เจ้าชายในฝัน
เจ้าชายคนรองแห่งอียิปต์ต้องปลอมตัวออกตามหา กาฬศิลา เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตน ทว่า ใครจะรู้เล่า ระหว่างการเดินทางนั้น หัวใจของพระองค์ก็ถูกพิสูจน์ด้วยเช่นกัน
Tags: อียิปต์ ฟาโรห์ ย้อนยุค ทะเลทราย เจ้าชาย

ตอน: ตอนที่ 2 (1)

เป็นเวลาสายมากแล้ว อาจจะชั่วโมงที่สี่หรือห้าของยามกลางวัน[1]เมื่อเรือบรรทุกลำหนึ่งเทียบจอดที่ท่าเรือหลักของเมืองเนเคนเพื่อขนของลงพร้อมกับชายที่มีรอยบากบนใบหน้า ผู้แนะนำตัวกับใครต่อใครว่ามีนามว่า ซาท นั่นเอง

ชายหนุ่มลงเรือแล้วก็มองความวุ่นวายรอบตัว ที่นี่ วุ่นวายกว่าทุกที่ที่ผ่านมาก็ว่าได้ เหตุน่าจะเป็นเพราะวิหารหลักของเมือง คือวิหารแห่งเทพฮอรัส กำลังอยู่ในระหว่างต่อเติม แม้วิหารจะมีคลองและท่าเรือหลักไว้ขนส่งหินและสิ่งจำเป็นในงานก่อสร้างโดยเฉพาะแยกต่างหากอยู่แล้ว แต่ความมีชีวิตชีวาก็ดูจะแผ่ไปทั่วทุกอณูของเมือง

และใครจะรู้เล่า ว่าเบื้องหลังสิ่งเหล่านี้ มีสิ่งใดหายไปและมีสิ่งใดกำลังจะเกิดขึ้นบ้าง

ซาทมองไปรอบ ๆ บริเวณพลางคิดถึงครั้งสุดท้ายที่มาเนเคนก็คงจะเป็นเมื่อราวสิบปีที่แล้วกระมัง ในตอนนั้นเขาอายุแค่สิบเอ็ดหรือสิบสองขวบ ยังเพิ่งเริ่มเรียนรู้งานในการรบ ไม่เฉียดใกล้กับคำว่า จอมทัพ ที่ใครต่างขนานนามให้เมื่อเติบใหญ่ขึ้นแม้แต่น้อย และยิ่งในตอนนั้นที่มาในฐานะ เจ้าชาย ด้วยแล้ว ชายหนุ่มก็ได้แต่ถอนหายใจเพราะช่างห่างไกลเหลือเกินกับสภาพของตนในวันนี้

นักเดินทางหนุ่มเดินเท้าเข้าไปในเมืองเพียงลำพัง คาดหวังว่าตอนนี้เฮรเซฟคนสนิทคงได้แฝงตัวเข้าไปเป็นคนงานก่อสร้างวิหารเรียบร้อยแล้ว และคราวนี้ก็เป็นทีของเขาแล้วที่จะแฝงตัวเข้าไปเป็นคนงานในโรงเบียร์ของ เนคเบ สหายที่สนิทยิ่งของพระอรรคชายาซิท-ฮาเธอร์ พระมารดา

อันที่จริง เนคเบผู้นั้นมีรกรากอยู่ที่วาเสต และเบียร์เมาอันเลิศรสของนางก็ทำส่งเฉพาะให้ครอบครัวฟาโรห์เท่านั้น กระทั่งเจ้าชายเมรเรนเรต้องมาคุมงานก่อสร้างที่เนเคน เนคเบจึงต้องแบ่งคนที่บ้านมาเปิดโรงเบียร์เพื่อทำส่งให้เพียงองค์รัชทายาท ซึ่งต่อมาได้มีรับสั่งให้ผลิตเบียร์สูตรรองลงมาส่งเป็นค่าตอบแทนให้เจ้าหน้าที่ชั้นสูงระดับผู้คุมด้วย ในตอนนี้ แม้เจ้าชายเมรเรนเรไม่ได้เสด็จมาคุมงานบ่อยอย่างแต่ก่อนแล้ว ทว่าโรงเบียร์ของเนคเบก็ยังคงต้องตั้งอยู่เช่นเดิม

ซาทจำได้ว่าผู้มาคุมโรงเบียร์เดิมทีเป็นหลานชายของเนคเบนามว่า ฮัตเนเฟอร์ ที่เขาคุ้นเคยอยู่พอสมควร ด้วยว่าฮัตเนเฟอร์นั้นแท้จริงแล้วเป็นนายทหารช่างที่มีฝีมือเชี่ยวชาญในการต่อรถศึกอย่างยิ่ง ทั้งยังเคยร่วมรบกับเขาในการศึกครั้งสำคัญ บิดาของฮัตเนเฟอร์ซึ่งเป็นน้องชายของเนคเบก็มีตำแหน่งเป็นถึงแม่ทัพใหญ่แห่งป้อมบูเฮน ปราการใหญ่ที่สุดของอียิปต์ซึ่งตั้งอยู่ขอบชายแดนนูเบีย

ทว่า เมื่อไม่นานมานี้เอง ที่ทัพอียิปต์กลับจากการศึกตามเส้นทางฮอรัส ฮัตเนเฟอร์ก็ถูกเรียกกลับวาเสตเพื่อทำการต่อเติมและซ่อมแซมรถศึกที่สูญเสียไป โรงเบียร์ที่เนเคนบัดนี้จึงตกอยู่ในการดูแลของน้องสาวของฮัตเนเฟอร์แทน

...น้องสาวของฮัตเนเฟอร์...

ชายหนุ่มคิดว่าเขาจำนางได้แม้จะเห็นเพียงไกล ๆ ชั่วแวบเดียวในงานเลี้ยงรับรองเมื่อคราวเดินทัพกลับมาถึงวาเสตใหม่ ๆ คราวแรกที่รู้ว่านางดูแลโรงเบียร์อยู่เขายังนึกไม่อยากเชื่อ จำได้ว่านางดูยังเยาว์ยิ่งนัก แม้อยู่ไกลก็รู้สึกว่านางเป็นเหมือนดอกไม้ที่เพิ่งผลิกลีบแย้มบาน เป็นนกน้อยที่เพิ่งกางปีกบิน และเป็นเหมือนปลาที่เพิ่งได้เริงร่ากับสายน้ำ

ไม่น่าเชื่อว่าฮัตเนเฟอร์จะใจกล้า ส่งโรงเบียร์ต่อให้น้องสาวดูแลตามลำพังในต่างที่ต่างถิ่นเช่นนี้

…แต่จะไม่กล้าได้อย่างไรเล่า ก็ในเมื่อ มันเป็นคำสั่งของเขาเองในฐานะเจ้าชายเซติ ที่จงใจจะแยกฮัตเนเฟอร์ออกไปเพื่อเดินทางมาที่นี่ได้โดยไม่มีคนรู้เห็นมากขึ้น

ซาทเดินทางมาถึงหน้าโรงเบียร์ตามเส้นทางที่ได้ศึกษาไว้ล่วงหน้าอย่างดีแล้ว ประตูด้านหน้าที่ติดถนนเส้นหลักปิดสนิท เขาเดินอ้อมไปด้านข้างที่เป็นตรอกแคบและพบว่าด้านหลังโรงเบียร์ยังเป็นที่นารกเรื้อ มองออกไปยังเห็นคลองเล็ก ๆ เอาไว้ส่งน้ำทำกสิกรรม ชายหนุ่มยืนพิจารณาอยู่นอกกำแพงสีขาวที่มีประตูบานไม่ใหญ่นักปิดสนิทกั้นเขากับผู้คนภายในที่มีเสียงพูดคุยเล็ดลอดออกมาพอให้ได้ยินไม่เป็นคำอยู่

...แล้วทำเช่นไร เขาจึงจะเข้าไปเป็นคนงานในโรงเบียร์ได้ล่ะนี่ ?


ชายหนุ่มผู้พรางตัวตัดสินใจเดินกลับไปที่ถนนเส้นหลักด้านหน้า พื้นถนนนั้นเต็มไปด้วยรอยกีบเท้าของลาที่น่าจะถูกต้อนเข้าออกทุกวัน วันนี้เขาอาจจะมาถึงในเวลาสายเกินไปกระมัง ประตูหน้าบ้านจึงปิดสนิทไม่อาจคาดได้ว่าจะเปิดออกอีกครั้งเมื่อใด ทว่า การมารอด้านหน้านี้ก็น่าจะให้ความหวังว่าจะได้เจอเจ้าของบ้านมากกว่าไปรอด้านหลังนัก

...นางชื่ออะไรนะ...

ซาทถามตัวเองระหว่างนั่งลงกับพื้น ในงานเลี้ยงวันนั้นเขาเห็นนางเพียงผ่านไปผ่านมา แม้อยากทำความรู้จักแค่ไหนแต่เวลาที่เป็นโอรสแห่งฟาโรห์มักจะถูกห้อมล้อมด้วยผู้คนเสมอ จนบางครั้งเป็นการยากนักที่จะได้ไปพบกับใครสักคนที่ต้องการอย่างใจนึก

ผ่านไปราวสองชั่วโมงที่ชายหนุ่มยังนั่งคอยอยู่ที่เดิม มีผู้คนเดินผ่านไปมาพอสมควรแต่ไม่มีใครใส่ใจใครนัก เขาใช้เวลาช่วงนั้นทบทวนแผนการที่คิดไว้ไม่ให้ตกหล่น คิดทางหนีทีไล่เผื่อเกิดสิ่งไม่คาดฝันขึ้น คิด คิด และคิด

ภาระกิจนี้สำคัญยิ่งสำหรับราชบัลลังก์และ ‘เจ้าชายเซติ’ ที่จะพิสูจน์ความภักดีของตน เขาจะปล่อยโอกาสให้สูญเปล่าไม่ได้เด็ดขาด

ชายหนุ่มเงยหน้ามองฟ้าก่อนหลับตาสูดหายใจเอากลิ่นฝุ่นดินข้างทางเข้าเสียเต็มอก ครั้นแล้วก็ได้ยินเสียงใส ๆ ของสตรีดังแว่วมา บางอย่างทำให้เขาลืมตาหันไปทางต้นเสียงทันที

มีหญิงสาวกำลังเดินตรงมาสองคน คนหนึ่งจูงลาที่บรรทุกของอยู่บนหลังท่าทางไม่หนักนัก อีกคนแต่งกายด้วยผ้าเนื้อดี มีผ้าผืนเล็กยาวสีแดงสดผูกไว้ใต้อก สวมกำไลข้อมือที่ส่งเสียงดังกรุ๊งกริ๊งยามเจ้าตัวขยับแขน เห็นได้ชัดว่าคนใดเป็นนายคนใดเป็นบ่าว

เขานึกชื่อคนเป็นนายได้ทันที น้องสาวของฮัตเนเฟอร์

...อินเนเฟอร์...

น่าแปลกนักที่แม้เจอในยามกลางวัน ใบหน้าที่ไร้เครื่องประทินใดกับเรือนกายที่ไร้เครื่องประดับสูงค่า กลับดูสดใสเจิดจ้ายิ่งกว่าที่เขาจำได้เสียอีก

หญิงสาวเดินผ่านเขาไปยังประตูบ้านที่ปิดสนิท ชายหนุ่มรีบผุดลุกขึ้น

“คุณหนู”

อินเนเฟอร์หันมาตามเสียงเรียกทันที ดวงตากลมโตมองเขาอย่างฉงน

“นี่คือโรงเบียร์ของฮัตเนเฟอร์ใช่ไหมขอรับ”

หญิงสาวหันไปมองสบตากับบ่าวก่อนตอบ “ใช่”

“ข้ามาขอพบฮัตเนเฟอร์”

“พี่ชายข้าไม่อยู่หรอกนะ” นางยังคงมองเขาอย่างไม่ไว้ใจ “มีอะไรกับท่านพี่งั้นรึ”

“ข้าเคยร่วมรบกับฮัตเนเฟอร์ในศึกที่คาร์กา มาถึงบัดนี้กำลังเร่ร่อนไร้งานทำ จึงอยากจะขออาศัยพึ่งพาเป็นคนของโรงเบียร์”

พอเขาพูดจบ บ่าวข้างกายอินเนเฟอร์ก็กระซิบกับนายสาวพอให้เขาได้ยิน

“อุ้ย คุณหนู จะมาขออยู่ด้วยเจ้าค่ะ”

อินเนเฟอร์รับฟังแล้วก็เอ่ยถามชายหนุ่ม

“เจ้าทำอะไรได้บ้างรึ”

ยังไม่ทันที่คนถูกถามจะตอบ บ่าวคนเดิมก็เอ่ยเสียงดัง

“คุณหนูระวังนะเจ้าคะ มาจากไหนก็ไม่รู้ จะให้รับเข้าเรือนง่าย ๆ ได้อย่างไร เช่นนี้ใครมาอ้างชื่อนายน้อย คุณหนูมิต้องรับไว้อุปการะหมดหรือเจ้าคะ แล้วดูสิเจ้าคะ หน้าเป็นรอยบากขนาดนั้น ไม่รู้ไปตีรันฟันแทงกับใครที่ไหนมาบ้าง”

“เขาเป็นนักรบนะ แล้วก็ไม่เคยมีใครมาอ้างแบบนี้ด้วย” อินเนเฟอร์เอียงหน้าตอบ

“มีครั้งแรก ก็ต้องมีครั้งต่อไปเจ้าค่ะ” บ่าวไม่ยอมละ แถมยังส่งสายตาขับไล่เขาแบบเปิดเผย

ซาทมิได้ให้ความสนใจบ่าว ผู้เป็นนายเท่านั้นที่จะตัดสินใจ แต่แม้เขาจะรู้สึกว่าอินเนเฟอร์นั้นไม่ขัดข้อง แต่เขาก็พอเข้าใจนาง ด้วยความเป็นผู้ดูแลหลักของบ้านในเวลานี้ มันอาจทำให้นางต้องคิดหนักนักกว่าจะยอมประตูรับเขา

“ข้าจนปัญญาจริง ๆ” นางพูดในสิ่งที่เขาคาดการณ์ “เอาไว้ข้าจะเล่าเรื่องของท่านให้พี่ชายฟัง”

พูดจบอินเนเฟอร์ก็หันหลังให้ แต่ก่อนนางจะเปิดประตูอีกครั้ง ชายหนุ่มก็ตะโกน

“ฮัตเนเฟอร์ชอบแมงป่องมาก นอกจากจะมีกริชที่สลักรูปแมงป่องติดตัวแล้ว ยังชอบสลักรูปแมงป่องไว้บนรถศึกด้วย”
หญิงสาวชะงัก หันกลับมา

“ท่านรู้ด้วยรึ”

“เราเคยเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายด้วยกัน ข้ามิได้โกหก ...ข้ารู้ด้วยว่า รถศึกของเจ้าชายเซติที่ฮัตเนเฟอร์เป็นคนต่อจะสลักรูปแมงป่องไว้ที่ขอบล้อด้านซ้าย เพราะเจ้าชายเคยอนุญาตให้เป็นพิเศษด้วย”

คำพูดของเขาไม่มีเท็จสักคำ

อินเนเฟอร์ทำท่าคิดในขณะที่บ่าวเขย่าแขนนางแสดงความไม่เห็นด้วย ทว่าในสุดหญิงสาวก็เอ่ย

“เช่นนั้นก็เข้ามาก่อนเถิด”

สิ้นคำของนาง บ่าวสาวก็อุทานเสียงดัง

“คุณหนู !”

ซาทรีบเดินตามหญิงเจ้าของบ้านเข้าไป โดยไม่ใส่ใจใครอื่นอีก

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



[1] ชาวอียิปต์โบราณแบ่งช่วงเวลาในหนึ่งวันเป็น 2 ช่วงใหญ่ ๆ คือเวลากลางวันเริ่มนับเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นจนพระอาทิตย์ตกเป็นเวลา 12 ชั่วโมง และเวลากลางคืนเริ่มนับตั้งแต่พระอาทิตย์ตกจนพระอาทิตย์ขึ้นอีก 12 ชั่วโมง รวมหนึ่งวันเป็น 24 ชั่วโมง



วินตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ก.ค. 2560, 08:56:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ก.ค. 2560, 08:56:16 น.

จำนวนการเข้าชม : 748





<< ตอนที่ 1   ตอนที่ 2(2) >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account