่า 'เพื่อน' ไปไม่ได้
ถ้าไม่มีอุปสรรคขัดขวางความรักระหว่างเพื่อนที่จำกัดไว้อาจจะไม่คืบหน้า และหากปล่อยเวลาผ่านไปอาจต้องเสียความรักนั้นไปให้ใครคนอื่น
เอาใจช่วยเพื่อนสนิทสองคนให้ค้นพบรักแท้ของกันและกันและก้าวผ่านอุปสรรคทั้งปวงเพื่อ ‘ความรัก’ ด้วยกันค่ะ
Do you know …What true love is?
เรื่องของนักแสดงสาวชื่อดังจอมเหวี่ยงวีนกับวิศวกรหนุ่ม ทั้งสองเป็นเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัย แต่ความสนิทสนมทำให้ความสัมพันธ์ก้าวข้ามขีดคำว่า 'เพื่อน' ไปไม่ได้
ถ้าไม่มีอุปสรรคขัดขวางความรักระหว่างเพื่อนที่จำกัดไว้อาจจะไม่คืบหน้า และหากปล่อยเวลาผ่านไปอาจต้องเสียความรักนั้นไปให้ใครคนอื่น
เอาใจช่วยเพื่อนสนิทสองคนให้ค้นพบรักแท้ของกันและกันและก้าวผ่านอุปสรรคทั้งปวงเพื่อ ‘ความรัก’ ด้วยกันค่ะ
Tags: ร้อยรักพรางตะวัน, อรณี, ภาณุ, รักดราม่า, โรแมนติก, เพื่อนสนิท, แอบรัก
ตอน: บทที่ 11/2 หน้ากาก
อรณีแทบจะสำลักข้าวผัด ทันทีที่เจ้าของเสียงหวานแหลมปรี๊ดเมื่อสักครู่ก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็ว ภาณุสีหน้างุนงง ใบหน้าคุ้นเคยภายใต้แว่นกรอบหนาเข้ามาโอบกระชับรอบเอวเขาอย่างถือสนิท อรณีผุดลุกยืนตามพร้อมอุทานด้วยความตกใจ
“เจ้!”
“ก็เจ้สิจ้ะ จะใครซะอีก”
ไม่ทันให้คนอุทานได้ทักท้วง สาวมือปลาหมึกหอมฟอดที่แก้มขวาของภาณุเข้าให้ อรณีถึงกับตาค้างพูดไม่ออกสักคำ คงมีแต่ชายหนุ่มหนึ่งเดียวที่ทำหน้าปุเลี่ยนแต่ไม่ได้มีทีท่าผลักไสรุนแรงเพราะยังจับต้นชนปลายไม่ถูก
“อะ... อะไรครับเจ้!” ภาณุตะกุกตะกัก “เล่นอะไรผมไม่ทันตั้งตัว”
พยายามเบี่ยงตัวออกห่างอย่างมีมารยาท แต่แสงสุรีย์ยังคงกอดไม่ปล่อย
“แหม ที่รัก ไม่ต้องเขินหรอกน่า” หล่อนเอียงคอซบไหล่ “นี่ยังน้อยไปกับความคิดถึง”
“นี่มันอะไรกัน!” อรณีเค้นเสียงกลัวคนได้ยิน กระแทกตัวลงนั่งอย่างแรง “ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“อร... คือ ณุไม่”
ภาณุส่ายหน้าปฏิเสธ แต่แสงสุรีย์บิดเนื้อช่วงเอวของชายหนุ่ม จนคนโดนบิดถึงกับหน้าเหยเก ผู้จัดการสาวแว่นยังคงยิ้มกว้างชนิดที่ดูก็รู้ว่าพยายามปั้นยิ้มแล้วกระซิบข้างหู
“จุ๊... จุ๊ คุณณุตามน้ำไปก่อน” หล่อนยังคงเอนคอซบ “มีปาปารัซซี่”
“หืม” ตั้งท่าจะหันไป แต่แสงสุรีย์ดึงไว้ให้มองผ่านกระจกตรงเคาน์เตอร์แทน
“เห็นผู้ชายที่นั่งหันหน้ามาทางเรารึเปล่า เยื้องไปสองโต๊ะ”
“ใช่หรือครับ”
“รู้จักหนังสือสตาร์เลิฟซีเคร็ทไหม... คนนั้นน่ะ ตามอรมาหลายรอบแล้วแต่อรไม่รู้ตัว”
“พวกแฉเรื่องลับดารา... ปาปารัซซี่” ภาณุกระซิบถาม
ผู้จัดการสาวแว่นรีบพยักหน้าพร้อมเหลือบมองชายคนนั้นอย่างระแวงระวัง ในขณะที่ภาณุถึงกับหน้าเสีย อรณีพลอยมองตาม ฉับพลันชายคนนั้นก็หลบวูบทำทีเป็นหยิบหนังสือพิมพ์มาอ่านปิดบังใบหน้า
“ทำไมต้องกระซิบกระซาบกันด้วย มีความลับอะไรนักหนา”
“อย่าเสียงดังสิ เดี๋ยวค่อยเล่าให้ฟังไปรอที่รถก่อนไป จอดเยื้องไปด้านซ้ายลุงรออยู่”
“ก็มันเรื่องอะไรมาถึงก็สั่ง ๆ บอกมาเลยทำไม”
อรณีเสียงขุ่นเมื่อถูกเอ็ดต่อหน้า ภาณุเห็นท่าไม่ดีเกือบใจอ่อนบอกไปแต่ผู้จัดการสาวแว่นพูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน คราวนี้ดังพอที่จะทำให้คนทั้งร้านกาแฟหันมาให้ความสนใจ
“ขอโทษนะอร เจ้ติดงานนิดนึงเลยมาสายไปหน่อย” แสงสุรีย์ฉีกยิ้มกว่างแล้วเบนสายตาหาภาณุ “ขอบคุณนะที่รัก คุณนี่ใจดีที่สุดเลย อุตส่าห์มาเป็นเพื่อนอรแทนแสง เดี๋ยวกลับไปต้องให้รางวัลอย่างงามเลย”
แสงสุรีย์หอมแก้มหัวเราะร่วนแล้วคล้องแขนภาณุอย่างสนิทสนม อรณีทนดูไม่ได้คว้ากระเป๋าถือริมหน้าต่าง ลุกพรวดพราดหันหลังก้าวฉับออกไปทันทีไม่ฟังคำถัดมาที่แสงสุรีย์ตะโกนไล่ตาม
“รถอยู่ทางซ้ายนะอร ให้ลุงไปส่งที่กองถ่ายเลยเดี๋ยวเจ้ตามไป”
“จะดีเหรอครับเจ้ ทำไมไม่บอกอรก่อน เธอไม่เหมือนใครผมกลัวว่าจะยิ่งต่อต้านพอดีกองถ่ายล่มกันพอดี”
“เราคุยกันได้ค่ะ ตอนนี้ต้องให้หมอนั่นไขว้เขวก่อน เพราะคุณสองคนเมื่อกี้ดูสวีทกันเหลือเกินมีเช็ดปากอะไรกันด้วย”
“ผมเปล่า” ภาณุอ้อมแอ้มหลบตา
“เอาน่า เจ้แก้สถาณการณ์เฉพาะหน้าแล้ว ทน ๆ เล่นละครกับเจ้อีกแป๊บก็แล้วกันนะคุณณุ”
“ผมเข้าใจครับ” ภาณุพยักหน้า เหลือบมองชายคนเดิมผ่านกระจก “ตามนั้นก็แล้วกัน”
“ใช่ ๆ ถ้าหลุดไปเป็นข่าวใหญ่แน่ อย่างนี้แหละดีพยานรู้เห็นหลายคนว่าเราสองคนเป็นแฟนกันไม่ใช่อร”
“นี่คือเทคนิคของพวกดาราเหรอครับ”
แสงสุรีย์อมยิ้มพยักหน้าน้อย ๆ แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ ถึงไม่ค่อยสบายใจกับการแก้ปัญหาแบบแปลกของหล่อน แต่เมื่อเหลือบมองไปยังโต๊ะที่ชายคนนั้นนั่งอยู่พบว่าเช็คบิลแล้วและกำลังจะตามอรณีออกไปโดยไม่สนใจใครด้วยความรีบร้อน
เหมือนร่างกายไวกว่าความคิด จู่ ๆ คนที่ก้าวเร็วสวนกับภาณุที่ยืนเก้กังอยู่หน้าโต๊ะก็เซถลาไม่เป็นท่าลงไปกองอยู่กับพื้นพร้อมเสียงเอะอะโวยวายของแสงสุรีย์
“ว้าย! ระวัง”
ปาปารัสซี่หนุ่มทรงตัวไม่ได้แถมยังควานหาอะไรบางอย่างด้วยความร้อนใจ ทันทีที่เข้าถึงตัว ภาณุก็รุดจะเข้าไปประคองแต่กลับโดนสะบัดอย่างแรง
“เฮ้ย! ไม่ต้องมาทำเป็นช่วย แกล้งขัดขาผมทำไม”
“เปล่านะครับ ผมไม่ได้แกล้ง พอดีขาผมมันยาวเกะกะไปหน่อย เลยไม่ทันได้ระวังน่ะคุณ มาผมช่วย”
“ไม่ต้อง!”
ปาปารัสซี่หนุ่มตอบเสียงเขียว ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบบางอย่างที่เขาควานหาเมื่อครู่ แต่แล้วถึงกับต้องอ้าปากค้างเมื่อของชิ้นนั้นถูกทำลายไปต่อหน้าด้วยรองเท้าส้นสูงแหลมของแสงสุรีย์ที่กดกระแทกลงมาแตกแตกเสียงดังกรอบ
“คุณ! นั่นมันของ ๆ ผมนะ”
“ต๊าย! ดิฉันเผลอเหยียบเข้า ขอโทษนะคะ ขอโทษจริง ๆ ค่ะ”
แสงสุรีย์ก้มลงหยิบเศษชิ้นส่วนที่แตกขึ้นมาบีบแน่นแล้วแสดงท่าทีเสียใจสุดซึ้งภายในใจสุดแสนจะลิงโลดเมื่อกล้องแอบถ่ายตัวจิ๋วแหลกเละคามือจนน่าจะใช้การไม่ได้อีก ปาปารัสซี่หนุ่มรีบลุกขึ้นมาคว้าแทบไม่ทัน
“เอามานี่! โธ่เว้ย! พังหมดเลยแล้วจะเอาที่ไหนไปส่ง”
“ผมชดใช้ให้คุณก็ได้”
ภาณุแสร้งตอบ เมื่อได้ยินคำสบถและสายตาหาเรื่องผิดกับแสงสุรีย์ที่แม้ทำหน้าสลดเสียใจแต่กลับหัวเราะเก็บอาการไม่อยู่ด้วยความสะใจก่อนจะเอ่ยกับภาณุ
“ไม่ต้องหรอกคุณณุ พวกลักกินขโมยกินก็แบบนี้แหละค่ะ ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว ไม่ต้องรอนานเลยนะคะ คุณ”
“ฝากไว้ก่อนเถอะ... สักวันผมจะต้องรู้ให้ได้เรื่องแม่นางเอกขาวีนนั่น สับขาหลอกให้ได้ตลอดก็แล้วกัน”
ปาปารัสซี่หนุ่มกำหมัดแน่น ส่งสายตาอาฆาตก่อนจะก้าวออกไปอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินเสียงวิพากย์วิจารณ์ที่เริ่มดังหนาหูจากแขกที่อยู่ภายในร้าน ไม่วายที่ผู้จัดการสาวแว่นจะตะโกนไล่หลังอย่างขบขันแกมสังเวช
“ระวังนะคุณ รีบเดินก้มหน้าก้มตาเกิดตกท่อจะกลายเป็นข่าวหน้าหนึ่งสตาร์เลิฟซีเคร็ทนะ แล้วจะหาว่าไม่เตือน”
“จำไว้เลย” ปาปารัสซี่หนุ่มชี้นิ้ว ดวงตากร้าวก่อนจะก้าวฉับ ๆ ออกไป
“เจ้ครับไปพูดยั่วแบบนั้นเดี๋ยวก็แค้นอรไม่เลิกหรอก”
“ขอโทษจริง ๆ ค่ะคุณณุ แบบว่าพี่หมั่นไส้มันน่ะ ทำแบบนี้กับดาราคนอื่นมาหลายคนแล้ว นี่ถ้าพี่ไม่มาป่านนี้ภาพคงกระจายว่อนโซเชียล แล้วคุณรู้ไหมคะท่านประธานต้องแหกอกพี่ก่อนอรแน่นอนและคนที่จะตายก่อนก็คือพี่นี่แหละค่ะ”
“ผมขอโทษครับ ไม่ทันคิดถึงเรื่องนี้เลย ต่อไปผมจะระวังตัวให้มากกว่านี้”
แสงสุรีย์ปรายตามองดวงหน้าคมของชายหนุ่มแล้วได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะมองออกไปนอกหน้าต่าง นึกกังวลลึก ๆ แต่คงไม่เหลือซากหลักฐานให้เป็นข่าวได้อีก
บรรยากาศภายในห้องจัดเลี้ยงที่ถูกจัดฉากขึ้นมาอย่างกะทันหันยังคงสับสนวุ่นวายไม่เลิก เหตุเพราะย้ายการถ่ายทำจากสระว่ายน้ำกลางแจ้งที่ฝนยังคงตกไม่ลืมหูลืมตาเข้ามาภายในตัวอาคาร
ชัชพลต้องไปเจรจากับผู้จัดการฝ่ายจัดเลี้ยงขอเวลาการถ่ายทำเพิ่มและเป็นโชคดีที่ห้องจัดเลี้ยงสัมมนาห้องหนึ่งถูกยกเลิกกระทันหัน ห้องเลยว่างและสับเปลี่ยนห้องจัดเลี้ยงได้ทันท่วงที
“ขอบคุณมากนะครับ ถ้าไม่ได้คุณช่วยพูดให้ทางเราคงลำบากมากแน่”
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ เรื่องแค่นี้เอง เป็นโชคดีของทางเราด้วยค่ะ ที่กองถ่ายรับต่อ ไม่อย่างนั้นทางนั้นก็คงเสียเงินฟรีแล้วทางโรงแรมก็เสียโอกาสไปด้วยค่ะ ขอบคุณจริง ๆ นะคะ” ผู้จัดการสาวเอ่ยยิ้มแย้ม
ชัชพลถอนหายใจโล่งอก เข้าประจำหน้าจอมอนิเตอร์ระหว่างดูศรุตและคคนานต์ซักซ้อมคิวเต้นรำเพื่อรอเวลาถ่ายทำฉากจริง
ด้านนอกห้องผู้จัดการแผนกจัดเลี้ยงสาวใหญ่เบะปากทันทีที่พ้นออกจากตัวห้อง ด้วยความที่ได้รับคำสั่งเบื้องบนให้จัดการกรณีกองถ่ายกับผู้เช่าห้องก่อนแล้ว ความอัดอั้นถูกระบายออกทันทีเมื่อพบหน้าใครคนหนึ่งที่เดินหิ้วของพะรุงพะรังเข้ามา
“คุณณิน วันนี้ลมอะไรหอบมาถึงนี่ได้คะ”
“ลมคิดถึง... เอ๊ยไม่ใช่ค่ะ ณินพูดเล่น” ภาณินเย้า “พอดีมาส่งเพื่อนที่โรงแรมนี้แล้วก็บังเอิญยายเพื่อนตัวดีดันลืมของไว้ในรถ ณินเลยต้องแบกมาให้นี่แหละค่ะ”
“แหม มาได้จังหวะพอดีเลยค่ะ” พริมาป้องปากกระซิบ “พี่มีเรื่องจะเมาท์มอยค่ะ”
“เรื่องที่ทำให้หน้ามุ่ยนี่หรือคะ” ภาณินสัพยอก
พริมาถึงกับจุ๊ปากลากหญิงสาวเดินห่างจากประตูกลัวคนได้ยิน
“คุณณินไม่รู้อะไร พี่เนี่ยลำบากใจที่สุดเลยเพราะต้องไปขอยกเลิกห้องสัมมนาเพราะคำสั่งเบื้องบนสั่งมา”
“อ้าวทำไมล่ะคะ”
“ก็ลูกสาวเจ้านายเล่นเป็นนางเอก แล้วก็จะได้ประเดิมเข้าฉากวันนี้เป็นครั้งแรกซะด้วยสิคะ เลยเดือดร้อนถึงพี่ให้อำนวยความสะดวกทู๊กอย่างห้ามกระโตกกระตากด้วยค่ะ”
ภาณินได้แต่ยิ้มอ่อนหวานรับฟังผู้จัดการสาวใหญ่มือฉมังแห่งเดอะมิวซ์บ่นหูดับ
“ใจเย็น ๆ เถอะนะคะ เราแค่พนักงานตัวเล็ก ๆ ต้องก้มหน้าทนต่อไป ยังไงพี่พิมก็สู้นะคะ ณินขอตัวเอาของไปส่งเพื่อนก่อนค่ะ โทรตามแล้วค่ะ”
“จ้ะ... เชิญคุณน้องตามสบาย ขอบคุณนะคะที่อุตส่าห์ฟังเอาไว้โอกาสหน้าพี่ไปใช้บริการร้านดอกไม้นะคะ”
ภาณินยิ้มเก้อ ยังไม่ทันจะขอบคุณ พริมาก็ก้าวฉับ ๆ ไปก่อน หญิงสาวได้แต่ส่ายหน้าเบื่อหน่าย ถ้าหากไม่ต้องพึ่งพาเรื่องงานคงไม่เสวนากับผู้จัดการปากสว่างคนนี้เป็นแน่
“ได้ของครบรึยัง... ลีน”
ชัชพลถามทันทีที่ลินากระหืดกระหอบเข้ามาพร้อมของพะรุงพะรังเต็มสองมือ สาวร่างอวบส่งเสียงตอบมาก่อนตัวทันที
“ได้ครบค่ะ ดีนะที่นี่พัทยาหาไม่ยากไม่งั้นลีนตายแน่” หล่อนบ่นพึมพำ “พี่ชัชหางานให้เรื่อย ลีนเหนื่อยนะรู้ไหม”
ลินานั่งลงบนโชฟาด้านหลังสาละวนเช็คของให้วุ่น ชัชพลรีบเข้ามาดูผลงานก่อนจะพยักหน้ารับอย่างพอใจ
“ขอบใจนะ จะหามือขวาที่เก่ง ฉลาด รวดเร็วอย่างเราได้ที่ไหน เอาไปแจกเลยอย่างด่วน เรียกตัวประกอบรับของด้วยเดี๋ยวพี่ไปซักซ้อมคิวน้องอลิซกับศรุตก่อน”
ไม่ทันที่ชัชพลจะเดินไป ลินาก็คว้าแขนเสื้อเขาไว้สีหน้ายุ่งยากใจ
“คิดว่าทำแบบนี้ไม่มีปัญหาแน่นะพี่ชัช เกิดคุณหญิงแม่น้องอลิซรู้เข้า เราจะเดือดร้อนรึเปล่าคะ”
ลินาวิตกกังวลแทน ในขณะที่ชัชพลเหลือบมองสองคนซักซ้อมฉากเต้นรำกลางฟลอร์แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจไม่ต่างกัน
“ทำไงได้ล่ะ ก็อรหายตัวไป นายมาร์กคู่น้องอลิซก็มาโดนจับฐานเมาอาละวาดยังอยู่ สน. อยู่เลย แล้วจะให้รอ พี่ก็ทำไม่ได้หรอก ยังไงก็ขายผ้าเอาหน้ารอดไปก่อน พี่รับผิดชอบเองทุกเรื่อง ลีนอย่าห่วงไปเลย”
“หวังว่าจะเรียบร้อยนะ ลีนเอาใจช่วย ไฟติ้ง”
ชัชพลพยักหน้ารับกำลังใจจากน้องสาวไม่แท้ก่อนจะคว้าสิ่งของที่ลินาเอามาสองชิ้นไปให้คนที่อยู่กลางฟลอร์แทบไม่ต้องรอให้รู้ผล
เมื่อซักซ้อมทำความเข้าใจแก่อลิซและศรุตที่เป็นคู่ซ้อมให้กันและกันก่อนที่คู่ตัวจริงของทั้งสองคนในสองเรื่องจะมาถึง ศรุตก็ออกอาการก่อนทันที
“อะไรนะครับพี่” นักแสดงหนุ่มหน้าเครียด “ปาร์ตี้หน้ากากเนี่ยนะ”
“ใช่... นายกับน้องอลิซเข้าฉากด้วยกัน” ผู้กำกับหนุ่มใหญ่เสียงเครียด
ศรุตได้แต่อึ้งไม่พอ คคนานต์ถึงกับหน้าเสีย เอ่ยเสียงอ่อยไม่กล้าหือกับผู้กำกับจอมดุ
“ฉากแรกในชีวิตของหนูคือตัวแสดงแทนพี่อรหรือคะ ผู้กำกับ”
ชัชพลพยักหน้ารับ นึกสงสารสาวน้อยไม่เบา แต่ทำอย่างไรได้ในเมื่อคู่แสดงของทั้งสองมีอันต้องติดภารกิจฉาวกันทั้งคู่
ศรุตแย้งทันทีเมื่อเห็นคคนานต์หน้าเสียพูดไม่ออก เถียงไม่ได้สักคำ
“ที่จริงแสตนอินเยอะแยะ เลือกสักคนก็ได้นี่ครับ สงสารน้องอลิซ แทนที่จะได้เข้าฉากแรกในบทของตัวเอง นี่อะไรกันทำแบบนี้”
“ไม่ใช่เรื่องของนาย ทำหน้าที่ของตัวเองไป” ชัชพลตวัดหางตาดุ “ส่วนทำไมถึงเลือกน้องอลิซ ผมมีเหตุผลที่ไม่จำเป็นต้องอธิบายพวกคุณ”
“แต่ว่าหนู” คคนานต์เสียงสั่น “หนูจะทำได้หรือคะ”
“นี่คือบททดสอบแรกของคุณ” ชัชพลตบบ่า “เข้าใจรึเปล่า... อลิซสาวน้อยในแดนมหัศจรรย์ คุณทำได้ โอเค๊”
ชัชพลยิ้มให้กำลังใจคคนานต์ที่สบตาเขาด้วยความน้อยใจ ผิดหวัง แต่เมื่อได้รับความไว้วางใจแล้วก็ต้องทำให้ถึงที่สุดแม้ว่าจะเป็นได้เพียงแค่ตัวแทนของใครบางคนก็ตาม…
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่ะ
ขอฝากอีบุ๊คเรื่องนี้ด้วยนะคะ ^^
https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTQzODU3MiI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjU6IjU3NDg4Ijt9
ขอบคุณมากค่า
“เจ้!”
“ก็เจ้สิจ้ะ จะใครซะอีก”
ไม่ทันให้คนอุทานได้ทักท้วง สาวมือปลาหมึกหอมฟอดที่แก้มขวาของภาณุเข้าให้ อรณีถึงกับตาค้างพูดไม่ออกสักคำ คงมีแต่ชายหนุ่มหนึ่งเดียวที่ทำหน้าปุเลี่ยนแต่ไม่ได้มีทีท่าผลักไสรุนแรงเพราะยังจับต้นชนปลายไม่ถูก
“อะ... อะไรครับเจ้!” ภาณุตะกุกตะกัก “เล่นอะไรผมไม่ทันตั้งตัว”
พยายามเบี่ยงตัวออกห่างอย่างมีมารยาท แต่แสงสุรีย์ยังคงกอดไม่ปล่อย
“แหม ที่รัก ไม่ต้องเขินหรอกน่า” หล่อนเอียงคอซบไหล่ “นี่ยังน้อยไปกับความคิดถึง”
“นี่มันอะไรกัน!” อรณีเค้นเสียงกลัวคนได้ยิน กระแทกตัวลงนั่งอย่างแรง “ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“อร... คือ ณุไม่”
ภาณุส่ายหน้าปฏิเสธ แต่แสงสุรีย์บิดเนื้อช่วงเอวของชายหนุ่ม จนคนโดนบิดถึงกับหน้าเหยเก ผู้จัดการสาวแว่นยังคงยิ้มกว้างชนิดที่ดูก็รู้ว่าพยายามปั้นยิ้มแล้วกระซิบข้างหู
“จุ๊... จุ๊ คุณณุตามน้ำไปก่อน” หล่อนยังคงเอนคอซบ “มีปาปารัซซี่”
“หืม” ตั้งท่าจะหันไป แต่แสงสุรีย์ดึงไว้ให้มองผ่านกระจกตรงเคาน์เตอร์แทน
“เห็นผู้ชายที่นั่งหันหน้ามาทางเรารึเปล่า เยื้องไปสองโต๊ะ”
“ใช่หรือครับ”
“รู้จักหนังสือสตาร์เลิฟซีเคร็ทไหม... คนนั้นน่ะ ตามอรมาหลายรอบแล้วแต่อรไม่รู้ตัว”
“พวกแฉเรื่องลับดารา... ปาปารัซซี่” ภาณุกระซิบถาม
ผู้จัดการสาวแว่นรีบพยักหน้าพร้อมเหลือบมองชายคนนั้นอย่างระแวงระวัง ในขณะที่ภาณุถึงกับหน้าเสีย อรณีพลอยมองตาม ฉับพลันชายคนนั้นก็หลบวูบทำทีเป็นหยิบหนังสือพิมพ์มาอ่านปิดบังใบหน้า
“ทำไมต้องกระซิบกระซาบกันด้วย มีความลับอะไรนักหนา”
“อย่าเสียงดังสิ เดี๋ยวค่อยเล่าให้ฟังไปรอที่รถก่อนไป จอดเยื้องไปด้านซ้ายลุงรออยู่”
“ก็มันเรื่องอะไรมาถึงก็สั่ง ๆ บอกมาเลยทำไม”
อรณีเสียงขุ่นเมื่อถูกเอ็ดต่อหน้า ภาณุเห็นท่าไม่ดีเกือบใจอ่อนบอกไปแต่ผู้จัดการสาวแว่นพูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน คราวนี้ดังพอที่จะทำให้คนทั้งร้านกาแฟหันมาให้ความสนใจ
“ขอโทษนะอร เจ้ติดงานนิดนึงเลยมาสายไปหน่อย” แสงสุรีย์ฉีกยิ้มกว่างแล้วเบนสายตาหาภาณุ “ขอบคุณนะที่รัก คุณนี่ใจดีที่สุดเลย อุตส่าห์มาเป็นเพื่อนอรแทนแสง เดี๋ยวกลับไปต้องให้รางวัลอย่างงามเลย”
แสงสุรีย์หอมแก้มหัวเราะร่วนแล้วคล้องแขนภาณุอย่างสนิทสนม อรณีทนดูไม่ได้คว้ากระเป๋าถือริมหน้าต่าง ลุกพรวดพราดหันหลังก้าวฉับออกไปทันทีไม่ฟังคำถัดมาที่แสงสุรีย์ตะโกนไล่ตาม
“รถอยู่ทางซ้ายนะอร ให้ลุงไปส่งที่กองถ่ายเลยเดี๋ยวเจ้ตามไป”
“จะดีเหรอครับเจ้ ทำไมไม่บอกอรก่อน เธอไม่เหมือนใครผมกลัวว่าจะยิ่งต่อต้านพอดีกองถ่ายล่มกันพอดี”
“เราคุยกันได้ค่ะ ตอนนี้ต้องให้หมอนั่นไขว้เขวก่อน เพราะคุณสองคนเมื่อกี้ดูสวีทกันเหลือเกินมีเช็ดปากอะไรกันด้วย”
“ผมเปล่า” ภาณุอ้อมแอ้มหลบตา
“เอาน่า เจ้แก้สถาณการณ์เฉพาะหน้าแล้ว ทน ๆ เล่นละครกับเจ้อีกแป๊บก็แล้วกันนะคุณณุ”
“ผมเข้าใจครับ” ภาณุพยักหน้า เหลือบมองชายคนเดิมผ่านกระจก “ตามนั้นก็แล้วกัน”
“ใช่ ๆ ถ้าหลุดไปเป็นข่าวใหญ่แน่ อย่างนี้แหละดีพยานรู้เห็นหลายคนว่าเราสองคนเป็นแฟนกันไม่ใช่อร”
“นี่คือเทคนิคของพวกดาราเหรอครับ”
แสงสุรีย์อมยิ้มพยักหน้าน้อย ๆ แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ ถึงไม่ค่อยสบายใจกับการแก้ปัญหาแบบแปลกของหล่อน แต่เมื่อเหลือบมองไปยังโต๊ะที่ชายคนนั้นนั่งอยู่พบว่าเช็คบิลแล้วและกำลังจะตามอรณีออกไปโดยไม่สนใจใครด้วยความรีบร้อน
เหมือนร่างกายไวกว่าความคิด จู่ ๆ คนที่ก้าวเร็วสวนกับภาณุที่ยืนเก้กังอยู่หน้าโต๊ะก็เซถลาไม่เป็นท่าลงไปกองอยู่กับพื้นพร้อมเสียงเอะอะโวยวายของแสงสุรีย์
“ว้าย! ระวัง”
ปาปารัสซี่หนุ่มทรงตัวไม่ได้แถมยังควานหาอะไรบางอย่างด้วยความร้อนใจ ทันทีที่เข้าถึงตัว ภาณุก็รุดจะเข้าไปประคองแต่กลับโดนสะบัดอย่างแรง
“เฮ้ย! ไม่ต้องมาทำเป็นช่วย แกล้งขัดขาผมทำไม”
“เปล่านะครับ ผมไม่ได้แกล้ง พอดีขาผมมันยาวเกะกะไปหน่อย เลยไม่ทันได้ระวังน่ะคุณ มาผมช่วย”
“ไม่ต้อง!”
ปาปารัสซี่หนุ่มตอบเสียงเขียว ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบบางอย่างที่เขาควานหาเมื่อครู่ แต่แล้วถึงกับต้องอ้าปากค้างเมื่อของชิ้นนั้นถูกทำลายไปต่อหน้าด้วยรองเท้าส้นสูงแหลมของแสงสุรีย์ที่กดกระแทกลงมาแตกแตกเสียงดังกรอบ
“คุณ! นั่นมันของ ๆ ผมนะ”
“ต๊าย! ดิฉันเผลอเหยียบเข้า ขอโทษนะคะ ขอโทษจริง ๆ ค่ะ”
แสงสุรีย์ก้มลงหยิบเศษชิ้นส่วนที่แตกขึ้นมาบีบแน่นแล้วแสดงท่าทีเสียใจสุดซึ้งภายในใจสุดแสนจะลิงโลดเมื่อกล้องแอบถ่ายตัวจิ๋วแหลกเละคามือจนน่าจะใช้การไม่ได้อีก ปาปารัสซี่หนุ่มรีบลุกขึ้นมาคว้าแทบไม่ทัน
“เอามานี่! โธ่เว้ย! พังหมดเลยแล้วจะเอาที่ไหนไปส่ง”
“ผมชดใช้ให้คุณก็ได้”
ภาณุแสร้งตอบ เมื่อได้ยินคำสบถและสายตาหาเรื่องผิดกับแสงสุรีย์ที่แม้ทำหน้าสลดเสียใจแต่กลับหัวเราะเก็บอาการไม่อยู่ด้วยความสะใจก่อนจะเอ่ยกับภาณุ
“ไม่ต้องหรอกคุณณุ พวกลักกินขโมยกินก็แบบนี้แหละค่ะ ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว ไม่ต้องรอนานเลยนะคะ คุณ”
“ฝากไว้ก่อนเถอะ... สักวันผมจะต้องรู้ให้ได้เรื่องแม่นางเอกขาวีนนั่น สับขาหลอกให้ได้ตลอดก็แล้วกัน”
ปาปารัสซี่หนุ่มกำหมัดแน่น ส่งสายตาอาฆาตก่อนจะก้าวออกไปอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินเสียงวิพากย์วิจารณ์ที่เริ่มดังหนาหูจากแขกที่อยู่ภายในร้าน ไม่วายที่ผู้จัดการสาวแว่นจะตะโกนไล่หลังอย่างขบขันแกมสังเวช
“ระวังนะคุณ รีบเดินก้มหน้าก้มตาเกิดตกท่อจะกลายเป็นข่าวหน้าหนึ่งสตาร์เลิฟซีเคร็ทนะ แล้วจะหาว่าไม่เตือน”
“จำไว้เลย” ปาปารัสซี่หนุ่มชี้นิ้ว ดวงตากร้าวก่อนจะก้าวฉับ ๆ ออกไป
“เจ้ครับไปพูดยั่วแบบนั้นเดี๋ยวก็แค้นอรไม่เลิกหรอก”
“ขอโทษจริง ๆ ค่ะคุณณุ แบบว่าพี่หมั่นไส้มันน่ะ ทำแบบนี้กับดาราคนอื่นมาหลายคนแล้ว นี่ถ้าพี่ไม่มาป่านนี้ภาพคงกระจายว่อนโซเชียล แล้วคุณรู้ไหมคะท่านประธานต้องแหกอกพี่ก่อนอรแน่นอนและคนที่จะตายก่อนก็คือพี่นี่แหละค่ะ”
“ผมขอโทษครับ ไม่ทันคิดถึงเรื่องนี้เลย ต่อไปผมจะระวังตัวให้มากกว่านี้”
แสงสุรีย์ปรายตามองดวงหน้าคมของชายหนุ่มแล้วได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะมองออกไปนอกหน้าต่าง นึกกังวลลึก ๆ แต่คงไม่เหลือซากหลักฐานให้เป็นข่าวได้อีก
บรรยากาศภายในห้องจัดเลี้ยงที่ถูกจัดฉากขึ้นมาอย่างกะทันหันยังคงสับสนวุ่นวายไม่เลิก เหตุเพราะย้ายการถ่ายทำจากสระว่ายน้ำกลางแจ้งที่ฝนยังคงตกไม่ลืมหูลืมตาเข้ามาภายในตัวอาคาร
ชัชพลต้องไปเจรจากับผู้จัดการฝ่ายจัดเลี้ยงขอเวลาการถ่ายทำเพิ่มและเป็นโชคดีที่ห้องจัดเลี้ยงสัมมนาห้องหนึ่งถูกยกเลิกกระทันหัน ห้องเลยว่างและสับเปลี่ยนห้องจัดเลี้ยงได้ทันท่วงที
“ขอบคุณมากนะครับ ถ้าไม่ได้คุณช่วยพูดให้ทางเราคงลำบากมากแน่”
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ เรื่องแค่นี้เอง เป็นโชคดีของทางเราด้วยค่ะ ที่กองถ่ายรับต่อ ไม่อย่างนั้นทางนั้นก็คงเสียเงินฟรีแล้วทางโรงแรมก็เสียโอกาสไปด้วยค่ะ ขอบคุณจริง ๆ นะคะ” ผู้จัดการสาวเอ่ยยิ้มแย้ม
ชัชพลถอนหายใจโล่งอก เข้าประจำหน้าจอมอนิเตอร์ระหว่างดูศรุตและคคนานต์ซักซ้อมคิวเต้นรำเพื่อรอเวลาถ่ายทำฉากจริง
ด้านนอกห้องผู้จัดการแผนกจัดเลี้ยงสาวใหญ่เบะปากทันทีที่พ้นออกจากตัวห้อง ด้วยความที่ได้รับคำสั่งเบื้องบนให้จัดการกรณีกองถ่ายกับผู้เช่าห้องก่อนแล้ว ความอัดอั้นถูกระบายออกทันทีเมื่อพบหน้าใครคนหนึ่งที่เดินหิ้วของพะรุงพะรังเข้ามา
“คุณณิน วันนี้ลมอะไรหอบมาถึงนี่ได้คะ”
“ลมคิดถึง... เอ๊ยไม่ใช่ค่ะ ณินพูดเล่น” ภาณินเย้า “พอดีมาส่งเพื่อนที่โรงแรมนี้แล้วก็บังเอิญยายเพื่อนตัวดีดันลืมของไว้ในรถ ณินเลยต้องแบกมาให้นี่แหละค่ะ”
“แหม มาได้จังหวะพอดีเลยค่ะ” พริมาป้องปากกระซิบ “พี่มีเรื่องจะเมาท์มอยค่ะ”
“เรื่องที่ทำให้หน้ามุ่ยนี่หรือคะ” ภาณินสัพยอก
พริมาถึงกับจุ๊ปากลากหญิงสาวเดินห่างจากประตูกลัวคนได้ยิน
“คุณณินไม่รู้อะไร พี่เนี่ยลำบากใจที่สุดเลยเพราะต้องไปขอยกเลิกห้องสัมมนาเพราะคำสั่งเบื้องบนสั่งมา”
“อ้าวทำไมล่ะคะ”
“ก็ลูกสาวเจ้านายเล่นเป็นนางเอก แล้วก็จะได้ประเดิมเข้าฉากวันนี้เป็นครั้งแรกซะด้วยสิคะ เลยเดือดร้อนถึงพี่ให้อำนวยความสะดวกทู๊กอย่างห้ามกระโตกกระตากด้วยค่ะ”
ภาณินได้แต่ยิ้มอ่อนหวานรับฟังผู้จัดการสาวใหญ่มือฉมังแห่งเดอะมิวซ์บ่นหูดับ
“ใจเย็น ๆ เถอะนะคะ เราแค่พนักงานตัวเล็ก ๆ ต้องก้มหน้าทนต่อไป ยังไงพี่พิมก็สู้นะคะ ณินขอตัวเอาของไปส่งเพื่อนก่อนค่ะ โทรตามแล้วค่ะ”
“จ้ะ... เชิญคุณน้องตามสบาย ขอบคุณนะคะที่อุตส่าห์ฟังเอาไว้โอกาสหน้าพี่ไปใช้บริการร้านดอกไม้นะคะ”
ภาณินยิ้มเก้อ ยังไม่ทันจะขอบคุณ พริมาก็ก้าวฉับ ๆ ไปก่อน หญิงสาวได้แต่ส่ายหน้าเบื่อหน่าย ถ้าหากไม่ต้องพึ่งพาเรื่องงานคงไม่เสวนากับผู้จัดการปากสว่างคนนี้เป็นแน่
“ได้ของครบรึยัง... ลีน”
ชัชพลถามทันทีที่ลินากระหืดกระหอบเข้ามาพร้อมของพะรุงพะรังเต็มสองมือ สาวร่างอวบส่งเสียงตอบมาก่อนตัวทันที
“ได้ครบค่ะ ดีนะที่นี่พัทยาหาไม่ยากไม่งั้นลีนตายแน่” หล่อนบ่นพึมพำ “พี่ชัชหางานให้เรื่อย ลีนเหนื่อยนะรู้ไหม”
ลินานั่งลงบนโชฟาด้านหลังสาละวนเช็คของให้วุ่น ชัชพลรีบเข้ามาดูผลงานก่อนจะพยักหน้ารับอย่างพอใจ
“ขอบใจนะ จะหามือขวาที่เก่ง ฉลาด รวดเร็วอย่างเราได้ที่ไหน เอาไปแจกเลยอย่างด่วน เรียกตัวประกอบรับของด้วยเดี๋ยวพี่ไปซักซ้อมคิวน้องอลิซกับศรุตก่อน”
ไม่ทันที่ชัชพลจะเดินไป ลินาก็คว้าแขนเสื้อเขาไว้สีหน้ายุ่งยากใจ
“คิดว่าทำแบบนี้ไม่มีปัญหาแน่นะพี่ชัช เกิดคุณหญิงแม่น้องอลิซรู้เข้า เราจะเดือดร้อนรึเปล่าคะ”
ลินาวิตกกังวลแทน ในขณะที่ชัชพลเหลือบมองสองคนซักซ้อมฉากเต้นรำกลางฟลอร์แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจไม่ต่างกัน
“ทำไงได้ล่ะ ก็อรหายตัวไป นายมาร์กคู่น้องอลิซก็มาโดนจับฐานเมาอาละวาดยังอยู่ สน. อยู่เลย แล้วจะให้รอ พี่ก็ทำไม่ได้หรอก ยังไงก็ขายผ้าเอาหน้ารอดไปก่อน พี่รับผิดชอบเองทุกเรื่อง ลีนอย่าห่วงไปเลย”
“หวังว่าจะเรียบร้อยนะ ลีนเอาใจช่วย ไฟติ้ง”
ชัชพลพยักหน้ารับกำลังใจจากน้องสาวไม่แท้ก่อนจะคว้าสิ่งของที่ลินาเอามาสองชิ้นไปให้คนที่อยู่กลางฟลอร์แทบไม่ต้องรอให้รู้ผล
เมื่อซักซ้อมทำความเข้าใจแก่อลิซและศรุตที่เป็นคู่ซ้อมให้กันและกันก่อนที่คู่ตัวจริงของทั้งสองคนในสองเรื่องจะมาถึง ศรุตก็ออกอาการก่อนทันที
“อะไรนะครับพี่” นักแสดงหนุ่มหน้าเครียด “ปาร์ตี้หน้ากากเนี่ยนะ”
“ใช่... นายกับน้องอลิซเข้าฉากด้วยกัน” ผู้กำกับหนุ่มใหญ่เสียงเครียด
ศรุตได้แต่อึ้งไม่พอ คคนานต์ถึงกับหน้าเสีย เอ่ยเสียงอ่อยไม่กล้าหือกับผู้กำกับจอมดุ
“ฉากแรกในชีวิตของหนูคือตัวแสดงแทนพี่อรหรือคะ ผู้กำกับ”
ชัชพลพยักหน้ารับ นึกสงสารสาวน้อยไม่เบา แต่ทำอย่างไรได้ในเมื่อคู่แสดงของทั้งสองมีอันต้องติดภารกิจฉาวกันทั้งคู่
ศรุตแย้งทันทีเมื่อเห็นคคนานต์หน้าเสียพูดไม่ออก เถียงไม่ได้สักคำ
“ที่จริงแสตนอินเยอะแยะ เลือกสักคนก็ได้นี่ครับ สงสารน้องอลิซ แทนที่จะได้เข้าฉากแรกในบทของตัวเอง นี่อะไรกันทำแบบนี้”
“ไม่ใช่เรื่องของนาย ทำหน้าที่ของตัวเองไป” ชัชพลตวัดหางตาดุ “ส่วนทำไมถึงเลือกน้องอลิซ ผมมีเหตุผลที่ไม่จำเป็นต้องอธิบายพวกคุณ”
“แต่ว่าหนู” คคนานต์เสียงสั่น “หนูจะทำได้หรือคะ”
“นี่คือบททดสอบแรกของคุณ” ชัชพลตบบ่า “เข้าใจรึเปล่า... อลิซสาวน้อยในแดนมหัศจรรย์ คุณทำได้ โอเค๊”
ชัชพลยิ้มให้กำลังใจคคนานต์ที่สบตาเขาด้วยความน้อยใจ ผิดหวัง แต่เมื่อได้รับความไว้วางใจแล้วก็ต้องทำให้ถึงที่สุดแม้ว่าจะเป็นได้เพียงแค่ตัวแทนของใครบางคนก็ตาม…
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่ะ
ขอฝากอีบุ๊คเรื่องนี้ด้วยนะคะ ^^
https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTQzODU3MiI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjU6IjU3NDg4Ijt9
ขอบคุณมากค่า
lovereason2
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 ก.ค. 2560, 14:09:02 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 ก.ค. 2560, 14:10:12 น.
จำนวนการเข้าชม : 954
<< บทที่ 11/1 หน้ากาก | บทที่ 12/1 แค่มองก็พอ >> |