ชุลมุนแผนร้าย ... ป่วนใจ
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทำไมเธอจะต้องมารับรู้เรื่องปวดหัวพวกนี้ด้วย!
ทั้งคนเล่นตลกกับเธอ ผีก็ยังมาเอ็นดูหลอกเธออีก

กอกานต์อยากจะกรีดร้อง หลังจากรู้ว่าเธอถูกหลอกทั้งจากคน และผี!

ในความวุ่นวายที่เธอต้องช่วยตามหาความจริง
อยู่ๆ เธอก็รักคนที่ไม่ควรรักขึ้นมา

เธอจะตัดใจจากตัวยุ่งอย่างดี??
Tags: ผี ฆาตกรรม ปิ่นนลิน

ตอน: ตอนที่ 1

ตอนที่ 1



ภายในร้านไอศกรีมมีชื่อบนห้างสรรพสินค้าดังใจกลางเมือง กอกานต์นัดเพื่อนสนิทออกมาซื้อเสื้อผ้าสำหรับใส่ทำงาน เพราะตัวเธอเองมีแต่ชุดที่ทั้งป้าและพี่ชายเห็นพ้องต้องกันว่า ‘เด็กกะโปโลมาก!’ แล้วพากันเสนอตัวเป็นสปอนเซอร์ในการเปลี่ยนแปลงกอกานต์จากภาพลักษณ์จากเด็กมหาวิทยาลัย ก้าวสู่วัยทำงานอย่างเต็มตัว

หลังจากเดินซื้อเสื้อผ้ากันเกือบครี่งวัน สาวๆ ได้แวะรับประทานอาหารเที่ยงกันแล้ว พวกเธอก็ยึดร้านไอศกรีมนั่งพักพูดคุยกัน

“ตกใจจริงๆนะ ตกลงเขารับเธอจริงๆ น่ะแก้ม!” พันดาว เพื่อนสาวผมประบ่าเอ่ยซ้ำเป็นรอบที่สาม ครั้งแรกน้ำเสียงเพื่อนสาวเต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดีกับเพื่อน แต่ครั้งนี้กลับมีแต่ความตกใจแปลกใจ “ทำไมรวดเร็วอย่างนี้ล่ะ เพิ่งสัมภาษณ์เมื่อวาน เช้าวันนี้โทรมาแจ้งผลแล้ว เขารีบขนาดนั้นเลยเหรอ”

กอกานต์ตักไอศกรีมใส่ปากหน้าระรื่น เพราะดีใจที่หางานได้สักที เธอจะได้ไม่ต้องเป็นภาระของป้าและพี่ชายอีกแล้ว

“ใช่ เขาว่าเขาต้องการคนด่วนเลยน่ะ นี่ก็อยากให้ไปเริ่มงานวันจันทร์นี้เลยด้วยล่ะ” คนเล่ายิ้มกริ่ม

“พอได้งานแล้วก็สบายใจเลยสินะ ยัยแก้ม” สาวหวานอย่างศตารีหรี่ตามองเพื่อนตัวจิ๋วประจำกลุ่มที่ดีใจจนออกนอกหน้านอกตา ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ “อารีก็อยากหางานได้บ้าง จะได้ย้ายออกจากบ้านคุณหญิงป้าสักที”

กอกานต์ยิ้มเจื่อน มองเพื่อนสาวหวานมาดเรียบร้อยมีเชื้อเจ้าผสมอยู่อย่างเห็นใจ หม่อมหลวงศตารีเป็นผู้หญิงที่มีดวงตากลมโต วงหน้าเรียวสวยหวานแบบไทยๆ เพราะถูกคุณหญิงป้าคอยกำกับทุกอย่าง ศตารียังเคยคิดอยากประชดคุณหญิงป้าด้วยการสลัดผมยาวและกระโปรงไปตัดผมสวมกางเกงเป็นทอมบอยบ้างเลย

“เดี๋ยวก็หางานได้นะ อารี”

“ดาวได้ยินว่าคุณภาสวินท์หล่อมากๆ แก้มได้สัมภาษณ์กับเขาหรือเปล่า” พันดาวมีนิสัยชอบกรี๊ดกร๊าดหนุ่มหล่อ เลยสนใจผู้บริหารหนุ่มแห่งบริษัทวัสวา บางครั้งศตารีก็เป็นฝ่ายกระดากอายแทนเพื่อนสาวชอบกรี๊ดกร๊าดหนุ่มหล่อ แต่ก็ทำเพียงแย้งในสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้

“ทำไมผู้บริหารจะต้องลงมาสัมภาษณ์พนักงานระดับล่างด้วยล่ะ เขาก็ต้องให้ฝ่ายบุคคลจัดการสิ”

“แต่ว่าแก้มได้สัมภาษณ์กับคุณภาสวินท์นะ” คำบอกเล่าของกอกานต์ทำเอาศตารีหันมองตาค้าง กอกานต์ไม่รอให้เพื่อนถามเธอก็เล่าต่ออย่างแปลกใจ

“แก้มก็ไม่คิดว่าจะได้สัมภาษณ์กับคุณภาสวินท์เหมือนกัน แต่ได้ยินจากคุณแทนไท เลขาของคุณภาสวินท์ว่า ตำแหน่งนี้ต้องทำงานตรงกับคุณภาสวินท์ เขาเลยอยากลงมาคุยเองน่ะ”

“หล่อไหมอะ” พันดาวได้ทีก็ขยับมาถามเพื่อนตัวจิ๋วใกล้ๆ ไม่สนว่าจะถูกหม่อมหลวงศตารีตำหนิด้วยสายตา

“หล่อสิ แต่ไม่ใช่สเปคแก้มหรอก” กอกานต์ไม่แสดงความกรี๊ดกร๊าดภาสวินท์เหมือนคนถาม แม้ยอมรับจากใจเลยว่าภาสวินท์หล่อมาก ได้ทำงานใกล้ๆ กัน เธอคงใจเต้นแรงแน่ๆ เลยต้องบอกตัวเองไม่ให้ปลื้มคนหล่อสไตล์ว่าที่เจ้านายหนุ่ม ท่องเอาไว้ในอกว่าสเปคของกอกานต์คือผู้ชายลุยๆ มากกว่าผู้ชายเนี้ยบเรียบร้อยใส่สูทแบบภาสวินท์

“โชคดีจังนะ ที่บริษัทใหญ่โตยอมรับเด็กจบใหม่เข้าไปทำงานด้วย แก้มนี่โชคดีจัง” ศตารีชักอิจฉาเพื่อน

คงเพราะเธอ กอกานต์ และพันดาวเพิ่งเรียนจบศิลปกรรมออกแบบนิเทศน์ศิลป์มาไม่กี่เดือน สามสาวเรียนและจบคณะเดียวกัน นี่ยังไม่ถึงกำหนดพิธีรับพระราชทานปริญญาบัตรด้วยซ้ำกอกานต์ก็ได้งานทำแล้ว ศตารีอยากออกจากวังคุณหญิงป้าจะแย่แต่ก็ยังหางานไม่ได้ ส่วนพันดาวไม่ได้จริงจังกับการหางานเพราะตั้งใจจะหาความฝันตัวเองให้เจอก่อน กอกานต์จึงเป็นคนแรกที่หางานได้ก่อนใครในกลุ่ม

กอกานต์ไม่เถียงศตารีว่าโชคดีจริงๆ นั่นล่ะ อยู่ดีๆ กอกานต์ที่นึกอยากไปเดินเปิดหูเปิดตาในห้างสรรพสินค้าวัสวาใหญ่ไฮโซเพิ่งเปิดสาขาใหม่แถวบ้าน เธอไม่ได้ตั้งใจไปหางาน แต่พอเดินผ่านเคาน์เตอร์รับสมัครงานของห้างสรรพสินค้าวัสวา กอกานต์ได้รับการเชิญชวนจากเจ้าหน้าที่ให้ลองกรอกข้อมูลประวัติทิ้งเอาไว้ วันต่อมาทางห้างวัสวาก็เรียกไปสัมภาษณ์ก่อนเช้าวันนี้จะแจ้งว่าเธอได้เข้าทำงาน!

“ในรายละเอียดคุณสมบัติที่เขียนไว้ก็บอกชัดๆ ว่า ไม่ต้องมีประสบการณ์ก็ได้ เขาอาจจะยอมให้โอกาสคนจบใหม่ก็ได้นะ”

กอกานต์ตอบตามสิ่งที่บอกไว้ในรายละเอียดรับสมัครพนักงานประจำฝ่ายออกแบบศิลป์ ซึ่งมีหน้าที่ต้องดูทั้งสิ่งพิมพ์ สื่อโฆษณาบนโทรทัศน์ อินเตอร์เน็ต รวมถึงด้านการถ่ายภาพด้วย กอกานต์อาจเคยฝึกงานบริษัทโปรดักชั่นสร้างโฆษณามาก่อน แต่เธอก็ต้องเรียนรู้งานใหม่หมดอยู่ดี คาดว่าที่วัสวาคงมีคนสอนงานให้

แต่น่าแปลก พอศตารีทักขึ้นมา กอกานต์เพิ่งนึกออกว่ามีหนึ่งคุณสมบัติข้อหนึ่งซึ่งไม่ได้แจ้งไว้บนใบประกาศ ผู้ชายผิวเข้มๆ ชื่อแทนไทคนนั้นถามเธอออกมา

‘คุณกลัวอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ’

อารมณ์จะเหมือนชวนคุยเล่น กอกานต์ตอบสิ่งที่กลัวไปตามตรง สองสิ่งที่เธอไม่ชอบเอาเสียเลย

‘ตุ๊กแก กับสุนัขค่ะ’

เวลานั้นกอกานต์ก็สัมผัสได้ว่าเขารอฟังคำตอบจริงจังชอบกล ไม่เหมือนคนชวนคุยเล่นเลย

“แก้ม!” เสียงเรียกของพันดาวปลุกกอกานต์ออกจากความคิด พันดาวและศตารีจ้องเธอเขม็ง “เป็นอะไรไป ทำไมทำหน้าแบบนั้น มีอะไรหรือเปล่า” พันดาวเอ่ยถาม

กอกานต์รู้สึกตัว แต่เลือกตอบคำถามเลี่ยงๆ แทนความจริง

“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก แค่กังวลขึ้นมาน่ะว่าจะทำงานได้หรือเปล่า” ทั้งที่ในใจยังคิดเรื่องที่สงสัยค้างอยู่

คงเพราะกอกานต์ไม่รู้จะเริ่มเล่า หรืออธิบายให้เพื่อนฟังอย่างไร จึงคิดเก็บความแปลกใจเอาไว้ก่อน ตัดสินใจว่าถ้าเจออะไรแปลกๆ ค่อยเล่าทีเดียวก็แล้วกัน



ยามเช้าของบ้านวัสวาธีรนนท์ อนงค์นาง วัสวาธีรนนท์นั่งรับประทานอาหารเช้าที่โต๊ะรับประทานอาหารแบบกลมเพียงลำพัง

แม้เวลานี้อนงค์นางจะอายุห้าสิบห้าปี หากความสวยและร่างกายก็แข็งแรงกว่าวัย อนงค์นางมีรูปร่างตัวเล็ก โครงหน้าเล็ก ผมสั้นบ๊อบทำสีน้ำตาลแดง เธอยู่ในชุดกระโปรงสีเขียวเข้มตัดกับผิวขาวเนียนละเอียด ยังสวยไม่สร่างขนาดตอนสามีตายได้สองสามปี อนงค์นางต้องทำงานพบเจอผู้คน มีผู้ชายมาจีบอนงค์นางมากมาย แต่นางก็เข็ดหลาบกับนิสัยไม่ยอมพอของพวกผู้ชายเสียแล้ว อีกอย่างนางอยากจะทุ่มเวลาและทุกอย่างกับการเลี้ยงลูก ทำธุรกิจมากกว่า

พอภาสวินท์เรียนจบก็มาช่วยงานเธอที่ห้างฯ อนงค์นางจึงทำงานเบาลงเยอะเลย นางอยากจะให้ภาสวินท์นั่งแท่นคุมห้างวัสวาแทนเธอตั้งแต่ตอนนี้เลยด้วยซ้ำ

ห้างวัสวา เป็นห้างที่ ภาสกร สามีของอนงค์นาง ร่วมกับนางก่อตั้งมาเมื่อสามสิบปีก่อน อายุของห้างเกือบเท่าลูกชายคนเล็กนั่นคือภาสวินท์ วัสวาธีรนนท์

อนงค์นางร่วมมือกับภาสกรพัฒนาจาก ‘วัสวาพาณิชย์’ ห้องเช่าเล็กๆ มาเป็นตึกใหญ่โต กระทั่งพัฒนาได้สามสาขาใหญ่เมื่อสิบห้าปีก่อน แต่ด้วยพิษเศรษฐกิจ ทำให้เงินไม่พอสำหรับสาขาที่สี่ของห้าง ทั้งยังเป็นหนี้อีกสามสิบกว่าล้าน

ภาสกรเครียดจัด ใจด่วนคิดสั้นจากไปอย่างไม่คิดถึงคนข้างหลัง ทิ้งให้อนงค์และลูกชายสองคนผจญกับหนี้กองโต ต้องขายบ้านขายทุกอย่างเพื่อให้รอด ยุบจากสามสาขาเหลือเพียงสาขาเดียว นับเป็นข่าวใหญ่ในช่วงสิบห้าปีก่อนทีเดียว

ช่วงเวลานั้นอนงค์นางก็แทบแย่กับหนี้สินอยู่แล้ว ยังต้องปวดร้าวใจกับข่าวฉาวอีก เพราะการตายขอสามี ทำให้อนงค์นางได้รู้ความจริง ภาสกรแอบมีภรรยาน้อยมาหลายปีแล้ว!

มีหลักฐานว่าบิดาโอนเงินจำนวนมากให้ผู้หญิงคนหนึ่งทุกๆ เดือน

อนงค์นางไม่มีเวลาเสียใจกับเรื่องสามีมากนัก เธอเลือกจะทำงาน และจากความขยัน บวกการได้รับความช่วยเหลือจากคนสนิท ทำให้สามารถพลิกฟื้นกิจการครอบครัวขึ้นมาอีกครั้งจนได้ ได้บ้านหลังใหญ่กลับคืนมาอาศัยอยู่ และส่งลูกชายคนเล็กเรียนหนังสือจนจบปริญญาโทที่ต่างประเทศ

“อรุณสวัสดิ์ครับแม่” ลูกชายคนเล็กในชุดพร้อมออกไปทำงานก้มลงหอมแก้มมารดาทักทายทุกเช้า ก่อนจะอ้อมไปนั่งเก้าอี้ข้างๆ

“เมื่อคืนกลับดึกหรือวินท์ แม่หลับไปก่อนจะได้ยินเสียงรถของเราอีกนะ อย่าหักโหมงานมากนะลูก” อนงค์นางถามอย่างเป็นห่วง นางเหลือเพียงแค่ลูกชายที่เป็นแก้วตาดวงใจแล้ว

“ครับ” ภาสวินท์ตอบยิ้มๆ

“แต่แม่ได้ยินแทนบอกว่าวินท์ได้พนักงานออกแบบมาช่วยแล้ว งานลูกน่าจะเบาลงบ้างใช่ไหม” คำบอกเล่าจากมารดา ทำให้ภาสวินท์หันไปมองแทนไทยืนเงียบๆ ที่มุมห้องเพื่อรอไปทำงานพร้อมเขา ภาสวินท์ไม่ได้ไม่พอใจอะไร เพราะอย่างไรแม่ก็ถามแทนไทเกี่ยวกับเขาทุกเรื่อง และแทนไทก็ไม่มีทางปิดบังผู้บริหารใหญ่แห่งวัสวาได้อยู่แล้ว

“ดีแล้วนะ หวังว่าคราวนี้จะไม่เจอคนเหลาะแหละเข้านะ มาทำงานแป๊บๆ ก็หายหัวไปเนี่ย” ว่าแล้ว อนงค์นางก็ไม่พอใจขึ้นมา

การยกโขยงลาออกของพนักงานฝ่ายศิลป์ประจำสำนักงานใหญ่สร้างภาระให้ลูกชายเธอมาก

ตอนแรกก็คิดว่าพวกพนักงานจะต่อรองอะไรกับทางฝ่ายบริหารหรือไม่ แต่อนงค์นางกับลูกชายก็เห็นว่าเงินเดือน ค่าล่วงเวลาของที่วัสวามากกว่าที่อื่นค่อนข้างเยอะ กระทั่งซักไซร้ได้ความจริง อนงค์นางถึงกับไม่ง้อพวกพนักงานเหล่านั้น

‘ผีเผอบ้าอะไร ฉันอยู่มาตั้งเป็นสิบปี ทำงานค้างคืนก็บ่อยไม่เคยเจออะไรแบบที่พวกนั้นพูด ถ้าคิดจะเอาเรื่องนี้มาเรียกร้องเงินเพิ่มล่ะก็ ฉันไม่ง้อหรอกนะ! คนหางานมีเยอะแยะไป!!’

คนหางานมีเยอะก็จริง น่าแปลกที่หาคนมีคุณสมบัติเหมาะสมถูกใจแม่ลูกแห่งวัสวายากเสียจริง พอลองรับมาทำงาน ก็ทำได้วันสองวันก็หายหัวไปกันหมด ตอนนี้อาจจะจ้างบริษัทออกแบบข้างนอกทำงานให้ แต่ภาสวินท์ให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์ของห้างสรรสินค้ามากจนไม่ไว้ใจให้พนักงานทั่วไปมาตัดสินใจงานออกแบบ เรียกได้ว่าส่วนใหญ่ภาสวินท์รับมาดูแลเองเกือบหมด

แถมไม่มีใครอยากจะเข้าไปนั่งทำงานในห้องประจำแผนกศิลป์อีกต่างหาก

“ครับแม่ คราวนี้สกรีนอย่างดีเลยครับ” ภาสวินท์พยายามยิ้มให้แม่เห็น แม้ในใจจะกังวลว่าพนักงานใหม่ในฝ่ายออกแบบจะทนอยู่ได้นานหรือเปล่า เขาไม่อยากกลับไปลุยงานคนเดียวอีกแล้ว

ระดับภาสวินท์อาจจะเรียกพนักงานอื่นมาทำแทนเขาได้ หากระดับฝีมือก็ยังไม่ถึง ขาก็มีงานบริหารอื่นๆ รอจัดการอยู่ด้วย ภาสวินท์ยอมรับว่าถ้าให้ดูทั้งหมดคนเดียว เขาทำงานไม่ทันจริงๆ

“ทำไมเด็กสมัยนี้ถึงได้ไร้ความรับผิดชอบกันนัก” อนงค์นางหมายถึงพวกพนักงานใหม่ที่อยู่ได้ไม่นาน

“จะว่าไปก็มีปัญหานี้เฉพาะแผนกออกแบบนะครับท่านปะธาน” แทนไทออกความเห็น “ผมเห็นแผนกอื่นก็ทำงานกันได้นาน หรือเราควรเปลี่ยนที่นั่งให้แผนกดีครับ”

“แต่ผมอยากให้อยู่แถวๆ หน้าห้องที่ผมนั่งแบบนี้นะแทน อีกอย่างผมก็ไม่เห็นเคยเจออะไรอย่างที่พวกนั้นเจอเลย หรือว่านายเคยเจอน่ะแทน” ภาสวินท์ไม่อยากจะเชื่อเรื่องงมงาย เพียงแต่ได้ยินมาจากหลายคนเหลือเกิน เขาเติบโตมากับสำนักานใหญ่ของห้างวัสวา ไม่มีอะไรน่ากลัวเลย

“ผมไม่เคยเจออะไรครับ” แทนไทตอบเสียงแผ่ว ที่ไม่แน่ใจก็เพราะไม่เคยเจอกับตาตัวเอง แต่ก็ได้ยินจนรู้สึกกลัวๆ ไปด้วยแล้ว

“ไร้สาระจริงๆ” อนงค์นางส่ายหน้าไปมา บทสนทนาหยุดลงเพราะสองแม่ลูกต่างยกเครื่องดื่มขึ้นจิบ และอนงค์นางก็เป็นคนพูดขึ้นอีกครั้ง

“เรื่องพี่ชายลูก แม่คิดว่าจะส่งไปอยู่กับยายที่ต่างจังหวัด”

ภาสวินท์ขมวดคิ้ว ไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของมารดา

“ผมจะดูแลเรื่องพี่วัสร์เองครับแม่ แค่นี้พี่วัสร์ก็น่าสงสารมากแล้ว แม่อย่าขับไล่พี่วัสร์ไปไกลเราเลยครับ”

“แต่เรื่องตาวัสร์อาจจะทำให้ลูกเสียความน่าเชื่อถือนะ” อนงค์นางอาจจะใจร้ายกับ ภาสวัสร์ ลูกชายคนโตที่อายุมากกว่าภาสวินท์แค่ปีเดียวไปบ้าง เธอแทบไม่เคยเอ่ยถึง หรือพูดถึงให้คนนอกครอบครัวได้ยินเลย

แต่เวลานี้ อนาคตของภาสวินท์และห้างสรรพสินค้าก็สำคัญเช่นกัน

“อีกอย่างถ้าคุณเดชากับหนูนิกกี้รู้ว่าตาวัสร์เป็นยังไง เขาอาจจะ …” แล้วอนงค์นางก็กังวลเรื่องคู่หมั้นหมายของภาสวินท์อีก อาจจะรับเรื่องภาสวัสร์ไม่ได้ก็เป็นได้

“ทุกวันนี้แทบไม่มีใครรู้แล้วนะครับว่าผมยังมีพี่ชายอีกคน ลุงเดชาเองก็คิดว่าพี่วัสร์ตายไปแล้วด้วยซ้ำ แม่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมจะดูแลเรื่องพี่วัสร์เอง นิกกี้จะไม่มีทางรู้เรื่องพี่วัสร์หรอกครับ”

“วิธีไหนน่ะลูก” อนงค์นางสงสัย หากลูกชายก็ไม่ยอมเฉลย

ภาสวินท์วางถ้วยกาแฟที่ดื่มหมดแล้วลงบนโต๊ะ แล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เอ่ยกับมารดาสุ้มเสียงอ่อนโยน

“ผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ”

เมื่อมารดาพยักหน้าตอบก็เดินออกจากห้องรับประทานอาหารไปพร้อมแทนไท เลขาฯ หนุ่มวัยเดียวกัน

“เดี๋ยวแทน” ภาสวินท์ยังไม่ไปขึ้นรถยนต์ซึ่งจอดรถที่หน้าบ้าน แต่กลับรั้งแทนไทไว้ พอแทนไทถามกลับผ่านสายตาที่สงสัย ภาสวินท์จึงบอกอีกฝ่าย

“ผมขอไปหาพี่วัสร์ก่อน”

“ยังเช้าอยู่เลย คุณวัสร์น่าจะยังไม่ตื่นนะครับ” แทนไทคาดเดาจากการได้อยู่ใกล้ครอบครัวนี้มาตั้งแต่เด็ก พ่อของแทนไทก็ทำงานให้วัสวาเช่นกัน เพียงแต่เวลานี้พ่อของแทนไทเกษียณไปพักผ่อนที่บ้านสวนย่านชานเมืองแล้ว

“ก็ได้ งั้นไปเถอะ” ภาสวินท์อยากเจอพี่ชายก็จริง แต่ก็ยอมตัดใจไม่ขึ้นไปห้องนอนพี่ชาย การเจอภาสวัสร์ตอนยังไม่ตื่นไม่ใช่เรื่องดี น่ากลัวจะทะเลาะกันมากกว่า

ชายหนุ่มหวังว่าจะสามารถแก้ปัญหาภาสวัสร์ ซึ่งเป็นพี่ชายเพียงคนเดียวของเขาได้ในสักวันหนึ่ง เขาจะได้รู้สึกผิดกับพี่ชายน้อยลงบ้าง

แทนไทเห็นเจ้านายทำหน้าเครียดตรงเบาะด้านหลัง ผ่านกระจกมองหลังตลอดเวลาที่นั่งรถ จึงพยายามหาเรื่องคุย

“ผมว่าถึงแม้คุณกอกานต์จะไม่มีประสบการณ์การทำงาน แต่ดูทรงแล้วน่าจะสู้ไหวนะครับ ท่าทางพลังงานจะเหลือล้น”

“เธอบอกว่าไม่ได้ยินเสียงดนตรีในห้องคุณพ่อเหมือนคนก่อนหน้าคนอื่นๆ ทั้งที่ไม่มีใครเปิดเพลงอะไร ผมฟังไม่ผิดไปเองใช่ไหม” ภาสวินท์นึกถึงวันสัมภาษณ์หญิงสาว แววตาใสซื่อ ไม่ได้ตื่นกลัวอย่างคนอื่นๆ ไม่น่าจะโกหกเขา

“ครับ เธอทำหน้าตาสบายมากตอนอยู่ในห้องอดีตท่านประธาน” แทนไทยืนยันได้ยินเหมือนกัน

“แทน ผมขอสั่งลงไป ห้ามพนักงานทุกคนพูดเรื่องเก่าๆ สาเหตุที่แผนกออกแบบพากันลาออกอีก ใครพูด ผมจะไล่ออกถือเป็นความผิดขั้นร้ายแรง ผมไม่อยากเสียเวลาไปนั่งสัมภาษณ์ใครอีกแล้ว” ภาสวินท์หวังว่าจะได้คนทำงานให้เขาเสียที!



คล้อยหลังลูกชายคนเล็กออกจากบ้าน อนงค์นางก็ขึ้นไปดูลูกชายคนโตที่ห้องด้านหลัง ซึ่งเป็นห้องที่ไกลที่สุดของบ้าน ห้องที่ยื่นออกไปในสวนสีเขียว มีสองชั้น ด้านล่างกรุกระจกที่หนาที่สุด ส่วนด้านบนเห็นห้องนอนเงียบสงบ ห้องด้านหลังถูกตกแต่งสวยงามน่าอยู่ สะดวกสบายเหมือนบ้านหลังน้อยๆ เพื่อชดเชยความรู้สึกผิดที่อนงค์นางมีต่อลูกชายคนโตวัยสามสิบเอ็ดปี

ภาสวัสร์ยังคงนอนหลับอยู่บนเตียง ณ ชั้นบน อาหารเช้าถูกนำมาวางไว้บนโต๊ะปลายเตียงไร้การถูกแตะต้องใดๆ แปลว่าเจ้าตัวน่าจะยังไม่ตื่น

“วัสร์ แม่ขอโทษนะลูก”

อนงค์นางยืนพิศมองใบหน้าหล่อแบบอ่อนหวานเหมือนผู้หญิง นอกจากร่างกายสัดส่วนสูงเหมือนคนน้องแล้ว ภาสวัสร์ก็ไม่เหมือนน้องชายสักนิด ไม่เหมือนภาสวินท์ คนน้องได้โครงหน้าถอดแบบสามีมาราวกับฝาแฝด ดวงตาของภาสวัสร์ปิดสนิท เห็นขนตายาวงอนสงบนิ่ง จมูกโด่งรับกับริมฝีปากบางเฉียบ ผิวพรรณขาวกว่าภาสวินท์

จิตใจก็ไม่เข้มแข็งเหมือนภาสวินท์อีกด้วย

เมื่อแม่อยากจะลูบหน้าผากลูกชาย แต่กลับยั้งมือไว้ เอาแต่มองลูกชายอย่างเจ็บปวด สงสาร และโกรธแค้น สุดท้ายก็เลือกจะหนีออกจากห้องด้านหลังไปด้วยอาการรับความจริงไม่ได้



จบตอน


ความลับเรื่องพี่วัสร์คืออะไรกันน้า
แล้วพี่วินท์จะปิดเรื่องผีกับพนักงานใหม่ได้ไหมน้าา


คุณแว่นใส - ยังสงสัยไปอีกหน่อยนะคะ ^^

คุณ kaelek - สวัสดีค่า ดีใจที่ได้คุยกันอีกนะคะ 5555


พบกันใหม่ตอนหน้าค่า



ปิ่นนลิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ก.ค. 2560, 02:33:17 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ก.ค. 2560, 02:42:29 น.

จำนวนการเข้าชม : 909





<< บทนำ   ตอนที่ 2 >>
แว่นใส 12 ก.ค. 2560, 06:47:41 น.
บ้านนี้ลึกลับแฮะ


kaelek 12 ก.ค. 2560, 08:26:20 น.
อยากรู้เรื่องพี่วัสร์อ่าา.. ลุงคนนั้นที่แก้มเห็นคือพ่อพี่วินท์ชัวร์


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account