รหัสรัก...รหัสหัวใจ
อิงลดา หญิงสาวที่เพิ่งอกหักหมาดๆ ได้รับของขวัญประหลาดเป็นชายหนุ่มรูปงาม ดวงตาสีฟ้า มีชื่อเล่นแปลว่าน้ำแข็ง เขาบอกตัวตัวเองเป็นของขวัญ แต่สำหรับเธอ คิดว่าเขาเป็นหุ่นยนต์ในคราบปีศาจร้ายที่เข้ามาวุ่นวายในชีวิตมากกว่า เพราะเพียงเริ่มได้รู้จักกัน ชีวิตของเธอก็เปลี่ยนไปแบบที่เจ้าตัวไม่เคยคิดมาก่อน
Tags: สิรินดา, รหัสรักรหัสหัวใจ, นิยายรัก
ตอน: 21.เรื่องที่ต้องแปลกใจ
เอกวัตรเดินตรงมาประตูร้านกาแฟ จากที่นั่งอยู่ทำให้ฉันเห็นรอยยิ้มกว้างของคนที่ได้ชื่อว่าเคยวางแผนจะแต่งงานกัน จนถึงขั้นซื้อบ้าน และซื้อเฟอร์นิเจอร์บางชิ้นเข้าบ้านร่วมกันแล้ว ได้อย่างชัดเจน
เขาไม่ได้ยิ้มให้ฉัน ไม่แม้แต่มองเห็น ...เพราะสายตาจับอยู่ที่หญิงสาวอีกคนที่นั่งติดกระจกใสด้านหน้าราน ซึ่งเธอกำลังโบกมือให้
เอกวัตรเปิดประตูร้านเข้ามา ...ชะงักทันทีเมื่อมองเลยมาที่กลางร้าน แต่เพียงเสี้ยววินาทีก็เบือนหน้าไปหาอีกคนที่นั่งใกล้ประตูกว่า
"นานจัง ของเยอะเหรอคะ" ถามเสียงหวาน
"ก็...ครับ" ชายหนุ่มตอบ รอยยิ้มเจื่อนลงนิดหนึ่ง
"หิวไหมคะ สั่งกาแฟ หรืออะไรดื่มก่อนไหม ตอนแรกแก้วว่าจะสั่งให้แต่กลัวชืดไม่อร่อย"
ฉันนั่งมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกโกรธกรุ่น เอกวัตรบอกมาตลอดว่าฉันเข้าใจผิดไปเอง คิดมาก ขี้โวยวาย เอาแต่ใจ และเพราะนิสัยไร้สาระเหล่านั้น ทำให้เขาทนไม่ได้ และขอยกเลิกการแต่งงานในที่สุด
และวันนี้ เขามาย้ายของหลายชิ้นที่ซื้อมาเองออกไป เหมือนเป็นการประกาศปิดฉากความสัมพันธ์ของเราอย่างเป็นทางการ
ฉันร่ำร้องจะกลับมาในโลกปัจจุบัน เพื่อมาพบเรื่องเหล่านี้หรือ... มันคุ้มกับการดิ้นรนกลับมา คุ้มกับการเสียสละทำงานหามรุ่งหามค่ำของนาธานและไอแซค คุ้มกับความวุ่นวายที่อาจกำลังเกิดขึ้นในโลกอนาคตนั่นไหม
ไม่เลย...
จู่ๆ ภาพในความทรงจำในคืนที่ผ่านมาก็แวบเข้ามาในความคิด บทสนทนาสั้นๆ ระหว่างฉันกับหุ่นยนต์รักโลกตัวนั้น
'ถามจริงๆ ทำไมคุณถึงอยากกลับไปโลกของคุณนัก ที่นี่มันไม่ดีพอที่จะให้อยู่ต่อไปหรือไง' ร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆ ฉัน ถามขึ้น ตอนนั้นเรากินข้าวเย็นเสร็จแล้ว เขาชวนมานั่งเล่นที่ดาษฟ้า มันเป็นคืนเดือนมืดที่มีดาวเต็มไปหมด ไอแซคบอกว่าเขาชอบมานั่งคิดอะไรบนนี้ มันเงียบและดูเหมือนโลกทั้งใบเล็กลงเมื่อมีท้องฟ้าที่กว้างใหญ่โอบอุ้มอยู่...หุ่นบ้าอะไรไม่รู้ อารมณ์โรแมนติกมากกว่าผู้หญิงอย่างฉันเสียอีก
ฉันเงยหน้าขึ้นมองฟ้า เห็นด้วยกับความคิดของเขา โลกของไอแซคสวยงาม สะอาด และเต็มไปด้วยความสะดวกสบาย นั่งอยู่บนดาษฟ้าแบบนี้ เหมือนเราจะตัวนิดเดียว ยังมีอะไรที่กว้างใหญ่ และยังไม่รู้อีกมาก
'ตอบจริงๆ นะ...ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แต่ว่ามาที่นี่แบบด่วนๆ เหมือนหนีออกจากบ้าน ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้จัดการอะไรตั้งหลายเรื่อง'
'คุณยังคิดถึงเขาอยู่ใช่ไหม ทั้งๆ ที่เขาทำร้ายจิตใจคุณแบบนี้'
คน เอ้ย หุ่นที่เอนหลังหลงนอนกับดาษฟ้าถามขึ้นเบาๆ แอบคิดไม่ได้ว่าเขาถามยังกับพ่อหวงลูกสาวงั้นแหละ
'ใช่' ฉันตอบตามตรง ไม่ต้องคิดแม้เสี้ยววินาที ฉันยังคิดถึงเอกวัตรอยู่ 'ฉันไม่ไช่คนที่ลืมอะไรง่ายๆ นะ'
ไอแซคไม่ถามอะไรอีกนับจากนั้น ... เงียบ ทำเหมือนครุ่นคิดอะไรตลอดเวลา จนกระทั่งเวลาที่เราจะแยกย้ายกันไปนอน
...ฉันยังคิดถึงเอกวัตรอยู่ เพราะรู้สึกว่าเรื่องระหว่างฉันกับเขายังไม่ได้คลี่คลาย ไม่ว่าจะในรูปแบบไหน
ฉันหลับตา สูดหายใจเข้าปอดลึก บางที มันถึงเวลาต้องคลี่คลายแล้วกระมัง ไอแซค นายห้ามไม่ให้ฉันฆ่าตัวตาย แต่ไม่ได้ห้ามให้ฉันทำเรื่องที่กำลังจะทำนี่นะ...
"คุณคะ พี่ขอคาปูชิโนร้อนให้พี่ผู้ชายโต๊ะหน้าแก้วหนึ่งค่ะ" ฉันหันหลังตะโกนเสียงไม่เบานักเพื่อสั่งกาแฟกับเจ้าของร้านซึ่งยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์
"ได้ครับ" เจ้าของร้านรับคำ
เสียงของฉันทำให้ผู้หญิงอยู่กับเอกวัตรหันมามองทันที เธอมีท่าทางตกใจ ในขณะที่่ฝ่ายชายทำสีหน้าไม่ถูก
"สวัสดีค่ะ คุณแก้ว" ฉันยกแก้วกาแฟของตัวเองขึ้น ทำเหมือนยกแล้วเพื่อเชียร์ อยากจะยิ้มให้ แต่ทำไม่ได้จริงๆ
เอกวัตรลุกขึ้น หลบตา "ไปกันเถอะ แก้ว"
ไหนล่ะ ที่บอกว่าฉันคิดไปเอง ... ฉันถามตัวเองในใจ ไหนล่ะที่ว่าฉันคิดมาก
ฉันกลับมา เพื่อจะรู้ความจริงพวกนี้ เพื่อที่จะได้เจ็บ...จนถึงที่สุดของหัวใจ งั้นรึ
"รอกาแฟก่อนสิคะเอก สั่งแล้ว เสียดายเงิน" ฉันเอ่ยเสียงเรียบ
เอกวัตรตวัดสายตาโกรธจัดมาที่ฉัน ไม่ตอบ เขาดึงแขนของหญิงสาวอีกคน และรีบออกจากร้านไป ฉันมองร่างสองร่างที่เดินออกไปพร้อมๆ กับการยิ้มเยาะให้กับความผิดหวังของตัวเอง และแล้ว น้ำตาหยดแรกก็ไหลเอ่อล้นขอบตาออกมาจนต้องรีบเอามือปาดมันทิ้งก่อนที่เจ้าของร้านจะเห็นเข้า
............
ฉันมองไปรอบห้องรับแขกสีฟ้า ห้องที่ทาสีใหม่ตามใจเอกวัตร ของตกแต่งห้อง พวกรูปภาพ ของตั้งโชว์หายไป มันทำให้รู้สึกแปลกๆ เหมือนกัน
ไม่เคยคิดฝันว่ามันจะมาถึงวันนี้ แต่มันก็มาถึงจนได้ ฉันวางสมุดบันทึก กล่องใส่กระบองเพชร ไว้บนโต๊ะ แล้วทิ้งตัวลงที่เก้าอี้โซฟา และนั่งอยู่อย่างนั้นอีกนับชั่วโมง ... ทำอะไรดีนะ ออกไปช้อบปิ้ง หาเพื่อน ซื้อหนังสือ ไม่อยากทำอะไรสักอย่าง
ถามตัวเองวนไปมาว่า จะทำอย่างไรกับชีวิตตอนต่อไปของตัวเองดี ตอนนี้มันว่างเปล่าอย่างไรพิกล
เหลืออีกสองวันกว่าจะกลับไปทำงาน ซึ่งตอนนี้ ฉันรู้สึกได้ว่า ไม่ได้อยากกลับไปทำมันเลย
ฉันเลือกงานนั้น เพราะสิ่งเดียว คือเงินเดือนดี แถมได้แต่งตัวสวย และป็นที่ยอมรับของคนรอบตัว ถึงตอนนี้ ฉันชอบงานของตัวเองจริงๆ หรือเปล่า ก็ยังไม่รู้
ที่แย่กว่านั้น ฉันชอบอะไร ก็ตอบตัวเองไม่ได้ชัดนัก
'ผมชอบคุณ' ประโยคอุ่นๆ จากไอแซคลอยเข้ามาในความคิด คำพูดของเขาตรงไปตรงมา และดูจริงจัง จริงใจ มานั่งทบทวนดู เขาพูดประโยคนั้นหลายครั้ง ทั้งในจังหวะที่ฉันตั้งใจฟัง และไม่ได้ตั้งใจฟัง
เขาชอบฉันจริงๆ หรือ
ทำไมล่ะ
ฉันไม่เคยถามเรื่องนั้นเลย ถึงตอนนี้อยากจะรู้เหตุผลเหมือนกัน ....
เมื่อคืนที่ผ่านมา ไอแซคนอนกอดฉันไว้ โดยที่ไม่ทำอะไรไปมากกว่านั้น เขาบอกแต่เพียงว่าอยากเก็บทุกอย่างไว้เป็นความทรงจำ
อ้อมกอดนั้นให้ความรู้สึกอบอุ่น มั่นคง แบบที่ฉันไม่เคยได้รับมานานแล้ว
นี่ฉันทำอะไรลงไปกับตัวเองนี่...หนีจากความรู้สึกอบอุ่นนั้น ปฏิเสธมันตลอดเวลา และวิ่งกลับมาหาความว่างเปล่าบนโลกใบนี้งั้นหรือ
ช่างโง่จริงๆ โง่มาก เพราะความรัก ความหลงผิด มาบังตาไว้แท้ๆ
- - - หนึ่งปีผ่านไป - - -
"ถึงแล้วจ้า อิง ตื่นได้แล้ว" รถจอดสนิทหน้าลานเล็กๆ ที่มีบิ๊กไบค์จอดอยู่ในลานจอดประมาณสิบคัน เพื่อนสาวสะกิดฉันซึ่งนั่งฟังเพื่อนสาวอีกสองคนที่นั่งอยู่ด้านหลังคุยกันเพลินจนหลับไปพักใหญ่
"ที่ไหนเนี่ย" ฉันมองนาฬิกาข้อมือ "ไหนพวกเธอบอกว่าจะพาเลี้ยงข้าว แล้วนี่มันที่ไหน ร้านขายมอเตอร์ไซค์กลางป่าเหรอ"
วันนี้เป็นวันเกิดอายุสามสิบสามปีของฉัน หนึ่งปีหลังจากเกิดเรื่องการเดินทางข้ามเวลาไปยังโลกอนาคต คืนก่อนหน้าฉันทำงานจนดึกเพื่อเคลียร์งานให้เสร็จก่อนวันหยุดยาว
"ก็เธอบอกว่า ไม่เอาร้านหรู ไม่เอาอาหารฝรั่ง อยากได้ร้านเก๋ๆ ใกล้ชิดธรรมชาติ แต่ไม่เดินทางไกลฉันก็หาให้แล้ว" ยัยหนิงคนขับรถเดินลงมาพร้อมกับผายมือไปยังบริเวณหน้าร้านซึ่งมีแสงไฟสลัวๆ มีตัวอักษรเป็นป้ายไฟเขียนไว้ว่า "HaftRock Cocktail"
"กว่าจะหาได้ไม่ใช่ง่ายๆ นะยะ"
ฉันมองไปยังรั้วไม้เตี้ยๆ ภายในมีสวนต้นไม้ใหญ่หลายต้นตรงหน้า มองนาฬิกาข้อมือ เพียงไม่ถึงชั่วโมงจากกรุงเทพฯ ที่นี่มันที่ไหนกัน ถ้าไม่ง่วงจนเผลอหลับไปคงจะรู้ แต่นี่ มันไม่คุ้นเลยจริงๆ
"นครนายก" เพื่อนเดินมาแตะไหล่ "ตามมา ทางเข้าอยู่ทางโน้น ยัยแจง กับยัยนุชนำหน้าไปแล้ว"
เพื่อนเดินนำผ่านซุ้มต้นไม้ มีเถาดอกไม้ป่าพันอยู่
"ร้านอาหารแน่เหรอ ทำไมลึกลับจัง"
"แน่สิแก ร้านอาหาร แล้วก็ผับมีดนตรีด้วย" เพื่อนทำเสียงสูงแบบมั่นใจสุดๆ
มันเป็นเวลาเกือบปี นับจากฉันพบกับเอกวัตรที่ร้านกาแฟ ฉันย้ายงานใหม่ และตอนนี้กำลังหัวปั่นกับงานในกองบรรณาธิการหนังสือออนไลน์ งานหนัก แต่ให้ความรู้สึกที่เปลี่ยนไปจากเดิมที่ทำอยู่ธนาคารมากมาย
เมื่อเทียบกันแล้ว งานนี้กลับงานเก่ามีสิ่งแวดล้อมในที่ทำงานต่างกันโดยสิ้นเชิง ทำให้ฉันยุ่งวุ่นวายกับการปรับตัวเสียจนเรื่องของหัวใจทุเลาลงได้อย่างรวดเร็ว ฉันยังไม่ได้ลืมรักครั้งก่อน ยังไม่หายเจ็บปวดจากความผิดหวัง ยังไม่หยุดโทษตัวเอง แต่ มันก็ลดลงเรื่อยๆ จนอยู่ในระดับที่ควบคุมได้
เวลา และการเปลี่ยนแปลงบางอย่างช่วยได้
แถมระยะหลัง ฉันเปิดตัวเอง กลับมาเข้าสังคมกับเพื่อนๆ ที่เรียนมหาวิทยาลัยมาด้วยกันมากขึ้น ได้ทำอะไรที่ตัวเองไม่ได้ทำมาหลายปี การทำใจก็เลยง่ายขึ้นมาก
พ้นจากซุ้มต้นไม้ เผยให้เห็นเรือนไม้สองชั้นหลังเล็กที่ชั้นสองมีชานเรือนกว้างใต้ร่มไม้ใหญ่ ภายในตกแต่งสไตล์คาวบอย กึ่งๆ คันทรี บนลานชั้นสองมีกลุ่มลูกค้าแต่งตัวด้วยชุดหนัง
รัดกุม เดาเอาว่าคงเป็นเจ้าของมอเตอร์ไซด์ยักษ์ราวสิบคันที่จอดอยู่ด้านหน้า
เสียงเพลงแนวซอฟท์ร็อคเบาๆ ไปทั่วบริเวณ
"ร้านนี้กำลังดังในพันทิบนะ อาหารอร่อย สดใหม่จากไร่ จะมานี่ไม่ไช่อยู่ๆ ก็มาได้นะ ต้องจองกันทีเดียว"
โต๊ะที่กลุ่มของฉันเลือกเป็นโต๊ะเล็กๆ อยู่มุมสุดด้านในร้าน ฉันหันไปรอบๆ มันถูกจัดแบบเรียบๆ ดูสบายๆ และทุกโต๊ะมีมุมที่เป็นส่วนตัวแยกจากกัน
"จ้า ขอบใจที่พามา ไหนเมนู ขอดูรายการอาหารหน่อย" ฉ้นนั่งเปิดเมนู จังหวะเดียวกับที่เด็กเสริฟในชุดคาวบอย เดินมารับออเดอร์ ทุกคนจึงหันมาสนใจกับการสั่งอาหาร
"บรรยากาศดีเนอะ" ยัยหนิงเอ่ย "หวังว่าจะได้เจอเจ้าของร้านด้วยนะวันนี้"
ฉันขมวดคิ้ว "แกรู้จักเขาเหรอ"
ยัยหนิงส่ายหน้า อมยิ้มชวนฝัน
"อ้าว แล้วไง ทำไมทำยังกับรู้จัก"
ยัยนุชหัวเราะ "แกไม่รู้อะไร ยัยหนิงมันพาแกมาเลี้ยงวันเกิดน่ะ เป็นงานบังหน้า ที่แท้กระทู้พันทิบบอกว่า เจ้าของร้านที่นี่เท่มาก มันเลยอยากมาดู"
ฉันกรอกตา ส่ายหน้ากับเพื่อนสาวของตัวเองที่อายุสามสิบแล้ว แต่ยังทำตัวเป็นเด็กๆ กับเรื่่องนี้ "หล่อกินไม่ได้หรอกนะจะบอกให้ เดี๋ยวถ้าอาหารไม่อร่อยนะ จะเอาเรื่องให้เลี้ยงอีกรอบเลย พามาซะไกล มาดูผู้ชาย ชิ"
"จริงๆ นะเขาล่ำลือกัน"
"จ้า หล่อก็หล่อ รอดูไปแล้วกัน ฉันเอา จานนี้ แล้วก็จานนี้" เอามือจิ้มไปที่รายการอาหาร "เสร็จแล้วขอไปล้างมือก่อน เดี่ยวกลับมา" ฉันลุกขึ้น มองซ้ายมองขวา เห็นป้ายชี้ทางว่าเป็นห้องน้ำ จึงตรงไปทางน้้น
ทางไปห้องน้ำน่าจะผ่านครัวไปทางด้านหลัง จังหวะที่กำลังจะเดินผ่านประตูครัว ร่างสูงร่างหนึ่งกำลังจะเดินผ่านไป จากปลายหางตา อีกฝ่ายตัวสูงมาก จู่ๆ ความรู้สึกแปลกๆ ก็เกิดขึ้น ทำให้ต้องหันไปหาร่างนั้นแทบจะทันที
....แล้วก็ต้องชะงักกึก
ตาของฉันสบกับดวงตาสีน้ำตาลเข้ม ร่างสูงคุ้นตาจนต้องอ้าปากค้าง ...
เป็นไปไม่ได้ ถึงแม้จะสูงใกล้กัน หน้าตาเหมือนกัน แต่คนนี้ดวงตาสีน้ำตาลเข้มและผมยาวหยักศก และ...
การแต่งตัวก็ไม่น่าจะใช่ ผู้ชายที่ฉันเคยรู้จัก เป็นคนเรียบร้อย เขาไม่มีทางใส่เสื้อแขนกุดสีขาว กางเกงยีนปะขาดไปทั่วตัว และใส่บูทครึ่งน่อง ออกมาเดินอวดกล้ามแบบนี้เป็นอันขาด
อีกฝ่ายมองผ่านฉันไปไม่แสดงออกว่ารู้จัก เดินออกไปทางหน้าร้าน ปล่อยให้ฉันมองด้านหลังของเขาอีกหลายวินาที จึงได้สติ และหันหลังกลับเดินงงๆ ไปยังทิศที่เป็นห้องน้ำ
นี่...ฉันตาฝาดไปใช่ไหม ถึงประตูห้องน้ำ แทนที่จะเปิดประตู กลับตัดสินใจวิ่งไปทางที่ผู้ชายร่างสูงเดินไป แต่... ก็พบแต่ความว่างเปล่า ไม่มีร่างนั้นแล้ว
ฉันคงจำผิดไปจริงๆ ... นายจะมาได้ยังไง ไอแซค
---
Note ตั้งแต่ตอนที่ 21 ปรับใหม่
เขาไม่ได้ยิ้มให้ฉัน ไม่แม้แต่มองเห็น ...เพราะสายตาจับอยู่ที่หญิงสาวอีกคนที่นั่งติดกระจกใสด้านหน้าราน ซึ่งเธอกำลังโบกมือให้
เอกวัตรเปิดประตูร้านเข้ามา ...ชะงักทันทีเมื่อมองเลยมาที่กลางร้าน แต่เพียงเสี้ยววินาทีก็เบือนหน้าไปหาอีกคนที่นั่งใกล้ประตูกว่า
"นานจัง ของเยอะเหรอคะ" ถามเสียงหวาน
"ก็...ครับ" ชายหนุ่มตอบ รอยยิ้มเจื่อนลงนิดหนึ่ง
"หิวไหมคะ สั่งกาแฟ หรืออะไรดื่มก่อนไหม ตอนแรกแก้วว่าจะสั่งให้แต่กลัวชืดไม่อร่อย"
ฉันนั่งมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกโกรธกรุ่น เอกวัตรบอกมาตลอดว่าฉันเข้าใจผิดไปเอง คิดมาก ขี้โวยวาย เอาแต่ใจ และเพราะนิสัยไร้สาระเหล่านั้น ทำให้เขาทนไม่ได้ และขอยกเลิกการแต่งงานในที่สุด
และวันนี้ เขามาย้ายของหลายชิ้นที่ซื้อมาเองออกไป เหมือนเป็นการประกาศปิดฉากความสัมพันธ์ของเราอย่างเป็นทางการ
ฉันร่ำร้องจะกลับมาในโลกปัจจุบัน เพื่อมาพบเรื่องเหล่านี้หรือ... มันคุ้มกับการดิ้นรนกลับมา คุ้มกับการเสียสละทำงานหามรุ่งหามค่ำของนาธานและไอแซค คุ้มกับความวุ่นวายที่อาจกำลังเกิดขึ้นในโลกอนาคตนั่นไหม
ไม่เลย...
จู่ๆ ภาพในความทรงจำในคืนที่ผ่านมาก็แวบเข้ามาในความคิด บทสนทนาสั้นๆ ระหว่างฉันกับหุ่นยนต์รักโลกตัวนั้น
'ถามจริงๆ ทำไมคุณถึงอยากกลับไปโลกของคุณนัก ที่นี่มันไม่ดีพอที่จะให้อยู่ต่อไปหรือไง' ร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆ ฉัน ถามขึ้น ตอนนั้นเรากินข้าวเย็นเสร็จแล้ว เขาชวนมานั่งเล่นที่ดาษฟ้า มันเป็นคืนเดือนมืดที่มีดาวเต็มไปหมด ไอแซคบอกว่าเขาชอบมานั่งคิดอะไรบนนี้ มันเงียบและดูเหมือนโลกทั้งใบเล็กลงเมื่อมีท้องฟ้าที่กว้างใหญ่โอบอุ้มอยู่...หุ่นบ้าอะไรไม่รู้ อารมณ์โรแมนติกมากกว่าผู้หญิงอย่างฉันเสียอีก
ฉันเงยหน้าขึ้นมองฟ้า เห็นด้วยกับความคิดของเขา โลกของไอแซคสวยงาม สะอาด และเต็มไปด้วยความสะดวกสบาย นั่งอยู่บนดาษฟ้าแบบนี้ เหมือนเราจะตัวนิดเดียว ยังมีอะไรที่กว้างใหญ่ และยังไม่รู้อีกมาก
'ตอบจริงๆ นะ...ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แต่ว่ามาที่นี่แบบด่วนๆ เหมือนหนีออกจากบ้าน ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้จัดการอะไรตั้งหลายเรื่อง'
'คุณยังคิดถึงเขาอยู่ใช่ไหม ทั้งๆ ที่เขาทำร้ายจิตใจคุณแบบนี้'
คน เอ้ย หุ่นที่เอนหลังหลงนอนกับดาษฟ้าถามขึ้นเบาๆ แอบคิดไม่ได้ว่าเขาถามยังกับพ่อหวงลูกสาวงั้นแหละ
'ใช่' ฉันตอบตามตรง ไม่ต้องคิดแม้เสี้ยววินาที ฉันยังคิดถึงเอกวัตรอยู่ 'ฉันไม่ไช่คนที่ลืมอะไรง่ายๆ นะ'
ไอแซคไม่ถามอะไรอีกนับจากนั้น ... เงียบ ทำเหมือนครุ่นคิดอะไรตลอดเวลา จนกระทั่งเวลาที่เราจะแยกย้ายกันไปนอน
...ฉันยังคิดถึงเอกวัตรอยู่ เพราะรู้สึกว่าเรื่องระหว่างฉันกับเขายังไม่ได้คลี่คลาย ไม่ว่าจะในรูปแบบไหน
ฉันหลับตา สูดหายใจเข้าปอดลึก บางที มันถึงเวลาต้องคลี่คลายแล้วกระมัง ไอแซค นายห้ามไม่ให้ฉันฆ่าตัวตาย แต่ไม่ได้ห้ามให้ฉันทำเรื่องที่กำลังจะทำนี่นะ...
"คุณคะ พี่ขอคาปูชิโนร้อนให้พี่ผู้ชายโต๊ะหน้าแก้วหนึ่งค่ะ" ฉันหันหลังตะโกนเสียงไม่เบานักเพื่อสั่งกาแฟกับเจ้าของร้านซึ่งยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์
"ได้ครับ" เจ้าของร้านรับคำ
เสียงของฉันทำให้ผู้หญิงอยู่กับเอกวัตรหันมามองทันที เธอมีท่าทางตกใจ ในขณะที่่ฝ่ายชายทำสีหน้าไม่ถูก
"สวัสดีค่ะ คุณแก้ว" ฉันยกแก้วกาแฟของตัวเองขึ้น ทำเหมือนยกแล้วเพื่อเชียร์ อยากจะยิ้มให้ แต่ทำไม่ได้จริงๆ
เอกวัตรลุกขึ้น หลบตา "ไปกันเถอะ แก้ว"
ไหนล่ะ ที่บอกว่าฉันคิดไปเอง ... ฉันถามตัวเองในใจ ไหนล่ะที่ว่าฉันคิดมาก
ฉันกลับมา เพื่อจะรู้ความจริงพวกนี้ เพื่อที่จะได้เจ็บ...จนถึงที่สุดของหัวใจ งั้นรึ
"รอกาแฟก่อนสิคะเอก สั่งแล้ว เสียดายเงิน" ฉันเอ่ยเสียงเรียบ
เอกวัตรตวัดสายตาโกรธจัดมาที่ฉัน ไม่ตอบ เขาดึงแขนของหญิงสาวอีกคน และรีบออกจากร้านไป ฉันมองร่างสองร่างที่เดินออกไปพร้อมๆ กับการยิ้มเยาะให้กับความผิดหวังของตัวเอง และแล้ว น้ำตาหยดแรกก็ไหลเอ่อล้นขอบตาออกมาจนต้องรีบเอามือปาดมันทิ้งก่อนที่เจ้าของร้านจะเห็นเข้า
............
ฉันมองไปรอบห้องรับแขกสีฟ้า ห้องที่ทาสีใหม่ตามใจเอกวัตร ของตกแต่งห้อง พวกรูปภาพ ของตั้งโชว์หายไป มันทำให้รู้สึกแปลกๆ เหมือนกัน
ไม่เคยคิดฝันว่ามันจะมาถึงวันนี้ แต่มันก็มาถึงจนได้ ฉันวางสมุดบันทึก กล่องใส่กระบองเพชร ไว้บนโต๊ะ แล้วทิ้งตัวลงที่เก้าอี้โซฟา และนั่งอยู่อย่างนั้นอีกนับชั่วโมง ... ทำอะไรดีนะ ออกไปช้อบปิ้ง หาเพื่อน ซื้อหนังสือ ไม่อยากทำอะไรสักอย่าง
ถามตัวเองวนไปมาว่า จะทำอย่างไรกับชีวิตตอนต่อไปของตัวเองดี ตอนนี้มันว่างเปล่าอย่างไรพิกล
เหลืออีกสองวันกว่าจะกลับไปทำงาน ซึ่งตอนนี้ ฉันรู้สึกได้ว่า ไม่ได้อยากกลับไปทำมันเลย
ฉันเลือกงานนั้น เพราะสิ่งเดียว คือเงินเดือนดี แถมได้แต่งตัวสวย และป็นที่ยอมรับของคนรอบตัว ถึงตอนนี้ ฉันชอบงานของตัวเองจริงๆ หรือเปล่า ก็ยังไม่รู้
ที่แย่กว่านั้น ฉันชอบอะไร ก็ตอบตัวเองไม่ได้ชัดนัก
'ผมชอบคุณ' ประโยคอุ่นๆ จากไอแซคลอยเข้ามาในความคิด คำพูดของเขาตรงไปตรงมา และดูจริงจัง จริงใจ มานั่งทบทวนดู เขาพูดประโยคนั้นหลายครั้ง ทั้งในจังหวะที่ฉันตั้งใจฟัง และไม่ได้ตั้งใจฟัง
เขาชอบฉันจริงๆ หรือ
ทำไมล่ะ
ฉันไม่เคยถามเรื่องนั้นเลย ถึงตอนนี้อยากจะรู้เหตุผลเหมือนกัน ....
เมื่อคืนที่ผ่านมา ไอแซคนอนกอดฉันไว้ โดยที่ไม่ทำอะไรไปมากกว่านั้น เขาบอกแต่เพียงว่าอยากเก็บทุกอย่างไว้เป็นความทรงจำ
อ้อมกอดนั้นให้ความรู้สึกอบอุ่น มั่นคง แบบที่ฉันไม่เคยได้รับมานานแล้ว
นี่ฉันทำอะไรลงไปกับตัวเองนี่...หนีจากความรู้สึกอบอุ่นนั้น ปฏิเสธมันตลอดเวลา และวิ่งกลับมาหาความว่างเปล่าบนโลกใบนี้งั้นหรือ
ช่างโง่จริงๆ โง่มาก เพราะความรัก ความหลงผิด มาบังตาไว้แท้ๆ
- - - หนึ่งปีผ่านไป - - -
"ถึงแล้วจ้า อิง ตื่นได้แล้ว" รถจอดสนิทหน้าลานเล็กๆ ที่มีบิ๊กไบค์จอดอยู่ในลานจอดประมาณสิบคัน เพื่อนสาวสะกิดฉันซึ่งนั่งฟังเพื่อนสาวอีกสองคนที่นั่งอยู่ด้านหลังคุยกันเพลินจนหลับไปพักใหญ่
"ที่ไหนเนี่ย" ฉันมองนาฬิกาข้อมือ "ไหนพวกเธอบอกว่าจะพาเลี้ยงข้าว แล้วนี่มันที่ไหน ร้านขายมอเตอร์ไซค์กลางป่าเหรอ"
วันนี้เป็นวันเกิดอายุสามสิบสามปีของฉัน หนึ่งปีหลังจากเกิดเรื่องการเดินทางข้ามเวลาไปยังโลกอนาคต คืนก่อนหน้าฉันทำงานจนดึกเพื่อเคลียร์งานให้เสร็จก่อนวันหยุดยาว
"ก็เธอบอกว่า ไม่เอาร้านหรู ไม่เอาอาหารฝรั่ง อยากได้ร้านเก๋ๆ ใกล้ชิดธรรมชาติ แต่ไม่เดินทางไกลฉันก็หาให้แล้ว" ยัยหนิงคนขับรถเดินลงมาพร้อมกับผายมือไปยังบริเวณหน้าร้านซึ่งมีแสงไฟสลัวๆ มีตัวอักษรเป็นป้ายไฟเขียนไว้ว่า "HaftRock Cocktail"
"กว่าจะหาได้ไม่ใช่ง่ายๆ นะยะ"
ฉันมองไปยังรั้วไม้เตี้ยๆ ภายในมีสวนต้นไม้ใหญ่หลายต้นตรงหน้า มองนาฬิกาข้อมือ เพียงไม่ถึงชั่วโมงจากกรุงเทพฯ ที่นี่มันที่ไหนกัน ถ้าไม่ง่วงจนเผลอหลับไปคงจะรู้ แต่นี่ มันไม่คุ้นเลยจริงๆ
"นครนายก" เพื่อนเดินมาแตะไหล่ "ตามมา ทางเข้าอยู่ทางโน้น ยัยแจง กับยัยนุชนำหน้าไปแล้ว"
เพื่อนเดินนำผ่านซุ้มต้นไม้ มีเถาดอกไม้ป่าพันอยู่
"ร้านอาหารแน่เหรอ ทำไมลึกลับจัง"
"แน่สิแก ร้านอาหาร แล้วก็ผับมีดนตรีด้วย" เพื่อนทำเสียงสูงแบบมั่นใจสุดๆ
มันเป็นเวลาเกือบปี นับจากฉันพบกับเอกวัตรที่ร้านกาแฟ ฉันย้ายงานใหม่ และตอนนี้กำลังหัวปั่นกับงานในกองบรรณาธิการหนังสือออนไลน์ งานหนัก แต่ให้ความรู้สึกที่เปลี่ยนไปจากเดิมที่ทำอยู่ธนาคารมากมาย
เมื่อเทียบกันแล้ว งานนี้กลับงานเก่ามีสิ่งแวดล้อมในที่ทำงานต่างกันโดยสิ้นเชิง ทำให้ฉันยุ่งวุ่นวายกับการปรับตัวเสียจนเรื่องของหัวใจทุเลาลงได้อย่างรวดเร็ว ฉันยังไม่ได้ลืมรักครั้งก่อน ยังไม่หายเจ็บปวดจากความผิดหวัง ยังไม่หยุดโทษตัวเอง แต่ มันก็ลดลงเรื่อยๆ จนอยู่ในระดับที่ควบคุมได้
เวลา และการเปลี่ยนแปลงบางอย่างช่วยได้
แถมระยะหลัง ฉันเปิดตัวเอง กลับมาเข้าสังคมกับเพื่อนๆ ที่เรียนมหาวิทยาลัยมาด้วยกันมากขึ้น ได้ทำอะไรที่ตัวเองไม่ได้ทำมาหลายปี การทำใจก็เลยง่ายขึ้นมาก
พ้นจากซุ้มต้นไม้ เผยให้เห็นเรือนไม้สองชั้นหลังเล็กที่ชั้นสองมีชานเรือนกว้างใต้ร่มไม้ใหญ่ ภายในตกแต่งสไตล์คาวบอย กึ่งๆ คันทรี บนลานชั้นสองมีกลุ่มลูกค้าแต่งตัวด้วยชุดหนัง
รัดกุม เดาเอาว่าคงเป็นเจ้าของมอเตอร์ไซด์ยักษ์ราวสิบคันที่จอดอยู่ด้านหน้า
เสียงเพลงแนวซอฟท์ร็อคเบาๆ ไปทั่วบริเวณ
"ร้านนี้กำลังดังในพันทิบนะ อาหารอร่อย สดใหม่จากไร่ จะมานี่ไม่ไช่อยู่ๆ ก็มาได้นะ ต้องจองกันทีเดียว"
โต๊ะที่กลุ่มของฉันเลือกเป็นโต๊ะเล็กๆ อยู่มุมสุดด้านในร้าน ฉันหันไปรอบๆ มันถูกจัดแบบเรียบๆ ดูสบายๆ และทุกโต๊ะมีมุมที่เป็นส่วนตัวแยกจากกัน
"จ้า ขอบใจที่พามา ไหนเมนู ขอดูรายการอาหารหน่อย" ฉ้นนั่งเปิดเมนู จังหวะเดียวกับที่เด็กเสริฟในชุดคาวบอย เดินมารับออเดอร์ ทุกคนจึงหันมาสนใจกับการสั่งอาหาร
"บรรยากาศดีเนอะ" ยัยหนิงเอ่ย "หวังว่าจะได้เจอเจ้าของร้านด้วยนะวันนี้"
ฉันขมวดคิ้ว "แกรู้จักเขาเหรอ"
ยัยหนิงส่ายหน้า อมยิ้มชวนฝัน
"อ้าว แล้วไง ทำไมทำยังกับรู้จัก"
ยัยนุชหัวเราะ "แกไม่รู้อะไร ยัยหนิงมันพาแกมาเลี้ยงวันเกิดน่ะ เป็นงานบังหน้า ที่แท้กระทู้พันทิบบอกว่า เจ้าของร้านที่นี่เท่มาก มันเลยอยากมาดู"
ฉันกรอกตา ส่ายหน้ากับเพื่อนสาวของตัวเองที่อายุสามสิบแล้ว แต่ยังทำตัวเป็นเด็กๆ กับเรื่่องนี้ "หล่อกินไม่ได้หรอกนะจะบอกให้ เดี๋ยวถ้าอาหารไม่อร่อยนะ จะเอาเรื่องให้เลี้ยงอีกรอบเลย พามาซะไกล มาดูผู้ชาย ชิ"
"จริงๆ นะเขาล่ำลือกัน"
"จ้า หล่อก็หล่อ รอดูไปแล้วกัน ฉันเอา จานนี้ แล้วก็จานนี้" เอามือจิ้มไปที่รายการอาหาร "เสร็จแล้วขอไปล้างมือก่อน เดี่ยวกลับมา" ฉันลุกขึ้น มองซ้ายมองขวา เห็นป้ายชี้ทางว่าเป็นห้องน้ำ จึงตรงไปทางน้้น
ทางไปห้องน้ำน่าจะผ่านครัวไปทางด้านหลัง จังหวะที่กำลังจะเดินผ่านประตูครัว ร่างสูงร่างหนึ่งกำลังจะเดินผ่านไป จากปลายหางตา อีกฝ่ายตัวสูงมาก จู่ๆ ความรู้สึกแปลกๆ ก็เกิดขึ้น ทำให้ต้องหันไปหาร่างนั้นแทบจะทันที
....แล้วก็ต้องชะงักกึก
ตาของฉันสบกับดวงตาสีน้ำตาลเข้ม ร่างสูงคุ้นตาจนต้องอ้าปากค้าง ...
เป็นไปไม่ได้ ถึงแม้จะสูงใกล้กัน หน้าตาเหมือนกัน แต่คนนี้ดวงตาสีน้ำตาลเข้มและผมยาวหยักศก และ...
การแต่งตัวก็ไม่น่าจะใช่ ผู้ชายที่ฉันเคยรู้จัก เป็นคนเรียบร้อย เขาไม่มีทางใส่เสื้อแขนกุดสีขาว กางเกงยีนปะขาดไปทั่วตัว และใส่บูทครึ่งน่อง ออกมาเดินอวดกล้ามแบบนี้เป็นอันขาด
อีกฝ่ายมองผ่านฉันไปไม่แสดงออกว่ารู้จัก เดินออกไปทางหน้าร้าน ปล่อยให้ฉันมองด้านหลังของเขาอีกหลายวินาที จึงได้สติ และหันหลังกลับเดินงงๆ ไปยังทิศที่เป็นห้องน้ำ
นี่...ฉันตาฝาดไปใช่ไหม ถึงประตูห้องน้ำ แทนที่จะเปิดประตู กลับตัดสินใจวิ่งไปทางที่ผู้ชายร่างสูงเดินไป แต่... ก็พบแต่ความว่างเปล่า ไม่มีร่างนั้นแล้ว
ฉันคงจำผิดไปจริงๆ ... นายจะมาได้ยังไง ไอแซค
---
Note ตั้งแต่ตอนที่ 21 ปรับใหม่
สิรินดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 ก.ค. 2560, 00:55:08 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 ม.ค. 2561, 12:55:50 น.
จำนวนการเข้าชม : 1507
<< 20. เรื่องบังเอิญ | 23: การเริ่มต้นของบางสิ่ง >> |
คิมหันตุ์ 16 ก.ค. 2560, 13:37:34 น.
มีความงง งวย ค้างคาใจจริงๆ
มีความงง งวย ค้างคาใจจริงๆ
สิรินดา 16 ก.ค. 2560, 21:55:53 น.
อิอิ
อิอิ
titirat 17 ก.ค. 2560, 12:57:24 น.
สนุกค่ะ น่าจะเป็นเจ้าของร้าน เนอะ
สนุกค่ะ น่าจะเป็นเจ้าของร้าน เนอะ