ฝากรักไว้ในสายหมอก (เปิดจองรูปแบบเล่มพร้อมE-Book)
มวยเกล้าผมวาง บนกล๋างกระหม่อม

แล้วเหน็บโอบล้อม ด้วยดอกเกี้ยวเกล้า
แดงเฮย...งามแต๊ บ่แลโศกเศร้า

สดใสเริงเลา ใคร่เฝ้าอยู่ใกล้
ผ่อจนเหลียวหลัง เป๋นดีใคร่ได้

โอบล้อมหัวใจ๋ ดวงนี้
แต่เก๊าเจ้าหวง สมแล้วว่าอี้

บ่ดีเด็ดเล่น เนอนายฯ.....



...........................................................................


เพราะความรัก ความผูกพันช่วงหนึ่งในวัยเยาว์

ที่เคยเติมเต็มหัวใจอันอ้างว้างของเขาให้อบอุ่นขึ้นมาได้

ความรู้สึกเหล่านั้นฝังแน่นอยู่ในใจตลอดมา

จนกระทั่งถึงวันนี้ที่เขากลับมาตามหาความรัก

ความผูกพันที่ได้ฝากไว้กับใครบางคน.



ฝากรักไว้ในสายหมอก

เป็นนิยายเรื่องแรกที่ได้รับการตีพิมพ์กับสนพ.กรียมายด์

ตอนนี้หมดสัญญาแล้วจึงเอามาทำเองค่ะ

ติดตามกันได้ในรูปแบบอีบุ๊คนะคะ




Tags: เกี้ยวเกล้า ไตรศูรย์ เชียงใหม่ ล้านนา โรงแรม ความรัก ความผูกพัน วัยเยาว์ สายหมอก

ตอน: ตอนที่ 26


##เปิดจองนิยายรัก 2 เรื่อง 2 รส##
‘ลิขิตรักเก็บตก’
มี 2 เล่มจบ ราคาเล่มละ 339 บ.
2 เล่มลดเหลือ 670 บ.
‘ฝากรักไว้ในสายหมอก’
ราคา 369 บ. ลดเหลือ 360 บ.
*สั่งซื้อ 3 เล่ม ในราคาพิเศษเพียง 999 บ. เท่านั้น*
สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดได้
ทางอินบ็อกเฟส : pirita ametrine
หรือในเพจ ‘พิริตา อเมทริน นักเขียน’
Email: kanplu@windowslive.com
โทร.0626656247 หรือทางไลน์ ID: pirita-ametrine
วันนี้-20 สิงหาคม นี้ เท่านั้น!!


ตอนที่ 26

ป้าอิ่นคำละสายตาจากหนังสือตรงหน้า หันมามองหลานสาวที่เดินเข้ามาวางโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะหลังจากคุยกับเพื่อนเสร็จ ใบหน้าของเกี้ยวเกล้ามีแววกังวลฉายชัด ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งกับพื้นข้างผู้เป็นป้าและลงมือนวดขาป้าอิ่นคำต่อจากเมื่อครู่

“ว่าไงลูก มีอะไรหรือเปล่า” ป้าอิ่นคำถามด้วยความเป็นห่วง หญิงสาวนิ่งไปนิดหนึ่งเหมือนกำลังตัดสินใจ

“คือ เจนโทร.มาคุยเรื่องที่ เอ่อ...ชาวบ้านนินทาเรื่องเกี้ยวกับพี่ไตรน่ะค่ะป้าอิ่น ไม่รู้พ่อกับแม่รู้เรื่องหรือเปล่า เกี้ยวโทร.หาแม่ไม่ติดเลย” เกี้ยวเกล้าตอบมือยังคงบีบนวดขาป้าอิ่นคำอยู่เรื่อยๆ

“รู้แล้วล่ะ แม่อ่อนพึ่งโทร.มาหาป้าเมื่อกี้นี้เอง ตอนที่เกี้ยวออกไปกับพ่อไตรเขาน่ะแหล่ะ”

“เหรอคะ มิน่าล่ะ โทร.มาหาเกี้ยวเมื่อกี้เหมือนกัน แต่ไม่ทันพูดอะไรสายตัดไปเสียก่อน พอเกี้ยวโทร.กลับก็ไม่ติดเสียนี่ แต่แม่คงโทร.หาป้าอิ่นก่อนเกี้ยวมั้งคะ แล้วแม่ว่ายังไงบ้างคะป้าอิ่น”

“แล้วที่เจ้าเจนมันเล่าว่ายังไงบ้างล่ะลูก” ป้าอิ่นคำไม่ตอบแต่กลับย้อนถาม เกี้ยวเกล้าคิดไปถึงเรื่องที่เจนพูดกับเธอทางโทรศัพท์เมื่อครู่

‘แกรู้หรือเปล่า พ่อฉันว่าที่ตลาดน่ะลือกันให้แซ่ดว่าแกกับคุณไตรอยู่ด้วยกันที่โน่นแล้ว’

‘ว่าแกกำลังท้องด้วย แล้วยังว่าพ่อครูกับป้าอ่อนน่ะประเคนแกให้คุณไตรตั้งแต่แกยังไม่มาอยู่บ้าน และพอมาอยู่บ้านก็ยกบ้านที่ดินให้เป็นเรือนหอ แล้วพวกแกก็ไปอยู่ที่โน่นอะไรประมาณนี้แหล่ะ ประเด็นก็คือว่าพ่อแม่แกอยากจับคนรวยๆ ให้ลูกสาวว่างั้นเหอะ’

‘มันไม่ใช่อย่างนั้นนะเจน ไม่ใช่เรื่องจริงซักหน่อย ฉันกับพี่ไตรเราแค่คบกันเฉยๆ แล้วพ่อกับแม่ก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นด้วย’

‘ฉันรู้น่าเกี้ยว ฉันเป็นเพื่อนแกนะ แต่แกต้องเข้าใจนะว่าชาวบ้านเป็นยังไง เขาจะมาเข้าใจในสิ่งที่แกเป็นอยู่เหรอ ฉันเองก็ไม่อยากเล่าให้แกฟังหรอกนะ แต่ช่วงหลังมานี้ชักหนาหูก็เลยคิดว่าแกน่าจะรู้ไว้บ้าง แต่ฉันก็แค่เล่าให้แกฟังเท่านั้นแหล่ะ แกอย่าจี้ดเลยอย่าสนใจมาก ฉันรู้ว่าแกเป็นยังไง อย่าคิดมากล่ะ’ เจนวางสายไป ปล่อยให้หัวใจของเธอหนักอึ้งอย่างห้ามไม่ได้

“แล้วเกี้ยวคิดยังไงกับเรื่องนี้ล่ะลูก” ป้าอิ่นคำถามเมื่อฟังหลานสาวเล่าจบ

“ตัวเกี้ยวเองไม่เป็นไรหรอกค่ะป้าอิ่น เกี้ยวห่วงความรู้สึกของพ่อกับแม่มากกว่า อีกอย่างที่ผ่านมาเกี้ยวก็ไม่คิดว่าจะมีเรื่องทำนองนี้มาให้ได้ยิน” ป้าอิ่นคำมองท่าทางเนือยๆ ของหลานสาวแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจตามไปด้วยอีกคน

“เกี้ยวเอ๊ย! คนเราก็อย่างนี้แหล่ะลูก นินทากันไปมาเป็นธรรมดาของโลกไม่มีใครหนีพ้นหรอก”

“ป้าอิ่นขา เกี้ยวควรทำยังไงดีคะ” แต่ก่อนที่ป้าอิ่นคำจะอ้าปากตอบ เสียงหนึ่งก็ดังแทรกมา

“มีทางเลือกอยู่แค่สองทาง คือปล่อยให้ผ่านไปไม่ต้องสนใจเสียงนกเสียงกา และอีกทางคือ...จับคุณไตรแต่งงานซะ” เกื้อกูลที่ถือถุงขนมกรุบกรอบเดินเข้ามาร่วมแจม แถมยังพูดราวกับว่าเป็นเรื่องสุดแสนจะธรรมดา

“นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะพี่เกื้อ” หญิงสาวหันไปทำเสียงขุ่นใส่ญาติผู้พี่

“อ้าว ก็ใครว่าพี่พูดเล่นกันเล่าไอ้เกี้ยว แกลองไปคุยกับคุณไตรดูสิ ขี้คร้านเขาจะรีบขอแกแต่งงาน ผิดจากที่พี่พูดนะ ให้เตะตูดเลยเอ้า! ” เกื้อกูลทุ่มสุดตัวด้วยการเอาอวัยวะบางอย่างของตัวเองเป็นประกัน

“ป้าอิ่นคะ ดูพี่เกื้อ” เมื่อเห็นว่าเกื้อกูลยังไม่ยอมหยุด เกี้ยวเกล้าจึงหน้าง้ำหันไปฟ้องป้าอิ่นคำแทน

“เอาล่ะๆ ไอ้เกื้อแกก็หุบปากไป น้องกำลังเครียดยังจะพูดมากอีก ไอ้นี่! ” ผู้เป็นแม่ขึ้นเสียงพร้อมถลึงตาใส่ลูกชาย

“แหม...ทีหลานรักล่ะใครแตะต้องไม่ได้ ไม่พูดก็ได้” คนถูกด่าไม่วายบ่นอุบเบาๆ

“แต่ป้าว่าเกี้ยวน่าจะลองคุยกับพ่อไตรดูก่อนนะ” ป้าอิ่นคำแนะนำเสียงเรียบ

“เกี้ยว...เอ่อ...ก็ไม่รู้จะพูดยังไงดีน่ะจ้ะป้า” เกี้ยวเกล้าถอนหายใจหนักหน่วงอีกครั้งอย่างจนปัญญา แม้ใจจริงเธออยากพูดกับเขาอยู่เหมือนกัน แต่ก็ดูเหมือนเธอร้อนตัว กลัวเขาจะเข้าใจเหมือนที่ชาวบ้านพูดกัน อีกใจเธอก็อยากปล่อยให้เรื่องซาไปเองโดยไม่ต้องสนใจใยดี แต่ทว่า...พ่อ แม่ของเธอล่ะ?

วันต่อมา...ขณะที่ไตรศูรย์นั่งอยู่ที่โซฟาเพื่อรอเกี้ยวเกล้า ที่กำลังวุ่นอยู่กับลูกค้าพร้อมแสงหล้า ป้าอิ่นคำได้เปิดประตูเข้ามาโดยมีสาลี่กับเกื้อกูลหอบผ้าตามมาคนละหอบ

“สวัสดีครับป้าอิ่น สวัสดีครับคุณเกื้อ คุณสาลี่” ป้าอิ่นคำรับไหว้ไตรศูรย์ เกื้อกูลกับสาลี่ส่งเสียงทักทายก่อนจะเอาของไปเก็บในสต็อคด้านหลัง

“มารับยายเกี้ยวไปกินข้าวเหรอพ่อไตร” ป้าอิ่นคำถามด้วยรอยยิ้มพร้อมนั่งลงบนโซฟาอีกด้าน

“ครับป้าอิ่น ไม่ทราบว่ากินกันมาหรือยังครับ ไปกินด้วยกันไหมครับ”

“โอ๊ย...ป้ากับพวกนั้นเรียบร้อยกันมาแล้วล่ะ” พอดีกับลูกค้ากลุ่มล่าสุดออกไปเกี้ยวเกล้าจึงเดินตรงมายังโซฟารับแขก

“เอ้า ก็พากันไปกินข้าวเสียสิลูก” ป้าอิ่นคำว่า พอดีกับที่เกื้อกูลและสาลี่เดินออกมาจากด้านหลัง

“เฮ้ย...ไอ้เกี้ยว แกคุยกับคุณไตรหรือยังล่ะเรื่องนั้นน่ะ แล้วคุณไตรจะว่ายังไงครับ” ท้ายประโยคหันมาทางไตรศูรย์ที่ทำหน้างงงัน

“เอ่อ...เรื่องอะไรหรือครับคุณเกื้อ”

“อ้าว! ก็เรื่องที่ชาวบ้านเขาปิดกันให้แซ่ดว่าคุณไตรกับไอ้เกี้ยวมาอยู่ด้วยกันที่นี่จนกระทั่งท้องแล้วน่ะสิ แหม...พูดไปได้นะ แถมยังบอกอีกว่าน้ากรณ์กับน้าอ่อนอยากให้ลูกสาวได้คนรวยๆ เลยช่วยกันจับคุณไตรซะ แหม เหมือนนิยายเป๊ะ! ” เกื้อกูลพูดพลางหัวเราะชอบใจ โดยไม่ได้สังเกตคนต้นเรื่องที่หน้าเจื่อนไปด้วยความรู้สึกอับอายอย่างสุดจะห้าม

“พี่เกื้อ พูดอะไรน่ะ” ก่อนหันไปดุหน้าคว่ำไม่พอใจ ทำให้คนเปิดเผยอย่างเกื้อกูลต้องหุบยิ้มในทันที

“อ้าว...พี่ก็นึกว่าแกคุยกันแล้วซะอีก ชิลล์ๆ น่าไอ้เกี้ยวแกก็เครียดไปได้” แต่ยังไม่วายทำระรื่นเหมือนเห็นเป็นเรื่องสบายๆ เหมือนเคย เดือดร้อนถึงสาลี่ที่ยืนฟังอยู่ไม่ไกลต้องรีบออกโรงขึ้นมา

“อีตาหมูอ้วนมานี่เลย ปากเปราะดีนัก เห็นไหมเดี๋ยวก็ได้เรื่องหรอก ห้ามยุ่งเรื่องยัยเกี้ยวเลย” ไม่พูดเปล่า สาลี่ดึงหูคนปากเปราะจนหน้าเบ้ร้องโอดโอยเพราะความเจ็บ

ชายหนุ่มลอบมองคนที่นั่งตรงข้ามอย่างชั่งใจ เกี้ยวเกล้ายังไม่ยอมพูดอะไรถึงเรื่องที่เกื้อกูลกระจายข่าวเมื่อครู่ หนำซ้ำยังมีท่าทีลำบากใจตลอดเวลาที่เดินออกมาจากร้านด้วยกัน จนกระทั่งถึงร้านอาหารเธอก็ยังไม่ปริปาก

“เรื่องมันเป็นยังไงครับ ทำไมไม่เห็นน้องเกี้ยวบอกพี่ไตรเลย” ในที่สุดก็ถามออกไปด้วยความร้อนใจ

“คือ เกี้ยวไม่คิดว่ามันจะสำคัญอะไรนี่คะ” เธอตอบเสียงอ่อยเหมือนเกรงใจ และไม่สบายใจในคราเดียวกัน ไตรศูรย์ถอนหายใจ ก่อนเอื้อมมือไปกุมมือคนที่นั่งตรงข้าม

“น้องเกี้ยว เราไม่ใช่คนอื่นคนไกลนะครับ น้องเกี้ยวรู้ไหม เวลาที่น้องเกี้ยวไม่สบายใจพี่ไตรก็ไม่สบายใจไปด้วยเหมือนกัน มีอะไรเล่าให้พี่ไตรฟังบ้างเถอะครับ อย่าแบกไว้คนเดียวเลย นะครับ...” เขาบีบกระชับมือเรียวที่เกาะกุมอยู่เบาๆ มองใบหน้าที่ยังเต็มไปด้วยแววครุ่นคิด เธอระบายลมหายใจและตัดสินใจอยู่ในที

“ก็อย่างที่พี่เกื้อพูดนั่นแหล่ะค่ะ...” หญิงสาวเอ่ย ก่อนจะเล่าให้เขาฟังคร่าวๆ อีกครั้ง

“แล้วคุณลุง คุณป้าว่ายังไงบ้างครับ” หลังจากฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้ว เขาจึงถามด้วยความเป็นห่วงไม่ต่างกัน

“เกี้ยวยังไม่ได้คุยเลยค่ะ แต่คงคิดเหมือนเกี้ยวมั้งคะ เดี๋ยวเกี้ยวว่าจะโทร.หาแม่ดูอีกทีค่ะ”

“งั้น ไม่ต้องโทร.ก็ได้มั้งครับ เย็นนี้เรากลับบ้านน้องเกี้ยวกันเลยดีไหม เดี๋ยวกลับเข้าออฟฟิศพี่ไตรจะรีบเคลียร์งานให้เสร็จก่อน 5 โมงเย็น น้องเกี้ยวพอจะขอป้าอิ่นกลับได้ไหมครับ”

“ทำไมต้องรีบด้วยล่ะคะ” เกี้ยวเกล้าแปลกใจไม่น้อย

“พี่ไตรเป็นห่วงความรู้สึกคุณลุงคุณป้าอยู่เหมือนกัน พี่ไตรไม่อยากแค่โทร.คุย แต่อยากไปคุยด้วยตัวเองที่บ้านมากกว่า” เขาให้เหตุผล

“งั้น ก็ได้ค่ะ”



ทั้งสองนั่งอยู่ต่อหน้าพ่อวิกรณ์และแม่อ่อนแก้ว หลังจากที่เกี้ยวเกล้าได้โทร.มาเกริ่นไว้ถึงเรื่องที่จะมาคุยล่วงหน้าก่อนมาถึงเมื่อครู่

“ผมอยากขอโทษคุณลุงคุณป้า ที่ทำให้เสียชื่อเสียง เพราะผมแท้ๆ ” ท่าทางที่ไม่สบายใจของไตรศูรย์ทำให้ทั้งพ่อวิกรณ์และแม่อ่อนแก้วได้แต่มองหน้ากัน

“อย่าคิดมากเลยพ่อไตร ลุงกับป้าไม่ได้คิดอะไรมากหรอก เพราะลุงเองก็ไว้ใจลูกๆ ” พ่อวิกรณ์พูด

“แต่...ผมก็ยังรู้สึกไม่สบายใจเลยนะครับ ผมก็เลยคิดว่า เอ่อ...ถ้าคุณลุงคุณป้าไม่ว่าอะไร ผมอยากขออนุญาตพาผู้ใหญ่มาสู่ขอน้องเกี้ยวน่ะครับ” ชายหนุ่มโพล่งออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย สร้างความแปลกใจให้กับทุกคนเป็นอย่างมาก

“อะไรนะคะ? ” โดยเฉพาะเจ้าตัวที่ร้องเสียงหลงพลางหันไปมองคนข้างๆ อย่างไม่เชื่อหูตัวเอง “ไม่เห็นพี่ไตรบอกเกี้ยวเรื่องนี้เลยนี่คะ อย่าบอกนะคะว่าพึ่งคิดออกตอนนี้” เมื่อตั้งสติได้เธอจึงทั้งตั้งคำถามและต่อว่าอยู่ในที

“ป้าว่าพ่อไตรคุยกับน้องก่อนดีไหม แล้วค่อยมาคุยกับลุงกับป้าอีกที...นะ” เมื่อเห็นท่าว่าจะมีปัญหาแน่แล้วแม่อ่อนแก้วจึงรีบหย่าศึก

หญิงสาวกอดอกมองใบหน้าคมเข้มนั่นอย่างเอาเรื่องเมื่ออยู่กันตามลำพัง

“ว่ายังไงล่ะคะ” และเอ่ยออกมาเสียงเย็น

“พี่ไตรขอโทษที่ทำให้น้องเกี้ยวไม่พอใจ แต่พี่ไตรมีเหตุผลนะครับ พี่ไตรไม่อยากให้น้องเกี้ยวกับครอบ ครัวเสื่อมเสียชื่อเสียงเพราะพี่ไตรอีก” เขาพยายามอธิบายเสียงอ่อน

“แล้วยังไงล่ะคะ ก็เลยต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการมาสู่ขอเกี้ยวงั้นเหรอคะ ไม่ต้องเลยค่ะ เกี้ยวไม่แต่งงานเพราะความรับผิดชอบของใครเด็ดขาด! ” น้ำเสียงเธอเฉียบขาดไม่แพ้ท่าทาง

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับน้องเกี้ยว พี่ไตรรักน้องเกี้ยวนะครับ”

“แต่พี่ไตรก็ไม่ได้อยากแต่งนี่คะ พี่ไตรแค่อยากรับผิดชอบเรื่องชื่อเสียงบ้าบออะไรนั่น”

“ใครบอกว่าพี่ไตรไม่อยากแต่งครับ ถึงไม่เกิดเรื่องพี่ไตรก็กะจะขอน้องเกี้ยวแต่งงานเร็วๆ นี้เหมือนกัน แต่เมื่อต้องย่นเวลาขึ้นมาอีกนิดพี่ไตรก็ยิ่งยินดี” คำตอบของเขาทำให้อารมณ์ที่กำลังกรุ่นเต็มที่เริ่มคลายลงบ้าง “ว่าแต่น้องเกี้ยวเถอะยินดีที่จะแต่งงานกับพี่ไตรไหมครับ” และคำถามที่ตามมาของเขาก็ทำให้หญิงสาวนิ่งงันไปชั่วครู่

“เอ่อ...เกี้ยวยังไม่ได้คิดไปไกลขนาดนั้น” ก่อนตอบเสียงอ่อนลง

“น้องเกี้ยวรังเกียจพี่ไตรใช่ไหมครับ” น้ำเสียงน้อยใจของเขา ทำให้เกี้ยวเกล้ารีบส่ายหน้าปฏิเสธ

“เปล่านะคะ เกี้ยวแค่...รู้สึกว่ามันเร็วไป แม้เรากลับมาเจอกันครั้งนี้จะครบปีแล้ว แต่เราคบกันเป็นแฟนจริงๆ ยังไม่ถึงปีด้วยซ้ำ” และรีบอธิบาย

“น้องเกี้ยวเคยได้ยินไหมว่า บางคู่คบกันมาเป็นสิบปีแต่มาอยู่ด้วยกันไม่ทันไรก็เลิกรา บางคู่เจอกันแค่สามวันกลับอยู่ด้วยกันได้ตลอดชีวิต แล้วอีกอย่างระหว่างเราก็ใช่ว่าเพิ่งมาเจอกันเสียเมื่อไหร่ เราผูกพันกันตั้งแต่เด็ก เราอาจจะไม่ได้เจอกันมาเป็นสิบปี แต่ความผูกพัน เข้าใจระหว่างเราตอนนั้นมันไม่มีค่าเลยหรือในใจน้องเกี้ยว แต่สำหรับพี่ไตรแล้วไม่เคยรู้สึกว่าเราพึ่งเจอกันเลย พี่ไตรรักน้องเกี้ยวนะครับ...รักมาก” น้ำเสียงและแววตาที่ยืนยันถึงความจริงใจนั้นทำให้เธอหลบตาเขาเก้อเขิน เกี้ยวเกล้ายอมรับว่าเธอเองก็รู้สึกเหมือนกันกับเขา “หรือว่า...น้องเกี้ยวรังเกียจที่พี่ไตรไม่เป็นอย่างที่ชาวบ้านเขาพูดกันครับ”

“คะ? ยังไงคะ” ถามด้วยความฉงน

“ก็พี่ไตรไม่ได้มีเงินหรือร่ำรวยน่ะสิครับ ความจริงแล้วพี่ไตรไม่มีอะไรเลยต่างหาก มีแค่ตัวกับหัวใจ...” เกี้ยวเกล้ารีบยกมือปิดปากเขา ก่อนที่คำพูดน้อยเนื้อต่ำใจต่างๆ จะพรั่งพรูออกมามากกว่านี้

“ถ้าพี่ไตรพูดอย่างนี้อีกนะ เกี้ยวจะโกรธจริงๆ ด้วย เกี้ยวต่างหากล่ะคะที่กลัวพี่ไตรจะคิดอย่างที่เขาพูดกันว่าเกี้ยวคอยจับพี่ไตร” หญิงสาวพูดไม่กล้าสบตาเขา ไตรศูรย์หัวเราะพลางจับมือเรียวที่ปิดปากเขาเอามาแนบอกแทน

“อ๋อ ก็เลยเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้น้องเกี้ยวไม่อยากแต่งงานกับพี่ไตรใช่ไหม ทั้งที่พี่ไตรอยากให้น้องเกี้ยวจับจะแย่อยู่แล้ว” เขาแกล้งกระเซ้า

“พี่ไตรน่ะ อย่าพูดเป็นเล่นซิคะ” ดุทั้งที่หน้าแดง

“โอเค.ครับไม่ล้อเล่นแล้วก็ได้ มาพูดกันจริงๆ อีกที เอ่อ...ถ้าน้องเกี้ยวยังไม่พร้อมที่จะแต่งพี่ไตรก็ไม่ว่า แต่พี่ไตรอยากขอหมั้นไว้ก่อนจะได้ไหม คนละครึ่งทางนะครับคนดี” คนพูดทอดน้ำเสียงและสายตาออดอ้อน เกี้ยวเกล้านิ่งคิดก่อนจะตัดสินใจ

“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ ตามใจพี่ไตร”

“เอาวะ อย่างน้อยก็ยอมหมั้น ทำอะไรได้สะดวกอีกหน่อย” ชายหนุ่มแกล้งพูดกับตัวเองดังๆ

“พี่ไตรว่าอะไรนะคะ”

“เปล่าครับผม! ”

งานหมั้นถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายที่บ้านของพ่อ แม่เกี้ยวเกล้า โดยมีคุณไตรรัตน์และคุณภัทราเป็นญาติผู้ใหญ่ฝ่ายไตรศูรย์มาทำการสู่ขอและหมั้นในวันเดียวกัน

“เราไม่ได้เจอกันนานเลยนะวิกรณ์” คุณไตรรัตน์เปรยกับพ่อวิกรณ์อย่างอารมณ์ดี

“ครับพี่ ตั้งแต่พ่อไตรเขายังเด็กๆ นั่นแหล่ะครับ”

“ไม่น่าเชื่อว่าเราจะได้กลับมาเจอกันอีก ต้องยกให้เป็นความดีความชอบของเจ้าไตรมันที่พยายามจนได้เป็นเขยเล็กของบ้านนี้จนได้ แล้วหนูเกี้ยวนี่ใช่คนที่ร้องตามเจ้าไตรตอนนั้นหรือเปล่า” คุณไตรรัตน์ถามกลั้นยิ้มเมื่อนึกถึงภาพในอดีตขึ้นมาได้

“ใช่ครับพี่ ตอนนั้นยังเด็กนัก โตมาก็ไม่ค่อยได้อยู่บ้านเท่าไหร่พึ่งมาอยู่จริงๆ ก็ช่วงหลังนี่แหล่ะครับ”

“อืมม์...สงสัยมันจะเกิดมาคู่กันจริงๆ ดูเจ้าไตรมันสิ จากไปตั้งหลายปีดีดักก็ยังไม่เคยลืมบ้านนี้ ฉันเองก็ไม่เคยเห็นมันรัก มันห่วงใครเท่าหนูเกี้ยวเลยนะวิกรณ์” พ่อวิกรณ์มองตามสายตาคุณไตรรัตน์ ที่ทอดมองไปยังร่างสูงของหลานชายที่เคียงข้างลูกสาวคนเล็กของตัวเองไม่ห่างนั่นอย่างยินดี ความสุขฉายอยู่ในดวงตาของผู้สูงวัยทั้งคู่ที่เห็นคนที่ตัวเองรักมีความสุข

เกี้ยวเกล้าอยู่ในชุดพื้นเมือง ไตรศูรย์เองอยู่ในชุดสูทสีทึม แม้จะมีเวลาสำหรับการเตรียมตัวไม่มากนักในการหมั้นครั้งนี้ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะทั้งคู่ไม่ต้องการให้เป็นที่เอิกเกริก จึงเชิญเฉพาะญาติและเพื่อนฝูงที่สนิทกันไม่กี่คน แต่พอถึงเวลาเข้าจริงๆ กลับทำให้บ้านพ่อวิกรณ์ดูแคบลงถนัดตา

“คุณไตรคะ แต่งตอนไหนอย่าลืมไปฉลองที่บ้านเคียงธารนะคะ แก้มลดให้ 20% เลยเอ้า! ” แก้มใสเปิดการขาย หลังจากพยายามหาโอกาสอยู่ตั้งนาน พึ่งจะสบช่องเอาป่านนี้

“คุณไตรเขาก็มีโรงแรม ห้องจัดเลี้ยงเขาใหญ่กว่าตึกเราทั้งหลังอีก เขาก็ฉลองที่โน่นสิไอ้แก้มจะถ่อสังขารมาบ้านเคียงธารของเราไปทำไม” แต่ตึ๋ง (ที่แก้มใสแอบเรียกว่า ‘ตัวมาร’ ทั้งที่เป็นพวกเดียวกัน) กลับค้านซะนี่ ไตรศูรย์ได้แต่ยิ้ม มือข้างหนึ่งยังจับมือเกี้ยวเกล้าไว้

“นี่...ที่โน่นมีแต่ญาติทางคุณไตร แกมาฉลองที่นี่ดีกว่ายังไงก็บ้านเรา ฉันลดให้อีก 10% จัดดอกไม้ให้ฟรีด้วยเอ้า! โปรโมชั่นพิเศษสำหรับแกเลยนะเกี้ยว สมน้ำหน้าคุณที่ลงจากคานได้ อิ อิ” แก้มใสยังหันไปลดแลกแจกแถมกับเกี้ยวเกล้าต่อ

“เออใช่ ฉันแต่งหน้า ทำผมเจ้าสาวฟรีเลยเกี้ยว” เจนพลอยเป็นไปด้วยอีกคน เกี้ยวเกล้าได้แต่หัวเราะ

“ไม่ก็ฉลองทั้งสองที่ก็ได้ ฉันไม่หวั่นหรอก” สาลี่ที่สะดวกเป็นแขกได้ทั้งสองงานเสนอบ้าง

“เอาไว้ตอนแต่งแล้วค่อยให้น้องเกี้ยวตัดสินใจอีกทีก็แล้วกันครับ แต่ถ้าเป็นเรื่องเรือนหอนี่คงพอตอบได้ว่าเป็นที่บ้านยายแน่นอน ชัวร์ๆ ” ไตรศูรย์หันไปมองตาคนข้างๆ ที่ยิ้มเขิน พลางกระชับมือที่จับกันไว้ให้แนบแน่น

“หวานซ้า...เบื่อจริงๆ พวกมีคู่” แก้มใสปรายตามองคู่หวานพลางแกล้งค้อนขวับๆ ด้วยความอิจฉา “ฉันว่าถ้าตาแกร้อนมากนักก็หาสักคนสิ จะได้มีคู่กับเขาสักที” สาลี่ว่า

“อย่างมันต้องรอชาติหน้าล่ะมั้ง” ตึ๋งกัดอย่างไม่ออมน้ำใจเพื่อนสักนิด

“ฉันว่าให้แฟนฉันหาฝรั่งให้แกดีกว่านะแก้ม ตัวเล็กๆ อย่างแกนี่ฝรั่งโปรดนะ” เจนคนมีแฟนฝรั่งออกความเห็นบ้าง

“แกไม่ต้องมายุ่งกับฉันเลยไอ้เจน พวกแกก็ด้วยไอ้ลี่ ไอ้ตึ๋งฉันจะอยู่ของฉันไปอย่างนี้แหล่ะใครจะทำไม โหนคานทองเล่นสนุกดีออกจะตาย ไม่อยากพูดกับพวกมีคู่แล้ว ไปดีกว่า” ว่าแล้วคนไม่มีคู่เพียงหนึ่งเดียวในกลุ่มก็สะบัดก้นเดินไปหาบรรดาป้าๆ น้าอาผู้หญิงที่กำลังจับกลุ่มคุยกันอยู่อีกมุม ทำให้เพื่อนๆ ที่เหลืออยู่เริ่มสลายตัวกันบ้าง

“เดี๋ยวพี่ไตรต้องพาคุณลุง คุณป้าแล้วก็ป้าสาย ลุงหมานไปพักที่บ้านยาย พรุ่งนี้ตอนสายๆ พี่ไตรจะแวะมารับน้องเกี้ยวกลับด้วยกันนะครับ พอดีคุณลุง คุณป้าเปรยว่าอยากดูที่ของเราให้ทั่ว ตอนเช้าพี่ไตรว่าจะพาท่านเดินดูซะหน่อย” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นเมื่ออยู่กันเพียงลำพัง

“ค่ะ ตามสบายเถอะค่ะ เกี้ยวเองก็จะอยู่ดูแลพวกเพื่อนๆ ญาติๆ ทางนี้ พี่ไตรไปเถอะค่ะ” ไตรศูรย์ยกมือที่จับไว้ขึ้นมามอง นิ้วเรียวของเธอตอนนี้มีแหวนทองคำขาวประดับด้วยเพชรเม็ดหนึ่ง ล้อมรอบด้วยพลอยสีชมพูอ่อนเม็ดเล็กๆ ที่เขาบรรจงสวมให้ตอนอยู่ในพิธีเมื่อครู่

“ขอบคุณน้องเกี้ยวเหลือเกิน ที่ยอมหมั้นกับพี่ไตร” เขากระซิบก่อนยกมือเรียวขึ้นจรดริมฝีปากแผ่วเบาด้วยความรักสุดหัวใจ


###ตอนนี้อีบุ๊ค ‘ฝากรักไว้ในสายหมอก’ ลงขายแล้วนะคะ###
ตามลิ้งค์ที่แนบมาค่ะ ใครสนใจอยากเก็บพี่ไตร+น้องเกี้ยวเข้ากรุสมบัติ เข้าไปโหลดกันได้รัวๆเลยจร้า
หรือสนใจนิยายเรื่องอื่นๆในนาม ‘พิริตา’ และ ‘อเมทริน’ ก็สามารถเข้าไปโหลดกันได้นะคะ ทั้งตัวอย่างและอีบุ๊ค
ขอบคุณค่า
meb
https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data
=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3
M6NjoiNzEyOTE2IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiNTc3OTMiO30
hytexts
https://www.hytexts.com/ebook/B012031-ฝากรักไว้ในสายหมอก
ookbee
http://www.ookbee.com/shop/BookInfo?pid=a927a107-7f6d-4c43-9301-a8c03f420109&affiliateCode=1168c15837084f8bbb5cf6fde0ca707d
นายอินทร์ปัณณ์
https://naiin.com/product/detail/214536

ebooks.in.th
http://ebooks.in.th/ebook/45108/%E0%B8%9D%E0%B8%B2%E0
%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B9%
84%E0%B8%A7%E0%B9%89%E0%B9%83%E0%B8%99%E0
%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AB%E0%B8
%A1%E0%B8%AD%E0%B8%81/



กานพลู
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 ก.ค. 2560, 10:24:12 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 ก.ค. 2560, 10:24:12 น.

จำนวนการเข้าชม : 872





<< ตอนที่ 25   ตอนที่ 27 >>
แว่นใส 16 ก.ค. 2560, 11:25:52 น.
น้องชายยังไม่มาป่วนนะ


กานพลู 20 ก.ค. 2560, 13:07:04 น.
ติดตามกันต่อไปจร้าาา


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account