ฝากรักไว้ในสายหมอก (เปิดจองรูปแบบเล่มพร้อมE-Book)
มวยเกล้าผมวาง บนกล๋างกระหม่อม

แล้วเหน็บโอบล้อม ด้วยดอกเกี้ยวเกล้า
แดงเฮย...งามแต๊ บ่แลโศกเศร้า

สดใสเริงเลา ใคร่เฝ้าอยู่ใกล้
ผ่อจนเหลียวหลัง เป๋นดีใคร่ได้

โอบล้อมหัวใจ๋ ดวงนี้
แต่เก๊าเจ้าหวง สมแล้วว่าอี้

บ่ดีเด็ดเล่น เนอนายฯ.....



...........................................................................


เพราะความรัก ความผูกพันช่วงหนึ่งในวัยเยาว์

ที่เคยเติมเต็มหัวใจอันอ้างว้างของเขาให้อบอุ่นขึ้นมาได้

ความรู้สึกเหล่านั้นฝังแน่นอยู่ในใจตลอดมา

จนกระทั่งถึงวันนี้ที่เขากลับมาตามหาความรัก

ความผูกพันที่ได้ฝากไว้กับใครบางคน.



ฝากรักไว้ในสายหมอก

เป็นนิยายเรื่องแรกที่ได้รับการตีพิมพ์กับสนพ.กรียมายด์

ตอนนี้หมดสัญญาแล้วจึงเอามาทำเองค่ะ

ติดตามกันได้ในรูปแบบอีบุ๊คนะคะ




Tags: เกี้ยวเกล้า ไตรศูรย์ เชียงใหม่ ล้านนา โรงแรม ความรัก ความผูกพัน วัยเยาว์ สายหมอก

ตอน: ตอนที่ 25



​##เปิดจองนิยายรัก 2 เรื่อง 2 รส##
‘ลิขิตรักเก็บตก’
มี 2 เล่มจบ ราคาเล่มละ 339 บ.
2 เล่มลดเหลือ 670 บ.
‘ฝากรักไว้ในสายหมอก’
ราคา 369 บ. ลดเหลือ 360 บ.
*สั่งซื้อ 3 เล่ม ในราคาพิเศษเพียง 999 บ. เท่านั้น*
สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดได้
ทางอินบ็อกเฟส : pirita ametrine
หรือในเพจ ‘พิริตา อเมทริน นักเขียน’
Email: kanplu@windowslive.com
โทร.0626656247 หรือทางไลน์ ID: pirita-ametrine
วันนี้-20 สิงหาคม นี้ เท่านั้น!!


ตอนที่ 25

“ลี่ นอน’ยัง แกเอารถมารับฉันหน่อยสิ”

“ยัง...กำลังดูทีวีอยู่ อ้าว! คุณไตรล่ะ”

“พี่ไตรทำงานอยู่ที่ร้านคุณนีร่า ฉันไม่อยากรอแล้ว”

“งั้นเหรอ เออๆ เดี๋ยวฉันไปแกรอแป๊บนะ” เมื่อวางสายจากสาลี่ เกี้ยวเกล้าเรียกพนักงานที่ยืนอยู่ไม่ไกล

“ถ้าคุณไตรมา ฝากบอกด้วยนะจ๊ะว่าฉันมีธุระต้องกลับก่อน”

เกี้ยวเกล้าออกมายืนรอหน้าร้านสักพัก สาลี่ก็ขับรถมาจอดพลางเปิดประตูให้ โดยมีสายตาคู่หนึ่งแอบมองมาจากในร้าน นึกว่าจะอดทนได้มากกว่านี้เสียอีก เป็นไปอย่างที่คาดการณ์ไว้ไม่มีผิด นิรามัยคิดรอยยิ้มสะใจปรากฏบนริมฝีปาก

“นีร่าทุกอย่างโอเค.แล้วนะ ผมให้พนักงานใหม่ของคุณทำต่อแล้ว” ไตรศูรย์ที่เดินออกมาจากส่วนของออฟฟิศด้านหลังบอก

“เสร็จแล้วเหรอ ดีจัง ขอบคุณไตรมากเลยนะ”

“อือ ไม่เป็นไรหรอกเรื่องนั้น เออ...แล้วน้องเกี้ยวไปไหนแล้วล่ะ”

“อ้อ คือน้องเกี้ยวไปแล้วล่ะค่ะไตร เห็นบอกว่าขี้เกี้ยจรอ แล้วก็มีเพื่อนมารับ มองเผินๆ รู้สึกว่าคล้ายผู้ชายนะ น้องเกี้ยวไม่โทร.บอกไตรเหรอ”

“เปล่า” เขาตอบสีหน้าเริ่มเครียด ก่อนจะกดโทรศัพท์มือถือแต่ไม่มีสัญญาณตอบรับ เขากดซ้ำอยู่หลายครั้งแต่ก็ติดต่อไม่ได้อยู่นั่นแล้ว

“น้องเกี้ยวอาจจะมีธุระกับเพื่อนคนนั้นก็ได้นะไตร อย่าห่วงไปเลยกินข้าวก่อนเหอะ”

“ไม่ล่ะ เช็คบิลเลยละกัน” ท่าทางร้อนอกร้อนใจของเขาทำให้นิรามัยสะใจอย่างบอกไม่ถูก

“ไม่ต้องหรอกไตร นีร่าเลี้ยงเอง” ชายหนุ่มหันมาขอบคุณเบาๆ

นิรามัยกอดอกมองตามร่างสูงที่รีบร้อนออกไปจากร้านแล้วยักไหล่ ความรู้สึกเจ็บปวดคลายลงไปนานแล้ว ตั้งแต่เห็นท่าทางการแสดงออกถึงความรักที่มีต่อ ‘น้องเกี้ยว’ อย่างล้นเหลือของเขานั่นบ่อยๆเข้า ทำให้เธอยอมรับความจริงได้ หากแต่ความอิจฉาตาร้อนต่างหากที่ทำให้เธอต้องทำแบบนี้

เธอรู้แล้วว่าไม่มีทางได้เขากลับคืนมาและไม่มีทางใดที่เธอจะเอาตัวเข้าไปแทรกในความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ได้ แต่หากมีโอกาสสร้างความปั่นป่วน คลางแคลงใจเล็กๆ น้อยๆ ให้ได้ก็ยังดี อย่างน้อยมันก็ทำให้เธอรู้สึกว่ามีทางออกสำหรับเธอบ้างในเรื่องนี้ เพราะคนอย่างนิรามัยหากต้องแพ้คงไม่ยอมแพ้แบบราบคาบ อย่างน้อยก็ขอทิ้งลายไว้ให้จดจำกันบ้าง อย่างเช่นตอนนี้ที่เธอรู้สึกสะใจเหลือเกินแล้ว...

“ถามจริง แกทะเลาะกับคุณไตรหรือเปล่าเนี่ย หน้าตาไม่ดีเลย” สาลี่ถามหลังจากสังเกตเห็นเพื่อนซึมตั้งแต่นั่งรถมาด้วยกันจนถึงบ้าน พูดคุยก็ได้แต่อือๆ ออๆ พอถามเรื่องที่ไปกินข้าวกับแฟนก็ตอบแบบขอไปที

“เปล่า ฉันไปอาบน้ำนอนดีกว่า” เกี้ยวเกล้าตัดบทแล้วชิงเดินขึ้นห้องไป ปล่อยให้เพื่อนมองตามงงๆ ก่อนจะหันไปสนใจทีวีแทน

เกี้ยวเกล้ายกมือปิดหูเมื่อเสียงกริ่งหน้าบ้านดังถี่ขึ้น สักครู่เสียงทุบประตูห้องนอนก็ดังตามมา

“เกี้ยว คุณไตรมาหาแกแน่ะ” สาลี่ตะโกนมาจากหน้าห้อง “นี่ออกมาเถอะ มีอะไรก็ไปคุยไปเคลียร์กันซะ เลิกทำตัวเป็นเด็กๆ ได้แล้วแก ฉันเคลียร์ให้แกไม่ได้หรอกนะ” สาลี่ว่าต่อเมื่อเห็นเกี้ยวเกล้ายังคงเงียบอยู่ ครู่หนึ่งถึงได้เปิดประตูออกมา

ร่างบางเดินออกไปริมสนามหน้าบ้าน ใต้ต้นหูกวางที่มีโต๊ะนั่งเล่นตั้งอยู่นั้นค่อนข้างสลัว แต่ก็ยังพอมองเห็นร่างสูงของไตรศูรย์ที่ยืนรอเธออยู่อย่างกระวนกระวายใจ

“น้องเกี้ยว พี่ไตรห่วงแทบแย่ น้องเกี้ยวมากับใครไม่บอกพี่ไตรเลย โทร.หาก็ไม่ติด” เขาแทบถลาเข้าไปหาเมื่อเห็นเธอ

“เกี้ยวให้ลี่ไปรับค่ะ” เธอตอบเสียงเรียบ ชายหนุ่มถอนหายใจโล่งอกเมื่อไม่ได้เป็นอย่างที่นิรามัยบอก แม้เขาเองจะไม่ค่อยเชื่อในสิ่งที่นิรามัยพูดแต่ก็อดไม่ได้ที่จะนึกหวั่น

“น้องเกี้ยวเป็นอะไรไปครับ โกรธอะไรพี่ไตรหรือเปล่า”

“เปล่าค่ะ เกี้ยวไม่ได้โกรธ” เธอพูดโดยไม่ยอมมองหน้าเขา เหมือนพยายามข่มอารมณ์บางอย่างไว้

“แต่น้องเกี้ยวหนีกลับมาก่อนอย่างนี้ แล้วมึนตึงกับพี่ไตร หรือโกรธที่พี่ไตรทำงานนาน หรือโกรธที่พี่ไตรไม่ได้พาไปกินข้าวอย่างที่ตั้งใจ” ไตรศูรย์เดามั่วไปหมด

“เกี้ยวไม่ใช่เด็กแล้วนะคะ เรื่องพวกนั้นไม่สำคัญหรอกค่ะ” ปากบอกออกมาอย่างนั้น แต่ท่าทางยังมึนตึง

“แล้วอะไรล่ะครับที่สำคัญ แล้วทำให้น้องเกี้ยวเป็นอย่างนี้บอกเหตุผลพี่ไตรหน่อยซิครับ” ไตรศูรย์ถามเสียงอ่อน แต่อารมณ์นี้คนฟังกลับเข้าใจไปอีกทาง

“อย่ามาคาดคั้นอะไรเกี้ยวนะ เกี้ยวไม่ใช่ลูกน้องพี่ไตร ไม่ต้องมาเอาเหตุผลอะไรกับเกี้ยวเลย” สุ้มเสียงเธอเต็มไปด้วยความหงุดหงิด แล้วหันหลังให้เขา เหมือนสิ่งที่เขาพูดหรือทำขวางหูขวางตาเธอไปเสียหมด ชายหนุ่มรู้สึกรุ่มร้อนในอก ก่อนจะคว้ามือเธอมาจับไว้แต่เจ้าตัวพยายามสะบัดออก

“น้องเกี้ยวกำลังพาลนะครับ” เขาทอดน้ำเสียงอ่อนโยนแต่ยังไม่ยอมปล่อยมือง่ายๆ เขารู้ดีว่าบทที่คนตรงหน้านี้จะดื้อรั้นไร้เหตุผลขึ้นมานั้นเอาเรื่องขนาดไหน

“ใช่สิ...ก็เกี้ยวจะพาลใครจะทำไม เกี้ยวไม่ดี ไม่น่ารัก ไม่มีเหตุผล ไม่ต้องมายุ่งกับเกี้ยวเลย เกี้ยวก็เป็นอย่างนี้แหล่ะ แล้วจะเป็นต่อไปด้วย ว่ะ...ว้าย!! ” ร่างบางถูกวงแขนแข็งแรงรวบตัวเข้าไปกอด ก่อนจะทันพูดจบด้วยซ้ำ เมื่อได้สติเธอจึงระดมกำปั้นใส่อกชายหนุ่มไม่ยั้ง

“ปล่อยเกี้ยวนะ พี่ไตรไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้กับเกี้ยวนะ” แต่กำปั้นเล็กๆ ก็ถูกรวบไว้ด้วยมือใหญ่เพียงข้างเดียวของเขา

“ก็น้องเกี้ยวเกเรนี่ครับ” ไม่พูดเปล่า เขาโน้มใบหน้าลงไปใกล้ดวงตาทั้งสองประสานกัน เขารู้สึกถึงหัวใจที่เต้นแรงขึ้นทั้งตัวเขาเองและร่างบางที่อยู่ในอ้อมกอด แต่เพียงชั่วครู่เธอก็หลุบตามองต่ำลง

“ปละ ปล่อยเกี้ยว...เถอะ พี่ไตรไม่ควรทำอย่างนี้กับเกี้ยว” ไตรศูรย์ชะงักกับน้ำเสียงที่สั่นเครือ เมื่อเขาคลายอ้อมแขนก้มมองใบหน้าเธอ จึงเห็นดวงตาคู่นั้นมีน้ำตาคลอเอ่อ

“น้องเกี้ยว พี่ไตรขอโทษ แต่ช่วยบอกพี่ไตรหน่อยได้ไหมครับว่ามันเกิดอะไรขึ้น” เขาได้แต่เว้าวอนอย่างอ่อนใจ และทำอะไรไม่ถูก

“พี่ไตรไม่ควรมาวุ่นวายกับเกี้ยว...มากเกินไป...เพราะเราเป็นพี่น้องกันไม่ใช่เหรอคะ เกี้ยวก็ยังยินดีที่ได้เป็นน้องพี่ไตรเหมือนเมื่อก่อนนะคะ เพราะฉะนั้น เรา...ไม่ควรใกล้กันมากกว่าพี่น้อง” เธอละล่ำละลักบอกเขาเสียงสั่นโดยไม่มองสบตา ชายหนุ่มถอนหายใจ

“น้องเกี้ยว หรือว่า...เกี่ยวกับคุณลุงคุณป้า” เขาฉุกคิดไปถึงครอบครัวของเธอมากกว่าเหตุผลอื่น ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลย หากครอบครัวของเธอไม่ต้องการให้เขายุ่งเกี่ยวกับเธอจริงๆ จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เขาจะทำอย่างไร

“เปล่าค่ะ ไม่เกี่ยวกับพ่อแม่เกี้ยวหรอกค่ะ” ชายหนุ่มรู้สึกโล่งอกขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคำตอบนั้น แต่ทว่าท่าทางของคนตรงหน้ายังคงมึนตึงไม่หาย เหมือนข้างในยังคุกรุ่นและพร้อมจะปะทุขึ้นได้ทุกเวลากระนั้น ไตรศูรย์รู้สึกจนปัญญาจะคาดเดาเมื่อเห็นท่าทางของเธอ

“พี่ไตรไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้องเกี้ยว แต่มันคงทำให้น้องเกี้ยวลำบากใจ ถ้าการที่พี่ไตรเข้ามาในชีวิตน้องเกี้ยว แล้วทำให้น้องเกี้ยวไม่มีความสุข น้องเกี้ยวไม่ต้องการพี่ไตรก็จะไป ขอเพียงน้องเกี้ยวบอกพี่ไตรมาเท่านั้น อะไรที่เป็นความสุขของน้องเกี้ยวพี่ไตรยินดีจะทำให้ทุกอย่าง แม้แต่การเดินออกไปจากชีวิตน้องเกี้ยว พี่ไตรก็จะทำ” มาถึงวินาทีนี้ ชายหนุ่มไม่อาจซ่อนความน้อยเนื้อต่ำใจจากน้ำเสียงและท่าทางได้

“เกี้ยวไม่ได้อยากให้เป็นอย่างนั้น พี่ไตรต่างหากล่ะคะที่รักเกี้ยวเหมือนน้องสาว เหมือน ‘น้องทิพย์’ ของพี่ไตร แล้ว...พี่ไตรจะจับมือเกี้ยวทำไม จะกอดเกี้ยวทำไมคะ จะสร้างภาพว่าเกี้ยวเป็นแฟนเพื่อประชดใครไปทำไม เกี้ยวไม่เอาด้วยแล้วนะคะ เกี้ยวรับไม่ไหวหรอกค่ะ” น้ำเสียงทั้งสั่นเครือปนสะอื้น น้ำตาที่เอ่อล้นเริ่มไหลริน ทำให้ไตรศูรย์ตกใจพอๆ กับคำตอบที่ได้รับ

“น้องเกี้ยว” เขาเรียก เอื้อมมือไปหมายจะเช็ดน้ำตาให้ แต่เธอกลับถอยหนี เขาจึงหักห้ามใจให้ยืนนิ่งอยู่กับที่ เขาเข้าใจแล้ว...

“มีใครพูดอะไรกับน้องเกี้ยวใช่ไหมครับ” คนถูกถามไม่ตอบ ได้แต่ยกมือขึ้นปาดน้ำตาป้อยๆ โดยไม่มองหน้าเขาแต่อย่างใด

“น้องเกี้ยวคนดี ฟังพี่ไตรนะครับ ใช่...พี่ไตรอาจจะรักน้องเกี้ยวเหมือนน้องสาวก็จริง” ประโยคนั้นทำให้คนฟังเมินหน้าหนี ริมฝีปากบางเม้มจนเป็นเส้นตรงอย่างพยายามสะกัดกั้นความรู้สึกที่ท่วมท้น

“แต่นั่นมันตอนที่เรายังเป็นเด็ก ไม่ใช่ตอนนี้ซักหน่อย” เกี้ยวเกล้าชะงัก ก่อนจะหันมามองเขาเหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง เขาจึงค่อยเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้โดยที่อีกฝ่ายไม่ได้ถอยหนีแต่อย่างใด

“พี่ไตรรักน้องเกี้ยวนะครับ” แล้วเอื้อมมือไปจับมือเธอมากุมไว้แนบอก

“รัก...แบบที่อยากอยู่ใกล้ตลอดเวลา ไม่เจอหน้าก็คิดถึง หวงเวลาที่มีคนมามองมาใกล้ ห่วงเวลาที่ไม่สบายใจ กายและอยู่ไกลกัน รักแบบที่...อยากจับมือ อยากกอด อยากหอมแก้ม และ...เอ่อ...อยากแต่งงานด้วย มีลูกหลานสร้างครอบครัว” คนถูกกุมมืออ้าปากค้าง กระพริบตาถี่ๆ มองเขา และใบหน้าเริ่มชมพูระเรื่อขึ้นมา “นั่นแหล่ะ คือความรักของพี่ไตรที่มีต่อน้องเกี้ยวในวันนี้ มันคงเพิ่มเติมมาจากความรู้สึกผูกพัน เอ็นดู อยากดูแลปกป้องและอยากให้มีความสุขในวันเก่า น้องเกี้ยวเข้าใจหรือยังครับ พี่ไตรไม่เคยคิดแกล้งเป็นแฟนน้องเกี้ยวเพื่อประชดใคร สิ่งที่พี่ไตรทำมาจากความรู้สึกของหัวใจเสมอ” เขาจ้องตาเธอเพื่อยืนยันถึงสิ่งที่อยู่ในหัวใจ

“แล้ว...กับครอบครัวเกี้ยวล่ะคะ พี่ไตรคิดว่าทดแทนครอบครัวของพี่ไตรด้วยหรือเปล่า” คนถามเสียงอ่อนลง

“พี่ไตรไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นเลย พี่ไตรว่าเรื่องแบบนี้ไม่มีใครแทนที่ใครได้ และที่สำคัญพี่ไตรก็แก่เกินกว่าที่จะมาทำตัวเป็นคนขาดความอบอุ่นอะไรแบบนั้นแล้วด้วย ครอบครัวของเราสองคนผูกพันกันมาตั้งแต่เรายังไม่เกิดแล้วนะครับ

“พี่ไตรรู้ว่าคุณลุงคุณป้าเองก็รักและเอ็นดูพี่ไตรมาก มาวันนี้สิ่งเหล่านั้นก็ยังคงอยู่แม้เราจะไม่ได้เจอกันนาน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นความรู้สึกของพี่ไตรที่มีต่อครอบครัวน้องเกี้ยวก็ไม่มีวันเปลี่ยนไป พี่ไตรไม่อยากให้น้องเกี้ยวคิดมากในเรื่องนี้เลย” ชายหนุ่มอธิบาย

“แต่...ว่า...คุณนีร่า...” ที่สุดก็เปรยออกมาเสียงอ่อยอย่างไม่มั่นใจ

“ว่าแล้วเชียว ต้องเป็นนีร่า” เขาว่าพลางส่ายหน้าหัวเราะ

“คะ? ” แต่คนฟังทำคิ้วขมวดมุ่น

“ก็อย่างที่น้องเกี้ยวรู้ พี่ไตรกับนีร่าเคยคบกันมาก่อน แล้วพอนีร่าไปมีคนอื่นเราก็เลิกกันตั้งนานมาแล้ว แม้ตอนหลังที่เขาเลิกกับแฟนใหม่จะพยายามกลับมาหาพี่ไตร แต่...พี่ไตรก็ให้ได้แค่ความเป็นเพื่อนเท่านั้น”

“แต่เธอบอกว่าพี่ไตรโกรธเธอเรื่องที่ไปมีแฟนใหม่ และตอนนี้ก็ยังไม่หายโกรธเลยทำมึนตึงใส่”

“แล้วคบกับน้องเกี้ยวประชดเขาใช่ไหม” เขาต่อให้ เกี้ยวเกล้าพยักหน้ารับ ชายหนุ่มยังยิ้มขำ

“พี่ไตรคบนีร่ามาหลายปี รู้ดีว่าเขาเป็นคนยังไง คนอย่างนีร่าได้คืบจะเอาศอกไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ถ้าพี่ไตรไม่เว้นช่องว่างระหว่างเขากับพี่ไตรมากๆ นีร่าก็จะโมเมเอาได้ว่ากลับมาคืนดีกับพี่ไตรแล้ว

“นี่ขนาดพี่ไตรไม่ยอมสนิทด้วยมาก เขาก็ยังโมเมว่าพี่ไตรโกรธเขาเลย ที่ผ่านมาพี่ไตรไม่เคยแคร์กับเรื่องพวกนี้ไม่ว่านีร่าจะพูดจะทำอะไรยังไง แต่ตอนนี้มันต่างกัน เพราะพี่ไตรมีน้องเกี้ยว และหากมันกระทบกระเทือนถึงความสัมพันธ์ของเรา พี่ไตรแคร์นะ”

“แต่คุณนีร่าคงรักพี่ไตรมากนะคะ แล้วพี่ไตรไม่รักเธอบ้างหรือคะ น่าสงสารเธอจัง” น้ำเสียงเห็นอกเห็นใจอย่างจริงใจไม่เสแสร้งของเธอ ทำให้ชายหนุ่มได้แต่ยิ้มด้วยความรู้สึกเอ็นดู พอหายงอนก็จะเห็นใจชาวบ้านเขาไปหมด เกี้ยวเกล้ามักจะเป็นอย่างนี้ อย่างที่เขาเห็นมาตั้งแต่เด็ก

“พี่ไตรก็ไม่รู้เหมือนกันระหว่างเรามันเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว พี่ไตรไม่รู้จะอธิบายยังไง น้องเกี้ยวเคยรักใครบ้างไหม? พอมีคนถามเราก็จะบอกว่า ‘รักนะ แต่...’ รักแบบที่มีคำว่า ‘แต่...’ ต่อท้ายน่ะ ความรู้สึกของพี่ไตรก็เป็นอย่างนั้น พี่ไตรเคยสงสัยว่าจะมีสักครั้งไหมที่เราสามารถรักใครโดยไม่ต้องมีคำว่า ‘แต่’ ต่อท้าย จนกระทั่งมาเจอน้องเกี้ยวอีกครั้งนี่แหล่ะพี่ไตรถึงรู้ว่าเป็นยังไง”

“เป็นยังไงเหรอคะ” เอียงหน้าแดงๆ ถามด้วยความอยากรู้

“พี่ไตรคิดเอาเองนะว่าบางทีที่คนเราบอกว่า ‘รักแต่...’ นั้นอาจจะไม่ใช่ความรักที่แท้จริงก็ได้ อาจจะเป็นรักตามวัย ตามเรื่องตามราว หรือตามอะไรต่อมิอะไรอีกเยอะแยะ แต่พี่ไตรเชื่อว่าถ้าเราได้รักใครสักคนอย่างแท้จริง อย่างหมดหัวใจแล้วล่ะก็ เราจะไม่มีคำว่า ‘แต่...’ ต่อท้ายคำว่า ‘รัก’ อย่างแน่นอน เหมือนที่พี่ไตรรู้สึกกับน้องเกี้ยวยังไงล่ะครับ” ชายหนุ่มมองสบตาของเธอราวกับจะถ่ายทอดความรู้สึกทั้งหมดของหัวใจให้อีกฝ่ายรับรู้ “ว่าแต่...น้องเกี้ยวยังไม่ได้บอกพี่ไตรเลยว่าน้องเกี้ยวเคยรักใครบ้างไหม? ” แล้วจึงทวงถามคำตอบสำคัญที่อยากรู้

“เอ่อ...เกี้ยวไม่เคยคบใครเป็นแฟนจริงๆ แบบที่พี่ไตรคบคุณนีร่าสักทีนี่คะ ก็เลยไม่รู้จะรักใครดี” หญิงสาวสารภาพอย่างอายๆ

“ทั้งที่น้องเกี้ยวมีคนเข้ามาหาเยอะแยะออกอย่างนั้น” เขาอดพูดแบบหวงๆ ไม่ได้ แต่เธอไม่สนใจท่าทีนั้น

“ก็เกี้ยวไม่ชอบเท่าไหร่นี่คะ บางทีแค่ชอบแต่พอคุยกันแล้วไม่ค่อยเข้าหูก็ไม่คุย บางทีตื๊อมากๆ เกี้ยวก็รำคาญซะงั้น มีมาดีๆ ก็เยอะ มาแปลกๆ ก็แยะ แต่เกี้ยวยังไม่เคยชอบใครแบบเป็นแฟน ส่วนมากเป็นเพื่อนกันทั้งนั้นค่ะ”

“แล้ว...น้องเกี้ยวรักพี่ไตรบ้างหรือเปล่าครับ” เขาถามตรงจุดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน และประกายตาหวานล้ำ

“เอ้อ...ทำไมต้องถามเกี้ยวด้วยล่ะคะ อืมม์...บอกก็ได้ค่ะว่า ‘รักแต่...’ ”

“ทำไมต้องมี ‘แต่...’ ด้วยล่ะครับน้องเกี้ยว” ชายหนุ่มโอด

“ก็รัก แต่...ไม่ได้รักแบบพี่ชายไงคะ” เธอเอียงหน้าตอบอย่างน่ารัก

“อือ...ดีจัง ขอบคุณครับ” เขายิ้มกว้างดวงตาพราวระยับ ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “เออ...จริงสิพี่ไตรมีดอกไม้มาให้น้องเกี้ยวด้วย รอเดี๋ยวนะครับ” ไตรศูรย์เดินไปยังรถที่จอดไว้หน้าบ้านครู่หนึ่ง แล้วจึงกลับมาพร้อมกุหลาบสีแดงช่อใหญ่ เกี้ยวเกล้ามองเขาด้วยความประหลาดใจ

“สารภาพก็ได้ว่า นี่เป็นเซอร์ไพร์ที่พี่ไตรเตรียมไว้ให้น้องเกี้ยว ที่เราจะไปกินข้าวใต้แสงเทียนกันไงครับ กุหลาบช่อใหญ่ และเพลงที่บรรเลงด้วยไวโอลีน พี่ไตรโทร.ไปยกเลิก แต่เสียดายดอกไม้ที่สั่งไว้เลยให้เขาเอามาส่งที่ร้านให้ ดีนะที่เขาไม่ส่งคนสีไวโอลีนมาบริการถึงที่นี่ด้วย” เขาบอกติดตลก พลางยื่นดอกกุหลาบสีแดงช่อใหญ่นั้นให้กับเธอ

“ขอบคุณค่ะพี่ไตร” หญิงสาวเอ่ยขอบคุณเสียงหวาน พลางรับกุหลาบช่อใหญ่นั้นมาไว้ในอ้อมแขน

“ไว้วันหลังเราค่อยไปกันใหม่นะครับ ว่าแต่น้องเกี้ยวกินข้าวหรือยังครับ พี่ไตรหิวจัง มีอะไรให้กินบ้างไหม” ท้ายประโยคคนถามกุมท้องทำหน้าตาน่าสงสารสุดชีวิต

“เกี้ยวก็ยังไม่ได้กินเหมือนกันค่ะ เห็นลี่บอกว่ามีแกงโฮะกับแกงจืดที่เกี้ยวทำไว้ให้ลี่ตอนเย็นยังมีอยู่ เดี๋ยวอุ่นนิดนึงก็กินได้ เข้าไปข้างในกันเถอะค่ะ”



###ตอนนี้อีบุ๊ค ‘ฝากรักไว้ในสายหมอก’ ลงขายแล้วนะคะ###
ตามลิ้งค์ที่แนบมาค่ะ ใครสนใจอยากเก็บพี่ไตร+น้องเกี้ยวเข้ากรุสมบัติ เข้าไปโหลดกันได้รัวๆเลยจร้า
หรือสนใจนิยายเรื่องอื่นๆในนาม ‘พิริตา’ และ ‘อเมทริน’ ก็สามารถเข้าไปโหลดกันได้นะคะ ทั้งตัวอย่างและอีบุ๊ค
ขอบคุณค่า
meb
https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data
=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6Njo
iNzEyOTE2IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiNTc3OTMiO30
hytexts
https://www.hytexts.com/ebook/B012031-ฝากรักไว้ในสายหมอก
ookbee
http://www.ookbee.com/shop/BookInfo?pid=a927a107-7f6d-4c43-9301-a8c03f420109&affiliateCode=1168c15837084f8bbb5cf6fde0ca707d
นายอินทร์ปัณณ์
https://naiin.com/product/detail/214536

ebooks.in.th
http://ebooks.in.th/ebook/45108/%E0%B8%9D%E0%B8%B2
%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%
E0%B9%84%E0%B8%A7%E0%B9%89%E0%B9%83%E0
%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%
B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%81/



กานพลู
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ก.ค. 2560, 14:01:55 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ก.ค. 2560, 14:01:55 น.

จำนวนการเข้าชม : 735





<< ตอนที่ 24 ​   ตอนที่ 26 >>
แว่นใส 10 ก.ค. 2560, 19:09:45 น.
เข้าใจกันได้ก็ดีแล้วจ้า


กานพลู 14 ก.ค. 2560, 11:22:19 น.
ขอบคุณค่าา ติดตามตลอดดดด


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account